Category: ข่าวคราวรอบโลก

รู้สึกว่าช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครออกมารณรงค์เรื่องการรักษ์โลกเลย วันนี้ #เหมียวสามสี ก็จะมากระตุ้นความรู้สึกรักษ์โลกนี้อีกครั้ง รับรองว่าคุณผู้ชายเห็นแล้วต้องรักษ์โลกแน่นอน โดยปกติของพวกนี้ต้องใช้พรีเซนต์เตอร์เป็นพวกดาราหรือคนที่เรารู้จักในวงกว้างมาเพื่อเป็นกระบอกเสียง แต่ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นคิดไปไกลกว่าเดิม เมื่อได้เชิญเอาดาราเอวีหรือนางเอกหนังโป๊มาทำการรณรงค์นั่นเอง อย่ารอช้า เราไปพบกันเธอคนแรกกัน เธอชื่อว่า Masami Ichikawa มาในธีม “ก่อนจะไป ช่วยถอดหน่อยได้มั้ยคะ”   เพราะมันเป็นทางหนึ่งที่จะช่วยให้ท่านประหยัดไฟนั่นเอง   คนที่สอง Mana Sakura มาในธีม “เทคนิคพิเศษที่จะทำให้ขึ้นถึงจุดสุดยอดหลายครั้ง”   อย่าเพิ่งคิดลึกไปไกล อันนี้หมายถึงเวลาปลูกอะไรเนี่ย รากของพืชบางชนิด ถ้าเราไม่ได้เอามาใช้ทำอาหาร สามารถเอาใส่น้ำในโถ เพื่อให้มันงอกออกมาใหม่ได้เรื่อยๆ (แต่ในตัวอย่างมันเป็นพืชของญี่ปุ่น)   คนถัดมา Misa Suzumi มาในธีม “ทำบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชิน”   ปกติเราจะซื้อน้ำขวดกันใช่มั้ย แต่มันจะเพิ่มปริมาณพลาสติกนะ ทางที่ดีหากระบอกน้ำใส่ดีกว่า (ว่าแต่ซิปมันช่าง…)   คนสุดท้าย  Marina Shiraishi มาในธีม “ขอสดๆ ไม่ถุงได้มั้ยคะ”   เวลาไปร้านสะดวกซื้อ เขามักจะเอาของใส่ถุงพลาสติกให้ ซึ่งเป็นขยะที่รกเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราควรเอาถุงไปเอง หรือถ้าของน้อยก็ไม่ต้องขอถุงก็ได้   เป็นไงล่ะ…

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2559 ทางสำนักข่าว Dailymail ได้เผยภาพ และคลิปวีดีโอเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทของคู่รักคู่หนึ่ง ในเมืองเยคาเตรินบุร์ก ทางตะวันออกของประเทศรัสเซีย ซึ่งจากภาพเราจะเห็นได้ว่า ทั่งคู่กำลังยืนทะเลาะกันอยู่ จนกระทั่งฝ่ายหญิงทนไม่ไหวเธอเลยตบหน้าแฟนหนุ่ม พร้อมทั้งตะโกนต่อว่าเป็นเวลานานหลายนาที ก่อนที่เธอจะพยายามเปิดประตูรถเพื่อขับออกไป แต่แฟนหนุ่มก็มารั้งเอาไว้ซะก่อน     เหตุการณ์ดูเหมือนกำลังเริ่มคลี่คลาย แต่จู่ๆ ชายหนุ่มคนดังกล่าวกลับชกเข้าที่ใบหน้าของแฟนสาวหลายต่อหลายครั้ง จนเธอทรุดลงไปนอนบนพื้นถนนกลางลานจอดรถ     ในขณะนั้นมีหญิงสาวที่เห็นเหตุการณ์ ก็ได้เข้ามาพยายามห้ามปราม แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะชายหนุ่มได้ผลักหญิงคนดังกล่าวออกไป พร้อมทั้งดึงเสื้อแฟนสาวให้ลุกขึ้น ก่อนบังคับให้เธอของเขากลับเข้าไปภายในรถ และขับออกไปในที่สุด     หลังจากที่คลิปวีดีโอเหตุการณ์ทะวิวาทของคู่รักคู่นี้ ได้ถูกนำไปเผยแพร่ลงในโลกโซเชียล บรรดาชาวเน็ตต่างก็พากันเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย แถมยังมีการถกเถียงกันไปกันมาว่าใครผิดหรือถูกกันแน่ ซึ่งบางคนก็บอกว่า ฝ่ายชายโดนมาขนาดนี้ คงทนไม่ไหวก็คงจะโกรธเป็นธรรมดา ส่วนบางรายก็บอกว่าถึงอย่างไรเขาก็ไม่ควรทำร้ายผู้หญิงอยู่ดี ที่มา : dailymail

ถ้าจะพูดถึงความฝันของสาวๆ หลายคนก็คงเป็นการได้ไปเที่ยวรอบโลกกับแฟนหนุ่มและแชะภาพสวยๆ มาไว้เป็นความทรงจำร่วมกัน เหมือนกับอินสตาแกรมของหนุ่มคนนี้ Murad Osmann กับแฮชแท็กสุดเจ๋ง #FollowMeTo นั่นเอง ถ้าใครยังนึกภาพไม่ออกล่ะก็ เจ้าหนุ่มที่ถ่ายรูปด้านหลังของแฟนสาวในสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ นั่นแหละ ซึ่งวันนี้ #จ่าสิบเหมียว จะพาเพื่อนๆ ไปชมเบื้องหลังภาพอันแสนสวยเหล่านั้นกัน!!!   Murad Osmann กับภรรยาของเขา Nataly ที่ถ่ายภาพสวยๆ ออกมาเป็นซีรีย์จนโด่งดังไปทั่วโลก   เขาค่อนข้างชื่นชอบประเทศอินเดียเอาซะมากๆ เลยทีเดียว มีเซ็ทในประเทศนี้เยอะมาก   วันนี้เราจะพาไปดูเบื้องหลังของภาพเหล่านั้นกันล่ะ   เทศกาล Holi สุดสวย   Osmann หนุ่มผู้เดินทางตามเมียไปรอบโลกของเรานั่นเอง นอกจากหลังภรรยาแล้วเขาก็ถ่ายภาพอย่างอื่นด้วนะเออ ฮร่าาาา   เซ็ทฉาก เซ็ทโลเคชั่นซะก่อน   และนี่คือภาพที่ได้ออกมาให้เราได้อิจฉากันเล่นๆ   แน่นอนว่าหลังจากนั้นเขาก็นำภาพสวยๆ เหล่านี้ไปลงในเว็บไซต์และอินสตาแกรมของเขา   Nataly ภรรยาสุดสวยของเขาที่เป็นนางแบบในซีรีย์รอบโลกชุดนี้ พึ่งได้เห็นด้านหน้าเลยนะเนี่ย   ทุกๆ ภาพต้องมีการทดสอบถ่ายเล่นๆ กันซะก่อน   ก่อนจะได้ภาพสวยๆ แบบนี้มา   และนี่ก็คือเบื้องหลังส่วนหนึ่งของการถ่ายภาพของพวกเขาล่ะ…

หากคุณเคยจินตนาการภาพสึนามิสูงหลายเมตร หรือน้ำท่วมโลกแบบในหนังเรื่อง Deep Impact แล้วเกิดกังวลว่าคุณจะสามารถมีชีวิตรอดจากโลกใบนี้ไปได้อย่างไร วันนี้ #เหมียวฟิ้น มีเทคโนโลยี้ล้ำๆ จะมาแนะนำกันล่ะ     เจ้าเทคโนโลยีที่ว่านี้เป็นแคปซูลผู้รอดชีวิต (Survival Capsule) เจ้าแคปซูลตัวนี้มีลักษณะทรงกลม สามารถนั่งได้ตั้งแต่ 2 – 16 คนเลยทีเดียว มันถูกออกแบบมาอย่างแน่นหนา แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีรูระบายอากาศ ทำให้คุณสามารถหายใจอยู่ในนั้นได้   .   มันถูกเสริมความแข็งแรงด้วยโครงอลูมิเนียมที่หนา 6.35 มิลลิเมตร และลอยอยู่เหนือน้ำได้ ตอนนี้ถูกเล็งให้วางขายที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกๆ เพราะที่นั่นมีเหตุแผ่นดินไหวเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งรุนแรงถึง 8-9 แมกนิจูด อาจก่อให้เกิดสึนามิได้ด้วย     โดยราคาเริ่มต้นของแคปซูลขนาด 2 คนจะอยู่ที่ 13,500 เหรียญดอลลาร์ หรือประมาณ 475,000 บาท แม้จะดูเป็นราคาที่แพงไปสักหน่อย แต่หากเทียบกับชีวิตของคุณแล้ว เท่านี้ก็เป็นราคาที่น่าลงทุนทีเดียว     แต่ก็มีคนตั้งข้อสังเกตไว้มากมายว่า หากเจ้าลูกบอลช่วยชีวิตนี้สามารถใช้ได้จริง แต่ยังไงเราก็ไม่สามารถควบคุมทิศทางของมันได้อยู่ดี มันอาจจะพาคุณลอยออกไปในทะเล จมลงไปใต้น้ำ ติดอยู่บนต้นไม้ หลุดจากสัญญาณ GPS แต่ปัญหาเหล่านี้ก็ถือเป็นปัญหาเบื้องต้นที่เหล่านักพัฒนาต้องเก็บไปคิดและต่อยอดในแคปซูลรุ่นต่อๆ…

ก่อนหน้านี้หลายคนคงประทับใจเรื่องราวของเจ้า สตีวี่ แมวเหมียวตาบอด ผู้ชื่นชอบการเดินทางไปเที่ยวรอบโลกกับเจ้านายกันมาแล้วใช่ไหมละ ในวันนี้เหมียวขี้อ้อน ก็จะขอพาคุณเข้าสู่เรื่องราวการผจญภัยท่องโลกกว้างระหว่างคนกับสัตว์เช่นกัน หากใครที่ได้อ่านเรื่องราวต่อไปนี้ คุณจะต้องประทับใจไม่แพ้เรื่องของสตีวี่เลยละ และนี่ก็คือภาพของ Guirec Soudee หนุ่มชาวฝรั่งเศส วัย 24 ปี มาพร้อมกับบัดดี้มีปีกคู่ใจนั่นก็คือ Monique น้องไก่กุ๊กกุ๊กเพศเมียแสนน่ารัก ที่ชอบเดินทางไปเที่ยวรอบโลกกับนายได้ในทุกๆ ที่     หลายคนกำลังสงสัยว่าเพื่อนรักต่างสายพันธุ์คู่นี้มาเจอกันได้อย่างไร เดี๋ยวเราจะขอเป็นตัวแทนเล่าเรื่องราวของเขาให้ได้ฟังเอง…     ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน Guirec ได้เดินทางไปเที่ยวที่หมู่เกาะคานารี ในประเทศสเปน และนั่นก็ทำให้เขาได้พบเจอกับเจ้าลูกไก่ตัวน้อยตัวหนึ่ง ก็คือเจ้า Monique ยังไงละเหมียว   .   ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาทั้งคู่ก็ได้กลายเป็นคู่หูสุดซ่าส์ ที่พร้อมจะไปไหนไปกันได้ในทุกๆ ที่ นี่แหละคือจุดเริ่มต้นที่นำมาสู่เรื่องราวดีๆ ของทั้งคู่นั่นเอง     ความสุขของ Guirec ก็คือการได้พาไก่แสนรักร่วมออกเดินทางไปผจญภัยในท้องทะเลกับเขา เพื่อที่จะให้มันออกไข่ให้เขากินระหว่างทาง ซึ่งเจ้า Monique ก็กลายเป็นคู่หูร่วมเดินทาง แถมมันยังสามารถปรับตัวในสถานที่ต่างๆ ได้ดีทีเดียว…

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยภาพ พร้อมคลิปวีดีโอเรื่องราวสุดซึ้งระหว่างคน และเจ้าตูบตัวหนึ่ง ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้คนในโลกโซเชียลเป็นอย่างมาก ซึ่งจากภาพเราจะเห็นได้ว่า มีชายหนุ่มชาวอินเดียวัย 28 ปี ผู้ที่นับถือศาสนาซิกข์คนหนึ่ง กำลังช่วยเจ้าตูบสีดำที่ตกลงไปในน้ำคลอง โดยการยอมขัดข้อห้ามศาสนา สละผ้าโพกศีรษะของตัวเอง แล้วใช้ผูกเพื่อดึงเจ้าตูบขึ้นมาจากน้ำ     ชายหนุ่มผู้นี้ ใช้ผ้าโพกหัสผูกไว้ที่ตัวของน้องหมา แล้วค่อยๆ ดึงตัวมันขึ้นมา หลังจากที่เขาได้พยายามอยู่สักพัก เขาก็สามารถช่วยชีวิตเจ้าหมาตัวนี้ขึ้นมาจากน้ำได้อย่างปลอดภัย     นอกจากนี้เขายังได้เผยว่า จริงๆ แล้วเขาว่ายน้ำไม่เป็นเลย แต่เมื่อเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุงดูสุนัขตกน้ำโดยไม่มีใครเข้าไปช่วยเหลือ จึงทำให้เขาต้องรีบลงไปช่วยมัน ซึ่งในตอนที่กำลังเอาผ้าโพกหัวออก คนกลุ่มนั้นคิดว่าเขาไม่เคารพศาสนา แต่เขากลับคิดว่ายังไงก็ต้องช่วยชีวิตมันให้ได้     แม้ว่าภารกิจช่วยเหลือสุนัขในครั้งนี้จะค่อนข้างยากลำบาก แต่เขาก็สามารถช่วยมันขึ้นมาจากน้ำได้อย่างปลอดภัย ต้องขอชื่นชมในความกล้าหาญของชายหนุ่มคนนี้เลยจริงๆ ที่มา : metro

ใครที่กำลังรับชมภาพของเจ้าเสือดำ ที่กำลังเดินดุ่มๆ เข้าหาชายหนุ่มที่กำลังพิงขอบปูนที่อยู่ภายในกรงเสือดำจากด้านหลังอยู่ละก็ คุณอาจจะอยากตะโกนบอกชายคนนี้เหลือเกินว่า เห้ยๆๆ วิ่งออกมา มีเสืออยู่ข้างหลัง แต่ทว่าเรื่องราวมันกลับพลิกล็อคซะอย่างนั้น เพราะแทนที่เจ้าเสือดำจะวิ่งเข้าไปตะครุบเหยื่อตามสัญชาติญาณ แต่มันกลับสร้างภาพความน่ารัก ที่ทำเอาผู้ชมยิ้มไม่หุบ   เจ้าเสือได้เดินใกล้เข้ามาแล้ว เป็นภาพที่ดูแล้วชวนใจหายเหมือนกันนะ เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหน   ส่วนชายผู้นี้ ก็กำลังคุยอะไรบางอย่างกับเจ้าของกล้อง โดยที่ไม่รู้เล๊ยยยยย ว่ามีพลังงานบางอย่างอยู่ด้านหลัง   เมื่อเสือเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มันก็รีบกระโจนเข้าใส่ชายคนดังกล่าวทันที แต่โชคดีที่เขาสามารถหันมาหลบมันได้ทัน แถมยังวิ่งเล่นกับเจ้าเสือดำ ประหนึ่งเป็นเพื่อนสนิทมิตรสหายกันยังไงยังงั้นเลยละเมี๊ยวววว     เขาคงจะเป็นผู้ดูแลแมวดำยักษ์ตัวนี้แน่ๆ เลย มันถึงได้ดูเชื่องขนาดนี้   ไปชมคลิปวีดีโอกัน (ชมคลิปไม่ได้ กดที่นี่เลย)   หลังจากที่คลิปวีดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ลงในโลกโซเซียล ชาวเน็ตต่างก็พากันเข้ามากดไลค์กันรัวๆ แถมยังแชร์คลิปวีดีโอไปมากกว่า 128,536 ครั้งเลยทีเดียว ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย!! ที่มา : mirror

ในปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์นั้นพัฒนาไปอย่างมาก ซึ่งมันก็ช่วยลดความเจ็บปวด และความลำบากที่เกิดจากอาการป่วยได้มากยิ่งขึ้น แถมยังช่วยให้ชีวิตของเรายืนยาวยิ่งขึ้นไปอีก และแน่นอนว่าเทคโนโลยีเหล่านี้ก็ถูกเผื่อแผ่ไปยังสัตว์ร่วมโลกทั้งหลายอีกด้วย ปัจจุบันมีการทำขาเทียมเพื่อช่วยเหลือเหล่าสัตว์ทั้งหลายให้กลับมาใช้ชีวิตโดยไม่ลำบากอีกต่อไป   เหมือนกับเจ้าเพนกวินน้อยที่ชื่อว่า Bagpipes ตัวนี้ ที่อาศัยอยู่ในความดูแลของศูนย์พิทักษ์สัตว์ International Antarctic Centre ตั้งอยู่ในเมือง Christchurch ประเทศ นิวซีแลนด์   มันใช้ชีวิตอยู่ที่มีมานานกว่า 9 ปีแล้ว โดยถูกช่วยเหลือมาหลังจากที่เจ้าหน้าที่ไปพบมันถูกอวนดักปลาของชาวประมงพันอยู่ที่ขา ทำให้มันได้รับบาดเจ็บและเป็นแผล พอนำมาให้แพทย์ตรวจก็พบว่าแผลของมันเกิดติดเชื้อและค่อยๆ เน่าลามไปเรื่อยๆ จนทำให้ต้องตัดสินใจตัดขามันทิ้ง   แม้ว่าเจ้า Bagpipes จะรอดชีวิตมาได้ แต่มันก็ต้องทนใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบากทั้งการเดิน และการว่ายน้ำ เจ้าหน้าที่ก็เลยทำขาเทียมจากจุกขวดเบียร์แบบโฟมมาติดไว้ที่ขาให้มันแก้ขัดไปก่อน เผื่อจะช่วยมันได้บ้าง   อย่างไรก็ตามเหล่าเจ้าหน้าที่ที่ศูนย์พิทักษ์สัตว์ก็ยังคิดหาทางที่จะสร้างขาเทียมที่ดีที่สุดให้กับเจ้านกเพนกวินตัวนี้ และด้วยความช่วยเหลือจากมหาวิทยาลัย University of Canterbury จึงทำให้พวกเขาสามารถสร้างขาเทียมแบบเสมือนจริงออกมาได้ โดยใช้เครื่องพิมพ์แบบสามมิติ โดยเทคโนโลยีของเจ้าเครื่องพิมพ์แบบสามมิตินี้มันพิเศษตรงที่สามารถสร้างส่วนแข็งส่วนอ่อนออกมาได้ด้วย ซึ่งจะช่วยให้เจ้า Bagpipes กลับมาเดินและว่ายน้ำได้อีกครั้งอย่างแน่นอน (แต่อาจต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยกันซักหน่อยล่ะ)   และนี่ก็ถือเป็นครั้งแรกสำหรับประเทศนิวซีแลนด์เลย ที่มีการติดตั้งขาเทียมให้กับสัตว์ป่า นับว่าเป็นการพัฒนาที่น่าชื่นชมจริงๆ เชียว >< ลองไปชมคลิปเพิ่มติมที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… ต้องขอแสดงความยินดีกับเจ้าเพนกวิ้นด้วยนะ ในที่สุดเอ็งก็สามารถกลับมาเดินและว่ายน้ำได้เป็นปกติซักที แต่อาจจะต้องใช้เวลากับการทำความเคยชินซักหน่อย พยายามเข้าน๊าาา ^^ ที่มา :…

สำหรับข่าวคราวสุดสะเทือนใจในช่วงที่ผ่านมานี้ข่าวคราวของเจ้าฮารัมเบ กอริลล่าวัย 17 ปีที่ถูกเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ยิงตายเพื่อช่วยเด็กที่ตกลงไปในกรงของมัน จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วโลกทั้งการกระทำของพ่อแม่ที่ปล่อยปละละเลยเด็ก รวมถึงเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ที่ทำเกินกว่าเหตุรึเปล่า?? มาจนถึงตอนนี้ก็มีหลายฝ่ายเลยล่ะออกมากดดันกันเป็นกระแสอยากให้พ่อแม่ของเด็กน้อยที่ตกลงไปในกรงนั้นถูกฟ้อง เพราะไม่ดูแลลูกให้ดีเท่าที่ควรจนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้   กรงของเจ้าฮารัมเบ ที่ปิดปรับปรุงชั่วคราว ณ ขณะนี้   ตอนนี้ก็มาถึงจุดจบของเรื่องนี้แล้วล่ะเพราะอัยการเขตได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าจะไม่มีการฟ้องพ่อแม่ของเจ้าหนูเกิดขึ้น   Joseph Deters อัยการเขตได้ออกมาชี้แจงว่า ‘เรื่องนี้เป็นโศกนาฏกรรมและการสูญเสียอย่างยิ่งต่อชีวิตสัตว์และสวนสัตว์เอง แต่กระนั้นพ่อแม่ของเจ้าหนูจะไม่ถูกฟ้องในเรื่องนี้ ผมเข้าใจดีและเสียใจอย่างสุดซึ้งเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเจ้ากอริลล่า แต่ในสถานการณ์นั้นไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเลยที่จะสามารถนำมาฟ้องได้ และส่วนหนึ่งนั้นทางสวนสัตว์ได้ทำถูกต้องแล้ว เพราะกอริลล่าถือว่าเป็นป่า คำจำกัดความนั้นของมันนั้นถือว่าเป็นสัตว์ดุร้ายและคาดเดาไม่ได้’   กระแสสังคมที่เรียกร้องให้ฟ้องพ่อแม่ของเจ้าหนูที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น   ‘นอกจากนี้ทางเราก็ยังได้ทำการสอบสวนพยานในเหตุการณ์ก็ได้รับข้อบ่งชี้ว่าแม่ของเด็กเป็นคนที่ค่อนข้างเอาใจใส่ลูกดีเลยทีเดียว แต่หลังจากที่เธอปล่อยเจ้าหนูไว้เพียงไม่วินาทีและไปดูแลลูกๆ คนอื่นเหตุการณ์ที่เจ้าหนูปีนและตกลงไปในกรงจึงเกิดขึ้น เราต้องให้ความยุติธรรมกับเรื่องนี้ พ่อแม่คนไหนที่เคยเลี้ยงลูกก็จะรู้เลยล่ะว่าอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ แม้แต่พ่อแม่ที่ใส่ใจที่สุดก็ตาม…’ เขากล่าวปิด   ก็ถือว่าเป็นจุดจบของเรื่องนี้แล้วล่ะเนาะ ต่อไปนี้ก็ทำได้เพียงแค่คิดถึงแล้วล่ะ และหวังว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ก็คงจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับคุณพ่อคุณแม่ทั้งมือใหม่มือเก่า ให้ระวังมากขึ้นเวลาพาเด็กๆ ออกไปไหน จะได้ไม่ต้องเกิดโศกนาฏกรรมแบบนี้ขึ้นมาอีก… ที่มา: Distractify

อาจจะเป็นได้ว่าเวลาคนเราหิวๆ อาจจะทำอะไรที่ไม่คาดคิดไปก็เป็นได้ แต่นั่นแหละ คุณตำรวจคนนี้ก็มีวิธีการจัดการที่ดีเลยทีเดียว อิอิ โดยเฉพาะเวลาเมาๆ หลายๆ คนอาจจะมีอารมณ์หิวเกิดขึ้น และที่แย่ไปกว่านั้นคือทำในสิ่งที่ตัวเองกำลังจะเสียใจขณะหิวๆ เหมือนชายคนนี้ที่พยายามจะกระโดดสะพานเพื่อฆ่าตัวตายตอนเมาสุรา เคราะห์ดีที่คุณตำรวจเข้าไปช่วยเกลี้ยกล่อมเอาไว้…   คุณตำรวจเม็กซิกัน   พามานั่งกินที่ร้านทาโก้ซะเลย แล้วให้คิดสิ่งที่ทำใหม่อีกครั้ง   ชายคนนี้คิดจะกระโดดฆ่าตัวตายจากสะพาน   ระหว่างนั้นคุณตำรวจก็โน้มน้าวเขาซะเลย ว่าไม่ควรทำอย่างนั้น และควรเดินลงมาไปกินข้าวกันก่อน คิดให้ดีๆ อีกครั้งก่อนที่จะทำอะไร…แน่นอนว่าเขาลงมาแต่โดยดี   หลังจากนั้นหน่วยพยาบาลฉุกเฉินพร้อมจิตแพย์ก็มาถึงและรับตัวเขาไประหว่างที่กำลังกินทาโก้กันอยู่   ตอนนี้เหตุการณ์ทั้งหมดก็คลี่คลายลงแล้ว และแน่นอนว่าเขาปลอดภัยและได้ไปปรึกษาจิตแพทย์เกี่ยวกับปัญหาในชีวิตของเขา   ใครที่ดูไม่ได้มาชมคลิปกันได้ที่นี่เลย คุณตำรวจทาโก้   ต้องบอกว่าคุณตำรวจมีวิธีการที่สร้างสรรค์และประสบผลสำเร็จจริงๆ เลยนะเนี่ย เอ…น่าคิดเหมือนกัน เวลาคนเราหิวอาจทำอะไรบ้าๆ แบบนี้ก็เป็นได้เนาะ -*- ที่มา: Distractify

แน่นอนว่าถ้าเราคิดถึงเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางโดยสารการบินต่างๆ ล่ะก็ สิ่งหนึ่งที่เราคงจะนึกกันออกก่อนกัปตันหรือเหล่านักบินด้วยซ้ำนั่นก็คือเหล่าแอร์โฮสเตส ที่ทำหน้าที่ดูแลในด้านความปลอดภัยและบริการด้านต่างๆ ให้เรานั่นเอง วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปชมคอลเล็คชั่นของ Marvin Goldman ชายผู้ที่บินกับสายการบิน El Al Israel Airlines มาตั้งแต่ปี 1978 และได้สะสมของต่างๆ เกี่ยวกับสารการบินนี้ไว้มากกว่า 40,000 ชิ้นเลยทีเดียว   Marvin Goldman เจ้าของคอลเล็คชั่นนี้ ของบางชิ้นของเขานั้นย้อนกลับไปได้ถึงปี 1949 เลยล่ะ!!!   ในภาพนี้คือภาพของแอร์โฮสเตสในช่วงปี 1949 – 1957 ชุดของพวกเธอจะดูเป็นทางการ มีสีออกเทาล้วนหรือน้ำเงิน-เทา และมีเพียงไม่กี่สายการบินเท่านั้นที่จะใส่สีกรมท่า   ในช่วงยุค 50 นี่คือกระเป๋าถือที่เหล่าแอร์สาวนิยมกันมากที่สุด และมีเหล่าลูกค้าแบบ VIP เท่านั้นที่จะได้รับกระเป๋าชนิดนี้   ในช่วงปลายยุค 50 ถึงต้นๆ ยุค 60 นี่คือหมวกแบบทางการของเหล่าแอร์โฮสเตสสาว โดยจะเป็นสีกรมท่าล้วน   หมวกสำหรับเหล่านักบินและพนักงานต้อนรับบนเครื่องที่เป็นผู้ชายและมีหน้าที่ควบคุมงานพนักงานต้อนรับคนอื่นๆ   หมวกของเหล่าแอร์โฮสเตสสาวในช่วงยุคที่การสำรวจอวกาศโดยรัสเซียและสหรัฐอเมริการุ่งเรือง ในปี 1969 โดยจะมีสองสี…

อื้อหืออออ ขนาดเจ้าของโซเชียลมีเดียขนาดใหญ่ที่เรียกได้ว่าเป็น ‘ตัวพ่อ’ และอาจจะเป็นมือต้นๆ ของวงการเลยก็ได้ยังโดนแฮ็ค แล้วนับประสาอะไรกับตาสีตาสาอย่างเรานะเนี่ย จะเหลือเหรอ >< ล่าสุดก็มีรายงานสดๆ ร้อนๆ เลยล่ะว่าโซเชียลมีเดียของ CEO เฟซบุ๊คอย่าง Mark Zuckerberg โดนแฮ็คโดยกลุ่มแฮ็คเกอร์ที่มีชื่อว่า OurMine Team ซึ่งอ้างว่าพวกเขาได้แฮ็คเข้าไปในไอดี Pinterest, Twitter และ Instagram (อินสตาแกรมถึงจะไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่ทางกลุ่มแฮ็คเกอร์ก็ได้กล่าวอ้างไว้ว่าทำได้) ของเขา   ประเด็นคือพาสเวิร์ดของหนุ่ม CEO ของเรานั้น เรียกได้ว่าถึงขั้นปัญญาอ่อนเลยล่ะ   คือโคตะระจะง่าย ‘dadada’ แค่เด็กๆ ไปเห็นก็สามารถแอบเข้าไอดีของเขาได้แล้วนะเนี่ย -*-   ความผิดพลาดของเขาน่ะเหรอ?? ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าเขากลับมาใช้พาสเวิร์ดเก่าของตัวเองที่เคยใช้ล่ะ ย้อนกลับไปปี 2012 ที่โซเชียลมีเดีย LinkedIn โดนแฮ็ค ซึ่งในเหตุการณ์นั้นทำให้ข้อมูลบัญชีของผู้ใช้รั่วไหลมากกว่า 160 ล้านราย และหนึ่งในนั้นก็คือของมาร์ก ซัคเกอร์เบิร์กด้วย!!! กระนั้นถึงแม้ว่า Twitter, Pinterest และ Instagram ของเขาจะถูกแฮ็ค แต่ก็เหมือนว่าบัญชี Facebook ของเขาก็ยังอยู่ดีไม่ได้โดนภัยคุกคามอะไร ถ้า Facebook…

นี่แหละที่เรียกว่าการร่วมมือร่วมใจช่วยเหลือกันในเรื่องที่ดีๆ ล่ะ สำหรับเหตุการณ์สุดประทับใจนี้ก็เกิดขึ้นในชายหาด Waimairi ใน Christchurch ประเทศนิวซีแลนด์ โดยมีผู้คนกว่า 200 ชีวิตด้วยกัน ช่วยวิดน้ำมาหล่อเลี้ยงเจ้าวาฬเพชรฆาตที่ดันถูกคลื่นซัด ถึงขนาดที่ช่วยกันเอาถังน้ำช่วยกันวิ่งไปตักน้ำทะเลมาราดกันเลยทีเดียว!!!   พลังนิวซีแลนด์มุงจริงๆ   มีการนำผ้าขนหนูมาห่อตัวมันเพื่อที่แสงแดดจะได้ไม่เผาไหม้ผิวของมันมากไปกว่านี้ เจ้าวาฬตัวนี้เป็นหนึ่งในวาฬสองตัวที่ถูกซัดขึ้นมาเกยตื้น ซึ่งอีกหนึ่งตัวนั้นเคราะห์ร้าย พอมีคนมาพบมันก็เสียชีวิตไปซะก่อนแล้ว ส่วนตัวนี้ก็มีสภาพร่อแร่เต็มที   หลังจากนั้นไม่นานหน่วยงานช่วยเหลือวาฬ Project Jonah ก็ส่งความช่วยเหลือไปในทันที เพื่อนำมันกลับลงสู่ทะเล   สำหรับเหตุการณ์นี้ก็เรียกได้ว่าเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่มีวาฬมาเกยตื้นในแถบนี้ นับตั้งแต่ปี 1984 เป็นต้นมา…   โชคดีที่มีคนคอยช่วยเหลือ และเมื่อหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญมาถึง พวกเขาก็สามารถส่งมันกลับทะเลได้เป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นยามชายฝั่งก็ได้สังเกตสถานการณ์อยู่นานเพื่อที่จะได้มั่นใจว่ามันจะไม่กลับมาเกยตื้นอีก…   เป็นเคราะห์ดีของเจ้าวาฬตัวนี้เลยนะเนี่ย แต่ก็ขอแสดงความเสียใจกับเพื่อนของแกด้วยนะจ๊ะที่เสียชีวิตไปซะก่อน นับเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากๆ ที่มา: Metro

พลังแห่งความรักและความห่วงใยนั้นมีบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ ไม่น่าเชื่อเพียงแค่เราได้ยินเสียงของคนที่เรารักก็สามารถนำมาเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ใครซักคนหนึ่งสามารถต่อสู้และก้าวผ่านความเจ็บปวดมาได้     อย่างเรื่องราวของแม่หม้าย Danielle วัย 34 ที่อยู่สภาพอาการโคม่าอย่างน่าเป็นห่วง เธอมีโอกาสรอดชีวิตเหลือเพียงแค่น้อยนิด จากอุบัติเหตุรถชนอย่างรุนแรงในระหว่างการขับรถช่วงสภาพอากาศไม่เป็นใจและทัศนวิสัยย่ำแย่ เธอคิดที่จะหยุดพักรถเมื่อเจอปั๊มน้ำมันข้างหน้า แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ทันการ รถยนต์ของเธอชนเข้าอย่างจัง ทำให้รถลอยขึ้นฟ้าและหมุนไปอีกประมาณ 7 รอบอยู่บนทางด่วน ทุกอย่างมันเร็วไปหมด และในวินาทีนั้นเองเธอก็ทำได้เพียงแค่คิดว่า ‘ใครจะอยู่ดูแลลูก’     เธอหมดสติและอยู่ในอาการโคม่าเป็นระยะเวลาถึง 16 วัน เมื่อพ่อ แม่และลูกชายตัวน้อย Ethan ของเธอทราบข่าวจึงแวะมาเยี่ยมเยียนคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ เตียงรักษาในโรงพยาบาล คำถามของหนูน้อยก็มีเพียงแค่ว่าเมื่อไหร่คุณแม่จะตื่น เพราะไม่มีวี่แววว่าเธอจะฟื้นขึ้นมาเลย     จนกระทั่งแม่ของเธอได้เล่นคลิปอัดเสียงของลูกชาย Ethan ทุกๆ วัน ด้วยใจความที่ว่า ‘แม่จ๋า นี่หนูเอง หนูปลอดภัยดี ขอให้แม่ทำตามที่หมอบอกนะ จะได้หายและตื่นมาเร็วๆ หนูรักแม่นะ’ พร้อมกับบอกด้วยว่าลูกชายของเธอกำลังทำอะไรอยู่ที่โรงเรียน     ในที่สุด Danielle ก็ตื่นขึ้นมา ฟื้นจากอาการโคม่าได้ราวปาฏิหาริย์ สิ่งแรกที่เธออยากจะพูดก็คือคำว่าขอโทษ แต่ไม่รู้ว่าจะขอโทษในเรื่องอะไร อย่างน้อยลูกของเธอก็เป็นแรงผลักดันให้เธอมีชีวิตอยู่และดูแลลูกชายของเธอต่อไป…

