Category: ข่าวคราวรอบโลก

นี่คือคลิปที่กำลังโด่งดังในต่างประเทศทีเดียว สำหรับคลิปพาไปทัวร์ประเทศเกาหลีเหนือโดยชาวต่างชาติผู้รักในการท่องเที่ยวที่ชื่อว่านาย Jacob Laukaitis เขาใช้เวลาประมาณ 9-10 เดือนต่อปีในการท่องเที่ยว (นี่มากกว่าเวลาทำงานอีกมั้งนั่น) เขาได้เดินทางไปยังประเทศที่หลายๆ คนไม่กล้า (หรือไม่ค่อยอยาก) ไป เป็นเวลากว่า 7 วัน แล้วถ่ายคลิปวิดีโอเชิงสารคดีมาให้เราได้ชมกัน ขอบอกว่าแต่ละช่วงเวลาหรือแต่ละกิจกรรมนั้นช่างน่าฉงนและลึกลับมาก   สารคดีสั้นๆ ที่นาย Jacob ถ่ายมาถูกโพสต์ลงในเว็บไซต์ YouTube ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา และมียอดผู้เข้าชมแล้วกว่า 2 แสนครั้ง   Jacob ได้อธิบายไว้ว่านักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่เกาหลีเหนือ จะถูกกำหนดว่าให้อยู่ที่นี่ได้เพียง 1 – 10 วันเท่านั้น หนังสือเดินทางของพวกเขาจะถูกเจ้าหน้าที่ยึดเอาไว้ตลอดระยะเวลาที่เขาอยู่ที่นั่น และจะมีไกด์ทัวร์มาคอยจับตาดูคุณทุกฝีก้าว   การที่จะไปยังที่ต่างๆ ในเกาหลีเหนือนั้น คุณจะไม่สามารถทำได้โดยอิสระ เพราะไกด์ทัวร์จะพาคุณไปยังสถานที่ที่มีการจัดเตรียมไว้หมดแล้ว พูดง่ายๆ ก็คือพวกเขาจะเป็นคนตัดสินใจว่าคุณจะได้เห็นอะไรหรือไม่ได้เห็นอะไรนั่นเอง ทางไกด์ทัวร์ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวสื่อสารกับคนในท้องถิ่น และต้องขออนุญาตทุกครั้งหากคุณจะเดินไปที่ไหนก็ตาม   และนี่คือหน้าตาของโรงแรมที่พวกเขาเข้าพัก หรูหราใช้ได้เลย   สถานที่แรกที่เขา (ถูกพา) ไปชมนั้นถือประตูชัย ณ กรุงเปียงยาง…

นี่คือ Teddy Hodgson หนูน้อยที่เพิ่งเกิดมาลืมตาดูโลก เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2558 แต่กลับต้องเจอกับภาวะที่ผิดปกติคือ ช่องหน้าท้องไม่ปิด และมีรูโหว่ จึงทำให้ลำไส้ รวมถึงอวัยวะภายในไหลออกมากองอยู่นอกร่างกาย วันที่ 5 สิงหาคม 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศ ได้เปิดเผยภาพร้อมเรื่องราวของหนูน้อย Teddy พร้อมทั้ง Holly Hodgson คุณแม่ชาวบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย ที่ถึงแม้ว่าจะเจอกับช่วงเวลาที่แสนลำบาก แต่ทั้งคู่ก็สามารถผ่านมันมาได้ด้วยดี   คำเตือน ภาพด้านล่างอาจจะดูรุนแรงไปบ้าง ใครที่พร้อมรับชมก็เลื่อนลงไปต่อได้เลยค่ะ . . . . . . . .   ซึ่งก่อนหน้าที่คุณแม่ Holly จะคลอดลูกชายนั้น เธอเกิดอาการช็อกเป็นอย่างมาก หลังจากที่ทางสูตินรีแพทย์ได้ตรวจพบว่า หนูน้อย Teddy มีภาวะที่ผิดปกติดังกล่าว มาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ดังนั้นทางสูตินรีแพทย์จึงได้แนะนำให้เธอทำแท้ง แต่ด้วยความโชคดี ที่เธอกลับไปค้นหาข้อมูล และพบว่าเด็กที่ป่วยภาวะดังกล่าวมีโอกาสหายได้ด้วยการทำศัลยกรรมหน้าท้อง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอไม่ทำแท้งอย่างที่หมอแนะนำ แต่กลับเก็บลูกเอาไว้…

ออกตัวไว้ก่อนนะ ว่าเห็นแบบนี้ #เหมียวบ็อบ ไม่ได้ต้องการจะบอกว่า ‘กัญชา’ คือสิ่งที่ดีและถูกกฎหมาย แต่เราจะพาไปเปิดหูเปิดตาในประเทศที่มันเป็นของถูกกฎหมาย ว่าก็มีอาชีพแปลกๆ แบบนี้อยู่ด้วย…   ขอพาไปรู้จักกับราชาแห่งการพันลำ Tony Greenhand (นามสกุลพี่แกเจ๋งจริงๆ) หนุ่มวัย 26 ปี ผู้เปลี่ยนงานอดิเรกจากการพันลำธรรมดาๆให้มันไม่ธรรมดาอีกต่อไป หลังจากที่มีการประกาศให้ใช้กัญชาได้อย่างถูกกฏหมาย…   พ่อหนุ่ม Greenhand จากเมือง Oregon ผู้เรียกตัวเองว่าเป็นนักพันลำที่เจ๋งที่สุดได้อธิบายถึงความสำคัญที่มีต่อกัญชาและตัวเขาว่า “ทุกเช้าเมื่อผมลุกจากเตียงสิ่งแรกที่ผมจะทำนั่นก็คือการพันลำ แต่ก่อนหน้าที่ผมจะมาเอาจริงเอาจังด้านนี้ผมเคยเป็นผู้ปลูกมาก่อน แต่ตอนนี้ผมรู้เทคนิคการพันลำมากกว่าสิ่งใดๆ”   ถึงแม้ว่าแรกเริ่มเดิมทีฝีมือการพันลำของเขาจะเข้าขั้นแย่ไม่เอาไหน แต่ก็ใช้เวลาเรียนรู้มันมาเรื่อยๆจนเทิร์นโปรในที่สุด แต่เห็นแบบนี้เค้าไม่ได้พันลำออกมาเล่นๆนะเออ เพราะทุกอย่างย่อมมีค่าใช้จ่าย อย่างเช่น จ๊อยรูปปืนและระเบิด 3 แบบที่ขายได้ราคารวมสูงถึง $7,000 (ประมาณ 245,000 บาท)   พันลำรูปอาวุธทั้ง 3 แบบที่ขายได้ราคาดีสุดๆ . .   หรือจะเกาะกระแสดังอย่างปิกาจูเขาก็ทำได้เช่นกัน แถมยังใช้สูบได้อีกด้วย   “ถ้าผมกำลังสนใจในการสร้างงานศิลปะพวกนี้ผมก็จะไม่ออกไปไหน และผมก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับใครอีกด้วย เพราะทั้งวันผมวุ่นอยู่กับการวางแผนว่าจะวันนี้จะพันลำแบบไหนดี? และเชื่อเถอะว่าผมทำได้ดีกว่าใครๆแน่นอน” พ่อหนุ่มสายเขียวกล่าว  …

เด็กๆ ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด (แค่อยู่เฉยๆ ก็น่ารักแล้ว) แต่สำหรับเหล่าคุณแม่ทั้งหลาย น่ารักเฉยๆ มันธรรมดาไป เลยสรรหาเสื้อผ้าน่ารักให้ได้ใส่ตลอดเพื่อเพิ่มความน่ารักขึ้นไปอีก แต่ที่น่ารักที่สุด ก็คงจะเป็น 25 ภาพหนูน้อยที่ทางเว็บ SistaCafe รวบรวมการถูกคุณแม่จับแต่งเป็นตัวการ์ตูน ยกระดับความน่ารักไปอีกขั้นหนึ่ง   1. แปลงร่างเป็นหมี แล้วไปเที่ยวกัน   2. ตัวอะไรกลมๆ น่ากอดจัง   3. ปลาน้อยสองตัวนี้ น่ารักเกินไปแล้วววว 4. รถน่ารักแบบนี้ ใครจะกล้าขึ้นละเนี่ย   5. มอนสเตอร์ตาเดียวที่ใครก็อยากได้ 6. เมื่อมิกกี้เม้าส์ตัวน้อยประชันกับรุ่นพี่ ใครน่ารักกว่ากันเอ่ย   7. และเราก็หากันจนเจอ   8. นางฟ้าปีศาจน่ารักขนาดนี้ ไม่กลัวหรอก 9. เดินไปไหนละนั่นนน   10. หนอนน่ารักขนาดนี้ เอาไปนอนกอดสักคืนได้มั้ย   11. ขอกอดบ้างสิ 12. เอ๊ะ ทำไมมอนสเตอร์มานั่งอยู่ตรงนี้เนี่ย   13.…

สุนัขจรจัดข้างถนน มักจะเป็นสุนัขที่ใครๆ รังเกียจ ยิ่งตัวไหนมีแผลอยู่ด้วย ก็ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ แม้เราจะบอกว่าเป็นคนรักสัตว์ แต่ส่วนใหญ่ ก็เลือกโอ๋ เลือกเอ็นดูเฉพาะสุนัขที่ดูน่ารัก สะอาดเท่านั้นแหละ แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่คิดเช่นนั้น พวกเค้าคือคนที่คอยช่วยเหลือและปกป้องหมาที่ใครๆ ก็ไม่อยากเข้าใกล้ พร้อมทั้งให้การดูแลพวกมันอย่างดี เพื่อทำให้พวกมันกลายเป็นหมาที่เป็นที่รักของผู้คนอีกครั้ง และนี่คือ 15 ภาพก่อนกับหลัง สุนัขที่ได้รับความช่วยเหลือ จะเปลี่ยนไปแค่ไหน…   1. ขนที่เคยร่วงจนแทบไม่เหลือ แต่หลังจากมีคนเอาไปเลี้ยง นึกว่าไม่ใช่ตัวเดียวกันซะอีก   2. Cedar สุนัขจรจัดที่ขนร่วงเพราะความเครียด แต่เมื่อมีคนช่วยเหลือมัน ขนดกมาก   3. หมาที่เคยอ่อนแรงในวันนั้น คือหมาที่แข็งแรงในวันนี้   4. จากหมาที่เคยผอมแห้ง กลายเป็นหมาที่ดูสมบูรณ์ไปเลย   5. ใครจะคิดว่า หมาที่ผอมจนหนังติดกระดูก จะกลายเป็นหมาที่น่ารักได้ขนาดนี้   6. หมาที่ขี้ระแวง ร่างกายผอมแห้ง แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วนะ   7. หมาสภาพเน่าเฟะ ขนสกปรก ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ แต่ดูตอนนี้สิ น่ารักเชียว…

การสูญเสียคนที่รัก เป็นเรื่องยากที่เราจะทำใจได้ บางคนเสียใจจนไม่เป็นอันทำอะไรกันเลย… และบางที เรื่องราวแบบนี้ไม่ได้เกิดแค่กับมนุษย์เท่านั้น เหล่าสัตว์เองก็ไม่ต่างจากเรา เมื่อต้องสูญเสียสิ่งที่มันรัก เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อ Bob วาฬเพชฌฆาตวัย 6 เดือน ได้สูญเสียแม่ไป   หลังจากเหตุการณ์นั้น มันกลายเป็นวาฬน้อยที่เศร้าเสียใจตลอดเวลา ตามรายงานข่าวระบุว่า มันใช้บอลลอยน้ำเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ที่เหมือนเป็นตัวแทนของแม่ โดยที่มันไม่เคยว่ายน้ำออกห่างจากบอลลอยน้ำนี้เลย ด้วยความเศร้านี้ ทำให้สุขภาพของ Bob แย่ลงเรื่อยๆ จนเจ้าหน้าที่คิดว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้มันต้องตายแน่ๆ เลยเอามันไปดูแลที่สระน้ำ และให้อาหารผ่านหลอด เนื่องจากมันไม่ยอมกินอาหารเองเลย แต่… เรื่องนี้ไม่มีปาฏิหาริย์ อาการของมันก็ไม่เคยดีขึ้น กลับแย่ลงไปอีก จนในที่สุดมันก็เสียชีวิตในวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา     เรื่องราวของ Bob สร้างความโศกเศร้าให้กับผู้คนจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ที่ดูแลมัน รวมทั้ง Maggie Barry รัฐมนตรีกระทรวงอนุรักษญ์ทรัพยากรณ์ธรรมชาติ ที่กล่าวแสดงความเสียใจกับวาฬน้อยตัวนี้ว่า “วาฬเพชฌฆาตตัวนี้ เป็นสัตว์ที่อายุน้อยที่สุดที่เราเคยช่วยเหลือมา แต่เราก็ต้องเสียที่ไม่สามารถช่วยให้มันมีชีวิตต่อไปได้ เพราะมันเป็นเคสที่มีโอกาสรอดน้อยมาก”     ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ   นี่แหละนะสัตว์โลก…

เรียกว่ามีข่าวฉาวออกมาไม่เว้นแต่ละวันจริงๆ สำหรับมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2016 ในเมืองริโอ เดอ จาเนโร ของประเทศบราซิล ล่าสุดทางสื่อจีนได้ออกมาโวยทางผู้จัดว่า มีการใช้ “ธงชาติจีนแบบผิดๆ” ในการแข่งขัน ทาง CCTV สำนักข่าวรัฐบาลชื่อดังจากจีนได้รายงานว่า ไม่ได้ใช้ธงชาติจีนแท้ๆ ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ โดยปกติแล้ว ดาวทั้งสี่ดวงบนธงชาติจีนจะต้องเรียงอยู่รอบดาวดวงใหญ่และแฉกจะต้องชี้ไปที่ดาวดวงใหญ่   แต่ธงชาติที่ใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ ดาวบริวาณทั้งสี่กลับตั้งตรงไม่ชี้แฉกไปที่ดาวดวงใหญ่แต่อย่างใด ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความไม่พอใจแก่ชาวจีนเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งบอกว่า “ธงชาติเป็นสิ่งสำคัญ ความผิดพลาดเช่นนี้ถือว่ายอมรับไม่ได้”     เรื่องดังกล่าวเกิดเป็นประเด็นขึ้นมา เพราะธงที่ไม่ถูกต้องนั้นถูกใช้ในวันที่ 2 ของการแข่งขัน หลังจากที่ทีมยิงปืนหญิงของจีนสามารถคว้าเหรียญทองมาได้ อย่างไรก็ตามในช่วงก่อนมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเริ่ม ทางสำนักข่าวจีนได้เคยรายงานว่า ธงชาติทั้งหมดที่ใช้ในโอลิมปิก ถูกผลิตขึ้นในประเทศจีนทั้งนั้น     ล่าสุด คณะผู้จัดงานโอลิมปิกริโอฯ ก็ได้ออกมาเปิดเผยกับทาง People’s Daily  ว่ายอมรับความผิดพลาดดังกล่าวแล้ว  แต่ชี้แจงว่าธงทั้งหมดที่ใช้นั้นผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการโอลิมปิก อย่างไรก็ตาม ทางผู้จัดไม่ได้นิ่งนอนใจกำลังหาทางแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น     ที่มา: ศิลปวัฒนธรรม, scmp

การเลี้ยงดูของพ่อแม่นั้น นับว่าเป็นส่วนสำคัญที่มีผลต่อพฤติกรรมและนิสัยของลูก แม้จะเกิดมาในครอบครัวที่เพียบพร้อม พ่อแม่ให้ความรัก ใส่ใจ ดูแลเป็นอย่างดี ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา ยิ่งหากพ่อแม่ยัดเยียดในสิ่งที่ลูกๆ ไม่ต้องการ ยิ่งจะเกิดปัญหาตามมา แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะแสดงออกมาว่าชอบหรือไม่ชอบในสิ่งที่พ่อแม่จัดเตรียมไว้ให้ บางคนอาจจะยอมทำตามความต้องการของพ่อแม่ก็จริง แต่เราไม่รู้เลยว่า ภายในนั้น เขาหรือเธอกำลังคิดอะไรอยู่ และนี่คือเรื่องราวของ Jennifer Pan หญิงสาวที่จ้างวานคนมาฆ่าพ่อแม่ตัวเอง   Jennifer Pan   พ่อแม่ของ Jennifer เดิมนั้นอยู่ที่เวียดนาม แต่พวกเขาได้อพยพมายัง Toronto เนื่องจากปัญหาทางการเมือง ต่อมาพวกเขาก็มีลูก 2 คนคือ Jennifer และน้องชายของเธอ ครอบครัวของเธอค่อนข้างเคร่งกับลูกๆ มากในทุกเรื่อง Jennifer ถูกบังคับให้เรียนเปียโนตั้งแต่อายุ 4 ขวบ เมื่อขึ้นชั้นประถมเธอต้องเล่นไอซ์สเก็ต วันไหนซ้อมหนักๆ กว่าจะได้นอนก็เที่ยงคืน เวลาไปโรงเรียนพ่อแม่ก็จะไปรับไปส่ง แถมยังไปเฝ้าเวลาเธอทำกิจกรรมด้วย เธอถูกห้ามไม่ให้ไปปาร์ตี้ ไม่ให้มีแฟนจนกว่าจะจบมหาวิทยาลัย สิ่งเหล่านี้ทำให้เธอรู้สึกกดดันและเครียดจนเริ่มกรีดข้อมือตัวเอง   พ่อแม่ของ Jennifer Pan   โดยปกติแล้ว Jennifer เป็นเด็กที่เรียนเก่ง ร่าเริง เข้ากับเพื่อนๆ ได้ดี และเป็นคนมั่นใจในตัวเอง จนไม่มีใครคาดคิดว่า เธอจะกลายเป็นคนที่จะฆ่าพ่อแม่ตัวเองได้…

วัยรุ่นนั้นเป็นวัยที่มีพลังมาก ทั้งด้านร่างกาย และพลังความคิดสร้างสรรค์ หากนำมันไปใช้ให้เกิดประโยชน์แบบเหล่าวัยรุ่นกลุ่มนี้ มันก็จะสร้างเรื่องราวดีๆ ได้แบบที่คุณคาดไม่ถึงทีเดียว   เรื่องที่#เหมียวฟิ้นหยิบมาเล่าในวันนี้เป็นเรื่องของสมาชิกเว็บไซต์ Reddit ที่ใช้ชื่อว่า fleetwoodmax17 เขาได้เล่าเรื่องราวน่าประทับใจของกลุ่มเยาวชนจากโบสถ์ของศาสนาคริสต์ ซึ่งพวกเขาได้รับเงินสนับสนุนมาจากบริษัทเอกชนที่ชื่อว่า Student Reach เพื่อใช้ในการส่งต่อความช่วยเหลือไปยังบุคคลในถิ่นทุรกันดารที่ต้องการมัน   สิ่งที่พวกเขาได้รับการกล่าวถึงและยกย่องก็เพราะว่าในแต่ละปี พวกเขาและกลุ่มวัยรุ่นจะออกไปสร้างบ้านให้กับชาวบ้านในรัฐบาฮากาลิฟอร์เนีย ประเทศเม็กซิโก เพื่อเปลี่ยนเพิงเก่าๆ ที่ชาวบ้านใช้พักอาศัย ให้กลายเป็นบ้านที่สวยงาม   ทีมงานขององค์กรนี้มีมากพอจนสามารถสร้างบ้านให้กับชาวบ้านได้มากถึง 70 หลังต่อปี ซึ่งแต่ละหลังนั้นใช้เวลาเพียง 3 วันเท่านั้น (หรืออาจจะน้อยกว่านั้น) และในครอบครัวล่าสุดที่พวกเขาไปช่วยเหลือเป็นครอบครัวของคุณแม่ลูกสี่ครอบครัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ในกระท่อมเก่าๆ ที่น่าจะกันลมกันฝนได้เล็กน้อย   แต่หลังจากที่มีการปรับปรุงต่อเติมตัวบ้านให้ดูแน่นหนาและทาสีใหม่ให้สวยงาม มันก็ทำให้บ้านของพวกเขาปลอดภัยและน่าอยู่มากขึ้น ภายในบ้านมีเตียง 2 ชั้นที่แข็งแรง ทั้งของลูกๆ และของคุณแม่ และเมื่อเธอเห็นสภาพบ้านทั้งภายนอกภายใน เธอก็แทบจะกล่าวขอบคุณทีมงานที่เข้าไปช่วยเหลือเธอกันแบบไม่รู้จบไม่รู้สิ้นเลย   และนี่คือใบหน้าอันยิ้มแย้มของคุณแม่ลูกสี่ ที่เพิ่งจะได้บ้านใหม่ไว้ใช้เลี้ยงดูลูกๆ ของเธอ ยิ้มแก้มปริเลยทีเดียว .   เหลือเชื่อเลยว่าจะมีองค์กรดีๆ ที่คอยช่วยเหลือและสร้างบ้านให้คนอื่นแบบนี้ หากใครสนใจลองเข้าไปอ่านรายละเอียดต่อได้ที่เว็บไซต์ studentreach เลยนะ ที่มา viralnova

ขึ้นชื่อว่ายาเสพติดแล้วย่อมเป็นอะไรที่ไม่ดีแน่นอน เพราะนอกจากจะผิดกฏหมายเสี่ยงติดคุกติดตารางแล้วยังเสี่ยงต่อสุขภาพในภายภาคหน้าอีกด้วย แต่รู้กันหรือไม่ว่ายาเสพติดเกือบจะทั้งหมดที่เรารู้จักกันนั้น เริ่มแรกเดิมทีมักจะถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์ก่อนที่มันจะเริ่มแพร่หลายและมีคนนำไปใช้ในทางที่ผิด ‘โคเคน’ ก็เช่นกัน   ใครจะไปเชื่อละว่าในช่วงยุค 70s นั้นโคเคนเคยถูกกฏหมายและมีการซื้อขายกันอย่างเปิดเผยแม้แต่ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารกันเลยทีเดียว และภาพดังต่อไปนี้คือโฆษณาชวนเชื่อให้คนอ่านซื้อโคเคนไปสูดเข้าจมูกกันเล่นๆ ก่อนที่มันจะผิดกฏหมาย   เมื่อค้าขายได้อย่างเสรียี่ห้อ The Blue Lady ก็เป็นหนึ่งในผู้ค้าโคเคนชื่อดังของยุคนั้น   อุปกรณ์การเสพก็ขายกันอย่างเปิดเผยมีให้เลือกทั้งแบบสูบและดม   พยากรณ์อากาศคืนนี้คาดว่า ‘หิมะ’ จะตกในบ้านของคุณ (Snow เป็นอีกชื่อเล่นของโคเคนที่ผู้คนยุคนั้นมักจะใช้เรียกกัน)   เมื่อมีจำนวนคนใช้โคเคนมาก ก็ต้องมีผลิตภัณฑ์สำหรับล้างโพรงจมูกเช่นเดียวกัน   White Lady ลองเชิญพวกเธอไปที่โต๊ะของคุณดูซิ รับรองว่าจะติดใจ!!   เนื่องจากผงโคเคนไวต่อความชื้น บรรจุภัณฑ์สำหรับเก็บและกันความชื้นจึงเป็นที่ต้องการตามท้องตลาดเช่นกัน   หรือจะเป็นกล่องเก็บโคเคนที่ทำจากไม้ ยุคนั้นก็ทำให้เก๋ไม่แพ้กัน   โฉมหน้าของหนังสือคู่มือสำหรับผู้บริโภคโคเคน เป็นจริงเป็นจังกันเลยทีเดียว   อีกหนึ่งยี่ห้อที่โฆษณาว่าโคเคนของตัวเองน่ะดีสุดๆแถมยังมีตัวทดลองฟรีให้ลองใช้อีกด้วย   ชุดอุปกรณ์การเสพที่มีมาให้ทุกอย่าง แม้แต่ตัวหลอดก็มีการแกะสลักสวยงาม   ภาพปกนิตยสาร Head ที่รวมเรื่องราวเกี่ยวกับยาเสพติดแทบจะทุกชนิดในยุคนั้น   อีกหนึ่งยี่ห้อ Sno-Blo ที่โฆษณาว่าจะช่วยทำให้คุณกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งด้วยราคาเพียงแค่…

กลายเป็นเรื่องราวดราม่าในต่างประเทศเลยทีเดียว สำหรับกรณีของนักเต้นระบำลาตินคู่รักที่ชื่อว่า Neil และ Katya Jones พวกเขาถูกชาวเน็ตในต่างประเทศวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะพวกเขาได้เข้าร่วมการประกวดเต้นลาตินมืออาชีพชิงแชมป์โลก พร้อมกับสวมใส่ “ชุดคนอ้วน” เต้นระบำอย่างพริ้วไหวจนสร้างความตกตะลึงแก่ผู้ชมอย่างมาก   ก่อนอื่น ลองชมความพริ้วของพวกเขาในการแข่งขัน   อย่างไรก็ตามทางด้านตัวแทนของทั้งคู่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า “Neil และ Katya ไม่ได้ตั้งใจที่จะดูถูกดูแคลนคนอื่นเลย มันเป็นการแสดงที่พวกเขาเคยโชว์และส่งให้พวกเขาได้รับรางวัลมาเท่านั้น”   หนึ่งในความคิดเห็นของชาวเน็ตกล่าวว่า “ชุดคนอ้วนของคุณมันคือความขายหน้าสำหรับการวงการนักเต้นเลย การเต้นควรจะมีภาพลักษณ์ที่ดีกว่านี้ แต่คุณมันน่าอายและไร้รสนิยมมาก” ส่วนอีกความเห็นบอกว่า “ช่างเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นมืออาชีพและน่ารังเกียจอะไรขนาดนี้” . .   โดยส่วนตัวของ#เหมียวฟิ้นแล้วมองว่าการใส่ชุดคนอ้วนเต้นระบำแบบนี้ก็สร้างสีสันให้กับการเต้นดีนะ แต่บางคนอาจจะมองว่าเป็นการเหยียดคนอ้วน หรือไม่เหมาะสม!? ยังไงแล้วเราลองมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้นะ เพราะเรื่องบางเรื่องก็ละเอียดอ่อนเกินกว่าที่จะตัดสินให้ถูกหรือผิดได้อย่างง่ายดาย ที่มา mirror

ไม่ใช่แค่ในประเทศเราเท่านั้นที่ยังหลงเหลือมนุษย์ยุคโบราณ ซึ่งชอบเหยียดการกระทำของคนอื่น ที่อังกฤษก็มีประเด็นดราม่าเล็กๆเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน…. เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่ง Gary J Cocker ได้โพสต์ข้อความทำนองว่า ‘เมื่อตอนเย็นผมเจอผู้ชายคนหนึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามสวมถุงเท้ายาวและชุดเดรสของผู้หญิงบนรถไฟ TP Express Trains นี่มันอะไรกันฟะเนี่ย!?’   มีหรืองานนี้สังคมออนไลน์จะไม่ลุกเป็นไฟ และดราม่ามันก็บังเกิด… เห็นแบบนี้ทางบริษัทก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเพราะข้อความที่ออกมาตอกกลับไปนั้นแทบจะทำให้หนุ่มคนนี้หงายเงิบได้เลยทีเดียว โ ดยมีเนื้อหาทำนองว่า ‘@gaz_cocks เราขอเรียนให้คุณทราบว่านี่มันยุคศตวรรษที่ 21 แล้ว ไม่ว่าใครก็ตามที่มีตั๋วขึ้นรถไฟ ทางเราก็พร้อมยินดีที่จะให้บริการแก่ทุกคน!!’   หลังจากนั้นไม่นานชาวเน็ตก็ออกมาร่วมแจมกับเรื่องนี้ ด้วยการถ่ายรูปตัวเองแต่งชุดผู้หญิงแล้วแท็คไปที่ @TPEassist กันอย่างสนุกสนาน เหมือนเป็นการรวมกลุ่มกันคอสเพลย์และแอบตอกกลับคนโพสต์ซะอย่างนั้น   Magnus Sinding H. ‘การศึกษาที่คุณมีมันไม่ได้ช่วยให้เข้าใจการใช้ชีวิตของคนอื่นเลยใช่มั้ย?’   Martyn ‘เห็นผมแต่งตัวแบบนี้แต่รับรองว่าดูเร่าร้อนกว่าผู้หญิงทุกคนที่คุณเคยนอนด้วยซะอีก’   Michael Clark ‘คุณสงสัยใช่มั้ยว่ามันคืออะไร? มันคือการกวนทีนและไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงต่างหากล่ะ :)’   สำหรับคุณลุง Dave Lewarne คนนี้มาได้ฮาสุดๆ ‘ผมควรจะนำตัวตนออกมาบ้างไหม? และช่วยจองตั๋วรถไฟในชื่อ Davy Gaga ด้วยจะได้นะ?’  …

สำหรับทาสแมวทั้งหลาย จะรู้กันอยู่ว่าเหล่าเหมียวทั้งหลายน่ะมันจะมีที่นอนประจำของมัน ที่มักจะไปนอนชิลอยู่บนนั้นบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นในตู้เสื้อผ้า ในซอกตู้เย็น บนโซฟา บนเตียง หรือบางครั้งก็ไปนอนบ้านของคนอื่นก็มี ฮร่า เช่นเดียวกันกับเจ้าเหมียวสีเหลืองที่ชื่อว่า Garfield นี้ก็มีที่ประจำของมันเองเช่นกัน แต่ที่จะประจำของมันนั้นไม่ได้อยู่ในบ้านของเจ้าทาสแต่อย่างใด ดั๊นไปอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้านซะอีก   เจ้าเหมียววัย 9 ปีนี้มีกิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่งคือแวะไปนั่งเล่นในซุปเปอร์มาร์เก็ต Sainsbury ในเมือง Ely ประเทศอังกฤษ ทำราวกับว่าที่นั่นเป็นบ้านหลังที่สองของมันมาเป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว   และโซฟาสีแดงของร้านขายอุปกรณ์ท่องเที่ยว Virgin Travel นี่แหละก็คือจุดสุดโปรดของมัน ในทุกๆ วันเจ้า Garfield มักจะมานอนกลิ้งเกลือกไปมาบนโซฟาแห่งนี้ จนได้รับฉายาว่า Mr. Saunbury’s     แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าเจ้า Garfield นั้นไม่ได้มานอนเพียงอย่างเดียวน่ะสิ แต่มันดันมาสร้างรอยขีดข่วนให้กับโซฟาตัวสีแดงนั้นด้วย จึงทำให้ทางสำนักงานใหญ่ของร้าน Virgin ตัดสินใจที่จะไม่ให้มันมานอนในร้านอีกต่อไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตามทางซุปเปอร์มาร์เก็ต Sainsbury ก็ยังคงต้อนรับมันอยู่ โดยอนุญาตให้เจ้าเหมียวสามารถเข้ามานอนเล่นที่ลานจอดรถ หรือที่ล็อบบี้ก็ได้     และหลังจากที่ร้าน Virgin สั่งห้ามไม่ให้เจ้าเหมียวเข้าร้านไปไม่นาน ก็มีผู้คนออกมาเรียกร้องให้ทางร้านยกเลิกการแบนนี้ซะ พร้อมกับแสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊คว่า…

โรคความจำเสื่อมนั้นไม่เป็นแค่ในมนุษย์เท่านั้น แต่สัตว์ก็เป็นได้เช่นกัน และหากเราไม่สังเกตดีๆ เราแทบจะไม่รู้เลยว่า สัตว์เลี้ยงของเรานั้นกำลังเผชิญกับปัญหาความจำเสื่อมอยู่   Mugly สุนัขที่ได้รับการโหวตว่าเป็นหมาที่น่าเกลียดที่สุดในโลกปี 2012 ซึ่งเป็นหมาของ Bev ตอนนี้มันกำลังประสบกับปัญหาความจำเสื่อม มันแสดงอาการครั้งแรกเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว ด้วยการหายออกจากบ้านบ่อยๆ และบางครั้งมันก็นั่งเหม่อเป็นเวลานานๆ ด้วย และต่อมาในเดือนมิถุนายน มันก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคความจำเสื่อม     Bev และครอบครัว เสียใจกับผลวินิจฉัยนี้มาก เพราะ Mugly อยู่กับพวกเค้า ตั้งแต่อายุได้ 8 สัปดาห์ และตอนนี้มันก็อายุ 7 ปีแล้ว เขาจึงตัดสินใจสร้างความทรงจำดีๆ ให้มันก่อนที่มันจะจำอะไรไม่ได้เลย โดยการพามันไปและทำในสิ่งที่มันเคยทำ สิ่งที่มันชอบทำมากที่สุดคือ การนั่งเรือ กับการนั่งบนรถดับเพลิง และจะช่วยมันเท่าที่จะทำได้     เรื่องราวของมันถูกถ่ายทอดมาในวิดีโอน่ารักๆ ชิ้นนี้…   พวกเขาพามันตระเวนไปทำอะไรที่มันเคยทำ และมันชอบทำเป็นพิเศษ   ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำมันอีก . .   ถึงมันจะความจำเสื่อม แต่เรื่องราวของเจ้าหมาตัวนี้จะอยู่ในความทรงจำของผู้เป็นเจ้าของตลอดไป ที่มา metro

ถ้าพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจกับประชาชนแล้ว มันจะมีช่องว่างเล็กๆ ที่กั้นระหว่างเราไว้ หลายคนมองตำรวจเป็นไม้เบื่อไม้เมา หรือหลายเหตุการณ์มันทำให้เรารู้สึกเกรงกลัว….   แต่ที่สถานีตำรวจ Alton Police Department ในสหรัฐ ได้เกิดเรื่องราวดีๆ อาจจะทำให้คุณมองตำรวจเปลี่ยนไป เมื่อได้มีเด็กสาวคนหนึ่งเข้ามาแจ้งความว่าจักรยานของเธอได้ถูกขโมย หายไปแล้ว…   ในเฟซบุ๊กของสถานีตำรวจได้โพสต์ว่า “วันนี้เจ้าหน้าที่ Warlick ได้รับเรื่องว่ามีจักรยานของเด็กหญิงได้ถูกขโมยไป หลังจากรายงานเรียบร้อยแล้ว เขาก็พวกเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับเรื่องราวนี้ แล้วทุกคนก็ร่วมใจที่จะซื้อจักรยานใหม่ให้เธอเลย มันไม่ใช่สิ่งที่เราทำได้ทุกวัน แต่เราก็ดีใจที่ได้เรานำรอยยิ้มกลับมาสู่ใบหน้าของเด็กในวันนี้”   ดูรอยยิ้มของเด็กสิ เธอดีใจมากๆ   หลังจากนั้นก็มีชาวเน็ตก็มีชื่นชมในการกระทำของตำรวจเป็นอย่างมาก .   เห็นเรื่องนี้แล้ว #เหมียวสามสี ก็รู้สึกแบบว่า…   ที่มา distractify

นี่คือเรื่องราวของนาวแบบสาววัย 24 ปี ชื่อว่า Elizaveta Bulokhova ชาวแคนาดา เธอได้รับข่าวดีและข่าวร้ายในเวลาเดียวกัน ข่าวดีก็คือเธอกำลังตั้งท้อง แต่ข่าวร้ายคือเธอมีมะเร็งร้ายในตัว…   เธอมีอาการปวดฟันอย่างหนักขณะที่กำลังเที่ยวที่อัมสเตอร์ดัมกับสามีของเธอ Roman Troubetskoi  และพอไปตรวจก็พบว่าเธอมีมะเร็ง หมอจึงแนะนำให้ทำแท้งก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการคีโม “ลูกของฉันดิ้นแรงมากๆ และฉันก็คุยกับเขาตลอดเวลาอยู่ในท้อง ฉันพร่ำบอกลูกว่าอย่าขยับเลย เพราะว่าลูกจะต้องไปแล้ว และดูเหมือนลูกก็จะเข้าใจและเริ่มอยู่นิ่งๆ”   เธอคิดชื่อลูกไว้แล้วว่าจะให้ชื่อ Valentin ก่อนที่จะเข้ารับผ่าตัด 2 วัน ซึ่งต้องทำก่อนทำคีโม ทั้งคู่ได้ลองขอหมอว่าให้ลองทำคลอดเด็กก่อน ถึงจะก่อนกำหนดมา 10 สัปดาห์ก็ตาม “มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายมากๆ ที่ต้องบอกให้หมอมาพรากชีวิตลูกที่แข็งแรงของเราไปโดยไม่มีทางเลือก เด็กอายุได้เกือบ 28 สัปดาห์แล้ว”   เธอเลยพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เด็กรอด และสุดท้ายปาฏิหาริย์ก็มีจริง นี่คือลูกของเธอในวันนี้…   ตอนนี้มะเร็งของเธอก็ดีขึ้น 95% แล้ว และยังอยู่ในกระบวนการคีโมอยู่ แต่อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ . . . . . . . . .   “มันเป็นเรื่องยากมากๆ…

แฟชั่นสมัยนี้ไม่ใช่เป็นแค่เรื่องของผู้ใหญ่อีกต่อไป เพราะเด็กๆ ก็สามารถแต่งตามได้ แถมยังแต่งได้ดีกว่าผู้ใหญ่บางคนซะด้วย งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้คุณแม่ ที่สามารถจับลูกสาวมาแต่งตัวได้น่ารักชิคๆ คูลๆ ขนาดนี้ ถ้าบ้านไหนมีลูกสาวแล้วล่ะก็ต้องพลาดไม่ได้ที่จะตามไปฟอลโล่เหล่าแฟชั่นนิสต้าตัวน้อยที่ #เหมีวแอลจี นำมาเสนอให้ในวันนี้ 1. babyellestyle สาวน้อยที่มีสไตล์การแต่งตัวที่หรูหรา เปรียบเหมือน Coco Chanel ในวัยเด็ก ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม เป๊ะมาก .   2. kelli_murray สาวน้อยผมบลอนด์ กับการแต่งตัวสไตล์ casual เรียบๆ แต่เก๋ไก๋ ดูไม่พยายามเกินไป .   3. scoutfashion สาวน้อยผู้มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ถึงแม้เธอจะประโคมเสื้อผ้าเยอะๆ หลายเลเยอร์ แต่ก็ยังมิกซ์ออกมาลงตัวได้ดี .   4. chasinivy สาวน้อยที่รักการแต่งตัวสไตล์ยุค 70s ที่คลาสสิค และเก๋ไก๋มาก .   5. aleyariley อีกหนึ่งสาวน้อยที่มีการแต่งตัวสไลต์ Casual บวกกับรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจแบบนี้ ได้คะแนนเต็ม 10 ไปเลยจ้า .   6. wendology…

พูดถึงเกมสุดฮิตอย่าง ‘Pokemon GO’ คงไม่มีใครไม่รู้จักแน่นอน เพราะเป็นเกมที่ฮิตเล่นกันตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่เลย ซึ่งตอนนี้ก็เปิดให้เล่นแล้วในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งบ้านเราด้วย และตามมาด้วยกระแสต่างๆ ทั้งด้านบวกและด้านลบ แม้จะเป็นเกมที่ฮิตจนอดเล่นไม่ได้ แต่ล่าสุด อิหร่านเป็นประเทศแรกที่ประกาศแบน ‘Pokemon GO’ อย่างเป็นทางการแล้ว และได้บล๊อคข้อมูลเกี่ยวกับเกมนี้ทุกทาง ไม่ว่าจะทาง Youtube Facebook Twiter ตามเว็ปไซต์ต่างๆ รวมทั้งแอพพลิเคชั่นด้วย     โดยรัฐบาลอิหร่านให้เหตุผลว่า เป็นห่วงเรื่อง ‘ความปลอดภัย’ เพราะตั้งแต่มี Pokemon GO ทำให้ประชาชนติดกันอย่างทั่วไปทั่วเมือง และทำให้พวกเขาสามารถเดินเข้าเดินออกตามสถานที่ต่างๆ ทั้งกลางวันกลางคืน ซึ่งบางทีอาจทำให้พวกเขาได้รับอันตรายได้     อีกหนึ่งเหตุผลคือ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่นั้นนับถือมุสลิม และการเล่นเกมแบบ AR Mobile มีคอนเท้นบางส่วนที่ขัดต่อหลักการปฏิบัติตัวในทางศาสนา แต่ปัญหาดังกล่าวนี้ สำนักข่าว BBC มีรายงานว่า รัฐบาลอิหร่านได้พูดคุยกับทาง Niantic ว่าให้เปลี่ยนแปลงเนื้อหาบางส่วน เพื่อที่จะสามารถเปิดเกมนี้ต่อในอิหร่าน แต่ทาง  Niantic ไม่สามารถปรับเปลี่ยนให้ได้ จึงทำให้อิหร่านประกาศแบนเกมนี้ออกจากประเทศในที่สุด   เห็นข่าวนี้แล้วย้อนมามองดูบ้านเรา Pokemon GO คงจะไม่ถูกแบนหรอกเนอะ…

