10 โจรสลัดในตำนาน ที่เคยยึดครองท้องทะเลในอดีต จนถูกเล่าขานมาถึงปัจจุบัน…

ในสมัยก่อนนั้น สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของชาวเรือนอกจากคลื่นลมทะเลแล้ว ตำนานและเรื่องเล่าของเหล่าโจรสลัดสุดโหดเหี้ยมผู้ยึดครองน่านน้ำนั้นก็ราวกับเป็นปีศาจร้ายที่หลอกหลอนพวกเขาตลอดการเดินเรือ

วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มี 10 เรื่องเล่าและตำนานของเหล่าโจรสลัดผู้ที่เคยยึดครองมหาสมุทรก่อนที่โลกสมัยใหม่จะทำให้พวกเขาเลือนหายไป แน่นอนว่าเมื่อเรื่องเล่าถูกกล่าวขานผ่านการเวลา ย่อมมีทั้งเรื่องที่จริงและแต่งเติมเสริมขึ้นตามยุคสมัย และนี่คือเรื่องราวของพวกเขา…

 

Edward Teach ผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1716–1718

1

เขาถือว่าเป็นโจรสลัดที่อยู่ในระดับ ‘ตำนาน’ ผู้ได้รับสมญานามจากทหารเรือและคนทั่วไปว่า Blackbeard หรือ หนวดดำนั่นเอง กัปตันของหนึ่งในเรือที่มีผู้หวาดกลัวที่สุดนามว่า Queen Anne’s Revenge

ทุกๆ ครั้งที่เขาก้าวเข้าสู่สมรภูมิเพื่อไปสู้รบบนดาดฟ้าเรือลำอื่น เขาจะแต่งตัวด้วยชุดสีดำทั้งหมด พร้อมกับหมวกสีดำใบโต ปืนพกที่แขวนไว้เต็มหน้าอกราวกับเป็นเกราะ นำฟิวส์มาติดบริเวณหนวดและผมอันพุรุงพะรังแล้วให้มันไหม้อย่างช้าๆ เพื่อข่มขวัญศัตรู

แต่กระนั้นเขากลับพบจุดจบที่น่าสยดสยอง ถูกล้อมจับโดยเรือรบใหญ่ของราชนาวีสองลำ เขาถูกทหารตัดหัวเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสามารถกำจัดเขาได้แล้ว ว่ากันว่าพอตัวของเขาถูกโยนลงน้ำ ร่างที่ไร้หัวนั้นยังสามารถว่ายได้รอบเรืออีกสามรอบเลยทีเดียว

 

Henry Morgan ผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1663–1671

2

Henry Morgan สร้างชื่อด้วยการเป็นกองเรืออิสระที่รบกับอาณาจักรสเปนอย่างดุดัน นอกจากนี้เขาก็ยังบุกปล้นอาณานิคมของสเปนทั่วทั้งแคริบเบียน จนชื่อของเขานั้นเป็นที่เกรงกลัวของเหล่านายเรือสเปนไปทั่วน่านน้ำ ซึ่งตอนนั้นสเปนเป็นศัตรูกันกับจักรวรรดิอังกฤษ

ด้วยเกรงการถูกยึดอาณานิคมในจาไมก้า จักรวรรดิอังกฤษเลยได้มอบเรือรบให้ Morgan หลายลำเพื่อไปจู่โจมกองเรือสเปนซะก่อน รางวัลของการรบก็คือชื่อเสียง การได้ฆ่าคนเล่นๆ และทองหรือของมีค่าทุกชนิดที่สามารถยึดมาได้ (แน่นอนว่ามีหรือที่เขาจะไม่รับ)

เขาได้นำกองเรือนั้นบุกอาณานิคมของสเปนเกือบทั้งหมด ก่อนที่จะเกษียณตัวเอง เลิกรับงานจากอังกฤษและหายลับไปในที่สุด

 

Bartholomew Roberts ผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1719–1722