ในการโดยสารเครื่องบินทุกๆ ครั้ง ก่อนที่เครื่องจะออกลูกเรือจะทำการสาธิตวิธีการใช้อุปกรณ์ป้องกันอุบัติเหตุแต่ละชนิดให้ผู้โดยสารได้ทราบ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารเอง หากจะต้องเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิดในระหว่างการเดินทาง     หลายคนอาจจะคิดว่านั่งเครื่องบ่อย เห็นจนชินแล้วจึงทำให้ไม่ค่อยใส่ใจอะไรมากนัก แต่บอกเลยว่าสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเข็มขัดนริภัยที่ติดกับทุกที่นั่ง เมื่อเครื่องออกจากสนามบินไปแล้วก็มักจะปลดกัน อาจจะเป็นเพราะรู้สึกอึดอัด         อย่างในกรณีของสายการบิน Avianca ในระหว่างเที่ยวบินที่ผ่านเทือกเขาแอนดีสไปยังเมืองซานเตียโก ประเทศชิลีนั้น เกิดสภาพอากาศแปรปรวนอย่างหนัก ส่งผลทำให้ภายในเครื่องบิน Airbus A330 ได้รับแรงกระทบอย่างรุนแรง ทั้งผู้โดยสารและลูกเรือบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก       จากสภาพที่เห็นในเครื่องแม้แต่เพดานยังได้รับความเสียหาย เกิดความโกลาหลและปั่นป่วนบนเครื่องอย่างหนัก ถึงกับทำให้คนลอยไปกระแทกได้กันเลยล่ะ!!     เพราะฉะนั้นแล้วเราควรที่จะคาดเข็มขัดนริภัยเอาไว้ตลอดเวลานะจ๊ะ อย่างที่ลูกเรือเน้นย้ำอยู่เสมอ จะลุกไปไหนมาไหนค่อยปลดออก เพราะเราไม่รู้ว่าจะเจอกับสภาพอากาศแปรปรวนเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นก็อาจจะสายไปแล้วก็ได้ ที่มา : Aviação Total

ความรักเป็นสิ่งที่เข้าใจยาก อาจจะเป็นเพราะไม่รู้จริงๆ ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร หรือแกล้งที่จะไม่รู้กันแน่ เมื่อความไม่เข้าใจเกิดขึ้น ก็สงผลทำให้เลิกรากันไปในที่สุด บางคู่ก็จบด้วยดี บางคู่ก็จบไม่สวย ยังต้องเจ็บตัวเจ็บใจกันอีก     ชีวิตคู่ของ Nina Zgurskaya สาวชาวรัสเซียวัย 20 ปี เปิดเผยกับสื่อรัสเซียว่า เธอกับแฟนหนุ่มที่เป็นทนายความนั้นคบกันมาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว และที่ผ่านมาล่าสุดกับทริปฮันนีมูนริมทะเลอันแสนหวานกลับกลายมาเป็นความขมขื่นอย่างที่เธอไม่คาดคิดว่ามันจะเป็น     โดยที่ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่คบกัน เธอหวังว่าน่าจะเป็นเวลาที่ดีเหมาะสมแล้วที่เขาควรจะขอเธอแต่งงาน โอกาสก็เหมาะเจาะกับทริปเที่ยวทะเลสุดโรแมนติก 12 วัน แต่เปล่าเลย ฝ่ายแฟนหนุ่มผู้เป็นทนายนั้นกลับไม่ได้ทำอะไรอย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้ ก็แค่ไปเที่ยวด้วยกันเฉยๆ เท่านั้น หลังจากจบทริปเธอก็บอกเลิกกับเขาทันที!!     ภายหลังไม่กี่สัปดาห์ต่อมาเธอก็ได้รับหมายศาลจากแฟนเก่าที่เป็นทนายนั่นแหละ เรียกร้องค่าเสียหายเป็นหมวดหมู่ทั้งใบเสร็จร้านดอกไม้ ร้านอาหาร และคาเฟ่ต่างๆ ในระหว่างที่ทั้งสองยังคบหาเป็นแฟนกันอยู่ โดยรวมแล้วก็คือเป็นเงินที่ฝ่ายแฟนหนุ่มจ่ายไปทั้งหมดนั่นแหละ     เธอถูกฟ้องร้องค่าเสียหายในระหว่างที่คบกันเป็นเงินจำนวน 45,000 รูเบิล หรือประมาณ 24,000 บาท โดยที่ฝ่ายแฟนหนุ่มให้เหตุผลเอาไว้ว่า ‘เธอไม่สามารถพิสูจน์ให้ผมเห็นได้ว่าเรากำลังคบกันอยู่เลย แล้วผมก็ไม่ได้พูดด้วยว่าจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างไปฟรีๆ…

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2559 ทางสำนักข่าว Dailymail ได้เผยเรื่องราวของ Noor Al Faris เด็กหญิงตัวน้อยจากคูเวต วัยเพียง 5 ขวบ ที่เพิ่งจะเรียนจบชั้นอนุบาล ซึ่งหลังจากที่เรียนจบ เธอก็รู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของคุณครูสาวคนโปรดนามว่า Nadia ดังนั้นเธอจึงได้ทำบางสิ่งบางอย่างที่ทำเอาชาวเน็ตหลายๆ คนต่างก็ทึ่งไปตามๆ กัน   และนี่คือภาพของ Noor ที่กำลังนั่งอยู่บนรถเบนซ์สุดหรู พร้อมกับข้อความว่า รถคันนี้สำหรับคุณครู Nadia ของหนู   ใช่แล้ว!! เด็กหญิงตัวน้อยได้มอบของขวัญสุดพิเศษให้กับคุณครูแสนรักของเธอนั่นก็คือ การมอบรถยนต์สุดหรูให้ ซึ่งเธอก็ได้เผยว่า อยากมอบของขวัญให้คุณครู เพื่อเป็นการตอบแทนที่เธอดูแล และช่วยเหลืออยู่ตลอดจนเรียนจบ ทั้งนี้จากการรายงานเผยว่า แท้จริงแล้วรถยนต์คันดังกล่าว เป็นของขวัญจากคุณพ่อของหนูน้อย ที่อยากจะมอบให้กับคุณครู เพราะเธอช่วยดูแลลูกสาวของเขาเป็นอย่างดี หลังจากที่แม่ของหนูน้อยได้เสียชีวิตไป อีกทั้งเธอยังทำให้หนูน้อยสามารถผ่านชีวิตที่แสนลำบากมาได้ แถมยังกลับมามีชีวิตที่สดใสเหมือนเดิมอีกด้วย!! ที่มา : dailymail

การทำศัลยกรรมเรียกได้ว่ากลายเป็นเรื่องธรรมดาของคนในปัจจุบันไปแล้ว หลายคนหมดเงินไปเป็นจำนวนมากเพื่อที่จะนำไปทำศัลยกรรมให้ตัวเองดูสวย ดูดีขึ้น บางคนก็อยากมีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ จึงทุ่มเงินเป็นแสนเป็นล้านเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง เช่นเดียวกับ Pixee Fox นางแบบสาววัย 26 ปี จาก Carolina คนนี้ เธอก็เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่หลงใหล และชื่นชอบการทำศัลยกรรมเป็นอย่างมาก  ซึ่งเธอได้ลงทุนเสียเงินผ่าตัดทำศัลยกรรมตั้งแต่หัวจรดเท้ามามากกว่า 18 ครั้งด้วยกัน จนรูปร่าง และหน้าตาของเธอเป็นอย่างที่เห็น…     และกว่าจะมีรูปร่างตามที่ต้องการ Pixee Fox ต้องหมดเงินกับการทำศัลยกรรมไปแล้วกว่า 80,000 ยูโรเลยทีเดียว   ด้วยความที่เธออยากจะกลายเป็นผู้หญิงที่มีเอวเล็กที่สุดในโลก ดังนั้นเธอจึงลงทุนยอมผ่าตัดเอากระดูกซี่โครงออกไปทั้งสิ้นกว่า 6 ชิ้น ไปเมื่อปีที่ผ่านมานี้เอง     และล่าสุดเธอก็ยังไม่หยุดที่จะทำศัลยกรรม เพราะแม่สาวคนนี้ได้ได้ทุ่มเงินกว่า 4,000 ยูโร ในการผ่าตัดทำตาเทียมเพื่อ “เปลี่ยนสีตา” ของตัวเองให้กลายเป็นสีเขียวเหมือนตัวการ์ตูนอีกด้วย   .   สาวๆ หลายคนยอมเจ็บตัว และเสียเงินไปมากมายมหาศาล เพื่อแลกกับความสวย เช่นกับ Pixee Fox  …

ระวังไว้นะจ๊ะสำหรับเหล่าเพื่อนชายที่ชอบอวดไซส์กัน ไม่แน่นะว่าอาจมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นก็เป็นได้ เอิ๊กๆๆ เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกัน อารมณ์ดันเข้าครอบงำ การทำร้ายกันจึงเกิดขึ้นซะงั้น!!! เหตุการณ์สุดสะเทือนใจนี้เกิดขึ้นในหมู่บ้าน Nikolsk แถบอูรัลแห่งประเทศรัสเซียโดยมีรายงานว่า ชายชาวรัสเซียสองหน่อ อายุ 52 ปี และ 47 ปีได้ทำการเปรียบเทียบไซส์ของรัก แต่ดันมีฝ่ายหนึ่งไม่พอใจ (อาจเป็นได้ว่าเล็กกว่า) เลยกระทำการโหดร้ายรัสเชี่ยนสไตล์โดยการนำขวานมาเฉาะของเพื่อนออกซะ!!!   โอ้วววว ม่ายยยยยยยย!!!   แน่นอนว่าก่อนหน้าที่จะมีการเปรียบเทียบไซส์กันอย่างดุเดือดนั้น ทั้งสองตั้งวงร่ำสุรากันมาได้ระยะหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้เล่าว่า ‘เหตุการณ์สุดสะเทือนใจนี้เกิดขึ้นหลังที่พวกเขาดื่มสุราจนเมาได้ที่แล้ว’  เจ้าหน้าที่ยังกล่าวต่อไปว่า ‘จนมาถึงจุดที่เดือดที่สุดในเหตุการณ์ ชายคนหนึ่งได้วิ่งไปหยิบขวานมา ใช้สันขวานทุบให้หมดแรงขัดขืน แล้วก็ตัดอวัยวะเพศของเพื่อนออก เพื่อนบ้านได้ยินเสียงสู้กันและกรีดร้องจึงรีบเรียกรถพยาบาลทันที’     ซึ่งตอนนี้แน่นอนว่าฝ่ายหนึ่งกำลังอยู่ในโรงพยาบาล ส่วนคนที่ทำร้ายก็ถูกฟ้องโดยเจ้าหน้าที่ทันทีเพราะทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายอย่างรุนแรงโดยตั้งใจ ซึ่งอาจต้องโทษติดคุกกว่า 8 ปีด้วยกัน…   ที่สำคัญที่สุดก็คือทั้งสองเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ เลยนะเนี่ย น่าสงสัยว่าอาจจะมีปมอะไรกันมาก่อนรึเปล่าเลยมาระเบิดลงวันนี้ แต่ก็นั่นแหละ ว่างๆ อย่าไปเทียบไซส์กับเพื่อนๆ กันล่ะหนุ่มๆ ฮ่าๆๆ เกิดเหตุการณ์แบบนี้มา #จ่าสิบเหมียว ไม่รู้ด้วยน้าาาาา ที่มา: Metro

ไม่มีใครบนโลกนี้หนีพ้น ‘ความตาย’ ไปได้ ทุกครั้งที่มันเกิดขึ้นก็มักจะนำพาความเจ็บปวดและเศร้าใจมาให้กับผู้คนรอบข้าง ซึ่งคนที่มีชีวิตอยู่ก็ทำได้เพียงแค่คิดถึงเท่านั้น… วันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวสุดซึ้งที่เกิดขึ้นในงานฉลองวันเกิดของสาวน้อยคนหนึ่ง ซึ่งพี่ชายของเขาเสียไปร่วม 10 ปี เป็นการเซอร์ไพรซ์วันเกิดที่จะทำให้เพื่อนๆ ต้องน้ำตาซึมอย่างแน่นอน   สาวน้อย Monique Salinas และพี่ชายของเธอ Mikey ในงานฉลองวันเกิดเมื่อสมัยยังเด็กๆ   แต่ความจริงมักเป็นสิ่งที่เลวร้ายเสมอ…เมื่อ 10 ปีที่แล้วหนุ่มน้อย Mikey เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์   แน่นอนว่าทุกคนต้องเศร้าเสียใจเป็นอย่างมากโดยเฉพาะ Monique ที่ดูจะรักเขามากเป็นพิเศษ วันเวลาผ่านไปไม่มีวันใดที่คนในครอบครัวไม่คิดถึง Mikey เลย และในวันนี้ก็เป็นวันเกิดครบรอบ 15 ปีของ Monique ซึ่งตามประเพณีของชาวละตินแล้วเรียกว่า Quinceanera โดยจะมีการเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่   ซึ่งในปาร์ตี้นี้ก็ได้มีการจัดเซอร์ไพรซ์ให้กับ Monique แน่นอนว่ามันเป็นอะไรที่สำคัญเป็นอย่างมาก และคงเป็นเรื่องที่เธอคาดไม่ถึงมาก่อน   หลังจากที่ Mikey เสียชีวิตลง พ่อแม่ของเขาได้ตัดสินใจที่จะบริจาคอวัยวะให้กับทางโรงพยาบาล และหัวใจของเขาก็ถูกนำไปช่วยชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า Aubrey Reeves   ซึ่งตอนนี้ Aubrey มีอายุ 18 แล้ว ซึ่งตอนนี้หัวใจที่เต้นอยู่ในร่างของเธอก็คือหัวใจของ…

เวลาอกหัก หลายๆ คนก็มีวิธีจัดการกับความรู้สึกของตนเองต่างกันออกไป บางคนอาจออกไปเที่ยวเล่นหาความสุข บางคนอาจนั่งนิ่งๆ อยู่กับตัวเอง เพื่อทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่นั่นไม่ใช่กับหญิงสาวคนนี้ Laura Jane Williams หญิงสาววัย 30 ปีจากเมืองเดอร์บี้ ประเทศอังกฤษคนนี้ เพิ่งถูกแฟนที่คบกันมาหกปีทิ้งไปและไปคบกับเพื่อนของเธอซะเอง ตอนนั้นเธอรู้สึกเสียใจมาก เธอจึงตัดสินใจทำอะไรที่น่าตกใจลงไป     เธอเริ่มออกเที่ยวผับบาร์แทบทุกวัน และทุกครั้งที่เธอออกไป ก็จะมีผู้ชายตามกลับมาที่ห้องเสมอ “ทุกครั้งที่ฉันออกเที่ยว ฉันรู้สึกว่าฉันต้องหาใครซักคนกลับไปด้วย และมันมักจะมีคนแบบนั้นอยู่เสมอ” Laura กล่าว “ฉันรู้สึกตัวเองเป็นผู้หญิงที่ไม่ยึดติดและมีอิสรภาพมาก ฉันไม่ได้อยากให้พวกเขารักฉันหรือเคารพในตัวฉัน เพราะฉันเองก็ไม่เคยเคารพตัวเอง”     จากนั้นเธอก็ย้ายไปอยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เธอก็ยังคงมองหาผู้ชายมาหลับนอนด้วยอยู่เหมือนเดิม และที่นั่นเธอถูกชายปฏิเสธไม่ยอมมีเซ็กส์ด้วยเป็นครั้งแรก แต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไร เพราะเธอคิดว่า ยังไงเธอก็หาคนอื่นได้ “ผู้ชายคนไหนก็เป็นคู่นอนให้ฉันได้ จะเพื่อนร่วมงาน เพื่อนสมัยเรียน เพื่อนจริงๆ หรือแม้กระทั่งคนแปลกหน้าฉันก็มีเซ็กส์ด้วยได้ทั้งนั้น ฉันรู้สึกเซ็กซี่ มันยอดเยี่ยมมากที่ได้เป็นที่ต้องการของคนอื่น โดยเฉพาะเวลาเห็นผู้ชายรู้สึกอยากกลืนฉันเข้าไปทั้งตัว” เธอกล่าว     นอกจากนี้เธอเล่าว่า เธอเคยหลับนอนพ่อลูกหนึ่งวัย 19 เป็นเวลากว่า 1 เดือน ก่อนที่เขาจะสารภาพรักกับเธอ และเธอยังเคยคบกับ “ผู้หญิง”…

กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจเลยทีเดียวหลังจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีการเปิดให้ประชาชนลงประชามติรับแผนประกันเงินเดือนขึ้นต่ำ ซึ่งผลปรากฎว่าประชาชนร้อยละ 78 ไม่เห็นด้วยกับแผนประกันเงินเดือนขั้นต่ำนี้ โดยการลงประชามติดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อมีผู้เสนอต่อรัฐบาลว่า ควรมีการประกันเงินเดือนขั้นต่ำให้กับประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ (ง่ายๆ คือแจกเงินเดือนทุกเดือน) เนื่องจากทุกวันนี้มีการใช้เครื่องจักรอัตโนมัติภายในโรงงานมากขึ้น ทำให้ตำแหน่งงานสำหรับคนจริงๆ มีน้อยลง     ซึ่งในแผนประกันเงินเดือนขั้นต่ำครั้งนี้ ยังไม่มีการระบุแน่ชัดว่ารัฐบาลต้องจ่ายเท่าไหร่ แต่คาดการว่าอยู่ที่ประมาณ 2,500 ฟรังค์สวิส หรือราว 88,000 บาท แต่ผลสุดท้ายร่างก็ตกไป เนื่องผลประชามติออกมาไม่เห็นด้วย จริงๆ แล้วนโยบายนี้ไม่ได้รับการเสนอจากนักการเมืองหรือรัฐบาลแต่อย่างใด แต่การลงประชามติเกิดขึ้นเพราะมีคนรวบรวมรายชื่อได้ 100,000 รายตามที่กฎหมายได้ระบุไว้แล้วนำมายื่นแก่รัฐบาล ทำให้รัฐบาลต้องจัดการลงประชามติครั้งนี้ขึ้นมา     อย่างไรก็ตาม ไม่น่าแปลกใจที่คนสวิสส่วนมากไม่เห็นด้วยกับแผนประกันเงินเดือนขั้นต่ำนี้ เพราะดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศกรีซและเวเนซูเอล่าที่เคยมีนโยบายคล้ายๆ กัน ต่างต้องประสบกับปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนักจนประเทศแทบล้มละลาย ชาวสวิสคงไม่อยากเจอเหตุการณ์เช่นนี้แน่ๆ!!!   ที่มา The Guardian

ความเศร้าสามารถนำพาชีวิตของคนหนึ่งคนไปสู่การฆ่าตัวตายได้ อาจจะฟังเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่แท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากๆ อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นกับเรา แต่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่ข้างๆ เราก็เป็นได้     เรื่องเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน คุณครู Brittni Darras ได้พบปะกับผู้ปกครองของนักเรียนภายใต้การดูแลของเธอในงานประชุมผู้ปกครอง และแล้วก็มีคุณแม่รายหนึ่งเข้ามาหาเธอเพื่อทำการบอกเล่าเหตุผลว่าทำไมลูกสาวของเธอถึงขาดเรียนเป็นประจำ   คุณแม่เล่าว่าเหตุที่ลูกสาวของเธอนั้นขาดเรียนบ่อยๆ เป็นเพราะว่าลูกสาวของเธอเป็นโรคซึมเศร้า เคยคิดที่จะฆ่าตัวตายมาแล้ว แต่ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามายับยั้งเอาไว้ได้ โดยที่ลูกสาวของเธอพร้อมที่จะลาโลกนี้ไปด้วยการลบบัญชีสื่อโซเชียลทั้งหมดทิ้งพร้อมกับร่างจดหมายลาตายไว้เรียบร้อยแล้ว     เมื่อได้ยินเช่นนั้นคุณครู Brittni Darras ก็เป็นห่วงมาก จึงเขียนจดหมายส่งไปให้ลูกศิษย์ผ่านคุณแม่ ใจความในจดหมายนั้นไม่ไดมีบอกโดยละเอียด แต่พอจะสรุปจากรูปที่เห็นได้คร่าวๆว่า ‘ถึงจะผ่านอดีตอันขมขื่นมา แต่เธอก็พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าประสบความสำเร็จ ครูชอบที่จะรับรู้เรื่องราวบ้าๆบอๆของพวกเธอ แล้เธอจะไปได้สวยแน่ในอนาคต ภูมิใจในตัวเธอมากนะ ทำดีต่อไปล่ะ ลงชื่อ คุณครู Darras’   เมื่อเธอได้รับจดหมายนั้น ทั้งคุณแม่และลูกสาวต่างร้องไห้ทันที ถึงกับพูดออกมาว่า ‘หนูไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนห่วงใยหนูขนาดนี้ หนูไม่คิดเลยว่าจะมีใครคิดถึงหนูถ้าหากว่าหนูจากโลกนี้ไปแล้ว’     จากเหตุการณ์ที่เกือบจะสูญเสียลูกศิษย์ของเธอจากการฆ่าตัวตาย ด้วยความเป็นห่วง คุณครูก็เลยใช้เวลากว่า 2 เดือน เขียนจดหมายให้กับลูกศิษย์อีก 130…

เมื่อพูดถึงการรับเลี้ยงเด็ก จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก ซึ่งในบางประเทศนั้นก็ไม่อนุญาตให้ทำแบบนี้เพราะผิดกฎหมาย จนทำให้หลายๆ คนที่ไม่สามารถดูแลหรือไม่พร้อมที่จะมีลูกถึงกับต้องพยายามทิ้งและฆ่าเพื่อตัดปัญหาไป วันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปฟังในมุมของฝั่งคนที่เป็นแม่เด็กที่ไม่พร้อมสำหรับการเลี้ยงเด็กกันบ้าง ( จะเป็นอย่างไรไปชมพร้อมๆ กันได้เลย… เรื่องมีอยู่ว่ามีชาวเน็ตได้โพสท์เรื่องราวของเธอลงบนเว็บไซต์ Imgur โดยมีเนื้อหาว่าเธอได้อธิบายว่าเหตุใดเธอจึงรักลูกของเธอมากๆ ทั้งๆ ที่เป็นลูกที่เธอรับเลี้ยงมา และเธอก็บอกอีกว่าการรับเลี้ยงเด็กก็เป็นเรื่องดีอีกด้วย   เมื่อคุณแม่ยังสาวทั้งหลายที่ตัดสินใจจะนำลูกของตัวเองไปให้ผู้อื่นรับเลี้ยง ย่อมทำให้เกิดทั้งคำถามและคำวิจารณ์ต่างๆ มากมาย บ้างก็ว่าอ่อนแอ บ้างก็ว่าเห็นแก่ตัว บุคคลในรูปคือคนรับเด็กมาเลี้ยงนะจ๊ะ   และแน่นอนว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องสถานะทางการเงิน มันมีอะไรที่มากกว่านั้น นั่นก็คือการมอบความสุขให้กับเด็กๆ ทั้งการศึกษา เวลา การเล่นสนุก จนทำให้คุณภาพชีวิตของเด็กๆ นั้นแย่   มีเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ตัดสินใจนำลูกของเธอไปให้กับคนอื่นรับเลี้ยง โดยที่เธอไม่ได้คิดว่ามันเป็นหนทางสุดท้ายที่ต้องทำ แต่เป็นการกระทำที่เป็นเกียรติ และเธอก็ยินดีที่จะมาเล่าเรื่องราวของเธอให้กับพวกเราฟัง   ในช่วงเริ่มต้นของการตั้งครรภ์นั้น ทุกอย่างดูแย่ไปหมด เธออยู่เพียงคนเดียว และการรับเลี้ยงนั้นดูเหมือนจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดของเธอ   ในปีที่ผ่านมา เธอต้องต่อสู้กับโรคเครียด และโรคติดแอลกอฮอล์ (เธอไม่อยากลงรายละเอียดตรงจุดนี้มากนัก รู้แค่ว่ามันเป็นเรื่องที่แย่มากๆ) และสุดท้ายเธอก็ตั้งท้อง แต่ปรากฎว่าฝ่ายชายกลับทิ้งเธอไปอย่างไม่ใยดี เธอก็เลยคิดว่าจะนำลูกของเธอไปให้ผู้อื่นรับเลี้ยง   หลังจากนั้นทุกอย่างก็ดูแย่ลงไปอีก…  …

เวลาที่เราพิพิธภัณฑ์ ก็คงจะรู้กฎกันดีอยู่แล้วว่าสิ่งที่อยู่ข้างในนั้นมันมีคุณค่า และทางพิพิธภัณฑ์ก็ต้องเขียนป้ายห้ามจับหรือห้ามเข้าใกล้ติดไว้เป็นธรรมดา แต่ก็มักจะมีนักท่องเที่ยวที่ไม่รู้เรื่องชอบทำข้าวของเสียหายอยู่เรื่อย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์ National Watch and Clock Museum ในเพนซิวาเนีย ซึ่งกล้อง CCTV ได้จับภาพได้ เป็นภาพของนักท่องเที่ยว 2 คน กำลังเข้าไปจับกับเครื่องบอกเวลาโบราณที่ทำจากไม้ และแขวนอยู่บนผนัง ทันทีที่ผู้ชายเข้าไปเล่นมัน ด้วยความที่มันเก่ามาก จึงมีความเปราะบางเป็นพิเศษ ทำให้มันหล่นลงมาแตกหักเสียหาย ก่อนทั้งคู่จะวางทิ้งไว้แล้วก็เดินหนีไปในที่สุด   ชมคลิปเหตุการณ์ดังกล่าว   และก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ก็เพิ่งมีข่าวเกี่ยวกับการทำลายข้าวของในพิพิธภัณฑ์ เช่นเดียวกัน แต่เป็นที่จีนใน Shanghai Museum of Glass ซึ่งได้เกิดเหตุการณ์ที่เด็กเข้าไปเล่นในเขตที่กั้นไว้ โดยมีผู้ปกครองถ่ายคลิปอยู่ด้วย ผลงานที่ถูกทำลายชื่อว่า “Angel Is Waiting” ซึ่งหลังจากเด็กเล่นมันพัง Xue ซึ่งเป็นศิลปินที่สร้างผลงานนี้ขึ้นมาก็เปลี่ยนชื่อมันเป็น “Broken” แทน   ดูคลิปแล้วมันรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกเลย แล้วก็มีแต่คำว่า “ทำไม” อยู่ในหัวเต็มไปหมดดดด ที่มา telegraph

ก็แน่ล่ะว่าในชีวิตของเรานั้นต้องเคยเจอเรื่องไม่สบายใจกันมาบ้าง…แต่นี่…แต่นี่…มันมากเกินไปแล้วววว เฮือกกกก ว่าแล้วก็มาพบกับเลยกับ 18 ภาพที่จะทำให้เพื่อนๆ ไม่สบายใจและรู้สึกว่าโลกนี้มันอยู่ยากเสียเหลือเกิ๊นนนน จะขนาดไหนลองมาชมกัน!!!   จำไว้ ถ้าไปประเทศออสเตรเลียล่ะก็ กดน้ำก่อนทุกครััง ><   ไม่นะ อย่าลงไป มันอันตราย อย่าาาาาาา!!!   กล้วยก็ใช่ว่าจะปลอดภัย   ทรายเองแหละ ไม่มีอะไรหรอก   เสียวสุดยอดดดดดด   อย่าเข้าไป…   ใครอยากกินน้ำกระป๋องบ้างไหม??   แกกำลังคิดอะไรอยู่เจ้าปู -*-   ไม่มีที่ปลอดภัยแล้วโลกใบนี้   จ้างก็ไม่ไป…   ไม่มีคนนั่งมากี่ปีแล้วล่ะเนี่ย   โอ้ววว ไม่นะ เจ้าปลา   อื้อหืออออออ เสียวไปอีกกก   ออสเตรเลียแน่นอนเบอร์นี้   ก่อนขับรถชั้นหมดแรงจริงๆ   เซฟหน่อยเหอะ เสียวแทน   ใจจะวาย   โลกนี้มันอยู่ยากจริงๆ…

เป็นที่ทราบกันดีว่าที่สนามบินนั้นจะมีเก้าอี้ให้สำหรับผู้โดยสารได้มานั่งพัก ซึ่งก็มีหลายที่ที่มักจะมีคนเห็นแก่ตัวจองเก้าอี้ยาวๆ คนเดียว เพื่อที่จะใช้เอาเป็นที่นอน สำหรับรอต่อเครื่องบินเที่ยวต่อไป ซึ่งสนามบินหลายที่ก็มีข้อห้ามอยู่ ได้มีหนุ่มคนหนึ่งได้เจอเหตุการณ์นี้กับตัว และทนไม่ได้ จึงต้องจัดการกับคนแบบนี้ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่สนามบิน Xiamen Gaoqi International Airport ในประเทศจีน       ในคลิปเขาพูดว่า “มีคนถอดร้องเท้าและถุงเท้า นอนอยู่บนเก้าอี้ยาว ผมโกรธมากๆ ผมไม่รู้ว่าถ้าทางสนามบินมาเห็นจะว่ายังไง แต่ถ้าคนจากต่างประเทศมาเห็นการกระทำที่ไร้อารยะธรรมแบบนี้ จะทำให้ประเทศจีนดูแย่นะ” หลังจากนั้นเขาก็หยิบเอารองเท้าของคนที่นอนเดินไปทิ้งลงถังขยะทันที หลังจากนั้นคลิปนี้ก็กลายเป็นที่โด่งในประเทศจีน     หลังจากผ่านไปก็ได้มีคนแสดงความคิดเห็นออกมาว่า “ฉันก็เคยเห็นคนประเภทนี้ (คนที่นอนหลับ) ที่สนามบินเหมือนกัน มันแย่มากๆ” / “เขาเอารองเท้าไปทิ้งจริงๆเหรอ? มันจะดีกว่ามั้ยถ้าไปบอกคนที่หลับเกี่ยวกับสิ่งที่เขากำลังทำอยู่” ถูกหรือผิดอันนี้ต้องให้คุณตัดสินเอาเอง แต่ที่แน่ๆ คือการนอนบนเก้าอี้ยาว ซึ่งเป็นที่สาธารณะแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เห็นแก่ตัวเป็นอย่างมาก ที่มา rocketnews24

สีมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเราเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคุณผู้หญิงทั้งหลายที่มีสายตาที่เฉียบ สามารถแยกสีลิปสติกได้หลากหลาย โดยที่ผู้ชายมองได้แค่ว่ามันคือสีแดงธรรมดา แล้วสีอะไรนะที่เป็นสีที่น่าเกลียดที่สุดในโลก     กลุ่มสำรวจทางการตลาดในประเทศออสเตรเลียได้ทำการสอบถามผู้สูบบุหรี่ 1,000 คน เพื่อหาว่าสีไหนที่ไม่ชอบมากที่สุด แล้วสีที่ว่านั้นก็คือสี PANTONE 448C หรือชื่อที่คนเรียกกันคือ “opaque couché”     สีของมันก็จะออกน้ำตาลแกมเขียว มีความเกี่ยวข้องกับความตาย สิ่งสกปรก และ สารเสพติดในบุหรี่ ซึ่งเป็นการดีที่จะเอามาใช้รณรงค์ในการลดการสูบบุหรี่ลง และตอนนี้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยาสูบในออสเตรเลียก็จะมีภาพคำเตือนเกี่ยวกับสุภาพพร้อมกับใช้สีนี้ไปด้วย และในอนาคตที่ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ และอังกฤษก็จะใช้ตามด้วยเช่นกัน   สำหรับคนสูบบุหรี่แล้ว อยากรู้ว่าเวลาได้มองเห็นสีนี้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้าง? ที่มา designtaxi

ผู้หญิงนั้นเริ่มสนใจในความสวยความงามตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ แล้ว เพราะได้รับอิทธิพลจากสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทีวี โฆษณา การ์ตูน และตอนนี้ก็มีอินเตอร์เน็ตที่เข้าถึงได้ง่ายอีกด้วย และสิ่งที่จะมาแทนความงดงามที่เด็กสามารถจับต้องได้ก็คือตุ๊กตานั่นเอง เหมือนอย่างเด็กน้อย Emma วัย 10 ขวบจากเท็กซัสคนนี้ที่เธอได้รับตุ๊กตาที่เหมือนกับเธอ เนื่องจากเธอพิการขาข้างขวามาตั้งแต่กำเนิด เราไปชมคลิปความประทับใจนี้กันเลย ใครดูไม่ได้ เข้าไปดูที่นี่จ้า   A Step Ahead Prosthetics ได้ทำการเซอร์ไพรซ์เธอ ด้วยตุ๊กตาจาก The American Girl Doll ซึ่งทำออกมาเพื่อเป็นกำลังใจให้เธอ จนทำให้คนดูคลิปนี้มียอดวิวสูงถึง 25 ล้านวิวแล้ว   “นี่ล้อหนูเล่นใช่มั้ยเนี่ย มีขาเหมือนหนูเลย!!” คือคำพูดที่เด็กน้อยคนนี้พูดออกมาหลังจากได้เห็นตุ๊กตา แล้วก็หยิบมากอดทันที พร้อมทั้งน้ำตาแห่งความสุข เราเห็นแล้วก็มีความสุขตามไปด้วยเลย ที่มา distractify

นิ้วเท้าถือเป็นอวัยวะที่ไม่รู้จะเอาไว้ใช้ทำอะไร ถ้าคนชอบหักนิ้วก็คงจะเอาไว้ฟินเวลาได้หักนิ้วเท้า แต่บางครั้งมันก็ช่วยยึดจับอะไรได้บางโอกาส แต่ก็ไม่ได้เอาไว้หากินอะไรมากมาย แต่แล้วก็ได้เกิดกระแสหนึ่งขึ้นมา เมื่อนักศึกษาสาวจากมหาวิทยาลัย Tunghai University ชาวไต้หวันได้ทำการโพสต์ภาพนิ้วเท้าอันยาวเหยียดของเธอ ดูผ่านๆ นึกว่านิ้วมือ พร้อมกับโชว์ทักษะบางอย่างที่ทำให้ชาวเน็ตเห็นแล้วต้องอยากลองทำตามแน่นอน   เราไปดูความยาวของนิ้วเท้าของเธอกันก่อน เมื่อเอาไม้บรรทัดมาวัดแล้ว ได้ประมาณ 5 เซนติเมตรหรือประมาณ 2 นิ้ว แล้วทีนี้ลองวัดของตัวเองดูซิว่ายาวแค่ไหน   เธอสูงเพียงแค่ 151 ซึ่งถือว่าปกติตามขนาดตัวของผู้หญิงเท่าไป แต่ทำไมนิ้วเท้าของเธอถึงยาวได้ขนาดนี้ ไม่เพียงเท่านั้น นิ้วของเธอยังสามารถประสานกันเหมือนกันเอามือประสานกันเลย   เทียบให้ดูระหว่างมือกับเท้า   #เหมียวสามสี เชื่อว่าหลายคนก็กำลังคิดจะลองทำตามอยู่เหมือนกันใช่ไหมล่ะ ใครทำได้ก็ถ่ายรูปมาอวดหน่อยนะ อยากเห็น ส่วนตัวเหมียวทำไม่ได้ ที่มา dailymail