กลายเป็นเรื่องราวสุดประทับใจบนอินเตอร์เน็ตเลยทีเดียว เมื่อเด็กชายแสนกตัญญูวัย 8 ขวบคนหนึ่ง เปิดร้านขายขนมปังของตนเอง เพื่อหาเงินมาซื้อบ้านใหม่ให้กับแม่ของตนเอง เรื่องราวดังกล่าวเป็นของเด็กชาย Jalen Bailey วัย 8 ขวบจากแคลิฟอร์เนีย ทุกวันนี้เขาใช้ชีวิตอยู่กับแม่ Sharhonda Mahan เพียงสองคนในบ้านหลังเล็กๆ หลังหนึ่ง แม้เขาจะเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ แต่เขากลับมีความเข้าใจในความยากลำบากของแม่ เขาจึงตั้งปณิธานอย่างหนึ่งขึ้นมา…คือการซื้อบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมให้แม่     เขาเปิดร้านขายขนมปัง Jalen’s Bakery ของตนเองขึ้นมา เพื่อหาเงินมาทำให้ความฝันของเขาเป็นจริง… Mahan เล่าว่า ลูกชายของเธอฝึกทำขนมปังและคุกกี้ต่างๆ มากว่าสองปีแล้ว เขาสามารถทำได้ทั้งเค้ก คุ๊กกี้ ทาร์ต มัฟฟิ่น และอื่นๆ อีกมากมายได้อย่างสบายๆ แต่ที่ถนัดจริงๆ คือคุ๊กกี้เนยถั่ว ซึ่งเธอรู้สึกภูมิใจในตัวลูกชายของเธอมาก “ฉันรู้สึกมีความสุขมาก มากจริงๆ ฉันหวังเสมอว่าเขาจะเติบโตมาเป็นคนที่มีน้ำใจ ไม่เห็นแก่ตัว เขาไม่ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ” เธอกล่าว     นอกจากนี้เขายังช่วยรณรงค์หาเงินช่วยเหลือค่าเดินทางไปโรงเรียนให้กับเด็กไร้บ้านอีกด้วย จนมีชายใจบุญคนหนึ่งได้ทราบเรื่องดังกล่าว เขาจึงมอบเตาอบขนาดใหญ่ให้กับ Jalen เพื่อให้เขาสามารถขยายกำลังการผลิตขนมปังในแต่ละวันได้   และนี่คือคลิปที่ทาง ABC…

ก็เรียกได้ว่าเป็นการตั้งข้อสังเกตของเหล่านักวิทยาศาสตร์กันเลยทีเดียวถึงพฤติกรรมของเหล่าวาฬหลังค่อมจากทั่วโลกที่มักจะเข้าไปช่วยเหล่าแมวน้ำที่โดนฝูงวาฬเพชรฆาตไล่ล่าอยู่เสมอๆ หลายต่อหลายครั้งที่แมวน้ำเคราะห์ร้ายถูกล้อมด้วยฝูงวาฬเพชรฆาต เพราะในด้าวความพริ้วไหวนั้นถือว่าแมวน้ำอยู่เหนือกว่ามาก วาฬเพชรฆาตเลยต้องล่าแบบกลุ่มและล้อมวงเพื่อไม่ให้แมวน้ำหนีได้   นี่คือคลิปวิดีโอที่มาของการหาข้อมูลครั้งนี้ สังเกตว่าวาฬหลังค่อยมาช่วยชีวิตไว้   แต่นั่นเป็นแค่เรื่องบังเอิญ หรือความตั้งใจกันล่ะ!?   จากการรายงานของทาง Live Science พบว่า เหล่านักชีววิทยาจากรอบโลกที่ทำการศึกษาเรื่องวาฬหลังค่อมอย่างจริงจังพบว่าวาฬเหล่านี้มักจะเข้ามาช่วยเหล่าแมวน้ำเสมอ ถ้ามันถูกรุมล่า ด้วยเหตุนี้พวกเขาเลยตั้งข้อสงสัยว่า ที่มันมักจะเข้ามาช่วยนั้นเพราะมันได้ยินเสียงร้องด้วยความกลัวของเหล่าแมวน้ำ หรือมีแรงผลักดันอื่นกันแน่ที่ทำให้มันมีพฤติกรรมแบบนี้!!?   นอกจากนี้แมวน้ำก็ไม่ใช่สายพันธุ์เดียวด้วยล่ะที่เหล่าวาฬหลังค่อมเคยปกป้อง!!!   Lucy Babey หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ‘เหตุการณ์ที่วาฬหลังค่อมไปปกป้องสัตว์ตัวอื่นๆ นั้นเรียกได้ว่าแทบจะนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน นั่นก็คือเวลาถูกวาฬเพชรฆาตไล่ล่า ก่อนหน้านี้ก็มีรายงานมาว่าพวกมันยังปกป้องลูกวาฬสีเทาที่พลัดหลงจากแม่ และเกือบโดนวาฬเพชรฆาตรุมกัดกินอีกด้วย’ Dr. Pitman และนักชีววิทยา John Durban ได้เขียนลงในนิตยสาร  Natural History magazine ว่า ‘วาฬหลังค่อมนั้นมีสัญชาตญาณของความเป็นแม่อยู่ ถึงแม้จะไม่ใช่ลูกจริงๆ ของมัน มันก็จะเข้าไปช่วยเหลือในสถานการณ์ขับขัน’   และกว่า 60 ปีที่ผ่านมาพบว่ามีเหตุการณ์ที่วาฬหลังค่อมเข้ามาขัดขวางการล่าราวๆ 112 ครั้งเลยทีเดียว (เท่าที่นักสำรวจได้พบ)   แถมยังมีเทคนิคที่ป้องกันค่อนข้างแพรวพราวมากๆ ทั้งการใช้ปะการังเป็นเครื่องป้องกัน การพาไปยังโซนน้ำตื้น หรือแม้กระทั้งใช้ครีบยกขึ้นไปบนตัวเพื่อให้อยู่เหนือน้ำพ้นจากการโจมตีของเหล่าวาฬเพชรฆาต!!! แต่ก็มีนักวิจัยหลายท่านเช่นกันออกมาแย้งว่า วาฬเพชรฆาตกับวาฬหลังค่อมนั้นไม่ค่อยถูกกันอยู่แล้ว เพราะถ้ามีโอกาสวาฬเพชรฆาตก็จะล่าลูกของวาฬหลังค่อมเช่นกัน…

ในชีวิตประจำวันพวกเรามักจะพบเจอกับเรื่องราวมากมาย บางครั้งมันก็เป็นเรื่องที่แย่ ซะจนอยากจะร้องไห้ บางครั้งก็พบเจอเรื่องราวดีๆ และเรื่องราวดีๆ เหล่านั้นบางครั้งมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเราเองโดยตรง แต่มันก็ช่วยทำให้เรามีความสุขซะจนหัวใจพองโต เช่นเดียวกับเรื่องราวที่ #เหมียวหง่าว จะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังในวันนี้ เป้นเรื่องราวความน่าประทับใจของกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่บังเอิญไปได้ยินเสียงของเจ้าหมาร้องหงิงๆ อยู่ในซอกหิน แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่มองผ่านไป ร่วมแรงกันยกก้อนหินก้อนใหญ่เพื่อช่วยมันออกมา   กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งได้ออกมาเดินเล่นแถวชายหาด พอผ่านตรงบริเวณที่มีก้อนหินก้อนใหญ่กองทับกันอยู่มากมาย เขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างจากข้างในนั้น พวกเขาก็เข้าไปสำรวจในทันที แต่ก็มองไม่เห็นว่ามันคืออะไรกันแน่   พอลองเข้าไปสำรวจดูดีๆ แล้วก็พบว่ามีเจ้าหมาติดอยู่ข้างในนั้น ซึ่งการที่มันติดอยู่ในนี้ทำให้เป็นจุดที่สังเกตได้ยากมาก คือถ้าโชคไม่ดีจริงๆ มันก็คงต้องติดอยู่ในนั้นและคงต้องตายเพราะขาดน้ำและอาหาร   แต่ก็ยังมีคนใจดีที่เดินผ่านไปมาสังเกตเห็นกันอยู่บ้างและพวกเขาก็ได้นำน้ำและอาหารมาให้มัน แต่ก็ไม่มีใครสามารถช่วยมันออกมาได้เลย เป็นเวลาเกือบ 1 เดือนแล้วที่มันต้องติดอยู่ในซอกหินยักษ์นี้ออกไปไหนไม่ได้เลย กลุ่มวัยรุ่นจึงช่วยกันออกแรงงัดเจ้าก้อนหินยักษ์นี้เพื่อช่วยเหลือเจ้าหมา แต่ก็ทำไม่ได้…   พวกเขาก็เลยตัดสินใจไปแจ้งหน่วยงานของรัฐ และพวกเขาก็มาพร้อมกับเครื่องจักรขนาดใหญ่ เพื่อมาขนเจ้าก้อนหินยักษ์ออกไป แต่มันก็ยากลำบากพ่อดูเพราะนอกจากจะต้องขนออกไปแล้ว จะต้องคอยระวังไม่ให้กองหินถล่มลงไปทับเจ้าหมาที่ติดอยู่ข้างในอีก การช่วยเหลือกินเวลาไปถึง 5 วันด้วยกัน จนในที่สุดพวกเขาก็ช่วยมันออกมาได้สำเร็จ พร้อมกับตั้งชื่อให้มันว่าเจ้า Rook   ถึงแม้ว่าพวกเอ็งจะพบกับความลำบากแค่ไหน แต่ก็ยังมีผู้คนที่พร้อมจะช่วยเหลือเอ็งตลอดนะเหล่าสัตว์โลกทั้งหลาย ^^ ที่มา : lifebuzz

การรับหน้าที่เป็นผู้นำนั้นใครว่าจะสบาย ผู้นำคือคนที่ต้องนำพาทุกอย่างไป ต้องคิดอยู่เสมอว่าทำยังไงถึงจะนำพาองค์กรของเราเดินหน้าต่อไปได้ และผู้นำที่น่าจะเหนื่อยที่สุดก็น่าจะเป็นผู้นำประเทศนี่แหละ วันนี้จะพาทุกท่านไปดูการเปลี่ยนแปลงของผู้นำของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ตั้งแต่ก่อนรับตำแหน่ง จนหลังรับตำแหน่ง หลังจากทำงานหนักมาตลอด 4 ปี บางคนก็ 8 ปี พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน   Harry S. Truman 1945/1953   Ronald Reagan 1981/1989   Abraham Lincoln 1861/1865   Richard Nixon 1969/1973   Franklin D. Roosevelt 1933/1945   John F. Kennedy 1961/1963   Dwight D. Eisenhower 1953/1961   Barack Obama 2008/2016   George W. Bush 2001/2008…

สุนัขบางตัวที่เกิดมาพร้อมพิการ มักจะไม่มีใครเหลียวแล และทิ้งให้มันเผชิญกับความพิการอย่างยากลำบาก แต่ก็มีหลายคนที่คอยให้การช่วยเหลือสุนัข ไม่ว่ามันจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม สุนัขที่ได้รับการช่วยเหลือจึงกลายเป็นหมาที่โชคดีไป…   และนี่คือ Almendra หมาที่เกิดมามีขาแค่ 2 ข้าง เหมือนกับ Almendra ลูกหมาที่เกิดมามีแค่ 2 ขา และมันก็ไม่รู้ว่าจะเดินยังไง ที่แย่กว่านั้นคือ มันยังถูกเจ้าของคนเก่าทิ้งด้วย แต่ก็โชคดีที่ตอนนี้มันมีเจ้าของใหม่แล้วคือ Adhara Talamantes เธอคิดว่า ‘การเกิดมาพิการเป็นอะไรที่โชคร้ายที่สุดในชีวิต’ ดังนั้นเธอไม่เพียงแต่เป็นเจ้าของมัน แต่ยังหารถเข็นให้มัน พร้อมทั้งสอนมันเดิน Almendra จึงกลายเป็นหมาที่มีความสุขที่สุดเลยตอนนี้   ที่แย่กว่าคือ มันยังถูกเจ้าของตัวเองทิ้งด้วย   แต่เจ้าของใหม่ ก็เปลี่ยนชีวิตมันจากหน้ามือเป็นหลังมือ อย่างในคลิปนี้… ชมคลิปไม่ได้ คลิกที่นี่เลยนะ   โชคดีที่ตอนนี้มันมีเจ้าของใหม่แล้ววววว ^^   แถมยังมีรถเข็นให้ด้วย   ตอนนี้ ไม่ใช่แค่เดินได้นะ แต่ยังวิ่งเล่น กระโดดไปมาได้ด้วย สนุกสุดเหวี่ยงไปเลย   ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีนะ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือคน ต่างก็เลือกเกิดไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะช่วยพวกเค้าเหล่านี้ได้นะคะ ที่มา boredpanda

  คำเตือน: บางเว็บที่แนะนำไม่เหมาะกับคนขวัญอ่อนจริงๆ นะครับ เพราะฉะนั้นพิจารณาดีๆ ก่อนเข้าไปนะ   นับตั้งแต่สมัยที่คอมพิวเตอร์สามารถต่ออินเตอร์เน็ตได้ มีเว็บไซต์ที่ผุดตัวขึ้นมามากมายอย่างกับดอกเห็ดได้อย่างไม่จบไม่สิ้นจวบจนมาปัจจุบันนี้ ยิ่งเปิดกว้างเท่าไหร่ความแปลกใหม่ก็ยิ่งมีมากขึ้น ใครจะไปรู้ล่ะว่าบนโลกอินเตอร์เน็ตอันแสนกว้างใหญ่ที่นอกจากคนส่วนใหญ่จะใช้เพื่อติดต่อสื่อสาร เล่นเกมส์ หรือ เล่นเฟซบุ๊คแล้ว มันยังมีเว็บไซต์แปลกๆที่เอาไว้เสพความหลอนด้วยเช่นกัน   1. White Enamel เกมส์ออนไลน์ที่เล่นผ่านบราวเซอร์ได้โดยตรง จะพาคุณเข้าไปเดินทางอยู่ในโลกของโรงพยาบาลประสาทร้าง ทั้งบรรยากาศ เสียงซาวด์แทร็ค และภาพแปลกๆ องค์ประกอบเหล่านี้ล้วนทำให้การท่องไปในเว็บไซต์นี้เต็มไปด้วยความหลอนแต่ก็ชวนให้น่าติดตาม เพราะความอยากรู้อยากเห็นไม่มีที่สิ้นสุด ใครสนใจก็ลองเข้าไปเล่นได้ที่ Link: WhiteEnamel   2. Hashima Island เว็บไซต์ที่จะพาเราเข้าไปสำรวจเกาะร้างที่ถูกลืมของญี่ปุ่นในรูปแบบเดียวกับการใช้ Google Street Views นั่นแหละ ดูๆแล้วมันอาจจะเหมือนเป็นแค่เกาะร้างธรรมดาแต่อันที่จริงที่นี่ได้รับการขนามนามว่า ‘เกาะผีแห่งญี่ปุ่น’ แถมยังมีหลายส่วนให้เดินชมกันได้ทั่วเกาะเลยทีเดียว Link: HashimaIsland   3. Best Gore สำหรับเว็บนี้ขอแนะนำเลยว่าถ้าใจไม่แข็งจริงอย่าเข้าไปยุ่งเลยดีกว่า เพราะมันเป็นแหล่งรวมทุกสิ่งอย่างที่แสนจะน่ากลัวและโหดร้ายที่เกิดขึ้นบนโลกของเราจริงๆเช่น หนัง Snuff หรือ คลิปฆาตกรรมต่างๆ มันโหดซะจนชนิดที่ว่าอาจทำให้คุณอึนไปเป็นวันเลยทีเดียว Link: BestGore   4. Death…

กลายเป็นคลิปที่โด่งดังเป็นอย่างมากที่เมืองนอกไปซะแล้ว เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งได้พยายามกระโดดน้ำ แต่ช่วงเวลาหนึ่ง เหมือนเธอนึกไม่กล้าขึ้นมา ก็เลยกลายเป็นว่าเธอพลาดตกลงไปซะอย่างงั้น แต่สิ่งที่ทำให้ชาวเน็ตวิจารณ์เป็นอย่างมากก็คือพฤติกรรมของแฟนหนุ่มของเธอ ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ช่วยเธอเลย…   ก่อนจะเข้าประเด็นดราม่า เราชมคลิปสักนิด…   หลังจากคลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ได้มีชาวเน็ตออกมาคอมเม้นต์ในหลากหลายแง่มุม และนี่คือบางส่วนจากที่ไปเจอมา “ใครจะไปมีปฏิกิริยาไวปานซุปเปอร์ฮีโร่ได้ล่ะ ถ้าไม่ได้อยู่ตรงนั้นคงไม่เข้าใจความรู้สึกหรอก” “มันอาจจะแย่ไปกว่านั้นก็ได้ถ้าเธอเกิดดึงขาแฟนทัน หน้าเขาอาจจะไปกระแทกกับแท่นหิน แล้วเธอก็จะตกลงน้ำไปแทน” “นังนี่ตัดสินใจที่จะกระโดด แล้วก็จะพาแฟนไปตายด้วย ฉันหวังว่าเธอจะโดนทิ้งสักวัน”   อย่างไรก็ตาม มีกระแสถาโถมไปยังแฟนหนุ่มของเธอเยอะมากเหลือเกิน เพราะปฏิกิริยาที่เหมือนจะเอาดึงเท้านี้ออกมา บางส่วนบอกว่าเข้าไม่พยายามจะช่วยเธอเลย ขณะที่บางส่วนก็บอกว่า ถ้าเขาจะช่วยอะไรทำไมไม่ถีบเธอไปให้ไกลขึ้น เธอจะได้ไม่เสี่ยงต้องชนกับก้อนหินด้านล่าง หรือกระทั่งคอมเม้นท์ว่าการกระโดดนี้อาจจะถึงแก่ชีวิตได้     ภายหลังก็ได้มีการแจ้งมาแล้วว่าหยิงสาวในคลิปชื่อว่า Alexis Ren ตอนนี้ปลอดภัยดี และไม่เป็นอะไร ทาง #เหมียวสามสี ก็เลยสงสัยว่าจริงรึเปล่าเลยไปสืบต่อ   ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ถึงตัวจะเป็นเด็กแต่สมองเป็นผู้ใหญ่…!! ทั้งสองคือคู่รักที่ชื่อว่า Jay Alvarrez และ Alexis Ren โดยถือว่าเป็นเซเลปในโลกอินสตาแกรม เพราะมีผู้ติดตามมากกว่า 4.3 ล้านคน และ 6 ล้านคนตามลำดับฃ และแน่นอนว่าคนที่ติดตามส่วนใหญ่ก็ชื่นชอบเพราะความเป็นเซเลป ไลฟ์สไตล์…

เพื่อนๆ ยังจำกันได้มั้ยเอ่ย์? เมื่อ 2 ปีที่มีเด็กแฝดคู่หนึ่ง ที่ชื่อว่า Jenna และ Jillian ที่ใช้ถึงน้ำคร่ำเดียวกัน (Monoamniotic Twins) โดยหมอบอกว่า กรณีแบบนี้มีโอากาสเกิดได้ 1 ใน 10,000 เท่านั้น และภาพที่ออกมาของเด็กทั้งสองที่เหมือนกำลังจับมือกันนั้น สร้างความประทับใจให้ทุกคนในห้องคลอดไม่ใช่น้อยเลย     นี่คือภาพของ Jenna และ Jillian จับมือกัน ในเดือนพฤษภาคม 2014   พวกเค้าเป็นแฝดที่ใช้น้ำคร่ำถุงเดียวกัน ซึ่งมีโอกาส 1 ใน 10,000 เท่านั้น   พี่สาวออกมาก่อน 45 นาที แล้วน้องสาวก็รีบตามมันทันทีเลย   ‘หัวใจฉันแทบละลายเลยค่ะ เมื่อเห็นภาพนี้’ ผู้เป็นแม่กล่าว   และตอนนี้พวกเค้าโตขึ้นแล้วนะ แต่ก็ยังเหมือนกันจนแยกไม่ออกอยู่ดี  ส่วนด้านนิสัยนั้น แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย กลับสนิทกันมากขึ้นด้วยซ้ำ และหากแฝดคนหนึ่งไม่เห็นอีกคน ก็จะถามหาทันที (เรียกได้ว่าตัวติดกันตลอดเวลาเลยละ) แม่ของเธอบอกว่า ‘ครั้งหนึ่งเมื่อพ่อไปซื้อของ…

“Godfrey Baguma” ผู้ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นชายที่มีใบหน้าอัปลักษณ์ที่สุดในประเทศอูกันด้า ในวัย 47 ปี ตอนนี้เขามีลูกแล้วถึง 8 คน และเคยแต่งงานมาแล้วถึง 2 ครั้งด้วย Godfrey ด้วยความที่เขามีใบหน้าและรูปร่างที่ผิดปกติทางพันธุกรรมมาตั้งแต่เกิด โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ แต่เขาไม่ได้มองว่านั่นนั่นเป็นอุปสรรคของการใช้ชีวิตเลย   ภาพของ Godfrey กับภรรยาคนที่ 2 และลูกคนที่ 8   ส่วนนี่คือภรรยาคนแรกของเขา ที่หย่าร้างกันไปแล้ว และมีลูกด้วยกัน ถึง 2 คน   “ผมอยู่ด้วยกันกับเธอ 4 ปี ก่อนที่ญาติของเธอจะรู้ว่าเธออยู่ไหน ผมไม่อยากให้พวกเขาเห็นผมจนกว่าลูกเราจะคลอดเพราะพวกเขาต้องแนะนำให้เธอแยกจากผมแน่นอน เธอทิ้งผมไปเมื่อตอนเธอท้องได้ 6 เดือน แต่แล้วเธอคงยอมรับในโชคชะตาของตัวเองถึงได้กลับมาหาผมในอีก 2 เดือนต่อมา” Godfrey พูดถึง Namanda ภรรยาคนปัจจุบันของเขา     ส่วนชีวิตด้านอื่นๆ ของเขาน่ะเหรอ!? เขาเป็นทั้งนักแสดงตลก รวมถึงเป็นนักร้อง และมีแฟนคลับเป็นของตัวเองด้วย หลายคนอาจจะคิดว่าการมีหน้าตาแย่ๆ มันเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิต แต่สำหรับเขาแล้วมันไม่สำคัญเลย เรื่องราวของเขา น่าจะสร้างแรงบันดาลใจและกำลังใจในชีวิต ให้กับใครอีกหลายๆ คนได้เลยนะ..  …

สำหรับเพื่อนๆ ที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเม้นท์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นคอนโด หรือหอพักก็ตาม คงจะเคยประสบพบกับเหตุการณ์แบบว่าเดินกลับห้องเหนื่อยเบลอๆ ดันไปเคาะเข้าผิดห้องกันมาบ้างแล้ว ไม่เหมือนกับคุณ Chris Meyer ที่อาศัยอยู่ห้องผิดมานานกว่า 6 ปี!! เพิ่งมารู้ตัวก็ตอนที่ตัดสินใจจะขายห้องทิ้ง แล้วเอาตังค์ไปซื้อบ้านหลังใหม่ที่ฝันไว้   เขาได้ประกาศขายห้องพักที่ตั้งอยู่ในเมือง Carlisle ประเทศอังกฤษ ของเขาลงเว็บไซต์ในราคา 3.6 ล้านบาท เมื่อ 3 ปีก่อน และก็มีคนเสนอราคามาให้ 3.4 ล้านบาท เมื่อมีคนจะซื้อห้องของเขาแล้วแล้วก็เลยไปเลือกหาบ้าน พอตัดสินใจเลือกได้แล้วก็เข้าไปทำเรื่องและก็ได้รับการจำนองบ้านหลังใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะทำการขอรับกุญแจเพื่อย้ายเข้าไปอยู่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า     แต่จู่ๆ คนที่จะซื้อต่ออพาร์ทเม้นท์ของเขาก็ทักมาบอกว่าเรื่องการซื้อขายห้องนั้นมันมีปัญหาบางอย่าง เพราะห้องที่เขาจะขายนั้นมีชื่อคนอื่นเป็นเจ้าของ และห้องที่เขาเป็นเจ้าของนั้นก็คือห้องของเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน (ห้องที่เขาขายนั้นเป็นห้อง 8 แต่ห้องที่เขามีชื่อเป็นเจ้าของนั้นคือห้อง 9) และที่แปลกยิ่งขึ้นไปอีกก็คือทุกคนที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ก็ไม่ได้อยู่ห้องที่มีชื่อตัวเองเป็นเจ้าของกันหมดเลย สลับกันมั่วไปหมด     3 ปีผ่านไปเขาก็ยังพยายามที่จะแก้ไขปัญหาความผิดพลาดนี้ สำนักงานทะเบียนที่ดินก็ได้เรียกให้เขาและเจ้าของห้องคนอื่นๆ ในอพาร์ทเม้นท์มาคุยกันเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้คุณ Chris สามารถขายห้องของเขาเพื่อนำเงินไปใช้จ่ายค่าบ้านได้ แต่เจ้าของบางคนก็ไม่ได้อาศัยอยู่ที่ห้องของตัวเอง โดยปล่อยเช่าเอาไว้ แล้วไปอยู่ที่อื่น เช่นเดียวกับเจ้าของห้องหมายเลข 9…

เมื่อเราเลี้ยงสุนัข อยู่ด้วยกันไปนานก็คงจะเกิดเป็นความผูกพัน ถ้ามากๆ หน่อยก็ถึงขั้นไม่สามารถขาดมันได้ แล้วถ้าถึงเวลาที่มันต้องจากเราไปจริงๆ ทำให้หลายคนทำใจไม่ได้ จึงทำให้เกิดการโคลนนิ่งสัตว์ขึ้น (การโคลน คือการเพิ่มเซลล์จำนวนมากโดยการแบ่งตัวแบบไมโทซิสจากเซลล์ตั้งต้นหนึ่งเซลล์ หรือการเพิ่มประชาสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกันโดยวิธีการไม่อาศัยเพศจากสิ่งมีชีวิตตั้งต้นเพียงหนึ่งเซลล์)     แม้ต้องจ่ายด้วยราคาที่แสนจะแพง แต่พวกเค้าก็ยอม ดีกว่าการอยู่ด้วยไม่มีสัตว์เลี้ยงที่พวกเค้ารัก การโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยงตัวแรกนั้น เกิดในปี 2004  โดย Genetic Savings & Clone เป็นการโคลนแมวให้กับหญิงสาวคนหนึ่งโดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1.7 ล้าน หลังจากนั้นก็มีการโคลนนิ่งสัตว์เลี้ยงมากขึ้นเรื่อยๆ     ล่าสุดคู่รัก Richard Remde และ Laura Jacques ได้ทำการโคลนนิ่งสุนัขของพวกเค้าที่ชื่อว่า Dylan หลังจากมันได้ตายด้วยโรคเนื้องอกในสมอง และเธอก็ไม่สามารถทำใจได้ เธอบอกว่า มันเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีค่ามากสำหรับเธอ เธอจึงตัดสินใจส่งเซลล์ของ Dylan ไปให้กับ ศูนย์วิจัย Sooam Biotech ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อทำการโคนนนิ่งให้     โดยทั้งหมดนี้ เธอต้องจ่ายไปกับการโคลนนิ่งถึง 2.6 ล้านบาท แต่มันก็คุ้มกับจำนวนเงินที่พวกเค้าได้จ่ายไป หลังจากนั้นอีก 6 เดือนพวกเค้าได้รับมันกลับมาอยู่ด้วย เหมือนพวกเค้าได้สุนัขตัวเดิมกลับมาอีกครั้ง และคราวนี้มาแบบเป็นแพ็คคู่เลยด้วย…!!…

จุดที่เราไม่อยากเผชิญมากที่สุดในชีวิต ก็น่าจะเป็นความตาย แต่หากเราต้องตายจริงๆ และมีโอกาสได้ขออะไรก็ได้ก่อนตาย เราจะขออะไร!?   1. ขอชื่นชมความงดงามของโลกใบนี้ แล้วนั่งจดจำมันไว้  Ambulance Wish Foundation เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ที่ช่วยเหลือผู้คนมากมายเพื่อให้สมหวังในคำขอครั้งสุดท้ายของชีวิต โดยในปี 2006 Kees Veldboer ชาวเนเธอร์แลนด์ หนึ่งในสมาชิกขององค์กรนี้ ได้ขับรถพาผู้ป่วยใกล้ตายคนหนึ่งที่อยู่ได้อีกไม่เกิน 3 เดือน ย้ายไปอีกโรงพยาบาลหนึ่ง แต่ระหว่างทางนั้น ผู้ป่วยคนนี้ก็บอก Kees ว่า เขาอยากเห็นคลอง Vlaardingen และต้องการนั่งชมพระอาทิตย์ตกที่นั่น ต้องการสัมผัสบรรยากาศที่นั่นก่อนที่ต้องกลับไปอยู่ในโรงพยาบาลอีกครั้ง   2. ขอพบยีราฟเพื่อนรัก ก่อนต้องจากกันตลอดกาล Mario ชายวัย 54 ปี ผู้ทำงานเป็นคนดูแลสวนสัตว์ Rotterdam ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นเวลา 25 ปี แต่เขาป่วยด้วยโรคมะเร็งสมองและอยู่ในระยะสุดท้าย เมื่อรู้ตัวว่าเขาต้องจากไปในอีกไม่นานนี้ เขาจึงได้ขอให้พาไปหายีราฟตัวโปรดของเขาเพื่อบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย…   (เมื่อชายคนนี้ได้สมหวังกับคำขอ น้ำตาเขาของเขาก็ไหลอาบแก้มด้วยความดีใจ และนี่คือจุดเริ่มต้นขององค์กร Ambulance Wish Foundation ปัจจุบันมีอาสาสมัคร 230 คน…

หลังจากที่เราได้เผยเรื่องราวของสองหนูน้อยเด็กชายเด็กหญิงคู่นี้ เชื่อว่าเพื่อนๆ ทุกคนจะต้องยิ้มตามไม่หุบอย่างแน่นอน เพราะความน่ารักของพวกเขาเล่นเอาผู้ใหญ่อย่างเราๆ แอบเขินไปตามๆ กันเลยล่ะ วันที่ 4 สิงหาคม 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยภาพพร้อมคลิปวีดีโอน่ารักๆ ของสองเด็กน้อย ที่กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน     ซึ่งจากภาพเราจะเห็นได้ว่า พวกเขากำลังเล่นควงแขน พร้อมทั้งโอบกอดกัน ก่อนที่จะหันหน้าเข้าหากัน แล้วจุ๊บไปที่ริมฝีปากบ้าง จมูกบ้าง ก่อนที่จะหัวเราะออกมา เรียกได้ว่ามันเป็นภาพที่อย่างน่ารักน่าเอ็นดูที่สุดเลย และหลังจากที่คลิปวีดีโอดังกล่าว ได้ถูกนำไปเผยแพร่ลงใน YouTube ต่างก็มีชาวเน็ตเข้าไปรับชมความน่ารักของหนูน้อยกันอย่างมากมาย   เด็กเอ๋ยเด็กน้อย เล่นสนุกกันใหญ่เลย   ชาวเน็ตต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือความน่ารักอันไร้เดียงสา เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองได้ย้อนวัยกลับไปอีกครั้ง ในขณะที่ทางเจ้าของคลิปคุณ Rebecca Brett ตอบกลับว่าทั้งสองเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่เกิด และหวังว่าในอนาคตจะยังคงรักกันดีเช่นวันนี้ ส่วนความสัมพันธ์จะเป็นยังไง ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต ไม่แน่อีกสัก 20 ปี คลิปนี้อาจจะได้ไปเปิดในวันแต่งงานของทั้งคู่ก็เป็นได้…   ชมคลิปน่ารักๆ กันเลย ชมคลิปไม่ได้ คลิกที่นี่   งานนี้ชาวเน็ตเลยแอบแซวกันใหญ่ ว่าโตขึ้นไปพวกเะธอทั้งสองคงจะไม่ลืมกันไปก่อนนะ ที่มา : dailymail

หลายๆ คนมักจะบอกว่าสุนัขเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ แต่สำหรับชายชราคนนี้กลับไม่ใช่อย่างงั้น เพราะเขามีเจ้าไก่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดแทน!? ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า คุณตา วัย 80 ปีคนนี้ ได้พาเจ้าไก่ตัวนี้เดินไปรอบๆ สถานที่ก่อสร้างที่ถูกทิ้งร้างย่านเมื่องเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน     ซึ่งบางที เจ้าไก่ตัวนี้อาจจะคิดว่าคุณตาเปรียบเสมือนแม่ของมัน ตามหลักการที่นักสัตววิทยาเคยอธิบายว่า ครั้งแรกที่สิ่งมีชีวิตมองเห็นนั่นก็คือครอบครัวของมัน   ณ จุดนี้ เจ้าไก่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เอาแต่ตามคุณลุงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะตอนกิน หรือตอนนอน ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นความต้องการของเจ้าไก่เองหรือเปล่า คุณตาเลยตัดสินใจงดเมนูเกี่ยวกับไก่ซะเลย   เดิมตามกันไปในทุกๆ ที่เลย น่ารักจริงๆ   เรื่องนี้ก็คงจะทำให้เราคิดได้ว่า มิตรภาพนั้นไม่มีเส้นแบ่งแยก ไม่ว่าจะกับมนุษย์หรือสัตว์ชนิดไหนก็สามารถเป็นเพื่อคู่ใจกันได้ ที่มา shanghaiist

#เหมียวแอลจี ขอต้อนรับการแข่งขันโอลิมปิก 2016 อย่างเป็นทางการ ด้วยการแนะนำนักว่ายน้ำหุ่นแซ่บเวอร์ ที่ฮอทที่สุดจากประเทศจีนอันมีนามว่า “หนิง เจ๋อเทา” (Ning Zetao) “หนิง เจ๋อเทา” ฉลามหนุ่มนักว่ายน้ำจากประเทศจีน เป็นนักกีฬาว่ายน้ำฟรีสไตล์ประเภทระยะสั้น ในอินชอนเกมส์ครั้งที่แล้วเขาได้กวาดไปถึง 4 เหรียญทอง ซึ่งประกอบกับหน้าตาและหุ่นดี ตอนนี้เขาเป็นหนุ่มฮอทและดังเป็นพลุแตกในประเทศจีน     “หนิง เจ๋อเทา” เป็นตัวแทนนักว่ายน้ำทีมชาติของจีนที่เข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิก 2016 ที่จัดขึ้นในวันที่ 5-21 สิงหาคม 2016  ที่เมืองริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล และขณะนี้เขาได้เข้ามาเก็บตัวและฝึกซ้อมที่สนามกีฬาจริงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว     #เหมียวแอลจี เชื่อว่า ความฮอทปรอทแตกของเขาน่าจะเพิ่มอุณหภูมิของสระว่ายน้ำให้ขึ้นสูงปี๊ดแน่ๆ >< . . . . . . . . . . . .   “หนิง เจ๋อเทา” เคยเป็นนายแบบให้กับนิตยสาร ELLE Men ทำให้เขาเป็นที่รู้จักของสาวๆ และเขาดูดีมาก เมื่อถอดเสื้อ…

‘บ้าน’ นับว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานแรกสุดของมนุษย์ ทุกคนต้องมีที่อยู่อาศัยที่มาพร้อมกับความเป็นส่วนตัว และเชื่อว่าทุกคนต่างก็ล้วนมีแบบบ้านในฝันเป็นของตัวเองกันอยู่แล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะติดริมทะเล ตากอากาศบนที่สูง หรือ คฤหาสน์หรูอย่างบ้านทรายทอง แต่คราวนี้เราจะพาไปเที่ยวชมบ้านสุดหรูที่เปิดเผยโดยเว็บไซต์ BusinessInsider นับว่ามีราคาสูงที่สุดในรัฐ New Hampshire ของประเทศสหรัฐฯ ด้วยราคากว่า 900 ล้านบาท!!! เห็นตัวเลขขนาดนี้ก็ถึงขั้นกับต้องร้องอุทานว่า โอ้ววว…ว๊าวววว เราไปดูกันเลยดีกว่าว่ามันจะน่าอยู่และยิ่งใหญ่ขนาดไหน   บนพื้นที่มากกว่า 5,852 ตารางเมตร และติดกับทะเลสาบ Lake Winnipesauke ขนาดกว้างกว่า 45 กิโลเมตร ในเมือง Alton   เจ้าของบ้านหลังนี้ใช้เวลาสร้างมันนานกว่า 5 ปี และซื้อที่ดินแห่งนี้ด้วยราคาเพียง 87.5 ล้านบาท ในช่วงยุค 90s “ในช่วงนั้น ธุรกิจสนามแข่งรถของพ่อแม่ผมที่ Loudon กำลังไปได้สวย พวกเราจึงตัดสินใจที่จะซื้อบ้านซักหลัง” Gary กล่าว .   มีท่าเรืออยู่มากมายที่จะช่วยให้การใช้ประโยชน์จากน้ำได้ง่ายขึ้น   ภายในประกอบไปด้วย 12 ห้องนอน 26 ห้องน้ำ…

Corinne Sutter เธอคือหนึ่งในผู้ประกวดรายการ Switzerland Got Talent ที่ได้สร้างความโด่งดังไปทั่วโลก เนื่องจากการแสดงของเธอนั้นทำให้หลายคนถึงกับอ้าปากค้าง ทั้งๆ ที่กรรมการได้กดให้เธอหยุดแสดงไปแล้ว ในตอนเริ่มนั้นเธอได้วาดรูปของกรรมการคนหนึ่ง แต่จนเวลาผ่านไป กรรมการเริ่มเห็นท่าว่าจะไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นไปมากกว่านี้แล้ว ก็เลยค่อยๆ กดให้เธอหยุดการแสดง     กรรมการคนที่เธอวาดก็พยายามบอกคนอื่นว่าให้รอดูไปเรื่อยๆ ก่อน แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะนานเกินไป จนสุดท้ายเขาก็กดหยุดการแสดงเป็นคนสุดท้าย   แต่แล้วเธอก็วาดไปเรื่อยๆ เพราะเหลืออีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว จนกระทั่งเธอได้ทำสิ่งที่ทำให้กรรมการต้องกลับไปคิดใหม่ เราไปชมการวาดภาพของเธอกันเลย   คลิปได้นี้ถูกแชร์ไปทั่วโลก มันทำให้เราได้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง หนึ่งในนั้นก็คือคุณค่าของการรอนั่นเอง ทุกวันนี้ทุกคนต้องการอะไรที่มันเร็ว ย่อยง่าย แต่บางครั้งสิ่งดีๆ มันก็อาจจะเกิดขึ้นตอนจบก็เป็นได้ ที่มา Die grössten Schweizer Talente

เพื่อนๆ เคยไม่อาบน้ำกันนานสุดกี่วัน?? 2-3 วัน หรือสำหรับเหล่าชายหนุ่มที่ต้องรับใช้ชาติอาจจะเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์กันเลยใช่มั้ย แต่คงไม่มีใครครองสถิติอันยาวนานเท่าเธอคนนี้ ที่ไม่ได้อาบน้ำมาเลยกว่า 30 ปีเต็มแล้วล่ะ!!! Donna McMahon คุณแม่วัย 35 ปีที่ไม่ได้อาบน้ำมากว่า 30 ปีเต็ม หลังจากอุบัติเหตุทางน้ำในปี 1986 (ตอนนั้นเธออายุเพียงแค่ 5 ขวบเท่านั้น) ทำให้เธอมีอาการกลัวน้ำอย่างหนักตั้นแต่นั้นมา…   ตอนนี้เธอได้อาบน้ำสมใจอยากแล้วล่ะ ฮร่าาา   หลังจากอุบัติเหตุเธอก็มีอาการกลัวน้ำอย่างมาก ทำได้เพียงสระผม ล้างมือเล็กน้อยเท่านั้น (ใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ เลยนะกว่าจะทำใจล้างได้) แต่หลังจากที่เธอได้พบกับนักสะกดจิตระดับโลกผู้ได้รับฉายา ‘เจ้าแห่งการสะกดจิต’ อย่าง Robert Hisee ซึ่งใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมงในการสะกดจิตเธอ อาการนี้ก็หายไปโดยปริยาย!!!   ตอนนี้เธอได้กลับมามีชีวิตปกติสุขอีกครั้ง หลังจากผ่านมากว่า 30 ปีเต็มๆ !!!   ‘เหตุการณ์อันน่าสะพรึงของฉันเริ่มต้นขึ้นเมื่อฉันอายุได้เพียง 5 ขวบ ครอบครัวพาฉันไปเล่นที่สวนน้ำ มีสไลด์เดอร์ตัวใหญ่ตั้งอยู่ ฉันขึ้นไปบนยอด ทันใดนั้นก็มีเด็กคนหนึ่งผลักฉันลงมา…

นี่คือเรื่องราวของ Jeffrey หนุ่มผู้ไม่ได้พบกับแม่และพี่ชายนานหลายปี และวันนี้พวกเขาก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้งแบบพร้อมหน้าพร้อมตา…. Axel น้องชาย และแม่ของเขา Madeline ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ที่ประเทศกาบองในแอฟริกา ทั้งคู่ได้รับอนุมัติวีซ่าเพื่อบินมาหาพี่ชายในอเมริกา  ซึ่งปกติต้องใช้เวลาประมาณ 23 ชั่วโมงในการเดินทางด้วยเครื่องบิน     Axel ไม่ได้เจอพี่ชายที่อาศัยอยู่ที่ทางตอนใต้ของฟลอริด้าของเขามานานกว่า 4 ปี ส่วนแม่นั้นก็คุยวิดีโอคอลกันบ่อยๆ แต่ไม่ได้เจอกันตัวเป็นๆ เลยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่นานมากๆ ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างทั้งเรื่องการเงิน ระยะทาง และวีซ่า แต่หลังจาก Jeffrey และ Shannon ภรรยาของเขามีลูก ตอนนี้ก็น่าจะถึงเวลาที่ต้องพร้อมหน้ากันหน่อยแล้ว โดยที่ภรรยาของเขารู้แผนหมดว่าใครจะมา เพื่อทำให้เขาประหลาดใจแบบสุดๆ   ตอนนี้ Jeffrey ทำงานเป็นช่างไม้ เขาเป็นคนที่จิตใจดีมากๆ ทำงานหนัก อดทน และรับครอบครัว และคลิปนี้จะทำให้ใครหลายคนยิ้มหรืออาจจะน้ำตาไหลได้   มันช่างเป็นอะไรที่เซอร์ไพร้ส์เหลือเกิน!!!!   การที่เราไม่ได้เจอหน้าคนในครอบครัวนานๆ เวลาได้เจอกัน มันเป็นอะไรที่ใจหายนะ ด้วยระยะเวลาทำให้เราได้เห็นท่านแก่ขึ้นทุกวันๆ ถ้าใครมีโอกาสก็อย่าลืมกลับบ้านไปเยี่ยมท่านบ่อยๆ ล่ะ ที่มา Shannon Slattery