3

เป็นที่รู้จักกันในนามว่า Black Bart (มาจากชื่อย่อของเขา) คือหนึ่งในโจรสลัดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคของเขาเลยก็ว่าได้ เพราะเขาสามารถยึดเรือได้ทั้งหมดกว่า 470 ลำตลอดการออกล่า

ชื่อเสียงของเขานั้นเกรียงไกรจนเป็นที่กล่าวขานทั้งในกลุ่มชาวเรือและทหารเรือเองก็ตามจนมีคนคิดว่าเขา ‘ฆ่าไม่ตาย’ เลยทีเดียว แต่สุดท้ายเขาก็เสียชีวิตในการรบ ด้วยการโดนลูกหลงกระสุนปืนเข้าที่ลำคอ ปิดตำนานของเขาไปในที่สุด

 

Henry Avery ผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1694–1696

4

ถึงแม้ชีวิตการเป็นโจรสลัดของเขานั้นจะสั้นเพียงสองปีเท่านั้น แต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จมากมาย โดยเฉพาะการหยุดเป็นโจรสลัด พร้อมทั้งกวาดทรัพย์สิน แถมยังไม่ถูกจับอีกต่างหาก

แรกเริ่มเดิมทีเขาทำงานเป็นทหารเรือ แต่เขากลับรู้สึกว่าเขาถูกกดขี่และได้รับเงินไม่เพียงพอสำหรับการเลี้ยงชีพ เขาเลยออกมาเป็นโจรสลัดพร้อมกับขนานนามตนเองว่า กัปตัน Henry (ทั้งๆ ที่ไม่มีเรือเลยด้วยซ้ำ)

จนเขาก็หาเรือได้ จนได้เป็นกัปตันเรือโจรสลัดในที่สุด และออกปล้นทรัพย์สินมีค่ามากมายเป็นกอบเป็นกำก่อนที่จะหนีหายไปโดยไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหน

 

William Kidd ไม่ทราบช่วงที่มีชีวิตอยู่…

5

William Kidd เป็นโจรสลัดที่มีชีวิตที่น่าสนใจมาก เพราะตลอดเวลาเขามักไม่แน่ใจเสมอว่าเขาเป็น ‘โจรสลัด’ ที่แท้จริงหรือเปล่า แรกเริ่มเขาคือกัปตันฝึกหัดในการไล่ล่าโจรสลัดส่งให้กับทางการ (ออกปล้นฝ่ายตรงข้ามด้วยเองในบางครั้ง) แต่พอพบกับความล้มเหลว เขาก็รู้สึกละลายใจ และนั่นอาจจะทำให้เขามุ่งหน้าเข้าสู่การเป็นโจรสลัดเต็มตัว

ตอนที่เขาเดินทางกลับอังกฤษเพื่อไปหาลูกเมียของเขานั้น เขาถูกตราหน้าว่าเป็นโจรสลัดเสียแล้ว และสุดท้ายเขาก็ถูกจับและประหารชีวิต ร่างของเขาถูกแขวนไว้ที่แม่น้ำเทมส์ในลอนดอนเพื่อเป็นการเตือนใจเหล่าโจรสลัดทั้งหลาย

 

Samuel Bellamy ผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1716 – วันที่ 26 เมษายน 1717

6

เขาได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘เจ้าชายโจรสลัด’  เพราะตลอดเวลาที่เขาปล้นชิงมาได้ เขามักจะแบ่งปันทรัพย์สินให้กับเหล่าผู้ยากจนเสมอ ชีวิตการเป็นโจรสลัดของเขานั้นน้อยกว่า 1 ปีซะอีก แต่ลูกเรือและผู้คนต่างรักและชื่นชมเขาสุดๆ

เขาให้ความเป็นธรรมกับลูกเรือโจรสลัดของเขา และปฏิบัติอย่างดีกับเรือที่เขายึดได้ แต่โชคร้าย สุดท้ายเรือและลูกเรือของเขา สูญหายไปในก้นทะเลลึกเพราะเจอกับพายุขนาดมหึมา

 