สาวๆ หลายคนพยายามจะลดความอ้วนแต่ไม่สำเร็จสักที เพราะไม่มีแรงบันดาลใจหรือมีวินัยมากพอ แต่เมื่อพวกเธอเหล่านั้นถูกหนุ่มๆ บอกเลิก ก็ทำให้เกิดแรงฮึดจนผมเพรียวมานักต่อนักแล้ว เช่นเดียวกับเรื่องราวของหญิงสาวรายนี้…     นี่เป็นเรื่องราวของสาวร่างท้วมที่ชื่อว่า Laura Micetich อาชีพคุณครู จากรัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีน้ำหนักมากถึง 136 กิโลกรัม เธอเป็นสาวอ้วนที่ต้องต่อสู้กับความอยากอาหารตลอดเวลา “ฉันต้องเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อหาอะไรมากิน มันเป็นอะไรที่เสพติดมาก” Laura กล่าว     Laura เริ่มรู้สึกว่ารูปร่างของเธอนั้นกำลัง “ข่มขู่” เธออยู่ หลังจากนั้นเธอก็เลิกกับแฟนที่คบกันมาได้ 4 ปี เธอจึงเอาแรงฮึดตรงนั้นมาเปลี่ยนเป็นพลัง เพื่อพิชิตหุ่นเผละๆ ของเธอ แม้จะคิดถึงการลดน้ำหนักด้วยการผ่าตัด แต่เธอก็เปลี่ยนใจไปเข้ายิมแทน     เมื่อน้ำหนักของเธอเริ่มลดลงไปได้ประมาณ 1-2 กิโลกรัม เริ่มก็เริ่มมีแรงจูงใจมากขึ้น จึงทำมันต่อไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันเลย เพียงแค่ 2 ปีหลังจากที่เธอเริ่มออกกำลังกาย รูปร่างของเธอก็เปลี่ยนไปแบบจำไม่ได้เลย คนรอบๆ ตัวของ Laura ได้แต่สงสัยว่าเธอผอมขนาดนี้ได้ยังไง จึงถามว่าไปศัลยกรรมหรือกินยาลดความอ้วนชนิดไหนมาหรือเปล่า แต่เธอก็ได้แต่ตอบว่าไม่ใช่ เพราะเธอเข้ายิมและกินอาหารคลีน จนน้ำหนักมันค่อยๆ หายไปเอง     Laura บอกว่า “ผู้คนคิดว่าฉันไปศัลยกรรมมา แต่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติเลย ฉันออกกำลังกายอย่าง…

การจากลาเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเสมอ และแน่นอนว่าไม่มีใครที่หลีกเลี่ยงมันได้เลย ไม่วันใดวันหนึ่งเราก็ต้องจากไป…แล้วเพื่อนๆ เคยคิดไว้หรือยังว่าก่อนตายนั้นอยากจะทำอะไรก่อนบ้าง? วันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวสุดสะเทือนใจ และอีกนัยหนึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าประทับใจเช่นกัน ของทหารผ่านศึกที่รู้ตัวว่าใกล้จะจบชีวิตลง เขาจึงขอพบกับเพื่อนรักของเขาที่เป็น ‘ม้า’ ครั้งสุดท้ายก่อนจะจากไป   Roberto Gonzalez เคยเป็นทหารผ่านศึกที่เวียดนามมาก่อน แต่ในปี 1970 เขาได้รับบาดเจ็บจากการถูกข้าศึกยิง จึงทำให้เขากลายเป็นอัมพาตตั้งแต่นั้นมา   ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นอัมพาตแต่เขาก็ได้ทำตามความฝันของตัวเองซึ่งก็คือเป็นคนฝึกม้า ในบ้านเกิดของเขาที่เมือง Premont ในรัฐ Texas เขาได้ดำเนินชีวิตด้วยการทำอาชีพนี้มากว่า 40 ปี และมีม้าคู่ใจอยู่สองตัวด้วยกันนั่นก็คือ เจ้า Sugar และ Ringo   และในวันสุดท้ายก่อนที่เขาจะจากไปเนื่องจากสุขภาพที่ทรุดโทรมลงอย่างหนัก ภรรยาสุดที่รักของเขาก็รู้ได้เลยว่าเขาต้องอยากพบเจ้าม้าเพื่อนรักของเขาเป็นครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน โดยเธอกล่าวว่า ‘ม้าคือชีวิตของเขา เป็นความใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กๆ แค่มองตาก็รู้แล้วว่าก่อนจากไปเขาต้องการอะไร’   ครอบครัวของเขาก็เลยพาเจ้า Sugar และ Ringo ขึ้นรถจาก Premont ข้ามเมืองมายัง San Antonio เป็นระยะทางกว่า 240 กิโลเมตรเลยทีเดียว และแน่นอนว่าเจ้าม้าก็จำคุณลุง Gonzalez ได้ด้วย ช่างเป็นภาพของมิตรภาพที่งดงามจริงๆ…

อื้อหืออออ จะว่าไปก็คล้ายๆ ประเทศๆ หนึ่งเลยนะเนี่ย อิอิ ล่าสุดนี้กระทรวงการป้องกันมาตุภูมิแห่งประเทศรัสเซียก็ได้แพร่ภาพของ Vladimir Putin’s Soldiers of Tomorrow หรือกองทหารแห่งอนาคตของปูติน ออกมาให้โลกภายนอกได้ชมกันล่ะ ซึ่งแน่นอนว่าได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหูมากมายเลยทีเดียวจากนักวิชาการ (และที่สำคัญถูกนำไปเปรียบเทียบกับกองทัพ Hitler Youth ของจอมเผด็จการในอดีตซะด้วย!!!)   ในภาพที่ปล่อยออกมานี้จะเห็นได้ว่ามีเด็กๆ นักเรียนตัวน้อยๆ อยู่ร่วมด้วย   สำหรับเด็กๆ ก็จะมีอายุตั้งแต่ 10 – 18 ปีเป็นต้นไป โดยจะได้รับการฝึกสอนให้ยิงปืน ประกอบปืน กระโดดร่ม และการใช้เครื่องไม้เครื่องมือในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นพวกเขาต้องถวายคำสัตย์ปฏิญาณตนด้วย!!! “I swear to aim for victories in studies and sports, to live a healthy lifestyle, to make myself prepared for the service and labour for…

เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สาวๆ ทั้งหลายควรจะใส่ใจกันให้มากขึ้น หากว่าใครคิดที่จะอยากจะมีหุ่นที่ผอมเพรียวทางลัดด้วยการกินยาลดน้ำหนัก อาจจะทำให้เกิดอาการคลั่งผอมจนถึงขึ้นเสียชีวิตกันเลย แค่คิดก็ไม่คุ้มแล้วล่ะ     อย่างนักศึกษาชาวจีนที่มาเรียนที่สิงคโปร์นามว่า Huang Guo วัย 22 ปี ผู้มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 54 กิโลกรัม สูง 154 เมตร ดัชนีมวลกายอยู่ที่ 22.8 ซึ่งก็ถือว่าเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมแล้ว แต่เธออยากจะผอมมากกว่านี้อีก ก็เลยตัดสินใจสั่งซื้อยาลดความอ้วนมาจากคลีนิกแห่งหนึ่งในประเทศไทยมา โดยไม่มีฉลากกำกับหรือข้อมูลการใช้ยามาให้เลย     จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ในขณะที่เธอกำลังร้องเพลงคาราโอเกะอยู่ในร้าน K-Box, Cathay Cineleisure เธอเกิดอาการล้มพับไปดื้อๆ หลังจากที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลได้เพียงไม่นาน เธอก็เสียชีวิตแล้ว     ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการชันสูตรพบว่าในเลือดของเธอมีปริมาณสารของยา Phentermine เกินขนาดถึง 8 เท่า เป็นยาที่ใช้กระตุ้นสำหรับการลดน้ำหนักระยะสั้น ลดความอยากอาหาร อีกทั้งยังพบสารของยา Fluoxetine เป็นยารักษาโรคซึมเศร้าที่มีผลข้างเคียงลดความอยากอาหารเช่นกัน จึงสรุปผลได้ว่าเธอเสียชีวิตอันเนื่องมาจากการใช้ยาลดน้ำหนักเกินขนาดจากตัวยา 2 ชนิด จนทำให้เกิดอาการร้ายแรงเฉียบพลัน     สายสืบของตำรวจยังพบห่อยาอีกจำนวน 41…

ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เราได้ยินข่าววีรกรรมนักท่องเที่ยวจีนมากมายที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับประเทศต่างๆ ทั่วโลก อาจเพราะประเทศจีนมีประชากรเยอะ ทำให้คุณภาพของเหล่านักท่องเที่ยว มีความหลากหลายค่อนข้างมาก แน่นอน ทางรัฐบาลจีนเองก็ตระหนักรู้ว่า นักท่องเที่ยวจีนกำลังกลายเป็นปัญหาระดับนานาชาติ ด้วยเหตุนี้เอง ทางกระทรวงการท่องเที่ยวจีน ได้ออกกฎเหล็ก 9 ข้อให้เหล่านักท่องเที่ยวได้ปฏิบัติตาม ซึ่งถ้าใครฝ่าฝืน อาจถูกแบนไม่ให้ออกประเทศเป็นเวลา 2-5 ปีเลยทีเดียว จะมีอะไรบ้าง ไปชมกันเลย   1. ยุ่งเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยของอากาศยานหรือระบบขนส่งสาธารณะต่างๆ   2. ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ   3. ลบหลู่วัฒนธรรมหรือวิธีชีวิตของคนท้องถิ่น   4. ทำลายโบราณสถาน โบราณวัตถุ   5. ยุ่งเกี่ยวกับการพนัน การค้าประเวณี หรือการใช้ยาเสพติด   6. คุกคามหรือสร้างความรู้สึกไม่ปลอดภัยให้กับผู้อื่น   7. ทำลายธรรมชาติ หรือฝ่าฝืนข้อห้ามเกี่ยวกับสัตว์ป่า หรือคุกคามความปลอดภัยของสัตว์ป่าและป่าไม้   8. ทำพฤติกรรมเสื่อมๆ ในแนวอนาจาร   9. มีพฤติกรรมที่ทำให้เกิดทัศนคติแง่ลบอื่นๆ   เรียกว่าห้ามครบทุกอย่างจริงๆ…

วัยเด็กเป็นวัยที่ต้องการกำลังใจและแรงสนับสนุนเป็นอย่างมาก ในการทำสิ่งต่างๆ หรือแม้กระทั่งยามที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนคนอื่น เนื่องจากในวันที่ 1 มิถุนายนเป็นวันเด็กสากล ซึ่งทางตำรวจในประเทศอัลบาเนียจึงตัดสินใจที่จะทำเซอร์ไพรซ์เด็กๆ ด้วยการแต่งตัวเป็นซุปเปอร์ฮีโร่เหมือนที่เราดูในหนัง แล้วก็ออกไปหาเด็กๆ ที่โรงพยาบาล เพื่อให้กำลังใจเด็กเหล่านั้น   อีกทั้งการเปิดตัวก็ไม่ธรรมดาด้วย เพราะโรยตัวมาจากหลังคา เราไปชมภาพความประทับใจนี้กันเลย . . . . . . . . . .   แนะนำให้ดูคลิปด้วย อลังการงานสร้างมากๆ   ดูแล้วช่างเป็นตำรวจที่ใจดีจริงๆ ทุกคนดูรักเด็กมากๆ ที่มา boredpanda

คุณแม่บางคนเมื่อมีลูกแล้วก็มักจะปล่อยตัวปล่อยร่างกายให้เป็นไปตามสภาพ (พูดง่ายๆ ก็เผละนั่นแหละ) แต่กับคุณแม่ชาวมะกันรายนี้กลับไม่ปล่อยให้สังขารของตัวเองมาทำอะไรได้ ตั้งแต่หลังคลอด เธอก็ออกกำลังหายอย่างหนักหน่วง จนมีกล้ามที่สวยงามแซงหน้าคุณพ่อไปแล้ว!?     เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยเรื่องราวของนาง Simone Gately วัย 34 ปี จากเมืองแฮลิแฟกซ์ ประเทศแคนาดา เธอเป็นคุณแม่ของลูกๆ กว่า 5 คน แต่ถึงจะตั้งท้องมาเยอะขนาดนี้ เธอก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าหุ่นสวยๆ นั้นไม่ใช่เรื่องยากที่เธอทำไม่ได้     Simone ออกกำลังกายอย่างจริงจังวันละ 2 ครั้งต่อวัน โดยเริ่มตื่นตั้งแต่ตี 5 มาเข้ายิม เสร็จจากนั้นก็แต่พาหมาไปเดินเล่น ไปปีนเขาต่อ หรือแม้แต่การนำลูกๆ ของเธอมานั่งบนหลังเพื่อถ่วงน้ำหนักในท่าสควอช ก็ช่วยให้การออกกำลังกายของเธอสนุกสนานยิ่งขึ้น     คุณแม่ Simone ยืนยันว่าเธอมีร่างกายที่น่าประทับใจ และการออกกำลังกายอย่างเคร่งครัดไม่ได้ทำให้การใช้ชีวิตของเธอในด้านอื่นๆ เสียหาย และเธอเองก็อยากจะโชว์ให้คุณแม่คนอื่นๆ เห็นว่าแม้จะมีลูกแล้ว พวกคุณก็ไม่มีข้ออ้างที่จะปล่อยร่างกายให้หย่อนย้วยไปตามกาลเวลานะ     นอกจากจะมีสุขภาพที่ดี สามีของเธอ…

กลายเป็นข่าวโด่งดังต่อเนื่องมาหลายวันเลยทีเดียว สำหรับกรณีของเจ้าฮาเรมเบ กอริลล่าวัย 17 ปีที่ถูกฆ่าตายในสวนสัตว์และสวนพฤกษศาสตร์ซินซินเนติ รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา เพียงเพราะมีเด็กพลัดตกลงไปในกรงของมัน   เจ้าหน้าที่สวนสัตว์เกรงว่ามันจะทำอันตรายจึงต้องลงมือฆ่ามันซะก่อน หลังจากการการตายของเจ้าฮาเรมเบ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง ถึงการกระทำที่เกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ บางกระแสบอกว่ามันพยายามจับมือเด็กเพื่อแสดงความปกป้องด้วยซ้ำ แต่ดันถูกฆ่าตายก่อน   ล่าสุดดูเหมือนจะไม่ได้เป็นอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจแล้วล่ะ เพราะเมื่อวันที่ 2 มิถุนายนที่ผ่านมา นาง Amanda O’Donoughue อดีตผู้ดูแลสัตว์ในสวนสัตว์ได้ออกมาเปิดใจผ่านเฟซบุ๊กของเธอ ว่า ความจริงแล้วมันอาจจะไม่ได้ปกป้องเด็ก แต่กำลังข่มขู่มากกว่า   เธอเขียนข้อความไว้ว่า “ตอนนี้เจ้ากอริลล่ากลายเป็น “ยักษ์ใจดี” ไปแล้ว เมื่อเปรียบเทียบมันกับลิงชิมแปนซี ที่เป็นญาติของมัน แต่ด้วยน้ำหนัก 180 กิโลกรัม มันจึงมีความแข็งแรงมากกว่าผู้ใหญ่ถึง 10 เท่า มันมีหน้าที่เดียวคือปกป้องพวกพ้องของมัน มันจะทำการข่มขู่อะไรก็ตามที่มันรู้สึกว่าเป็นภัยคุกคาม”     “ฉันได้ดูวิดีโอนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้าฮาเรมเบมีอาการเม้มปาก มันค่อนข้างเป็นฝันร้ายของผู้คุมสวนสัตว์เลยนะ และฉันมีงานมากมายต้องทำร่วมกับพวกมัน” “งานนี้จะชะล่าใจไม่ได้ กอริลล่าใจดี ขี้สงสัย และบางครั้งก็ดูติงต๊อง แต่พวกมันมีร่างกายที่ใหญ่มาก เป็นสัตว์ที่แข็งแรง ฉันตรวจแล้วตรวจอีกว่าประตูล็อคแน่หนาไหมเพื่อให้มั่นใจว่าสัตว์เหล่านั้นจะอยู่ในการควบคุมของฉัน”    …

วันที่ 1 มิถุนายน 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศ ได้เผยภาพพร้อมคลิปวีดีโอชวนฮาของหนุ่มรายหนึ่ง จากประเทศเวียดนาม ซึ่งคลิปวีดีโอนี้ เรียกได้ว่าทำเอาชาวเน็ตที่ได้เห็นต่างก็พากันขำกลิ้งไปตามๆ กัน เพราะจากภาพเราจะเห็นได้ว่าหนุ่มรายนี้ กำลังขี่มอเตอร์ไซค์ด้วยท่าทางสุดเฟี้ยวฟ้าว และไม่ปกติเหมือนคนทั่วๆ เนื่องจากเขาทั้งขี่ไปด้วย และขนพรมนับสิบม้วนไปด้วย ก็เลยจำเป็นจะต้องเล่นท่ายากกันสักหน่อย ว่าแต่…มันดูลำบากไปไหมเนี่ย ฮร่าๆ     สำหรับหลายๆ คนแล้ว การขนพรมนับ 10 ม้วนบนรถมอเตอร์ไซค์อาจจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับคุณ แต่ถ้าเป็นพี่คนนี้ละก็ บอกเลยว่าชิวๆ เพราะเขาสามารถนำม้วนพรมมาวางไว้ที่ส่วนหน้าของรถ จนจะกินพื้นที่ของส่วนเบาะเกือบทั้งหมดอยู่แล้ว จากนั้นพี่แกก็ขึ้นไปนั่งคร่อมบนพรม มือก็เอื้อมไปจับแฮนด์รถ แล้วค่อย ๆ ขับเคลื่อนรถไปตามทางอย่างช้าๆ ตามภาพเลย….     เราลองไปชมคลิปกันเลยดีกว่า   ยังไงก็ต้องนับถือความสามารถและความอดทนของพี่แกเลยนะเนี่ย ที่สามารถขนพรมนับสิบไว้บนมอเตอร์ไซค์ได้เพียงคันเดียว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาพที่ออกมามันจะดูฮา แต่ในเรื่องของความปลอดภัยก็น่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย เพราะถ้าหากทรงตัวไม่ดี มันอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ยังไงใครที่ดูอยู่ก็อย่าไปทำตามเด็ดขาดเลยน้า แล้วอย่าหาว่าเราไม่เตือน!! ที่มา : dailymail

ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่เกิดจากการรวมตัวกันของหลายๆ รัฐ เป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ลักษณะรูปร่าง ความแตกต่างทางภาษามากที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ภูมิใจกับความเป็นอเมริกันชนและเหยียดเชื้อชาติอื่นๆ อยู่เหมือนกันนะ   เรื่องราวที่#เหมียวฟิ้นจะมานำเสนอในวันนี้ถือเป็นดราม่าที่กำลังโด่งดังในต่างประเทศเลยทีเดียว เป็นเรื่องราวที่ถูกบอกเล่าผ่านเฟซบุ๊กของหญิงสาวชาวจีนที่ใช้ชื่อว่า Peiyin Shih เธอได้ขับรถไปยังร้าน Dunkin’ Donuts ในเมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกาพร้อมกับลูกและพี่เลี้ยงเด็ก     หญิงสาวได้สั่งเครื่องดื่มช็อคโกแลตร้อน น้ำผลไม้และโดนัทเคลือบช็อคโกแลตด้วยสำเนียงของตัวเอง แต่พนักงานกลับบอกให้เธอเรียกชื่อโดนัทใหม่อีกรอบ เพราะเขาฟังไม่รู้เรื่อง เธอจึงชี้ไปที่ป้ายโดนัทและบอกว่าเธอต้องการโดนัทเคลือบช็อคโกแลต   แต่พนักงานจอมกวนก็ตอบกลับเธอว่า “อะไรนะ คุณพูดว่าอะไรนะ?” เธอเริ่มจะหงุดหงิดและบอกว่าเธอต้องการโดนัทเคลือบช็อคโกแลต แต่พนักงานรายนี้กลับไม่มีทีท่าว่าจะช่วยเธอหรืออะไรเลย แต่ยังยืนยันกับเธอด้วยคำพูดเดิมว่า “คุณต้องพูดชื่อโดนัทใหม่อีกรอบ”     หญิงสาวเริ่มจะเหลืออดและบอกว่า “ทำไมฉันต้องพูดชื่อเต็มๆ ของโดนัทด้วยในเมื่อคุณก็รู้อยู่แล้วว่าฉันต้องการอะไร คุณแค่ต้องการจะล้อเลียนฉันเท่านั้น” เมื่อเห็นพนักงานเป็นแบบนี้ เธอก็เลยบอกว่าเธออยากจะคุยกับผู้จัดการ   แต่พนักงานตัวแสบกลับบอกว่าผู้จัดการไม่ได้อยู่ที่นั่น “คุณคิดว่าเขาจะอยู่ที่นี่ตลอดเลยหรือไง? วันนี้วันหยุดของเขา เขาต้องกลับบ้านซิ”  หญิงสาวจึงถามว่าพนักงานคนนั้นชื่ออะไร พนักงานจึงชี้ไปที่ป้ายชื่อของเขาและบอกว่า “นี่คือชื่อของผม คุณรู้ใช่ไหมว่าต้องอ่านยังไง?”   แม้ว่าเธอจะยืนยันว่าจะพบผู้จัดการแค่ไหนก็ตาม แต่พนักงานก็ยังเพิกเฉยกับเธอ ต่อมาดูเหมือนสถานการณ์จะเลวร้ายขึ้นไปอีก เมื่อมีลูกค้าผู้ชายอีกคนเดินเข้ามาหาเธอแล้วเริ่มกรี๊ดใส่ จากนั้นเธอก็เลยใช้มือถือบันทึกภาพของพนักงานและลูกค้า Dunkin’ Donuts สุดแสบคนนี้เอาไว้     เมื่อเขาเห็นดังนั้นก็เลยหยุดทำท่าล้อเลียนใส่เธอ แต่ลูกค้าสุดป่วนอีกคนกลับเดินมาตะโกนลั่นใส่หน้าเธอ พร้อมกับบอกว่าเขาจะเขวี้ยงมือถือของเธอออกไปไกลๆ เธอจึงตอบโต้ด้วยการบอกว่าหากมาแตะต้องตัวเธอนิดเดียวเธอจะแจ้งตำรวจ  …

สำหรับการขับขี่รถบนท้องถนนแล้ว เราจะรู้ว่าต้องปฎิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพราะหากเราละเลยตรงจุดนี้ ก็จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ เจ้าหนูน้อย Robbie Richardson วัย 6 ขวบ ผู้อยู่อาศัยในเมือง Quincy รัฐ Massachusetts ถึงแม้ว่าอายุของเขาจะยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะได้ใบขับขี่ แต่เขาก็เข้าใจถึงสัญญาณไฟจราจรเป็นอย่างดีว่า ไฟเขียว=ไปได้, ไฟเหลือง=ให้ชะลอ, และ ไฟแดง=หยุด     เจ้าหนูผู้ฉลาดหลักแหลมนี้ได้ทำการโทรหาเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อแจ้งความว่าพ่อของเขาได้ทำการแหกกฎจราจรด้วยการฝ่าไฟแดง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้นำเรื่องราวสุดน่ารักนี้ไปโพสท์ที่หน้าเพจเฟซบุ๊คอย่างเป็นทางการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมือง Quincy ด้วย 555+ ลองไปฟังคลิปเสียงกันได้เลยจ้า…   #เหมียวหง่าว แปลบทสนทนาคร่าวๆ ได้ดังนี้… หนุ่มน้อย : ‘คุณตำรวจครับ พ่อของผมขับรถฝ่าไฟแดง เป็นรถกระบะคันสีดำใหม่เอี่ยม ของคุณแม่’ เจ้าพนักงาน : ‘เกิดอะไรขึ้นจ๊ะเจ้าหนู?’  หนุ่มน้อย : ‘เราต้องเอารถไปล้างที่ร้านรับล้างรถหลังจากนั้นคุณพ่อก็ขับรถวิ่งฝ่าไปแดงไปเฉยเลย’   หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ขอพูดสายกับคุณพ่อของเจ้าหนูน้อย และเจ้าหนูก็รีบเอาโทรศัพท์ไปให้พ่อของเขาคุย   คุณพ่อของเจ้าหนู : ‘ผมต้องขออภัยกับสิ่งที่ลูกชายของผมได้ทำลงไปด้วย แกอายุแค่ 5 ขวบ’ เจ้าพนักงาน : ‘ไม่เป็นไรครับ เขาก็แค่อยากให้เรารู้ว่าคุณขับรถฝ่าไฟแดง’ คุณพ่อของเจ้าหนู :…

เราคงเคยเห็นการนวดส่วนต่างๆ ของร่างกายมาแล้ว ทั้งนวดแผนใหม่ แผนโบราณ นวดน้ำมัน นวดหน้า นวดเท้า แต่ใครจะไปเชื่อล่ะว่าตอนนี้เราจะมีการนวดรูปแบบใหม่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้แล้ว นั่นก็คือการ ‘นวดจิ๊มิ’!?     ขอออกตัวล้อฟรีก่อนเลยว่าข่าวนี้#เหมียวฟิ้นไม่ได้ตั้งใจจะทะลึ่งหรือหื่นอะไรเลยนะ แต่คงต้องรายงานไปตามความจริงล่ะ เพราะเมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ Women’s Health ได้เปิดเผยว่าปัจจุบันมีการประกอบธุรกิจการนวดจิ๊มิเกิดขึ้นแล้วที่ลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา     นาง Isis Phoenix ผู้ประกอบการธุรกิจการนวดโยนี (หรือการนวดจิ๊มิ) บอกว่าการนวดกับหมอนวดของเธอนั้นจะต้องเสียค่านวดครั้งละประมาณ 300 เหรียญดอลลาร์ หรือประมาณ 10,660 บาท สาเหตุที่มีราคาสูงขนาดนี้ก็เพราะว่ามีการใช้สมุนไพรหลายๆ ตัวที่ช่วยให้สุขภาพดี มีการอบไอน้ำ และมีการนวดคลายความตึงเครียดที่บริเวณช่องคลอด     เพื่อให้เห็นภาพชัดๆ ว่าธุรกิจนี้สามารถดำเนินไปได้โดยมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการจริงๆ เว็บไซต์ Metro จึงได้มีการไปสัมภาษณ์ผู้ประกอบธุรกิจแนวนี้ในประเทศอังกฤษอย่าง Alexey Kuzmin และ Katie Travis ถึงรูปแบบการดำเนินธุรกิจ     พวกเขาทั้งสองคนเปิดบริการนวดช่องจิ๊มิที่กรุงลอนดอน และได้ให้คำมั่นว่าการนวดจะให้ประโยชน์มากมาย ทั้งทางด้านสุขภาพจิต ปรับปรุงระบบร่างกาย ช่วยผ่อนคลายความวิตกกังวล ช่วยให้คุณรู้สึกดีกับตนเองและถึงจุดสุดยอด…

หลายคนคงรู้จักภาพยนตร์เรื่อง “คน กีต้าร์  แมว” หรือ Inside Llewyn Davis ซึ่งเป็นเรื่องราวอันแสนรันทดของนักดนตรี loser คนหนึ่ง และครั้งนี้ก็เป็นเรื่องราวที่คล้ายๆ กัน แต่อาจจะเป็นเรื่องราวที่จะทำให้คุณอ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจขึ้น     เล่าย้อนไปถึงชีวิตของ เจมส์ โบเว็น ชายหนุ่มที่มีปัญหาทางด้านครอบครับที่แตกแยก จนทำให้เขาต้องออกมาใช้ชีวิตเร่ร่อน เป็นคนไร้บ้าน จนกระทั่งหลงผิดไปเสพเฮโรอีน เพราะว่าคนรอบข้างพาไป และเขาก็คิดว่าชีวิตนี้ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว ชีวิตเขาแย่ลงเรื่อยๆ จนเกือบตาย จนกระทั่ง 10 ปีต่อมาก็ได้มาพบเจอกับเจ้าแมวตัวหนึ่ง ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน มันตามเขาไปทุกที่ ไล่ให้ไปก็ไม่ยอม จนกระทั่งเขายอมให้มันไปไหนมาไหนด้วยจะกลายเป็นเพื่อนกันในที่สุด     เจมส์ตระเวนไปเล่นดนตรีข้างถนน โดยมีเจ้าแมวตามติดไปด้วยตลอด ทำให้คนที่เดินผ่านไปมาเห็นแล้วน่ารัก เอาอาหารแมวและชุดต่างๆ มาให้มัน     เจมส์บอกว่าแมวตัวนี้เองที่ทำให้เขาเลิกเสพยา และทำให้เขาเรียนรู้การใช้ชีวิต เหมือนได้เติบโตขึ้นอีกขั้น จนทำให้แมวมองมาเห็นเรื่องราวของเขา และนำไปทำหนังสือที่มีชื่อว่า A Street Cat Named Bob จนขายดิบขายดี     ถือเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจ…

ไม่รู้ว่าใครเป็นคนกำหนดว่าฮิปสเตอร์นั้นต้องกินกาแฟ และต้องไม่ใช่กาแฟธรรมดานะ ต้องเป็นกาแฟดริปหรืออะไรที่มันล้ำไปกว่านั้น ซึ่งบ้านเราก็มีอยู่เหมือนกัน อีกหนึ่งกาแฟที่กำลังเป็นที่นิยมคือการแฟแบบที่แยกขวดทุกอย่างมาให้แล้วให้เราผสมเอง ซึ่งคนที่รักกาแฟส่วนมากก็เลือกกาแฟที่มันทำมาให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องมาผสมเองแบบนี้หรอก Jamilia Rizvi เธอเป็นคนธรรมดาที่อยากจะดื่มกาแฟ แต่แล้วก็มาเจอแจ็กพอต เมื่อร้านที่เธอเข้าไปนั้นเสิร์ฟกาแฟแนวใหม่ (จริงๆก็ไม่ใหม่นะ) ที่ต้องผสมทุกอย่างเอง เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกรสชาติที่ต้องการ   แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ถูกใจเธอสักเท่าไหร่ เธอก็เลยโพสต์ลงเฟซบุ๊กว่าเดือดๆ ใจความว่า ขอโทษนะเมลเบิร์น แต่ไม่เอานะ ไม่เอา ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ฮิปสเตอร์นี่ไปไกลจนต้องเอากาแฟมาแยกส่วนแล้วเหรอ ฉันรอมา 20 นาที เพื่อที่จะได้กาแฟ แต่นี่ฉันได้อะไรที่ไม่ได้หวังไว้ ฉันต้องการกาแฟ ไม่ใช่การทดลองวิทยาศาสตร์ ฉันอยากจะดื่มกาแฟจากแก้ว ไม่ใช่จากบีกเกอร์ แล้วไงต่อ? ได้เขียงมาพร้อมกับเมล็ดกาแฟจริงๆ แล้วก็มีที่ใส่เหมือนหมวกกลับหัว มันไม่ควรเป็นแบบนี้นะเมลเบิร์น มันควรหยุดได้แล้ว   หลังจากที่เธอโพสต์ไป ก็มีคนแชร์ไปเกือบ 5,000 คน กดไลก์อีก 22,000 คน อีกทั้งยังมีคอมเม้นมาเล่าประสบการณ์ร้านกาแฟสุดโหดอีกมากมาย ลองตามไปอ่านได้ที่โพสต์นี้เลย   ไม่รู้ว่าที่บ้านเขาเพิ่งมีหรือยังไง แต่อยากบอกว่าที่บ้านเรามีมาเป็นปีแล้วนะ แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับฮิปสเตอร์มากมาย คนส่วนมากก็มักจะไปถ่ายรูปกันมากกว่า…

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม เว็บไซต์ The Coverage ได้รายงานว่า Kelly Murphy หญิงสาววัย 28 ปี ได้ทำการโทรหาแฟนเก่าของเธอ Randy Williams แบบไม่หยุดตลอด 1 สัปดาห์ จนทำให้ชายหนุ่มคนนั้นถึงกับเครียด ไม่ใช่เฉพาะโทรหา 27,639 สายเท่านั้น เธอยังส่งอีเมล์ตื้ออีก 937 ฉบับ ข้อความตัวอักษร 11,229 ข้อความ ข้อความเสียง 117 ครั้ง และจดหมายอีก 47 ฉบับ!!     เรื่องราวมีอยู่ว่า Kelly และ Randy คบกันมาได้ 2 สัปดาห์ แต่เหมือนว่าไปกันไม่ได้ ฝ่ายชายก็เลยขอเลิก เธอก็เลยใช้มือถือทั้ง 8 เครื่องในการกระหน่ำโทรไป 24 ชั่วโมงแบบไม่หยุด ทั้งโทรเข้ามือถือ เบอร์บ้าน ที่ทำงาน ทุกที่ที่เธอสืบได้ นอกจากนี้เธอยังซัดเครื่องดื่มชูกำลังเพื่อให้ตัวเองตื่นตัวตลอดเวลา เพื่อที่จะสามารถโทรหาเขาได้ตลอดสัปดาห์!!    …

ไม่ว่าใครก็อยากมีบ้านสวยๆ ของตัวเองใช่มั้ยละ การมีบ้านสวยๆ เหมือนเป็นสิ่งที่บ่งชี้ฐานะและรสนิยมของเจ้าของบ้านได้ แต่บางครั้งความสวยของบ้าน อาจไม่สามารถตัดสินได้จากภายนอกเพียงอย่างเดียว อย่างเช่นอพาร์ทเมนต์ที่ #เหมียวอ๊อดโด้ กำลังจะพาเพื่อนๆ ไปชมวันนี้ รับรองว่าเพื่อนๆ จะต้องอึ้งกับสภาพภายใน ที่แตกต่างจากภายนอกโดยสิ้นเชิง!!   . .   อพาร์ทเมนต์หลังนี้เป็นผลงานของบริษัทรับออกแบบและตกแต่งภายใน  Obllique จากประเทศสิงคโปร์ พวกเขาได้เนรมิตรให้ห้องขนาด 93 ตารางเมตรที่ภายนอกดูเก่าและไม่น่าอยู่ให้กลายเป็นเหมือนสรวงสวรรค์สไตล์มินิมอล . . . . .   ภายในอพาร์ทเมนต์ถูกแบ่งเป็นสัดส่วนอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องนอน และห้องครัว . .   นอกจากนี้ยังมีการใช้เฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in เพื่อให้พื้นที่ดูกว้างขึ้น . .   เหมาะสำหรับหนุ่มสาวสไตล์ฮิปสเตอร์เป็นอย่างยิ่ง . . .   ว้าว เรียกว่าผ้าขี้ริ้วห่อทองจริงๆ ดูจากภายนอกใครจะไปนึกว่ามีห้องสวยๆ แบบนี้อยู่ข้างใน ใครจะเอาไอเดียไปแต่งห้องตัวเองก็ไม่ว่ากันนะฮะ ที่มา Obllique