พูดถึงโรงงานผลิตอาวุธ เชื่อว่าคงเป็นสิ่งที่ชาวไทยไม่ค่อยคุ้นเคยซักเท่าไหร่ แต่รู้หรือไม่ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา มีโรงงานผลิตปืนระดับโลกตั้งอยู่ด้วย (แน่นอนว่าแม้สภาพของมันจะดูไม่เป็นระดับสากล แต่รัฐบาลก็สนับสนุนกันอย่างจริงๆ จังๆ เลยทีเดียว)     โรงงานผลิตอาวุธเหล่านี้ ตั้งอยู่ในเมืองดาเนา บนเกาะเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ พวกเขาเริ่มอุตสหกรรมการผลิตปืนตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 จนกระทั่งถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง บางส่วนเข้าร่วมกองกำลังต่อต้านญี่ปุ่น อีกส่วนหนึ่งเข้าร่วมกับกองทัพสหรัฐในฐานะฝ่ายซ่อมบำรุงอาวุธ     ในช่วงแรก โรงงานผลิตอาวุธเหล่านี้ต้องลักลอบทำกันอย่างลับๆ อย่างผิดกฎหมาย จนกระทั่งถึงช่วงปี 1990 ทางรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมการผลิตปืน จึงได้เข้ามามีส่วนร่วมพร้อมทั้งผลักดันให้โรงงานเหล่านี้กลายเป็นกิจการที่ถูกต้องตามกฎหมาย     ปัจจุบันโรงงานเหล่านี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ World MPC (Workers League of Danao Multi-purpose Cooperative) ซึ่งอาวุธที่ผลิตได้ ก็จะถูกส่งขายไปยังต่างประเทศ อย่างไรก็ตามแม้ที่แห่งนี้จะถูกกฎหมาย แต่ก็ยังมีโรงงานผลิตอาวุธเถื่อนอยู่อีกมากในเมืองดาเนา ก่อให้เกิดปัญหาหลายๆ อย่างตามมา ทั้งเรื่องอาวุธเถื่อน อาชญากรรม และความรุนแรงอย่างที่เราน่าจะเดาได้ไม่ยาก   และนี่ก็คือภาพวิถีชีวิตในโรงงานแห่งนี้ . .   . . . .…

เชื่อว่าหลายคนคงถูกคนอื่นทักว่า มีใบหน้าที่คล้ายกับพ่อแม่ของตนเอง จนบางทีก็แอบสงสัยว่า ตนเองหน้าตาเหมือนกับพ่อแม่จริงหรือ? หรือเป็นแค่อุปทานหมู่ที่คนอื่นคิดไปเองเท่านั้น วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมภาพเปรียบของเหล่าพ่อ-ลูกเซเลปชื่อดัง ว่าตอนที่พวกเขาอายุเท่าๆ กัน พวกเขาจะหน้าตาเหมือนกันจริงหรือไม่ และใครจะหล่อกว่าใคร เราไปติดตามพร้อมๆ กันเลย!   Pierce Brosnan (42 ปี) กับ Sean Brosnan (32 ปี)   David Beckham (17 ปี) กับ Brooklyn Beckham (16 ปี)   Jude Law (25 ปี) กับ Jude Law (18 ปี)   Clint Eastwood (31 ปี) กับ Scott Eastwood (28 ปี)   Tom Hanks…

คงจะไม่มีคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่อยากจะให้ลูกต้องตกอยู่ในสภาวะหรือสถานการณ์ที่อันตราย แต่ไม่ใช่กับ Stephen Frink คุณพ่อช่างภาพใต้น้ำชื่อดังระดับโลกคนนี้ นับว่าเป็นการกระทำที่บ้าระห่ำสุดๆ เมื่อคุณพ่อช่างภาพนักผจญภัยจากรัฐฟลอริดา วัย 67 ปี ได้พา Alexa ลูกสาววัย 23 ปีของเขา ไปดำน้ำและบันทึกภาพของจระเข้ที่หนักหนักเกือบ 100 กิโลกรัม ที่ Jardines de la Reina หมู่เกาะทางภาคใต้ของประเทศคิวบา     Alexa ได้ลงไปดำน้ำเพื่อที่จะบันทึกภาพเจ้าจระเข้ที่มีขนาดตัวยาวถึง 2.5 เมตร   Stephen Frink และ Alexa ได้สัมผัสกับเจ้าจระเข้ยักษ์อย่างใกล้ชิด จนบางครั้งมันเกือบจะงาบกล้องของเธอเข้าให้แล้ว   Jardines de la Reina เป็นหมู่เกาะที่อยู่ห่างจากทางตอนใต้ของประเทศคิวบาไป 50 ไมล์ เต็มไปด้วยสัตว์ที่มีความดุร้ายและซากเรือรบเก่า . .   Frink ได้อัพรูปนี้ลงในอินสตราแกรม พร้อมแคปชั่นว่า “นี่คือบ้านของฉันที่คิวบา และ Alexa ลูกสาวของฉัน พร้อมเพื่อนใหม่” .   มาชมภาพวิดีโอที่เธอบันทึกได้กัน   ต้องชื่นชมในความใจกล้าของ Alexa ที่กล้าเสี่ยงลงไป เพื่อที่จะได้บันทึกภาพเจ้าจระเข้ยักษ์อย่างใกล้ชิด #เหมียวแอลจีนี่ยอมใจจริงๆ เพราะหลังจากที่ภาพชุดดังกล่าวแพร่หลายไปทั่วโลกออนไลน์…

เชื่อว่าหลายคนคงได้อ่านข่าวสาวชาวญี่ปุ่นกินจุ “ยูกะ” ที่เคยกินขนมปังหนึ่งร้อยแผ่นภายในมื้อเดียว จนหลายคนต้องทึ่งในความสามารถในการบรรจุอาหารของเธอ     แต่วันนี้คุณยูกะมีผู้ท้าชิงแล้ว กับสาวจีนคนนี้ เพราะเธอสามารถทานข้าวสวยร้อนๆ หนักกว่า 4 กิโลกรัมแบบชิวๆ เห็นแล้วแทบรู้สึกอิ่มแทนเลยทีเดียว     หญิงสาวร่างบอบบางคนนี้มีชื่อว่า Mi Zijun ชาวเมืองฉงชิ่ง ล่าสุดเธอได้เข้าร่วมการแข่งขันรับประทานข้าวในเมืองหางโจว ซึ่งเธอได้กลายเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน ด้วยสถิติกินข้าวสวยไปทั้งหมด 4 กิโลกรัม ซึ่งหลังจากคลิปการแข่งขันของเธอถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีผู้กดติดตามแอคเคาท์ของเธอเว็บไซต์โซเชียลของจีน Meipai กว่า 500,000 คน นอกจากกินข้าวแล้ว บนแอคเคาท์ของเธอยังมีคลิปกินจุอีกมากมายตั้งแต่ กินบะหมี่กึ่ง 12 ถ้วย, ปอเปี๊ยะ 108 ชิ้น, และเค้กอีก 52 ชิ้น   เราไปชมการกินของเธอกันเลยดีกว่า .   เห็นแล้วอิ่มแทน ไม่รู้ว่าเธอเอาส่วนไหนของร่างกายไปเก็บอาหาร ว่าแต่ เธอกินยังไงให้ผอมขนาดนี้นะ อยากรู้จริงๆ เลย ฮาาา ที่มา Shanghaiist   ถ้าใครยังไม่จุใจ ลองไปดูคลิปของคุณยูกะ ที่…

อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2016 ก็จะเริ่มขึ้นแล้ว โดยปีนี้ประเทศบราซิลได้เป็นเจ้าภาพ และหนึ่งในสถานที่จัดแข่งขันคืออ่าว Ganabara Bay เมือง Rio ที่สำหรับกีฬาทางน้ำนั่นเอง แต่เมื่อเราได้เห็นภาพและข้อมูลของสถานที่นี้ แทบไม่น่าเชื่อว่า จะใช้เป็นที่แข่งขันกีฬาได้ เพราะล่าสุดเมื่องสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เพิ่งมีคนเห็นศพลอยขึ้นมาจากอ่าวแห่งนี้ มีการอ้างอิงถึงการวิจัยยังบอกอีกว่าอ่าวนี้มีเชื้อโรคมากกว่าแม่น้ำในสหรัฐฯ และยุโรปถึง 1.7 ล้านเท่าซะอีก   และนี่คือน้ำในริโอ ที่เต็มไปด้วยขยะเน่าเสีย จึงมีการแจ้งเตือนนักกีฬาว่า ห้ามเอาหัวลงน้ำเด็ดขาด   Ganabara Bay แห่งนี้ที่มีการพบศพลอยขึ้นมาเมื่อสัปดาห์ก่อน ก็จะใช้เป็นที่แข่งขันกีฬาด้วย   จากที่ผ่านมานักกีฬาที่มีน้ำเข้าไปในร่างกายแค่ 3 ช้อนชา ก็ทำให้มีผลกระทบต่อช่องท้อง ระบบทางเดินหายใจ และสมองด้วย ไม่ใช่แค่นักกีฬาเท่านั้นที่เสี่ยง บรรดานักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวหาด Ipanema และ Copacabana ต่างก็ได้รับผลกระทบจากเชื้อโรคในน้ำนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นนับตั้งแต่ที่รู้ว่า อ่าวแห่งนี้จะใช้เป็นสนามแข่ง ก็มีการกำชับให้ดูแลนักกีฬาอย่างเข้มงวด ไม่ให้มีการเจ็บป่วย และต้องสวมถุงมือทุกครั้งที่จะสัมผัสน้ำเพื่อไม่ให้ส่งผลต่อการแข่งขันในครั้งนี้     โดยการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนี้ คาดว่าจะมีนักกีฬาและนักท่องเที่ยวรวมแล้วไม่ต่ำว่า 300,000-500,000 คน และพวกเค้าก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคเมื่อไปสัมผัสกับน้ำ แโดยเฉพาะกับเล็กที่ภูมิคุ้มกันยังไม่ค่อยแข็งแรง ก็สามารถมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายๆ จุดที่อันตรายที่สุดคือ Rodrigo de Freitas…

เวลาที่เราคิดถึงเกาหลีเหนือ หลายๆ คนอาจจะคิดว่าเป็นประเทศที่อดอยาก ดูเงียบเหงา เต็มไปด้วยตึกสีคอนกรีต ได้อารมณ์การเป็นอยู่ในรูปแบบบ้านเมืองของคอมมิวนิสต์ แต่เมื่อช่างภาพชาวออสเตรเลียคนหนึ่ง Nic Ojae ได้เข้าไปถ่ายภาพวิถีชีวิตอีกแง่มุมหนึ่งของประชาชนเกาหลีเหนือที่ดูแล้วมันช่างเต็มไปด้วยสีสัน ดูมีชีวิตชีวา แถมภาพชุดนี้ที่เค้าได้ตั้งชื่อให้มันว่า ‘Colorful Order’ ยังได้รับรางวัลจากงานเทศกาล Melbourne Independent Photography อีกด้วย   ภาพถ่ายจากสวนน้ำแห่งหนึ่ง ดูแล้วผู้คนที่นี่น่าจะชื่นชอบการออกมาว่ายน้ำในฤดูร้อนกันมากๆ   มีการตกแต่งอย่างดี ชุดว่ายน้ำก็ดูปกติทั่วๆไปถึงแม้ว่าจะไม่มีคนใส่บิกินี่ให้เห็นก็ตาม   หนุ่มสาวชาวเกาหลีเหนือที่ดูกำลังสนุกสนานกับการขึ้นไปกระโดดน้ำจากที่สูง   ชายคนหนึ่งกำลังพักผ่อนนอนอาบแดดอย่างสบายใจ   ไม่ว่าจะเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็ชอบมาเที่ยวสวนน้ำกันทั้งนั้น   ผู้คนกำลังใช้บริการรถเมล์โดยสารประจำทาง ดูแล้วก็คลับคล้ายคลับคลากับบ้านเรานี่แหละ   ชาวเมืองเปียงยางกำลังเล่นวอลเล่ย์บอลกันอย่างสนุกสนาน   อากาศที่ดูสดใสในยามเช้าและอนุสรณ์สถานแห่งหนึ่ง   เด็กๆ กำลังให้ความสนใจกับอะไรบางอย่าง   ผู้คนต่างออกมาเต้นรำกันในเมืองอย่างพร้อมเพรียงเมื่อถึงวันหยุดประจำชาติ   ภาพได้อารมณ์ประเทศแถบเอเชียในช่วงยุค 50s ไปจนถึง 60s ดูเก่าและคลาสสิคสุดๆ   และสุดท้ายที่จะขาดไปไม่ได้สำหรับประเทศนี้ก็คือภาพของท่านผู้นำนั่นเอง…   งานนี้ก็ต้องขอบคุณช่างภาพฝีมือดีที่ได้นำภาพเหล่านี้มาให้เราได้ชมกัน มองไปก็ให้อารมณ์อีกแง่มุมหนึ่ง ต่างจากภาพอื่นๆ ที่เราเคยได้เห็นและรับรู้เรื่องราวก่อนหน้านี้ เป็นแง่มุมที่ช่วยเปิดหูเปิดตาได้อย่างดีเลยเนอะ……

ถ้าจะพูดถึงเหล่าหน่วยรบพิเศษล่ะก็ เรียกง่ายๆ ก็คือสุดยอดนักรบที่ได้รับการฝึกฝนมาแบบพิเศษของประเทศนั้นๆ นั่นแหละ และวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็เลยอยากจะพาเพื่อนๆ ไปชม 36 ภาพของ 18 หน่วยรบพิเศษจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ลองมาดูกันเลยว่าจะเจ๋งขนาดไหน!!?   Danish Hunter Corps .   Norwegian MJK .   Austrian Jagdkommando .   Black Cat Commandos ประเทศอินเดีย .   British SAS .   Korean 707th Special Mission Battalion .   Russian Spetsnaz .   Israeli Shayetet 13 .   Australian…

วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง จะพาเพื่อนๆ ไปดูเรื่องราวอันเหลือเชื่อ ซึ่งตามปกติแล้ว งูกับสุนัข ยังไงก็ไม่ถูกกัน ถ้ามันปะทะหน้ากันเมื่อไร ไม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะต้องเป็นฝ่ายที่จากไป แต่สำหรับกรณีเกิดขึ้นที่รัฐปัญจาบ ประเทศอินเดีย เมื่อมีลูกหมา 2 ตัวตกลงไปในบ่อ ไม่อาจหาทางกลับขึ้นมาได้ เมื่อทางเจ้าของลูกหมาสองตัวนี้ รู้ว่าสุนัขตัวเองหายไป ก็ได้ออกตามหา และได้ยินเสียงแม่ของมันเห่าอยู่ที่ปากบ่อ จนในที่สุดก็พบตัวลูกหมาทั้งสองอยู่ก้นบ่อ     แต่ภาพที่น่าขนลุกก็คือ ข้างๆ นั้นมีงูจงอางอยู่ด้วยตัวหนึ่ง แต่เมื่อสังเกตไปสักพัก เหมือนว่างูตัวนี้ไม่ได้ทำร้ายลูกสุนัขเลย มันกลับทำในสิ่งตรงกันข้ามคือการปกป้องลูกหมาไม่ให้ไปอยู่ฝั่งอีกฝั่งที่เต็มไปด้วยน้ำ ในที่สุดทั้ง 2 ตัวก็ได้รับการช่วยเหลือออกมาได้อย่างปลอดภัย หลังจากที่ติดอยู่ในนั้นนานกว่า 48 ชั่วโมง ส่วนงูจงอางพวกเค้าก็นำมันไปปล่อยกลับไปสู่ป่าต่อไป   ไม่เรียกว่าเหลือเชื่อ ก็ไม่รู้จะว่าไงล่ะ แต่ยังเราก็ต้องระวังกันอยู่ดีนะ เพราะยังไงขึ้นชื่อว่างู ก็อันตรายอยู่ดี ที่มา brightside

ว่ากันว่ามนุษย์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่โหดร้าย คอยเอารัดเอาเปรียบสิ่งมีชีวิตอื่นๆ บนโลกอยู่เสมอมา บ้างก็ทำร้าย บ้างก็ฆ่า เพื่อนำมาทำเป็นอาหารจนถึงกับทำให้สัตว์บางชนิดถึงกับสูญพันธุ์ไปเลยก็มี แต่มนุษย์ทุกคนก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นไปซะทั้งหมดหรอกนะ ยังมีมนุษย์อีกมากมายที่ให้ความสำคัญกับชีวิตของสัตว์ และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือกับพวกมันในคราวที่ยากลำบาก เช่นเดียวกับเรื่องราวที่ #เหมียวหง่าว จะมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังต่อไปนี้ยังไงล่ะ จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า   เจ้าม้าที่ชื่อว่า Cupcake ตัวนี้ได้พลัดตกลงไปในบ่อโคลน หลังจากที่ตกลงไปมันก็ได้พยายามดิ้นจนสุดชีวิตเพื่อดันตัวเองให้หลุดออกจากบ่อโคลนนี้ไป ถึงแม้ว่าจะดิ้นจนหมดแรงแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นออกมาได้ มันจึงทำได้เพียงตัดใจและนอนอยู่เฉยๆ ปล่อยให้ตัวเองจมลงไปอย่างช้าๆ   แต่โชคยังดีที่มีพลเมืองดีผ่านมาเห็น และได้โทรแจ้งหน่วยกู้ภัย South Metro Fire Rescue พวกเขาก็รีบตรงดิ่งมายังที่เกิดเหตุในทันที   พอมาถึงก็พบว่าเจ้า Cupcake มีสภาพที่อิดโรย พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะยกมันขึ้นมาสุ่มสี่สุ่มห้า จึงได้ติดต่อไปยังสัตวแพทย์เพื่อให้มาดูอาการของมันก่อน   สัตวแพทย์ก็ได้ตรวจอาการและฉีดยากระตุ้นให้กับมัน เพื่อให้มันพอมีแรงที่จะถีบตัวเองขึ้นมาจากบ่อ และเพื่อให้มันมีแรงเดินบนพื้นได้อีกด้วย   พอเตรียมตัวเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้ง 15 คนก็จัดการดึงเจ้า Cupcake ขึ้นมา และในที่สุดมันก็รอดจนได้ ^^   ลองไปชมคลิปเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   คราวหน้าคราวหลังก็เดินระวังๆ หน่อยนะเจ้า Cupcake และก็จำไว้เลยว่าเวลาพบกับปัญหาน่ะ…

มนุษย์ถ้ำ เป็นคำที่ใช้เรียกคนสมัยก่อน ตอนที่ยังไม่มีการสร้างบ้านเรือน มนุษย์จะอาศัยอยู่ในถ้ำ แต่นั่นคืออดีต เพราะปัจจุบันคงแทบไม่มีใครใช้ชีวิตแบบนั้นแล้ว แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่า ในปัจจุบันนี้ยังมีคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำ โดยไม่มีไฟฟ้า หรือน้ำประปา และมนุษย์คนนี้ก็คือ Pedro Luca ชายวัย 79 ปี ผู้อาศัยอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งทางเหนือของอาร์เจนติน่ามานานถึง 40 ปีแล้ว     เนื่องจากไม่มีประปา เขาจึงดื่มน้ำจากแม่น้ำ San Pedro de Colalao ส่วนอาหารนั้น ก็มาจากการเข้าป่าล่าสัตว์ด้วยตัวเอง เขาตื่นนอนตอนตีสามทุกเช่า โดยมีไก่เป็นนาฬิกาปลูก และสิ่งแรกที่ทำคือ การก่อไฟ แล้วค่อยเริ่มกิจกรรมอย่างอื่น แม้จะอยู่ในถ้ำ แต่ก็ไม่ขาดการติดต่อกับโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง เพราะเขามีวิทยุใส่ถ่านเล็กๆ เครื่องหนึ่ง ซึ่งหาสัญญาณได้ยากมาก และยังใช้เบี้ยผู้สูงอายุที่รัฐบาลมีให้ เพื่อมาใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่สามารถทำเองได้ เช่น เทียนไข ยีสต์ และข้าวโพด     ตอนนี้เขาอายุเกือบ 80 ปีแล้ว แต่เขาก็ยังแข็งแรงเกินกว่าคนวัยนี้ทั่วๆ ไป เพราะในแต่ละวันนั้นเขาเดินขึ้น-ลงเขาทุกวัน  เขาเล่าให้ฟังว่า “ผมเคยที่นี่มาตอนอายุ 14 ปีครั้งหนึ่ง…

หลายคนคงอยากสร้างบ้านที่ใกล้ชิดธรรมชาติ เพราะว่าเราจะได้ชื่นชมบรรยากาศสีเขียวสบายตา แต่สำหรับชายคนนี้ก็เกลียดธรรมชาติไปอีกนาน เนื่องจากว่ามีหมีบุกเข้ามาในบ้านกลางดึก!! Rodney Ginn เขาอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน Mammoth Lakes แคลิฟอร์เนีย แล้วในคืนหนึ่งได้เกิดเสียงแปลกๆ ที่ห้องข้างล่างก็เลยออกไปดูว่ามีอะไร     แล้วก็อึ้งเมื่อได้เจอกับแม่หมีตัวหนึ่ง พร้อมกับลูกอีก 2 ตัว กำลังบุกเข้ามาในบ้าน และเหมือนว่ามันได้ยินเสียงคนอยู่ข้างบน ก็เลยเดินขึ้นบันไดมาตามเสียงที่เรียกร้อง ส่วนมนุษย์ที่อาศัยอยู่จะให้แกล้งตายก็คงไม่ทันแล้ว ก็เลยอยากจะเก็บภาพประทับใจ เผื่อว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกับหมี   เขาเล่าว่าหมีมาอยู่ในบ้านประมาณชั่วโมงครึ่งได้ ก่อนที่มันจะออกไปจากบ้าน   ค่าเสียหายก็มีแค่ห้องครัวนิดหน่อยๆ   เราไปชมคลิปการบุกรุกของหมีครั้งนี้กันเลย   โชคดีของพ่อหนุ่มนะ ที่ไม่เป็นอะไร เพราะอย่างที่รู้ว่าหมีเป็นสัตว์อันตราย และมันอาจจะทำให้คุณบาดเจ็บจนถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน… #เหมียวสามสี ก็เคยมีประสบการณ์สัตว์บุกเข้าบ้านเหมือนกัน แต่เป็นงู บอกเลยว่าน่ากลัวกว่าหมีอีก (เพราะว่าหาตัวมันไม่เจอ แถมไม่เคยเจอหมีบุกเลยไม่รู้ว่าน่ากลัวแค่ไหน อิอิ) ที่มา distractify

พูดถึงเห็ดแล้ว ต้องบอกเลยว่า มันมีมากมายหลายชนิดจนนับไม่ถ้วน เอาง่ายๆ แค่ในอเมริกาเหนือที่เดียวก็มีเป็นหมื่นชนิดแล้ว และนักวิจัยก็คิดว่ามันน่าจะมีอีกหลายชนิดที่เรายังไม่เคยเห็น นอกจากนี้เห็ดมักจะเป็นพืชที่ใช้ในโลกแห่งวรรณกรรม เช่นเรื่อง Alice in Wonderland เพราะมันมีความสวยงาม ดูแล้วก็เหมือนจะเกินจริงไปซะหน่อย แต่หารู้ไม่ว่ามันแบบนั้นในโลกนี้จริงๆ นะ และ 31 ภาพเห็ดต่อไปนี้ จะช่วยยืนยันว่า ทำไมมนุษย์จึงชอบนิยมนำเห็ดมาเป็นฉากเพื่อบ่งบอกถึงความมหัศจรรย์และความสวยงามในวรรณกรรม เพราะมันมีความสวยงามในตัวอยู่มากทีเดียว… 1. Leratiomyces   2. Crepidotus   3. Clathrus archeri   4. Favolaschia calocera   5. Cyathus striatus   6. Mushrooms With A Snail   7. Puffball mushroom   8. Amethyst deceiver   9. Morchella…

เชื่อว่าหลายคนยังคงตกใจที่อดีตนางสาวไทยอย่าง “เจี๊ยบ ลลนา ก้องธรนินทร์” เปลี่ยนโฉมจากสาวหวานกลายเป็นสาวหล่อจนใครๆ คาดไม่ถึง (#เหมียวอ๊อดโด้ ก็เป็นหนึ่งในนั้น) แต่รู้หรือไม่ ในต่างประเทศก็มีเรื่องราวคล้ายๆ แบบนี้เช่นกัน อย่างเช่นเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ฮ่องกง เมื่ออดีตนางงามมิสเอเชียปี 2009 เปลี่ยนโฉมตัวเองกลายเป็นตำรวจสุดเท่ แถมยังหล่อจนหลายๆ คนต้องหลงรักเลยทีเดียว   โดยนางงามคนนี้มีชื่อว่า Lam Tsz-kwan ชาวฮ่องกง ปัจจุบันอายุ 25 ปี เธอเคยเข้าร่วมการประกวด Miss Asia ในปี 2009 และต่อมาก็ได้กลายเป็นนักแสดงและพิธีกรทางโทรทัศน์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง   แต่หลังจากห่างหายจากวงการบันเทิงไปได้ซักพัก ล่าสุดเธอได้กลับมามีพื้นที่บนสื่ออีกครั้ง เพราะเธอได้กลายเป็นตำรวจหญิงประจำฮ่องกงหลังจากสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนตำรวจ   เธอเล่าว่าเธอออกจากวงการบันเทิงเพราะอุดมการณ์ที่ไม่ตรงกันกับเหล่าผู้บริหาร หลังจากนั้นเธอจึงตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเพื่อสังคมบ้าง เธอจึงสมัครเข้าโรงเรียนตำรวจ   สิ่งหนึ่งที่ชาวเน็ตสงสัยเป็นอย่างมากว่า “รสนิยม” ทางเพศของเธอเป็นอย่างไรกันแน่ เธอตอบกลับมาสั้นๆ ว่า “ฉันไม่จำเป็นต้องอธิบาย ตอนนี้ฉันไม่ใช่ดาราที่ต้องตอบทุกคำถามของสื่ออีกต่อไปแล้ว ขอบคุณมาก ลาก่อน”   เรียกว่าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ยังไงก็ตามแต่ เหมียวเชื่อว่าเธอต้องกลายเป็นตำรวจที่ยอดเยี่ยมได้อย่างแน่นอน สู้ๆ นะฮะ ที่มา fooyoh

หากใครจำกันได้ เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทีมงานเหมียวได้เคยรายงานเกี่ยวกับคอนเซ็ปต์รถบัสไฮเทคที่สามารถวิ่งคร่อมถนนได้ แม้จะมีการจราจรที่หนาแน่น แต่เจ้ารถบัสคันนี้ก็จะสามารถขับผ่านไปได้อย่างสบายๆ   หากใครนึกไม่ออกลองไปย้อนดูคลิปคอนเซ็ปต์ของเจ้ารถคันนี้กันดูเลย   หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปประมาณ 2 เดือนเศษ เจ้ารถบัสที่เป็นเพียงคอนเซ็ปต์คันนี้ก็สำเร็จกลายเป็นรูปเป็นร่างแล้วเรียบร้อย!! อันที่จริงแล้วโปรเจ็คนี้ไม่ได้คิดค้นและสร้างเสร็จภายในเวลาสั้นๆ หรอกนะ แต่ทางทีมวิศวกรเขาเริ่มทำกันมาเป็นปีแล้ว แต่เพิ่งจะเป็นที่สนใจของสื่อเอาเมื่อช่วงพฤษภาคมที่ผ่านมา   ตามรายงานของเว็บไซค์ Shanghaiist เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม บอกว่ารถไฮเทคคันนี้พร้อมที่จะออกวิ่งทดสอบในมณฑลเหอเป่ย ประเทศจีนแล้ว ในการทดสอบครั้งนี้ไม่ได้เป็นการนำรถบัสออกไปวิ่งทั่วเมืองแบบเต็มประสิทธิภาพ แต่เป็นการเดินทางในระยะเพียง 300 เมตรเท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้นักข่าวและผู้ที่เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ทราบว่ามันสุดยอดขนาดไหน   จากคำบอกเล่าของวิศวกรบอกว่าเจ้ารถบัสคร่อมถนนคันนี้จะสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้มากถึง 1,200 คนได้ในเวลาเดียวกัน สามารถเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดได้ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้จะดูไม่เร็วเท่าไหร่ แต่หากคุณจินตนาการถึงการจราจรอันติดขัดในเมืองจีนล่ะก็ ความเร็วเท่านี้ก็ถือว่าเร็วมากแล้วล่ะ   ทั้งนี้ไม่มีการเปิดเผยว่าเจ้ารถบัสคันนี้จะเปิดให้บริการจริงๆ เมื่อไหร่ แต่คาดว่าน่าจะภายในเร็ววันนี้แน่นอน   แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการลองนำมาวิ่งเป็นครั้งแรกเท่านั้น ยังคงมีหลายฝ่ายพูดถึงปัญหาที่จะตามมา ทั้งมารยาทให้การขับรถของคนจีนทั่วไปจะก่อให้เกิดปัญหาหรือไม่ รวมไปถึงอุปสรรคอีกต่างๆ นานาเมื่อใช้งานจริง เราคงต้องรอดูกันต่อไปล่ะครับ…!! ที่มา shanghaiist

หากคุณเป็นคนอ้วนคนหนึ่งที่โดนคนรอบข้างดูถูกและนินทาเกี่ยวกับรูปร่างของคุณบ่อยๆ ล่ะก็ คุณก็ไม่ต่างอะไรกับพ่อหนุ่มคนนี้หรอกนะ แต่สิ่งที่ต่างไปก็คือ เขาโดนด่าด้วยคำซ้ำๆ เดิมๆ ทุกวัน จนเปลี่ยนคำด่าเหล่านั้นให้กลายเป็นแรงผลักดัน ทำให้เขาดำน้ำหนักไปได้กว่าร้อยโลทีเดียว!?   เรื่องราวต่อไปนี้เป็นของนาย Jamie Brooks เขาเล่าว่าในตอนแรกน้ำหนักของเขาไม่ได้มากขนาดนี้ แต่เมื่อตอนที่เขาอายุได้ 14 ปี เขาก็ได้ทำงานในห้องครัวแห่งหนึ่ง จากนั้นเขาก็เริ่มมีอาหารการกินที่สมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ และเพิ่มน้ำหนักตัวเอง ตอนกลางวันก็กินจุบจิบ ตกตอนกลางคืนก็ซื้ออาหารกลับไปกินต่อที่บ้าน แถมยังดื่มเครื่องดื่มหวานๆ ที่ส่งผลเสียตามมาอีกมาก   ในตอนที่เขาอายุได้ 31 ปี เป็นช่วงที่เขามีน้ำหนักมากที่สุด ในตอนนั้นน้ำหนักของเขาพุ่งขึ้นไปที่ 228 กิโลกรัม ซึ่งใกล้ขีดอันตรายเต็มที แต่แล้วปฏิบัติการลดน้ำหนักของเขาก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อเพื่อนของเขาอย่าง Neil Williamson วัย 46 ปี เขาดันไปเห็นป้ายโฆษณาลดน้ำหนังที่คลีนิคศัลยกรรมแห่งหนึ่ง และเกิดไอเดียในการช่วยเพื่อนลดความอ้วนแบบแปลกๆ   เพราะแทนที่จะแนะนำให้เพื่อนไปออกกำลังกาย หรือกินอาหารที่มีประโยชน์ เขากลับเอาแต่ส่งข้อความหยาบๆ คายๆ ไปหา Jamie เช่น “ไอ้เxี้ย อ้วน” หรือ “แกน่าจะตายตอนอายุ 40 แล้วแหละ” เป็นเวลากว่า 6 สัปดาห์…

หากมองดูรอบๆ ตัวจะเห็นว่า มีอีกหลายคนที่ไม่มีบ้านอยู่ ยากจน และไม่มีคนช่วยเหลือ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ คือปัญหาสังคมอย่างหนึ่งที่เราต้องช่วยกันแก้ แค่มีส่วนร่วมเล็กน้อยก็ยังดี Jessica Mcclard เป็นหนึ่งในคนที่อยากเห็นสังคมดีขึ้น อยากช่วยเหลือคนไร้บ้าน ดังนั้น เมื่อเธอไปเจอห้องสมุดเล็กๆ แห่งหนึ่งเป็นเปิดบริการฟรี เธอจึงเกิดไอเดีย และคิดได้ว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ   แล้วเธอก็ตัดสินใจทำตู้กับข้าวเล็กๆ โดยใส่อาหาร ข้าวของ เครื่องใช้ในนั้น แล้วเอาไปตั้งไว้เพื่อให้คนยากไร้ได้มาหยิบไปแบบฟรีๆ   นี่เป็นตู้กับข้าวที่เธอลงมือทำด้วยตัวเอง โดยได้รับเงินสนับสนุนจำนวนเกือบ 9,000 บาท   ตู้กับข้าวอันแรกที่ทำนั้น เอาไปตั้งไว้ถัดจากโบสถ์ Good Shepherd Lutheran ใน Fayetteville   หลังจากนั้นก็มีจิตอาสาคนอื่นๆ เอาอาหารมาใส่ในตู้นี้เช่นกัน   ตอนนี้โปรเจคนี้มีแฟนๆ ติดตามมากกว่า 10,000 คนแล้วใน Facebook และมีการติดตั้งตามจุดต่างๆ เพิ่มขึ้นด้วย   มีทั้งเนย ถั่ว เยลลี่ และยังมีของใช้ผู้หญิงรวมทั้งผ้าอ้อมเด็ก   ทั้งหมดนี้ได้ทำเพื่อคนไร้บ้าน และช่วยแก้ปัญหาสังคมด้วย   มีกล่องหนึ่งตั้งอยู่ใกล้กับโรงเรียน ดังนั้น…

เนื่องจากช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและน้ำท่วมเฉียบพลันขึ้นที่เมืองเอลลีคอตต์ซิตี รัฐแมรีแลนด์ ทางตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ทำให้ประชาชนและบ้านเรือนได้รับความเสียหาย ผู้คนต่างพากันตั้งตัวรับมือไม่ทัน และนี่คือภาพเหตุการณ์นาทีชีวิตที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาอุทกภัยที่เกิดขึ้น เป็นภาพของของประชาชนที่จับมือต่อกันเป็นทอดๆ ยืนต้านกระแสน้ำท่วมที่ไหลอย่างเชี่ยวกรากบนท้องถนน เพื่อช่วยเหลือผู้หญิงที่ติดอยู่ในรถ   ซึ่งคลิปวิดีโอนี้ได้ถูกโพสต์ขึ้นโดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก Sara Arditti   เธอบอกว่า “สามีของเธอได้อยู่ในเหตุการณ์นี้ ในขณะที่น้ำไหลทะลักเขาและคนอื่นๆ ได้พยายามช่วยเหลือหญิงสาวที่ติดอยู่ในรถออกมา”   โชคดีที่ช่วยเหลือหญิงสาวออกมาได้ และไม่มีใครได้รับบาดเจ็บใดๆ   มาดูคลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกัน   เหตุการณ์ครั้งนี้นับว่าเป็นอุทกภัยครั้งรุนแรง มีรายงานพบผู้เสียชีวิต 2 คน ติดอยู่ภายในรถที่ถูกน้ำท่วม อาคารบ้านเรือน ธุรกิจห้างร้านต่างได้รับความเสียหายทั้งหมด คาดต้องใช้เวลานานในการซ่อมแซมฟื้นฟู ที่มา mirror , Sara Arditti

“หมีแพนด้า” เป็นสัตว์ประจำชาติของประเทศจีน ซึ่งคุณจะไม่แปลกใจเลยหากได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนที่ประเทศจีนแล้วจะเห็นสัญลักษณ์ของเจ้าหมีแพนด้าเต็มไปหมด ล่าสุด จีนก็ได้เปิดตัว “รถไฟฟ้าใต้ดินธีมแพนด้า” ที่แสนจะน่ารัก ซึ่งเปิดให้บริการเป็นวันแรกที่เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน รวมระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร ชาวเมืองต่างพากันตื่นเต้น และพากันเข้าคิวเพื่อที่จะได้ประเดิมรถไฟใต้ดินแพนด้านี้ที่พวกเขาเฝ้ารอคอย   .   ภายในรถไฟก็จะตกแต่งไปด้วยสีขาวดำในธีมแพนด้า ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้นั่ง ผนัง หรือแม้กระทั่งที่จับก็เป็นรูปหมีแพนด้าทั้งหมด . .   ผู้คนจำนวนมากเฝ้ารอที่จะมาใช้บริการรถไฟใต้ดินแพนด้านี้เป็นวันแรก .   ที่ผนังก็จะมีสติ๊กเกอร์หมีแพนด้าสีน่ารักสดใส .   เก็บทุกรายละเอียดจริงๆ .   ส่วนที่พื้นก็มีการตกแต่งด้วยรอยเท้าแพนด้าสีชมพูน่ารักฟรุ้งฟริ้งซะเหลือเกิน .   ภายในวันเปิดตัวก็จะมีมาสคอตเจ้าหมีแพนด้าตัวอวบอ้วนเข้าร่วมขบวนด้วย   หากใครได้ไปเที่ยวที่จีนแล้วล่ะก็อย่าลืมลองไปใช้บริการกันดูนะจ้ะ ที่มา gzhphb

โซเชียลเน็ตเวิร์คช่วยให้เราสามารถตามหาเพื่อน พ่อแม่พี่น้อง หรือแม้แต่ความรักได้อย่างง่ายดาย แต่บางครั้งคุณก็ต้องใช้วิจารณญาณนิดนึงนะ เพราะไม่งั้นอาจจะพลาดท่าเหมือนกับหนุ่มดัชคนนี้ได้ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่า นาย Alexander Pieter Cirk ชายหนุ่มจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ลงทุนบินไปประเทศจีน เพื่อพบหญิงสาวที่รู้จักกันผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์กเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน   ตามรายงานบอกว่านาย Alexander ได้รู้จักกับสาวจีนคนหนึ่งแซ่จาง วัย 26 ปี ผ่านทางแอพพลิเคชั่นเครือข่ายสังคมออนไลน์ หลังจากที่ทำความรู้จักกันได้อยู่ 2 เดือน นาย Alexander ก็ตัดสินใจที่จะบินมาเซอร์ไพรส์ฝ่ายหญิงถึงเมืองจีน     เขาได้ไปทำหนังสือเดินทางและวีซ่าเรียบร้อย ในระหว่างนั้นเขาได้ส่งรูปภาพหนังสือเดินทางให้เธอดูและหวังว่าเธอจะมาพบกับเขา จากนั้นก็ออกเดินทางไกลกว่า 4,500 กิโลเมตรจนมาถึงสนามบินในเมืองฉางชา มณฑลหูหนาน แต่เมื่อมาถึงเขาก็ต้องผิดหวัง เพราะฝ่ายหญิงไม่ยอมมาเจอกับเขาที่สนามบิน เขาก็เลยตั้งรกรากอยู่ในสนามบินและเชื่อมั่นว่าในท้ายที่สุดแล้วเธอจะมาปรากฏตัว     แต่น่าเสียดายที่หลังจากเวลาผ่านไป 10 วัน ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเธอจะมาพบกับเขาเลย แถมเจ้าตัวก็ยังมีอาการอ่อนเพลียจนถูกหามส่งโรงพยาบาลด้วย หลังจากเรื่องราวของนาย Alexander เริ่มโด่งดัง ก็มีสำนักข่าวท้องถิ่นติดต่อมาที่เขาและสอบถามถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น จึงทราบว่าฝ่ายหญิงได้ตกลงกับนาย Alexander ว่าจะรอให้ครบ 1 ปีก่อนแล้วค่อยมาเจอกัน…

เราอาจจะเคยเห็นการประกวดนางงามจากเวทีต่างๆ มาแล้ว คราวนี้เป็นมาดูของฝั่งทางเกาหลีกันบ้าง เป็นงานประกวดสาวก้นสวยประจำปีของเกาหลีใต้ ที่มีชื่อว่า “Sexy Back Contest 2016” เป็นงานที่รวบรวมสาวๆ ที่มีบั้นท้ายหรือก้นสวยจากทั่วประเทศมารวมตัวกัน เพื่อเลือกหญิงสาวที่มีก้นสวยที่สุดเพียงหนึ่งเดียวในประเทศ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากในเกาหลีใต้โดยเฉพาะหนุ่มๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการประมวลภาพผู้ประกวดที่ผ่านเข้ารอบ 30 คนสุดท้าย เรามาชมภาพสาวๆและภาพบรรยากาศในงานกันดีกว่า ว่าจะสวยเด็ดแค่ไหน!!     ต้องโชว์สรีระและบั้นท้ายที่สวยงาม .   งานนี้หน้าตาก็มีส่วน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ‘ก้น’ ต่างหาก… . .   เต็มไปด้วยสาว(ก้น)งาม . . . .   เหล่าผู้เข้าประกวด . .   โพสต์ท่างามๆ . . . .   ใจละลายไหมละหนุ่มๆ   เห็นแบบนี้แล้วอยากจะให้มีการประกวดแบบนี้ที่ประเทศไทยบ้างไหมเอ่ย?? ที่มา koreaboo