Charles Vane ผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1716–1719

7

ต่างกับ Bellamy อย่าลิบลับ Charles ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่กระทำชั่วร้ายที่สุดต่อทั้งผู้ที่เขาจับตัวได้และแม้แต่ลูกเรือของเขาเองก็ตาม และนั่นคือที่มาของจุดจบของเขา เพราะการปฏิบัติที่ไม่ดีกับลูกเรือแม้แต่น้อย ลูกเรือจึงรวมหัวทรยศเขา เขาถูกจับได้และถูกแขวนคอในที่สุด

 

Edward Low ผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1721—1724

8

โจรสลัดผู้ใช้ธง ‘กระโหลกแดง’ ทุกๆ ครั้งที่มีผู้เห็นธงนี้ตรงปลายขอบฟ้า นั่นหมายถึงจุดจบของเรือและลูกเรือลำนั้น เขามักทรมานเหยื่อของเขาเสมอก่อนที่จะสังหาร

ตลอดการเป็นโจรสลัดของเขา เขายึดเรือได้ทั้งหมด 20 ลำ และไม่เคยปรานีเหยื่อเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะผู้ที่ต่อต้านเขา จะได้รับการทรมานอย่างแสนสาหัส

สุดท้ายเขาถูกลูกเรือทรยศเพราะว่าเขาเกิดทะเลาะกับลูกเรือคนหนึ่ง เขาถูกแอบสังหารเขาตอนหลับอยู่ แต่ก็รอดชีวิตแบบสะบัดสะบอม สุดท้ายเขาถูกพบตัวโดยทางการฝรั่งเศสและถูกประหารในเวลาต่อมา

 

Stede Bonnet ผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1717–1718

9

อีกหนึ่งผู้ได้รับฉายาว่าสุภาพบุรุษโจรสลัดแห่งท้องทะเล ก่อนที่จะเป็นโจรสลัดนั้นเขาเป็นชายผู้มั่งมีมาก่อน แต่เขาเกิดอยากเป็นโจรสลัดขึ้นมาก็เพราะว่าเขาอยากผจญภัย…ก็เท่านั้นเอง

เขาจ่ายเงินเพื่อสร้างเรือและจ้างคน 70 คนมาเป็นลูกเรือ พอออกเรือได้เท่านั้นแหละ เขาก็ผันตัวเป็นโจรสลัดทันที ยึดเรือได้หลายลำ ก่อนไปร่วมมือกับโจรสลัดหนวดดำผู้เป็นตำนานอยู่ช่วงหนึ่ง ทั้งคู่ยึดเรือได้อีกเป็นจำนวนมาก

ต่อมาเขาดันเดินเรือผิดพลาด เผชิญเข้ากับกองเรือของสเปนเข้า ทั้งฝ่ายสเปนและเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก ก่อนที่เขาจะถูกจับและประหารชีวิตในที่สุด

 

Calico Jack ผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1718–1720

10

Calico Jack หรืออีกชื่อว่า “Jack” Rackham นั้น เป็นต้นแบบของการออกแบบธงโจรสลัดที่มีดาบไขว้จากสองด้านมาประจบที่หัวกระโหลก สัญลักษณ์ของโจรสลัดจนถึงทุกวันนี้ ถึงเขาจะยึดเรือได้มากมายแต่ดันมีจุดจบที่ไม่สวยสง่านัก

นั่นก็เพราะว่าเขาถูกนักล่าโจรสลัด Jonathan Barnet จับได้ขณะที่แล่นเรือทั้งที่มีอาการเมาอย่างหนักอยู่ เขาถูกส่งตัวไปที่จาไมก้าและประหารชีวิตในเวลาต่อมา..

 

ตำนานของแต่ละคนก็มีเรื่องเล่าที่หลากหลาย แต่สุดท้ายก็จะพบว่า จุดจบของเหล่าโจรสลัดส่วนใหญ่นั้น ไม่สวยงามนักเลย…

emo-144

 

ที่มา: Thechieve

Comments

Leave a Reply