การหารูมเมทซักคนที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ และยิ่งหารูมเมทที่เราไม่เคยรู้จักด้วยแล้วเป็นอะไรที่ยากขึ้นไปอีก เพราะแน่นอนว่าไม่มีใครอยากอยู่ร่วมกันกับคนแปลกหน้าหรอกใช่มั้ยล่ะ? แต่วันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวที่น่าสนใจของชายหนุ่มที่ทำการค้นหารูมเมทด้วยวิธีการที่สุดแสนจะครีเอทมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน จะเป็นอย่างไรนั้นตามไปชมกันได้เลย…   ชายหนุ่มชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ในเมือง Orlando รัฐ Florida ซึ่งรูมเมทของเขาได้ย้ายออกไปเมื่อเร็วๆ นี้ เขาจึงได้คิดวิธีการหารูมเมทคนใหม่แบบสุดเจ๋งด้วยการสร้าง เว็บไซต์ ขึ้นมา   เนื่องจากว่าเขาต้องการที่จะหลีกเลี่ยงเหล่ารูมเมทที่นิสัยไม่ดีทั้งหลาย ก็เลยเลือกที่จะใช้วิธีสุดครีเอทแทนที่จะเข้าไปหาจากในเว็บไซต์ Craigslist (เว็บไซต์ที่เปรียบเสมือนชุมชน ชุมชนหนึ่งที่เป็นศูนย์กลางในการหาคู่ ซื้อ-ขายของ เป็นต้น) หรือทำการเสาะหาด้วยวิธีการสอบถามไปเรื่อยๆ   เขาได้ทำการโปรโมทด้วยการนำโปสเตอร์ไปแปะตามที่ต่างๆ ทั่วย่านดาวน์ทาวน์ในเมือง Orlando โดยเนื้อหาในโฆษณาก็จะบอกว่าหากมาอยู่ด้วยกันเขาจะทำทุกๆ อย่าง   อย่างเช่น รดน้ำต้นไม้ของคุณให้หากคุณไม่อยู่บ้าน, เก็บขยะไปทิ้งให้, จะแบ่งปันขนมที่เขามีให้ เป็นต้น โดยจะใส่เว็บไซต์ที่เข้าทำแนบเอาไว้ด้วยเพื่อให้คนที่สนใจเข้าไปกรอกใบสมัคร ซึ่งเขาก็จะทำการอ่านข้อมูลจากใบสมัครเหล่านั้นและตัดสินใจเลือกรูมเมทที่เขาคิดว่าน่าจะอยู่ร่วมกันกับเขาได้ . .   แถมในเว็บไซต์ก็ยังมีภาพของอพาร์ทเม้นท์ให้ดูด้วย โดยเขียนอธิบายถึงข้อดี และข้อเสียต่างๆ ให้เสร็จสรรพ น่ารักสุดๆ ไปเลยนะเนี่ย ><   ลองไปชมสภาพภายในของอพาร์ทเม้นท์กัน โอ้โหววววว น่าอยู่แบบสุด!!   และตอนนี้ชายหนุ่มก็ได้รูมเมทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีคนส่งใบสมัครเข้าไปเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดหย่อนเลยทีเดียว…

แน่นอนว่าการทำความผิด ผู้กระทำผิดก็ต้องถูกลงโทษตามที่กฎหมายได้กำหนด ซึ่งก็จะมีการตัดสินอีกทีหนึ่งโดยการรวบรวมพยานและหลักฐานเพื่อช่วยในการตัดสิใจคดี และผู้ตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้ายนั้นก็คือ ‘ศาล’ นั่นเอง วันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราว เกี่ยวกับคดีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นที่ประเทศไอร์แลนด์ ซึ่งการทำร้ายร่างกายผู้หญิงในประเทศไอร์แลนด์นั้นมีโทษหนักมากจนถึงกับขึ้นติดคุกได้เลยทีเดียว แต่ผู้กระทำผิดกลับรอดการติดคุก เพราะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้!?   เว็บไซต์ Metro รายงานว่านาย Davide Sanfilipo หนุ่มชาวอิตาเลียนที่อาศัยอยู่ร่วมกับแฟนสาวของเขาในประเทศไอร์แลนด์ ได้ก่อคดีทำร้ายร่างกายแฟนสาวของเขาจนเกิดรอยฟกช้ำบนใบหน้า และผมถูกจิกหลุดออกไปหลายกระจุก โดยมีสาเหตุเพราะเห็นข้อความที่เธอแอบคุยกับชายหนุ่มในโทรศัพท์มือถือ   ผู้ต้องหา Davide Safilipo   หลังจากที่ถูกจับได้ เขาถูกนำตัวไปไต่สวนที่ศาลอาญา Dublin Circuit Criminal Court แต่จำเลยถูกตัดสินให้ไม่ติดคุกเพราะว่าเขาไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ตามรายงานของสื่อในประเทศไอร์แลนด์ Irish Mirror เล่าว่า ผู้พิพากษา Martin Nolan กล่าวถึงการกระทำนี้ว่า เป็นการกระทำที่น่าอาย แต่เกรงว่า พ่อหนุ่ม Sanfillipo จะใช้ชีวิตอยู่ในคุกได้อย่างยากลำบาก   ผู้พิพากษา Martin Nolan   ก็เลยตัดสินให้เขาถูกจำคุก 2 ปี โดยรอลงอาญาไว้ก่อน และต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับแฟนสาวของเขาเป็นจำนวนกว่า…

กลายมาเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครอยากให้เกิด เพราะทางเลือกที่มีนั้นถูกบีบบังคับด้วยความจำเป็น จากกรณีที่มีเด็กตกลงไปในกรงลิงกอริลล่า Harambe ในสวนสัตว์ Cincinnati Zoo ผลสุดท้ายก็คือเจ้าหน้าที่ยิงตัดสินใจยิงกอริลล่า เพื่อการปกป้องชีวิตเด็กเอาไว้     เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป มีความคิดเห็นต่างๆ นานา เกี่ยวกับผู้ที่ควรรับผิดชอบกับชีวิตที่ต้องเสียไป บ้างก็ว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ ทำไมไม่ใช้ยาสลบ (กว่ายาสลบจะออกฤทธิ์ใช้เวลาประมาณ 10 นาที และไม่อาจรับรองได้ว่าลิงจะมีอาการดุร้ายตามมาด้วยหรือไม่) มีคลิปหลักฐานมากมายที่บ่งชี้ว่ากอริลล่าไม่ได้ทำร้าย แต่พยายามปกป้องเด็กต่างหาก อีกฝ่ายก็บอกว่าเป็นความผิดของผู้เป็นพ่อแม่ที่ปล่อยละเลยลูกของตัวเอง จนทำให้เกิดเรื่องอันน่าเศร้านี้     จนเรื่องใหญ่โตมากขึ้น กลุ่มแฮกเกอร์ Anonymous ได้ออกมาประกาศเข้าร่วมวงหาความยุติธรรมให้กับกอริลล่า Harambe ประกาศจุดยืนชัดเจนว่าแม่ของเด็ก Michelle Gregg ขาดคุณสมบัติของความเป็นแม่ ไม่สามารถดูแลลูกตัวเองได้ จึงเป็นต้นเหตุของความสูญเสียทั้งหมด และเริ่มปฏิบัติการ #OpHarambe     ทั้งนี้กลุ่มดังกล่าวอ้างตัวว่าเป็น Anonymous Ohio โดยออกมาเรียกร้องเพื่อให้มีการสอบสวนเกี่ยวกับกรณีนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งสวนสัตว์และตัวผู้เป็นแม่ที่ดูแลเด็ก เพราะจากคลิปวิดีโอหลักฐานอีกมุมหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่ากอริลล่ากำลังปกป้องเด็ก ไม่ใช่ทำร้ายเด็ก   คลิปแถลงปฏิบัติการ #OPHARAMBE     ทั้งนี้หากไม่มีการตอบสนองต่อข้อเรียกร้อง…

พูดถึงหนึ่งในสิ่งที่เป็นมาสค็อตของชาวญี่ปุ่นนอกจากตัวการ์ตูนแล้ว ก็คงจะเป็นสองตัวละครจากหนังผีชื่อดัง “ซาดาโกะ” หรือผีเดอะริง และ “คายาโกะ” หรือผีเด็กจูออนนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ ในการแข่งขันเบสบอลระหว่างทีม Hokkaido Nippon-Ham Fighters กับทีม Yakult Swallows ณ สนามซัปโปโร่โดม ในเมืองฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ ทางผู้จัดงานจึงเชิญสองผีชื่อดัง มาร่วมเปิดการแข่งขันซะเลย   โดยทั้งสองผีได้ประชันฝีมือการขว้างลูกกันกลางสนานเบสบอล และฝ่ายคายาโกะก็เป็นฝ่ายชนะไปอย่างงดงาม   โดยการแข่งขันครั้งนี้ ถือว่าเป็นหนึ่งในการโปรโมทหนังเรื่องใหม่ Sadako vs Kayako ที่กำลังจะเข้าฉายช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนในไทย ยังไม่มีรายงานว่าค่ายไหนจะนำเข้ามาฉายแต่อย่างใด . . .   ลองไปชมคลิปกันเลย   อันนี้เป็นตัวอย่างของ Sadako vs Kayako บอกได้คำเดียวว่าแฟนหนังผี ไม่ควรพลาดเลยฮะ!! ที่มา Rocketnews24

ในยุคที่ค่าครองชีพพุ่งทะยานอย่างหยุดไม่อยู่ จักรยานได้กลายเป็นพาหนะสุดคลาสสิก ที่หลายๆ คนเริ่มพิจารณากลับมาใช้อีกครั้ง เพราะจักรยานสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านค่าน้ำมัน รวมถึงทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงอีกด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยว่า การขับขี่จักรยานบนท้องถนน โดยเฉพาะยามค่ำคืนถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอันตราย โดยเฉพาะเรื่องไฟสัญญาณที่บางครั้งก็มองเห็นได้ยาก จนอาจทำให้เกิดอันตรายได้   วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมนวัตกรรมใหม่ ที่จะทำให้การขับขี่จักรยานยามค่ำคืนของเพื่อนๆ ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น จะเจ๋ง จะดีขนาดไหน ไปชมกันเลย   ไฟจักรยานดังกล่าวมีชื่อว่า LUMMA เป็นไฟจักรยานขนาดกะทัดรัดติดบริเวณปลายแฮนด์ทั้งสองข้าง โดยในหนึ่งข้างจะประกอบไปด้วย ไฟหน้า ไฟท้าย และตัวยิงเลเซอร์ลงพื้น . .   ด้วยจำนวนหลอดไฟที่มากขนาดนี้ ทำให้ผู้ขับขี่ท่านอื่น สามารถสังเกตเห็นจักรยานได้จากทุกทิศทาง 360 องศาเลยทีเดียว   นอกจากนี้ ตัวไฟยังมีแบตเตอรี่ภายในซึ่งสามารถนำมาชาร์จใหม่ได้ภายหลัง (ดูไปคล้ายๆ ดาบไลท์เซเบอร์ในสตาร์วอร์เหมือนกันนะเนี่ย)   โดยตัวผลิตภัณฑ์ถูกออกแบบด้วยสไลต์โมเดิร์นมินิมอล เรียกว่าสวยงามกลมกลืนไปกับจักรยานได้อย่างดีงาม   น่าสนใจมั้ยละเพื่อนๆ   ลองไปชมคลิปนำเสนอไฟจักรยานสุดเจ๋งนี้ดู   ตอนนี้มีการระดมทุนผ่านเว็บไซต์ Indiegogo ใครสนใจก็ลองเข้าไปร่วมระดมทุนกันได้นะฮะ ที่มา Lumma System

พูดถึง “ท่อส่ง” ที่เดินผ่านบ้านเมืองทั้งหลาย เราจะคิดถึงอะไรเป็นอย่างแรก? บางคนอาจนึกถึงท่อประปา บางคนอาจนึกถึงท่อแก๊ส แต่สำหรับในเมืองบรูจ ประเทศเบลเยียมแล้ว พวกเขากำลังจะมี “ท่อส่งเบียร์” เป็นของตนเองแล้ว De Halve Maan เป็นเบียร์ชื่อดังที่กำเนิดขึ้นที่เมืองบรูจ ประเทศเบลเยียม ชื่อเสียงของเบียร์ยี่ห้อนี้โด่งดังมาก และมียอดขายสูงพอสมควร แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดด้อยของการผลิตเบียร์ยี่ห้อนี้ก็คือ ถังหมักกับโรงงานบรรจุขวดอยู่คนละที่กัน     ด้วยเหตุนี้ทางบริษัทจะต้องบรรจุเบียร์ใส่รถบรรทุก แล้วขับออกไปส่งยังโรงงานบรรจุขวดที่อยู่นอกเมือง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของปัญหา ด้วยความที่เมืองบรูจเป็นหนึ่งในเมืองที่มีถนนหนทางแคบและเล็กที่สุดในยุโรป ทำให้เมืองนี้ประสบปัญหาการจราจรติดขัดอยู่บ่อยๆ และยิ่งต้องเพิ่มรถบรรทุกเบียร์ขนาดใหญ่วันละหลายสิบเที่ยวเข้าไป การจราจรก็ยิ่งติดมากขึ้นไปอีก Xavier Vanneste เจ้าของบริษัท De Halve Maan เริ่มตระหนักถึงปัญหานี้ นอกจากการจราจรที่ติดขัดแล้ว ค่าใช้จ่ายในการขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นค่าบำรุงรักษารถ ค่าน้ำมัน และค่าอื่นๆ ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ อีกด้วย     วันหนึ่งขณะที่ Vanneste กำลังขับรถอยู่บนถนน เขาเห็นคนงานกำลังขุดวางสายเคเบิ้ลใต้ดินกันอยู่ เขาจึงปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่า ถ้าเราวางท่อส่งเบียร์จากถังหมักไปยังโรงงานบรรจุขวด ค่าใช้จ่ายจะลดลงไปขนาดไหนกันนะ!? หลังจากนั้นเขาใช้เวลา 3 ปีในการวางแผน ค้นคว้าหาข้อดีข้อเสีย ขออนุญาตจากรัฐบาลท้องถิ่น และก่อสร้าง…

สำหรับคนที่มีแฟนแล้วต้องอยู่ห่างไกลกันล่ะก็ คงเข้าใจกันดีเลยทีเดียวว่ามันรู้สึเหงาและคิดถึงมากขนาดไหน วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีผลงานของศิลปินคนหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าเธอก็ประสบปัญหาเหล่านี้เช่นกันล่ะ ซึ่งเธอได้ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพการ์ตูนน่ารักๆ ในสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว จะตรงกับชีวิตของเพื่อนๆ มั้ย เราลองมาดูกันเลย!!   กลางคืนใครเคยเลื่อนอ่านข้อความที่เคยคุยกับแฟนบ้างเวลานอนคนเดียว?   มีหลายๆ คนบอกว่าความสัมพันธ์ของเรานั้นมันไม่จริง เดี๋ยวเค้าก็ทิ้งเราไป แต่เราไม่เชื่อแบบนั้น!!!   เวลาเดินไปที่จอดรถไกลๆ ก็อยากให้เธออยู่ข้างๆ จัง   เสื้อผ้าที่มีกลิ่นแฟนติดอยู่นี่ต้องยกขึ้นมาดมกันเลยทีเดียว   เวลาวิดีโอคอลกันนอกบ้าน…เหมือนเป็นตัวประหลาดที่คุยกับคอมพิวเตอร์ -*-   บังเอิญโทรหากันตอนนั้นพอดี ฮร่าาาาาา   ตื่นมาแล้วรู้สึกโหวงเหวง   เวลาต้องจากกันไกล…   เวลานานๆ เจอกัน จะนอนก็สวย ขนาดตื่นก็ยังสวย ^^   นอนหลับกับมือถือบ่อยๆ   ได้รับข้อความทั้งก่อนนอนและตอนตื่นทุกๆ เช้า   เวลาบอกรักกันในโทรศัพท์   เวลาส่งเสื้อผ้าไปก็ต้องพรมน้ำหอมของเราไปด้วย   ไม่ว่าตอนไหนเค้าก็อยู่กับเราเสมอ…ถึงแม้ว่าจะแค่ในหน้าจอก็ตาม   ง่วงแค่ไหนก็จะคุย อิอิ…

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวที่กลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลก คือข่าวเจ้าหน้าที่จากฐานทัพสหรัฐอเมริกาบนเกาะโอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่น ได้ก่อเหตุข่มขืนฆ่าหญิงสาวชาวญี่ปุ่นวัย 20 ปีคนหนึ่งอย่างโหดเหี้ยม จนกลายเป็นที่ไม่พอใจของคนญี่ปุ่นจำนวนมาก   นับตั้งแต่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพสหรัฐฯ ได้สร้างฐานทัพไว้หลายแห่งบนเกาะโอกินาว่า ซึ่งเคยเป็นสมรภูมิสำคัญในช่วงสงครามโลก และในฐานทัพเหล่านั้น มีทหารอเมริกันประจำอยู่กว่า 47,000 นาย ซึ่งนับตั้งแต่มีการตั้งฐานทัพขึ้นมา เหล่าทหารและเจ้าหน้าที่ในฐานทัพ ก็มีเรื่องกระทบกระทั่งกับชาวเมืองท้องถิ่นมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอาชญากรรม ข่มขืน ชนแล้วหนี และอื่นๆ มากมาย จนบางครั้งก็ลุกลามเป็นปัญหาใหญ่โตเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่นานนี้     ประเด็นดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับคนญี่ปุ่นในพื้นที่เป็นอย่างมาก และก่อให้เกิดเป็นดราม่าเล็กๆ ซึ่งมีประเด็นเรื่องของเชื้อชาติมาเกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความมืดมนก็ยังมีความสวยงาม ล่าสุดมีรายงานว่าชาวอเมริกันในญี่ปุ่นหลายสิบคน ยืนถือป้ายแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เกาะโอกินาว่า จนกลายเป็นที่ประทับใจแก่ชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก   . .   แม้จะเป็นประเด็นใหญ่มากของคนบนเกาะโอกินาว่า อย่างไรก็ตามมีชาวเน็ตแสดงความเห็นว่า ภาพดังกล่าวไม่เคยปรากฎในสื่อหลักของญี่ปุ่นแม้แต่น้อย เพราะอะไรละ!? มีคนวิเคราะห์ถึงสาเหตุ อาจเป็นไปได้ว่ารัฐบาลญี่ปุ่นได้ถือโอกาสพอมีโอกาสที่เจ้าหน้าที่สหรัฐทำไม่ดีกับคนญี่ปุ่นแบบนี้ ในการสร้างแรงกดดันให้ทางสหรัฐอเมริกา รีบดำเนินการย้ายฐานทัพโอกินาว่าออกไปให้เร็วที่สุด หลังมีความพยายามเรียกร้องมาอย่างยาวนาน   (พวกเราเสียใจกับเรื่องที่โอกินาว่า) . .   ส่วนสำหรับคดีอาชญากรมที่เกิดขึ้น…

บางคนอาจบอกว่า ปัญหาเรื่องเกมเป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสังคมขนาดใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในฮ่องกงเมื่อไม่กี่วันก่อน อาจเปลี่ยนความคิดของคุณไปก็ได้ เพราะแค่การเปลี่ยนชื่อตัวละครในเกม อาจกลายเป็นปัญหาระดับชาติได้เลยทีเดียว!! เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่เกาะฮ่องกง เมื่อมีเกมเมอร์สาวกเกมโปเกมอนราวๆ 20 คน รวมตัวกันถือป้ายเดือนประท้วงไปยังหน้าสถานทูตญี่ปุ่นบนเกาะฮ่องกง หลังจากบริษัท Pokemon เตรียมเปลี่ยนชื่อของตัวละคร “ปิกาจู” ในภาษาจีน!!     ปกติแล้วชื่อของ “ปิกาจู” ในเกมโปเกมอนเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น จะเขียนทับศัพท์ด้วยตัวอักษรคาตะคานะซึ่งเป็นตัวอักษรที่ใช้เทียบกับภาษาต่างชาติของชาวญี่ปุ่น ซึ่งในเวอร์ชั่นภาษาอื่นๆ ก็จะมีการปรับชื่อของตัวละครให้สอดคล้องกับภาษาถิ่นนั้นๆ อีกด้วย อย่างเช่นในเวอร์ชั่นภาษาจีนแมนดาริน ชื่อปิกาจูจะถูกเขียนว่า “Pei Ka Yau” และถ้าเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง (ซึ่งใช้ในฮ่องกง) ปิกาจูจะมีชื่อว่า “Bei Ka Chiu”     แต่ล่าสุด เพื่อความเป็นระเบียบและสะดวกมากยิ่งขึ้น ทางบริษัท Pokemon ได้ออกมาแถลงว่า จากนี้ไปนี้ จะใช้ชื่อปิกาจูว่า “Pei Ka Yau” ทั้งนั้นเกมเวอร์ชั่นที่ขายในฮ่องกง และเวอร์ชั่นที่ขายในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับเกมเมอร์ในฮ่องกงเป็นอย่างมาก พวกเขาบอกว่าชื่อ “Bei Ka Chiu”…

ได้ชมภาพเบื้องหน้าของตัวละครจากภาพยนตร์ และซีรีย์ดังกันไปแล้ว เราลองเปลี่ยนบรรยากาศมาดูภาพเบื้องหลังของตัวละครจากภาพยนตร์ และซีรีย์ดังกันหน่อยดีไหม เพราะจากในจอที่เห็นพวกเขาเป็นศัตรูกัน แต่นอกจอบอกเลยว่าดูสนิทสนมกันเป็นอย่างดีเลยละ ถือเป็นภาพที่หาดูยาก และน้อยคนนักจะเคยเห็นเลยนะเนี่ย….   1.Harry Potter .   2.Marie Antoinette   3.Star Wars Episode V: The Empire Strikes Back .   4.The Avengers   5.The Matrix   6.The Lord of the Rings . .   7.The Hobbit: An Unexpected Journey   8.Godzilla   9.Game of Thrones . .   10.Kill…

หากพูดถึงร้านค้าหรือซุปเปอร์มาณืเก็ต หลายๆ คนก็คงจะนึกถึงร้านที่มีชั้นวางของและสินค้ามากมายให้เลือกซื้อกัน แต่กับร้านค้าแห่งนี้กลับไม่เป็นอย่างที่เราคิดล่ะ เพราะร้านค้าที่#เหมียวฟิ้นจะพาไปดูนั้นเป็นร้านค้าที่ไม่มีผลิตภัณฑ์จริงๆ วางขายเลย มีเพียงแต่บรรจุภัณฑ์ที่ว่างเปล่าเท่านั้น!?     เมื่อไม่นานมานี้ เว็บไซต์ Timeoutshanghai ได้รายงานว่า มีศิลปินชาวจีนที่ใช้ชื่อว่า ซู เฉิน ลงทุนสร้างผลงานศิลปะสุดแหวกแนวด้วยการเปิดซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ชื่อว่า ซู เซิน ในเมืองยูหยวนหลู่ ใกล้กับมหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน     ร้านค้าแห่งนี้มีความพิเศษกว่าร้านอื่นๆ ตรงที่สินค้าภายในร้านทั้งหมด ไม่มีชิ้นไหนที่สามารถใช้ได้จริงเลย มีเพียงแต่บรรจุภัณฑ์เปล่าๆ เท่านั้น แม้ว่าจะเป็นบรรจุภันฑ์เปล่าๆ แต่ทุกชิ้นก็มีป้ายราคากำกับอยู่ทุกชิ้นเลย     ทั้งนี้ทางร้านได้มีการแจ้งกับลูกค้าหรือคนที่เดินเข้ามาในร้าน ด้วยการติดใบปลิวไว้ทั่วเพื่อแจ้งให้พวกเขาทราบว่า “สินค้าทุกชิ้นเป็นงานศิลปะ ไม่มีผลิตภันฑ์จริงๆ” และยังยืนยันว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก มันคืองานศิลปะที่เกิดจากซู เฉิน   นอกจากสินค้าปลอมๆ ที่วางไว้ทั่วร้านแล้ว ยังมีแคชเชียร์นั่งอยู่ที่หน้าร้านด้วย เพระาถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่งานศิลปะแต่ก็สามารถซื้อขายได้จริงๆ หากมีคนต้องการมันไป แต่ก็มีข้อแม่ว่าหากคุณซื้อไปแล้วจะไม่สามารถนำมาคืนหรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้นะ     แต่เนื่องจากนี่เป็นเพียงงานศิลปะที่ไม่ได้หวังผลกำไรอะไร ทางร้านจึงมีระยะเวลาจำกัดในการเข้าชม ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนเมษายน จนถึงวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมานั่นเอง     #เหมียวฟิ้นเองก็ไม่ค่อยจะได้ชมผลงานศิลปะเท่าไหร่ ยังไงหากใครพอจะเข้าใจความหมายของผลงานศิลปะชิ้นนี้ ลองตีความให้เหมียวหน่อยซิ…

ปัจจุบันปัญหาการจัดการเหล่าขยะจำพวกขวดพลาสติกทั้งหลายกำลังเป็นประเด็นที่โลกเรากำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะพลาสติกนั้นใช้เวลาในการย่อยสลายยาวนานมาก จนทำให้สร้างมลภาวะให้กับธรรมชาติ และวิธีการลดปัญหาขยะจำพวกพลาสติกนั้นก็คือการ ‘รีไซเคิล’ ซึ่งเป็นวิธีการนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้หลายวิธีเช่น นำขวดพลาสติดไปใช้เป็นกระถางต้นไม้ หรือนำไปบรรจุน้ำใหม่ก็ได้ และวันนี้ #เหมียวหง่าว จะพาเพื่อนๆ ไปชมไอเดียการรีไซเคิลสุดเจ๋งด้วยการนำขวดพลาสติกไปสร้างเป็นบ้านทั้งหลังเลยทีเดียว ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันได้เลยจ้า…   โดยเค้าทำเป็นโปรเจ็คที่ชื่อว่า Plastic Bottle Village ที่สถานที่ก่อสร้างต่างๆ ในหมู่บ้านนี้จะสร้างด้วยขวดพลาสติกแทบทั้งหมด ตั้งอยู่ที่มือง Bocas del Toro ประเทศ Panama   โดยหมู่บ้านนี้มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 200 ไร่ ตั้งอยู่บนเกาะ Colón ที่แสนสวยงาม   ซึ่งการสร้างบ้าน 1 หลังนั้นใช้ขวดพลาสติกมากถึง 7,000 ขวดเลยทีเดียว และมีแพลนว่าจะสร้างทั้งหมด 120 หลังด้วยกัน   นอกจากที่พักอาศัยแล้วยังมีแพลนที่จะสร้างศูนย์กลางชุมชนอย่าง ศาลาไว้สำหรับเล่นโยคะ และสวนสำหรับปลูกผลไม้และผักอีกด้วย   และที่สำคัญคือเจ้าขวดพลาสติกทั้งหลายนี้สามารถใช้เป็นฉนวนกันความร้อนได้เป็นอย่างดี นอกจากจะช่วยลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังทำให้บ้านเย็นขึ้นอีกต่างหาก   วัดให้เห็นกันจะๆ เลยว่าอุณภูมิภายในบ้านที่สร้างด้วยขวดพลาสติกนั้นมีอุณหภูมิที่ต่างจากข้างนอกบ้านอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้เราไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศเลยแม้แต่นิดเดียว   Bezeau คือชื่อทีมที่เป็นผู้คิดค้นการสร้างหมู่บ้าน Plastic Bottle Village ได้กล่าวถึงเป้าหมายของพวกเขาว่า…

เมื่อกล่าวถึงการ ‘แต่งงาน’ ไม่ว่าใครก็คงมีความใฝ่ฝันที่จะได้รับโอกาสนั้นสักครั้งหนึ่งในชีวิต และแน่นอนว่าก่อนแต่งงานก็ต้องมีการขอกันซะก่อน เพื่อเป็นการถามความยินยอมของอีกฝ่าย และแน่นอนว่าการขอแต่งงานนั้นจะต้องเป็นอะไรที่พิเศษเพื่อให้เป็นเรื่องที่น่าจดจำไปตลอดชีวิต เหมือนกับคู่รักชาวต่างชาติคู่นี้…   โดยผู้ใช้ยูทูบชื่อว่า Retro Shanerator ได้ทำการโพสท์คลิปวิดีโอเหตุการณ์ขณะที่เขากำลังขอแฟนสาวแต่งงาน   ด้วยการให้เธอเล่นเกมตลับสุดฮิตอย่าง Mario Bros ซึ่งเขาได้ปรับแต่งตัวเกมเรียบร้อยแล้ว   โดยสร้างอิฐบล็อค และกล่องเหรียญให้เป็นคำว่า Pam (ชื่อของแฟนสาว) เราแต่งงานกันนะ จากนั้นก็ให้เธอเล่นมาเรื่อยๆ จนวิ่งมาเจอกับข้อความนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเธอตอบตกลงในทันที ^^   ลองไปชมคลิปแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… แหม่ ช่างเป็นการแต่งงานที่นอกจากจะครีเอทสุดๆ แล้ว ยังสร้างความเซอร์ไพรส์ได้ดีสุดๆ อีกด้วยนะเนี่ย ขอแสดงความยินดีด้วยนะจ้าา ^^ ที่มา : Retro Shanerator

เอาล่ะสิงานนี้ ท่าทางจะจบไม่สวยแล้วล่ะสำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเจ้าลิงกอริลล่าที่เสียชีวิตเพราะว่าเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ต้องตัดสินใจสังหารมันทิ้งเพราะว่ามีเด็กน้อยคนหนึ่งตกลงไปในกรงของมัน แน่นอนว่าชาวเน็ตกล่าวหาพ่อแม่ว่าเป็นต้นเหตุที่ไม่จับตาดูแลลูกของตัวเองให้ดี จนตกลงไปในกรงกอริลล่า ลองมาดูกันดีกว่าว่าพวกเขาจะแก้ต่างในเรื่องนี้กันอย่างไรบ้าง…   Deonne Dickerson และ Michelle Gregg พ่อ-แม่ ของเด็กน้อยที่ตกลงไปในกรง   พวกเขาถูกชาวเน็ตตั้งข้อหานี้หลังจากละเลยหน้าที่ความเป็นพ่อแม่ และไม่สามารถดูแลให้ลูกของตัวเองปลอดภัยระหว่างพาไปเที่ยวสวนสัตว์ได้ จนเหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดสิ่งที่สะเทือนใจคนทั้งโลกตามมา   Michelle Gregg แม่ของเจ้าหนูก็ได้โพสต์ลงในโซเชียลมีเดียของเธอว่า ‘อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ ขอขอบคุณทุกๆ คนที่ให้กำลังใจ’ รวมไปถึง ‘สังคมมักจะตัดสินไปแล้วว่าพ่อแม่ไม่ดูแลลูกให้ดี แต่ใครที่รู้จักฉันจะรู้ว่า ฉันเฝ้าดูลูกอย่างเข้มงวดตลอด’ และ ‘อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ๆ มาอยู่ถูกที่ถูกเวลาและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างดี’   เจ้า Harambe   แน่ล่ะว่าครอบครัวนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคมเลยทีเดียวในเรื่องความรับผิดชอบของพ่อแม่ อย่างไรก็ตามเราก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของความยุติธรรม กฎหมาย และการสืบสวนจากหลักฐานดีกว่า สุดท้ายแล้วพ่อแม่ย่อมเห็นความปลอดภัยของลูกๆ มาเป็นอันดับแรกเสมอ…แต่อาจจะไม่ทุกคนเท่านั้นเอง ที่มา: Metro

สำหรับประเด็นร้อนของวงการบันเทิงในต่างประเทศที่มีคนติดตามมากที่สุดก็เห็นจะไม่พ้นเรื่องราวความสัมพันธ์ของ Johnny Depp ดาราหนุ่มขวัญใจคนทั่วโลกและภรรยาสาวของเขา Amber Heard อีกแล้วล่ะ ที่หย่ากันไปเรียบร้อย หลังอยู่กินกันเพียง 15 เดือนเท่านั้น!!! วันนี้ #จ่าสิบเหมียว เลยอยากพาเพื่อนๆ ไปเกาะติดสถานการณ์ของทั้งสองกันว่ามีประเด็นอะไรบ้าง ที่มาที่ไปจนทำให้เกิดเป็นประเด็นดราม่าต่างๆ มากมายก่ายกอง รับรองว่าครบครันกันเลยล่ะ อิอิ   ประเด็นที่ว่า Amber Heard นอกใจไปกิ๊กกับ Cara Delevingne นางแบบสาวชื่อดัง   ก็เป็นที่รู้กันว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นมีความสนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ตอนที่แต่งงานกับ Johnny Depp ใหม่ๆ แล้ว ตั้งแต่ช่วงปี 2014 ที่เฮียเดปป์ของเรากำลังถ่ายทำหนังเรื่อง Alice Through the Looking Glass ในกรุงลอนดอน พวกเธอก็มีข่าวปาร์ตี้กิ๊กกั๊กกันเป็นประจำ แถมช่วงนั้นครั้งหนึ่งก็มีข่าวด้วยล่ะว่า Johnny Depp ถึงกับฟิวส์ขาดและตะโกนใส่ภรรยาของเขาว่า “You’re making a fool of me!” หรือ ‘เธอทำให้ฉันดูเหมือนไอ้โง่เลย!’   หลักๆ แล้วเป็นเพราะป๋าเดปป์กลัวว่าทั้งคู่จะเป็นคู่เบี้ยนกันรึเปล่า?   ด้วยเหตุนี้!? ทำให้ในตอนฟ้องศาล Amber Heard…

ถึงแม้ว่า ‘สงคราม’ จะเป็นเรื่องที่เลวร้ายคร่าชีวิตคนไปมากมายเท่าไหร่ แต่บนหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษย์กลับมีบันทึกเรื่องราวของมันไว้มากมาย เหล่าทหารหาญทั้งหลายต้องจากบ้านจากครอบครัวอันเป็นที่รักเพื่อไปสู้รบ โดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะได้กลับมาพบเจอกับคนที่พวกเขารักอีกเป็นครั้งที่สองหรือไม่ วันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ย้อนไปชมภาพเหตุการณ์สุดประทับใจของทหารและคนรัก ในยุคสงครามโลกกัน ที่จะทำให้เราเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นช่วงไหน ความรักก็ยังคงเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอ   1. ทหารหนุ่มกระซิบข้อความบอกคู่รักของเขาก่อนที่จะไปรบ ในปี 1939   2. ทหารชาวอเมริกันจูบกับคู่รัก ที่สนามซ้อมรบใน Conecticut ปี 1945   3. ภาพของคู่รักถ่ายที่สถานีรถไฟ Penn Station ใน New York ปี 1943   4. ทหารหนุ่มกับคนรักถ่ายที่สถานีรถไฟ Penn Station ใน New York เช่นกัน   5. ทหารหนุ่มชาวอเมริกันกับคู่รักสาวชาวอังกฤษ ณ สวนสาธารณะ Hyde Park ปี 1945   6. วัยรุ่นสาวใส่รองเท้าสเก็ตกับแฟนหนุ่มที่เป็นทหาร…