สาวๆ ที่โตมากับการ์ตูนดิสนีย์ คงไม่มีใครที่จะไม่อยากเป็นเงือกสาวกันแน่ๆ บริษัททัวร์ในญี่ปุ่นเค้าได้จัดทัวร์ที่จะมาเติมเต็มความฝันของสาวๆ ที่อยากจะเป็น ‘เจ้าหญิงแอเรียล’ แล้ว!!   Rising Asia จะพาคุณไปท่องโลกแห่งความฝัน เที่ยวหาดทราย และแต่งกายเป็นนางเงือก เหมือนเจ้าหญิงแอเรียล!!   อยากให้ที่ไหนเป็นจุดหมายปลายทางก็เลือกได้เลย น่าไปทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นที่เกาะเซบูในประเทศฟิลิปปินส์ เกาะไซปัน ในหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา หรือเกาะกวมในมหาสมุทรแปซิกา   แน่นอนว่ามีทั้งเครื่องประดับและครีบนางเงือกให้สาวๆ ได้ใส่เป็นนางเงือกกันสมใจ   สัมผัสบรรยากาศสระว่ายน้ำในโรงแรมหรูที่เกาะเซบู พร้อมๆกับใช้เวลา 1 ชั่วโมงเต็มๆ ถ่ายภาพกับตากล้องมืออาชีพ เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย   จะไปแบบฉายเดียวหรือจะยกไปกันทั้งแก๊งก็ยังได้   แต่ถ้าไปกันถึงที่เกาะไซปัน หรือเกาะกวมในแปซิฟิก คุณจะได้ถ่ายภาพบนชายหาดวิวสวยๆ พร้อมกับชมพระอาทิตย์ตกดิน หรือจะเลือกถ่ายภาพตามหาดทรายสวยๆ ที่โอกินาว่าก็ได้   ราคาทัวร์อยู่ที่ 10,000 เยน หรือประมาณ 3,300 บาทต่อท่าน สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับทัวร์ได้ที่เว็บไซต์ Tabi no Tatsujin . .   สำหรับผู้ชายที่ผ่านเข้ามา ถ้ามีทัวร์ชมนางเงือกเมื่อไหร่ #เหมียวขาสั้นจะรีบมาบอกก็แล้วกันนะ ที่มา: Rocketnews24

เรื่องราวที่ #เหมียวขี้ส่องจะนำเสนอในวันนี้ บอกเลยว่า ไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะมันเกิดขึ้นราวกับปาฏิหาริย์ยังไงอย่างงั้น เมื่อเจ้าหมาตัวหนึ่ง หายออกไปจากบ้านเมื่อ 7 ปีก่อน อยู่ดีๆ ก็ได้เจอกับเจ้าของอีกครั้ง เหลือเชื่อใช่ไหม…!?   โดยเจ้าหมาตัวนี้มีชื่อว่า Cory ที่เลี้ยงโดยครอบครัว Montez และมันได้หายตัวไปในปี 2009 อย่างไร้ร่องรอย เจ้าของพยายามตามหาเท่าไรก็ไม่เจอ เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า พวกเขาก็ถอดใจที่จะตามหามัน และคิดว่าถ้ามันไม่เสียชีวิตไปแล้ว ก็คงกลายเป็นสุนัขจรจัดอยู่ที่ไหนสักทีแน่ๆ     ประมาณ 7 ปีต่อมา ก็มีเหตุการณ์เหลือเชื่อก็เกิดขึ้น เมื่อศูนย์พักพิงสัตว์ในรัฐเทกซัสได้ติดต่อหาเจ้าของของ Cory โดยแจ้งให้พวกเค้าทราบว่า พบหมาของพวกเค้าแล้ว เนื่องจากมีคนไปพบมันเดินอยู่ข้างถนน เขาจึงนำมันไปส่งให้กับศูนย์พักพิงสัตว์แห่งนี้ เมื่อได้รับข่าวดีแล้ว ไม่รอช้า พวกเค้ารีบไปหา Cory ทันที หลายคนคงสงสัยว่า เจ้าหน้าที่รู้ได้อย่างไรว่า Cory เป็นหมาของครอบครัว Montez นั่นเป็นเพราะว่าพวกเค้าฝังไมโครชิพไว้ในตัวของมันก่อนที่จะหายตัวไป จึงง่ายต่อการตามหาเจ้าของนั่นเอง   ทันทีที่พวกเค้าได้เจอกัน แน่นอนว่า ต่างคนก็ดีใจไม่แพ้กันเลย   แต่เมื่อสังเกตดูดีๆ ตลอด 7 ปีที่หายไปมันไม่ได้โดดเดี่ยวเพียงลำพัง เพราะมันมีเพื่อนอีกตัวหนึ่งที่อยู่สนิทกันมาก มันคือ Captain…

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2015 มีหนูน้อยวัยเพียง 22 เดือนคนหนึ่งนามว่า “Bexley Norvell” ได้เผลอกลืนเหรียญเข้าไป จนทำให้เธอหายใจไม่ออก และไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ซึ่งก่อนที่เธอจะถูกส่งตัวไปช่วยเหลือนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เดินทางมาถึง และตัดสินใจช่วยเหลือเธอทันที โดยการเคลียร์ลำคอของเธอ และทำให้หนูน้อยกลับมาหายใจได้ปกติ… หลังจากนั้นอีก 1 ปีต่อมา เรื่องราวสุดประทับใจของทั้งสอง ก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง     เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2559 ทางเว็บไซต์ Huffingtonpost ได้เผยภาพพร้อมเรื่องราวสุดประทับใจของคุณตำรวจ Patrick Ray กำลังนั่งดื่มปาร์ตี้น้ำชากับหนูน้อย Bexley (ปัจจุบันเธอมีอายุ 2 ขวบแล้วนะ) เพื่อเป็นการฉลองครบรอบวันที่เขาได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้นั่นเอง     โดยภาพทั้งหมดถูกถ่ายขึ้นโดย Chelle Cates ช่างภาพผู้ที่ได้รับการว่าจ้างให้มาบันทึกภาพน่ารักๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างคุณตำรวจกับแม่หนูน้อย ท่ามกลางบรรยากาศที่แสบอบอุ่นภายในปาร์ตี้น้ำชาของพวกเขา     นอกจากนี้ Tammy Norvell คุณแม่ของหนูน้อยเผยว่า “ถือว่าเป็นปาร์ตี้น้ำชาครั้งแรกของเธอ และแน่นอนว่ามันทำให้เธอมีความสุขมากๆ…

สำหรับทาสแมวทั้งหลาย การที่เจ้าเหมียวสุดที่รักหายไปนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งมันก็มีวิธีมากมายในการป้องกันปัญหานี้ ทั้งเลี้ยงในระบบปิด การติดแท็กไว้ที่ปลอกคอ หรือแม้แต่ติดไมโครชิปไว้ ปัจจุบันการติดไมโครชิบนั้นเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะสะดวกแล้วยังสามารถติดตามหาตัวเจ้าของที่ถูกต้องได้ง่าย และแม่นยำอีกด้วย ถ้าไม่เชื่อ #เหมียวหง่าว มีหลักฐานมาสนับสนุน ว่าการติดไมโครชิปนี่แหละ จะช่วยแก้ปัญหาสัตว์เลี้ยงหายได้ดีทีสุด   พบกับเจ้าเหมียว Moon มันหายตัวไปจากบ้านอันแสนอบอุ่นที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษเมื่อ 8 ปีก่อน แต่ตอนนี้ถูกพบตัวแล้วที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส   คุณ Sean Purdy และคุณ Marna Gilligan ทาสของเจ้า Moon จู่ๆ ก็ต้องตกใจเมื่อได้รับการติดต่อผ่านทางอีเมลมาจาก L’Association d’Aide et de Defense des Animaux en Detresse องค์กรช่วยเหลือสัตว์ประเทศฝรั่งเศสแจ้งว่าพบตัวเจ้าเหมียวของพวกเขาแล้ว     นั่นก็เพราะว่าเจ้า Moon น่ะ มันหายไปจากบ้านของเขาที่อาศัยอยู่ในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษตั้ง 8 ปีมาแล้ว ในตอนนั้นพวกเขาออกตามหามันทุกวันจนถอดใจ จึงทำได้แต่ภาวนาขอให้มันพบกับชีวิตที่ดี เจอครอบครัวดีๆ และมีความสุข  …

หากพูดถึงละครจีนในช่วงยุค 90 นั้น หลายๆ คนน่าจะนึกถึงละครแนวๆ เดชคำภีร์เทวดา , กระบี่ไร้เทียมทาน , ดาบมังกรยก , ไซอิ๋ว , ฤทธิ์มีดสั้น และหนึ่งในนั้นที่ขาดไม่ได้เลยคือ องค์หญิงกำมะลอ ซึ่ง #เหมียวฟิ้น เองก็ทันได้ดูเมื่อตอนเป็นเด็กด้วยนะ     หลังจากที่ละครชุดองค์หญิงกำมะลอจบไป เราก็แทบไม่ได้เห็นการรวมตัวกันของ 3 นักแสดงสาวอย่าง ฟ่านปิงปิง , หลิน ซินหรู  และ เจ้า เวย (ที่ #เหมียวฟิ้น ชอบเป็นพิเศษ) อีกเลย กาลเวลาล่วงเลยผ่านไปกว่า 18 ปี จนเมื่อช่วงวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลิน ซินหรู ได้จัดงานแต่งงานกับ ฮั่วเจี้ยนหัว บนเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ทำให้ทั้ง 3 คนได้กลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง เกิดเป็นภาพการรียูเนียนครั้งสำคัญที่แฟนๆ จะต้องจดจำเลยทีเดียว     ปัจจุบันทั้ง 3 คนก็ยังคงโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงไม่ห่างหายไปไหนนะ เช่นฟ่าน ปิงปิง ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเราเห็นหน้าเธอบ่อยกว่าใครเพื่อน เพราะเธอโด่งดังเป็นที่รู้จักในวงกว้างเพราะมาเล่นหนังฮอลลีวูด เช่น Iron Man 3 และ X-Men: Days…

สำนักข่าว BBC เปิดเผยภาพภายในห้องขังของนักโทษเจ้าพ่อค้ายารายใหญ่ Jarvis Chimenes Pavao ที่เรือนจำ Tacumbu ในอะซุนซิออง เมืองหลวงของประเทศปารากวัย มีความเป็นอยู่ดีมากๆ จนไม่เห็นจะเหมือนห้องขังเลยสักนิด   มีการเปิดเผยว่านาย Jarvis ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา และสะดวกสบาย อยู่ในห้องขัง VIP ที่ครบครันไปทุกอย่าง   ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำในตัว ห้องประชุม ห้องสมุด ห้องครัว ทีวีพลาสม่า เครื่องปรับอากาศ ไปจนถึงคอลเล็กชั่นดีวีดีของเขา . . . .   นาย Jarvis เป็นหนึ่งในเจ้าพ่อค้ายารายใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ มีความผิดฐานฟอกเงินและถูกตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 8 ปี   แต่ชีวิตหลังลูกกรงอันสะดวกสบายของนาย Jarvis ก็สิ้นสุดลง ภายหลังที่เจ้าหน้าที่สงสัยว่านาย Jarvis มีแผนการจะระเบิดกำแพงแหกคุกออกไป   ทางด้านทนายความของนาย Jarvis กล่าวความ ความสะดวกสบายของลูกความของเขา แสดงให้เห็นถึงความบกพร่องและอื้อฉาวของระบบเรือนจำในประเทศปารากวัย ซึ่งเขาได้เปิดเผยว่าทั้งผู้อำนวยการเรือนจำและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไม่ต่ำกว่า 12 คนที่รับสินบนจากลูกความของเขา     นาย Jarvis จึงถูกย้ายตัวไปทำการสอบสวนกับหน่วยงานพิเศษ เพื่อเปิดโปงเจ้าหน้าที่เรือนจำที่มีความเกี่ยวข้องกับการทุจริตในครั้งนี้ต่อไป…

ในโลกนี้เต็มไปด้วยสถานที่มากมายที่เราไม่เคยไป บางที่เราก็ใฝ่ฝันอยากไปสักครั้งในชีวิต แต่กับบางที่เราแทบไม่อยากเหยียบเข้าไปเลย โดยเฉพาะสถานที่สุดหลอนที่จะพาไปดูในวันนี้ โดยสถานที่เหล่านี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งน่ากลัวที่สุดในโลก และเต็มไปด้วยเรื่องราวชวนขนลุก จะมีที่ไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลยดีกว่า (อาจจะมีภาพรุนแรงหรือหลอนนิดหน่อย ทำใจให้พร้อมด้วยนะจ๊ะ) 1. สถานีรถไฟร้างแห่งเมือง Cincinnati รัฐโอไฮโอ มีการพยายามที่จะสร้างระบบรถไฟใต้ดินและระบบรางในเมือง แต่การระดมทุนมีปัญหาในยุค 90 ในขณะที่สร้างเสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว ที่นี่จึงถูกปล่อยทิ้งร้างในสภาพเช่นนี้   2. Akodessewa ตลาดขายหัวลิง หัวลิงเหล่านี้ถูกนำมาใช้ประกอบพิธีทางศาสนาดั้งเดิม ของประเทศโตโก ดังนั้นลิงที่นี่จึงถูกฆ่าจำนวนมาก (อาจจะดูรุนแรง แต่เป็นความเชื่อและประเพณีของคนในท้องถิ่น)   3. ป่า Aokigahara ประเทศญี่ปุ่น ดูแล้วอาจจะดูเหมือนป่าทั่วๆ ไป แต่จริงๆ แล้วมันเป็นป่าที่ใช่สำหรับฆ่าตัวตาย และคาดว่าที่มีไม่ต่ำกว่า 100 รายต่อปี โดยไม่มีใครห้ามได้ เพราะไม่รู้ว่าคนที่จะมาฆ่าตัวตายนั้น จะมาเมื่อไร ตอนไหน อย่างไร…   4. โรงพยาบาลทหารเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ เดิมนั้นใช้เป็นสถานที่รักษาทหาร แต่เมื่อค่าใช้จ่ายสูงมากขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้ต้องปิดตัวลง และมีการเล่าลือในตำนานว่า ยังมีผู้ป่วยอีก 2-3 รายที่ยังอยู่ที่นี่ ไม่ยอมไปไหน ทำให้กลายเป็นสถานที่น่ากลัวขึ้นมาทีเดียว…

จากข่าวดังในโลกโซเชียลหลังจากที่ เฟซบุ๊ก A Fly Guy’s Cabin Crew Lounge ได้โพสต์ภาพและข้อความ กรณีแอร์โฮสเตสของสายการบิน Cebu Pacific สายการบินโลว์คอสต์ของประเทศฟิลิปปินส์ ถูกผู้โดยสารตบหน้าจนเป็นรอยแดง เนื่องจากไม่ช่วยยกกระเป๋าของผู้โดยสารรายหนึ่งเก็บบนช่องเก็บกระเป๋าเหนือศีรษะให้นั้น เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องฮอทขึ้นมา และทั้งเหล่าชาวเน็ตที่ได้รับทราบ รวมถึงเหล่าลูกเรือจากหลากหลายสายการบิน ต่างเข้ามาวิจารณ์(ด่า) ผู้โดยสารที่ก่อเรื่องอย่างกว้างขวาง     มีการพูดถึงประเด็นการช่วยยกกระเป๋า ว่าจริงๆ และหน้าที่นั้นเป็นความรับผิดชอบของผู้โดยสารเจ้าของกระเป๋าเอง และบางครั้งลูกเรืออาจจะช่วยบ้างแต่ไม่จำเป็นต้องทำทั้งหมด เหล่าแอร์โฮสเตสจึงได้ร่วมกันติดแฮชแท็ก #DontLiftThatBag ประท้วงกรณีนี้ ลงในโซเชียล เพื่อแสดงจุดยืนว่าพวกเขาต้องการความยุติธรรมแก่ลูกเรือรายนี้…   เพื่อบอกว่าลูกเรือไม่จำเป็นต้องทำหน้าที่นี้โดยตรงก็ได้   เพื่อบอกว่ายินดีช่วยยก หากขออย่างสุภาพ และช่วยกันยกถ้าไม่ไหวจริงๆ   เพื่อประจานสิ่งที่ผู้โดยสารทำลงไปเกินกว่าเหตุเช่นกัน . .   นอกจากนี้ ยังมีการทำเสื้อขึ้นมา เพื่อรณรงค์ในแคมเปญนี้เช่นกัน   ทีนี้… ตามกฎแล้วจริงๆ แอร์มีหน้าที่ยกกระเป๋าหรือไม่!? จากข้อบังคับของคณะกรรมการการบินพลเรือน ฉบับที่ 69 ว่าด้วยข้อกำหนดเกี่ยวกับสัมภาระติดตัวผู้โดยสาร ได้ระบุเอาไว้ในข้อที่ 5 ว่า…

เรือนจำหรือคุก เป็นแหล่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเข้าไปอยู่แน่นอน เพราะนอกจากไม่มีอิสรภาพแล้ว เรายังไม่รู้ด้วยว่า อยู่ในนั้นต้องเจอกับอะไรบ้าง วันนี้ก็เลยจะพาชมสภาพคุกแห่งหนึ่ง ที่เห็นแล้วเราถึงกับหดหู่ไปตามๆ กัน…. และนี่คือสภาพนักโทษที่ต้องอยู่กันอย่างแออัดที่เรือนจำ Quezon City อยู่ทางเหนือของกรุงมะนิลา ในประเทศฟิลิปปินส์ โดยนักโทษมีจำนวนมากถึง 3,600 คน แต่ต้องมาอยู่รวมกันในห้องที่สร้างขึ้นเพื่อคน 800 คนเท่านั้น   นักโทษ 3600 คนอยู่รวมกันในเรือนจำที่สร้างขึ้นเมื่อ 60 ปีก่อน   พวกเค้าจะสลับกันนอนที่สนามบาสเกตบอล ตามขั้นบันได ใต้เตียง หรือบางทีก็นำผ้าห่มมาผูกเป็นเปลนอน แต่ทำไงก็ยังแออัดอยู่ดี ที่สำคัญเวลานอน พวกเค้าไม่สามารถยืดแขน ยืดขาได้อย่างเต็มที่ด้วย แค่ขบับนิดเดียวก็ไปชนกับคนอื่นแล้ว นอกจากที่นอนแล้ว ด้านอาหารการกินก็ไม่เพียงพอด้วย รายงานจากบางแห่งบอกว่า บางทีก็มีซากแมลงในอาหารอีกต่างหาก แต่พวกเค้าก็ต้องทนกับสภาพแบบนี้เพื่อความอยู่รอด   นักโทษนอนเบียดกันบนพื้นในเรือนจำ Quezon City   Raymund Narag อดีตนักโทษที่เคยติดคุกนาน 7 ปี ด้วยข้อหาฆาตกรรม (ซึ่งเขาอ้างว่าไม่ได้ทำ) ได้เขียนหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่งชื่อว่า ‘เสรีภาพและความตายในคุก’  โดยภายในหนังสือเล่มนี้ เขาได้เขียนเล่าประสบการณ์ตลอดที่อยู่ในคุกราวกับว่ากำลังเผชิญกับความตายทุกๆ นาที กิจวัตรประจำวันของพวกนักโทษก็คือ ออกกำลังกาย…

ทุกวันนี้การใช้ชีวิตนอกบ้านของคนส่วนมากกลายเป็นเรื่องยุ่งยากขึ้นกว่าสมัยก่อนมาก เพราะต้องพกทุกอย่างไปด้วยตั้งแต่ โทรศัพท์สมาร์ทโฟน สายชาร์จ คอมพิวเตอร์แลปทอป ปากกา สมุด เครื่องสำอาง (สำหรับคุณผู้หญิง) แน่นอน ข้าวของพวกนี้ไม่สามารถพกติดตัวได้อยู่แล้ว ทำให้เราต้องพกกระเป๋าใบหนึ่งไปด้วย ซึ่งบางทีก็เผลอลืมไว้ในร้านกาแฟบ้าง ในห้างบ้าง จนวุ่นวายกันไปหมด ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัท Creative Work Fashion’s จึงได้ออกแบบเสื้อโค้ท “Packable Parka” สุดเจ๋งขึ้นมา ที่สามารถใส่สิ่งของทุกอย่างได้ตั้งแต่อุปกรณ์การเขียนยันคอมพิวเตอร์แลปทอป เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบคนยุคใหม่ !!     โดยเจ้าเสื้อโค้ทอันนี้ จะมีช่องใส่สิ่งของมากมาย อยู่บริเวณด้านหน้า ซึ่งผู้ใช้งานสามารถใส่สมุด ปากกา โทรศัพท์ หรือว่าแทปเล็ตขนาด 10 นิ้วได้อย่างชิวๆ ส่วนด้านหลังก็จะมีช่องใส่คอมพิวเตอร์แลปทอปพร้อมสายชาร์จและอุปกรณ์อื่นๆ เรียกว่าสะดวกสบายๆ แบบสุดๆ ไปเลย   ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้งานยังสามารถพับเสื้อโค้ทให้กลายเป็นกระเป๋าถือ เพื่อความสะดวกในการหิ้วยามถอดออกก็ทำได้ง่ายๆ   นอกจากสียีนส์กรมท่าแล้ว ยังมีสีเหลือด้วยนะ   ใส่แล้วดูกิ๊บเก๋ไม่เบา   เราลองไปชมคลิปแนะนำของเขากันดูดีกว่า .  …

ที่ Omo Valley ทางตอนใต้ของเอธิโอเปีย มีคนกลุ่มหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติ แม้กระทั่งแฟชั่นต่างๆ ก็ต้องเป็นสิ่งของจากธรรมชาติทั้งสิ้น ทั้งการตกแต่งผมและใบหน้า พวกเขาคือชนเผ่า Surma และ Mursi นำต้นไม้ต่างๆ มาทำเป็นสีเพื่อแต่งแต้มลงบนใบหน้าให้ออกมาสวยงามและแตกต่างกันออกไป Hans Silvester ช่างภาพชาวเยอรมัน ก็ได้ไปเก็บภาพเหล่านี้มาเพื่อให้เราได้เห็นความงามของมนุษย์และธรรมชาติที่อยู่ด้วยกัน เมื่อตอนที่เขาได้เข้าไปเยือนเป็นครั้งแรกนั้น เขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้เห็นแฟชั่นการแต่งตัวที่เป็นของดั้งเดิมในที่แห่งนี้ เขาเลยตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่เพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิตและวัฒนธรรมต่างๆ เราไปชมภาพของเขากันเลย   . . . . . . . .   ที่มา sobadsogood

มีหลายคนที่แพ้เสน่ห์ และหลงใหลในความน่ารักของเจ้าเหมียว จนทำให้ตัวเองยอมตกเป็นทาสของมันไปแบบเต็มใจ และนั่นก็ทำให้ชีวิตของผู้ที่ขึ้นชื่อว่า “ทาสแมว” เปลี่ยนไปทันที ซึ่งในปัจจุบันเทรนด์การเลี้ยงนายท่านได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก ดูอย่างเช่นภาพที่เรานำมาให้ชมในวันนี้สิ…. หลายคนอาจจะคิดว่ามันดูแปลกๆ ที่ผู้คนนำแมวมาไว้บนหัว แต่นี่แหละคือเทรนด์การเลี้ยงแมวที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนี้…   จับแมวเหมียวมาทำเป็นหมวก มันอาจจะฟังดูแปลกๆ แต่มันเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงนะ   ถ้าคุณคิดว่ามันผิดปกติ บอกเลยว่าคิดผิดเป็นอย่างมาก   มันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด ที่ได้นำแมวมาไว้บนหัวแบบนี้…   แลดูเหมือนหมวกที่ทำจากขนสัตว์ยังไงยังงั้นเลย   แมวที่ได้รับแรงบันดาลใจจนกลายมาเป็นแฟชั่นหมวกสุดเก๋ สไตล์ชาวรัสเซีย   แมวหางยาว เป็นได้ทั้งผ้าพันคอ และที่คาดผม   ใส่หมวกแมวแล้วมาเซลฟี่กันดีกว่า   หมวกแมว คืออุปกรณ์เสริมที่ช่วยเพิ่มระดับความน่ารักให้กับคุณ   น่ารักสุดๆ ไปเลย   แม้ว่าจะดูน่ารักขนาดไหน แต่แมวก็คือแมวนะว่าไหม   เทรนด์หมวกแมวมาแรงจริงๆ   ไม่ได้เป็นแค่แฟชั่นน่ารักๆ เพียงอย่างเดียว แต่ยังให้ความอบอุ่นด้วยนะ   หมวกแมวเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากๆ ในฤดูหนาว   ขนฟูๆ ช่วยเพิ่มความอบอุ่น   อีกทั้งยังช่วยเพิ่มสมาธิให้กับพวกทาสอีกด้วย…

ยุคสมัยนี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักพี่ Mark Zuckerberg เจ้าของโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่าง Facebook ที่มีบัญชีผู้ใช้อยู่ทั่วโลกมากกว่า 1,590 ล้าน โดยสถิติจาก Statista ซึ่งนับว่ามากที่สุดในโลก!!! เรียกได้ว่าพี่แกมาแรงจนหยุดไม่อยู่แม้แต่ผู้กำกับดังอย่าง David Fincher ยังเอาเรื่องราวชีวิตของพี่มาร์กมาถ่ายทอดลงในหนังเรื่อง ‘The Social Network’ กันเลยทีเดียว     แล้วเคยสงสัยกันบ้างมั้ยล่ะว่า ณ เวลานี้ ตอนที่เรากำลังเปิดเฟซบุ๊คแล้วเลื่อนขึ้นๆ ลงๆ ดูเรื่องราวชีวิตของชาวบ้านเขาหน่ะ พี่มาร์กแกได้เงินเข้ากระเป๋าแบบง่ายๆ ชั่วโมงละเท่าไหร่กันนะ?   คำตอบที่ว่านั้นก็ประมาณ 3.4 พันล้านดอลลาร์ คือจำนวนเงินที่ไหลเข้าสู่กระเป๋าพี่มาร์กในช่วงเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น หลังจากที่ดัชนีหุ้นของเฟซบุ๊คเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจมาโดยตลอด แถมสำนักข่าว Mirror ยังรายงานอีกว่า ในอนาคตรายรับของชายคนนี้จะเพิ่มขึ้นสูงถึงประมาณ 56.7 พันล้านดอลลาร์เลยทีเดียว ด้วยรายได้ขนาดนี้ทำให้เค้าเป็นบุคคลที่ติดอันดับ 6 ของคนที่รวยที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของ Forbes     แล้วอะไรกันนะคือสาเหตุที่ทำให้พี่มาร์กของเรามั่งคั่งได้ขนาดนี้? ก็เพราะว่าหุ้นของเฟซบุ๊คพุ่งทะยานสูงขึ้นมากถึง 6.5% ภายในไม่กี่ชั่วโมงด้วยเงินลงทุน 131.40 ดอลลาร์ หลังจากที่บริษัทได้ออกมาแถลงด้วยตัวเองว่ายอดรายได้นั้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ซะอีก แถมในไตรมาสที่สองของตลาดหุ้นพี่มาร์กยังสร้างรายรับได้มากกว่าเดิมถึง 6.44 พันล้านดอลลาร์ เกินกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะได้เพียง 6.02…

เราคงเคยได้ยินมาบ้างเกี่ยวกับเด็กที่เกิดมาพร้อมความผิดปกติทางร่างกาย เช่นเดียวกับ Bayezid Hossain หนูน้อยวัย 4 ขวบ จากบังคลาเทศคนนี้ ที่เกิดพร้อมกับร่างกายที่แก่เกินอายุ จนบางคนคิดว่าเขาเป็นคนแก่อายุ 70-80 ปีซะอีก   Bayezid Hossain   คุณหมอ Debashis Bishwas จากโรงพยาบาล Magura Central บอกว่า โรคที่เค้าเป็นนั้นคือ Progeria ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่หายากมาก โดยเด็กจะมีรอยหิ้วย่นตั้งแต่อายุยังน้อย ส่งผลให้ปัสสาวะลำบาก ฟันไม่แข็งแรง ปวดตามข้อต่อ และที่น่าเศร้าที่สุดคือ เขาสามารถมีอายุได้มากสุดแค่ 15 ปีเท่านั้น   Tripti Khatun แม่ของเด็กชายคนนี้คลอดเขาตอนเธออายุ 14 ปี เธอบอกว่า “ครั้งแรกที่เห็นหน้าเค้า ยอมรับนะคะว่าฉันเองก็ผวาไม่น้อยเลย และทุกวันนี้ฉันก็ยังทำใจไม่ได้ที่ต้องเห็นเค้าในสภาพนี้”   นอกจากร่างกายที่ผิดปกตินี้แล้ว เค้ายังต้องเจอกับความเจ็บปวดทางใจ  เนื่องจาก Bayezid ไม่สามารถใช้ชีวิตเหมือนเด็กคนอื่นๆ ได้ เพราะเด็กคนอื่นๆ ต่างก็กลัวเขาทั้งนั้น ทั้งนี้พวกเค้าได้เสียเงินกับการรักษาเด็กชายคนนี้ไปเกือบ 200,000 บาท แต่ก็ไม่ช่วยทำอะไรดีขึ้นเลย มีแต่แย่ลง ทางแพทย์เองก็บอกว่าหมดหนทางที่จะช่วย เพราะพวกเค้าก็ไม่เจอเด็กที่เป็นโรคแบบนี้มาก่อน…

ชีวิตในวัยเด็กย่อมเป็นอะไรที่สุขสบายเสมอ งานก็ไม่ต้องทำ ไม่มีเรื่องเครียดๆให้น่าปวดหัว แถมยังเล่นได้ทั้งวันทั้งคืนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยอีกต่างหาก เชื่อว่าถ้าเป็นไปได้ใครๆก็อยากจะย้อนไปอยู่ในวัยเด็กให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้ สาว ‘Jess’ ผู้นี้ก็เช่นกันเพราะถึงแม้อายุเธอจะ 21 แล้วแต่เธอก็ยังหลงใหลกับการใช้ชีวิตให้เหมือนอยู่ในวัยแบเบาะซะเหลือเกิน เราไปทำความรู้จักกับเธอให้มากขึ้นกันเลยดีกว่า..   คงไม่มีเสื้อผ้าสำหรับทารกที่ออกแบบมาให้ผู้ใหญ่ใส่ได้ ดังนั้นเธอก็เลยต้องออกแบบและสั่งตัดด้วยตัวเอง   เธออาศัยอยู่กับแฟนหนุ่มวัย 24 ปี ที่เมือง Lakeland รัฐ Florida “มันช่วยเติมเต็มชีวิตในวัยเด็กของเธอที่ขาดหายไป” David แฟนหนุ่มกล่าว   ทุกๆคืนเธอจะนอนหลับในเปลไม้ขนาดใหญ่ ใส่ผ้าอ้อม และมีตุ๊กตาเด็กเล็กเรียงรายอยู่เต็มไปหมด   ในวัยเด็กเธอเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ ทำให้ชีวิตในช่วงนั้นไม่เป็นที่น่าจดจำเท่าไหร่นัก แต่ปัจจุบันการได้ทำสิ่งเหล่านี้ช่วยให้เธอหายจากอาการวิตกกังวล และความเครียดที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กได้ดีกว่าการทำสมาธิหรือใช้ยารักษาซะอีก   ส่วนแฟนหนุ่มของเธอเองก็มีความสุขกับสิ่งที่เธอเป็นเช่นกัน   ส่วนอาชีพของเธอก็คือพี่เลี้ยงเด็กนั่นเอง มั่นใจได้เลยว่าผู้ปกครองคนไหนที่ฝากลูกไว้กับเธอเด็กๆต้องมีความสุขแน่นอน   “นี่คือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับตัวฉัน เพื่อช่วยทดแทนช่วงเวลาดีๆที่ขาดหายไปในวัยเด็กอีกและฉันก็สามารถที่จะเล่นอะไรก็ได้ที่ตอนวัยเด็กไม่มีโอกาสได้เล่นอีกด้วย” เธอกล่าว   แฟนหนุ่มกำลังอุ้มเธอออกจากเปล ทุกอย่างเหมือนว่าเธอคือเด็กทารกคนหนึ่งจริงๆ   เธอปัสสาวะในแพมเพิร์สเหมือนกับตอนเป็นเด็กทุกอย่าง   “มันทำให้ฉันรู้สึกสนุกและน่ารัก ถ้าในวัยเด็กฉันได้มีชีวิตปกติเหมือนคนอื่นๆ ฉันก็คงอยากจะมีไลฟ์สไตล์แบบนี้อยู่ดี” เธอกล่าว   ทั้งคู่เล่นตุ๊กตาและเก็บสะสมของเล่นเด็กไว้อย่างมากมาย…

ในโลกนี้ มีสิ่งมหัศจรรย์มากมายที่เรายังไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น และการที่เราได้เห็นภาพน่าทึ่งต่างๆ ส่วนหนึ่งก็มาจากสิ่งที่เรียกว่า กล้องถ่ายรูป ที่ทำให้เราได้เห็นสิ่งที่คาดไม่ถึง หรือไม่สามารถไปเห็นด้วยตาตัวเองได้ วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง ก็เลยนำภาพน่าทึ่งของโลกมาฝากเพื่อนๆ ไปดูกันดีกว่าว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง   1. สะพานแห่งหนึ่งที่ถ่ายจากมุมสูงโดยด้านข้างนั้นเป็นแม่น้ำที่เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็ง   2. ห้องนอนใต้น้ำในโรงแรมแห่งหนึ่งที่ดูไบ   3. ทางเดินกระจกริมหน้าผา ความสูง 1,430 เมตร ที่ประเทศจีน   4. ทะเลสาบ Melissani ประเทศกรีซ ถือเป็นหนึ่งในสถานที่น้ำใสอันดับต้นๆ ของโลก   5. ถนนที่ตัดผ่าน Death Valley ประเทศสหรัฐอเมริกา   6. เงาเครื่องบินสะท้อนผ่านชั้นหมอก ที่สนามบิน Logan ในบอสตัน   7. โบสถ์บนต้นโอ๊คอายุนับพันปี ที่ประเทศฝรั่งเศส   8. ภาพที่เกิดจากการลากเส้นตรงทั้งหมด   9. คอนเซปสระว่ายน้ำกระจกใส ระหว่างตึก 2 ตึก ในลอนดอน   10.…

ใครว่าหุ่นดีต้องผอม ต้องบาง อ๊ะๆ ไม่เสมอไปนะจ๊ะ เพราะบางคนก็ชอบแบบหุ่นนักกีฬา บึกบึน แข็งแรง แต่กับบางคนไม่ว่าหุ่นจะเป็นยังไงก็ช่างมัน ขอแค่เราภูมิในความเป็นเราก็พอแล้ว…. เช่นเดียวกับแฟชั่นบล็อกเกอร์สาวคนนี้ที่มีความโดดเด่นมากที่สุดในโลกคนหนึ่ง เธอคนนี้คือ Nadia Aboulhosn ผู้เป็นเจ้าของหุ่นอวบที่มาพร้อมกับความมั่นใจ และยังได้ถ่ายรูปลงนิตยสารแฟชั่นมาแล้วนับไม่ถ้วน     โดยเธอไม่เคยคิดจะลดความอ้วนเลย เพราะเธอคิดว่า เราควรจะมีความภูมิใจในรูปร่างของเรา เป็นตัวของตัวเอง ดีกว่าทำตัวให้ผอมตามกระแสทั้งที่ไม่ใช่ตัวตนของเราเลย ในบล็อกของเธอนั้น เธอได้โพสต์รูปตัวเองทุกวันเพื่อแสดงให้เห็นว่า เราสามารถดูดีได้ ไม่ว่าหุ่นเราจะเป็นแบบไหนก็ตาม และมันไม่สำคัญว่าคุณจะน้ำหนักเท่าไร อ้วนแค่ไหน แต่สิ่งสำคัญคือ คุณมีความมั่นใจหรือเปล่า??     ใครทื่อยากติดตาม สามารถเข้าไปได้ในอินสตาแกรม nadiaaboulhosn . . . . . . . . . . . .   เธอหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่สำหรับใครหลายคนได้เลยนะ     ที่มา brightside

เมื่อกล่าวถึง “นิวซีแลนด์” ใครๆ ก็รู้จักประเทศนี้กันทั้งนั้น เนื่องจากมีความโดดเด่นในด้านภูมิทัศน์อันสวยงาม เป็นเมืองที่สะอาด ปลอดภัยและมีชีวิตชีวา ยิ่งถ้าหากใครที่เคยไปเยือนมาแล้วละก็ เชื่อเถอะว่าไม่มีใครกล้าปฏิเสธความงดงามได้อย่างแน่นอน นอกจากสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว นิวซีแลนด์ยังเป็นแลนด์มาร์คสำคัญ ที่มีสถานที่แปลกหูแปลกตาให้เราได้ไปท่องเที่ยว และได้สัมผัสอีกมากมาย อีกทั้งยังเป็นสถานที่ถ่ายทำของ The lord of the ring และ The hobbit อีกด้วย   มากไปกว่านั้นยังมีถนนที่ชื่อว่า “Baldwin Street” ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Dunedin ทางตอนใต้ของนิวซีแลนด์ เป็นถนนที่ดูแปลกตา และมีความลาดชันเป็นอย่างมาก   ถนนที่ลาดขันแห่งนี้ ถูกสร้างด้วยคอนกรีตอย่างหนา แทนการสร้างด้วยยางมะตอย เพื่อป้องกันไม่ให้ละลายในหน้าร้อน   ที่สำคัญ นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ถนนที่มีความลาดชันเพียงอย่างเดียว แต่มันยังเป็นสถานที่ที่ถูกนำมาใช้จัดงานการแข่งขันวิ่ง “Baldwin Street Gutbuster” ที่บรรดานักวิ่งทั้งหลายมักจะพากันมาประชันฝีเท้า ในการวิ่งขึ้นเนินที่แสนจะลาดชัน และยังต้องวิ่งกลับลงมาอีกด้วย     ความลาดชันของ Baldwin Street ทำให้ทาง Guinness World Records…

เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราเพิ่งจะมีโอกาสได้ชมภาพยนตร์เรื่องเมาคลีลูกหมาป่ากันไป ตัวหนังเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กคนหนึ่งที่ต้องอาศัยอยูในป่าร่วมกับสัตว์ชนิดต่างๆ จนสามารถสื่อสารกับสัตว์และกลายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เรื่องราวเหล่านี้อาจจะดูเป็นเรื่องที่เหนือจริงและไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่#เหมียวฟิ้นขอบอกเลยว่าเหตุการณ์แบบเมาคลีได้เกิดขึ้นจริงๆ แล้วในโลกแห่งความเป็นจริง     เรื่องที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของเด็ดหนุ่มชาวอินเดียที่ชื่อว่า Surendera Kumar หรือชื่อเล่นว่า Golu วัย 20 ปี อาศัยอยู่ในรัฐฉัตติสครห์ ประเทศอินเดีย เขามักจะเดินเข้าไปในป่าเพื่อเล่นกับลิงและสัตว์น้อยใหญ่ต่างๆ ไม่เคยหวาดกลัวกับสัตว์ที่เดินเตรดเตร่อยู่ในป่าเลย แถมยังเชี่ยวชาญเรื่องการปีนป่ายต้นไม้ด้วยนะ   แต่นั่นก็ดูจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ เพราะแม่แท้ๆ ของเขาอย่างนาง Pancho Bai วัย 40 กลับไม่เห็นด้วยที่ลูกชายออกไปเดินเล่นในป่า เพราะอาจจะได้รับอันตรายจากความใกล้ชิดกับสัตว์ป่าก็เป็นได้ นาง Pancho กล่าวว่า “เขาเตร็ดเตร่ไปทั่วป่า ฉันเลยไปลากเขากลับมาบ้าน ฉันเห็นเขาเล่นซ่อนแอบกับลิงและวิ่งไล่จับกับพวกมันไปทั่ว ฉันมักจะเห็นเขาแสดงพฤติกรรมแบบลิง” “ขนาดที่ว่าชาวบ้านในหมู่บ้านเดินตามลูกของฉันเข้าไปในป่าเพื่อตามหากอริลล่าเลย เขาดูมีความผูกพันธ์กับสัตว์ ฉันเชื่อว่านั่นทำให้เขาไม่เคยโดนสัตว์ทำร้ายเลย”   ทั้งนี้แม่ของนาย Golu ยังเผยถึงเรื่องราวในช่วงที่ลูกชายเป็นเด็กว่า เขาเกิดมาพร้อมกับความผิดปกติของโครงหน้า แม้จะแปลกตากับเด็กๆ ในหมู่บ้านสักหน่อย แต่ตอนนี้พวกเขาก็ชินกันแล้ว และเล่นด้วยกันเป็นปกติ นอกจากนี้แล้ว Surendera Kumar ยังมีพี่สาวอีกคนหนึ่งที่ชื่อว่า Rajeshwari วัย 25 ปีด้วย…

อย่างที่เรารู้กันว่าตอนนี้สถานการณ์ในสำนักนายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษกำลังครุกกรุ่นไปด้วยไฟสงคราม หลังจากที่เจ้าเหมียว Larry แห่งบ้านนายก กับเจ้าเหมียว Palmerston แห่งกระทรวงต่างประเทศ เปิดศึกกันอย่างดุเดือด     และทั้งคู่ก็ได้ประมือกันมาแล้วเมื่อไม่กี่วันมานี้และพบว่าเจ้า Palmerston เป็นฝ่ายชนะไป และเจ้า Larry ก็ได้รับบาดเจ็บถึงกับต้องพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเลยทีเดียว สงครามยังไม่หยุดอยู่แค่นี้…ทั้งคู่จะต้องได้ประมือกันอีกครั้งในอนาคตแน่นอน แล้วเจ้า Larry จะเอาคืนได้หรือไม่? หรือเจ้า Palmerston จะย้ำแค้นได้อีกครั้ง ก็ต้องติดตามกันต่อไป     แต่ล่าสุด!!! ท่านรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง Philip Hammond ก็ได้รับเจ้าเหมียวตัวใหม่เข้ามายังที่ทำการกระทรวงการคลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว งานนี้ต้องขอบอกเลยว่าสงครามบนสนามหญ้าในสำนักนายกฯ ของอังกฤษยิ่งน่าจับตามองขึ้นไปอีก!!     เจ้าเหมียวตัวนี้มีชื่อว่า Gladstone (ตั้งตามชื่อของอดีตนายกรัฐมนตรี Willian Ewart Gladstone) และมันจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นแมวจับหนูที่ตึกกระทรวงการคลังนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป     ก่อนหน้าที่มันจะมาอยู่ที่นี่มันเคยใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบากและหิวโหยบนถนนในกรุง London มาก่อน หลังจากนั้นมันก็ถูกช่วยเหลือไว้โดยศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Battersea Dogs and Cats Home      ก่อนที่จะถูกเสนอหน้าที่แมวไล่จับหนูให้โดยท่านรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง มีค่าแรงคืออาหารวันละ 3…

พูดถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในบ้านเราแล้ว ก็คงต้องนึกเด็กหอกันล่ะสิ ก็แหม่ นอกจากทำง่ายแล้ว ยังอยู่ท้องอีกด้วย ว่าแต่ เราเคยกินมากที่สุดกี่ห่อเอ่ย?? แต่สำหรับหนุ่มนักดับเพลิงชาวจีนคนนี้ อย่านับเป็นห่อเลย เพราะเค้าไม่ทานเป็นชามหรือเป็นถ้วยเหมือนเรา แต่พี่แกเล่นทานเป็นกาละมังละจ้าาา เขามีชื่อว่า Bu Wenming กำลังอยู่ในช่วงฝึกงาน และในวันนั้นก่อนทานบะหมี่กึ่งฯ เขาได้ฝึกอย่างหนักร่วมกับเพื่อนๆ เป็นเวลากว่า 2 วัน แบบไม่ได้พักเลย และเมื่อเขาได้กลับมาที่สถานีดับเพลิงเท่านั้นแหละ เขารีบเข้าครัว และต้มมบะหมี่กึ่งฯ ใส่กาละมัง แล้วก็โซ้ยจนหมดทั้งเส้นทั้งน้ำ โอ้วววว!!     เพื่อนๆ ที่อยู่ด้วยก็ได้ถ่ายรูปเขาแล้วโพสต์ลงโซเชียล จนถูกกระหน่ำแแชร์มากมาย Bu Wenming บอกว่า “ผมไม่ใช่คนประหลาดนะ แต่วันนั้นผมหิวมาก เพราะทำงานอย่างหนัก ผมเลยต้องกินเยอะๆ จะได้เป็นการเพิ่มพลังครับ”     และเมื่อภาพเขาถูกแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตมาคอมเม้นมากมาย เช่น “ทำงานหนักขนาดนี้ ได้กินแค่บะหมี่เหรอ แม่ครัวน่าจะทำอาหารอย่างอื่นให้เค้าด้วยนะ” “แหม่ น่าจะใส่ไข่ด้วยนะ…พวกเค้าคอยช่วยผู้คน น่าจะมีคนทำอาหารเตรียมไว้ให้พวกเค้านะ…” เป็นต้น   . . .   จัดไปค่ะ…

ในโลกนี้มีเด็กมากมายที่เกิดมาจากพ่อแม่ที่ไม่พร้อม จึงเป็นปัญหาเด็กถูกทิ้ง ถูกเอาไปฝากไปกับคนอื่นบ้าง บางคนไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้รู้ว่า พ่อแม่ของตัวเองนั้นเป็นใคร วันนี้เราจึงนำเรื่องราวสุดซึ้งของเด็กคนหนึ่งที่ถูกทิ้งหลังจากลืมตาดูโลกเพียงแค่ 1 ชั่วโมง เธอคนนี้คือ Kiren Sheikh เธอเกิดจากแม่ที่ไม่พร้อมเลี้ยงเธอ โดยหลังจากคลอดแล้ว แม่ของเธอก็นำเธอใส่กระเป๋าไปหนึ่งแล้วเดินไปที่ตู้โทรศัพท์เพื่อโทรหาสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าให้มารับตัวเธอไป     แต่แล้วมีชายคนหนึ่งชื่อ Joe Campbell วัย 30 ปี อยู่ที่ Forest Gate ทางตะวันออกของลอนดอน ได้สังเกตเห็นกระเป๋าใบหนึ่งในตู้โทรศัพท์ ตอนแรกคิดว่าเป็นกระเป๋าที่เต็มไปด้วยมันฝรั่งทอด แต่ที่ไหนได้ กลับพบร่างของเด็กน้อยอยู่ในนั้น เขาจึงรีบไปแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ พร้อมเสนอตัวขอรับเลี้ยง Sheikh ทันที แต่ข้อเสนอนั้นถูกปฏเสธ เพราะเขายังไม่ได้แต่งงานนั่นเอง แต่อย่างไรเค้าก็ยังคงคิดถึงหนูน้อยคนนี้เสมอ จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ ในขณะที่ Campbell อายุ 50 แล้ว เพื่อนร่วมงานของเขาได้นำข่าวจากเว็บไซต์เมโทรให้ดู ซึ่งในข่าวนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังตามหาผู้ชายที่ชื่อ John หรือ Joe Campbell เขารู้ทันทีว่าต้องใช่เขาแน่ๆ จึงรีบติดต่อไปยังสำนักข่าวเพื่อขอพบเธอทันที     “มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อมาก ที่ฉันจะได้เจอเขาอีกครั้ง” Sheikh บอกกับสำนักข่าวเมโทร “เพราะเขาเป็นฮีโร่ของฉัน” . .…

ภาวะการขาดแคลนอาหารนั้น เรามักจะพบเมื่อต้องเจอกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่ที่ประเทศเวเนซุเอลา พวกเค้าต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างหนัก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ประชากรต้องต่อแถวเป็นชั่วโมงเพื่อซื้ออาหารในซุปเปอร์มาร์เกต ถ้ามนุษย์ขาดแคลนขนาดนี้ แล้วพวกสัตว์ล่ะ จะอยู่กันยังไง?? เมื่อวันที่ 28 กรกฏาคม 2559 ทางเว็บไซต์เมโทร ได้เปิดเผยเรื่องที่น่าหดหู่ว่า ภายในหกเดือน มีสัตว์กว่า 50 ตัวในสวนสัตว์ Caricuao ประเทศเวเนซูเอล่า ที่ต้องอดอาหารตาย บางตัวก็ไม่ได้กินอาหารถึง 2 อาทิตย์ ในขณะที่สัตว์ที่เหลือกำลังพยายามดิ้นรนกับความหิว และสัตว์เจ้าป่าอย่างสิงโต ก็ถูกเปลี่ยนอาหารจากเนื้อสดเป็นฟักทองและมะม่วง   เสือก็เช่นกัน…   Marlene Sifontes ผู้นำสหภาพแรงงานที่ดูแลสวนสัตว์นี้ บอกว่า “เรื่องราวของสัตว์ในสวนสัตว์ Caricuao มันก็เหมือนกับความทุกข์ยากคนในเวเนซุเอลาเนี่ยแหละ”   ไม่ว่าจะเป็น หมูเวียดนาม สมเสร็จ กระต่ายและนก พวกมันก็กำลังเผชิญกับความหิว และทยอยตายไปทีละตัวสองตัว . .   เห็นแบบนี้ ก็ได้แต่หวังภาวะเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวเร็วๆ นะ พวกสัตว์จะไม่ต้องทนกับสภาพแบบนี้ ที่มา metro l bbc

มนุษย์เราเกิดมาคู่กับความฝันในสิ่งที่อยากจะทำกันตั้งแต่เด็กจนโต บ้างก็ฝันอยากจะเป็นนักดนตรีชื่อดัง ฝันอยากจะเป็นคุณหมอ นายกฯ หรือแม้แต่ อยากจะมีบ้านมีครอบครัวอันแสนอบอุ่นก็นับว่าเป็นความฝันเช่นเดียวกัน แต่คงไม่มีฝันของใครที่จะโดดเด่นและยิ่งใหญ่ไปกว่าความฝันของเด็กชาย ‘Ethan’ ที่อยากจะเป็นฮีโร่คอยจัดการกับขยะบนท้องถนนให้แก่เมืองที่เค้าอาศัยอยู่นั่นเอง เราไปทำความรู้จักกับฮีโร่น้อยคนนี้กันเลยดีกว่า..   เด็กหนุ่มคนนี้เค้าเกิดมาโดยมีโรคซิสติก ไฟโบรซิส เป็นโรคประจำตัวคู่มาด้วย(โรคพันธุกรรมชนิดหนึ่งส่งผลให้เกิดโรคที่ปอดและระบบทางเดินได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะตับอ่อน) แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญของตัว Ethan เลยแม้แต่น้อย เพราะคงไม่มีเด็กคนไหนที่จะหลงใหลในรถเก็บขยะเท่า Ethan อีกแล้ว “ทุกๆครั้งที่เค้าได้ยินเสียงของรถเก็บขยะข้างนอก เค้าจะตื่นเต้นมากเป็นพิเศษและอยากจะออกไปช่วยพี่ๆพนักงานเหล่านั้น” Ken พ่อของเขากล่าว   แม้แต่ในวันคริสมาสตร์ที่เด็กผู้ชายหลายๆคนอาจจะชอบสะสมรถของ G.I. Joe หรือ Hot Wheels แต่สำหรับ Ethan แล้วเขาเลือกที่จะขอของขวัญเป็นคอลเล็คชั่นรถบรรทุกขยะทั้งหลาย “เขามักจะหมกตัวอยู่กับการเล่นรถบรรทุกขยะทั้งวัน บางทีก็นำเศษกระดาษหรือเศษขยะชิ้นเล็กๆใส่ลงไปในของเล่นและนำมันไปทิ้งในถังขยะจริงๆ” พ่อของเขากล่าว “โตขึ้นผมอยากจะเป็นคนเก็บขยะ มันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากๆเลยละฮะ” Ethan กล่าว   หลังจากนั้นเรื่องนี้ก็ได้เข้าไปถึงหูของมูลนิธิ Make-A-Wish (ทำฝันให้เป็นจริง) ร่วมมือกับสำนักงานจัดการของเสียในเมือง Sacramento รัฐ California ที่ช่วยกันทำให้ฝันของ Ethan เป็นจริง   จู่ๆวันหนึ่งประชาชนจำนวนมากและทีมนักข่าวต่างก็ออกมารวมตัวกันเซอไพรส์ Ethan ที่หน้าโรงเรียนอนุบาลเพื่อเป็นกำลังใจให้กับหนุ่มน้อยคนนี้ (คุณพ่อก็ใส่ชุดฮีโร่กับลูกด้วย…

เวลาเหล่ามิจฉาชีพเลือกเหยื่อ พวกเขามักจะเลือกเหยื่อที่เป็นหญิงสาวหรือคนที่ดูอ่อนแอ ยิ่งเป็นหญิงสาวที่กำลังอาบแดดในชุดบิกินี่ ยังดูเป็นเหยื่อที่ง่ายต่อการรังแกมากขึ้นไปอีก แน่นอน สำหรับโจรกระจอกชาวสวีเดนคนนี้ ก็ใช้หลักการทำนองเดียวกันนี้ในการเลือกเหยื่อ เขาจึงพยายามขโมยโทรศัพท์จากหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังอาบแดดอยู่ แต่ดูเหมือนว่า โชคจะไม่เข้าข้างเขาซักเท่าไหร่ เพราะเหยื่อของเขานั้น ดันเป็นตำรวจหญิงจอมแกร่งที่กำลังพักผ่อนอยู่!!     เรื่องราวเกิดขึ้นที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งในเมืองสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อตำรวจหญิง Mikaela Kellner ผู้มีประสบการณ์ในการจับกุมคนร้ายมากว่า 11 ปี แถมยังเคยชนะการแข่งขันรายการ Ninja Warrior มาแล้ว กำลังนอนอาบแดดกับเพื่อนๆ ในชุดบิกินี่อยู่     ต่อมามีชายไร้บ้านคนหนึ่ง ทำทีเข้ามาคุยกับพวกเธอ และพอเขาจากไป หนึ่งในเพื่อนของเธอก็พบว่าโทรศัพท์มือถือของเธอหายไป Kellner รู้ได้ทันทีว่าคนร้ายต้องเป็นชายไร้บ้านคนเมื่อกี้แน่ๆ เธอจึงรีบสอดส่องสายตาไปรอบๆ และพบว่าชายไร้บ้านคนนั้นยังเดินไปได้ไม่ไกล เธอจึงรีบเดินไปหาชายคนนั้นทันที เมื่อชายไร้บ้านพบว่า เหยื่อของเขารู้ตัวแล้ว เขาจึงพยายามวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต แต่มีหรือที่แชมป์รายการ  Ninja Warrior จะปล่อยให้เขาหนีรอด สุดท้ายเขาก็โดนจับได้โดยละม่อมด้วยฝีมือของนายตำรวจหญิงท่านี้     ต่อมาคลิปเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ถูกแชร์ไปบนอินเตอร์เน็ตทั่วโลก ซึ่ง Kellner ก็ได้รับคำชื่นชมอย่างสูง ในการทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่ แม้จะไม่ได้อยู่ในเวลางานของตนเองก็ตาม     ภายหลังเธอได้ให้สัมภาษณ์ว่า ต่อให้ตอนนั้นเธอแก้ผ้าอยู่…

บางครั้งสิ่งที่เราเห็น ก็ไม่ใช่ความเป็นจริงเสมอไป บางครั้งเราอาจเห็นว่าคนคนนี้กำลังยิ้มหัวเราะ แต่จริงๆ เขาอาจจะไม่มีความสุขก็ได้ บางคนเป็นนักกีฬาออกกำลังกายจนกล้ามขึ้นเป็นมัดๆ แต่บางทีเขาอาจจะเป็นโรคร้ายอยู่ก็ได้ เช่นเดียวกับชายหนุ่ม Andrew Jones นักเล่นกล้ามคนนี้ ที่ดูภายนอกแล้วเขาก็คือนักกีฬาเล่นกล้าม แถมยังมีหุ่นที่ดีแบบสุดๆ แต่จริงๆ แล้วภายใต้เสื้อที่เขาสวมใส่นั้นมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เขาต้องใส่ติดตัวอยู่ตลอดเวลา นั่นเพราะว่าป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ     เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2012 เขาก็ออกไปวิ่งในตอนเช้าตามปกติเหมือนทุกวัน แต่จู่ๆ Jones ก็รู้สึกแปลกๆ ที่ปอดของเขา เหมือนกับว่ากำลังหายใจผ่านฟองน้ำหนาๆ ยังไงยังงั้นเลย เขาก็เลยหยุดวิ่ง แต่มันก็ยังไม่หายกลับมาเป็นปกติ เขาก็เลยตัดสินใจที่จะไปพบแพทย์โดยเร็วหลังจากผ่านไป 24 ชั่วโมงจากตอนที่พบว่ามีอาการแปลกๆ เขาได้รับการตรวจจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านหัวใจ และในที่สุดก็พบว่าเขาเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม หลังจากที่ทราบผลตรวจแล้วเขาก็คิดว่ามันคงไม่เป็นอะไร เขายังคงไปยิมและออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงเหมือนเช่นทุกที แต่ก็พบว่าอาการของเขาค่อยๆ แย่ลงเรื่อยๆ     การหายใจของเขานั้นติดขัดมากขึ้น ทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแอลง เขาสามารถยืนได้นานเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น และมีโอกาสที่จะเกิดอาการหัวใจล้มเหลวได้ตลอดเวลา เขาก็เลยตัดสินใจที่จะกลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ครั้งนี้คุณหมอบอกว่าเขาจะต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ด้วยความช่วยเหลือจากหัวใจเทียม เขามีชีวิตอยู่เพื่อรอคอยการบริจาคหัวใจ และแน่นอนว่าเขาก็ไม่ละทิ้งการฟิตเนสอีกด้วย     และด้วยการใช้หัวใจเทียมก็ทำให้เขาต้องใช้ชีวิตยากลำบากขึ้นมาอีก…

พื้นฐานของการตั้งรกรากนั้น ปัจจัยสำคัญที่สุดก็คงหนีไม่พ้นน้ำ เพราะมนุษย์เราขาดน้ำไม่ได้ แต่ด้วยสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และการเพิ่มจำนวนของประชากร ทำให้บางกลุ่มชนจำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีทรัพยากรเอื้ออำนวยสักเท่าไร เช่นเดียวกับหมู่บ้าน Wadi Dawan ในเยเมน ซึ่งกลายมาเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยว จากความมหัศจรรย์ของสถานที่ตั้ง บนภูเขาหินที่ยกสูงจากพื้นถึง 150 เมตร     โดยหมู่บ้านนี้ ตั้งอยู่สูงเหนือหุบเขาประมาณ 150 เมตร ซึ่งเป็นเมืองทะเลทรายในภาคกลางของเยเมน ในนี้มีประชากรหนาแน่น และบ้านเรือนนั้นก็สร้างทับซ้อนกันหลายชั้น เพราะเนื้อที่ที่จำกัดนั่นเอง แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ฝนที่ตกในหน้าร้อน ทำให้โครงสร้างของหมู่บ้านได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก พวกเค้าต้องใช้เวลานานพอสมควรในการบำรุงซ่อมแซม     แม้จะเป็นหมู่บ้านที่แห้งแล้ง และภูมิประเทศแปลกๆ แต่สถานที่แห่งนี้ ก็เป็นหมู่บ้านที่ขึ้นชื่อของเยเมน และเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่หลายๆ คนใฝ่ฝันอยากไปสักครั้ง   . . . .   บ้านเราที่ว่าร้อนแล้ว เจอแบบนี้เข้า ร้อนกว่าหลายเท่าแน่นอน แต่ก็น่าไปสักครั้งนะว่ามั้ย?? ที่มา boredpanda

ปกติแต่งสวนแต่งบ้าน เราก็มักจะแต่งให้ดูน่ารัก ดูแล้วสบายหูสบายตา ทำให้บรรยากาศบ้านน่าอยู่ยิ่งขึ้น หรือบางคนอาจจะแต่งแหวกแนวประหลาดๆ ซะหน่อยก็ไม่ว่ากันเพราะเป็นความชอบส่วนตัว แต่ที่ว่าประหลาดเนี่ย ไม่รู้จะเท่ากับที่เราจะพาไปดูวันนี้หรือเปล่า สวนที่ว่านี้ไม่เหมือนที่เราเคยเห็นแน่นอน เพราะมันเต็มไปด้วยหินหน้าตาสยดสยองชวนขนลุก โดยทั้งหมดนี้เป็นผลงานของกลุ่มศิลปินชาวแคนนาดา ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังเรื่อง The Walking Dead, Dawn of the Dead, 28 days Later และ Pet Semetary     จากนั้นพวกเขาก็นำตัวละครนั้นมาสร้างเป็นตุ๊กตาคนแคระ ที่ทำจากหินอ่อนเพื่อเอามาแต่งสวนเล่นๆ แต่มันไม่ได้น่ารักอย่างที่เห็นในทีวีนะ เพราะมันคือคนแคระซอมบี้ ดูแล้วน่ากลัวจนไม่คิดว่าจะเอาแต่งสวนได้นะแบบนี้ แต่ว่าไม่ได้นะคะ เพราะนี่ไม่ทำเล่นๆ นะ ทำขายด้วยจ้าาา ในราคาตัวละประมาณ 1900 บาท สามารถเข้าไปช้อปได้ที่ร้านในเว็บ etsy มีให้เลือกมากมายนะขอบอก ยึ๋ยยย!!   แน่ใจนะว่า นี่คือตุ๊กตาแต่งสวน!!?   ไม่มีแล้ว กระต่ายที่น่ารัก ขี้อ้อน   อย่าเผลอไปเดินเล่นตอนกลางคืนเชียวละ หึๆ   ใครว่าไม่น่ารัก จับกินซะเลยหนิ   ตายแล้ว เจอแบบนี้กลางวัน…

บางครั้งเรื่องราวดีๆ นั้นก็ไม่เลือกเวลาเกิด เหมือนกับว่ามันคอยเวลาที่เราไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจแล้วก็เกิดขึ้นมาซะงั้น ซึ่งแน่นอนว่าใครก็ไม่ปฏิเสธที่จะรับมันไว้อย่างแน่นอน เช่นเดียวกับคู่รักชาวออสเตรเลียคู่นี้ ที่กำลังออกไปเดินป่าชมความงดงามทางธรรมชาติกันร่วมกับครอบครัว จู่ๆ พวกเขาก็ไปพบเข้ากับน้องหมาตัวหนึ่งหลงทางเข้ามาอยู่ในป่า แน่นอนว่าพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะช่วยมัน และพาไปตามหาเจ้าของ จึงเกิดเป็นเรื่องราวดีๆ ขึ้น   เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อคู่รักคู่หนึ่งชวนกันไปเดินป่าเพื่อชมธรรมชาติที่แสนสวยงาม ขณะที่ฝ่ายสามีกำลังพาคุณพ่อของฝ่ายภรรยาไปชมความงามของแอ่งหิน ก็พลันเหลือบไปเห็นตัวอะไรลอยตุ๊บป่องๆ อยู่ในน้ำ และในแอ่งนั้นมีระดับน้ำที่ลึกมากๆ เลยทีเดียว   พอเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่าเป็นเจ้าหมาตัวหนึ่ง แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันมาจากไหน หรืออาจจะเป็นหมาที่มีชีวิตอยู่ในป่า แต่นั่นไม่สำคัญ พวกเขาไม่คิดที่จะปล่อยให้มันผ่านไปโดยทิ้งไว้ให้ลอยคออยู่ในน้ำที่ลึกและเย็นแบบนี้แน่ๆ     ก็เลยช่วยกันหาไม้ท่อนใหญ่มาให้มันเกาะ แล้วก็ใช้เชือกโยนไปคล้องแล้วก็ลากมันขึ้นมา ซึ่งในตอนแรกนั้นมันก็ทำการดิ้นสู้เพื่อทำการป้องกันตัวเอง พอลากขึ้นมาบนพื้นปุ๊บมันก็วิ่งหนีไปซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ใกล้ๆ กับบ่อน้ำ และตอนที่มันวิ่งหนีไปฝ่ายภรรยาก็สังเกตเห็นว่ามันเป็นหมาเพศเมียที่ถูกทำหมันเรียบร้อยแล้ว ก็เลยทำให้เธอเชื่อว่ามันจะต้องเป็นหมาที่มีเจ้าของแน่ๆ     และก็ดูเหมือนว่ามันกำลังรู้สึกกลัว และโดดเดี่ยว ซึ่งมันอาจจะถูกเจ้าของทิ้งมาก็เป็นได้ จึงทำให้พวกเขาคิดว่าจะต้องช่วยเหลือมันให้ได้ ขณะเดียวกันในตอนนั้นเจ้าหมาตัวนั้นก็ไม่ได้รับรู้สึกถึงความหวังดีของพวกเขา จึงมีท่าทีที่ไม่ต้อนรับสักเท่าไหร่ พวกเขาคิดหาวิธีที่จะจับมันโดยไม่ให้หนีไปจากตรงนี้ เพราะรอบๆ นี้มีแต่ป่ารกเต็มไปหมด ไม่มีบ้านคนอยู่รอบๆ 5 กิโลเมตรจากตรงจุดนี้ และทางด้านหลังของมันก็เป็นหน้าผา ฉะนั้นทางเดียวที่มันจะออกไปจากจุดนี้ได้ก็คือกระโดดลงน้ำไปเท่านั้น     ขณะที่พวกเขากำลังลุยป่ารกๆ เข้าไปใกล้ๆ…

‘วันครบรอบวันเกิด’ ที่ในหนึ่งปีจะมีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หลายๆ คนก็คงอยากให้มันกลายเป็นวันที่พิเศษ แถมยังเป็นเรื่องที่พิสูจน์ถึงความเอาใจใส่ของคนรอบข้างที่มีต่อเราได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าในวันคล้ายวันเกิดนั้นเราจะต้องกลายเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด และถ้าหากไม่ได้รับความสนใจ หรือมีคนลืมวันเกิดของเราไปก็คงจะรู้สึกน้อยใจนิดๆ ได้เหมือนกัน ยิ่งเป็นคนที่สำคัญอย่างเช่นพ่อแม่หรือแฟนด้วยแล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกน้อยใจเข้าไปใหญ่เลย ฮร่า   เหมือนกับเจ้าหนุ่มน้อย Braheim วัย 12 ปีคนนี้ ที่คิดว่าคุณพ่อลืมว่าวันนี้เป็นวันเกิดของตัวเอง เขาก็เลยรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย จนถึงกับออกอาการซึมไปเลย คุณพ่อของเขา Devon Fowler อายุ 36 ปี ได้เล่าให้ฟังว่า ณ ตอนนั้นเขายังตกงาน ก็เลยทำให้สภาพทางการเงินในช่วงนั้นรัดตัวมาก   และก่อนหน้าที่จะถึงวันเกิดหนุ่มน้อย Braheim ที่มีความฝันอยากจะเป็นนักเบสบอลอาชีพในอนาคต ก็ได้เอ่ยปากขอให้คุณพ่อซื้อไม้เบสบอลให้ แต่คุณ Fowler ก็บอกลูกชายว่าเขาไม่มีเงินพอที่จะซื้อไม้เบสบอลมาตลอด เขารู้ว่าเจ้าลูกชายของเขานั้นอยากได้ไม้เบสบอลเป็นอย่างมาก ก็เลยตั้งใจที่จะซื้อมาเซอร์ไพรส์วันเกิดลูกชายซึ่งตรงกับวันที่มีการแข่งขันพอดี ในตอนแรกนั้นเขากะจะมอบให้หลังจากที่แข่งเสร็จแล้ว แต่เขาอดทนเห็นเจ้าลูกชายแสดงอาการผิดหวังต่อไปไม่ไหว ก็เลยเลือกที่จะเฉลยซะตอนก่อนขับรถไปส่งที่สนามแข่งซะเลย     และเขาก็ได้ถ่ายคลิปเหตุการณ์นั้นและเอามาอัพลงโซเชียลด้วย และปรากฎว่ากลายเป็นที่โด่งดังในโซเชียลเลยทีเดียว โดยมียอดคนเข้าชมถึง 25 ล้านคน มียอดไลค์ 453,000 ไลค์ และยอดแชร์ 285,000…

ถ้าหากจะพูดถึงเรื่องราวของ 2 คู่อริอย่าง Larry แมวสำนักนายกอังกฤษ และ Palmerston แมวกระทรวงการต่างประเทศ นี่ถือเป็นครั้งที่ 3 แล้วสินะ ที่เราได้มานำเสนอเรื่องราวของพวกมัน และถ้าหากใครได้ติดตามความคืบหน้าของเจ้า 2 ตัวนี้มาตลอดละก็ คุณจะรู้เป็นอย่างดีเลยว่า Larry กับ Palmerston มันถูกกันซะที่ไหนละ ป๊ะหน้ากันทีไรก็ขู่ฟอดๆ จะเล่นงานกันทู๊กกกกกกกกที   ก่อนอื่น เราไปย้อนความหลังกันสักนิด… – รู้จัก Larry แมวจับหนูประจำบ้านนายกอังกฤษ –  แมวสำนักนายก เปิดศึกกับ แมวกระทรวงการต่างประเทศ – สองแมวปะทะกันอีกครั้ง รอบนี้ได้แผล      ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2559 ทางสำนักข่าว Dailymail เจ้าเก่า ได้เผยเรื่องราวที่น่าสนใจของแมวผู้ดีอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้พวกมันไม่ได้มาต่อสู้กันเหมือนในคราวที่ผ่านมาหรอกนะ แต่ฝ่ายเจ้า Palmerston แมวจากกระทรวงการต่างประเทศเนี่ยสิ…จู่ๆ ก็แอบบุกเข้าบ้านเลขที่ 10 ถนนดาวน์นิ่งสตรีท สำนักนายกรัฐมนตรีซะงั้นอย่าง เอ…ชื่อนี้คุ้นๆ อ้าววว…นี่มันบ้านที่เจ้า Larry อาศัยอยู่นี่นา…

ถ้าพูดถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลก ก็คงหนีไม่พ้นยี่ห้อ “นิชชิน” เพราะเขาคือต้นตำหรับบะหรี่กึ่งสำเร็จรูปและเป็นเจ้าแรกของโลกด้วย แต่ถ้าใครเคยติดตามผลงานโฆษณาของนิชชินแล้วจะพบว่าแต่ละตัวที่ปล่อยออกมานั้นอลังการงานสร้างมากๆ มาแบบหลากหลายแนวซึ่ง #เหมียวสามสี ก็เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้ว (ดูได้ท้ายบทความ)   และเมื่อมีกี่วันนี้นิชชินก็ได้ปล่อยโฆษณาตัวใหม่ออกมา และยังคงคอนเซ็ปต์เดิม เพิ่มเติมคือความตื่นเต้นยิ่งขึ้น เป็นเรื่องราวของเด็กนักเรียนสาวซามูไร วิ่งแบบฟรีรันนิ่งเพื่อตามโจรขโมยนิชชิน อีกทั้งเราจะได้เห็นคนดังในคลิปมากมาย เราไปดูกันเลย   เป็นโฆษณาที่หลากหลายอารมณ์มากๆ ทั้งตื่นเต้นและซึ้ง หักมุม และจบด้วยอารมณ์แบบ WTF!!!   ถ้ายังไม่จุใจก็ลองไปดูโฆษณาตัวอื่นๆ ได้   ที่มา 日清食品グループ公式チャンネル

ในขณะที่เด็กๆ หลายคนบ่น ร้องให้เพราะไม่อยากไปโรงเรียน หรือบางคนไปแล้วก็โดดเรียน แต่ในอีกด้าน กลับมีเด็กที่ไม่มีโอกาสได้รับการศึกษาหรือสิ่งแวดล้อมที่ดีพอ เพราะปัญหาความยากจนของผู้ปกครอง โดย Thomas Meinicke ช่างภาพชาวต่างชาติ ได้ถ่ายรูปภายใต้โปรเจค Asphalt Dreams ซึ่งเป็นการถ่ายรูปของเด็กๆ ที่ต้องนอนข้างถนนในกรุงเทพ ท่ามกลางเสียง กลิ่นเหม็น และมลพิษต่างๆ เพื่อสะท้อนให้เห็นปัญหาสังคม และสภาพชีวิตอีกด้านหนึ่ง ที่มักถูกมองข้าม เนื่องจากพ่อแม่ของเด็กเหล่านี้ต้องขายของตามข้างถนน และพวกเค้าไม่สามารถจะส่งลูกเข้าศูนย์เด็กเล็กหรือโรงเรียนได้ จึงต้องดูแลกันเอง แต่จะอยู่บ้านดูแลก็ไม่ได้อีก ก็เลยต้องพาไปยังที่ทำงานด้วย   เด็กตัวน้อยๆ ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อตามพ่อแม่ไปทำงาน และไปหลับในทึ่ทำงานพ่อแม่ ซึ่งก็คือข้างถนน   ปกติการนอนนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะหากเราได้นอนหลับที่เพียงพอ ก็จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตตลอดทั้งวันนั้นด้วย ยิ่งกับเด็กๆ แล้ว พวเค้าควรใด้นอนในห้องนอน ที่เงียบสงบ มีอากาศถ่ายเทดี และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีมลพิษ แต่บางทีเพราะต้นทุนชีวิตที่ต่างกัน พวกเค้าจึงต้องนอนในสถานที่ที่ไม่สามารถเลือกได้   บางคนนอนบนเก้าอี้ บางคนนอนบนเปล บางคนหนึ่งในอ้อมกอดแม่ บางคนนอนในกล่อง หรือบางคนก็นอนบนพื้นเฉยๆก็มี โดยมีพ่อแม่คอยดูแลอย่างดี   พวกเค้าได้นอนในพื้นที่แคบๆ มีอาหาร เครื่องดื่ม และของเล่นเล็กน้อย   และดูเหมือนว่าพอพวกเค้าโตขึ้น…

เดี๋ยวนี้แค่มีกิ๊ก ก็สร้างปัญหาให้กับคู่รักไม่ใช่น้อยแล้ว ยิ่งหากใครมีเมียน้อยยิ่งสร้างความวุ่นวาย ถูกสังคมตราหน้าต่างๆ นาๆ ดังนั้น ค่านิยมของสังคมส่วนใหญ่นั้นคือ ต้องมีผัวเดียวเมีย ครอบครัวจึงจะแฮปปี้ แต่ไม่ใช่กับเขาคนนี้แน่ เพราะเขาคือชายมีเมียถึง 39 คน มีลูกอีก 94 มีหลานแล้ว 33 คน รวมคนในครอบครัวแล้ว 181 คน ซึ่งถือว่าเป็นครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลกเชียวละ ป๊าดดด!! แค่นี้ยังไม่พอ เขายังมีความมุ่งมั่นในการหาเมียไปเรื่อยๆ ด้วย แบบนี้ไม่หล่อไม่รวยทำไม่ได้นะเนี่ย อยากรู้จักซะแล้วสิ     ชายหนุ่มหล่อเลือกได้คนนี้คือชาวอินเดียที่มีชื่อว่า Ziona Chana เขาบอกอย่างเป็นปลื้ม “ผมรู้สึกโชคดีมาก เพราะนี่เหมือนเป็นของขวัญจากพระเจ้า ที่ทำให้ผมมีโอกาสได้ดูแลผู้คนมากมายขนาดนี้ และผมยังได้เป็นเสาหลักของครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยครับ”  นอกจากนี้เขายังเลือกแต่งงานกับผู้หญิงที่ฐานะยากจน เพราะจะได้เป็นการช่วยเหลือพวกเธอให้มีชีวิตที่ดีขึ้น     พวกเขาอาศัยรวมกันที่แมนชั่นแห่งหนึ่งที่มีจำนวนห้องถึง 100 ห้อง ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่บ้าน Baktawng รัฐ Mizoram ประเทศอินเดีย   ภายในนั้น จะเป็นห้องรวม ภรรยาแต่งละคนจะมีเตียงเป็นของตนเอง แต่การอยู่รวมกันมากขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องมีกฎระเบียบ นั่นคือผู้เป็นเมียหลวงจะเป็นคนแบ่งหน้าที่ให้กับเมียคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดบ้าน…

คุณอาจจะเคยเห็นผลงานศิลปะการเพ้นท์บนเรือนร่างมาแล้วมากมาย ซึ่งแต่ละผลงานนั้นก็ล้วนมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น การเพ้นท์ร่างกายแบบล่องหน รวมไปถึงการถ่ายทอดเรื่องราวที่น่าสนใจต่างๆ ผ่านศิลปะการเพ้นท์ และในวันนี้เราจะพาคุณผู้ชมทุก มารับชมภาพผลงานศิลปะการเพ้นท์ก้น ที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยเว็บไซต์ BuzzFeed จับมือเหล่าศิลปินมากหน้าหลายตา เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลหน้าร้อน โดยมีบรรดาชายหนุ่มสุดฮอตมาเป็นแบบ และช่วยสร้างสีสันอันร้อนแรงอีกด้วย     เพื่อเป็นการต้อนรับหน้าร้อน ต้องละเลงกันซะหน่อย   คือหน้าตาศิลปินแบบว่า ตั้งใจทำงานมาก .   สีสันสดใสมากจริงๆ   เพ้นท์เป็นภาพใบไม้ ดูสบายตาฝุดๆ   โอ้วววว ดูเซ็กซี่ และร้อนแรงมากกกกก   เอาเป็นว่า…เราขอให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับการชมภาพศิลปะการเพ้นท์น่ารักๆ บนก้นของหนุ่มๆ กันเลย . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .…

สำหรับนักดื่มตัวยงแล้ว ก็คงหลงใหลในการหาเบียร์ดีๆ มาดื่ม และวันนี้เราจะมายกระดับการดื่มของคุณด้วยเครื่องดื่มที่สกัดออกมาจากฉี่!! นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Ghent University ได้บอกเทคนิคการทำเบียร์ด้วยตัวเองซึ่งเป็นเทคนิคที่ชาวบ้านก็ใช้กัน อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดีอีกด้วย Sebastiaan Derese ผู้อยู่เบื้องหลังเทคนิคนี้ได้สร้างเครื่องที่จะสามารถเปลี่ยนฉี่ของเราให้กลายเป็นเบียร์ได้ เขาเล่าว่า “เราสามารถนำปุ๋ยและฉี่กลับมาใช้ใหม่ได้ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์”     โดยเจ้าเครื่องนี้จะเก็บฉี่ของเราไว้ในถัง แล้วก็ต้มด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ฉี่ที่ร้อนจะผ่านส่วนเยื่อที่ทำการแยกน้ำและสารต่างๆ จำพวกโพแทสเซียม ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส ออกจากกัน ซึ่งสารพวกนี้แหละที่สามารถเอาไปทำประโยชน์ได้ โดยเฉพาะปุ๋ย และในส่วนน้ำที่สกัดมานั้น ยังสามารถเอาไปทำเป็นเบียร์ดีๆ ได้ด้วย โดยทำการนำเครื่องสกัดที่ว่าไปตั้งในงานดนตรีและงานแสดงสดกลางแจ้ง เป็นเวลากว่า 10 วัน รวบรวมฉี่จากผู้เข้าร่วมงานได้มากถึง 1,000 ลิตรด้วยกัน และจะนำฉี่เหล่านี้ไปสกัดเป็นเบียร์อีกที (เรียกได้ว่าฉี่นั้นมีประโยชน์มากกว่าที่เราคิดจริงๆนะเออ)     Sebastian ยังเผยอีกว่าเจ้าเครื่องสกัดนี้ยังสามารถเอาไปติดตั้งตามสถานที่ต่างๆ ทั้งหรือข้างทาง เพื่อให้ฉี่ที่เป็นของเสียนั้นไม่ศูนย์เปล่า อีกทั้งเขายังหวังว่าเครื่องของเขานี้จะแพร่หลายไปทั่วโลกด้วย เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนน้ำดื่มในพื้นที่ห่างไกล ที่มา dailymail

ช่วงนี้หลายๆคนคงได้ทราบข่าวโศกนาฏกรรมสุดสลดที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นกันมาบ้างแล้ว เรื่องราวของนายซะโตะชิ อุเอะมะสึ วัย 26 ปี ผู้ที่ก่อเหตุบุกเข้าไปโจมตีใช้มีดไล่แทงผู้พิการจนเสียชีวิตกว่า 19 คน และบาดเจ็บสาหัสอีกกว่า 25 คน ที่สถานดูแลคนพิการในเมืองซะงะมิฮาระ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะก่อนหน้านี้เขาได้เขียนจดหมายไปให้ประธานสภาผู้แทนราษฏรเป็นระยะเวลานานกว่า 5 เดือนก่อนที่จะลงมือทำ เนื้อหามีการระบุถึงแผนการอย่างชัดเจนพร้อมเสนอข้อตกลงให้เป็นที่รับทราบ แต่อย่างไรก็ตามคงไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะกล้าทำให้โศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นจริงๆ   นายซะโตะชิ อุเอะมะสึ   สถานที่เกิดเหตุ   สำหรับเนื้อหาจดหมายที่เป็นภาษาญี่ปุ่น ก็ต้องขอขอบหยิบยกที่ทางเพจ  ‘นี่ห้องโชว์ไก่’ ได้แปลเอาไว้ซึ่งมีข้อความที่ครบถ้วนสมบูรณ์กว่า   และต่อไปก็สำหรับคนที่เข้าจากมือถือ ซึ่งอาจจะไม่เห็นโพสต์ด้านบน.. . .   จากการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าหลังจากที่เขาเขียนจดหมายนี้ส่งไปให้สภาผู้แทนราษฎรถึง 2 ครั้ง จนกระทั่งทางการมีการตอบรับด้วยการส่งเขาเข้ารักษาในโรงพยาบาลผู้ป่วยจิตเวช หลังจากนั้น เมื่อเดือนมีนาคมปีนี้ เขามีอาการดีขึ้นจึงถูกปล่อยตัวมา แต่กลับมาก่อเหตุที่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะลงมือทำจริงๆ คล้ายคลึงกับจดหมายที่เขาได้เขียนแผนการนี้เอาไว้นั่นเอง   พอได้เห็นข้อความในจดหมายแล้วก็ถึงกับอึ้งพูดไม่ออกเลยทีเดียว… ขอร่วมแสดงความเสียใจให้แก่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อในครั้งนี้อีกด้วย งานนี้ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการกฏหมายของญี่ปุ่นเค้าล่ะ ที่มา: Facebook นี่ห้องโชว์ไก่

นี่คือภาพของเจ้าของรางวัลดาราชาย-หญิงที่มีบั้นท้ายที่สวยที่สุดประจำปี 2016 … คงจะไม่ต้องบรรยายอะไรให้มากความ ไปชมภาพ (ก้น) สวยๆ กันเลย!!   นักแสดงสาวชาวอังกฤษ Jennifer Metcalfe อายุ 33 ปี ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ บั้นท้ายที่สวยที่สุดประจำปี 2016 ด้วยคะแนนโหวตออนไลน์ที่สูงที่สุดถึง 10,000 คะแนน . . .   เปรี๊ยะมั้ยล่ะ !? นักแสดงสาว Jennifer เผยว่าเคล็ดลับในการรักษาหุ่นสวยของเธอ มีเพียงแค่การออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นประจำเท่านั้นเอง   เธอยอมรับว่าเธอรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่เธอได้รางวัลนี้ เธอต้องขอขอบคุณคุณแม่ของเธอ Mary ที่ทำให้เธอเกิดมามีบั้นท้ายสวยๆ แบบนี้!! . . .   ในโอกาสนี้ เธอก็ได้ฝากแง่คิดดีๆ ไปถึงสาวยุคใหม่ทุกคนว่า อย่าไปวิตกกับเรื่องรูปร่างมากนัก ให้พอใจในสิ่งตัวเองมี และใช้ชีวิตให้มีความสุขก็พอ มาต่อกันที่ทางด้านดาราฝ่ายชายที่มีบั้นท้ายที่สวยที่สุดกันบ้าง พวกเราก็คงจะคุ้นหน้าคุ้นตาเค้ากันเป็นอย่างดี…   ดาราฝ่ายชายที่ได้รางวัลนี้ได้แก่ Tom Hiddleston วัย 35 ปี หวานใจของนักร้องสาวซุปเปอร์สตาร์ Taylor Swift นั่นเอง!! จากการโชว์บั้นท้ายขาวๆ…

วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็อยากเสนอเรื่องราวของพ่อค้ายารายใหญ่ระดับโลกคนหนึ่ง Daniel Barrera Barrera หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘Loco’ หรือที่แปลง่ายๆ ว่า ‘ไอ้คนบ้า’ นั่นเอง ถึงจะมีชีวิตดีที่สุขสบาย แต่เขาก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ตลอด!!!   แต่สุดท้ายถึงจะยิ่งใหญ่และร่ำรวยขนาดไหน ชะตากรรมของพ่อค้ายาหลายๆ คนก็เหมือนกัน นั่นคือถูกจับนั่นเอง…   ผู้พิพากษาตัดสินโทษจำคุกเค้าเป้นเวลา 35 ปีเต็ม มีค่าปรับ 10 ล้านเหรียญ และค่าเสียหายในความผิดที่เขาก่ออีก 10 ล้านเหรียญเช่นกัน รวมเป็น 20 ล้านเหรียญ (ราวๆ 700 ล้านบาท)   รายได้หลักของ Barrera นั้นมาจากการค้าขายโคเคนบริสุทธิ์ราวๆ 5,000 กิโลกรัมต่อเดือน ทำเงินให้เขาได้เดือนละหลายสิบล้านเหรียญมาตั้งแต่ปี 1998!!?   จากการคาดการณ์คร่าวๆ ได้ข้อสรุปว่า ตั้งแต่ปี 1998 ที่เขาเริ่มส่งออกโคเคน จนถึงปี 2010 ที่ผ่านมาเท่านั้น Barrera ได้จัดจำหน่ายและส่งออกโคเคนไปแล้ว 720 ตันด้วยกัน!!!! (นี่ยังไม่นับรวม…

ศูนย์รักษาโรคมะเร็งในเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ได้จัดแคมเปญที่มีชื่อว่า Dry July Shave Off เพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง และบริจาคเส้นผมเพื่อทำวิกผมให้ผู้ป่วยที่สูญเสียเส้นผมจากการรักษา ภาพของผู้ป่วยที่ผมร่วงไปตามๆ กันหลังการมารักษาด้วยเคมีบำบัด เป็นสิ่งที่ดลใจให้ Mark Udovitch นักรังสีวิทยาววัย 28 ปี ไว้ผมยาวนานถึง 2 ปี กับอีก 6 เดือน เพื่อให้ผมยาวพอที่จะสามารถนำไปบริจาคได้ และในระหว่างนี้เอง เค้าก็เลยถ่ายภาพเลียนแบบดาราแบบเกรียนๆ เพื่อช่วยกระตุ้นยอดบริจาคด้วยเลย   มาดูกันซิว่าเค้าเลียนแบบเป็นใครบ้าง.. Kendall Jenner   Janet tribute   Mark จะบอกลาเส้นผมของเขาในวันที่ 29 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ พร้อมๆ กับทีมแพทย์คนอื่นๆ อีก 15 คน แต่ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง Mark ก็จะยังถ่ายรูปเลียนแบบดาราคนอื่นอีกเรื่อยๆ ผ่านทางเฟซบุ๊คFDryJulyShaveOff ของพวกเขา และแน่นอนว่าผู้ที่บริจาคผ่านทางเว็บไซต์ Dryjuly ก็สามารถรีเควสได้ด้วยนะเออ เป้าหมายของยอดการบริจาคอยู่ที่ 100,000 ดอลลาร์ นับเป็นเงินจำนวนมากพอสมควร แต่พวกเขาก็ไม่คาดหวังว่าจะต้องได้มากขนาดนั้น เพราะจุดประสงค์ของกิจกรรมครั้งนี้ ก็เพื่อให้อาชีพของพวกเขาเป็นที่รับรู้ของคนทั้งโลกนั่นเอง   Kim…

นักแสดง หรือคนดังบางคนที่เราเห็นในจอภาพยนตร์ หลายคนอาจจะคิดว่าพวกเขาเหล่านั้นดูตัวสูงใหญ่กันเหลือเกิน แต่ความจริงแล้วตัวจริงของพวกเขากลับดูตัวเล็ก หรือเตี้ยกว่าที่เราคิดไว้เยอะ เหมือนดังเช่น 18 ภาพของเซเลปคนดังเหล่านี้เหล่านี้ยังไงละ…   Jack Black, Elijah Wood และ Kate Hudson กับส่วนสูง 5 ฟุต 5 นิ้ว หรือ 165 เซนติเมตร   Miley Cyrus, Emma Watson และ Daniel Radcliffe กับส่วนสูง 5 ฟุต 4 นิ้ว หรือ 162 เซนติเมตร   Chloe Mooretz, Seth Green และ Mila Kunis กับส่วนสูง 5 ฟุต 3 นิ้ว หรือ 160 เซนติเมตร   Natalie…

ใครๆ ก็อยากให้ภาพในวันสำคัญของเราออกมาสวยทั้งนั้นแหละ เพราะว่ามันคือโอกาสเดียวในชีวิตที่เราจะได้ทำอะไรแบบนี้ แต่บางครั้งการเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง มันก็อาจจะกลายเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตได้เช่นเดียวกัน เหมือนอย่างงานภาพถ่ายชุดที่ ที่ได้ช่างภาพ CM Leung ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกโหวตว่าเป็นช่างภาพงานแต่งงานอันดับต้นๆ ของโลก แต่ละภาพของเขานั้นอลังการงานสร้างมากๆ และครั้งนี้เขาต้องไปถ่ายที่ประเทศไอซ์แลนด์ ด้วยความที่เป็นมืออาชีพแล้ว ฉากต่างๆ มันต้องออกมาดี บังเอิ๊ญญญ ตอนนั้นมีเฮลิคอปเตอร์ของหน่วยกู้ภัยมา เขาก็เลยปิ๊งไอเดียเอาเฮลิคอปเตอร์มาใช้ประกอบฉากด้วย แล้วใช้แรงลมของใบพัดทำให้ทุกอย่างดูสวยงามยิ่งขึ้น โดยการให้เจ้าสาวไปอยู่ใกล้ๆ แต่แล้วก็เกือบเป็นเรื่อง เมื่อตอนที่เฮลิคอปเตอร์กำลังบินขึ้นนั้น ก็ได้ทำการบินโน้มเพื่อให้เครื่องไปข้างหน้า แล้วภาพที่ได้ก็คือส่วนของเครื่องนั้นเฉียดหัวเจ้าสาวไปเพียงนิดเดียว แถมยังทำเอาทุกอย่างปลิวว่อนไหมด   และนี่ก็คือภาพที่ถ่ายได้ก่อนบินเข้าใกล้   หลังจากนั้น…   ไปชมคลิปเบื้องหลังการถ่ายทำทั้งหมดกันเลย   เข้าใจแล้วว่าทุการการลงทุนมีความเสี่ยง มันเป็นยังไง อันนี่ถึงขั้นเสี่ยงชีวิตเลยทีเดียว ที่มา boredpanda

ในปี 2008 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ประเทศจีนที่เหวินฉวน ในมณฑลเสฉวน ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 70,000 คน และอีกกว่า 5 ล้านคนต้องสูญเสียบ้านไป และกลายมาเป็นคนไร้บ้านไปโดยปริยาย เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้กลายเป็นแผ่นดินไหวที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด นับตั้งแต่ปี 1976 และรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่แผ่นดินไหว Chayu ในปี 1950     เพื่อเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัย Tongji University ได้ร่วมมือรัฐบาลในการสร้างพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานขึ้นมาในเหวินฉวน ซึ่งมีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้มากจากแผ่นดินไหวความแรงขนาด 7.9 แมกนิจูด ดีไซเนอร์ Cai Yongjie คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบครั้งนี้ ได้ทำการสร้างพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานจากรอยแยกบนพื้นดินที่เกิดจากแผ่นดินไหว ให้ดูงดงามและยังคงรูปร่างเดิมของมันไว้อยู่     โดยพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานแห่งนี้เปิดให้เข้าเยี่ยมชมตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2013 ซึ่งถ้าให้นับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นก็ครบรอบ 5 ปีแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้มีใครเกิดขึ้น และเป็นเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อจีนเป็นอย่างมาก   . . . ที่มา boredpanda

แฟชั่นแต่ละยุคสมัยย่อมมีเอกลักษณ์และความโดดเด่นที่แตกต่างกันไป เปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะวิถีชีวิต กระแสดนตรีโลก และวิธีคิดของผู้คนในช่วงเวลานั้นๆ วันนี้ขอพาย้อนอดีตไปในช่วงยุค 1960s กันซักหน่อย เค้าว่ากันว่าสำหรับสาวๆ ในยุคนั้นถ้าใครอยากเกิดละก็ต้องทำผมให้ฟู ยาว และใหญ่ ประมาณว่ายิ่งใหญ่ยิ่งดีนั่นเอง เราไปดูภาพในอดีตกันเลยดีกว่าว่าสาวๆ ในยุคนั้นเค้าจะนิยมชมชอบความอลังการบนหัวตัวเองกันจริงๆ รึเปล่านะ?   คุณแม่ผมฟู….   3 สาว ทรงผมเหมือนกันแถมยังแต่งตัวเหมือนกันอีก   เห็นทรงผมเจ๊คนนี้แล้วถึงกับตกใจ…ยอมแล้วว่ามันดูอลังการงานสร้างจริงๆ   ทรงผมฟูๆ ถ่ายคู่กับรถแบบเก๋ๆ   ในแต่ละวันเจ๊เค้าต้องใช้เวลากี่ชั่วโมงกันนะถึงจะทำผมเสร็จ   ต้องดูเซ็กซี่มากแน่ๆ ในยุคนั้น   หรือจะฟูๆ แบบนี้ก็ดูโก้เก๋ไปอีกแบบ   นี่ไม่ใช่แค่การวิ่งแข่งทั่วไปแต่ยังเป็นการแข่งขันในเรื่องของทรงผมอีกด้วย   ขอเดาเล่นๆ ว่าเจ๊คนนี้ต้องเป็นอาจารย์แน่ๆ   แล้วถ้าก่อนนอนล่ะ? เค้าต้องจัดการกับทรงผมกันยังไงนะ   “กว่าจะออกบ้านได้ก็ต้องใช้เวลาไป 3 ชั่วโมงในการทำผมนะคะ” เจ๊ไม่ได้กล่าวไว้   เชื่อแล้วว่าเป็นทรงผมยอดฮิตจริงๆ   หรือนี่คือวง สาว สาว สาว ในเวอร์ชั่นตะวันตกรึเปล่านะ?…

พูดถึงซอสช็อคโกแลต เราก็ต้องทานคู่กับของหวานสิ แล้วถ้าเป็นซอสถั่วเหลืองล่ะ ก็ต้องทานคู่กับของคาวสิ ถูกมั้ย? ใครจะไปเอาซอสถั่วเหลืองมาราดของหวานล่ะ คือดูแล้วทั้งสองอย่างนี้แทบจะเอามาอยู่ด้วยกันไม่ได้เลย แต่ที่ญี่ปุ่นมันได้เกิดขึ้นแล้ว ‘ซอสถั่วเหลืองรสช็อคโกแลต’ ซึ่งเป็นซอสที่เอาไว้ทานกับของเย็นหรือของหวาน โดยซอสนี้ถูกผลิตขึ้นที่จังหวัด ฟุกุโอกะ (ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะเคียวซู)     ร่วมสร้างสรรค์ระหว่างบริษัท  YK STORES และ Goto Shoyu อันเป็นผู้ผลิตซอสถั่วเหลืองมานานหลายสิบปีแล้ว ซอสที่ว่านี้ทำมาจากผงโกโก้ Van Houten และน้ำตาลทรายแดงจากเมืองคะโงะชิมะและเคียวซู มีรสชาติที่ไม่หวานจนเกินไป เหมาะทั้งเด็กและผู้ใหญ่ผู้ใส่ใจในเรื่องปริมาณน้ำตาลและความหวาน   ดูจากภายนอกแล้ว มันอาจจดูไม่เหมือนซอสที่ใช้ทานกับของหวานได้ แต่ที่ฉลากข้างขวดก็เขียนไว้ชัดเจนว่า ‘เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เฉพาะทางเท่านั้น’     Goto Shoyu  บอกว่า ‘ซอสนี้ได้ถูกผลิตขึ้นเพื่อคงความเป็นซอสถั่วเหลือง ที่สามารถทานกับของหวานได้อย่างลงตัว และอร่อยด้วย’ และมันจะฟินมากขึ้น ถ้าเอาไปราดบนวิปปิ้งครีมหรือไอศกรีมซันเดย์     สำหรับซอสถั่วเหลืองรสช็อคโกแลตสามารถหาซื้อได้เร็วๆ นี้ที่อเมซอนในญี่ปุ่น และดูเหมือนว่าพวกเค้ามีแพลนจะขายผ่านทางเว็ปไซต์และร้านค้าต่างๆ ในอนาคตด้วย สนนราคาอยู่ที่ 680 เย็น หรือ ประมาณ 230 บาท ซึ่งจะบรรจุในขวด 150 มล.…

ขึ้นชื่อว่า ‘ฐานรบ’ มันก็ต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ การออกแบบ และข้อมูลต่างๆ ทั้งหมดนี้ล้วนต้องเก็บเป็นความลับ เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ เช่นเดียวกับฐานทัพเรือแห่งหนึ่งของสวีเดน ที่ถึงขั้นต้องเจาะหน้าผากันเลยเดียว โดยฐานทัพเรือนี้มีชื่อว่า Muskö เป็นอุโมงค์ใต้ดินของสวีเดน ตั้งอยู่ที่ทางใต้ของกรุงสตอกโฮล์มในเขตเทศบาลเมือง Haninge ซึ่งเริ่มสร้างขึ้นเมื่อ ปี 1950 และเสร็จสิ้นในอีก 19 ปีต่อมาหรือปี 1969 โดยในการก่อสร้างครั้งนี้ พวกเค้าได้ทำการเจาะหน้าผาเพื่อทำเป็นอุโมงค์ นำหินออกไปถึง 1.5 ล้านตัน และทำท่าเทียบเรือ 3 ท่าด้วยกัน     ภายในอุโมงค์นี้มีความยาวหลายกิโลเมตรและยังเชื่อมต่อกับถนนใต้ดินอีก 20 กิโลเมตร โดยในระยะทางนี้มี 3 กิโลเมตรที่มีความแคบและอันตรายมากๆ แต่มันก็เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่และเกาะ Muskö อยู่ และจากการสำรวจอุโมงค์นี้ในปี 2000 พบว่า ทางที่นำไปสู่ท่าเรือทั้ง 3 นั้น มีสารประกอบ PCBs ดีบุกอินทรีย์ โลหะหนัก สารปรอทขนาดใหญ่ และทองแดงอยู่ด้วย     ย้อนกลับไปในช่วงสงครามเย็น ฐานรบแห่งนี้ถูกปิดไว้เป็นความลับ…

เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็อัพรูปคู่ในวันพิเศษ โดยเฉพาะวันครบรอบ บางคนคบแค่ อาทิตย์เดียวก็อัพรูปวันครบรอบซะงั้น หรือไม่จริง!? แต่คู่รักเหล่านี้ อยู่ได้นานถึง 80 ปีหรือเปล่า?? แต่สำหรับคู่ของ Song Qinglin และภรรยา Song Lishi พวกเขากำลังจะฉลองครบรอบแต่งงานปีที่ 80 กันแล้ว มาทำความรู้จักกับคู่รักมาราธอนนี้กันสักหน่อยดีกว่า.. ปัจจุบันทั้งคู่อายุ 103 ปีแล้ว มีลูกด้วยกัน 4 คน แล้วลูกๆ แต่ละคนก็มีลูกแล้วด้วย ทั้งหมดอยู่บ้านหลังเดียวกันที่เมือง Fuyang มณฑลอานฮุย     เมื่อย้อนไปในปี 1936 ที่พวกเค้าแต่งงานงานกัน ทั้งสองไม่มีรูปคู่เลย งานแต่งก็จัดแบบเล็กๆ มีเพียงแค่จานสามใบเท่านั้น แต่ก็ยังครองรักกันมาได้อย่างยาวนาน โดยที่ไม่ทิ้งกันไป เพื่อให้งานฉลองของพวกเค้าสมหวังด้วยดี และออกมาอย่างมีความสุขที่สุด ทางอาสาจากสมาคมสะมาริตันส์ก็ได้ซื้อชุดแต่งงานเป็นของขวัญให้ทั้งคู่ เติมเต็มในสิ่งที่ทั้งสองไม่เคยได้รับ     หนึ่งในอาสาสมัครกำลังแต่งหน้าให้กับเธอ   เธอยังติดกระดุมให้สามีด้วย นี่เป็นภาพที่ไม่คิดว่าจะเห็นจากคนอายุขนาดนี้นะเนี่ย .   ซึ่งแน่นอนว่าที่ประเทศจีน นั้นยังมีคู่รักอีกหลายคู่ที่ได้แชร์รูปลงโซเซียลเช่นกัน เหมือนกับคู่รักวัย…

คู่รักหลายคู่ที่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน มักจะเก็บภาพความทรงจำอันแสนประทับใจเอาไว้ ด้วยการถ่ายรูปคู่สุดหวานแหวว แล้วอัพลงในโซเชียลให้เพื่อนๆ ได้อิจฉาเล่น แต่ถ้าใครอยากจะเปลี่ยนภาพถ่ายเหล่านั้นได้ดูพิเศษขึ้นกว่าเดิม คุณสามารถทำได้นะ ดูอย่างภาพจากอินสตาแกรมของคู่รักนามว่า Abang และ Neng แทนที่จะมีแต่ภาพหวานๆ แต่พวกเขากลับทำในสิ่งที่สร้างสรรค์มากกว่านั้น โดยนำเอาภาพวาดการ์ตูนน่ารักๆ มาเป็นตัวแทน ที่แสดงถึงเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขา     เรียกได้ว่าเป็นคู่รักที่ไม่ยอมถ่ายเซลฟี่หน้าตัวเองเมื่อไปออกเดทด้วย แต่กลับนำงานอดิเรกที่ทั้งคู่ชอบมานำเสนอเป็นภาพวาดการ์ตูนน่ารักๆ แทน   เขาชอบถ่ายรูป ส่วนเธอก็รักในการวาดรูป จึงเกิดเป็นผลงานสุดครีเอทอย่างที่เห็น…   ภาพการไปเดทตามสถานที่ต่างๆ ดูแล้วก็มีความมุ้งมิ้งเหมือนกันนะ   เราไปชมผลงานภาพถ่ายเซลฟี่น่ารักๆ ของพวกเขากันเลย . . . . . . . . . . . . . .   เรียกได้ว่าเป็นไอเดียที่สร้างสรรค์ แถมยังสามารถฉีกกฎการถ่ายเซลฟี่แนวเดิมๆ ให้ดูเจ๋งกว่าเยอะ และนอกจากผลงานเหล่านี้ คุณยังสามารถชมภาพถ่ายเซลฟี่สุดแนวอีกมากมาย เพียงแค่คลิกเข้าไปรับชมตามลิงค์ที่เราแปะไว้ให้ได้เลย doodledeux ที่มา : boredpanda

การแซงคิวในประเทศจีนนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป ซึ่งโดยปกติแล้ว ผู้ที่ถูกแซงคิวนั้นมีน้อยคนมากที่จะออกมาเรียงร้องความยุติธรรมของตนเอง ยิ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ การจะต่อว่าผู้ที่แซงคิวด้วยภาษาจีนนั้นอาจเป็นเรื่องที่ยากเกินไป แต่สำหรับชายหนุ่มผิวสีคนนี้ นั่นไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะเขาสามารถพูดภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว แถมไม่ใช่แค่สำเนียงเดียว แต่พูดได้ถึง 3 สำเนียง จนผู้ที่แซงคิวเขานั้นเงิบไปเลย!!     เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่ง เดินเข้ามาแซงคิวในระหว่างที่ชายผิวสีคนนี้กำลังต่อแถวซื้ออาหารอยู่ ชายคนดังกล่าวจึงพูดออกเป็นภาษาจีนกลางว่า “เฮ้ เธอช่วยต่อคิวหน่อยได้มั้ย” แต่หญิงสาวคนนั้นกลับทำเป็นไม่เข้าใจ แล้วพูดออกมาเป็นภาษาจีนสำเนียงอู่ฮั่นว่า “ไอ้ดำนี่พูดอะไรเนี่ย ไม่เห็นเข้าใจเลย” เมื่อชายคนดังกล่าวได้ยินดังนั้น จึงตอบกลับเป็นภาษาจีนสำเนียงอู่ฮั่นว่า “อย่าแซงคิว เข้าใจที่ฉันพูดรึยัง?”   หญิงคนนั้นก็ยังไม่ยอมแพ้ตอบกลับด้วยภาษาจีนสำเนียงตงเป่ย “คุณต้องการอะไร เห็นฉันไปแซงคิวตอนไหน บ้าไปแล้วแน่ๆ” ชายคนดังกล่าวได้ยินดังนั้น จึงตอบกลับเป็นภาษาจีนสำเนียงตงเป่ยอีกว่า “ไปต่อแถวเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นโดนทุกคนด่าแน่ แล้วไอ้ที่บอกว่า “ต้องการอะไร” คุณไม่ควรแซงคิวคนอื่นไง” สุดท้ายหญิงคนดังกล่าวก็ยอมแพ้ เพราะบ่นออกมาว่า “บ้าไปแล้วแน่ๆ ไม่กงไม่กินมันแล้ว”  จากนั้นเธอก็เดินออกจากแถวไป   ไปชมคลิปเหตุการณ์กันดีกว่า   ถึงกับเงิบเลยทีเดียว เวลาเราโดนแซงคิวหรือทำอะไรไม่ถูกต้อง ก็ควรจะทวงสิทธิ์ของตนเองแบบนี้นะ ทางผู้เขียนต้นฉบับอย่าง Charles Liu ถึงกับกล่าวชมหนุ่มคนนี้ ที่ไม่ใช่ว่าทวงสิทธิ์ของเขาเองเท่านั้น แต่ยังทำให้สังคมได้เข้าใจเรื่องมารยาทมากขึ้นอีกด้วย  …

เชื่อว่าเด็กๆ ในยุค 80-90 คนไม่มีใครไม่รู้จัก “ซุน โงกุน” หรือ “ซุน โกคู” ตัวละครเอกสุดเท่จากสุดยอดการ์ตูนอมตะในตำนาน “ดราก้อนบอล”     ซึ่งถ้าใครได้ติดตามการ์ตูนเรื่องนี้ล่ะก็ จะทราบในทันทีว่า โงกุนนั้นไม่ได้เก่งกาจเพียงเพราะพรสวรรค์เท่านั้น แต่เขายังผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก จนสามารถกลายเป็นยอดนักรบที่เก่งที่สุดในโลกได้ และมีท่าไม้ตายเจ๋งๆ มากมาย ตั้งแต่ “พลังคลื่นเต่า” “ลูกแก้วพลัง” “พลังเคลื่อนย้ายมิติ” และอื่นๆ อีกมากมาย ล่าสุดทางสวนสนุก Nasu Highland Park ในจังหวัดโตชิงิ ประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดสวนสนุกธีมพิเศษ ที่จะให้ทุกคนสามารถฝึกฝนให้แข็งแกร่งดังเช่นซุน โงกุนได้!!     โดยการฝึกฝนจะมีตั้งแต่ ฝึกส่งนมเหมือนตอนที่โงกุนและคุริรินฝึนฝนกับท่านผู้เฒ่าเต่าในช่วงต้นของเรื่อง .   พอฝึกส่งนมเสร็จแล้ว ก็ต้องมาฝึกบินกันดีกว่า จะได้บินได้เหมือนโงกุนและเพื่อนๆ .   แน่นอน ที่ขาดไม่ได้เลยคือการฝึกฟิวชั่น ซึ่งจะมีโงเท็นและทรั้งค์มาร่วมฝึกกับเรา .   นอกจากสามการฝึกด้านบนแล้ว ยังมีการฝึกอื่นๆ อีกเพียบให้เราได้เล่น ตามภาพด้านล่างเลย!!  …

แม้ว่าความรักจะเป็นเรื่องระหว่างคนสองคนก็จริง แต่ใช่ว่าความรักจะเกิดขึ้นกับคน 3 คนไม่ได้นะ เพราะอย่างเรื่องที่#เหมียวฟิ้นจะหยิบมาเล่าต่อไปนี้ ก็เป็นเรื่องราวความรักที่แปลกและน่าเหลือเชื่อมาก สาวๆ ที่คุณกำลังเห็นอยู่นี้ เธอมีชื่อว่า Anna และ Lucy DeCinque ฝาแฝดวัย 30 ปี จากเมืองเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย พวกเธอเติบโตมาด้วยกัน แต่งชุดแบบเดียวกัน มีนิสัยเหมือนกัน แถมยังมีคนรักคนเดียวกันด้วย!?     ทั้ง Anna และ Lucy ตกหลุมรักเข้ากับช่างไฟฟ้าที่ชื่อว่านาย Ben Byrne วัย 32 ปี ที่เจอกันผ่านเฟซบุ๊กเมื่อปี 2014 ที่ผ่านมา แม้หนุ่มๆ หลายคนอาจจะมองว่าการได้ออกเดทกับสาวสองคนในเวลาพร้อมกัน แถมพวกเธอก็ยังยินยอมพร้อมใจกันแบบนี้ น่าจะเป็นเรื่องที่แฮปปี้สุดๆ   แต่นาย Ben ก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก “เป็นครั้งแรกของผมเลยที่ได้เดทกับผู้หญิงสองคน และบอกตามตรงเลยว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมาก” “เพราะเราต้องเต็มที่กับพวกเธอ 100% ทั้งคู่ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ผมทำให้คนหนึ่ง ผมจะต้องทำแบบนั้นกับอีกคนด้วย เพื่อรักษาสมดุล เพื่อนของผมมองว่านี่คือปัญหาที่เจ๋งมากๆ””   ความรักของทั้ง Anna, Lucy…

เมื่อพูดถึงนาซีแล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จัก อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จอมเผด็จการในช่วงส่งครามโลกครั้งที่ 2 กับการกระทำกวาดล้างชาวยิวเป็นจำนวนมาก แต่เรื่องที่เราจะนำเสนอในวันนี้ ไม่ได้จะพาไปดูสงครามนะ แต่เป็นช่วงพักสงคราม ซึ่งเป็นภาพงานฉลองคริสต์มาสของนาซี ช่วงประมาณปี 1941 ถ่ายโดย Hugo Jaeger ผู้เป็นหนึ่งในช่างภาพส่วนตัวของฮิตเลอร์ เมื่อสงครามสิ้นสุด Jaeger ได้เก็บรูปพวกนี้ไว้ในโหลแก้วแล้วฝังเอาไว้ในดิน จนกระทั่งปี 1955 หรือผ่านไปประมาณ 10 ปี เขาก็ได้นำรูปที่ซ่อนไว้ระหว่างทำงานกับฮิตเลอร์จำนวน 2000 รูป ส่งไปเก็บที่ตู้เซฟของธนาคารแห่งหนึ่ง   ฮิตเลอร์ นั่งอยู่หัวโต๊ะ ในงานเลี้ยงอาหารค่ำอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางทหารหลายพันนาย   จนในที่สุด เขาก็ขายรูปเหล่านี้ให้กับนิตยสารไลฟ์ ในปี 1965 แต่ก็ไม่ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะจนกระทั่งในปี 2009 ภาพถ่ายดังกล่าวถูกโพสต์ไว้ในแกลอรี่ออนไลน์ เพื่อเป็นการระลึกถึงการครบรอบ 65 ปี วันดีเดย์ งานฉลองนี้มีขึ้นในวันที่ 18 ธันวาคม 1941 ที่เมืองมิวนิค ลักษณะคล้ายกับการเฉลิมฉลองคริสต์มาส แต่เนื่องจากเยอรมันไม่มีศาสนา ดังนั้นพวกเขาจึงถือว่านี่เป็นงานสักการะเทพโอดิน และได้เรียกร้องให้ชาวเยอรมันใช้เวลาที่ฉลองคริสต์มาสนั้นมาเป็นการฉลองช่วง ‘อายันฤดูหนาว’ แทน  …

ในโลกดิจิตอลนี้ ต้องยอมรับว่า เราอยู่กับเครื่องมือสื่อสารมากกว่าอยู่กับคนรอบข้างซะอีก เราติดต่อคุยกันผ่านทางสื่ออำนวยความสะดวก แต่ไม่ได้หันหน้ามาคุยกันตรงๆ บางทีสิ่งเหล่านี้อาจสร้างความห่างเหินให้เราอย่างไม่รู้ตัว หรือบางที เราเองไม่ได้แสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริงของเรากับคนที่คุยด้วย ศิลปินชาวอิลาลีคนหนึ่งที่มีฉายาว่า ‘Dito ผู้อยู่เบื้องหลังนิ้ว’ ซึ่งมาจาก Dita Von Teese ที่เป็นไอคอนตัวตลกและซ่อนตัวได้เก่งมากตัวหนึ่ง โดยเค้าได้สร้างรูปการ์ตูนเป็นรูปหน้าคนดังทั้งหลาย ที่อยู่ในวงการข่าว ประวัติศาสตร์ ศิลปะ การเมือง และอื่นๆ อีกมากมาย ภายใต้โปรเจค Ditology เพื่อแสดงให้เห็นภาพที่อยู่เบื้องหลังนิ้วของเรา   Magritte   โปรเจคนี้เกิดขึ้นในปี 2009 เมื่อเค้าได้เริ่มเล่น Facebook ครั้งแรก และทำให้เค้ารู้สึกว่า คนเรามักจะอยู่ในโลกโซเชียลเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นโลกที่สามารถแสดงความคิดหรือความรู้สึกได้อย่างอิสระ แต่บางทีสิ่งเหล่านี้ก็ปกปิดความเป็นตัวตนของเรา คือ เราอยากให้คนอื่นมองเราแบบไหน เราก็ทำตัวแบบนั้นในโลกโซเชียล ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว อาจจะไม่ใช่อย่างนั้น โดยเฉพาะกับเหล่าคนดังทั้งหลาย ผลงานของเขาโด่งดังไปทั่วโลก และมีการเผยแพร่ทางวิทยุ โทรทัศน์ สื่อออนไลน์ และตามหน้าหนังสือพิมพ์รวมทั้งหนังสือต่างๆ ด้วย   โมนา ลิซ่า   เหล่ามินเนี่ยน   ไมเคิล…

สาวน้อยผู้ป่วยเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาได้ ซึ่งเธอต้องทนทรมานอยู่กับความเจ็บปวดทุกวัน นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอตัดสินใจที่จะอำลาไปจากโลกนี้ด้วยวัยเพียง 14 ปี…   Jerika Bolen วัย 14 ปี จากรัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา เธอเป็นโรคเซลล์ประสาทในไขสันหลังเสื่อมชนิดที่ 2 (SMA) ซึ่งมีผลต่อเซลล์ประสาทสั่งการ และทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอ   แพทย์พบความผิดปกติของเธอขณะที่เธออายุได้เพียง 8 เดือน เธอต้องทุกข์ทรมานกับการผ่าตัดมาแล้วมากกว่า 30 ครั้ง และต้องอยู่กับเครื่องช่วยหายใจถึงวันละ 12 ชั่วโมง เธอบอกว่าเธอพร้อมที่จะอำลาโลกนี้มานานแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เธอยังคงยืนหยัดได้ถึงทุกวันนี้ก็คือครอบครัว หลังการผ่าตัดครั้งล่าสุดของเธอ Jerika ถามตัวเองว่า “นี่เธอกำลังทำเพื่อตัวเองอยู่ หรือทำเพื่อครอบครัวกันแน่??” เธอจึงตัดสินใจที่จะปิดเครื่องช่วยหายใจในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ เพราะเธอไม่อาจที่จะทนกับความเจ็บปวดต่อไปอีกแล้ว   เมื่อเธอตัดสินใจเช่นนั้น แม่ของเธอก็ยอมรับในการตัดสินใจของเธอ (ภาพ Jerika Bolen กับแม่ของเธอ Jen Bolen)     “เธอยืนหยัดเพื่อฉันมาตลอด 14 ปีแล้ว ถึงเวลาที่เธอจะต้องเป็นคนตัดสิน เพราะมันเป็นชีวิตและร่างกายของเธอ” Jen กล่าว แต่ลึกๆ แล้วเธอก็รู้สึกเสียใจอยู่ดี กับการสูญเสียสิ่งที่มีค่ามากที่สุดของเธอไป  …

ตอนเด็กๆ ใครมีตุ๊กตาสุดรักสุดหวงของเป็นของตัวเองกันบ้าง?? ที่ไม่ว่ามันจะเก่า หรือฉีกขาดยังไง เราก็ยังต้องนอนกอดมันทุกๆ คืน แต่คงจะดีไม่น้อยเลยถ้าพวกมันถูกเนรมิตให้เหมือนใหม่อีกครั้งเหมือนกับตุ๊กตาของเด็กๆ เหล่านี้   Fort Leavenworth คลินิกรักษาสัตว์ในรัฐแคนซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เชิญชวนน้องๆ หนูๆ ให้นำตุ๊กตาของพวกเค้ามาเข้ารับการรักษาซ่อมแซมฟรี   โดยปกติแล้ว จะรับรักษาสัตว์เลี้ยงทั่วๆ ไปเหมือนกับคลินิกอื่นๆ แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเค้าได้เชิญชวนเด็กๆ ให้นำตุ๊กตาสัตว์ตัวโปรดที่บาดเจ็บหรือฉีกขาด มาเข้ารับการผ่าตัดได้ฟรีๆ   ผู้ป่วยแพนด้า มาเข้ารับการเย็บแขน และเปลี่ยนกระดุมตาอันใหม่   ผู้ป่วยลิงบาบูนกำลังเข้ารับการผ่าตัด .   ทั้งนี้ นี่ก็เป็นกิจกรรมของทางคลินิกที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการฝึกฝนทักษะการผ่าตัดของสัตวแพทย์ โดยลงมือเย็บด้วยไหมเย็บแผลและใช้ทักษะการเย็บแผลจริงๆ แถมยังเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนอีกด้วย   เด็กๆ แต่ละคนแฮปปี้ไปตามๆ กัน เมื่อตุ๊กตาที่น่ารักของพวกเค้าถูกซ่อมแซมจนหายดีอีกครั้ง   ไม่ใช่แค่เด็กๆ เท่านั้นหรอกที่แฮปปี้ สัตวแพทย์แต่ละคนก็ท่าทางจะสนุกกันน่าดูเหมือนกันนะ เข้าไปดูรูปภาพและเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของพวกเค้าเลย คลิ้กที่นี่ ที่มา: TheDodo

นี่คือเจ้า “Tuffy” แมวเหมียวตัวน้อย ที่ถึงแม้ว่าจะเจอเหตุการณ์อันเลวร้ายในชีวิตมามากมาย แต่ในทุกๆ ครั้งมันก็มักจะได้รับความช่วยเหลือจากพลเมืองดีอยู่เสมอ และในปัจจุบันชีวิตของมันก็ดี๊ดีจนน่าอิจฉาซะด้วย ย้อนเวลากลับไปก่อนที่เจ้า Tuffy จะมีชีวิตที่ดีจนถึงทุกวันนี้ ไม่มีใครรู้หรอกว่าชีวิตที่ผ่านมาของมันน่าสงสารมากแค่ไหน และในวันนี้เราจะมาเผยเรื่องราวของมันให้คุณได้รับรู้เอง     เรื่องราวมันมีอยู่ว่า ชายคนหนึ่งได้พบกับเจ้าเหมียวตัวน้อยบริเวณสวนหลังบ้านของเขาและให้อาหารมันเป็นเวลานานกว่า 3 เดือน ซึ่งมันอยู่ในสภาพที่ดูหวาดกลัว และซูบผอมเป็นอย่างมาก อีกทั้งมันก็มักจะออกมาจากพุ่มไม้ในสวนหลังบ้าน เพื่อมารอรับอาหารเป็นประจำ แต่ถึงกระนั้นเจ้าเหมียวก็ไม่ยอมให้เขาได้สัมผัสตัวของมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว     ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เขาตัดสินใจช่วยเหลือมัน โดยการล่อให้มันเข้าไปในกรง และได้ติดต่อกับทาง VOKRA (มูลนิธิช่วยเหลือลูกแมวกำพร้าแวนคูเวอร์) เพื่อส่งเจ้าเหมียวผู้น่าสงสารไปทำการรักษา เมื่อทางสัตว์แพทย์ได้ตรวจสอบก็พบว่า ดวงตา และจมูกของมันติดเชื้ออย่างรุนแรง ดังนั้น พวกเขาจึงรีบช่วยเหลือมันทันที โดยการทำความสะอาดตา และหู อีกทั้งยังให้ยาปฏิชีวนะเพื่อบำรุงรอบดวงตาอีกด้วย     หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป หลังจากที่เจ้า Tuffy ได้รับการดูแลรักษา ก็ทำให้อาการของมันเริ่มดีขึ้น อีกทั้งทางเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิดังกล่าว ก็ให้ความรักความอบอุ่นกับมันเป็นอย่างดี จนทำให้มันรู้สึกแฮปปี้สุดๆ แม้ว่าในตอนแรกเจ้า Tuffy จะพยายามขัดขืนการรักษา แต่ในตอนนี้มันยอมให้มนุษย์ได้ดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว  …

ถ้าใครจำได้ช่วงเดือนก่อน สำนักข่าวแมวเหมียวของเราได้นำเสนอข่าวการก่อสร้างอุโมงค์ทะลุภูเขาที่ยาวที่สุดในโลกของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (ข่าวเก่า) ซึ่งถือว่าน่าตื่นตาตื่นใจมากๆ แต่วันนี้ ประเทศนอร์เวย์กำลังจะทำโปรเจคใหม่ที่เจ๋งกว่า ด้วย “อุโมงค์ใต้ผิวน้ำ” ข้ามชายฝั่งเชื่อมต่อหมู่บ้าน Oppedal และ Lavik เข้าด้วยกัน ช่วยลดเวลาการเดินทางไปกว่า 10 ชั่วโมง!!     โดยปกติแล้วการเดินทางจากเมือง Kristiansand ไปยังเมือง Trondheim จะต้องใช้ถนนหมายเลข E39 ดังภาพ (สีแดง) จะมีช่วงหนึ่งของถนนผู้ใช้รถต้องรอขึ้นเรือเฟอร์รี่เพื่อข้ามไปยังอีกฝั่ง ซึ่งจะใช้เวลารวมกันประมาณ 21 ชั่วโมง   แต่ตอนนี้พวกเขากำลังจะทำให้การเดินทางง่ายขึ้น ด้วยการสร้างอุโมงค์ใต้ผิวน้ำดั่งในภาพ ซึ่งจะทำประหยัดเวลาไปถึง 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว!!   อุโมงค์ใต้น้ำจะทำมาจากคอนกรีต ความยาวประมาณ 1.2 กิโลเมตร ซึ่งจะมีทั้งอุโมงค์ขาไปและขากลับ แต่ละฝั่งรถจะวิ่งสองเลน เลนหนึ่งจะใช้สำหรับเดินทางทั่วไป อีกเลนหนึ่งจะใช้สำหรับรถฉุกเฉินเท่านั้น   หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วอุโมงค์จะลอยอยู่ใต้ผิวน้ำได้อย่างไร คำตอบคือ พวกเขาจะสร้างทุ่นไว้เป็นระยะๆ เหนือผิวน้ำ เพื่อรักษาระดับของอุโมงค์ไว้ และจะมีการเว้นระยะให้เรือชนิดๆ ต่างๆ สามารถผ่านไปได้   และเมื่ออุโมงค์สร้างเสร็จ นอกจากประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวแล้ว…

ถ้าพูดกันถึงเรื่องการกระโดดลงมาจากที่สูงแบบหวาดเสียวหลายๆ คนอาจจะนึกถึง กระโดดบันจี้จัมพ์ กระโดดร่ม หรือ กระโดดลงสระน้ำจากที่สูงๆ แค่นี้ก็นับว่าเสียวมากพอแล้วสำหรับคนที่กลัวความสูง และโดยธรรมชาติของมนุษย์แล้วถ้าหากเกิดพายุฝนฟ้าคะนองบวกกับฟ้าผ่าแล้ว ใครๆ ก็ต้องมีความรู้สึกกลัวอยู่ลึกๆ และอยากจะอยู่ให้ห่างซะมากกว่า แต่สำหรับ Sean Maccormac นอกจากจะไม่กลัวฟ้าฝนแล้วยังไม่กลัวความสูงอีก!!!   หลายๆ คนอาจจะไม่รู้จักว่าหนุ่มนักกระโดดคนนี้เป็นใครมาจากไหนล่ะก็ ให้นึกถึงฉากกระโดดร่มในหนังเรื่อง ‘Godzilla’ เมื่อปี 2014 และคราวนี้เขาเลือกรัฐ Florida เป็นสถานที่ในการวัดใจครั้งนี้   ฉากที่กล่าวถึงข้างต้น…   และนี่คือสภาพอากาศในวันที่เขาเลือกที่จะกระโดดลงจากชั้นบนมวลเมฆเหล่านี้   แถมยังให้สัมภาษณ์อีกด้วยว่า “ความรู้สึกตอนที่ผมกระโดดลงไปมันเป็นอะไรที่ดุเดือดเอามากๆ ราวกับว่าเหมือนคุณได้อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ทั้งๆ ที่มันเป็นไปไม่ได้เลย’   ของแบบนี้เห็นด้วยภาพมันไม่ชัดเจนต้องไปดูคลิปตัวเต็มกันเลยดีกว่าว่าการกระโดดลงไปท่ามกลางมวลเมฆฝนพายุจะเป็นอย่างไร… ที่มา: EpicThings