เรื่องของสภาพร่างกายคนเรานั้นอยู่ที่ความพึงพอใจของตัวเอง แต่บางครั้งมันก็ทำให้คนอื่นรู้สึกเดือดร้อนแทนขึ้นมาได้ เพราะอีกฝ่ายรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ไม่พอใจ จนถึงขั้นทำให้คู่รักต้องเลิกรากันไปก็มี     อย่างเช่นพ่อหนุ่ม Benjamin Montanez ในช่วงวัย 23 ปี ณ ตอนนั้นเขาอ้วนมาก มีน้ำหนักตัวที่เยอะสุดๆ จนกระทั่งภรรยาสุดที่รักบอกเลิกด้วยประโยคที่แทงใจดำเขาที่สุด ‘นายอ้วนเกินไป’     เขาเองก็มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกภรรยาบอกเลิกนั่นแหละ เป็นเพราะว่าเขาไม่ดูแลตัวเอง ปล่อยเนื้อปล่อยตัวมากเกินไป อีกทั้งยังมีวิถีชีวิตที่ไม่ค่อยส่งผลดีต่อสุขภาพซักเท่าไหร่ เขากินเยอะมาก มากเสียจนไม่ชอบเวลาที่มีคนมองเขากำลังกินอยู่     เขาไม่ได้โทษภรรยาที่จากไป แต่อยากจะให้รู้เอาไว้ว่าเธอกำลังคิดผิดที่จากเขาไป นำความโกรธแค้นในวันนั้นมาเป็นแรงผลักดัน พาร่างกายตัวเองเข้ายิม รีดน้ำหนักตัวออกไปเพื่อหวังว่าจะคืนดีกับภรรยาคนเดิมอีกครั้งหนึ่ง     แต่กลับกลายเป็นว่าน้ำหนักที่เกินตัวของเขานั้นไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวที่ทำให้ภรรยาบอกเลิก เพราะหลังจากที่เขาลดน้ำหนักไปได้ส่วนหนึ่งแล้ว เขาก็พบความจริงว่าภรรยาแอบนอกใจเขามาก่อนแล้ว นั่นก็ยิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้น ไปลงกับการฟิตเนสที่หนักกว่าเดิมเป็นเท่าตัว     ด้วยความพยายามอย่างหนักของเขานั้น ส่งผลทำให้เขามีน้ำหนักลดลงเหลือ 108 กิโลกรัมแล้ว และเริ่มโพสต์ความคืบหน้าการลดน้ำหนักของตัวเองลงในโลกออนไลน์ให้ทุกคนได้เห็น สามารถเตะตาผู้คนได้เป็นจำนวนมาก จากการเปลี่ยนแปลงอันน่าเหลือเชื่อ     เป้าหมายของเขาจะลดน้ำหนักให้เหลือ 102 กิโลกรัม ซึ่งก็ถือว่าน่าจะเพียงพอกับตัวเขาเองแล้ว…

หนึ่งในเรื่องเศร้าสลดใจที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ก็คงไม่มีเรื่องไหนที่จะน่าเศร้าไปกว่าเรื่องของเจ้ากอริลล่า ที่ตกเป็นเหยื่อถูกสังหารโดยเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ เพราะดันมีเจ้าหนูวัย 4 ขวบตกลงไปและเกรงว่ามันจะทำอันตรายเจ้าหนู จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในด้านการทำงาม รวมถึงความรับผิดชอบของพ่อแม่ไปทั่วโลก!!! มาถึงจุดๆ นี้หลายๆ คนอาจจะคิดว่า เอ…ทำไมทางเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ไม่ยิงลูกดอกยาสลบหรือใช้วิธีอื่นจัดการล่ะ? แทนที่จะมาฆ่าแกงสัตว์ในสวนแบบนี้ ล่าสุดผู้เชี่ยวชาญอย่าง Dr. Sharon Redrobe ก็ได้ออกมาอธิบายถึงเรื่องนี้แล้วล่ะ!!! Dr. Sharon Redrobe หนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของ Twycross Zoo ใน Leicestershire กล่าวว่า ‘การสูญเสียเจ้า Harambe กอริลล่าวัย 17 ปีถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง แต่มันเป็นสิ่งที่จำเป็น!!!’   เจ้า Harambe กอริลล่าวัย 17 ปี   ทางผู้เชี่ยวชาญของเราก็ได้กล่าวต่อไปอีกว่า ‘อีกเรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจกันนั่นก็คือ เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ก็ต้องจัดการกับอุบัติเหตุนี้ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตาย และคงไม่มีใครรู้จักพฤติกรรมของสัตว์ตัวนั้นๆ เท่ากับเหล่าเจ้าหน้าที่อีกแล้วล่ะ’ ‘ในความเป็นจริงก็คือ ก่อนจะยิงสังหารเจ้ากอริลล่านั้นทางเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ได้ดูสถานการณ์กว่า 10 นาทีเลยทีเดียว นั่นหมายความว่าพวกเขาได้พยายามแทบทุกอย่างแล้วที่จะไล่เจ้ากอริลล่าตัวนี้ไปให้ไกลจากเจ้าหนู’ เธอกล่าวต่อ   ข้อความจากทวิตเตอร์ของผู้เชี่ยวชาญ   และนี่คือข้อความจากทวิตเตอร์ของเธอ ‘มันเป็นเรื่องเศร้า แต่กอริลล่าเป็นสัตว์ใหญ่ และลูกดอกยาสลบต้องใช้เวลาถึง…

โดยปกติแล้วเราจะใช้ “เรือ” เป็นยานพาหนะสำหรับการเดินทางทางน้ำใช่ไหมละ แต่สำหรับ Fang Shuyun ชายชาวจีนวัย 51 ปีคนนี้ กลับเดินทางข้ามแม่น้ำ โดยใช้ยานพาหนะ D.I.Y ที่เขาได้คิดค้นขึ้นเอง บอกเลยว่าทั้งแปลก และแหวกแนวไม่เหมือนใครเลยละ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้เผยภาพพร้อมคลิปวีดีโอของชายคนดังกล่าว ในขณะที่เขากำลังทรงตัวนิ่งๆ อยู่บนสิ่งหนึ่งที่มีลักษณะเป็นไม้ยาวๆ อย่างเชี่ยวชาญ ว่าแต่มันคืออะไรกันนะ…     เมื่อลองดูภาพแบบใกล้ๆ เราจะเห็นว่า เจ้าสิ่งที่เขากำลังยืนอยู่บนนั้นความจริงแล้ว มันคือไม้ไผ่ลำใหญ่ 1 ลำ ที่มีลักษณะยาวเป็นแพนั่นเอง แถมยังมีไม้ไผ่อีก 1 ลำ สำหรับเป็นไม้พาย เพื่อที่จะพาให้ตัวของเขาลอยข้ามฟากไปทำงานอีกฝั่งของแม่น้ำ Fuchun ได้อย่างชิวๆ     ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาใช้ไม้ไผ่ลำยาวแทนเรือก็เพราะว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เขาเคยขึ้นเรือโดยสารข้ามฟากไม่ทันหลังจากกลับจากการทำงาน ดังนั้นจึงทำให้เขาคิดหาวิธีในการข้ามฟากกลับมาอีกฝั่งให้ได้     และในที่สุดก็ได้มาปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิด โดยการนำไม้ไผ่ลอยที่ลอยตามน้ำมาใช้เป็นเรือซะเลย แม้ว่าตอนแรกเขาอาจจะยังทรงตัวไม่ค่อยได้ แต่เมื่อพยายามลองหลายๆ…

เชื่อว่าเพื่อนๆ ต้องเคยดูหนังแนวจระเข้ยักษ์กินคนมาหลายต่อหลายเรื่อง อย่างเช่น Black Water, Rouge, หรือ Lake Placid ซึ่งในเรื่องก็มีฉากจระเข้ยักษ์ (มาก) คอยไล่ล่ากินเหยื่อผู้โชคร้าย หลายคนอาจคิดว่าจระเข้ใหญ่ๆ แบบนั้นจะไปมีในชีวิตจริงได้อย่างไร เห็นทีเพื่อนๆ จะต้องคิดใหม่แล้วล่ะ เพราะล่าสุดมีคนพบจระเข้ตัวบิ๊กเบิ้ม เดินโทงๆ อยู่กลางสนามกอล์ฟ เล่นเอาแตกตื่นกันหมดเลยทีเดียว จะเป็นยังไง ไปชมกันเเลย!!     เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งในรัฐฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อมีจระเข้ตัวยักษ์ขนาดยาวกว่า 4 เมตร หนักกว่า 350 กิโลกรัม ออกมาเดินกลางสนามกอล์ฟที่มีคนเล่นอยู่     โชคดีที่เจ้าจระเข้ไม่ได้หิวหรืออยากกินมนุษย์ซักเท่าไหร่ มันก็เลยเดินผ่านไปเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรใคร แล้วก็หายเข้าไปในป่าด้านข้างแบบงงๆ ฟลอริด้า ถือว่าเป็นรัฐที่มีการพบเห็นจระเข้ขนาดยักษ์บ่อยมาก ล่าสุดเมื่อไม่กี่เดือนก่อน มีคนพบซากจระเข้ขนาดยาวกว่า 4.5 เมตร และหนักว่า 360 กิโลกรัมนอนเสียชีวิตอยู่ จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลกมาแล้ว   .  …

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้รายงานว่าเด็กชายยามาโตะ ทานูกะ วัย 7 ขวบ และครอบครัว ได้ขับรถเข้าไปในเขตป่าของชนบทแห่งหนึ่งในเขตฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เพื่อหาของป่ามากิน แต่เนื่องจากเด็กชายยามาโตะดื้อกับพวกเขา พ่อและแม่จึงหยุดรถลงกลางถนนอันเปล่าเปลี่ยว และสั่งให้เด็กชายลงไปจากรถของพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็ขับรถออกไปทิ้งให้ลูกอยู่กลางถนนคนเดียวเพื่อเป็นการทำโทษ แต่เมื่อขับรถกลับมาหาลูกชายอีกครั้ง เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย     ตามรายงานของสื่อท้องถิ่นบอกว่าคุณพ่อรู้สึกอับอายมากที่ต้องสารภาพความจริงว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพวกเขาลงโทษลูกชาย พวกเขาเลยจำเป็นจะต้องขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ออกตามหาลูกชายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา   ทางด้านโฆษกของตำรวจในฮอกไกโดได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าก่อนหน้านี้ผู้ปกครองได้ยืนยันว่าลูกชายหายตัวไปในระหว่างที่พวกเขาเดินกันอยู่ 3 คน แต่ความจริงก็ปรากฏเมื่อซักถามไปเรื่อยๆ ความจริงก็ปรากฏว่า… “พ่อแม่ทิ้งให้เด็กอยู่บนภูเขาคนเดียวเพื่อเป็นการลงโทษ”     เกาะแห่งนี้เป็นถิ่นที่อยู่ของหมีสีน้ำตาลสายพันธุ์อูซูริ ที่สามารถเติบโตได้ถึง 550 กิโลกรัม ในปี 1915 มีรายงานว่ามีชาวบ้านเสียชีวิตอีก 7 คน และอีก 3 คนบาดเจ็บสาหัสหลังถูกหมีสีน้ำตาลน้ำหนัก 380 กิโลเข้าโจมตีในหมู่บ้านนั้น ในช่วง 57 ปีที่ผ่านมา มีรายงานว่าเจ้าหมีสายพันธุ์นี้ได้ฆ่าผู้คนไปมากถึง 140 คนแล้ว   จะลงโทษลูกยังไงก็ขอให้อยู่ในขอบเขตด้วยนะ ถ้ามีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับลูกของเรา…

สำหรับช่วงนี้ก็คงไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับการเลิกร้างของคนดังคู่ไหนที่จะเป็นที่สนใจไปมากกว่าของเฮีย Johnny Depp และภรรยาใหม่วัยกระเตาะของเขาอย่าง Amber Heard อีกแล้วล่ะ แถมก่อนเลิกรากันไปยังมีภาพของ Amber ที่มีรอยฟกช้ำบนใบหน้าเสียด้วย!!? อะไรจะโหดปานนั้นนนนนน ซึ่งตอนนี้ก็ลือกันให้แซ่ดเลยล่ะว่า สาเหตุที่ทำให้กัปตันแจ็คของเราอารมณ์ร้ายขนาดนั้นนั่นก็เพราะว่า เจ้าตัวดันสงสัยระแคะระคายภรรยารักของตัวเอง ว่าไปปันใจเป็นคู่เบี้ยนกับนางแบบสาวสวยระดับโลกอย่าง Cara Delevingne ซะงั้น!!?   แถมนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอ เกิดความชอบขึ้นกับผู้หญิง เพราะก่อนหน้านี้เธอก็ไม่ได้ชอบแค่ผู้ชายอย่างเดียวเช่นกัน!!!   ด้วยความสงสัยและคืบแคลงใจ เลยนำมาสู่ความรุนแรงและหย่าร้างกันในที่สุด เมื่อราวๆ ต้นสัปดาห์นี้ที่ทั้งสองก็ได้กรอกเอกสารการหย่าร้างกันเป็นที่เรียบร้อย หลังแต่งงานกันได้เพียง 15 เดือนเท่านั้น!!? เป็นเรื่องที่รู้เห็นกันในแวดวงคนดังเช่นกัน ว่า Amber และ Cara นั้น มักจะชอบไปเที่ยวและปาร์ตี้ด้วยกันเป็นประจำ แถมก็ออกอาการชอบกิ๊กกั๊กกันซะด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเฮีย Depp ของเรานั้นไม่ปลื้มสุดๆ กับการทำตัวแบบนี้ของเธอ จนกระทั่งเขาเคยตะโกนใส่เธอว่า ‘นี่คุณคิดว่าผมโง่มากเหรอ!?’ กันเลยทีเดียว!!!   ทั้งสามคน…   ความสัมพันธ์ของทั้งสองสามีภรรยานั้นเริ่มแตกร้าวตอนที่ Depp กำลังถ่ายหนังเรื่อง Alice Through The Looking Glass ในสหราชอาณาจักร ราวๆ ปลายปี 2014 ที่ผ่านมา…

การปล่อยให้สัตว์เลี้ยงได้ออกไปเดินเล่นตามอิสระนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ทำให้น่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะไปโดนอะไรที่ก่อให้เกิดอันตรายบ้างรึเปล่า….     อย่างเจ้า Bobby ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจากฟาร์มเป็นระยะเวลาร่วมกว่า 2 สัปดาห์ ไม่มีใครตามหามันเจอเลย แม้แต่คุณ Adrian Phillips ผู้เป็นเจ้าของ แม้ว่าจะพยายามตามหาอย่างสุดความสามารถแล้ว     จนกระทั่งวันหนึ่งชาวนาสองรายที่ทำฟาร์มใกล้ๆ กันได้ยินเสียงร้องและเห่าของเจ้า Bobby พวกเขาก็ตามต้นกำเนิดเสียงไป จนไปเจอเจ้า Bobby ตกลงไปอยู่ในบ่อน้ำแห้งที่ลึกกว่า 18 เมตร มันยังมีชีวิตอยู่แม้จะไม่มีอาหารกินเลยก็ตาม แต่สภาพของมันก็ย่ำแย่มากแล้วล่ะ   .   พวกเขาจึงทำการแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเพื่อเข้ามาช่วยเหลือมันเป็นการด่วน และทำการติดต่อคุณ Adrian Phillips ด้วยว่าเจอตัวเจ้า Bobby แล้ว     เมื่อเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถนำตัวเจ้า Bobby ขึ้นมาได้สำเร็จและส่งตัวคืนให้กับ Adrian Phillips เป็นที่เรียบร้อย เขารู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ     โชคดีที่มันสามารถรอดมาได้ในสถานการณ์แบบนั้น โดยคาดกันว่าอันเนื่องมาจากฝนที่ตกตลอดในช่วง 2 สัปดาห์ จึงทำให้มันสามารถยื้อชีวิตตัวเองเอาไว้จากการดื่มน้ำฝนและกินโคลนเพื่อประทังชีวิตก่อนที่จะถูกพบตัวเข้า…

เพื่อนๆ เคยเห็นภาพอะไรแล้วรู้สึกหลอน ไม่สบายใจ หรือรู้สึกไม่ปลอดภัยบ้างรึเปล่า?? ฮ่าๆๆ วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ มาทดสอบความกลัวต่อสิ่งต่างๆ เหล่านั้นกัน กับ 23 ภาพเหตุการณ์ต่างๆ จากทั่วโลก ที่จะทำให้เพื่อนๆ รู้สึกใจคอไม่ดีอย่างยิ่ง!!! มาทดสอบกันเลยดีกว่าว่าเพื่อนๆ จะกลัวเหตุการณ์แนวไหนกันบ้าง??   แค่อิฐที่หายไปก้อนเดียวก็ทำให้รู้สึกไม่สบายใจได้แล้ว   มะ มะ มะ แมวมาทำอะไรกัน…   บรึ๋ยยยยยยยยย ><   โอ้วววว ไม่นะ รู้สึกเสียวสันหลังวาบเลยอ่ะ T^T   อย่าตกใจกันนะ นี่คือวิธีการนอนของวาฬล่ะ -*-   ไม่ดีเลยนะคุณพ่อ อิอิ   เข้าใจนะว่าเป็นมุมกล้อง แต่คือ มันน่ากลัวมาก…   การคลอดลูกของม้าน้ำ   ที่พักตากอากาศแบบชิวๆ   ไม่กล้าใช้เลยทีเดียว   สาธุ ขอให้เป็นแค่โฟโต้ช็อปเถอะ -*-   ไม่น๊าาาาาาาาาา!!!  …

‘ดอกไม้’ เป็นสื่อแทนใจที่สามารถใช้มอบเพื่อบอกแทนความรู้สึกได้เป็นอย่างดี เช่น การที่ผู้ชายมอบดอกไม้ให้กับผู้หญิงนั้นเป็นการแสดงความรู้สึกรักที่มีให้กัน หรือการมอบช่อดอกไม้ตามงานต่างๆ เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ แต่ปัจจุบันก็ได้มีการนำวัสดุต่างๆ มาทำเป็นดอกไม้ อย่างเช่น กระดาษ หรือแม้แต่เงินก็ตาม ซึ่งก็สามารถนำมาใช้แทนกันได้   เว็บไซต์ Shanghaiist ได้ระบุว่ามีหนุ่มนักศึกษาชาวจีนรายหนึ่งที่กำลังศึกษาอยู่ในวิทยาลัยครูหนานชาง เขาได้คบหากับแฟนสาวคนหนึ่งมานานพอสมควรแล้ว จึงคิดที่จะขอเธอแต่งงาน   เขาก็เลยผุดไอเดียสุดบรรเจิดด้วยการประดิษฐ์ดอกไม้ช่อใหญ่ไปคุกเข่าขอเธอแต่งงานท่ามกลางฝูงชน แต่!!! มันไม่ใช่ดอกไม้ธรรมดาๆ น่ะสิ เพราะดอกไม้ที่เขานำไปมอบให้กับเธอนั้นทำมาจากเงินมูลค่ากว่า 27,000 บาทเลยทีเดียว   ฝ่ายแฟนสาวก็เซย์เย้สรับช่อธนบัตรและตกลงปลงใจแต่งงานกับเขา   แหม่ ถือว่าเป็นไอเดียขอแต่งงานที่เจ๋งสุดๆ อีกวิธีหนึ่งเลยนะเนี่ย เพราะนอกจากจะเป็นการแสดงออกถึงความรักแล้ว… ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับฝ่ายหญิงถึงความมั่นคงและความพร้อมที่จะดูแลเธออีกด้วย ที่มา : shanghaiist

‘การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ’ คำกล่าวที่ใครหลายๆ คนเคยได้ยินมาจนติดหู ซึ่งมันก็เป็นความจริง เพราะการป่วยเป็นโรคนั้นสร้างความทุกข์ทรมานให้กับมนุษย์เราเป็นอย่างมาก แถมยังต้องเสียเงินค่ารักษาพยาบาลแบบสุดแพงอีก เช่นเดียวกับเจ้าหนูน้อย Tyler วัย 6 ขวบที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนังอย่างรุนแรง ทำให้เจ้าหนูน้อยนี้ต้องทนกับความเจ็บปวดระคายเคืองผิวหนังตลอดเวลาจากผื่นร้ายที่ขึ้นอยู่เต็มตัว   คุณแม่ของ Tyler ได้พาไปหาหมอ แต่คุณหมอที่แรกกลับบอกว่าอาการของเจ้าหนูน้อยคนนี้ก็ไม่ได้ดูแย่จนเกินไปนะ…   แต่คุณแม่ของเจ้าหนูเลือกที่จะไม่เชื่อคุณหมอ เพราะเธอสงสารลูกชายมากเพราะเขาต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา เธอก็เลยศึกษาหาข้อมูลต่างๆ เผื่อจะช่วยลูกของเธอได้ จนมาพบกับคุณหมอ Richard Aron ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคผิวหนังอักเสบ   คุณแม่ของ Tyler ได้ทำการติดต่อเขาไปและเล่าเรื่องราวของลูกชายให้ฟัง ทางด้านคุณหมอ Aron พอได้ทราบข่าวก็รีบติดต่อกลับมาทันที โดยขั้นแรกนั้นเขาแนะนำให้ทาด้วยยาทา  Corticosteroids และยาปฏิชีวนะ   ซึ่งเธอก็ตัดสินใจที่จะลองทำตามที่คุณหมอ Aron บอก พอผ่านไปประมาณ 1 เดือน ปรากฏว่ามันได้ผล!! ผิวหนังที่อักเสบของเจ้าหนู Tyler ค่อยๆ หายไป และก็ทำให้เจ้าหนูน้อยร่าเริงสุดๆ   ตอนนี้เขาสามารถกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติได้แล้ว โดยเจ้าหนู Tyler นี้ชอบการเต้นเป็นชีวิตจิตใจ และเขาหวังไว้ว่าเขาจะทำการเต้นเพื่อหาเงิน และจะแบ่งส่วนที่ได้มาครึ่งหนึ่ง ให้กับมูลนิธิเกี่ยวกับโรคผิวหนังอักเสบในเด็ก   และคุณแม่ของเขาก็หวังไว้เช่นเดียวกัน…

  ปรากฏการณ์ที่เรียกกันว่า “ยานแม่” นั้นไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะบ้านเราเท่านั้น ที่เมืองนอกเขาก็มีเหมือนกัน… สำหรับคนคิดจะมีลูกนั้นต้องเตรียมพร้อมอะไรหลายๆ อย่าง และที่สำคัญที่สุดคือเราต้องเตรียมที่จะเป็นแม่ด้วย ไม่รู้ว่ามีมานานรึยังสำหรับเรื่องที่พ่อแม่ปล่อยปละละเลยลูกเวลาออกไปในที่สาธารณะ เพราะคิดว่าเป็นความน่ารักของเด็ก แล้วก็หงายการ์ด “เด็กซนเป็นเรื่องธรรมดา” มันไม่ธรรมดาหรอกครับ ไม่งั้นจะมีเพจ “ลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน” ขึ้นมาทำไม และ #เหมียวสามสี เชื่อว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้มีแค่บ้านเราแน่นอน   นี่คือคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ต่างประเทศ เมื่อผู้จัดการร้านพยายามจะมาตักเตือนคุณแม่ที่เอาลูกมาทานอาหาร แต่ลูกทำเสียงดังรบกวนคนอื่น   ภายในคลิปทั้งคู่ก็คุยกันเรื่องลูก ฝ่ายแม่ก็พยายามพูดเหมือนยานแม่ที่ชอบบอกว่า เด็กมันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว แล้วตอนท้ายคลิปบอกว่าจะไม่จ่ายค่าอาหารด้วย ส่วนผู้จัดการก็พยายามพูดด้วยเหตุผลและใจเย็นมากๆ คลิปนี้ถ่ายโดยคนที่มาทานด้วย แล้วตั้งชื่อคลิปว่า Rude Manager(ผู้จัดการหยาบคาย) แต่พอคนเข้ามาดูคลิปนี้ก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้ยอดดิสไลก์นำโด่งเลยทีเดียว   แน่นอนว่าชาวเน็ตต่างประเทศก็ต้องอยู่ #ทีมผู้จัดการ อยู่แล้ว นิทานเรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่าถ้าคุณเป็นพ่อแม่ใครสักคน แล้วรู้ว่าเราควบคุมลูกไม่ได้ในที่สาธารณะ จงเก็บลูกไว้บ้าน แล้วเรียนรู้การเป็นพ่อแม่ที่ดีซะ ที่มา distractify

นี่ถือเป็นข่าวที่#เหมียวฟิ้นเห็นแล้วรู้สึกหน้าชาหน่อยๆ เลย สำหรับกรณีที่มีสาวไทยไปซื้อกระเป๋าหรูในสหรัฐฯ แต่ดันเอาของปลอมกลับไปคืนเพื่อขอเงินชดเชย ทำกำไรอื้อซ่าซะด้วย!?   เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Abcnews ได้รายงานว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ได้เข้าจับกุมหญิงสาวจากรัฐเวอร์จิเนียเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา หลังจากก่อเหตุซื้อกระเป๋าหรูเช่น Gucci, Burberry และ Fendi ไปแล้วสับเปลี่ยนเป็นของปลอมเพื่อมาขอคืนเงิน     ตามรายงานบอกว่าหญิงสาวรายนี้มีชื่อว่า นางแพรพิทชา วัย 40 ปี ได้สั่งซื้อกระเป๋าหรูผ่านร้านค้าออนไลน์จำนวนมาก ซึ่งแต่ละใบนั้นมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 71,400 บาท หลังจากที่เธอนำกระเป๋าปลอมไปส่งคืนให้กับร้านค้าต่างๆ ในรัฐกว่า 12 รัฐของอเมริกชา เธอก็เริ่มประสบความสำเร็จและทำเงินได้มากถึง 1 ล้านดอลลาร์ หรือประมาร 35 ล้านบาทเลย อีกทั้งเธอยังนำกระเป๋าแท้ที่ได้มาไปขายต่อทำกำไรอีกเพียบ     แต่สุดท้ายนางแพรพิทชาก็ไม่สามารถหลบหนีการจุบกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนียไปได้ พวกเขาได้วางแผนและร่วมมือกับหน่วยสืบทุจริตของทางห้างสรรพสินค้าชื่อดังเพื่อล่อซื้อกระเป๋าจากเธอ และเมื่อตรวจค้นบ้านพักของเธอก็พบว่ามีกระเป๋าหรูอีกกว่า 572 ใบอยู่ที่นั่น แถมยังมีกระเป๋าปลอมอีกมากมายเช่นกัน   ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวเธอไปดำเนินคดีฐานฉ้อโกง และเตรียมขึ้นศาลที่เมืองอะเล็กซานเดรีย ในสัปดาห์หน้าหากศาลตัดสินว่าเธอมีความผิดจริง เธอจะต้องถูกจำคุกเป็นเวลากว่า 20…

เห็นภาพของแม่ค้าสาวสวยสุดเซ็กซี่กันมาก็เยอะแล้ว เอาละ!! ถึงเวลาพักสายตามาดูอะไรน่ารักๆ กันบ้างดีกว่า และในวันนี้เหมียวขี้อ้อนจะพาคุณไปพบกับแม่ค้าเด็กจากเวียดนาม ที่น่ารักที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ และนี่ก็คือภาพของ Mimi แม่ค้าตัวน้อยๆ ที่มาพร้อมกับความน่ามุ้งมิ้ง ทำเอาหลายๆ คนที่ได้เห็นถึงกับหลงใหลในความน่ารักกันเป็นแถวเลยละ     วันนี้เราก็ได้นำภาพของเธอมาให้ได้ชมสักหน่อย หวังว่าทุกคนจะชอบกันน้า   เธอยังมีรอยยิ้มที่สดใสมากๆ  อีกด้วย   ไม่เคยเห็นแม่ค้าที่น่ารักที่สุดในสามโลกแบบนี้มาก่อนเลย   ดูขยันขันแข็งจริงๆ   เพื่อนๆ ไปอุดหนุนเธอกันเยอะๆ น้า อิอิ!!   หุ่นอวบๆ ตัวขาวๆ แก้มป่องๆ เห็นแล้วรักเลย   หนูรอคนมาซื้ออยู่คะ   น่ารักขนาดนี้ ถ้าเจอขอกอดแน่นๆ ทีนึงได้มั้ยยยยย   ภาพจาก Zitu เรียบเรียงโดย CatDumb

ในต่างประเทศจะมีวันหนึ่งที่รถเก็บขยะจะมาเก็บขยะที่ตั้งอยู่ตรงหน้าบ้านในหมู่บ้าน แต่สำหรับที่หมู่บ้านหนึ่งในฟลอริด้านั้น มีคนรอคอยการมาของพวกเขาแบบใจจดใจจ่อเลย หนูน้อยแฝดสาม Holden, Heaton, และ Wilder Reich รอคอยที่จะถึงวันอังคารและวันศุกร์ไม่ไหวแล้ว หนูน้อยทั้งสามวัย 2 ขวบนั้นออกไปรออยู่นอกบ้านเพื่อรอคนเก็บขยะ (วิศวกรสุขาภิบาล) เด็กๆ เรียกพวกเขาว่า มิสเตอร์ร็อบ และ มิสเตอร์แชด เมื่อรถของพวกเขามาถึง เหล่าแฝดสามก็ไปรอที่หน้าบ้านพร้อมกับน้ำหวาน   คุณนาย มาร์ธา แม่ของเด็กๆ ได้โพสต์คลิปนี้ลงในเฟซบุ๊ก ทำเอาชาวเน็ตดูแล้วยิ้มกันเลยทีเดียว เราไปชมกันเลยดีกว่า   คลิปนี้มีคนแชร์ไปมากกว่า 300,000 คน เด็กๆ ต่างดีใจที่ทั้งสองเล่นด้วยตลอดเวลาทีได้เจอ เด็กๆ มักจะช่วยพวกเขาในการเก็บขยะใส่ในรถ และพวกเขาก็ไม่เคยบ่นเลย ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นและทำให้เรายิ้มได้ ที่มา distractify

ในเรื่องของการทำศัลยกรรมเสริมตกแต่งร่างกายของตัวเองนั้นก็ถือว่าเป็นความพึงพอใจของแต่ละคนนั่นแหละ เงินใครเงินมัน อยากจะใช้ทำอะไรเพื่อตัวเองก็ว่ากันไป แต่บางครั้งมันก็ทำให้คนอื่นรู้สึกว่ามันมากเกินไปรึเปล่าเนี่ย?     เรื่องราวของพ่อหนุ่ม Leon วัย 25 ปี ชายขับรถบรรทุกผู้มีชีวิตตามปกติเหมือนกับคนทั่วไป วันหนึ่งเขารู้สึกว่าอยากมีความพิเศษมากกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้นจึงลงเอยด้วยการนำเงินกว่า 15,000 ปอนด์ (ราวๆ 780,000 บาท) ทุ่มให้กับการเพิ่มขนาดน้องชายของตัวเอง!!     เขาได้รับการผ่าตัดเสริมแต่งอวัยวะเพศมาแล้วถึง 2 ครั้ง ทั้งเพิ่มขนาดและความยาว ด้วยความคิดที่ว่าผู้ชายส่วนมากก็ต้องการขนาดที่ใหญ่และแข็งแรงเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองกันทั้งนั้น แบบว่ายิ่งใหญ่ก็ยิ่งดี ‘มันเป็นขนาดของพระเอกหนังโป๊เลยนะ ผมบอกหมอว่า ผมอยากเป็นปีศาจ หมอก็จัดปีศาจลงบนร่างของผม’     โดยหลังจากที่ได้รับการผ่าตัดมาเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างเป็นไปได้สวย แถมพี่แกยังถ่ายรูปไปอวดเพื่อนอีกต่างหาก ‘มันให้ความรู้สึกเหมือนกับได้รถคันใหม่แล้วอยากอวดนั่นแหละ ถ้าอยากจะทำก็ทำซะ’ ซึ่งผลที่ได้ก็คือยาวเพิ่มจาก 4 นิ้วเป็น 6 นิ้ว และขยายกว้างเป็น 6.5 นิ้ว มันใหญ่เบ่อเร่อเลยนะนั่น!! เงินจำนวนขนาดนี้ เอาไปทำอะไรอย่างอื่นได้ตั้งเยอะแยะเลย แต่ก็นั่นแหละ ความสุขของคนเรามันไม่เหมือนกัน อิอิ ที่มา :…

ข่าวนี้อาจจะทำให้ผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานไส้กรอกถึงกับขนลุกขนพองและเข็ดขยาดไส้กรอกไปสักพักเลยทีเดียว เพราะเมื่อไม่นานมานี้มีข่าวว่าหญิงสาวรายหนึ่งได้ไปซื้อไส้กรอกมาทาน แต่ปรากฏว่าข้างในดันมีถุงยางปนมาด้วยซะงั้น!?   เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้เผยแพร่เรื่องราวของนาง Ana Josefina Mender จากเมืองซานมีเกลเดตูกูมัน ในรัฐตูกูมัน ทางตอนเหนือของประเทศอาร์เจนตินา ที่ได้ซื้อไส้กรอกยี่ห้อ โชริโซ มาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตแถวบ้าน     แต่พอแกะซองออกมาเธอก็ถึงกับอึ้ง เพราะข้างในมีถุงยางแห้งๆ สีเหลือง ที่ถูกคลี่ออกคล้ายกับถูกใช้งานมาแล้วอยู่ 1 ชิ้น!? เมื่อเห็นดังนั้นเธอจึงรีบถ่ายภาพแล้วแชร์มันลงในเฟซบุ๊กเพื่อเตือนเพื่อนๆ ของเธอทันที เธอเขียนข้อความบอกเพื่อนๆ ในเฟซบุ๊กว่า… “ฉันเพิ่งเจอกับสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดในไส้กรอกโชริโซ มันคือถุงยาง ฉันสาบานเลยว่าฉันจะไม่กินอะไรอีกแล้ว!”    หลังจากที่ภาพนี้ถูกแชร์ออกไป ชาวเน็ตก็สังเกตเห็นสภาพของถุงยาง และคาดเดาว่ามันน่าจะถูกใช้งานมาก่อนที่จะถูกบรรจุลงในห่อไส้หรอก ถ้าเจอแบบนี้เข้ากับตัว รับรองว่า#เหมียวฟิ้นจะไม่แตะไส้กรอกยี่ห้อนั้นอีกเลย ที่มา metro , Ana Josefina Mender

ทุกๆ ปีจะมีการจัดการแข่งขัน AHS Sikorsky Prize ขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อตามหาทีมวิศวกรที่สามารถสร้างเฮลิคอปเตอร์แบบไร้เครื่องยนต์ที่ใหญ่หรือเจ๋งที่สุด     กฏิกาในการแข่งขันนี้ก็คือ ทีมผู้เข้าแข่งขันจะต้องสร้างอุปกรณ์ที่ช่วยในการบินแบบไม่มีไฟฟ้า โดยจะต้องบินให้ได้นาน 60 วินาที ลอยตัวอยู่เหนือพื้นดินประมาณ 3 เมตร หากใครทำได้ก็จะได้รับเงินรางวัลทั้งสิ้น 250,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 8,900,000 บาท     และเมื่อปี 2013 ก็มีทีมวิศวกรที่สามารถคิดค้นเฮลิคอปเตอร์พลังงานธรรมชาติได้ พวกเขาใช้ชื่อทีมว่า Aerovelo พวกเขาได้นำเอาจักรยานมาดัดแปลงให้เหลือแต่ล้อหลัง จากนั้นก็ทำการติดตั้งปีกขนาดยักษ์แต่น้ำหนักเบาเข้าไป 4 ด้าน     เมื่อติดตั้งเสร็จ หนึ่งในผู้ทดสอบก็เริ่มออกแรงปั่น จากนั้นเจ้าสิ่งประดิษฐ์สุดแหวกนี้ก็ค่อยๆ อยู่เหนือพื้นดินขึ้นไปในอากาศอย่างน่าทึ่ง!! ทำให้พวกเขากลายเป็นผู้ชนะและรับเงินรางวัลไปครองในปีนั้นเลย       ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลยจ้า อีกหน่อยเราก็สามารถโบยบินได้ โดยที่ไม่ต้องใช้น้ำมันหรือเครื่องยนต์แล้วน่ะซิ!? ที่มา viralnova , Aerovelo Inc

ในสถานการณ์ที่คับขันอย่างเช่นเจอโจรปล้น น้อยคนนักที่จะกล้าออกมาสู้ เพราะใครๆ ต่างก็กลัวโจรผู้ร้ายกันทั้งนั้น เราไม่รู้ว่ามันมีอาวุธรึเปล่า มันจะฆ่าคนรึเปล่า สิ่งที่เราพอจะทำได้ก็คือการทำตามพวกมันและปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ แต่สำหรับหนูน้อยผู้รักความถูกต้องคนนี้กลับไม่คิดอย่างนั้น…     เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณสามทุ่ม ได้มีคนร้านสองคนพร้อมอาวุธปืนบุกเข้าจี้ร้านขายเกม GameStop ที่ตั้งอยู่ในเมือง Silver Spring คนร้ายคนหนึ่งพยายามขู่ลูกค้าให้อยู่ในอาการสงบ แต่แล้วก็มีเด็กน้อยคนหนึ่งที่ไม่ยอมแพ้กับความอยุติธรรม ทำการสู้กับคนร้ายจนทำให้ผู้ร้ายถอยไปนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็มีคนร้ายอีกคนหนึ่งไปขู่พนักงานพร้อมกับเอาเงินไปได้ ก่อนที่ทั้งคู่จะหลบหนีออกไปทางประตูหน้า     ตอนนี้ตำรวจกำลังสืบหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่งานนี้ต้องให้ใจกับเด็กน้อยคนนี้เลย ที่กล้าสู้กับคนร้ายได้แบบไม่มีความเกรงกลัว ที่มา mcpdmedia

หลายๆ คนเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่มีค่าเท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ หรือสัตว์อื่นๆ อย่างเช่น หมา แมว เสือ สิงโต เป็นต้น ไม่ว่าใครก็รักชีวิตด้วยกันทั้งนั้น เพราะเราไม่รู้ว่าความตายจะพาเราไปไหน แต่แน่นอนว่ามันส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนรอบข้างอย่างแน่นอน เว็บไซต์ Dailymail ได้เล่าเรื่องราวของสัตวแพทย์หญิงรายหนึ่ง ที่ได้ทำการฆ่าตัวตายเหตุเพราะอาการซึมเศร้า   สัตวแพทย์หญิง Jian Zhicheng อายุ 31 ปี รับหน้าที่เป็น ผอ. ศูนย์พักพิงสัตว์จรจัด Xinwu ในประเทศใต้หวัน   โดยเพื่อนร่วมงานของเธอเล่าว่า เธอเป็นคนที่ใจดี มีเมตตา และอุทิศตนเองในการดูแลเหล่าสัตว์ทั้งหลาย และที่ผ่านมาเธอก็เคยช่วยเหลือสุนัขหลายตัวให้ได้มีบ้านอยู่อย่างถาวร รวมถึงยังสนับสนุนในการรณรงค์การรับเลี้ยงสัตว์จากศูนย์พักพิง แทนที่จะไปซื้อจากฟาร์มเพาะพันธุ์   แต่อนิจจา หน้าที่ในการเป็น ผอ. ศูนย์อนุรักษ์สัตว์นี้เธอต้องทำหน้าที่ในการควบคุมจัดการให้ศูนย์มีสภาพที่ดีในทุกด้าน รวมไปถึงในเรื่องของจำนวนประชากรสัตว์ที่อยู่ในศูนย์พักพิงนี้ด้วย เธอจึงต้องจำใจทำในสิ่งที่เธอเกลียดอย่างการจัดการประชากรสุนัขจรจัดที่มีมากเกินไปในศูนย์พักพิง สิ่งนั้นคือ… การการุณยฆาตพวกมันด้วยการฉีดยาให้จากไปอย่างสงบ   ตามรายงานระบุไว้ว่า เธอต้องจำใจการุณยฆาตเหล่ามะหมาไปกว่า 700 ตัวภายในระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปี และ ด้วยเหตุนี้เองทำให้เธอถูกรุมประณามอย่างรุนแรงจากเหล่าคนรักสุนัข ถึงสิ่งที่เธอได้ทำลงไป จนถึงขั้นตั้งฉายาให้เลยว่า ‘นักฆ่าหมาหน้าสวย’  …

ว่ากันด้วยเรื่องของ ‘กฎหมาย’ แต่ละประเทศทั่วโลกก็จะมีกฎหมายที่แตกต่างกันออกไป ทั้งบทลงโทษ และข้อห้ามว่าทำได้หรือไม่ได้ อย่างบางประเทศสามารถมีกัญชาไว้ในครอบครองได้ แต่บางประเทศห้ามทำ เป็นต้น อย่างเช่นเหตุการณ์ที่ #เหมียวหง่าว จะหยิบมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังดังต่อไปนี้ เป็นเรื่องของสาวชาวอเมริกันวัย 17 ปีที่ทำการปลอมแปลงเอกสารทางการแพทย์เพื่อโดดเรียน จนทำให้เธอติดคุกในที่สุด!!   Madison Cox นักเรียนมัธยมปลายวัย 17 ปี อาศัยอยู่ในเมือง Duncan รัฐ South Carolina ถูกตำรวจจับกุมข้อหาปลอมแปลงเอกสารทางการแพทย์เพื่อโดดเรียน   เธอถูกจับและตั้งข้อหาว่าได้ทำการปลอมแปลงเอกสารทางการแพทย์จากคลีนิค Parris Family Chiropractic ในเมือง Greeville แต่พอตรวจสอบแล้วก็พบว่าวันที่ออกใบรับรองแพทย์นั้นตรงกับวันหยุดของคลีนิคพอดี จึงทำให้แผนการโดดเรียนของเธอโป๊ะแตก และเข้าไปนอนในคุกเล่นๆ เป็นเวลา 1 คืน   และที่สำคัญเธอยังดำรงตำแหน่ง Miss Teen South Carolina International ในปี 2015 โดยเป็นตัวแทนของเมือง Spartanburg ส่งเข้าประกวด จึงทำให้เรื่องราวของเธอกลายเป็นข่าวดังใหญ่โต ถึงกับลงในหนังสือพิมพ์ NewYork Daily News…

การควบคุมอารมณ์ของคนเราไม่เท่ากัน อะไรที่ไม่ควรจะทำในที่สาธารณะก็ยังคงมีให้พบเห็นกันอยู่บ่อยๆ อย่างในประเทศจีนเนี่ย มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นแทบจะรายวันกันเลยล่ะ ไม่ว่าจะแกล้งบาดเจ็บบ้าง เกิดอุบัติเหตุแบบที่ไม่ควรจะเกิดบ้าง รวมไปถึงพฤติกรรมอนาจารทั้งหลายแหล่     แล้วมันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง กับพฤติกรรมของชายนิรนามรายหนึ่งที่มีเกิดอาการจิตหงุดเงี้ยวกระทันหัน ต้องการระบายอย่างเร่งด่วนหรืออย่างไรไม่อาจทราบแน่ชัดได้ แบบว่าเห็นรูท่อระบายน้ำปุ๊บก็ทนไม่ไหว ห้ามใจตัวเองไม่ได้ ขอเสร็จกิจกับท่อระบายน้ำข้างบ้านนี้ก็แล้วกัน     ภาพที่เห็นทั้งหมดถูกเก็บไว้ได้จากกล้องวงจรปิด ตั้งแต่ช่วงเริ่มจนถึงช่วงเสร็จกิจ โอ้ยยยยย ตาเถร คนเรามันจะห้ามใจกันไม่ได้ขนาดนี้เชียวเรอะ ขอแค่เป็นรูอะไรก็ได้ เอาได้หมดงี้รึ #เหมียวเลเซอร์ เห็นแล้วเพลียยยยย   คลิปที่ท่านจะได้รับชมต่อไปนี้ อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจและสุขภาพร่างกายได้ มองไม่เห็น ดูไม่ได้ อยากจะดู ตามมาตรงนี้เลย ที่มา : liveleak, theladbible

ถึงเหล่าเจ้าหญิงในดิสนีย์สุดท้ายแล้วจะสามารถฟันผ่าอุปสรรคต่างๆ จนประสบความสำเร็จในสิ่งที่เธอหวัง และแน่นอนกับความรักของพวกเธอเช่นกัน แต่ก็นั่นล่ะ…มันยังไม่ใช่จุดจบของเรื่องราวซะหน่อย อิอิ ศิลปินสาวคนนี้ Isaiah Stephens เลยมีไอเดียดีๆ ที่ว่า ถ้าเหล่าเจ้าหญิงดิสนีย์กลายเป็นคุณแม่ และต้องเลี้ยงดูลูกๆ ล่ะ?? พวกเธอจะมีสภาพแบบไหนกันหน๊ออออ จึงเกิดเป็นไอเดียของงานภาพชุดนี้ของเธอล่ะ   เมื่อเหล่าตัวละครในดิสนีย์ต้องกลายมาเป็นคุณพ่อ-คุณแม่   Jasmine และ Aladdin   Naveen และ Tiana   Elsa และลูกของเธอ…เริ่มสร้างน้ำแข็งได้แล้วนะเนี่ย   Flynn และ Rapunzel ต้องสวมหน้ากากกันเลยทีเดียว   ถถถถถถ Ariel   Phillip และ Sleeping Beauty   Pocahontas   Mulan และ Shang   เออเนาะน่าคิดเหมือนกันนะเนี่ย ขนาดเรื่อง Shrek ยังมีภาคต่อมีลูกตัวเล็กๆ มาให้ได้ชมกันเลย ฮ่าๆๆ ไม่แน่นะทางผู้สร้างอาจจะบังเอิญมาเห็นไอเดียนี้แล้วเอาไปทำก็ได้เนาะ ^^ ที่มา: Orzzzz

ภาพเด็กน้อยวัย 6 เดือนในจินตนาการของคุณเป็นอย่างไร? สำหรับเหมียวขี้อ้อนคิดว่า เด็กในวัยนี้กำลังอยู่วัยที่มีแต่ความใสซื่อ และน่ารัก แต่ถ้าหากคุณได้ชมภาพของหนูน้อยวัย 6 เดือนที่เราได้นำภาพมาให้ชมละก็ คุณจะต้องทึ่งกับสิ่งที่ได้เห็นอย่างแน่นอน โดยเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยภาพ และคลิปวีดีโอน่ารักๆ ของ Zyla หนูน้อยชาวอเมริกันวัยเพียง 6 เดือน ที่ได้มาโชว์ความสามารถสุดพิเศษ ด้วยการเล่นสกีน้ำที่มีความเร็วประมาณ 11 กิโลเมตร/ชั่วโมง กลางทะเลสาบในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา   และถ้าหากใครที่ยังไม่เชื่อละก็ เรามีภาพมายืนยันด้วยนะ   สกีน้ำดังกล่าว เรียกได้ว่าเป็นสกีดัดแปลง ที่ใช้บอร์ด 2 อันมายึดติดกันด้วยไม้ พร้อมกับมีบาร์ให้จับ หลังจากนั้น  Zyla ก็ถูกลากให้ทรงตัวแล่นไปบนน้ำได้เท่ฝุดๆ ภายใต้การดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด     ด้าน Keith และ Lauren พ่อแม่ของหนูน้อยได้เผยว่า Zyla สามารถเล่นสกีได้อย่างสบายๆ และเธอก็ชอบการเล่นสกีบอร์ดมากๆ เลยละ และแน่นอนว่าในอนาคตหนูน้อย Zyla จะต้องมาเอาดีทางด้านสกีน้ำแน่นอน…

ก็เรียกได้ว่าเป็นอาหารโปรดของหลายๆ คนเลยทีเดียว กับหลากหลายเมนูแซลมอน แต่กระนั้นที่มาของอาหารชนิดนี้น่าเศร้าจนหลายๆ คงอาจไม่เคยรู้มาก่อนเลยทีเดียว เพราะเหล่าแซลมอนที่มาเสิร์ฟบนจานอาหารของคุณนั้น พวกมันมีชีวิตที่เศร้ามาก และมีแนวโน้มในการฆ่าตัวตายสูงสุดๆ โดยเฉพาะในฟาร์มปลาแซลมอนที่เลี้ยงกันไว้เป็นกระชังหรือบ่อที่แออัด   ชีวิตอันแสนเศร้าของแซลมอน   ล่าสุดในงานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์โดย Royal Society Open Science พบว่า เหล่าแซลมอนที่ไม่ได้อยู่ในธรรมชาติ คือถูกเลี้ยงมาในฟาร์มนั้น มีพฤติกรรมซึมเศร้า แถมสารเคมีที่หลั่งออกมาจากสมองของพวกมันนั้น ยังเป็นสารที่คล้ายคลึงกับคนตอนหลั่งออกมาเวลาเศร้าหรือเสียใจอยู่!!? หนักไปกว่านั้นก็คือ บางครั้งในกระชังเราก็จะสามารถเห็นแซลมอนบางตัวลอยขึ้นมา มีอาการเหมือนซึมเศร้าสุดๆ จนไม่อยากทำอะไร เหมือนกับสิ้นหวังในชีวิตและอยากฆ่าตัวตายเลยทีเดียว     Marco Vindas ผู้เชี่ยวชาญแห่งมหาวิทยาลัย Gothenburg กล่าวว่า ‘เราจะไม่พูดว่าเหล่าแซลมอนพยายามฆ่าตัวตายหรอกนะ แต่มันอยู่ในจุดๆ ที่เกือบจะทนไม่ไหวแล้ว และการเลี้ยงแบบแออัดในฟาร์มนั้นยังทำให้พวกมันมีโอกาสตายสูงขึ้นอีกด้วย’     มันก็น่าเศร้าเหมือนกันนะ เพราะตามธรรมชาติแล้วคงได้ว่ายน้ำกันเล่นแบบไม่แออัด แต่การต้องมาอยู่ในกระชังว่ายวนๆ อยู่ที่เดิมเรื่อยๆ จนถูกจับไปขาย… ใครไม่เศร้าก็บ้าแล้วเนาะ!!! ที่มา: Metro

ในยุคปัจจุบันแม้เทคโนโลยีและวิถีชีวิตของมนุษย์จะก้าวหน้าไปมาก แต่ในขณะเดียวกันก็มีปัญหาหลายๆ อย่างเกิดขึ้นมาพร้อมๆ กัน ซึ่งหลายๆ อย่างนั้น ได้ส่งผลกระทบที่ต่อมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ #เหมียวอ๊อดโด้ จึงจะพาเพื่อนๆ ไปชม 23 ภาพวาดสะท้อนความโหดร้ายในสังคมมนุษย์ยุคปัจจุบัน จะเป็นยังไง มาลองตีความกันดีกว่า!!   ความเครียดในชีวิต   เรากำลังถูกโทรศัพท์ยึดครอง   บางครั้งความสร้างสรรค์ก็ถูกกักขังไว้ในกรง   การพัฒนาทางวัตถุที่กลวงโบ๋   ความสวยงามแบบปลอมๆ   ความงดงามของร่างกายขึ้นอยู่กับใคร?   การหลั่งไหลของความรู้   ความเท่าเทียมของชายหญิง   ชีวิตนี้มีแต่งาน งาน แล้วก็งาน   โลกร้อนด้วยน้ำมือใคร?   การทำงานของสมอง   เลือดตาแทบกระเด็น   ความรักของธรรมชาติ   รอ..เพื่อที่จะเติบโต (ตามทางของใคร?)   ความชั่วร้ายที่ถูกกักเก็บไว้   ความพยายามที่จะเป็นอิสระ   วิถีของเงิน   ร่างกายของผู้ชายในอุดมคติ   มีคนจับตาดูคุณอยู่เสมอ…

หลายคนคงจะพอรู้มาบ้างแล้วว่า โรคไส้ติ่งอักเสบ เกิดจากการอุดตันของไส้ติ่ง เศษอุจจาระที่แข็งตัว หรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอุดตัน จนทำให้เกิดการอักเสบ และทำให้ผู้ป่วยถึงขั้นปวดท้องอย่างหนัก และต้องรีบเข้ารับการรักษาจากแพทย์ทันที     เหมือนดังเช่นกรณีของหญิงวัย 26 ปีรายหนึ่ง ที่จู่ๆ ก็ปวดบริเวณเชิงกรานข้างขวาอย่างรุนแรง จนทำให้คลื่นไส้อาเจียน และไม่อยากอาหาร โดยหลังจากที่เธอได้เข้าไปพบแพทย์ และสแกนตรวจก็พบว่า เธอเป็นไส้ติ่งอักเสบ เนื่องจากมีสิ่งผิดปกติบางอย่างที่มีลักษณะเหมือนวัสดุที่ทำจากยางติดอยู่ที่ไส้ติ่งนั่นเอง เมื่อหญิงสาวรายนี้ถูกส่งตัวเข้ารับการผ่าตัด ทางแพทย์ก็พบว่า สิ่งแปลกปลอมที่ตรวจพบในตอนแรกนั้น แท้จริงแล้วมันคือ ชิ้นส่วนของถุงยางอนามัย   ขุ่นพระ!! มันเข้าไปอยู่ในไส้ติ่งของเธอได้อย่างไรกัน   ภายหลังจากที่เธอพื้นจากการผ่าตัด สาวรายนี้ก็ได้เผยว่า เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน เธอเผลอกลืนถุงยางอนามัยที่แฟนหนุ่มสวมอยู่ ในขณะที่กำลังร่วมรักกัน หลังจากนั้น 5 วัน เธอก็สังเกตเห็นเศษถุงยางอนามัยปนออกมากับอุจจาระ แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะมีเศษหลงเหลือเข้าไปติดอยู่ในไส้ติ่งของเธอ   แม้ว่าทางแพทย์จะเคยเห็นสิ่งแปลกปลอมประหลาดๆ ที่เคยเข้าไปติดอยู่ในไส้ติ่งของคนไข้มาแล้วมากมาย แต่พวกเขาก็เชื่อว่า กรณีถุงยางอนามัยไปติดอยู่ที่ไส้ติ่งของหญิงสาวรายนี้ น่าจะเพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกอย่างแน่นอน ที่มา : dailymail

ในสังคมปัจจุบันเราจะรู้กันอยู่ว่าเรื่องการ ‘เหยียดสีผิว’ นั้นเป็นเรื่องที่ดูแย่ในสายตาคนจำนวนมาก เพราะในยุคปัจจุบันนี้ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับคุณค่าของความเป็นมนุษย์กันแล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่มองว่าการเหยียดสีผิวไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่อย่างใด และยังคงล้อเล่นกับความรู้สึกด้วยเรื่องราวที่อาจดูตลกสำหรับคนทั่วไป แต่จริงๆ แล้วมันอาจไม่ตลกกับเหล่าคนผิวสีเลยแม้แต่น้อย วันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมโฆษณาสินค้าผงซักฟอกของประเทศจีน ที่มีเนื้อหาโฆษณา เรียกได้ว่านี่มันจงใจทำออกมาเพื่อเหยียดสีผิวแบบชัดๆ!!   เนื้อหาในโฆษณาก็จะเป็นประมาณว่า มีชายผิวสีคนหนึ่งมีหน้าตามอมแมม สวมเสื้อสีขาวที่ปรอะไปด้วยคราบสกปรก   แล้วก็มีหญิงสาวขาวจีนคนหนึ่งหน้าตาสละสลวย เรียกให้ชายผิวดำคนนั้นเข้ามาใกล้ๆ   พร้อมกับยั่วยวนเล็กน้อย…   จากนั้นก็จับชายผิวสีคนนั้นยัดเข้าไปในเครื่องซักผ้า   พร้อมกับเผยให้เห็นถึงหน้าตาของผลิตภัณฑ์ผงซักฟอก     พอผ่านไปสักพักก็โผล่ออกมาเป็นชายหนุ่มชาวจีนพร้อมกับเสื้อที่ขาวสะอาด ลองไปชมคลิปโฆษณาแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลย…   โฆษณาชิ้นนี้เป็นของผลิตภัณฑ์ผงซักฟอก Qiaobi โดยทำการปล่อยออกมาเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา มีสโลแกนว่า ”เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงด้วย Qiaobi”    หลังจากที่ได้ชมโฆษณานี้แล้วทำให้นึกย้อนกลับไปถึงโฆษณาสีย้อมผ้าของอิตาลีเมื่อ 9 ปีก่อน (ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนไม่เป็นการเหยียดผิวแต่อย่างใด แต่ก็มีประเด็นให้ถกกันอย่างกว้างขวาง)   และที่แย่ไปกว่านั้นคือ ทางช่องต่างๆ ในทีวีของประเทศจีนก็ได้มีการเผยแพร่โฆษณาผงซักฟอกนี้กันอย่างแพร่หลาย จนถูกเปิดเผยออกมาให้ชาวโลกได้รับรู้ผ่านทางยูทูบ ทำให้มีชาวเน็ตเข้าไปแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม บางส่วนก็ตีความโฆษณานี้ว่า ที่คนดำดูสกปรกนั้นก็เพราะว่าไม่ได้ใช้ผงซักฟอกนี้ ก็เลยทำให้ดูสกปรก หลังจากนั้นก็ใส่ข้อความประชดประชันว่า “ดูสิแม่จ๋า คนดำเค้าแค่สกปรกก็เท่านั้นเอง…

บางครั้งเรื่องจริงมันก็น่าเศร้ายิ่งกว่านิยายซะอีกแหนะ…   เมื่อวันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวในประเทศจีนได้รายงานว่าหญิงสาวชาวจีนได้ออกมายืนกลางถนนในมณฑลหางโจว ประเทศจีน ได้ยื่นข้อเสนอให้กับคนที่เดินผ่านไปผ่านมายิงธนูโดยมีตัวเธอเป็นเป็นเป้า เพื่อแลกกับเงินเพียง 10 หยวนต่อการปา 1 ครั้ง!?     แต่หลังจากที่ยืนอยู่ได้ไม่ถึงชั่วโมง ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามารวบตัวเธอและนำไปสอบสวนที่สถานี จึงได้ความว่าที่เธอทำแบบนี้ก็เพราะเธอพยายามจะระดมทุนเพื่อนำเงินไปรักษา Ji Jiayan น้องสาวของเธอที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน     น้องสาวของเธอนั้นต้องเข้ารับการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ครั้งหนึ่ง Jiayan เคยพยายามจะหนีออกจากบ้าน โดยทิ้งกระดาษข้อความไว้ให้กับแม่ของเธอ ในเนื้อหาเป็นการแสดงความเสียใจที่เธอไม่สามารถอยู่ดูแลแม่ของเธอได้เมื่อแก่ตัวไป แต่ที่พูดไปแบบนั้นก็เพราะเธอคิดว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำหรับพวกเขา     ทั้งนี้อาการป่วยไข้ของ Jiayan จำเป็นจะต้องใช้เงินในการรักษาสูงถึง 5 แสนหยวน หรือประมาณ 2,700,000 บาท เลยทีเดียว หลังจากเรื่องนี้เป็นประเด็นดัง ทางครอบครัวได้ทำการระดมทุนผ่านโลกออนไลน์และได้เงินค่ารักษามามากพอจนพี่สาวของเธอไม่ต้องไปทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนั้นอีกแล้วล่ะ   เมื่อถึงคราวจนตรอก สถานการณ์มันก็บีบบังคับให้คนทำได้ถึงขนาดนี้เลยนะเนี๊ยะ ที่มา shanghaiist

เชื่อว่าหลายคนตอนเด็กๆ ต้องมีอารมณ์ไม่อยากไปโรงเรียน แม้ว่าจะมีรถโดยสารมารับถึงหน้าบ้านก็ไม่ได้ทำให้ความอยากไปโรงเรียนเพิ่มขึ้นแม้แต่น้อย ผิดกับนักเรียนจากหมู่บ้านห่างไกลแห่งนี้ ที่แม้พวกเขาต้องปีนหน้าผาสูงกว่า 800 เมตร พวกเขาก็ไม่ย่อท้อในการไปโรงเรียนแม้แต่น้อย เรื่องราวดังกล่าวเป็นของเด็กๆ หมู่บ้านอาตูเล่อเอ๋อ เขตปกครองตนเองเหลียงชานอี้ มณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน     ด้วยความที่หมู่บ้านของพวกเขาตั้งอยู่ในหุบเขาอันห่างไกล ทำให้ในทุกๆ วัน พวกเขาต้องปีนหน้าผาที่สูงกว่า 800 เมตรที่มีเพียงบันไดลิงง่ายๆ ให้พวกเขายึดเกาะเท่านั้น เพื่อไปยังโรงเรียนที่ตั้งอยู่อีกฝั่งของภูเขา แน่นอน นั่นหมายถึงต้องปีนกลับด้วย   .   โดยทุกวันๆ จะมีผู้ใหญ่ประมาณ 2-3 คนมาช่วยเป็นคนนำทาง แต่อย่างไรก็ตามด้วยจำนานเด็กเกือบๆ 20 คน ทำให้ทั้งหมดก็ต้องช่วยเหลือกันเองเท่าที่จะทำได้ และเน่องจากไม่มีอุปกรณ์ความปลอดภัย ประกอบกับหน้าผาที่สูงชัน เส้นทางนี้เคยมีคนผลัดตกลงมาเสียชีวิตถึง 8 คนแล้ว ทำให้หลายๆ บ้านตัดสินใจไม่ส่งลูกไปโรงเรียน   .   แม้ทางหมู่บ้านจะเคยเสนอเรื่องให้ทางการทำถนนให้ แต่ด้วยจำนวนผู้อยู่อาศัยแค่ 72 หลังคาเรือน ทำให้ทางการไม่สามารถอนุมัติงบประมาณเกือบๆ 300 ล้านบาทเพื่อทำให้ถนนให้ได้จริงๆ แม้ทางการจะเคยยื่นข้อเสนอให้ประชากรในหมู่บ้านย้ายออกมายังภายนอก แต่พวกเขาก็ประสบปัญหาไม่มีที่ทำกินอยู่ดี…

การที่เราถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรแจกใบสั่งแปะใบที่หน้ารถนั้นเป็นอะไรที่ต้องยอมรับกันไปตามระเบียบ อันเนื่องมาจากว่าการจอดของเรานั้นผิดกฎจราจรก็ต้องว่ากันไปตามนั้น บางครั้งก็ทำให้เราสงสัยว่า ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่ทำผิดซะเองจะโดนแบบเราบ้างรึเปล่า?     ส่วนใหญ่แล้วผู้บังคับใช้กฎหมายก็มักจะรอดตัวตลอด แต่ไม่ใช่สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรรายนี้ หลังจากที่มีรถตำรวจคันหนึ่งจอดค้างคืนที่ท่าเรือ West Pier ณ เมือง Scarborough, North Yorkshire ประเทศอังกฤษ ซึ่งการจอดค้างคืนที่นี่จะต้องโดนปรับ     ชาวบ้านชาวเมืองในบริเวณนั้น ต่างก็ให้กำลังใจ เชียร์ให้เขาแจกใบสั่งซะ เนื่องจากเห็นว่าเจ้าหน้าที่รายนี้เกิดอาการลังเลอยู่นานว่าจะแจกหรือไม่แจกดี จนกระทั่งมีผู้คนเข้ามารุมล้อมมากขึ้น และในที่สุดเขาก็แจกใบสั่งแปะไว้ที่หน้ารถตำรวจคันนั้น เสียงปรบมือจากผู้คนก็ดังขึ้นมาทันที!!     Graham วัย 65 ปี เจ้าของร้าน Aakschipper Images Gallery ที่อยู่บริเวณใกล้ๆ ลานจอดรถ กล่าวว่า ‘ราวกับว่าผมอยู่ในเหตุการณ์ที่จะต้องตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ทำ ผมเห็นเค้าครุ่นคิดนานมาก ก่อนที่จะไปแจกใบสั่งให้รถคันอื่นแล้วก็คิดได้ว่าควรจะทำยังไง เขากลับมาแจกใบสั่งแปะไว้ที่รถตำรวจคันนั้น ทำให้เราเห็นได้ว่ากฎหมายยังเท่าเทียมกับทุกคน และไม่มีข้อยกเว้นกับตำรวจเช่นกัน’ ที่มา : mirror, theladbible

หลายๆ คนจะเข้าใจกันดีอยู่แล้วว่า ‘เซ็กส์’ นั้นเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ แต่ถึงอย่างไรก็ตามหากเราพูดถึงมันแล้วจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องทำกันอย่างลับๆ ไม่ควรนำเอาออกมาเปิดเผย แต่ในโลกโซเชียลของสิงคโปร์ได้ชาวเน็ตทำการโพสท์รูปภาพของผู้หญิงและผู้ชายในลักษณะเปลือยล่อนจ้อนกำลังบะบะโอ๊บะบะ กันอยู่ โดยมีผู้คนรายล้อมรอบ   คนที่โพสท์ภาพนั้นเป็นลุงของชายหนุ่มที่กำลังปฏิบัติภาระกิจอยู่ข้างบน ซึ่งการทำแบบนี้นั้นเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาภายในครอบครัวของพวกเขาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่าแล้ว ทายาทของคนในตระกูลนี้ที่เป็นผู้ชาย การมีเซ็กส์กับภรรยาในครั้งแรกนั้นจะต้องทำกันท่ามกลางคนในครอบครัวทั้งญาติๆ และพ่อแม่พี่น้อง เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองถึงการเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว ทั้งนี้ญาติคนอื่นๆ ที่มีประสบการณ์ก็จะมาสอนให้อีกด้วย เมื่อภาพนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ทำให้มีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้   ชาวเน็ตคนหนึ่งบอกว่า “มันเป็นเรื่องที่น่าเกลียดเป็นอย่างมากกับการไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น”   นอกจากนี้ยังมีคนแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมอีกว่า “มันไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นประเพณีหรืออะไรก็ตาม แต่การทำแบบนี้มันเป็นอะไรที่แปลกมากๆ เซ็กส์ควรเป็นเรื่องที่ควรทำกันอย่างลับๆ โดยที่ไม่มีคนในครอบครัว พี่น้อง หรือ ใครมาคอยสังเกต”   แหม่เอาจริงๆ หาก #เหมียวหง่าว เจอแบบนี้เข้าคงต้องขอลาออกจากการเป็นผู้ชายด่วนจี๋เลยจ้า ใครมันจะไปทำได้ลงคอกันฟร๊ะ!! ฮร่า   ที่มา : worldofbuzz

ศิลปะ ไม่ได้มีเพียงแค่ความสวยงาม ความซับซ้อน หรือความยิ่งใหญ่อลังการเพียงอย่างเดียว แต่คุณเชื่อไหม? แค่เอาแว่นตาธรรมด๊าธรรมดาไปวางไว้บนพื้น ก็เกิดเป็นงานศิลปะได้แล้ว ศิลปินหลายๆ ท่านกว่าจะสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองขึ้นมาได้ อาจจะต้องใช้เวลานานเป็นเดือนๆ บางคนก็นานเป็นปีๆ เลยทีเดียว แต่สำหรับ TJ Khayatan เด็กหนุ่มวัย 17 ปี จากโรงเรียนมัธยมในเขตเบย์เอเรีย คนนี้ กลับสร้างงานศิลปะในแบบของตัวเองขึ้นมาได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที แถมยังทำให้ผู้คนสนใจในงานชิ้นนั้นของเขาอีกด้วย     TJ ได้เข้าไปเที่ยวชมนิทรรศการศิลปะที่ SFMOMA (San Francisco Museum of Modern Art) ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาเห็นว่า ภาพวาด รวมไปถึงผลงานศิลปะทุกชิ้นนั้นมีความสวยงาม แต่ก็ยังไม่มีชิ้นไหนที่ทำให้เขารู้สึกประทับใจเลย จนไหนที่สุดเขาก็ได้ปิ๊งไอเดียบางอย่าง โดยการอยากรู้ว่าผู้คนจะมีปฏิกิริยาอย่างไรน้า หากเขาลองนำแว่นตาของตัวเองไปวางไว้บนพื้น และนั่นจึงทำให้เขาได้สร้างงานศิลปะของตัวเองขึ้นมา     ไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่แว่นตาธรรมดาๆ จะทำให้ผู้คนสนใจได้มากขนาดนี้ พวกเขาเรียงแถวกันเพื่อมาถ่ายรูปผลงานศิลปะของหนุ่มน้อยมากขึ้นเรื่อยๆ     เมื่อเห็นว่าผลตอบรับที่ได้มันดีเกินคาด เขาและเพื่อนๆ ก็ลองนำสิ่งของชิ้นอื่นมาวางดูบ้าง อย่างเช่น หมวก แต่ทว่ามันกลับไม่ได้รับผลตอบรับได้ดีเท่ากับแว่นตาเลย  …

สำหรับเพื่อนๆ หลายคนการใช้กากเพชรแต่งหน้า คงเป็นเรื่องปกติที่ทำเป็นประจำ เพราะมันจะช่วยทำให้ใบหน้าของเรามีความแวววับ และดูโดดเด่น โดยเฉพาะบริเวณเปลือกตาที่มักจะใช้ตกแต่งกันเป็นประจำ แต่หารู้ไม่ว่าเจ้ากาเพชรนี้หรือสิ่งของอะไรก็ตามที่ถ้าเอาไปอยู่ใกล้กับดวงตาแล้วมักจะอันตรายเสมอ วันนี้ #เหมียวหง่าว ขอพาเพื่อนๆ ไปชมอุทาหรณ์สำหรับคนที่ชื่นชอบการแต่งหน้าด้วยกากเพชรกัน   เรื่องมีอยู่ว่าหญิงสาวชาวต่างชาตินามว่า Erica Diaz ได้ทำการแต่งหน้าของเธอตามปกติพร้อมกับใส่กากเพชรวิ้งวับที่เปลือกตา   แต่อนิจจาจู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าเหมือนมีเศษกากเพชร 1 ชิ้น หล่นติดเข้าไปในตาของเธอ   หลังจากนั้นเธอก็รีบไปหาหมอโดยเร็ว เพื่อทำการรักษา   แต่น่าเสียดายที่เจ้าเศษกากเพชรชิ้นนั้นสร้างความเสียหายกับดวงตาของเธออย่างมหาศาลจนทำให้กล้ามเนื้อตาอักเสบและปิดบังตาของเธอจนหมดเลยทีเดียว   เศษกากเพชรนั้นเข้าไปติดอยู่ในดวงตาและความคมของมันได้บาดกระจกตาของเธอ จนทำให้เกิดบาดแผลเล็กๆ   แน่นอนว่ามันสร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก และที่แย่ไปกว่านั้นคือเธอได้สูญเสียดวงตาข้างซ้ายของเธอไปอย่างสมบูรณ์แล้ว   และตอนนี้เพื่อนๆ ของ Erica ได้เข้าไปใช้บริการเว็บไซต์ GoFundMe (เว็บไซต์เพื่อช่วยเหลือในการระดมทุน) เพื่อระดมทุนหาเงินไปทำดวงตาเทียม   และแน่นอนว่านี่เป็นอุทาหรณ์สอนใจหญิงที่สำคัญอย่างสุดๆ เลยนะ ไม่ว่าวัสดุอะไรก็ตามอย่าเอาเข้าไปใกล้ดวงตาเด็ดขาด!! มิเช่นอาจจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกก็ได้ ไม่น่าเชื่อว่าแค่เศษกากเพชรเล็กๆ จะนำไปสู่การสูญเสียดวงตาได้เลย ฉะนั้นเพื่อนๆ ก็ต้องระวังกันด้วยนะ ^^ ที่มา : lifebuzz