ในชีวิตการทำงาน เรามักจะได้เจอกับผู้คนหลากหลายแบบ บางคนทำงานได้อย่างรวดเร็วแต่ออกมาลวกๆ บางคนทำงานได้ช้าแต่มีประสิทธิภาพขึ้นมาหน่อย แต่คนแบบไหนกันล่ะที่จะเหมาะกับองค์กรของเรา? เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ BrightSide ได้ทำการรวบรวมเอา 13 ข้อแตกต่างระหว่าง “คนทำตัวยุ่งๆ” กับ “คนมีประสิทธิภาพ” มาเปรียบเทียบกัน เราลองมาดูกันไหมว่าพวกเขาแตกต่างกันยังไงบ้าง?   คนยุ่งๆ: ทำเหมือนว่าพวกเขามีภารกิจที่สำคัญมาก คนมีประสิทธิภาพ: พวกเขามีภารกิจที่ยิ่งใหญ่สำหรับชีวิต   คนยุ่งๆ: มีการจัดลำดับความสำคัญไว้หลายอย่าง คนมีประสิทธิภาพ: มีลำดับความสำคัญอยู่แค่ไม่กี่อย่าง   คนยุ่งๆ: ตอบ “ตกลง” เร็วมาก คนมีประสิทธิภาพ: กว่าจะตอบ “ตกลง” ต้องคิดแล้วคิดอีก   คนยุ่งๆ: พุ่งความสนใจไปที่การลงมือทำ คนมีประสิทธิภาพ: พุ่งความสนใจไปที่ความชัดเจนในการลงมือทำ   คนยุ่งๆ: พร้อมจะทำทุกอย่างตลอดเวลา เปลี่ยนอะไรไปเรื่อย คนมีประสิทธิภาพ: ปิดประตูโอกาสอื่นก่อน แล้วมุ่งมั่นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้สำเร็จ   คนยุ่งๆ: เอาแต่พูดว่าพวกเขายุ่งขนาดไหน คนมีประสิทธิภาพ: ให้ผลงานมันพูดแทน   คนยุ่งๆ: มักจะพูดว่าพวกเขาไม่มีเวลามากพอ คนมีประสิทธิภาพ: ใช้เวลาไปกับสิ่งที่พวกเขาคิดว่าสำคัญเท่านั้น   คนยุ่งๆ: ทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน คนมีประสิทธิภาพ: ให้ความสนใจกับงานที่สำคัญที่สุด…

หลังจากที่เราได้เผยคลิป พร้อมภาพเหตุการณ์การปะทะกันซึ่งๆ หน้าของแมวบ้านนายกอังกฤษ VS แมวประจำกระทรวงต่างประเทศ ที่เจอหน้ากันทีไรก็ขู่ให้อีกฝ่ายเกรงกลัวไปแล้ว   เมื่อช่วงกลางเดือน ทั้ง Larry และ  Palmerston ต้องเผชิญหน้า ต่างฝ่ายต่างก็ส่งเสียงขู่กัน โดยที่ไม่มีใครยอมถอย จนทำให้บรรดานักข่าวที่อยู่แถวนั้น รีบนำกล้องขึ้นมาบันทึกภาพทันที   ไอ้เราก็นึกว่าเรื่องมันจะจบ ที่ไหนได้พวกมันกลับมาเล่นกันเองอีกแล้ว แถมคราวนี้ได้แผลซะด้วยสิ!! เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2559 เราได้รับรายงานเหตุด่วนจากเว็บไซต์ต่างประเทศว่า เจ้า Larry แมวราชการผู้ทำหน้าที่จับหนูจากบ้านนายกอังกฤษ และ Palmerston แมวกระทรวงต่างประเทศ คู่อริที่ใครต่างก็รู้จักกันดี ได้กลับมาป๊ะหน้ากันอีกครั้ง     โดยในคราวนี้ รายงานจากผู้เห็นเหตุการณ์ว่ามันไม่ได้ขู่กันเพียงอย่างเดียว แต่ Larry  โดนเจ้า Palmerston เล่นงานเข้าอย่างจัง จนทำให้เท้าขวาของมันได้รับบาดเจ็บ งานนี้เล่นเอาแมวบ้านนายกถึงกับคลานกลับถิ่นเลยละ ภายหลังจากที่ได้ทราบเรื่อง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ได้พา Larry ไปรักษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนในเรื่องของค่าใช้จ่ายนั้น ก็ได้มาจากการบริจาคของคณะผู้ทำงานในสำนักนายกฯ (ระดมทุนกันเป็นกรณีพิเศษเลยทีเดียว)   .…

ใครๆก็อยากเป็นเศรษฐีฝันมีเงินเป็นล้านกันทั้งนั้น แต่กว่าจะหามาได้มันก็ช่างลำบากยากเย็นซะเหลือเกิ๊นนน  เล่นหวยมันเลยดีมั้ยนะ? เผื่อจะโชคดีถูกรางวัลที่ 1 กับเค้าบ้าง เอ้าาไหนใครเล่นหวยยกมือขึ้น? คุณลุงคนนี้ก็เช่นกัน ช่างประปารุ่นเก๋าอย่างคุณ John Deherty จากประเทศสก็อตแลนด์ คนนี้ที่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าจู่ๆตัวเองจะถูกหวยแจ็คพอตใหญ่รางวัลที่ 1 กว่า 400 ล้านบาท!!! แต่วิธีจัดการกับเงินก้อนโตของคุณลุงคนนี้มันช่างแตกต่างออกไป เราไปดูกันดีกว่าว่าคุณลุงจะนำเงินมาต่อยอดกันอย่างไร รับรองว่าอยู่สุขสบายแบบยั่งยืนแน่นอน   เปิดแชมเปญฉลองกันตามพิธีกับภรรยา Alison “ผมคงเบื่อแน่ๆที่ต้องนั่งอยู่บ้านเฉยๆไปวันๆโดยที่ไม่ต้องทำอะไร และผมก็ยังอยากบริการให้แก่ลูกค้าผู้ซื่อสัตย์ของผม” คุณลุงกล่าว   หลังจากนั้นคุณลุงก็ได้นำเงินส่วนหนึ่งมาขยายบริษัทดำเนินวงจรเกี่ยวกับประปาและเครื่องทำความร้อนของเขา เพื่อรองรับลูกค้าได้ดีขึ้น (ย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นในปี 1984) คุณลุงก็มีฐานลูกค้าเป็นของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ทั้งคู่รู้ข่าวว่าถูกรางวัลทั้งสองก็เก็บมันไว้เป็นความลับและออกไปพักผ่อนด้วยกันที่ Florida ซักช่วงอย่างสบายใจเท่านั้นเอง   “อันที่จริงผมก็อาจจะพักงานลงบ้างเหลือซัก 4 วันต่อสัปดาห์ และผมยังมีความรู้สึกที่อยากทำอยู่ ถ้าไม่ใช่ธุรกิจของผมเองผมก็คงลาออกเช่นกัน” คุณลุงกล่าวเสริม   ทั้งคู่เฉลิมฉลองกันด้วยการทานอาหารง่ายๆที่ร้านพิซซ่า Domino เพียง £45 (ประมาณ 1,700 บาท) และคุณสามีก็ซื้อกระเป๋าแบรนด์ Coach ราคาหลักหมื่นให้คุณภรรยาเท่านั้นเอง   นับว่าเป็นคู่ตัวอย่างสำหรับคนที่รักในความมัธยัสถ์ และรู้คุณค่าของเงินได้อย่างจริงๆ เชื่อว่าเรื่องอาถรรพ์คนถูกหวย ที่สุดท้ายจะลงเอยด้วยความหมดตัว…

แม้ในช่วงหลังๆ เราจะได้ยินข่าวด้านไม่ดีของวงการแพทย์มามากมาย แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความจริงที่ว่า ยังมีหมดอีกมากมายยอมอุทิศตนรักษาคนไข้ ไม่ว่าพวกเขาจะต้องฝ่าฟันความยากลำบากขนาดไหน อย่างสิ่งที่เกิดขึ้นที่ประเทศจีนครั้งนี้ เรื่องราวเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในมณฑลซีเจียง ประเทศจีน เมื่อคุณหมอคนหนึ่งที่มีคิวจะต้องผ่าตัดเด็กหญิงวัย 6 ขวบ ดันประสบอุบัติเหตุกระดูกขาร้าวในการแข่งขันฟุตบอลเพียงหนึ่งวันก่อนการผ่าตัด ทำให้เขาไม่สามารถยืนด้วยขาสองข้างได้     หากเป็นคนอื่นกำหนดการผ่าตัดของเด็กหญิงอาจต้องเลื่อนออกไปก่อน เพราะความไม่พร้อมทางร่างกายของผู้ผ่าตัด แต่คุณหมอท่านนี้กลับสปิริตแรงกล้า ไม่ยอมเลื่อนการผ่าตัดออกไป เนื่องจากไม่อยากผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับครอบครัวคนไข้ เขาจึงต้องทนยืนขาเดียวกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อทำการผ่าตัดให้เด็กหญิง คุณหมอคนดังกล่าวเล่าว่า ถ้าเขาเลื่อนการผ่าตัดออกไป กำหนดการผ่าตัดก็จะถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่เวลานี้มีเขาเป็นศัลยแพทย์เพียงคนเดียวที่สามารถทำตรงจุดนี้ได้ ซึ่งหากเลื่อนออกไป ไม่ได้ผ่าครั้งนี้ เด็กหญิงและครอบครัวอาจเป็นกังวลอย่างหนัก ในฐานะที่เขาก็เป็นพ่อคนเช่นเดียว เขาเข้าใจความรู้สึกนั้นดี     หลังจากภาพอันน่าประทับใจนี้เผยแพร่ออกไป ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากชาวเน็ตมากมาย อาทิเช่น @Qingfenfumian ชาวเน็ตท่านหนึ่งกล่าวว่า “ทั้งหมอและคนไข้ควรมีความเคารพซึ่งกันและกัน เราไม่สามารถตัดสินว่าหมอทุกคนนิสัยไม่ดีได้ จากเรื่องแย่ๆ เพียงเรื่องเดียว แต่หมอคนนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดีมากเหลือเกิน…”   แม้จะมีข่าวไม่ดีออกมาอยู่บ่อยๆ แต่ #เหมียวอ๊อดโด้ ก็ยังเชื่อเสมอว่า ยังมีหมอดีๆ พยายามทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถอยู่อีกมากมายฮะ ขอให้สู้ๆ ต่อไปนะครับ 🙂…

หากเราลองสังเกตธรรมชาติรอบตัว เราจะรู้ได้เลยว่า มันมีการเปลี่ยนแปลงจากอดีตมาก และดูเหมือนการเปลี่ยนแปลงนี้จะขยายไปทั่วทุกมุมโลก เว็บไซต์ BrightSide ได้นำเสนอการเปรียบเทียบภาพของสถานที่เดียวกัน เมื่อเวลาผ่าน มันมีการเปลี่ยนไปแค่ไหน เพื่อให้เราตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติกันมากขึ้น ** ภาพเหล่านี้สามารถหาชมได้บนเว็บไซต์ของทาง NASA เช่นกัน   ด้านซ้ายคือภาพของ Toboggan Glacier รัฐอลาสก้า ในหน้าร้อนของปี 1909 และด้านขวาคือปี 2000   และนี่จาก Carroll Glacier รัฐอลาสก้าเช่นกัน ในเดือนสิงหาคม ปี 1906 และ เดือนกันยายน ปี 2003   ทะเลอารัล แถบเอเชียกลาง ในเดือนสิงหาคม ปี 2000 กับ กับเดือนสิงหาคม ปี 2014   ทะเลสาบ Powell ที่อาริโซน่าและยูทาห์ เดือนมีนาคม ปี 1999 กับ เดือนพฤษภาคม 2014   ธารน้ำแข็ง Bear ในอลาสก้า เดือนกรกฏาคม ปี1909…

ถึงแม้ว่าในช่วงวันหยุดเข้าพรรษาที่ผ่านมา จะเป็นวันหยุดยาวที่ใครหลายๆ คนต่างเฝ้ารอเพื่อที่จะได้พักผ่อนให้เต็มอิ่มก่อนกลับมาลุยเรื่องเครียดๆ กันต่อ แต่ไม่ว่าจะออกเดินทางสัญจรใกล้หรือไกลแค่ไหนหลายๆ คนก็อดไม่ได้ที่จะต้องบ่นในใจว่า “โถ่วว..รถติดเรือหายเลย” (Ship หาย) แต่เหตุการณ์รถติดที่แสนจะยาวเยียดบนทางด่วนขาเข้าฝรั่งเศสที่ออกจากเมืองโดเวอร์ ประเทศอังกฤษ แห่งนี้ จะทำให้รถติดใน กทม. เป็นเรื่องเล็กในทันที เพราะมีคนติดอยู่บนถนนมากกว่า 250,000 คน แถมยังต้องรอนานถึง 24 ชม. เลยทีเดียว อะไรมันจะติดได้ขนาดน๊านนนนน   เกิดจากการที่ฝรั่งเศสต้องการคุมเข้มในการตรวจคนเข้าประเทศมากขึ้น เลยลดจำนวนช่องตรวจคนเข้าเมืองเหลือเพียงแค่ช่องทางเดียวเท่านั้น   แต่ด้วยจำนวนเจ้าหน้าที่ด่านมีไม่เพียงพอต่อการตรวจรถโดยสารที่หลั่งใหลกันเข้ามาเที่ยวในฝรั่งเศสจึงทำให้ทุกอย่างล่าช้าลง   ด้วยมาตรการอันเข้มงวดที่ละเลยไม่ได้ รถติดครั้งนี้จึงเป็นฝันร้ายในวันหยุดของใครหลายๆ คน ด้วยคิวที่ยาวเหยียดมากกว่า 250,000 คิว ทำให้เสียเวลาไป 1 วันเต็มๆ กับการอยู่บนถนนเส้นนี้   สีหน้าของทุกคนดูเซ็งสุดๆ ก็แหมรถติดทั้งวัน คนจะไปเที่ยวทั้งทีไม่เซ็งก็บ้าแล้วเนาะ   บางคนรู้งาน มีอุปกรณ์ทำอาหารไปด้วย ช่วยให้รอดพ้นจากความหิวและความน่าเบื่อที่ต้องรอคิวกันต่อไป   แต่เห็นแบบนี้ทางการก็ไม่ได้นิ่งนอนใจมีการสั่งให้ตำรวจทางหลวงจัดน้ำดื่มมาแจกให้แก่ผู้โดยสารทุกคน   แต่ท่ามกลางความวุ่นวายและความหงุดหงิดใจของผู้คนบนท้องถนนก็ยังมีเรื่องราวดีๆ ของนาย Ravi Singh และลูกน้องที่ได้รับการชื่นชมจากชาวเน็ตทั้งหลาย เพราะออกมาช่วยกันแจกน้ำเปล่าเพื่อให้เพียงพอสำหรับทุกๆ คน   งานนี้เรามาดู…

ในแต่ละประเทศนั้นมีวิธีการและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ทั้งการดำรงชีวิต อาหารการกิน อาคารบ้านเรือน หรือแม้แต่ตอนตาย…ทั้งโลกก็ยังมีวิธีการจัดการที่แตกต่างกันไป บางที่ใช้การเผา บางที่ใช้การฝัง แต่สำหรับหมู่บ้านแห่งนี้กลับใช้วิธีที่หลอนยิ่งกว่านั้น     ก่อนหน้านี้เราเคยพาคุณไปเยี่ยมชมหมู่บ้านฮัลล์สตัท ในประเทศออสเตรียมาแล้ว ที่นั่นเต็มไปด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามราวกับเทพนิยาย จนทันเดินทางนักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องขอไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต     แต่คุณอาจจะต้องเปลี่ยนใจก็ได้ เมื่อคุณได้ไปเห็น Charnel House สุสานโครงกระดูกของที่นี่ มันมีลักษณะเหมือนบ้านหลังเล็กๆ แต่ภายในนั้นเต็มไปด้วยหัวกะโหลกและโครงกระดูกนับร้อยนับพัน ถูกเก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดี     ตามรายงานบอกว่าสถานที่แห่งนี้มีโครงกระดูกของผู้คนมากถึง 1,200 คน ในทีแรกนั้น ที่นี่ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับโครงกระดูก แต่เนื่องจากในช่วงปีค.ศ. 1700 ทางโบสถ์ในละแวกนั้นดันประสบปัญหากับโครงกระดูกล้นสุสาน ทำให้พวกเขาต้องขุดเอาโครงกระดูกที่ฝังไปแล้วขึ้นมา เพื่อให้มีที่ว่างมากพอที่จะฝังร่างใหม่ๆ ลงไปได้     ในช่วงที่มีการขุดเอาโครงกระดูกเหล่านี้ขึ้นมานั้น ทางครอบครัวของผู้ตายก็ได้นำเอาปากกามาเขียนข้อความลงไปบนกระดูกของบุคคลอันเป็นที่รัก มีทั้งชื่อและวันที่เสียชีวิต รวมไปถึงสัญลักษณ์ต่างๆ ที่สื่อถึงความรักที่พวกเขามีร่วมกันด้วย     ในระยะหลังมานี้ ตั้งแต่ช่วงปี 1960 เป็นต้นมา การนำกระดูกไปไว้ในห้องแห่งนี้ดูจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมแล้ว แต่ก็ยังมีโครงกระดูกมาไว้ที่นี่อยู่บ้าง     โดยคนสุดท้ายที่ถูกนำมาไว้ที่นี่คือหญิงสาว ที่มีคำสั่งเสียก่อนตายว่าเธออยากจะมาอยู่ที่นี่ร่วมกับโครงกระดูกอื่นๆ เมื่อเธอเสียชีวิตแล้วญาติๆ…

ขึ้นชื่อว่า ‘แฟชั่น’ มันไม่เคยจะอยู่กับที่แน่นอน มีการการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กี่ยุค กี่สมัย แฟชั่นก็ต้องเปลี่ยนไป ตามรสนิยมความชื่นชอบของมนุษย์เป็นหลัก จะว่าไปแฟชั่นนั้นมีมานานมาก เพราะฉะนั้นแล้วเรามาย้อนดูพัฒนาการของแฟชั่นกันดีว่า ตั้งแต่ยุค 1900 จนถึงปัจจุบันเนี่ย มีแฟชั่นแบบไหนบ้าง แล้วเราชอบแบบไหนหรือเคยแต่งแบบไหนกันบ้าง   แฟชั่นในสังคมปี 1900-1910 ผุ้หญิงมักจะมารวมตัวกัน และเมื่อพวกเธอเจอผู้ชายที่ดีๆ ซักคน พวกเธอก็จะเต้นรำกับชายคนนั้น   เครื่องแต่งกายในสนามเทนนิส ปี 1900-1910 สุภาพสตรีจะใส่ชุดกระโปรงยาวเวลาเล่นเทนนิสในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20   แฟชั่นแฟนซี ปี 1920 คู่บ่าวสาวสวมชุดคลาสสิคของศตวรรษที่ 20 โดยหญิงสาวได้แรงบันดาลใจจากดาราในยุคนั้น มีขนเฟอร์และกระโปรงลายลูกไม้เล็ก เป็นแฟชั่นที่สาวๆ ต้องมีติดตู้เสื้อผ้าในปี 1920 ส่วนผู้ชายสวมชุดแบบดั้งเดิมพร้อมผูกเน็คไท   สไตล์ปี 1930 มักจะแสดงออกถึงความโศกเศร้าได้ดี แต่ก็ดูมีสไตล์ โดยผู้หญิงสวยในยุคนี้คือ ต้องมีรูปร่างสูง เอวเล็ก สะโพกเล็ก และสาวๆ ส่วนใหญ่ก็ไม่มีความสุขกับสะโพกเล็กซักเท่าไหร่ เพราะมีไหล่กว้าง จะเกิดการเปรียบเทียบนั่นเอง   ปี 1940 ยุคแห่งเฟอร์ที่แท้จริง ยุคนี้เป็นยุคแห่งสงคราม…

นี่เป็นคลิปที่ชวนให้คุณอึ้ง ทึ่ง แต่ไม่เสียว ของหนูน้อย Sofia Bogdanova จากเมืองมอสโก ประเทศรัสเซีย วัย 11 ขวบ ที่เราต้องพูดถึงเธอก็เพราะว่าความสามารถอันยอดเยี่ยมในการเล่นโรลเลอร์เบลดของเธอนี่แหละ     เมื่อไม่นานมานี้หนู Sofia ได้เข้าประกวดการแข่งขันโรลเลอร์เบลดรุ่นเยาวชน CFWC (Czech Freestyle World Cup 2016) ที่จัดขึ้นในสาธารณรัฐเช็ก เมื่อวันที่ 17-19 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันโชว์ลีลาแบบฟรีสไตล์     โดยหนู Sofia อยู่ในทีมโรลเลอร์เบลดมือสมัครเล่นที่ชื่อว่า Seba แต่สิ่งที่น่าทึ่งก็เกิดขึ้น เมื่อเธอเริ่มบรรเลงลวดลายอันพริ้วไหวจนคุณต้องอ้าปากค้าง เช่นท่าที่เธอทรงตัวอยู่บนปลายเท้าข้างเดียว อะไรมันจะเก่งปานน๊าน   .   ไปชมลีลาสุดพริ้วไหวของเธอได้ที่คลิปนี้เลย     ดูแล้วหนู Sofia จะคลั่งโรลเลอร์เบลดมากทีเดียว เพราะไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน เธอก็จะต้องแชะภาพคู่กับโรลเลอร์เบลดคู่ใจอยู่ตลอดเวลา และโชว์ให้เราเห็นว่าทักษะเทพๆ นั้นไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะบนเวทีการประกวดเท่านั้น แต่เธอสามารถเล่นมันได้ตลอดเวลาที่ต้องการเลยล่ะ     หุ่นดีไม่เบาเลยนะแม่สาวน้อย . .   หากใครชื่นชอบหนูน้อยรัสเซียจิ๋วจี๊ดคนนี้ล่ะก็ ตามไปส่อง IG ของเธอได้ที่ sone4ka2005 เลยนะจ๊ะ  …

พูดถึงหมาป่า หลายๆ คนคงคิดว่ต้องอยู่แค่ในป่าเท่านั้นก็ถูกต้องแล้วล่ะ แต่บางทีก็มีคนเอามาเลี้ยงนะ หรือไม่ก็บางครั้งพวกมันอาจจะพลัดหลงมาด้วยก็มี หมาป่าที่ #เหมียวขี้ส่อง จะพามาดูวันนี้เป็น หมาป่าพันธุ์อาราเบียน จะพบได้ในประเทศอิสราเอล จอร์แดน และซาอุดีอาระเบีย มันมีขนาดเล็กกว่าหมาป่าในอเมริกันกับยุโรป ลักษณะคล้ายกับหมาธรรมดาทั่วไปเนี่ยแหละ แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยสนใจมันซักเท่าไร เมื่อปีที่แล้วในประเทศอิสราเอล หมาป่าถูกรถชนจนขาหัก แทนที่คนชนจะลงมาดู แต่กลับปล่อยให้มันทรมานอยู่อย่างนั้น แล้วมันก็เดินกะโผลกกะเผลกไปตามถนน มันคงจะไม่รอด ถ้าไม่เจอคนใจดีคนหนึ่งที่หยุดรถลงไปช่วยมัน แล้วพาไปส่งโรงพยาบาล   สวัสดี เราชื่อ Oliel   สิ่งที่สัตวแพทย์เห็นจากการ X-rays คือเราขาหัก คุณหมอจึงทำการผ่าตัดให้เรา   เราถูกวางยาสลบตอนผ่าตัด   แผลเรายังไม่หายดี เราเลยต้องอยู่ในกรงก่อน   เราดูน่ากลัวใช่มั้ยล่าาาาา (เป็นวิธีที่ไม่ดีสำหรับหมาป่า)   หลังจากเวลาผ่านไปนานถึงสี่เดือน เราก็แข็งแรงพอที่จะกลับไปยังป่าได้   พวกเค้ายกกรงของเราขึ้นรถ   เราไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่ (น่ากลัวจุง T T)   นี่เค้าจะพาเราไปไหนน้าาาาา   ในที่สุด ก็มาถึงแล้วล่ะ   แล้วเค้าก็เอากรงของเราลงจากรถ   พอเปิดประตูออกมาเท่านั้นแหละ!!   ผ่างงง!! เอ๊ะ…

เมื่อได้มองภาพๆ หนึ่ง เช่น ภาพการกอด หรือภาพเหล่าสัตว์นอนอยู่กับลูกๆ ของมัน คุณอาจจะคิดว่ามันก็คือภาพถ่ายธรรมดาๆ ทั่วไป แต่ถ้าหากคุณได้รู้ที่มาที่ไป และความหมายของภาพเหล่านั้น เชื่อว่ามันอาจจะทำให้คุณรู้สึกซาบซึ้งใจตามไปด้วยแน่ๆ เหมือนดั่งเช่นคือเรื่องราวดีๆ ที่ถูกนำมาถ่ายทอดผ่านทางภาพถ่ายเหล่านี้ จะต้องทำให้เรารู้สึกประทับใจ และซาบซึ้งในความรักมากขึ้นอย่างแน่นอน…   เมื่อชายหนุ่มคนนี้พยายามสอนแม่ว่ายน้ำ จึงเกิดเป็นโมเม้นต์น่ารักๆ ระหว่างแม่ลูกอย่างที่เห็น   เด็กชายแอบหลงรักสาวน้อยในหนังสือ และเขาจะจูบเธอทุกครั้งหลังจากที่ได้เห็นเธอ   คุณพ่อผู้เสียสละ กางร่มไม่ให้ลูกเปียกฝน แต่ตัวเองเปียกปอนทั้งตัว   เหล่าน้องลูกเจี๊ยบกำลังขอความอบอุ่นจากถ้วยกาแฟ   ครูพาแมวแสนรักมาอยู่ในห้องเรียน และทุกครั้งที่เขาถามนักเรียน เจ้าแมวจะร้องเหมี๊ยววววววตอบทันที   แม่หมายอมลงมานอนบนพื้น เพื่อให้ลูกของตัวเองได้นอนที่ดีๆ     คุณตาถือดอกไม้ช่อใหญ่มาเซอร์ไพรส์วันครบรอบแต่งงาน 57 ปี ของเขาและภรรยาที่กำลังนอนป่วย     คุณตามาดักรอเซอร์ไพร้ส์คุณยาย ด้วยช่อดอกไม้ที่แอบไว้ด้านหลัง…   ทันตแพทย์นำเจ้าหมา มาค่อยส่งกำลังใจให้ระหว่างทำฟัน เพื่อช่วยลดความเครียดของผู้ป่วย   ม้าของเธอป่วย เธอเลยยอมขนเครื่องนอน ออกมานอนในโรงนาเพื่อเฝ้าไข้มัน…   ภาพแสนประทับใจของนาวิกโยธินสหรัฐ กำลังอุ้มเจ้าหมาของหน่วย หลังจากที่มันเหนื่อยมาจากการฝึกซ้อม…

มนุษย์กับสัตว์นั้นหากได้เป็นเพื่อนกันแล้ว ก็จะเกิดความผูกพันจนไม่อยากจากลากัน แต่ก็ใช่ว่า ทุกคนจะคิดแบบนี้…. เช่นเดียวกับหมีตัวนี้ ที่ถูกใช้ในสงคราม แม้มันจะได้รับการดูแลอย่างดีก็ตาม แต่เมื่อสงครามสงบกลับไม่มีใครต้องการมัน และทิ้งให้มันอยู่อย่างโดดเดี่ยวจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต T_T     โดยหมีตัวนี้มีชื่อว่า Misha ที่ทางทหารรัสเซียซื้อมาจากชาวยิปซี ด้วยราคาที่ค่อนข้างแพง เพื่อใช้บ่งบอกอำนาจและเพื่อความบันเทิงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ทหารกลุ่มนี้ได้รับมอบหมายให้ไปในฝรั่งเศส ซึ่ง Misha ก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมนี้  พวกทหารต่างชอบมันและดูแลมันเป็นอย่างดี เรียกได้ว่า ทหารกินอะไรมันก็ได้กินด้วย เผลอๆ ได้กินดีกว่าซะอีก     กินดีอยู่ดีขนาดนี้ จะอยู่ฟรีได้ไง ดังนั้นมันจึงต้องทำงานตอบแทนเหมือนทหารรัสเซียคนอื่นๆ  โดยหน้าที่ของมันคือการเป็นผู้รักษาความปลอดภัย มันทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยม จนกระทั่งระหว่างที่เยอรมันยิงแก๊สน้ำตาลใส่รัสเซียในช่วงต้นปี 1917 มันได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ใน เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ทหารบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายนาย แต่โชคดีที่ Misha แม้จะบาดเจ็บหนักแต่ก็รอดมาได้     ต่อมาผลจากสงครามทำให้ สถานการณ์ของกองทัพและจิตใจทหารเริ่มแย่ลง คงเป็นเพราะผลจากสงครามอันโหดร้ายที่ทำให้คนเราเปลี่ยนไป จากความรู้สึกแย่และไม่รู้ว่าชีวิตตัวเองจะอยู่ได้ถึงเมื่อไร เหล่าทหารเริ่มไม่เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา และยังแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมออกมาหลายครั้ง ที่สำคัญมันลามไปถึง Misha เพราะจากที่เคยรัก เป็นเพื่อนกัน พวกเขาก็กลั่นแกล้งมันเหมือนเครื่องระบายอารมณ์ ทำร้ายมัน ที่ร้ายที่สุดคือ การสาดน้ำร้อนใส่มัน  …

ลองถามตัวเองดูสิว่า คุณเคยเห็นภาพถ่ายสวยๆ ที่ดูตื่นตาตื่นใจ มีเสน่ห์ และน่าค้นหามามากแค่ไหน หลายคนเคยเห็นภาพวิวทิวทัศน์ของโลกกว้าง ที่สวยสุดลูกหูลูกตา หลายคนเคยเห็นภาพท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ในขณะที่ยังมีภาพถ่ายเจ๋งๆ อีกมากมาย อย่างเช่นภาพถ่ายโลกใต้น้ำแบบครึ่งบกครึ่งน้ำ ที่ทางเว็บไซต์ Scubadiving.com รวบรวมมา การจะได้ภาพพวกนี้มานั้น ทางเว็บไซต์บอกว่าต้องหาโอกาสเหมาะจริงๆ เพื่อให้มีทั้งตัวแบบที่อยู่บนน้ำกับใต้น้ำไปพร้อมๆ กัน ที่สำคัญคือแสงต้องเคลียร์ที่สุด (ต้องมีเลนส์กระจกขนาดใหญ่มาครอบอีกครั้ง) บวกกับเทคนิคเปิดรูรับแสงให้กว้าง และใช้สปีดชัตเตอร์ความเร็วสูงที่สุด พร้อมกับลั่นชัตเตอร์รัวๆ เรามาชมความงามที่ได้มาเหล่านั้นกันเลย…   1   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16…

คนเราเกิดมาในครอบครัวเดียวกัน ก็มักจะมีหน้าเหมือนหรือคล้ายใครคนใดคนหนึ่งในครอบครัวจนเป็นเรื่องธรรมดา แต่กับบางคนก็เหมือนมาก เหมือนแบบชนิดที่ว่าแทบจะแยกไม่ออกกันเลย!! ดั่งเช่น 12 คนหน้าเหมือนบรรพบุรษแบบแยกไม่ออกชุดนี้ โดยพวกเค้าได้ถ่ายรูปท่าเดียวกับบรรพบุรุษของเขา มุมเดียวกัน ในช่วงเวลาอายุเดียวกัน ที่ดูแล้วนึกว่าคนเดียวกันยังไงอย่างงั้น อ่า ไปตัดสินพร้อมกันเลยว่าเหมือนอย่างที่บอกมั้ย?? 1. ภาพด้านซ้ายเป็นรูปของพ่อที่ถ่ายไว้เมื่อปี 1970 และเมื่อลูกชายมาถ่ายในท่าเดียวกัน เป๊ะเวอร์   2. John Lennon และลูกชายของเขา Julian ในช่วงอายุ 20 ต้นๆ ของทั้งคู่   3. Madonna กับลูกสาวของเธอ Lourdes ในวัยเดียวกัน   4. แม่ลูกที่หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะ ทรงผมอาจจะต่างกันนิดนึง แต่ส่วนอื่นแทบแยกไม่ออก   5. Sgt-Yu ผู้เป็นลูกชายได้โพสต์ภาพนี้ พร้อมแคปชั่นว่า “ถึงพ่อผมจะจากไปตั้งแต่ผมอายุ 4 ขวบ แต่ใครๆ ก็บอกว่าผมเหมือนพ่อเป๊ะเลย”   6. รูปพ่อเมื่อ 30 ปีที่แล้ว กับลูกชาย ใส่เสื้อลายการ์ตูนเหมือนกัน ยิ่งเหมือนขึ้นไปอีก   7.…

ไหนใครอยากมีแฟนเป็นลูกครึ่งบ้างยกมือขึ้น วันนี้เหมียวขี้ส่องขอเอาใจคนรักลูกครึ่งด้วยการพาไปดูว่า เด็กๆ ที่เกิดมาจากพ่อแม่ต่างชาติพันธุ์นั้น จะเป็นแบบไหนกันบ้าง โดยภาพที่เราจะได้ดูกันนี้มาจากช่างภาพ Naira Oganesyan ที่ได้ถ่ายรูปเด็กๆ ลูกครึ่งภายใต้โปรเจค “ความงามของเลือดผสม” ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นความงามของใบหน้าของเด็กๆ ที่เกิดจากพ่อแม่ต่างชาติพันธุ์ โดยก่อนหน้านั้น เธอได้ประกาศลงเว็บ และมีคนขอเข้าร่วมมากกว่า 200 ครอบครัว แต่เธอก็จำเป็นต้องคัดออกด้วยความเสียดาย เพราะรับไว้หมดไม่ได้จริงๆ และนี่คือเหล่าเด็กลูกครึ่งที่เห็นแล้ว ถึงกับเข้าใจเลยว่า ทำไมคนถึงนิยมแต่งงานกับชาวต่างชาติกันมากขึ้น ก็น่ารักซะขนาดนี้ เป็นใครก็อยากได้   Lucas วัย 5 ขวบ พ่อเบลเยี่ยม แม่รัสเซีย   Salma วัย 4 ขวบครึ่ง พ่ออุซเบกิสถาน แม่อาร์เมเนีย   Eliza วัย 5 ขวบ พ่อเป็นลูกครึ่งอเมริกันกับจอร์เจีย แม่รัสเซีย   Anna วัย 8 ขวบ พ่ออาร์เมเนีย แม่รัสเซีย   Eva วัย…

อากาศร้อนๆ ใครๆ ก็อยากแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสบายๆ ไม่อึดอัด แต่บางทีเราก็เลือกแบบนี้ไม่ได้ด้วยสิ เช่น หากเราอยู่ในที่ทำงาน หรือโรงเรียน เราก็ต้องแต่งตัวสุภาพ หรือชุดที่ทางสถาบันกำหนด งานนี้ โรงเรียนที่ต้องใส่กางเกงขายาว นักเรียนก็คงแย่หน่อยนะ เช่นเดียวกับโรงเรียน Longhill High School ในเมือง Brighton ประเทศอังกฤษ ที่อยู่ดีๆ นักเรียนชาย 4 คน ใส่กางเกงขาสั้นมาในวันอังคาร ซึ่งเป็นกางเกงพละของโรงเรียน โดยพวกเค้าอ้างว่า “วันนี้มันร้อนมากเลยครับครู เราทนใส่กางเกงขายาวไม่ได้จริงๆ”   Michael Parker, Kodi Ailing, George Boyland และ Jesse Stringer ใส่กระโปรงมา ทั้งๆ ที่ทางโรงเรียนไม่อนุญาต   แต่การใส่กางเกงพละมาเรียนในช่วงเวลาปกติที่ไม่ใช่คาบพละนั้น ขัดกับนโยบายของโรงเรียน พวกเค้าทั้ง 4 จึงถูกจับแยกตัวออกมา และให้กลับไปเปลี่ยนกางเกงทันที พอกลับมาปุ๊บ แทนที่จะใส่กางเกง ไม่ค่ะ!! ใส่กระโปรงมาเลยจ้าาา หนักกว่าเดิมอีก และก็ใส่แบบนี้มาทั้งอาทิตย์นั้นซะเลย แม้ว่าคุณครูหลายท่านจะเตือน…

ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่าปรากฏการณ์ไมโครเบิร์สต์ สำหรับนักบินที่ต้องเอาเครื่องขึ้นลงบ่อยๆ นั้นคงผวากับคำนี้มาก เพราะมันมีผลต่อเครื่องบิน ซึ่งปรากฏการณ์นี้เคยทำให้เครื่องบินตกมาแล้ว อธิบายง่ายๆ ไมโครเบิร์สต์คือพลังลมรุนแรงที่พุ่งลงมาสู่พื้นดิน ลองนึกภาพเราเอาน้ำใส่ถังแล้วเทกระแทกลงพื้นแรงๆ น้ำก็จะกระจายออกเป็นวงกว้าง ช่างภาพคนหนึ่งชื่อว่า Jerry Ferguson เขาโชคดีมากๆ ที่บังเอิญไปเห็นเหตุการณ์ไมโครเบิร์สต์เข้าพอดี ในขณะที่เขากำลังอยู่ที่เมืองฟีนิกส์ รัฐแอริโซน่า และภาพที่ออกมาก็ดูน่ากลัวและงดงามในเวลาเดียวกัน ตอนแรกเขาขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อตามเก็บภาพของเมือง แต่แล้วสายตาของเขาก็ไปเห็นอะไรบางอย่างเหมือนกำลังก่อตัวขึ้นเหนือเมืองฟีนิกซ์ เขาจึงรีบเก็บภาพนั้นมา   และนี่คือภาพที่เขาเก็บมาได้ ดูราวกับว่าท้องฟ้ากำลังรั่วแล้วมีน้ำไหลลงมาอย่างหนัก   เมื่อมองจากที่ไกลๆ ยิ่งดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก   ลองดูในคลิปนี้แล้วจะเห็นได้ว่าแรงลมนั้นมันพาฝนไปได้ไกลแค่ไหน (หาไม่เจอ มานี่เลย) ที่มา boredpanda 

ถ้าคุณเป็นคนที่มีใจรักสัตว์ คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้ทำงานอยู่กับสัตว์ที่คุณชื่นชอบทุกวัน และนี่คือ 11 อาชีพที่คุณจะได้ทำงานอยู่กับสัตว์ ไม่ต้องจบสัตวแพทย์มาก็ทำได้!!   1. นักสืบตามหาสัตว์เลี้ยง   ทุกวันนี้สัตว์เลี้ยงก็เปรียบเสมือนคนในครอบครัวคนหนึ่ง ดังนั้นถ้าหายไปก็เป็นเรื่องใหญ่เลยใช่มั้ยล่ะ?? นักสืบตามหาสัตว์เลี้ยงคือผู้รับจ้างแกะรอยสัตว์เลี้ยงที่สูญหายหรือคาดว่าถูกขโมยไป ซึ่งคุณจะต้องร่วมงานกับตำรวจ และองกรค์ช่วยเหลือสัตว์ต่างๆ เพื่อตามหาสัตว์เลี้ยงมาคืนผู้ว่าจ้างให้ได้   2. ช่างแต่งหน้าสัตว์   อาชีพนี้คุณจะต้องมีทักษะการแต่งหน้าหรือทางด้านศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งคุณต้องทำหน้าที่แปลงโฉมให้กับเหล่านักแสดงหน้าขน รวมถึงคอยดูแลพวกมันอย่างใกล้ชิดในกองถ่ายภาพยนตร์ หรือการแสดงมหรสพต่างๆ   3. บริกรคาเฟ่แมว   ถ้าคุณเป็นคนชอบกาแฟ ขนมเค้ก และลูกแมวเหมียว อาชีพนี้เหมาะกับคุณเป็นที่สุด คุณจะได้เล่นกับแมวทุกวัน และคอยแนะนำแมวเหมียวให้ลูกค้าของคุณได้รู้จัก แต่แน่นอนว่าคุณจะต้องจัดการเรื่อง ‘อึ’ ของพวกมันให้ดี   4. รับจ้างตัดหญ้าโดยใช้แกะ   ถ้าคุณมีฝูงแกะที่แข็งแรงซักฝูง คุณสามารถใช้แกะรับจ้างเล็มหญ้าได้ ไม่ว่าจะสนามกอล์ฟ โรงเรียน หรือบ้านพักที่อยู่อาศัย รับประกันได้เลยว่าหญ้าเท่ากันทุกเส้นแน่นอน และลืมเรื่องปัญหาวัชพืชไปได้เลย   5. ผู้จัดการโรงแรมสำหรับแมวเหมียว   ถ้าคุณอยากเปลี่ยนบ้านให้เป็นโรงแรมสำหรับแมวเหมียว คุณจำเป็นจะต้องมีพื้นที่สำหรับเป็นห้องพักให้แมว และคุณจะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้แมวอย่างครบครัน และหน้าที่ของคุณก็คือดูแลแมวเหมียวที่มาพักเสมือนแขก VIP ของคุณ  …

ตั้งแต่เราเคยเรียนประวัติศาสตร์มา เราได้เห็นภาพในอดีตมากมายที่ทำให้เราทึ่งกับวิถีชีวิตในอดีต แต่แน่ใจแล้วหรอว่า เราเห็นมาหมดแล้ว และนี่คือ 21 ภาพในประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แต่เราไม่เคยได้รู้เรื่องราวเหล่านี้เลย มันจะสักแค่ไหนเชียว ไปดูให้เห็นกับตาเลยดีกว่า   1. ภาพการทดสอบความแข็งแรงของหมวกรักบี้ ปี 1912   2. การฝึกทรงตัวบนม้าที่ทำจากไม้ ปี 1935   3. การรักษาอาการปวดหลังด้วยหมี ในโรมาเนีย ปี 1946   4. รูปภาพของ Salvador Dali ขณะจูบมือ Raquel Welch ปี 1965   5. พิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 22 ที่มอสโก รัสเซีย ปี 1980   6. Peter Freuchen นักสำรวจขั้วโลกกับภรรยาของเขา ปี 1947   7. กลุ่มศิลปินกับการแสดงผาดโผนที่อาคาร Empire State ปี…