ประเทศจีนนี่มีอะไรแปลกๆ มาให้เราได้ชมตลอดเวลาจริงๆ และวันนี้อีกครั้งกับการขับขี่มอเตอร์ไซค์ระดับเทพของคุณลุงคนหนึ่ง ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากลุงคนนั้นไม่ได้เป็นคนตาบอด!! เรื่องราวเกิดขึ้นในมณฑลเจียงสี เมื่อมีชายคนหนึ่งได้เก็บภาพคู่รักวัยกลางคนกำลังขี่รถจักรยานยนต์อยู่ แต่ที่น่าตกใจก็คือคุณลุงที่เป็นคนขับดันเป็นคนตาบอด และขับขี่โดยอาศัยการตะโกนบอกเส้นทางของภรรยาที่ซ้อนอยู่ข้างหลังเท่านั้น!!     หลังจากนั้นทางตำรวจก็ได้ติดตามตัวคุณลุงคนนี้ เนื่องจากการขับรถในขณะที่ตาบอดมันเป็นเรื่องอันตรายต่อเพื่อนร่วมทางมาก (จริงๆมันควรใช้คำว่า มว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก) และพบว่าเขาประกอบอาชีพเป็นหมอนวดภายในเมือง ด้วยความที่ต้องเดินทางกลับไปเยี่ยมแม่ทุกเดือน บางครั้งเขาก็ต้องประหยัดค่าโดยสารด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงานบ้าง ซึ่งจะมีภรรยาของเขาเป็นคนทำหน้าที่บอกทาง   ลองไปชมคลิปกันดีกว่า .   แบบนี้ก็ได้เหรอเนี่ย คุณลุงจะเทพเกินไปละ แต่ #เหมียวอ๊อดโด้ คุณลุงเลิกขี่เถอะครับ มันอันตรายเกินไปจริงๆ ที่มา Shanghaiist

เกิดเป็นแมวมี 4 ขา กินๆ นอนๆ ทำตัวไร้สาระไปวันๆ คงไม่พอ เพราะหากคิดจะเข้ามาครองโลกใบใหญ่ใบนี้ จะต้องแทรกซึมให้เข้าถึงจิตวิญญาณความเป็นมนุษย์ให้ได้มากที่สุด แต่จากที่สังเกตดูแล้ว เหมียวขี้อ้อนยังไม่เห็นมีแมวตัวไหนทำตัวเป็นประโยชน์ให้กับโลกเลย เว้นแต่… เจ้า Sailor แมวจากประเทศรัสเซีย ผู้ที่มาขอรับบทเป็นกัปตันเหมียวสุดหล่อ ประจำ Nikolay Chernyshevsky เรือท่องเที่ยว ในประเทศรัสเซีย มันพร้อมจะเดินทางไปรับไปส่งพวกมนุษย์ให้ถึงจุดหมายปลายทาง ระหว่างกรุงมอสโกและเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้อย่างปลอดภัย แหม!! เห็นแล้วน่าภูมิใจแทนเผ่าพันธุ์เหมียวจริงๆ   เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นท้องทะเลสีคราม งดงามตาเหลือเกิน   ต่อไปนี้เราจะมาพูดถึงความโดดเด่นของกัปตัน Sailor กัน เนื่องจากเวลามีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการบนเรือแห่งนี้ ต่างก็พากันชื่นชอบ และหลงใหลกัปตันเหมียวตัวนี้กันอย่างมากมาย เป็นเพราะอะไรใครรู้บ้าง? อ๋อ!! เมื่อลองมองหน้าดีๆ ก็พอจะรู้แล้วละว่าทำไมมีแต่คนรักเจ้าเหมียว Sailor ที่แท้ก็เป็นเพราะใบหน้าที่ดูง่วงๆ ของมันนั่นเอง     นอกจากใบหน้าจะสร้างความโดดเด่น และเป็นที่น่าจดจำแล้ว พวกเอ็งดูสิ…เหมียวตัวนี้มันไม่ธรรมดา เพราะมันมาในในเครื่องแบบที่จัดหนักจัดเต็มแบบสุดๆ เท่ซะไม่มี     ส่วนนักท่องเที่ยวที่ได้มาใช้บริการ เมื่อได้เห็นกัปตัน Sailor ต่างก็พากันมาแชะภาพของมันกันยกใหญ่…

เพื่อนๆ จะรู้กันอยู่แล้ว่า ‘ไฟ’ เป็นสิ่งที่อันตรายเป็นอย่างมาก แต่อาชีพนักผจญเพลิงนี้จะต้องมีความกล้าที่จะลุยกับมันและแน่นอนว่ามีความเสี่ยงที่จะทำอันตรายให้ถึงแก่ชีวิตได้อย่างง่ายดาย อาชีพนักผจญเพลิง เป็นอาชีพที่ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น เรียกว่าต้องมีใจรักและความกล้าหาญจริงๆ เท่านั้นถึงจะสามารถทำอาชีพนี้ได้   Patrick Hardison มีอาชีพเป็นนักผจญเพลิง เขาเป็นฮีโร่ที่แท้จริงอุทิศตนต่อสู้กับไฟเพื่อช่วยเหลือผู้คน   เขาเป็นคนที่รักครอบครัวมาก งานที่เขาทำนี้นอกจากจะเป็นสิ่งที่เค้ารักแล้วยังสามารถช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวอีกด้วย   แต่แล้วเจ้าไฟคู่ทุกข์คู่ยากกลับเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล ในวันหนึ่ง Patrick ได้ออกไปปฏิบัติภารกิจผจญเพลิงตามปกติที่บ้านหลังหนึ่ง และส่งผลให้….   แต่โชคร้ายที่เขาและคนอื่นๆ ในทีมกลับถูกขังให้อยู่ในบ้านพร้อมกับเปลวเพลิงที่ร้อนระอุ เกือบทุกคนไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้   แต่ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นเพราะ Patrick เป็นคนเดียวที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์นั้น แต่ไฟทำให้หน้าตาของเขาเปลี่ยนไป หน้ากากที่เขาใส่ไปในวันนั้นมันค่อยๆ ละลายเพราะความร้อน จนมาแนบติดกับใบหน้าของเขา   ในช่วงแรกนั้นลูกๆ ของเขาไม่กล้าเข้าใกล้พ่อของตัวเอง เพราะหน้าตาที่เปลี่ยนไป แต่สิ่งที่สามารถช่วยเขาได้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือการ ‘ศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้า’   ซึ่งโอกาสสำเร็จมีน้อยมาก แต่ Patrick ก็ยังยืนยันที่จะทำ เพราะหวังว่ามันจะสามารถช่วยเปลี่ยนชีวิตของเขาได้   ด้วยฝีมือของทีมศัลยแพทย์จาก NYU Langone Medical Center นำทีมโดย คุณหมอ…

ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่เข้าถึงใช้งานได้ง่ายขึ้น เด็กหลายคนสมัยนี้เกิดมาก็มีแท็บเล็ตใช้กันแล้ว แถมยังใช้เป็นยิ่งกว่าผู้ใหญ่ซะอีก!!   Emily Cairns หนูน้อยวัย 6 ขวบจากเมืองแมนเชสเตอร์ ผู้เป็นคนควบคุมเทคโนโลยีทุกอย่างในบ้าน และเมื่อใกล้วันเกิดของเธอ เธอไม่อยากรอว่าของขวัญปีนี้จะได้อะไร เธอก็เลยวางแผนบางอย่างขึ้นมา คุณแม่ Amy ปกปิดของขวัญเป็นความลับ หนูน้อยก็เลยรอช่วงเวลาที่คุณยาย Maureen เผลอ เอาโทรศัพท์มา แล้วก็แชทไปถามแม่ว่าซื้ออะไรเป็นของขวัญวันเกิด และแม่ก็ตอบมาทุกอย่างเลย   ช่างเป็นวิธีที่เรียบง่ายจริงๆ ขนาดคุณแม่ยังคาดไม่ถึงเลย เพราะตอนที่ยายตอบว่า “Wow” เธอก็คิดอยู่นะว่ายายไม่เคยพูดแบบนี้นี่หน่า แล้วก็เพิ่งมาเอะใจได้นี่แหละ!!   “It was the ‘wow’ that gave her away…I thought, “Mum wouldn’t say that,” and I was suspicious.” โดนจับได้เพราะคำว่า Wow คำเดียวเลย   จริงๆ เด็กก็เป็นวัยที่อยากรู้อยากเห็น พวกเขาจะทำทุกวิถีทางที่จะรู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ แต่เอาจริงๆ…

สำหรับคู่รักแล้ว การที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น คงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและน่าผิดหวังเป็นอย่างมาก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องของคู่รักสองคนนี้ เมื่อฝ่ายหญิงยินดีทีจะให้ฝ่ายชายไปมีเซ็กส์กับหญิงอื่น เพราะเธอรู้สึกหมดอารมณ์ทางเพศ!! เรื่องราวดังกล่าวเป็นของ Amy Jones หญิงสาววัย 30 ปีจากประเทศอังกฤษ เธอเล่าว่าหลังจากที่เธอคลอดลูกคนที่สอง เธอก็รู้สึกหมดอารมณ์ทางเพศไปซะดื้อๆ อย่างนั้น     เธอบอกว่าหลังจากที่เธอต้องคอยเลี้ยงดู ป้อนนมลูกทั้งวัน จากที่เมื่อก่อนเธอกับสามีจะมีเซ็กส์กันวันละหนึ่งครั้ง เธอก็ไม่รู้สึกอยากมีเซ็กส์อีกต่อไป มีครั้งหนึ่ง สามีของเธอ Ryan เกิดความต้องการทางเพศขึ้นมา แต่เธอกลับปฏิเสธเขาไปด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า “ไม่อยาก” Ryan รู้สึกเฟลกับเหตุการณ์นั้นมาก และเขาถึงกับตั้งคำถามกับตัวเองว่า เขาทำอะไรผิดไปหรือเปล่า?     Amy เข้าใจความรู้สึกของสามีเป็นอย่างดี แต่เธอไม่สามารถอะไรได้จริงๆ เธอรู้สึกกลัวว่าเขาอาจจะทิ้งเธอไป ดังนั้นเธอจึงอนุญาติให้เขาสามารถหลับนอนกับหญิงอื่นได้ ในช่วงที่รอให้อารมณ์ทางเพศของเธอกลับมา เพียงแต่เขาต้องเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้เธอฟังด้วย “ฉันรู้ว่าเขารักฉันและครอบครัวมาก พวกเรารักกันตั้งแต่อายุ 14 แต่ฉันอนุญาตให้เขาหลับนอนกับหญิงอื่นได้ แต่ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ของฉันเท่านั้น” Amy กล่าว     แรกๆ Ryan ก็รู้สึกประหลาดมากๆ แต่ Amy ก็ยืนกรานให้เขาทำแบบนั้น…

ปัจจุบันได้มีคลิปแกล้งคนออกมามากมาย ตั้งฮาบ้าง แรงบ้าง ซึ่งก็แล้วแต่คนแกล้งว่าจะทำออกมาแนวไหน แต่บางทีการแกล้งนั้นก็นำไปสู่ดราม่าได้เหมือนกันนะ เหมือนอย่างกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ Brad Holmes สามีนักแกล้ง ที่โด่งดังเป็นอย่างมาก เขามักทำคลิปแกล้งออกมาซึ่งเหยื่อก็มักจะเป็นภรรยาของเขานั่นเอง   แต่ครั้งล่าสุดนี้ไม่รู้ว่าจะแกล้งแรงไปรึเปล่า เพราะว่าเขาได้ทำการเอาพริกไปทาตรงผ้าอนามัยแบบสอดเพื่อแกล้งภรรยาของเขา และผลที่ได้นั้นทำเอาภรรยาปวดแสบปวดร้อนเลยทีเดียว เราไปชมคลิปกันก่อนดีกว่า   หลังจากคลิปถูกโพสต์ลงไป ก็มีคนที่ไม่เห็นด้วยกับการแกล้งแบบนี้ เพราะมันอันตรายมากๆ หลายคนรู้เลยว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน   บางคนก็บอกให้แก้แค้นด้วย จะได้รู้ว่ามันแสบแค่ไหน   ใครที่สนใจดูคลิปด้านล่างเลย… อัพเดท: จริงๆ เขาโพสต์คลิปนี้ลงในเฟซบุ๊ก แต่พบกระแสลบมากๆ เขาก็ได้ลบคลิปออกไป (เราก็ได้แต่ภาวนาให้คลิปนี้จัดฉากขึ้นมานะ เพราะว่ามันโหดร้ายมากๆ) ทางฝ่ายชายก็เคยออกมาบอกว่าการที่เขาแกล้งภรรยาบ่อยๆ นั้นก็ไม่ได้ทำให้รักของเขาน้อยลงเลย ทุกการแกล้งมีการเตรียมการมาอย่างดี ไม่ทำร้ายจิตใจมาก เหมียวสามสี ก็หวังให้เป็นการจัดฉากทีเถอะนะ พริกเข้าตาว่าแสบแล้ว นี่โดนน้องสาวไม่อยากจะคิดเลย.. ที่มา distractify

หลายคนอาจบอกว่าของเล่นประเภทฟิกเกอร์ถือว่าเป็นของเล่นสำหรับเด็ก แต่ถ้าเพื่อนๆ ได้เห็นฟิกเกอร์อันนี้แล้วล่ะก็ เพื่อนๆ จะต้องเปลี่ยนความคิดอย่างแน่นอน ฟิกเกอร์ดังกล่าวเป็นผลงานของบริษัท Design Coco พวกเขาได้จัดทำตุ๊กตาจำลองขนาดเท่าของจริง (สัดส่วน 1:1) ของตัวละคร Momo จากเรื่อง To Love-ru ในโอกาสครบรอบ 10 ปีการ์ตูนเรื่องดังกล่าว     โดยฟิกเกอร์ตัวนี้จะมีความสูง 160 เซนติเมตร รวมถึงมีรายละเอียดตัวละครที่ “สมจริง” มากที่สุด ตัวหนึ่งเท่าที่โลกเคยสร้างมา สนนราคาอยู่ที่ตัวละ 2,722,727 เยน หรือราว 880,000 บาทเท่านั้นเอง!!     ซึ่งตุ๊กตาตัวนี้มีจำนวนเพียง 10 ตัวเท่านั้น โดยผู้ที่ต้องการซื้อจะต้องมาลงทะเบียนที่ร้าน Tora no Ana ร้านขายฟิกเกอร์ชื่อดังย่านอากิฮาบาระ จากนั้นทางร้านก็จะสุ่มผู้โชคดี 10 ท่านที่ได้สิทธิ์ในการซื้อไป     ใครเป็นแฟนการ์ตูนเรื่องนี้ พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงนะฮะ (ถึงจะมีราคาพอๆ กับรถยนต์คันหนึ่งก็ตามทีเถอะ) ที่มา Rocketnews24

ถ้าพูดถึงอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุดในไทย ชื่อของอุโมงค์ขุนตาน อ.ห้างฉัตร จ. ลำปางจะต้องเป็นชื่อแรกๆ ที่โผล่ขึ้นมาอย่างแน่นอน ด้วยความยาวกว่า 1,200 เมตร ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งของภาคเหนือ แต่อุโมงค์ขุนตานจะกลายเป็นเด็กๆ ไปเลย เมื่อเจอกับอุโมงค์รถไฟจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์แห่งนี้ เพราะที่นี่คืออุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในโลก และใช้เวลาสร้างเกือบ 20 ปีกว่าจะเสร็จสมบูรณ์!!   อุโมงค์แห่งนี้มีชื่อว่า Gotthard Base Tunnel ตั้งอยู่บริเวณใต้เทือกเขากอตทาร์ด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์เขตสวิตเซอร์แลนด์ ถือว่าเป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในโลกในปัจจุบัน ด้วยความยาวกว่า 57 กิโลเมตร จริงๆ แล้วแผนการสร้างอุโมงค์แห่งนี้ เริ่มกันตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่สุดท้ายก็ได้เริ่มสร้างเมื่อ 17 ปีที่แล้ว ก่อนจะแล้วเสร็จอย่างเป็นทางการเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยจะเชื่อมต่อเขต Erstfeld เขต Bodio และเขต Sedrun เข้าด้วยกัน   ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอุโมงค์นี้ตลอด 17 ปี อยู่ที่ประมาณ 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือราว 420,000 ล้านบาท) ซึ่งจะช่วยลดเวลาการเดินทางเข้าสู่กรุงซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้ถึง 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว   อุโมงค์แห่งนี้จะกลายเป็นอุโมงค์ที่ยาวที่สุดแทนที่อุโมงค์เซกัน จากประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีความยาวประมาณ 53 กิโลเมตร…

วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีเรื่องราวของศิลปินนักสักคนหนึ่งที่สร้างความสุขและสดใสให้กับเด็กๆ เขาคือ Benjamin Lloyd ชายผู้ที่สร้างความสนุกให้กับเหล่าเด็กๆ ในโรงพยาบาล  Auckland’s Starship Children’s Hospital ด้วยการมอบรอยสักให้กับพวกเขา!!! ในวัยเด็กนั้นไม่มีใครเหมาะสมที่จะต้องนอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลตลอด เพราะเด็กๆ ก็คงอยากจะเล่น อยากจะวิ่งกับเพื่อนๆ แต่กระนั้น เด็กๆ หลายๆ คนก็ยังคงต้องอาศัยอยู่ในนั้นอยู่ดีเพราะร่างกายไม่อำนวย…   Benjamin Lloyd เลยเสนอที่จะสร้างแทททูให้กับเด็กๆ แบบฟรีๆ กันเลย (ถ้าเขาได้รับ 50 ไลค์ตอนโพสต์ภาพลงเฟซบุ๊ค)   แต่เชื่อไหม กลายเป็นว่าเพียงเวลาไม่นาน เขากลับได้รับกว่า 400,000 ไลค์จากชาวเน็ต!!!   แน่นอนว่ามันไม่ถาวรหรอกนะจ๊ะ สามารถล้างออกหรือปล่อยให้ค่อยๆ จางหายไปได้   แค่นี้เด็กๆ ก็กลับมามีรอยยิ้ม และมีความสุขอีกครั้งแล้วล่ะ   เท่ระเบิดไปเลยทีเดียวเชียวสำหรับบางคน   สาวแสบ ><   เตรียมพร้อมจะไปเล่นสนุกกันต่อแล้วซินะ ^^   มาชมวิดีโอของเขาขณะปฏิบัติงานกันได้ที่นี่   ถึงจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ…

ขอถามคำถามหน่อยว่า กิจกรรมยามว่าง หรืองานอดิเรกที่คุณผู้ชายชอบ ส่วนใหญ่คุณทำอะไรกันบ้าง? เชื่อว่าคำตอบที่ได้มาก็คงจะเป็น อ่านหนังสือ ฟังเพลง ดูหนัง หรือแต่งรถ อะไรทำนองนี้ แต่สำหรับหนุ่มๆ จากประเทศอังกฤษกว่า 10,000 คน เขาชอบทำกิจกรรมยามว่างที่แปลก และไม่เหมือนใครนั่นก็คือ การพากันแต่งตัวเป็นน้องหมา จนถูกเรียกว่าเป็น Man Dog หรือ มนุษย์หมา นั่นเอง     และนอกจากจะแต่งตัวให้เหมือนน้องหมาแล้ว พวกเขายังทำท่าทางเลียนแบบให้เหมือนกับเป็นเจ้าตูบจริงๆ อีกด้วย   สำหรับชุดที่ใช้ในนำมาแต่งตัวเป็นสุนัขนั้น เป็นชุดที่มีลักษณะแนบเนื้อ มีลวดลายที่แตกต่างกันออกไป  อีกทั้งยังมีหน้ากากรูปสุนัขที่ใส่แล้วก็ดูเหมือนสุนัขที่สุดเลย     ส่วนนี่เป็นภาพของ Tom หนึ่งในหนุ่มๆ Man Dog ที่ชื่นชอบการแต่งเป็นน้องหมาพันธุ์ดัลเมเชียนเป็นชีวิตจิตใจ โดยเขาแต่งมานานเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว จนทำให้เขาเริ่มกลายเป็นที่รู้จักในชื่อว่า Mr Puppy UK  นั่นเอง     Kye หนุ่มวัย 28 ปี…

มหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2016 ที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้วในอีกไม่กี่เดือนนี้ เชื่อว่านอกจากทีมชาติไทยเป็นหลักแล้ว หลายคนยังไม่รู้จะเชียร์ทีมไหน หรือกีฬาอะไรดี และถ้าเพื่อนๆ ยังเลือกไม่ได้ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับทีมยิมนาสติกจากประเทศบราซิล ที่รับรองว่าสาวๆ เห็นแล้วต้อง “วอเทอร์วอร์ค” อย่างแน่นอน จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย   นี่คือนักกีฬายิมนาสติกชายจากชาติเจ้าภาพบราซิล ที่จะลงแข่งขันโอลิมปิกในช่วงกลางปีนี้   ดูแล้วเป็นทีมที่ไม่ค่อยมีงบประมาณเท่าไหร่ เสื้อผ้าก็ไม่ค่อยใส่กัน…   เขาบอกว่าหนุ่มบราซิลเลี่ยนหล่อที่สุดในโลก เพื่อนๆ ว่าจริงอ๊ะป่าว   (เห็นแล้วอยากลูบไล้กล้ามเนื้อแน่นๆ ตรงท้องเหลือเกิน… อุ๊ย แมวเหยียบคีย์บอร์ด)   ไม่ว่าจะได้เหรียญหรือไม่ แต่ได้ใจสาวๆ ทั่วโลกแน่นอน อิอิ   เห็นแบบนี้แล้ว มีกำลังใจอยากดูโอลิมปิกกันหรือยังล่ะเพื่อนๆ ยังไงก็รอชมกันได้นะ เดี๋ยวถ้าเจอนักกีฬาหล่อๆ สาวๆ #เหมียวอ๊อดโด้ จะเอามาแนะนำให้เพื่อนๆ ได้ชมอีกนะฮะ รอชมได้เลย อิอิ ที่มา Orzzzz

ใครๆ ต่างก็มีความฝันที่อยากจะลาออกจากงานไปใช้ชีวิตที่มันสุขสบาย ไม่ต้องคิดอะไรมาก เก็บเงินไปเที่ยวรอบโลกก็คงจะเป็นอะไรที่ฟินไม่น้อยแล้ว แต่อันนั้นอาจจะสวยหรูเกินไปหน่อย วันนี้ #เหมียวสามสี จะพาไปรู้จักกับ Sergi Basoli ชายหนุ่มจากเมืองบาเซโลน่า ผู้ที่ลาออกจากงานแล้วพายเรือคายัคกับน้องหมาเที่ยวเป็นระยะทางกว่า 5,000 กิโลเมตร การเดินทางของเขาน่าสนใจมากๆ เขาเริ่มจากเมืองที่เขาอยู่ ซึ่งก็คือบาเซโลน่า แล้วเลาะตามชายฝั่งในประเทศไปเรื่อยๆ สู่จุดมุ่งหมายก็คือเมืองซิซิลี ซึ่งระหว่างทางนั้นเขาก็ได้พบกับหมู่เกาะมากมาย และกว่าจะไปถึงก็ใช้เวลา 3 ปี แต่บอกได้เลยว่ามันคุ้มค่ามากๆ   อ๊ะ ลืมบอกไปว่าน้องหมาที่ไปด้วยนั้นเขาพบเจอมันระหว่างทางนะ เขาไม่ได้บอกว่าเจอหลังจากออกเดินทางไปนานรึยัง แต่หลังจากนั้นทั้งคู่ได้พบที่แห่งใหม่ วัฒนธรรมใหม่ๆ และเพื่อนอีกหลายพันคนตลอดทะเลเมอดิเตอร์เรเนี่ยน เราไปชมภาพการผจญภัยของเขากันเลย . . . . . . . . . .   และนี่ก็คือเส้นทางการเดินทาง รวมถึงการใช้ชีวิตอยู่ทั้งหมด ดูได้จากคลิปนี้เลย   ติดตามชีวิตของเขาและเจ้าหมาคู่ใจต่อได้ที่ Instagram อันนี้เลย ที่มา boredpanda

รถบัสหรือรถเมล์ ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คนนิยมใช้บริการนอกเหนือจากรถไฟฟ้า ด้วยความที่มันมีราคาที่ถูกและขึ้นง่ายไม่ซับซ้อนมากจนเกินไป ที่งาน Beijing International High-Tech Expo นั้นก็ได้มีการจัดแสดงผลงานทางด้านเทคโนโลยีมากมาย และหนึ่งในสิ่งที่เป็นพระเอกของงานนี้ก็คือ Transit Elevated Bus (TEB) หรือรถบัสสุดไฮเทค ผลงานการคิดค้นจากประเทศจีน แค่เห็นตัวอย่างก็รู้เลยว่ามันดีงาม     ตัวรถนั้นจะทำออกมาเหมือนรถราง แต่จะไม่กินเลนถนน เพราะว่ามันจะเคลื่อนที่อยู่ข้างบน มีเพียงแค่ที่คอยรองรับน้ำหนักเท่านั้น ทำให้รถสามารถวิ่งข้ามรถต่างๆไปได้ ไม่ทำให้รถติด Bai Zhiming วิศวกรผู้คุมโปรเจกต์นี้คาดการณ์ว่าการขนส่งด้วยรถบัสคันใหม่นี้จะสามารถเคลื่อนย้ายคนกว่า 1,200 ได้ในช่วงเวลาหนึ่ง อีกทั้งค่าใช้จ่ายยังถูกกว่ารถไฟใต้ดินอีกด้วย และใช้เวลาสร้างเพียง 1 ปีเท่านั้น   ตอนนี้กำลังจะวางแผนสร้างใน Qinhuangdao City ตอนเหนือของจีน อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงคอนเซปเท่านั้น และต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมก่อนจะลงมือสร้างจริง เราต้องรอดูว่าจะเวิร์คไหม… ที่มา CCTV News

บางทีการไปเที่ยวทะเลนั้น เราก็อยากจะเห็นน้ำที่มันใสจนมองเห็นพื้นทรายที่อยู่ข้างล่างได้ แต่บางทีอะไรที่มันชัดเกินไปก็ไม่ดีนะ… เหมือนอย่างเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้น การที่เราได้เห็นฉลามในท้องทะเลก็ถือเป็นเรื่องที่หายากแล้วนะ แต่ครั้งนี้มาให้ดูถึง 70 ตัวเลยทีเดียว แถมมไม่มาธรรมดา มีการแสดงกินวาฬแบบนองเลือดมาให้ดูด้วย   ภาพถ่ายนี้มากจา Eco Abrolhos ซึ่งเป็นบริษัททัวร์ที่จะพานักท่องเที่ยวชมวิวรอบๆอ่าวในประเทศออสเตรเลีย   ดูจากภาพก็น่าจะรู้ว่ามันใกล้ชิดมากแค่ไหน   ภาพถ่ายจากโดรนทำให้เห็นว่าทะเลนั้นเต็มไปด้วยเลือดของวาฬ   Jay Cox ผู้จัดการเรือยังบอกเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นฉลามเสือมากมายขนาดนี้ ผู้โดยสารของเขามาจาก Perth, Melbourne และ Sydney ทั้งหมดกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นสิ่งที่อะเมซิ่งมากๆ ที่ได้เห็นในชีวิตนี้   ใครอยากรู้ว่าบรรยากาศมันเป็นยังไง มีเวอร์ชั่นคลิปด้วยนะ สำหรับคนที่ชมคลิปไม่ได้ คลิกที่นี่ ได้เลยจ้ะ ที่มา dailymail

ปกติการสร้างบ้านเราต้องใช้เวลาสร้างเท่าไหร่? ถ้าอย่างเร็วก็อาจจะสามเดือน แต่ถ้าอย่างช้าก็อาจจะหนึ่งปี แต่สำหรับบ้านหลังนี้กลับใช้เวลาสร้างเพียง 72 ชั่วโมงเท่านั้น!! บ้านดังกล่าวอยู่เป็นโครงการของบริษัท TaskRabbit ซึ่งมีผู้รับเหมา 10 ราย เข้าร่วมโครงการนี้ โดยพวกเขาได้ร่วมกันสร้างบ้านหลังหนึ่ง เพื่อนำไปประมูลนำเงินไปช่วยเหลือคนไร้บ้านในเมืองนิวยอร์ค   แม้จะเป็นเพียงบ้านหลังเล็กๆ แต่ภายในบ้านก็มีของครบครันไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว เตาไฟฟ้า และอื่นๆ อีกมากมาย   ซึ่งบ้านหลังนี้ใช้เวลาสร้างเพียง 72 ชั่วโมงเท่านั้น   ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาใช้ช่างก่อสร้างเพียง 10 คนเท่านั้น .   และตอนนี้ทาง Taskrabbit ได้นำบ้านหลังนี้ขึ้นสู่การประมูล เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือคนไร้บ้านในนิวยอร์ค .   และตอนนี้ราคาประมูลพุ่งไปถึง 14,000 เหรียญหรือราว 500,000 บาทแล้ว .   สุดยอดจริงๆ เลยนะเนี่ย   เห็นแล้วอยากให้เขามาช่วยสร้างบ้านบ้างจัง ทั้งสวยทั้งน่าอยู่ แถมใช้เวลาสร้างไม่นานด้วย คิดเหมือนกันมั้ยละเพื่อนๆ อิอิ ที่มา Dailymail

โลกเรานี้ก็อุดมไปด้วยหลากหลายประเภท ซึ่งเราก็ต้องระมัดระวังตัวไว้ให้ดี เพราะว่าเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าใครจะมาดีหรือมาร้าย เหมือนอย่างชายคนนี้ที่ได้พบกับโรคจิตที่คอยติดตามเขาอยู่ตลอด โดยไม่รู้ว่ามีประสงค์อะไร เรื่องราวนี้เป็นของผู้ใช้เว็บไซต์ Reddit ที่ชื่อว่า drunle เมื่อเขาค้นพบว่าได้มีโรคจิตหรือ Stalker นั้นแอบติดตามเขาอยู่ และเขาก็ได้อัดคลิปไว้ ซึ่งดูจากคลิปแล้วเป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆ มีการคาดการณ์ว่าเขาอาจจะเป็นคนที่ชื่นชอบชายคนนี้อยู่ก็เป็นได้ มาตามถึงหน้าบ้าน   เขามีช่องในยูทูปชื่อว่า Mumpyphiog ซึ่งในคลิปนี้เขาบังเอิญถ่ายติดโรคจิตคนนี้ด้วย   และที่น่ากลัวที่สุดคือเขามาอยู่ตรงหน้าประตูตอนดึกๆ แต่ไม่ได้แอบเข้ามา ทำแค่เดินผ่านไปผ่านมาเท่านั้น (ภาพจากกล้องวงจรปิด)   บางคนก็คิดว่าไปเขาอาจจะทำวิดีโอมาหลอกเราก็เป็นได้ เพราะเขาเป็น Youtuber (แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานอะไร) บทเรียนที่ได้จากการดูคลิปเหล่านี้ก็คือเราควรระมัดระวังตัว ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยไว้ที่บ้านด้วย เช่นกล้องวงจรปิด อาจจะแพงไปนิด แต่ถ้าเกิดอะไรก็สามารถช่วยเราได้บ้าง ที่มา viralnova

นี่คือเรื่องตำรวจนายหนึ่งที่ชื่อว่า Peter Getz หลายคนอาจจะมองว่าคนที่เป็นฮีโร่นั้นก็คือคนที่คอยปกป้องและช่วยชีวิตคนอื่น แต่สำหรับคุณตำรวจคนนี้เป็นมากยิ่งกว่านั้นอีก     ในภาพนี้เขานั่งอยู่กับ Josibelk Aponte หลังจากงานรับปริญญาในมหาวิทยาลัย แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ทั้งคู่ได้ผ่านเรื่องราวที่ยากลำบากมาด้วยกัน ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหญิงสาวอายุได้เพียง 5 ขวบ ได้เกิดเพลิงไหม้ ทำให้มีคนในครอบครัวของเธอเสียชีวิต นายตำรวจได้ช่วยเธอออกมา อาการของเธอไม่สู้ดีนัก หลังจากนั้นเขาก็พาเธอไปปฐมพยาบาล เนื่องจากว่าแถวนั้นไม่มีรถฉุกเฉินเลย ก่อนพาไปส่งที่โรงพยาบาล     Josibel เล่าว่าตอนนั้นเธอเหมือนกำลังจะตาย แต่แล้วก็ได้โอกาสมีชีวิตรอดอีกครั้งเพราะว่านายตำรวจคนนี้ และทุกๆ คนที่ช่วยกันในวันนั้น ในตอนนี้เธอายุได้ 23 ปี แล้ว และจบการศึกษาจาก Eastern Connecticut State University ส่วนนายตำรวจ Getz ก็เกษียณแล้วเขาร่วมงานรับปริญญาของเธอด้วย     Getz เล่าว่าหญิงสาวได้พยายามติดต่อเขาผ่านอีเมล เขาก็นึกว่าเป็นโรคจิต แต่พอได้รู้ว่าเธอเป็นใครแล้วถึงกับน้ำตาจะไหล คงเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ ที่ใครสักคนจำคุณได้ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมานานแล้ว และยังจำได้ตลอดมา ส่วนตัวเขาก็จำเธอได้ด้วยนะ   ถือเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจที่เกิดขึ้น อ่านแล้วรู้สึกได้เลยจิตใจของตำรวจท่านนี้น่านับถือมากๆ…

โลกเรานี้ก็ชอบมีการแข่งขับแปลกๆ เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ละอันบางทีก็เป็นสิ่งที่ทำสืบทอดกันมา บางอันก็มีความหมายที่ลึกซึ้ง บางอันก็ทำเพื่อความสนุกเฉยๆ แต่ละมีสักกี่ครั้งที่การแข่งขันจะมีผู้เข้าร่วมเป็นคู่รักผัวเมียกันเลย ฟังดูอาจจะเหมือนตลก แต่การแข่งขันนี้มีอยู่จริงๆนะเออ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ประเทศคาซักสถาน โดยที่คู่รักสามีภรรยานั้นจะต้องเข้าร่วมด้วยกัน สามีจะต้องอุ้มภรรยาแล้ววิ่งแข่งกันภาพอุปสรรคต่างๆ เป็นระยะทางกว่า 250 เมตรข้ามทะเลสาบ Sayran ผ่านทั้งดิน หิน ทราย เรียกได้ว่าโหดสุดๆ เลย   สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสามีต้องทำเวลาให้ได้เร็วที่สุดโดยไม่ให้ภรรยาเจ็บตัว ถ้าคุณทำภรรยาตกก็จะได้รับการลงโทษ ส่วนใครที่มีภรรยาผอมๆ ก็อย่าเพิ่งยิ้ม เพราะกฎบอกว่าถ้าภรรยาน้ำหนักไม่ถึง 49 กิโลกรัม จะได้รับน้ำหนักเพิ่มขึ้นไปอีก .   และนี่ก็คือโฉมหน้าผู้ชนะ ได้แก่ Timur และ Zhangabulovy เอาชนะผู้เข้าแข่งขันอีก 30 กว่าคู่ได้ ทำเวลาไปเพียง 1 นาที 40 วินาทีเท่านั้น   จุดประสงค์ของการแข่งขันครั้งนี้ก็คืออยากให้คู่รักได้มีสุขภาพที่ดี ได้ออกกำลังกายบ้าง ฝ่ายหญิงก็จะได้ลดน้ำหนักก่อนที่จะมาแข่ง เพื่อที่สามีจะได้แบกไหว ที่มา elitereaders

เมื่อกล่าวถึง ‘การแต่งงาน’ หลายๆ คนก็อยากทำให้เป็นโมเม้นต์ที่พิเศษ เพราะกว่าจะคบกันมาถึงจุดนี้จะให้ทำเป็นเรื่องธรรมดาๆ ได้ยังไงกันล่ะเนอะ วันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวของชายหนุ่มที่ทำการเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานแฟนสาวด้วยการกระโดดร่ม แต่อนิจจาตอนจบกลับไม่สวยงามอย่างที่คิด   เว็บไซต์ Shaghaiist ได้บอกเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มชาวมณฑลหูเป่ย์ประเทศจีน ได้ทำการเซอร์ไพรส์ขอแฟนสาวแต่งงานด้วยการกระโดดร่มลงมาจากฟ้าโดยที่ใต้ร่มนั้นเขียนด้วยคำว่า “โกฮองกยุน(ชื่อของแฟนสาว) แต่งงานกันนะ”   โดยตามแผนที่วางไว้ก็คือกระโดดร่มลงมาและหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาว จากนั้นก็คุกเข่าขอเธอแต่งงาน โอ้โห อะไรจะโรแมนติกขนาดนั้น   แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อน ธรรมชาติช่างไม่เป็นใจเอาซะเลย เพราะบริเวณนั้นมีต้นไม้ขนาดใหญ่ขวางอยู่ ก็เลยทำให้ชายหนุ่มและร่มไปติดแหง็กอยู่บนต้นไม้ซะได้   ทำให้เดือดร้อนไปถึงบรรดานักผจญเพลิงทั้งหลายที่ต้องมาช่วยลงไป .   อาจจะผิดแผนไปนิดหน่อย แต่เขาก็ยังเลือกที่จะดำเนินภารกิจหัวใจให้เสร็จสิ้น หลังจากที่ลงมาได้แล้วชายหนุ่มก็เดินตรงดิ่งไปหาแฟนสาวพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ เขาคุกเข่าลงและเอ่ยปากขอเธอแต่งงาน   แต่โชคร้ายที่แฟนสาวของเขากลับปฏิเสธและหันหลังเดินจากไปอย่างไร้เยื่อใย…   ก็อย่างว่าแหละนะ บางครั้งความรักมันก็อาจจะจบลงแบบไม่สวยงามเสมอไปหรอก แต่ชายหนุ่มเค้าอุตส่าห์ลงทุนให้ขนาดนี้แล้วฝ่ายสาวยังปฏิเสธเนี่ยอาจจะไม่ใช่เพราะอับอายที่การขอแต่งงานดันมาเฟลหรอก   แต่อย่างไรก็ตามก็ขอให้พี่ชายสู้ต่อไปนะ #เหมียวหง่าว เชื่อว่าสักวันหนึ่งต้องเจอคนที่พร้อมจะตอบรับคำขอแต่งงานของพี่แน่นอน (ถึงตอนนั้นก็ซ้อมซะก่อนล่ะ จะได้ไม่เฟลแบบนี้ ฮร่า) ที่มา : Shanghaiist

จากข่าวที่ #เหมียวเลเซอร์ เคยนำเสนอไปแล้วในกรณี สาววัย 21 ปีรวยไม่รู้เรื่องหลังธนาคารโอนเงินเข้าผิดบัญชี เอาไปซื้อของร่วม 4 ปีหลัก 80 ล้าน!! จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและธนาคารสามารถตัวได้สำเร็จ ซึ่งจะต้องทำการดำเนินคดีกับเธอและต้องการเงินคืนทั้งหมด     ภายหลังจากความผิดพลาดของธนาคารที่เกิดขึ้น Christine Jia Xin Lee วัย 21 ปี นักศึกษาสาวชาวมาเลเซียที่เรียนอยู่ในกรุงซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ได้นำเงินที่โอนมาผิดจำนวน 162 ล้านบาทนี้ (4.6 ล้านดอลลาร์) นำไปซื้อของใช้ที่มีราคาแพง มหาแพง อย่างต่อเนื่อง     ทางศาลก็ได้อุนมัติให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบภายในห้องพักของเธอ เพื่อทำการยึดสินค้าที่ซื้อมาทั้งหมดคืน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นกระเป๋าแบรนด์ดังมูลค่าสูง และเครื่องประดับเพรชพลอยอีกจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น…   กระเป๋ายี่ห้อ Hermes เห็นม้าที่ติดกระเป๋านั่นไหม เฉพาะนั่นก็ตัวละ 1,150 ดอลลาร์ (41,000 บาท)   กระเป๋าแต่ละใบยังคงถูกเก็บในกล่องสภาพสมบูรณ์เหมือนกับวันที่ถูกซื้อมา   ทั้งรุ่น Birkin และ…

ชีวิตคนเราเลือกเกิดไม่ได้ ยังคงเป็นประโยคที่พูดถึงความจริงเสมอ แต่ในเมื่อเราเกิดมาแล้วเราก็สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นอย่างไร อยู่ที่ความตั้งใจและความแน่วแน่ของตัวเราเอง เพศทางเลือกก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุด แม้ในปัจจุบันจะมีการออกมายอมรับกันแล้ว แต่ก็ยังคงมีบางส่วนที่ยังไม่เปิดใจ ซึ่งก็เป็นปัญหาหลักที่ทำให้หลายคนที่มีความรู้สึกอัดอั้นอยู่ในใจไม่สามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงได้     หรือแม้แต่คนใกล้ตัวของเราเองที่เป็นพี่น้องก็ไม่สามารถบอกความในใจถึงตัวตนของเราได้ และสองศรีพี่น้อง O’Herlihy คู่นี้ก็เช่นกัน ทั้งสองเกิดมาเป็นผู้ชายแต่จิตใจเป็นผู้หญิงอย่างเต็มตัว คอยเก็บความลับตลอดมา จนกระทั่งเปิดใจให้แก่กันและกัน   Jamie วัย 23 ปี (ซ้าย) และ Chloe วัย 20 ปี (ขวา)   Jamie วัย 23 ปีและ Chloe วัย 20 ปี (ชื่อเดิม Daniel) ทั้งสองเติบโตมาด้วยกันมาสภาพของพี่ชายและน้องชาย โดยที่ต่างก็รู้กันดีว่าจิตใจของตัวเองนั้นไม่ใช่ผู้ชาย แต่ก็ไม่เคยบอกให้อีกฝ่ายได้รับรู้เลย     ซึ่ง Jamie เองก็รู้ตัวมาตลอดว่าใจของตัวเองนั้นต้องการเป็นแบบไหน อย่างเช่นในตอนเด็กชอบเอาเสื้อมาสวมหัวคล้ายกับเป็นผมยาวสลวย หรือไม่ก็นำเสื้อยืดมาใส่เป็นกระโปรง     จนกระทั่ง Jamie ผู้เป็นพี่ได้เผยตัวตนของตัวเองก่อนในช่วงอายุ…

ในช่วงที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวคุมาโมโตะที่ประเทศญี่ปุ่น อาคารบ้านเรือนหลายแห่งได้รับความเสียหายทั้งแบบไม่รุนแรงมากและเสียหายหนัก แต่สำหรับบ้านหลังนี้ถือว่าเป็นกรณีที่พิเศษกว่ามากเลยล่ะ     ในขณะที่กำลังเกิดแผ่นดินไหวทำให้เกิดแผ่นดินถล่ม โดยบ้านของคุณอิเคดะก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ช่วงจังหวะนั้นเป็นช่วงที่เขากำลังหลับอยู่ในบ้าน โดยที่ไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่นิดเดียว แต่หารู้ไม่ว่าบ้านของเขานั้นไหลราบไปกับแผ่นดินเป็นระยะทางรวมทั้งหมด 65 เมตรด้วยกัน     ภายหลังจากตื่นเช้ามาปุ๊บ เขาก็สงสัยเหลือเกินว่า เอ๊ะ ทำไมวิวนอกบ้านมันเปลี่ยนไปล่ะ มารู้ตัวอีกทีสภาพบ้านก็ถูกย้ายมาอย่างที่เห็น     โชคดีมากๆ ที่เขาและภรรยาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร และบ้านก็ไม่ได้รับความเสียหายด้วย มีเพียงแค่ถูกแผ่นดินพาบ้านไหลลงมาเปลี่ยนตำแหน่งเท่านั้น นับว่าเป็นอะไรที่แปลกพิลึกชอบกลสุดๆ เลยล่ะ #เหมียวเลเซอร์ อยากจะถามเหลือเกินว่าพี่ห้อยพระอะไรเนี่ย ฮร่าาาา ที่มา : asahi

เรื่องราวที่คุณกำลังจะได้รับชมต่อไปนี้ ถือเป็นตัวอย่างให้กับคนที่กำลังคิดจะซื้อสัตว์เลี้ยง 4 ขา อย่างน้องหมามาเลี้ยงไว้ที่บ้านก็เป็นได้ เพราะถ้าหากคุณกันไปเจอพ่อค้าแม่ค้าหัวใส แอบเอาสัตว์ชนิดอื่นที่ไม่ใช่สุนัขมาขาย เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ทางสำนักข่าว Dailymail ได้เปิดเผยเรื่องราวของชายผู้หนึ่ง ที่ได้ไปซื้อสุนัขพุดเดิ้ล 2 ตัว ในราคา 5,000 กว่าบาท จากตลาด La Salada ในรัฐบัวโนสไอเรสรัฐ ประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งตลาด La Salada เรียกได้ว่าเป็นตลาดที่ชาวเมืองอาร์เจนตินา รู้จักกันดีในฐานะตลาดค้าขายของผิดกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นตลาดที่มีการค้าขายที่ราคาถูกที่สุดในทวีปอเมริกาใต้เลยก็ว่าได้     หลังจากที่ชายหนุ่มคนดังกล่าวได้ซื้อเจ้าพุดเดิ้ลจากตลาดแห่งนี้มาถึง 2 ตัวนั้น เขาก็ไม่ได้แปลกใจ หรือเห็นความผิดปกติในตัวของพุดเดิ้ลปลอมเลยแม้แต่น้อย     จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากที่เขาได้นำพุดเดิ้ลไปหาหมอ เขาก็ได้พบความจริงว่า เจ้าสุนัขสีขาวขนปุยแสนน่ารัก ที่เขาได้ซื้อมานั้นความจริงแล้วมันไม่ใช่สุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลหรอก แต่กลับเป็นเจ้าเฟอเรท “Ferret” สัตว์ที่มีลำตัวยาว ขนฟูฟ่อง และมีหน้าตาจิ้มลิ้มแบบนี้เลย…     ทั้งนี้ เจ้าเฟอเรท มักจะถูกพ่อค้าหัวใส นำสารสเตียรอยมาฉีดเข้าไปในตัว เพิ่มขนาดตัวให้ดูโต และมีขนาดใกล้เคียงกับสุนัขพันธุ์พุดเดิ้ลทอย    …

ลองจินตนาการถึงภาพผู้ป่วยสักคนหนึ่งที่ต้องนั่งวีลแชร์ไปไหนมาไหน จะลุกจะเดินก็ลำบาก หากมีอุปกรณ์หรือเครื่องอำนวยความสะดวกที่ดีกว่าแค่การนั่งเฉยๆ อยู่บนเก้าอี้ก็คงจะดีไม่น้อย #เหมียวฟิ้นเชื่อว่าปัญหาเหล่านั้นน่าจะถูกแก้ไขในเร็ววันนี้แล้วล่ะ เพราะเมื่อไม่นานมานี้เราได้ไปเจอเข้ากับคลิปๆ หนึ่ง เป็นการโชว์นวัตกรรมวีลแชร์จากสหรัฐ ที่ทำให้ผู้ป่วยสามารถลุกขึ้นยืนได้ด้วย เพราะนี่คือ “วีลแชร์แบบยืน” ยังไงล่ะ     มันเป็นวีลแชร์รุ่นต้นแบบที่มีการคิดค้นและวิจัยโดยทีมแพทย์และวิศวะกรผู้เชี่ยวชาญในเมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตา ประเทศสหรัฐอเมริกา ความพิเศษของวีลแชร์ตัวนี้คือมันสามาถดันที่วางแขนขึ้นมา และปรับให้ผู้ป่วยสามารถลุกขึ้นยืนได้ขณะนั่งอยู่บนวีลแชร์ แถมยังสามารถเคลื่อนที่ไปไหนมาไหนได้ในท่ายืนด้วย แจ่มแมวไปเลย!     และเนื่องจากวีลแชร์ตัวนี้สามารถปรับระดับได้ ทำให้ผู้ป่วยหรือผู้พิการสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้มากขึ้น แถมมันยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและฟื้นฟูอาการปวดเมื่อยเพราะนั่งนานเกินไปได้ด้วย     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลยจ้า This amazing wheelchair prototype is helping its users stand upright. (via INSIDER) โพสต์โดย Upworthy บน 17 พฤษภาคม 2016 สำหรับคนที่ชมคลิปไม่ได้ สามารถ กดเบาๆที่นี่ เพื่อรับชมได้เลยครับ   เห็นแล้วดูจะเป็นอุปกรณ์ที่น่าใช้มากเลยนะ คงมีประโยชน์ไม่น้อยสำหรับผู้ที่เดินเหิรไม่สะดวกแน่ๆ…

อย่างที่เพื่อนๆ ทราบกันดีว่า ‘โรคมะเร็ง’ เป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนมาเป็นจำนวนมาก แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆ แล้วเจ้าโรคร้ายนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแต่กับเฉพาะคนเท่านั้น เหล่าสัตว์ทั้งหลายก็สามารถเป็นโรคมะเร็งได้เช่นกัน วันนี้ #เหมียวหง่าว จะมาเล่าเรื่องราวของเจ้าหมาที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกัน จะเป็นอย่างไรนั้นลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   เรื่องมีอยู่ว่า Jack Richards ชายหนุ่มชาวอังกฤษ ได้รับลูกหมาน้อยตัวหนึ่งเข้ามาเลี้ยงในครอบครัวและตั้งชื่อให้มันว่า D    ทุกคนในครอบครัวของเขาต่างก็ตื่นเต้นที่จะได้เลี้ยงเจ้า D เป็นอย่างมาก พวกเขาทำการเลี้ยงดูมันเป็นอย่างดี จนเวลาผ่านไป…เข้าสู่เดือนที่ 6 นับตั้งแต่รับมาเลี้ยง จู่ๆ ก็มีก้อนประหลาดงอกขึ้นมาที่ผิวหนังของมัน   ทางครอบครัว Richards ก็เลยพามันไปตรวจกับสัตวแพทย์และพบว่า ก้อนเนื้อนั้นคือมะเร็งร้ายที่จะคอยกัดกินและคร่าชีวิตมันไปทีละนิดๆ   พวกเขาก็เลยตัดสินใจที่จะรักษามันตามวิธีการของสัตวแพทย์ หลังจากนั้นก็ได้พาเจ้า D ไปหาผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการรักษาสัตว์ที่มหาวิทยาลัย Cambridge เพื่อทำการตรวจสอบอีกครั้ง พวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังว่าความรักของพวกเขา และการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยชีวิตมันได้… และพบปาฎิหาริย์เกิดขึ้นเพราะการรักษาเป็นไปได้ด้วยดี จนสุดท้าย… มะเร็งร้ายนั้นหายไปแล้ว!!   แต่อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญยังบอกอีกว่าอย่างเพิ่งชะล่าใจไปล่ะ เพราะเจ้าเนื้อร้ายนี้มันสามารถกลับมาอีกได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นจงใช้เวลาอยู่กับมันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ก็แล้วกันนะ   แต่เวลาผ่านพ้นไป 13 ปี เจ้า D ก็ยังมีชีวิตอยู่แถมยังมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ดีอีกด้วย…

สำหรับประเทศเกาหลีเหนือ ก็เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในประเทศแนวหน้าที่รู้กันว่าถูกควบคุมโดยรัฐบาลทหาร และเรามักจะมีข้อมูลของประเทศนี้ที่น้อยนิด ภาพภายในก็ไม่ค่อยถูกเปิดเผยออกมาเหมือนกับประเทศอื่นๆ… แต่สำหรับภาพชุดนี้ จะพาไปส่องและดูแสนยานุภาพและระบบทางทหารของประเทศเกาหลีเหนือกันบ้าง ว่าแตกต่างจากประเทศอื่นกันยังไง แต่ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่าขึ้นชื่อประเทศที่ถูกควบคุมโดยทหารแล้ว กำลังรบต้องสูงอย่างแน่นอน ว่าแล้วลองมาชมกันได้เลย   สงครามเกาหลีนั้นเริ่มขึ้นเมื่อปี 1950 หลังจากที่กำลังพลกว่า 75,000 นายของประเทศเกาหลีเหนือได้รุกล้ำพรมแดนของเกาหลีใต้เข้าไป   ภายหลังสงครามประเทศถูกแบ่งเป็นสองฝ่าย โดยทางเหนือนั้นได้รับการสนับสนุนโดยโซเวียต และฝ่ายใต้นั้นสนับสนุนโดยประเทศสหรัฐอเมริกา   ทางโซเวียตผลักดันให้ Kim Il-sung  ขึ้นรับตำแหน่งผู้นำสูงสุดของประเทศ ภายหลังที่รู้จักกันในชื่อ Democratic People’s Republic of Korea และลูกชายของเขา Kim Jong-il รับอำนาจต่อในปี 1994   หลังจากที่พ่อของเขาเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ Kim Jong-un ผู้นำปัจจุบันก็ขึ้นรับตำแหน่งเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2011   และถึงแม้ว่า Kim Jong-un จะกลายเป็นผู้นำของประเทศที่มีกำลังทางทหารแข็งแกร่งที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง เขากลับไม่เคยได้รับการฝึกฝนทางทหารแบบจริงจังแม้แต่ครั้งเดียว   กองกำลังของเกาหลีเหนือแบ่งเป็นภาคพื้นดินร้อยละ 70 ส่วนกำลังพลทางผืนน้ำและอากาศนั้นร้อยละ 50 ประจำการอยู่ที่พรมแดนระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้   กองทัพของประเทศเกาหลีเหนือมีชื่อว่า Korean people’s army หรือ KPA…

ในส่วนของเหล่าสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ มีหลายๆ ปัจจัยที่ทำให้พวกมันเข้าไปอยู่ในสถานะนี้ ทั้งทางธรรมชาติเอง สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป และที่สำคัญที่สุด การถูกล่าโดยมนุษย์นี่แหละที่ทำให้จำนวนประชากรของมันลดฮวบจนน่าใจหาย สำหรับวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็อยากจะตีแผ่ปัญหาในด้านนี้ ให้เหล่าเพื่อนๆ ได้มาตระหนักกันมาขึ้นว่านี่ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ ที่หลายๆ คนเข้าใจกันแบบนั้น ว่าแล้วก็ลองมาดู 17 สายพันธุ์ของสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ของโลกนี้กันเถอะ ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจไม่มีเหลือจนเราต้องไปดูในหนังสือเท่านั้น…   Amur Leopard หรือ เสือดาวอามูร์ เหลือไม่ถึง 50 ตัวแล้วในโลก!!!   แรดดำผู้โด่งดัง หรือ Black Rhino จากที่เคยขยายพันธุ์จนทั่วแอฟริกา ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่ตัวแล้ว   Cross River Gorilla ที่เหลือเพียงราวๆ 300 ตัวเท่านั้น   Hawksbill Turtle หรือ เต่ากระ   Javan Rhino หรือแรดชวา เหลือราวๆ 50 ตัว   Leatherback Turtle หรือเต่ามะเฟือง  …

แน่นอนว่าการใช้ระบบขนส่งมวลชนของบางประเทศนั้น อาจจะทำให้เกิดความหงุดหงิดแก่คุณได้ ทั้งรถไฟที่แออัดไปบ้าง หรือหนักไปกว่านั้นก็คือเหล่าแท็กซี่ที่ไม่ยอมจอดรับและก็จอดขวางทางอยู่อย่างนั้น จนการจราจรติดไปทั้งเส้น แต่เชื่อไหมว่าการเดินทางที่ดีที่สุดและทำให้มนุษย์มีความสุขมากที่สุดนั้น ไม่ใช่การนั่งรถสปอร์ตหรูๆ หรือว่าขนส่งมวลชนที่สะดวก แต่เป็นการ ‘เดิน’ ธรรมดาๆ ในระยะทางที่เหมาะสมนี่แหละ ทำให้มนุษย์มีความสุขที่สุดล่ะ!!! งานวิจัยใหม่ล่าสุดนี้เป็นของทาง McGill University ที่ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของเหล่านักเรียนและพนักงานมหาวิทยาลัยกว่า 3,300 คน เกี่ยวกับความพึงพอใจในการเลือกการเดินทางแบบต่างๆ   การเดินทางที่ทำให้มนุษย์มีความสุขมากที่สุด   จากผลงานวิจัยชี้ชัดว่า กลุ่มนักศึกษาและพนักงานที่เดินไปมหาวิทยาลัย นั่งรถไฟฟ้า (ที่ไม่ใช่รถไฟใต้ดิน) และปั่นจักรยานนั้น มีความสุขมากที่สุด เรียงตามลำดับลงมา ส่วนการเดินทางที่คนมีความสุขน้อยที่สุดกลายเป็นรถยนต์ รถไฟฟ้าใต้ดิน และรถบัส เรียงตามลำดับเช่นกัน… พอเหล่านักวิจัยเจาะลึกลงไปอีกก็พบว่า ‘เวลา’ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้คนรู้สึกมีความสุขกับการเดินทางนั้นๆ เป็นอย่างมาก แต่ระยะเวลาในการเดินทางนั้นกลับไม่ค่อยมีผลกับผู้ที่เดิน ปั่นจักรยาน และขึ้นรถบัสเท่าไหร่นัก โดยระยะเวลาเลทไป 10 นาทีนั้น ทำให้พวกเขามีความสุขน้อยลงไม่ถึงครึ่งเมื่อเทียบกับการเดินทางชนิดอื่นๆ และเพศก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการตัดสิน เพราะว่าเหล่าสาวๆ จะรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเวลาต้องเดิน เพราะฉะนั้นการนั่งรถส่วนตัวจะทำให้พวกเธอรู้สึกปลอดภัยมากกว่า   ก็ถือว่าเป็นงานวิจัยที่ดีเหมือนกันนะเนี่ย แต่ถ้าจะให้เดินหรือปั่นจักรยานในบ้านเรานั้นคงไม่ไหว ร้อนตายแน่ แต่ถ้าอากาศดีๆ ล่ะก็ เดินหรือปั่นจักรยานไปที่ทำงานคงได้ฟินกันสุดๆ…

เมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง เราอาจจะย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมามากมาย รู้สึกเสียดายในสิ่งที่ต้องการจะทำ แต่ก็ไม่อาจย้อนเวลาไปได้….     Jim Minnini วัย 58 ปีก็เป็นหนึ่งในผู้โชคร้านที่ประสบกับโรคมะเร็งปอด แม้ว่าจะเข้ารับการรักษามากแค่ไหนแต่อาการก็กลับแย่ลงเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าเวลาของเขาใกล้จะหมดลงทุกที และสิ่งสุดท้ายที่เขาขอก็คือเขาต้องการที่จะอยู่กับ Cindy ภรรยาสุดที่รักอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย     ย้อนกลับไปช่วงที่เขาเข้ารับการรักษามะเร็งใหม่ๆ ภายหลังเพียงแค่วันเดียว Cindy ก็ประสบกับอาการหัวใจวายจนต้องรีบไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลในเมือง Brockville รัฐ Ontario ประเทศแคนาดา เพื่อให้ทั้งสองได้มีช่วงเวลาด้วยกันอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย แพทย์ผู้รักษา Cindy จึงได้ทำการย้ายเธอมาที่ Kingston General Hospital โรงพยาบาลที่ Jim จะมีชีวิตอยู่เป็นวันสุดท้าย ถึงแม้ว่าเธอยังไม่รู้สึกตัว แต่ก็ถือว่าเป็นการกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งของคู่รักที่ไม่อาจแยกจากกันได้ตลอดระยะเวลา 24 ปีที่ผ่านมา     ภายหลังจากที่คำขอร้องของ Jim เป็นจริง เขากุมมือภรรยาไว้อย่างนั้นจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของเขาหมดลงภายในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ซึ่ง Cindy เองตอนนี้ก็กลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้านแล้ว และ Chris ผู้เป็นลูกชายกล่าวเอาไว้ว่า ‘เหมือนพ่อพยายามที่จะยื้อร่างกายของตัวเองเอาไว้ เขาจะไม่ยอมจากไปโดยที่ไม่ได้ร่ำลาแม่เสียก่อน’…

เหล่าทาสหมาทั้งหลายจะรู้ดีว่าเจ้าหมานั้นมีความซื่อสัตว์ต่อผู้มีพระคุณเป็นอย่างมาก หากใครให้ข้าวให้น้ำ เอาใจใส่ดูแลมันพวกมันก็จะตอบแทนด้วยการแสดงความจงรักภักดี ด้วยการเข้ามาเล่นด้วย แถมยังสามารถป้องกันภัยอันตรายที่จะเข้ามาถึงตัวเราอีกด้วย วันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวสุดสะเทือนใจ ของเหล่ามาจรจัดที่พยายามปกป้องร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวที่คอยให้ข้าวให้น้ำมันทุกวัน   เรื่องมีอยู่ว่าทางเว็บไซต์ Dailymail รายงานว่าพบสุนัข 8 ตัวนั่งล้อมรอบร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวรายหนึ่งอยู่บนถนนซินหยู มณฑลเจียงซี ในประเทศจีน ราวกับว่ากำลังคอยคุ้มกันเธอไม่ให้ใครเข้ามาทำอะไร   ตามรายงานจากเว็บไซต์ People’s Daily Online (เว็บไซต์รายงานข่าวของประเทศจีน) ได้ระบุว่าหญิงคนนี้ทำอาชีพเก็บขยะเพื่อประทังชีพ พร้อมกับทำการดูแลให้ข้าวให้น้ำเหล่าเจ้าหมาทั้ง 8 ตัวนี้ด้วย   ในวันเกิดเหตุ จู่ๆ เธอก็เป็นลมล้มพับขณะที่กำลังปั่นจักรยาน และนอนหมดสติอยู่ตรงนั้นเป็นเวลาถึง 6 ชั่วโมง คือตั้งแต่ตี 4 ถึง 10 โมงเช้า (แล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆนี้ปล่อยให้อยู่แบบนั้นถึง 6 ชั่วโมงเลยเหรอ คนที่ผ่านไปผ่านมาล่ะ??? ประเด็นนี้มันน่าสงสัยต่อมากทีเดียว) โดยที่ตลอดช่วงเวลานี้สุนัขทั้ง 8 ตัวนั่งและเดินวนเวียนอยู่รอบๆ บริเวณร่างของเธอไม่ห่างไปไหนเลย   กว่าจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจดูก็พบว่าสายไปเสียแล้ว โดยแพทย์วินิจฉัยว่าสาเหตุของการเสียชีวิตน่าจะมาจากอาการหัวใจวายแบบเฉียบพลัน   ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความสะเทือนใจให้แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก โดยชาวโซเชียลทั้งหลายต่างก็ออกมาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย บ้างก็เป็นห่วงสุนัขและหวังว่าจะมีคนรับพวกมันไปดูแลต่อ…

‘นักผจญเพลิง’ คงเป็นอาชีพที่ใครหลายๆ คนใฝ่ฝันอยากจะเป็น เพราะอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ใครๆ ต่างก็มองว่าเป็นฮีโร่ เนื่องจากว่าพวกเขาพร้อมที่จะคอยให้ความช่วยเหลือเหล่าพลเมืองได้ทุกเวลา หนูน้อยวัย 3 ขวบ Trucker Dukes เองก็เช่นกัน เขามีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักผจญเพลิงเหมือนกับพ่อของเขา แต่โชคร้ายที่หนูน้อยคนนี้ดันมีสุขภาพร่างกายที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงเท่าไหร่นัก เจ้าหนู Trucker ป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมหมวกไตในเด็ก ทำให้เขาต้องเดินทางจากบ้านที่ Hawaii มารักษาตัวที่โรงพยาบาลใน New York อยู่เป็นประจำ   ในวันเกิดครบรอบ 3 ปีของเจ้าหนู Trucker เขาได้ถูกเชิญให้ไปยัง สถานีดับเพลิงแห่งหนึ่งเพื่อสวมบทบาทเป็นนักผจญเพลิงดังที่เขาใฝ่ฝัน 1 วัน   องค์กรช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ป่วย Ronald McDonald House ได้ทำการติดต่อไปยังกัปตัน James Grismer ที่เป็นหัวหน้านักผจญเพลิงของเมือง เพื่อช่วยให้ความฝันของเจ้าหนูน้อยเป็นจริง   แน่นอนว่าเจ้าหนู Trucker นั้นชื่นชอบนักผจญเพลิงจนเรียกได้ว่าฝังเข้าไปอยู่ใน DNA เลยทีเดียว เพราะว่าพ่อของเขาก็เป็นนักผจญเพลิงที่ Hawaii ด้วย   ตอนเจอกันครั้งแรก กัปตัน James เล่าว่า “เขาดูตื่นเต้นมาก เวลาที่เขามองมายังเหล่านักดับเพลิงสายตาของดูชื่นชมมากๆ หลังจากนั้นผมก็ก้มตัวลงไปอ้าแขนรับเขา เจ้าหนู…

คนจะเฮงอะไรก็หยุดไม่อยู่จริงๆ อย่างเช่นสองสามีภรรยาที่ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมวันนี้ รับรองว่าเพื่อนๆ จะต้องอึ้งในความโชคดีของพวกเขา คนอะไร๊มันจะเฮงได้ขนาดนี้   เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Lakshmi Thurairatnum ได้กลายเป็นผู้โชคดีได้รับรถหรู Mercedes Benz รุ่น GLE63-S AMG Coupe มูลค่า 95,000 ปอนด์ ( 5 ล้านบาท)  รวมถึงเงิดสดอีก 10,000 ปอนด์ (5 แสนบาท) จากการชิงโชคกับรายการ Best of the Best (BOTB)   แน่นอน นั่นก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี แล้วก็ไม่ได้น่าแปลกใจอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะสามีของเธอ Prash  Thurairatnum เพิ่งได้รถ McLaren 540C มูลค่า 125,000 ปอนด์ ( 6.25 ล้านบาท) ไปเมื่อปลายปีที่แล้วนี้เอง!!   Lakshmi ให้สัมภาษณ์ว่า “ตอนนั้น ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราจะได้ McLaren มาครอบครอง แต่ตอนนี้ฉันกลับได้ Mercedes อีกคันมาขับซะอย่างงั้น”  …

ในช่วงชีวิตวัยเรียนเพื่อนๆ หลายคนคงเคยรับหน้าที่เป็นหัวหน้าห้องกันมาก่อน ซึ่งตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ต้องมีความรับผิดชอบสูงมากกว่าคนอื่นๆ ในชั้นเรียน และอาจทำให้ส่งผลต่อการเรียนไม่มากก็น้อย   อย่างเช่นเด็กสาว Jenny Hudak วัย 17 ปี ที่รับหน้าที่เป็นหัวหน้าชั้นในโรงเรียนมัธยมปลายเอกชนแห่งหนึ่งที่อยู่ใน Miami   เธอเข้าเรียนสายในวิชาแคลคูลัสในตอนบ่ายทุกๆ วัน ในปีการศึกษาที่ผ่านมา   แต่ที่เธอเข้าเรียนสายนั้นไม่เป็นเพราะว่าเธอขี้เกียจ หรือเป็นเด็กมีปัญหาแต่อย่างใด เพราะเธอมีหน้าที่เป็นหัวหน้าชั้น และต้องรับหน้าที่ในการออกแบบและจัดทำหนังสือรุ่นให้กับเพื่อนๆ   แต่อาจารย์ที่สอนวิชาแคลคูลัสก็ไม่เคยต่อว่าเธอแม้แต่น้อย เพราะเขาเข้าใจว่าเหตุใดเธอถึงเข้าเรียนสาย Jenny ก็เลยต้องการที่จะแสดงความขอบคุณต่อคุณครูของเธอด้วยการเซอร์ไพรส์เล็กน้อย   เธอได้นำเค้กไปมอบให้กับคุณครูในวันสุดท้ายของการเรียนการสอนที่ห้องพักครู…   พร้อมกับเขียนประโยคบนหน้าเค้กว่า “ขอโทษที่หนูเข้าเรียนสายในวิชาของอาจารย์ทุกวันนะคะ”   คุณครูของเธอก็รู้สึกดีใจและยินดีเป็นอย่างมาก   Jenny ยังเล่าให้ฟังอีกว่า คุณครูสอนวิชาแคลคูลัสนั้นเป็นคุณครูที่เป็นที่รักของนักเรียนทุกๆ คน ทั้งฉัน และนักเรียนคนอื่นๆก็ด้วย   แหม่ สำหรับใครที่รู้สึกอยากจะตอบแทนคุณครูอันเป็นที่รักในชั้นเรียนของตัวเองก็ลองเอาวิธีเซอร์ไพรส์เล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ไปใช้กันดูนะ รับรองว่าจะช่วยให้พวกเขามีความสุขไม่มากก็น้อยเลยล่ะ ^^ ที่มา : buzzfeed