พูดถึงวงการตลกแล้ว เราคงจะข้ามเขาคนนี้ไปไม่ได้ นั่นก็คือ นิเชา ชายชาวแอฟริกา ผู้โด่งจากหนังตลกเรื่อง THE GODS MUST BE CRAZY (เทวดาท่าจะบ๊องส์) โดยเขาได้สร้างความฮาให้กับผู้คนมากมาย ทั้งในบ้านเราและต่างประเทศ ชแต่หากเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่เคยดู หรือไม่เคยติดตามก็คงไม่รู้จัก (คนรู้จักนี่ท่าจะแก่กันแล้ว อิอิ) ไม่เป็นไร เดี๋ยว #เหมียวขี้ส่องจะพาไปรู้จักเอง     นิเชา เป็นคนชนผ่าซาน (San) หรือ บุชเมน (Bushmen) จากประเทศนามีเบีย ที่อยู่ในทวีปแอฟริกาใต้ เนื่องจากชนเผ่าของเขา ไม่ได้มีการจดบันทึกประวัติ วัน เดือน ปี เกิด จึงมีการคาดเดาว่า เขาน่าจะเกิด วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2487 เขามีความสามารถในการใช้ภาษาได้ถึง 3 ภาษา นั่นก็คือ ภาษาเฮเรโร ภาษา Tswana ส่วนภาษาแอฟริคานส์ ก็พอสื่อสารได้ นิเชาใช้ชีวิตตามธรรมชาติ ไม่มีเทคโนโลยีแบบคนสมัยใหม่ ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาไม่รู้ค่าของเงิน  …

ในช่วงที่กระแสเกมส์ Pokemon Go กำลังมาแรงและเป็นที่นิยมแทบจะทั่วทุกมุมโลกผู้คนต่างก็กำลังสนุกสนานกับการออกเดินทางจับโปเกม่อนของตนเอง สำนักข่าวต่างๆ ก็กลับเต็มไปด้วยเรื่องราวของเกมส์นี้ แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีอีกประเทศหนึ่งที่เด็กๆ ไม่มีโอกาสได้เล่นสนุกสนานเหมือนที่อื่นๆ และถ้าหากใครยังจำเรื่องราวของสงครามในซีเรียได้คงทราบกันดีว่าความสูญเสียหรือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสงครามครั้งนี้มันยิ่งใหญ่มากโดยเฉพาะกับชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ถึงแม้เวลาจะผ่านล่วงเลยไปนานแล้วจนคนทั้งโลกแทบจะลืมเรื่องนี้ แต่ผลกระทบของสงครามนั้นยังคงอยู่ไม่เคยจางหายไป…   มีเด็กจำนวนมากที่ต้องสูญเสียที่อยู่ ครอบครัว และความสุขในชีวิตไปจากเหตุการณ์สงครามครั้งนี้และพวกเขายังคงต้องการความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน . พวกเขาจึงร่วมกันออกมาถ่ายรูปคู่กับป้ายโปเกม่อนเหล่านี้เพราะเห็นว่าทั่วโลกกำลังให้ความสนใจกับมันเหลือเกิน บางทีนี่อาจเป็นวิธีที่จะมีคนเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาบ้าง . เด็กๆ เหล่านี้ล้วนอยู่กระจัดกระจายกันไปภายในส่วนต่างๆ ของประเทศซีเรีย .   บนกระดาษจะเขียนข้อความระบุย่านที่พวกเขาอาศัยและประโยคที่ว่า “ผมอยู่ที่นี่..ได้โปรดมาช่วยพวกเราด้วย” . .   รูปภาพเหล่านี้ถูกเผยแพร่ขึ้นหลังจากที่มีเหตุการณ์โจมตีทางอากาศในตอนเหนือของซีเรีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยของผู้หญิงและเด็กๆ มีผู้เสียชีวิตมากถึง 50 ราย . .   เป็นอีกครั้งที่โลกได้สอนให้เรารู้ว่า สงครามไม่เคยสร้างความสงบสุขที่แท้จริงมีแต่จะพลัดพรากมันจากไปเท่านั้น มีคนจำนวนมากที่ต้องเป็นเหยื่อของมันโดยที่พวกเขาอาจไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็ได้ สุดท้ายแก๊งแมวเหมียวของเราก็หวังว่าเด็กๆ จะได้รับการดูแลและการช่วยเหลือที่ดีโดยเร็วที่สุด     ที่มา: Independent

เป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง เกี่ยวกับข่าวคราวการตัดสินใจฆ่าตัวตายของเด็กสาวคนหนึ่งในสหราชอาณาจักร Emily Stickells วัย 16 ปี ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ (ซึ่งไม่ได้ระบุไว้อย่างแน่ชัดว่าใครเป็นผู้กระทำ) แต่พอเธอเล่าให้ใครฟังก็ไม่มีคนเชื่อเธอเท่าไรนัก หลังจากนั้น18 เดือนต่อมา…. พ่อแม่ได้มาพบศพของเธอที่บ้านของพวกเขา   Emily Stickells สาวน้อยผู้โชคร้าย   Sharon Thomas แม่ของเธอได้เล่าให้ฟังว่า ‘ที่เธอตัดสินใจฆ่าตัวตายก็เพราะไม่มีใครเชื่อว่าเธอถูกล่วงละเมิดทางเพศ แต่ฉันรู้อยู่เต็มอกว่าเธอไม่ได้โกหกเรื่องแบบนี้แน่นอน’ แม่ของเธอกลับบ้านมาพบกับร่างไร้วิญญาณของลูกสาว หลังจากเธอกลับมาจากที่ทำงานอย่างเร่งรีบ เพราะลูกสาวอยู่ดีๆ ก็ไม่ตอบกลับข้อความของเธอซะงั้น…     Thomas Atherton เจ้าหน้าที่ของ Cardiff Royal Infirmary กล่าวว่า ‘Emily เลิกกับแฟนหนุ่มของเธอในตอนกลางคืน ก่อนที่เธอจะตัดสินใจฆ่าตัวตายในวันถัดมา’   โรงพยาบาล Cardiff Royal Infirmary   Emily ได้เล่าให้คนใกล้ชิดฟังว่าเธอถูกล่วงละเมิดทางเพศครั้งแรกตอนอายุราวๆ 15 ปี แต่กระนั้นก็ไม่มีใครเชื่อเธอมากนัก เพราะหลายๆ คนคิดว่าโอกาสที่เธอจะถูกล่วงละเมิดทางเพศนั้นมีน้อยมาก ระหว่างนั้นเธอได้รับการเยียวยาทางจิตใจโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่เพราะความเขินอายของเธอเองที่ทำให้เธอเก็บปัญหานี้ไว้แต่เพียงลำพัง และบ่ายเบี่ยงการรักษามาตลอด   Atherton เจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลกล่าวเสริมว่า…

เมื่อไม่นานมานี้ ทางสำนักข่าว Dailymail ได้เผยภาพของเจ้าหมีขั้วโลกแสนเศร้า ที่ถูกขังอยู่กรงกระจกเล็กๆ จนทำให้ชาวเน็ตนับแสนต้องออกมาเรียกร้องกดดันหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ทำการปิดตัวสวนสัตว์แห่งนี้…   ล่าสุด รองผู้บริหารของสวนสัตว์น้ำแห่งนี้ได้ออกมาตอบโต้กระแสเรียกร้องนี้แล้ว หลังจากที่มียอดผู้ลงชื่อเรียกร้องแล้วกว่า 300,000 คน   เจ้าหมีตัวนี้ถูกจับมาขังอยู่ในกรงกระจกเล็กๆ อย่างโดดเดียว ณ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแกรนด์วิว กลางศูนย์การค้าในเมืองกว่างโจว ประเทศจีน เพื่อนักเที่ยวได้มาต่อแถวเข้าชม และถ่ายภาพเซลฟี่คู่กับมัน   ชื่อของมันคือ ‘Pizza’   ทุกๆ วันมันได้แต่ก็ถอนใจ เคาะประตูหล็กซ้ำไปซ้ำมา แล้วก็กลับไปนอนหมดอาลัยตายอยากอยู่ในมุมมืดๆ เพียงลำพัง . . .   ทางมูลนิธิสัตว์เอเชีย ได้ทำการยื่นรายชื่อคำร้อง เพื่อให้ปิดพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแกรนด์วิว ในศูนย์การค้าแห่งนี้ ซึ่งก็มีผู้ที่ได้ร่วมลงชื่อมากกว่า 300,000 คนแล้ว Dave Neale ผู้อำนวยการสวัสดิภาพสัตว์สมาคมพิทักษ์สัตว์แห่งเอเชีย กล่าวว่า “มันถูกขังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่จำกัดมาก ซึ่งนั่นไม่ใช่ธรรมชาติของพวกมันเลย ถึงจะมีสระน้ำให้ว่าย แต่สระก็เล็กมาก ดังนั้นมันควรถูกย้ายไปให้ไปอยู่ในที่ที่ดีกว่านี้”   เด็กๆ ที่มาชมคอยเคาะกระจกเรียกความสนใจจากมัน แม้แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ไม่ห้าม . .…

หากคุณคุ้นเคยกับภาพของชาวประปงในไทยและวิถีการหาปลาของบ้านเราล่ะก็ คุณอาจจะรู้สึกอะเมซิ่งสุดๆ เมื่อได้เห็นการจับปลาในรูปแบบที่เราไม่คุ้นตาจากชาวประมงในไต้หวันก็เป็นได้ วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ทุกคนไปล่องเรือหาปลากับชาวประมงในไต้หวันกัน แต่พวกเขาไม่ได้ใช้อวนหรือแหนะ แต่พวกเขาใช้พลุไฟแทน!?     บางคนอาจจะสงสัยว่าพลุไฟนั้นช่วยหาปลาได้ยังไง? ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะว่าพวกเขาใช้วิธีนี้มานานกว่า 100 ปีแล้ว อย่างเช่นคลิปที่#เหมียวฟิ้นนำมาเสนอให้ดูในวันนี้เป็นการออกไปจับปลาซาดีนในแถบชาบฝั่งของไต้หวัน พวกเขาจะจุดพลุไฟที่บรรจุอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ จากนั้นก็จะยื่นออกไปในทะเล ทันใดนั้นปลานับร้อยนับพันก็ประโจนตัวขึ้นมาเหนือน้ำทันที     สาเหตุที่พวกมันพากันกระโดดออกมาแบบนี้ก็เพราะว่าชาวประมงได้ใส่ผงซัลฟูริกลงไปที่ก้นกระบอกไม้ไผ่ ซึ่งพวกเขาใช้ในการล่อปลาให้ขึ้นมาจากน้ำ เท่านี้ปลาก็พร้อมจะกระโจนออกมาแล้ว ตามรายงานบอกว่าชาวไต้หวันจะออกหาปลาซาดีนได้ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม และในช่วงหลังๆ มานี้จำนวนปลาซาร์ดีนก็ลดลงอย่างน่าใจหาย ทำให้แต่ก่อนที่เคยมีเรือหาปลามากถึง 300 ลำ ปัจจุบันเหลือเพียง 3 ลำเท่านั้น ในแต่ละคืนเรือของชาวประมงจะสามารถจับปลาซาร์ดีนได้วันละ 3-4 ตัน คิดเป็นเงินก็ราวๆ 157,300 บาทเลยทีเดียว     ใครอยากรู้ว่าปลามันกระโดดขึ้นมายังไง ลองไปดูคลิปนี้กันเลย   เป็นภาพที่น่าอะเมซิ่งมาก ว่าแล้วพวกเราก็ออกเรือไปหาปลากันเล้ย!! ที่มา viralnova , KennyHDV空中攝影

นี่แหละคือผู้หญิงคนนั้น ‘ผู้หญิงมีหน้าอกธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุด’ เจ้าของสถิติโลกยาวนานกว่า 17 ปี ไม่มีใครใหญ่เทียบเท่าเธออีกแล้ว   เธอคือ Annie Hawkins-Turner จากเมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ครองตำแหน่งผู้หญิงที่มีหน้าอกใหญ่ที่สุดในโลกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 (ฉายาของเธอคือ Norma Stitz มาจากคำว่า enormous t**s ที่แปลว่าหัวนมขนาดมหึมา)   หน้าอกคัพ Z คู่มหึมาของเธอมีน้ำหนักถึงข้างละ 29.4 กก. มีความยาวถึง 1.37 เมตร และกำลังใหญ่โตขึ้นอีกเรื่อยๆ ทุกๆ วัน   Annie เริ่มมีหน้าอกตอนอายุ 5 ขวบ หน้าอกเธอโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนเธออายุ 9 ขวบ เธอต้องใส่ชุดชั้นในไซส์ 36D และมันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนถูกเพื่อนๆ ตั้งฉายาให้ว่า “ยัยนมปลาวาฬ” “หมอก็วินิจฉัยว่าฉันเป็นโรคที่เรียกว่า Gigantomastia ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับการชะลอตัวการเจริญเติบโตของเนื่อเยื่อเต้านม ซึ่งทำให้หน้าอกของฉันยังโตขึ้นเรื่อยๆ มาถึงทุกวันนี้” Annie อธิบาย     ในปี…

หากพูดถึงสิงคโปร์หลายๆคนคงนึกถึงห้างหรูสำหรับช็อปปิ้ง สวนสาธารณะชิวๆไว้พักผ่อนหย่อนใจ หรือจะไปถ่ายรูปแบบคูลๆ ก็ยังได้ แต่รู้กันหรือไม่ว่ามีสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่โคตรจะแปลกเลยจริงๆ เพราะมันถูกสร้างจากเรื่องราวตำนานพื้นบ้านของจีนราวกับว่าเราได้ไปเที่ยวนรกมาจริงๆเลยหล่ะ ถ้าใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศขอแนะนำให้ไปที่นี่เลย ‘Haw Par Villa’   เปิดมาด้วยรูปปั้นของยมทูตที่กำลังจะเอาอวัยวะภายในของคนออกมา ได้อารมณ์เห็นอะไรใหม่ๆแบบหลอนๆอยู่เหมือนกัน   ตามทางเดินยังมีหัวของใครก็ไม่รู้วางเต็มไปหมด (ขนาดแค่รูปปั้นนะเนี่ยหลอนใช้ได้เลย)   คล้ายๆกับเรื่องนรกของไทยเลยนะมีการทรมานที่คล้ายคลึงกัน   อ้าวพี่!! ไปทำอะไรตรงนั้น   ไม่แน่ใจว่ามันกำลังจะช่วยหรือกำลังจะกินกันแน่?   เดี๋ยวๆผิดคนรึเปล่า? ต้องเป็นลูกน้อยที่นอนอยู่สิพี่ที่ควรกินนม ปัดโถ่ววว 555+   สงสัยชอบเตะหมาเลยโดนหมากัดคืนซะเลย   กองพันทหารลิงก็มีนะเจี๊ยกๆ   “นี่ลื้อต้องให้อั้วะโทรไปตามอีกนานมั้ย?”   ขอเตือนเลยว่าอย่าได้ริอาจเดินเข้าไปในถ้ำแห่งนี้เป็นอันขาด   อย่าคิดซ่ากับตือโป๊ยก่ายนะจะบอกให้!!   ป้ายเขียนไว้ว่า ‘บ่อเลือดสกปรก’ (คงสกปรกจริงๆเห็นฝุ่นเกาะเต็มเลย)   น้องนางทำไมน่ารักขอพี่หยิกแก้มที (เรื่องของหมูกับหนูเค้าจีบกันงานนี้คนไม่เกี่ยว)   ช่างเป็นรูปปั้นกระต่ายที่แววตาดูหลอนจริงๆ   เหมือนกับว่าได้ไปทริปเที่ยวนรกฟรีอย่างนั้นเลย คาดว่าหลายๆรูปปั้นต้องถูกสร้างมาเพื่อเสียดสีความเป็นมนุษย์และเพื่อให้ระลึกถึงการทำความดีอย่างแน่นอน แต่ก็นับว่าเป็นสถานที่ๆแปลกหูแปลกตามากๆ ถ้าเที่ยวห้างเบื่อแล้วจะลองไปที่นี่ดูก็ไม่เสียหายนะสนุกไปอีกแบบเลยล่ะ ที่มา: ViralNova

ไบเซ็กชวล (Bisexual) ถ้าจะอธิบายง่ายๆ ก็จัดว่าอยู่ในกลุ่มรักร่วมเเพศ ซึ่งไม่ได้ระบุแน่ชัดว่า ต้องเป็นเพศเดียวกันเท่านั้น อาจจะเพศตรงข้ามก็ได้ ประมาณว่าหญิงก็ได้ ชายก็ดี แต่ล่าสุดมีการวิจัยเกี่ยวกับ ‘ไบเซ็กชวล’ ว่า ผู้หญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชาย หืมมมม จริงหรอเนี่ย ลองไปติดตามกันเลยดีกว่า…     โดยในการวิจัยครั้งนี้นักวิจัยได้ใช้กลุ่มตัวอย่างจากสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยผู้หญิง 5,018 คน ผู้ชาย 4,191 คน แล้วก็พบว่า ผู้หญิงมีโอกาสที่จะเป็น ‘ไบเซกชวล’ มากกว่าผู้ชาย และในช่วงอายุ 22-28 ปี ผู้หญิงยังสามารถเปลี่ยนรสนิยมของตัวเองได้มากกว่า 3 ครั้งด้วย (โอ้ววววว) ในขณะที่ผู้ชายนั้น จะชัดเจนในตัวเองว่า เป็นผู้ชายก็คือผู้ชาย เป็นเกย์ก็เกย์ไปเลย แทบจะไม่มีโอกาสของการเปลี่ยนรสนิยมมากเท่ากับผู้หญิง     Dr Elizabeth McClintock ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาที่มหาวิทยาลัย Notre Dame ประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า “ผู้หญิงจะมีความดึงดูดต่อทั้งเพศชายและเพศหญิง และหากตัวเลือกที่เป็นเพศตรงข้ามมีความน่าสนใจ เธอก็จะเลือกเพศตรงข้าม” งานวิจัยของ McClintock ยังบอกอีกว่า…

Jiva Akbor หญิงสาวชาวมุสลิมที่ได้แชร์เรื่องราวของตัวเองลงบน Facebook ซึ่งเชื่อว่าเรื่องราวของเธอนี้จะทำให้เรารู้สึกมีความหวังกับการได้เห็นมนุษย์ที่ต่างชาติพันธุ์ ศาสนา และ ความเชื่อ อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข…   เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ Akbor ได้ส่งข้อความหาเพื่อนของเธอเพื่อแสดงความเห็นอกเห็นใจที่เพื่อนของเธอที่รถเสียว่า “ขอให้อัลเลาะห์จงอยู่กับคุณและผ่านวันร้ายๆนี้ไปได้” แต่เมื่อผู้โดยสารที่นั่งข้างๆเธอได้เห็นข้อความที่ส่งไปทำให้เธอเกิดอาการตื่นตระหนกและกลัวจนไม่อยากจะนั่งที่ตรงนั้นอย่างเห็นได้ชัด แต่นั่นก็ไม่ทำให้เธอต้องเสียความมั่นใจไปเพียงเพราะเธอเป็นมุสลิม เธอเริ่มตั้งสติและเข้าไปอธิบายด้วยความอ่อนน้อมและใจเย็นว่าข้อความที่ส่งไปเป็นเพียงภาษาอารบิกและมีความหมายถึงพระเจ้าเฉกเช่นเดียวกันกับศาสนาอื่นๆเธอไม่จำเป็นต้องกังวลใดๆ   ภาพถ่ายเซลฟี่ที่ทำให้เราได้เห็นว่าถึงแม้จะต่างศาสนาแต่มิตรภาพดีๆก็เกิดขึ้นได้เสมอ   ทั้งสองจึงได้เรียนรู้ความแตกต่างและทำความเข้าใจซึ่งกันและกันซึ่งนั่นก็นำพาให้เกิดมิตรภาพใหม่ๆขึ้นระหว่างการเดินทางแถมทั้งสองยังสัญญาต่อกันอีกด้วยว่าจะพยายามติดต่อและช่วยเหลือกันและกันหลังจากนี้   ข้อความที่ทั้งสองส่งให้กันแสดงความเป็นห่วงเป็นใยต่อกันและยังติดต่อกันอยู่เสมอ   หลังจากที่ Akbor ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊คของตัวเองเรื่องราวนี้ก็ถูกแชร์ไปมากกว่า 8,000 ครั้ง เราไปดูปฏิกริยาของชาวเน็ตทั่วโลกกันดีกว่าว่าจะคิดอย่างไรกับเรื่องนี้กันบ้าง “ยอดเยี่ยมมาก เป็นเรื่องดีที่เราควรจะสอนให้เรียนรู้มากกว่าการมานั่งตัดสินกัน จริงอยู่การทำความเข้าใจในความต่างบางทีอาจทำให้เราโมโหได้ง่ายๆแต่นั่นก็เป็นสิ่งเดียวที่ทุกคนควรทำเพื่อให้โลกนี้น่าอยู่สำหรับคนรุ่นหลังต่อไป”   “เป็นเรื่องราวที่วิเศษสุดๆ หวังว่าทุกคนจะสามารถคุยกันได้แบบนี้ดีกว่าโหมกระหน่ำความบ้าคลั่งใส่กันอย่างที่เป็นอยู่”   “นับว่าเป็นเรื่องที่สร้างแรงบันดาลใจดีๆและทำลายสิ่งที่ขวางกั้นเราไว้ระหว่างความแตกต่าง คงจะดีถ้าสื่อหันมานำเสนอเรื่องราวเหล่านี้มากขึ้นและสนใจไปที่การทำให้ผู้คนรวมเป็นหนึ่งเดียวแน่นอนว่าต้องดีกว่าการแบ่งแยกกันอย่างที่เป็นอยู่แน่นอน”    ถึงแม้ว่าปัจจุบันสื่อใหญ่ๆทั่วโลกมักจะกล่าวถึงชาวมุสลิมในเหตุการณ์ก่อการร้ายจนทำให้หลายๆคนต่างเกิดอาการกลัวอย่างเหตุการณ์ข้างต้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนมีความเชื่อและทัศนคติที่แตกต่างจากเราจะเป็นคนไม่ดี เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการเข้าใจกันและเรียนรู้ที่จะอยู่บนความแตกต่างซึ่งกันและกันต่างหากล่ะ  

ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างมีของรักของหวงในร่างกายกันทั้งนั้น ผู้หญิงนี่อาจจะหลายส่วนหน่อย แต่สำหรับผู้ชาย เรารู้ดีกว่า พวกเขาหวงเจ้าน้องชายนั้นมากแค่ไหน ถึงขั้นเรียกว่า กล่องดวงใจ เลยละ แล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าน้องชายนี่เรื่องใหญ่แน่ๆ เหมือนกับกรณีนี้ ที่เด็กชายคนหนึ่งเกือบเสียงกล่องดวงใจด้วยอุบัติเหตุที่ไม่คิดว่าจะเกิดได้ งานนี้ถ้าช่วยไว้ไม่ทัน มีหวังเสียใจไปตลอดชีวิต T T     Laura Collins ชาวอังกฤษและครอบครัวไปได้ไปเที่ยวพักผ่อนในวันหยุดที่ชายหาดแห่งหนึ่งในประเทศสเปน ระหว่างที่กำลังเล่นน้ำกันอยู่นั้น อยู่ดีๆ ลูกชายของเธอ Jack ก็ร้อง อ๊ากกกก เธอรีบวิ่งไปดู ปรากฏว่า ตาข่ายซับในกางเกงไปพันเข้ากับกล่องดวงใจของลูก และมันทำอีท่าไหนไม่รู้มันพันแน่นมาก ชนิดที่ว่าไม่อยากให้บรรยายเลย ยุ่งละสิทีนี้ เธอจึงรีบวิ่งไปที่จุดบริการลูกค้า เพื่อขอยืมกรรไกร พวกเค้าพยายามจะตัดตาข่าย แต่ก็กลัวจะโดนใส่อันนั้นของลูกชาย สุดท้ายจึงต้องไปพาโรงพยาบาล   Jack ผู้น่าสงสาร ดูหน้าแล้วเข้าใจถึงความเจ็บปวดนี้เลย   เมื่อมาถึง หมอก็ทายาชาที่บริเวณนั้นให้ Jack แล้วก็ตัดตาข่ายออก หมอบอกว่า ‘อาการภายนอกนั้นไม่น่าเป็นห่วงเท่าไรหรอก แต่ภายในสิ หมอกลัวว่าเขาจะมีปัญหากับระบบปัสสาวะมากกว่า เพราะมันถูกพันไว้ซะแน่นเลย’ แต่หลังจากนั้นก็พบว่า Jack ยังปัสสาวะได้ตามปกติ หมอจึงตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งแล้วบอกว่า  “ไม่ต้องห่วงแล้ว หายเป็นปกติแล้ว…

ในโลกนี้ คงไม่มีใครอยากมีร่างกายพิการหรอกจริงมั้ย แต่เมื่อมันเกิดแล้ว ก็ต้องหาทางรักษา แต่หากไม่มีทางรักษา เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน… เช่นเดียวกับเรื่องที่จะพาไปดูในวันนี้ โดยหญิงสาวคนหนึ่งต้องเผชิญกับความพิการที่แปลกประหลาด ถึงขนาดว่า แพทย์ยังต้องงงกับสิ่งที่เธอเป็น จึงทำให้เธอต้องทนในสภาพนี้มา 19 ปีแล้ว       สำนักข่าวเดลีเมล์ได้รายงานว่า Rahma Haruna หญิงสาวชาวไนจีเรียวัย 19 ปี จากเมืองคาโน เกิดมาพร้อมความพิการที่ประหลาดและหาได้ยาก หลังจากที่เกิดมาได้ 6 เดือน ร่างกายทั้งหมดของเธอก็หยุดการเจริญเติบโต  เธอไม่มีแขน ขาที่เติบโตแบบคนปกติ จึงต้องอยู่แต่ในกาละมัง เวลาไปไหนมาไหนครอบครัวและเพื่อนบ้านก็จะคอยช่วยเหลือเธอ ในขณะที่ส่วนหัวและสมองของเธอยังทำงานได้ปกติเหมือนคนปกติ แม่ของเธอเล่าว่า “หลังจาก 6 เดือนนั้น เธอเรียนรู้จะนั่ง แต่ไม่ได้เรียนเกี่ยวกับคลานเลย” และเธอยังบอกอีกว่า “เพื่อนบ้านช่วยฉันได้มากเลยค่ะ เวลาที่ฉันต้องการความช่วยเหลือ พวกเค้าก็จะมาหาตลอด หรือหากต้องการอะไร พวกเค้าก็จะหามาให้ ต้องขอบคุณจริงๆ”     Rahma ยังมีน้องชายวัย 10 ขวบคนหนึ่ง ที่มีร่างกายปกติ และพวกเขาก็สนิทกันมาก น้องชายเธอบอกว่า “ผมช่วยเหลือพี่ทุกอย่างฮะ ผมอาบน้ำให้เธอ…

การสั่งของบนโลกออนไลน์ ก็เปรียบเหมือนการวัดดวง เพราะหากของที่สั่งไปนั้นตรงตามกับภาพในเว็บไซต์ ก็ถือว่าคุณโชคดีไป แต่ถ้าหากใครโชคร้าย สิ่งที่ได้มานั้นอาจจะทำให้คุณจะหัวเสียเบาๆ แน่นอน เหมือนดังเช่นเหตุการณ์ของ Emily Heller หนึ่งในผู้ที่สั่งซื้อของออนไลน์จากเว็บไซต์ Amazon ก็ต้องมาเจอกับเหตุการณ์ที่เฟลสุดๆ หลังพบว่าของที่ได้รับมา กลับผิดคาดไปจากสิ่งที่เคยเห็นในภาพซะเหลือเกิน     เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2559 ทางเว็บไซต์ Metro ได้เผยภาพสุดฮาจากทวิตเตอร์ของ Emily Heller ผู้ที่ได้สั่งซื้อพรมเช็ดเท้ามาในราคา $14 แบบไม่รวมค่าส่ง ซึ่งแน่นอนว่าพรมเช็ดเท้าที่เธอคาดหวังไว้ น่าจะสามารถใช้งานได้ดีระดับหนึ่ง แต่ทว่าหลังจากที่พรมเช็ดเท้าเจ้ากรรมมาถึง กลับทำให้เธอต้องอึ้ง เพราะสิ่งที่เห็นในความเป็นจริง ต่างกับสิ่งที่คิดไว้ซะเหลือเกิน     และเมื่อลองเปรียบเทียบภาพทางอินเทอร์เน็ต กับของจริง บอกเลยว่ามันแตกต่างกันมากกกกกก เพราะของจริงมันกลับกลายเป็นชิ้นส่วนของโฟมที่ถูกพิมพ์ลายให้ดูคล้ายกกับ “พรม” นั่นเอง ขุ่นพระ!!     หลังจากที่เธอได้นำภาพดังกล่าวไปเผยแพร่ลงในทวิตเตอร์ งานนี้บรรดาชาวเน็ตต่างก็พากันมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย แถมยังมีคนรีทวิตไปกว่า 10,600 ครั้ง และกดไลค์ถึง 25,000 คนเลยทีเดียว  …

James Holt ชาวอังกฤษ อายุ 22 ปี จากเมืองบิวรี มณฑลเกรเทอร์แมนเชสเตอร์ อยากจะสวยเหมือนไอดอลของเค้า ก็เลยลงทุนไปกับกระบวนการเสริมความงามกว่า 21,000 ปอนด์ (หรือราวๆ 1 ล้านบาทเลยทีเดียว) แถมยังบอกอีกว่าต้องการที่จะถอดซี่โครงออกอีก 6 ซี่ เพื่อที่จะทำให้ฝันที่จะมีหุ่นนาฬิกาทรายเป็นจริง   เขาทุ่มเงินไปกว่า 10,000 ปอนด์ กับตบแต่งริมฝีปากโดยเฉพาะ โดยให้ออกมาเหมือนกับ Khloe Kardashian และ Kylie Jenner ซึ่งเป็นไอดอลของเค้ามากที่สุด   นอกจากริมฝีปาก เค้าก็ยังหมดไปกับการทำโบท็อกอีก 3,000 ปอนด์ และอีก 2,000 ปอนด์สำหรับฉีดฟิลเลอร์ที่แก้ม ใต้ตา และขากรรไกร “ฉันจะดูเป็นอะไรที่ปลอมมากๆ แต่นั่นแหละลุคที่ฉันต้องการ” ๋ James กล่าว   .   James วางแผนที่จะเปลี่ยนโฉมมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว พอเขาอายุครบ 17 ปี เขาก็ได้นัดหมอเพื่อฉีดริมฝีปากเป็นครั้งแรก  …

นี่คือภาพโดย Frédéric Séguin ช่างภาพสื่อมวลชนซึ่งถ่ายในระหว่างการประท้วงอย่างสันติของประชาชนในประเทศมาซิโดเนีย ภายหลังจากหลายปีที่ประชาชนต้องทนอยู่กับรัฐบาลอันคอร์รัปชั่น ประชาชนทุกเพศทุกวัยต่างพากันร่วมใจทำการเปลี่ยนโฉมเมือง ด้วยการทาสีไปตามถนนและสิ่งก่อสร้างที่มาจากเงินทุนที่สกปรก เป็นการประท้วงที่ปราศจากการใช้ความรุนแรง และเป็นภาพที่น่าทึ่งเป็นที่สุด   ช่างภาพบอกว่า แทนที่จะใช้ปืน ระเบิด หรือความรุนแรงมาห้ำหั่นกัน   พวกเขาแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ด้วยสีสันเหล่านี้   งานเบื้องหลังของเหล่าผู้ประท้วง กำลังเตรียมสีทั้งหลาย   แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ได้รับความสนใจจากทางรัฐบาลเลยก็ได้   แต่กลุ่มของพวกเขายังคงเดินหน้าทำมันต่อไป บนจุดมุ่งหมายที่แน่วแน่   พวกเขาไม่ต้องการความรุนแรง และมีวิธีในการนำเสนอแบบของพวกเขาเอง…   จึงออกมาเป็นผลงานแบบที่เราได้เห็นกันนี้ . . . . . . . . . . .   เห็นทีแรกก็นึกว่างานแสดงศิลปะซะอีก เป็นภาพการประท้วงที่สวยมากทีเดียวเลยใช่มั้ยล่ะ ที่มา: Boredpanda

สำหรับเพื่อนๆ ที่เคยเดินทางไปไหนมาไหนด้วยเครื่องบินแล้ว เราจะรู้ว่ามันมีกฎระเบียบมากมาย นั่นเพราะว่าการเดินทางด้วยเครื่องบินนั้นต้องมีความรัดกุมเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยเป็นอย่างมาก ทุกครั้งก่อนขึ้นบิน บนเครื่องก็จะมีการสอนใช้อุปกรณ์กู้ภัยต่างๆ เช่นการใส่หน้ากากอ็อกซิเจน หรือการคาดเข็มขัดนิรภัย เป็นต้น ซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่นั้นก็คือพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินนั่นเอง   ทางแฟนเพจเฟซบุ๊ค The LAD Bible ได้ทำการแชร์คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเที่ยวบินเที่ยวหนึ่ง ที่แอร์โฮสเตสก็ออกมาสาธิตการใช้งานอุปกรณ์เซฟตี้อย่างปกติ แต่ผู้โดยสารที่นั่งมาในเที่ยวบินนั้นเป็นแฟนบอลชาวไอริชหลายคน     และเหล่าแฟนบอลทั้งหลายเหล่านั้นก็นึกสนุกส่งเสียงเชียร์ที่เรียกว่าการเชียร์แบบชาวไวกิ้ง แซวสาวแอร์โฮสเตสที่กำลังทำหน้าที่อยู่จนเกิดอาการเขินอายถึงกับทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว     และดูเธอพยายามกลั้นใจที่จะกลับมาทำหน้าที่ของเธออีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจนหลุดขำออกมาอีก…     เหล่าผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ต่างก็ปรบมือหัวเราะชอบใจกันอย่างสนุกสนาน นั่นอาจเป็นเพราะความน่ารักของสาวแอร์ที่กำลังพยายามเอาชนะความเขินอายมาทำหน้าที่ต่อ ฮร่า     ลองไปชมคลิปเหตุการณ์กันเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… Football Fans Not Letting Air Hostess ConcentrateFootball fans on flight distracting the air hostess doing the safety announcement… ? Posted by…

นอกจากพวกสล็อตแล้ว สิ่งมีชีวิตจอมอืดอาด ที่ขึ้นชื่อได้ว่าเคลื่อนไหวช้าที่สุด หนึ่งในนั้นก็คงจะหนีไม่พ้น “หอยทาก” อย่างแน่นอน และด้วยความเชื่องช้าของมัน จึงทำให้บรรดามนุษย์ทั้งหลายได้จัดการแข่งขัน “วิ่งหอยทากชิงแชมป์โลก” ซะเลย เย้ยยย จับหอยทากมาวิ่งแข่งมันมีจริงๆ หรือเนี่ย เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2559 เว็บไซต์ของ World Snail Racing Championships มีรายงานว่าได้ทำการจัดการแข่งขัน “วิ่งหอยทากชิงแชมป์โลก” ณ มณฑลนอร์ทฟอล์ก สหราชอาณาจักร     สำหรับกติกาในการแข่งขันก็คือ หากหอยทากตัวใดเข้าเส้นชัยเป็นตัวแรก จะได้รับรางวัลชนะเลิศเป็นกระถางเงิน พร้อมจุมาด้วยกะหล่ำปลีแสนอร่อย โดยในปีนี้เจ้าหอยทากที่ชื่อว่า “Herbie 2” ของนาย Colin Voss วัย 45 ปี จากแคว้นเคมบริดจ์เชอร์ สามารถคลานครบเส้นทาง 13 นิ้ว ด้วยเวลาเพียง 3 นาที 25 วินาที (เร็วมว๊ากกกกก) จนทำให้มันเอาชนะหอยหากตัวอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย พร้อมคว้ารางวัลชนะเลิศในปีนี้ไปครองได้สำเร็จ…

ครั้งหนึ่ง เราเคยได้สัมผัสกับสุดยอดเทคโนโลยีไฮเทค ที่มีชื่อว่า…. จีที สองร้อยยยยย   หรือกระทั่งเทคโนโลยีประหยัดน้ำมันที่ไม่มีขายที่ไหน ยกเว้นเมืองไทย NP Faster!!!   และวันนี้ เมืองไทยกลับมาอีกครั้งในด้านผู้นำนวัตกรรมระดับโลก!!!! ก่อนอื่น ใครที่ยังไม่รู้จักการ์ดใบนี้ คงต้องย้อนเรื่องราวจากในกระทู้พันทิป ‘การ์ดประหยัดพลังงาน’ ที่ตั้งโดยคุณ unseenmicro จนมีการแชร์กันอย่างล้นหลาม เกี่ยวกับอุปกรณ์ที่สามารถช่วยลดการใช้พลังงานได้อย่างเหลือเชื่อ เหลือเชื่อมากๆ (มากกกกก และมากที่สุด -*-!!)   ลองไปดูสรรพคุณของมันกันหน่อยซิ . . . . . . . . . แหม่ สรรพคุณน่าทึ่งขนาดนี้ ดูซิว่าชาวพันทิปเค้ามีความคิดเห็นกันยังไงบ้าง   “น่าจะเอาไปติดกับ กระสวยอวกาศ ดามเทียม เครื่องบิน เขื่อนด้วยน่าจะดี 555555.” สมาชิกหมายเลข 3081696  “เอาไปสะสมคะแนนที่ Tops ได้ด้วยนะครับ ” meam “เอาไปแป่ะตาม Bank ดอกเบี้ยที่กู้มาจะลดลงมั้ยฮะ” Just_BulleT “ใช้อุปกรณ์ยังประหยัดไม่พอ ต้องกินหญ้าด้วย”  การกินเป็นสิ่งจำเป็น  …

การประกวดส่วนใหญ่ เรามักจะเห็นประกวดสาวงาม เซ็กซี่ ซึ่งก็เป็นที่ถูกอกถูกใจหนุ่มๆ ไป แล้วสาวๆ อย่างเราล่ะ จะได้มีโอกาสเห็นผู้ชายประกวดบ้างมั้ย??   นี่เล่ยยย กับการประกวดภายใต้ชื่อ Mr World Championship งานนี้ไม่ได้คัดกันที่หน้าตาอย่างเดียวนะ แต่ยังดูไปถึงผิวพรรณและบุคลิกภาพด้วย อู้ววว สาวๆ เตรียมเช็ดนำลายได้เบยยยย โดยงานนี้ มีผู้เข้าประกวดทั้งหมด 47 คน แต่มีคนหนึ่งที่เด่นสะดุดตาซะเหลือเกิน จนได้เป็นผู้คว้าตำแหน่งนี้ไป เค้าคนนั้นก็คือ แต่นแต๊นนนนน!! Rohit Khandelwal  (คงอยากคลิกเข้าไปส่องไอจีแล้วสินะ)     ชายหนุ่มที่มาพร้อมกับชุดทักซิโด้สีดำที่มีความคลาสสิกสุดๆ (ออกแบบโดย Nivedita Saboo )   และนี่คือโฉมหน้าของผู้ชนะเลิศ….   ส่วนนี่คือเหล่าผู้เข้าประกวด (คนไหนก็ได้เนอะ เอิ๊กๆๆ)   แถมยังรักเด็ก น่าจะมีลูกด้วยจริงๆ (พอออออ หยุดหื่น!!)   แต่ดูสายตานั่นสิ… จะให้หยุดคิดได้อย่างไร   ก็บอกแล้วว่าอย่าทำตาแบบนี้   มาแนวอบอุ่น ด้วยชุดชมพูพริ้งงงงงง   ซูมใกล้ๆ ก็ยังปัง…

ในช่วงหน้าร้อนและฝนตกแบบนี้ มันก็เป็นโอกาสดีที่เราจะได้ไปเล่นน้ำให้จิตใจชุ่มฉ่ำ แต่ว่าถ้าจะไปก็ต้องเลือกที่นิดนึง เผลอๆ คุณอาจจะได้ไปเจอกับนักท่องเที่ยวจีนแบบจัดเต็มขนาดนี้ นี่คือภาพของกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่ร่วมใจกันมาเล่นน้ำในวันหยุดพักร้อน เรียกได้ว่าเป็นสระที่แออัดที่สุดเลยก็ว่าได้ จนขนาดได้รับฉายาว่าเป็นสระน้ำ ‘Dead Sea’ แห่งประเทศจีน   สระแห่งนี้ตั้งอยู่ในมณฑลเสฉวน ดึงดูดผู้คนรอบๆ ให้มาพักผ่อนกันแบบไม่ต้องเกรงใจใคร สระน้ำเค็มนี้มีขนาดที่กว้างมากถึง 30,000 ตารางเมตร แต่ถึงจะใหญ่ขนาดไหน ก็ไม่อาจรับรองชาวจีนนับหมื่นที่แห่มาได้ ไม่เชื่อก็ลองดูในรูปสิ แล้วจะรู้ว่ามันแออัดสักแค่ไหน   . . . . .   เห็นแบบนี้แล้วต่อให้ร้อนยังไงก็ไม่กล้าลงไปอยู่ดี เล่นกันแบบแออัดแบบนี้มันจะสนุกยังไงเนี่ยยยย ที่มา dailymail

วันนี้ #เหมียวขี้ส่อง ขอนำเสนอโครงการดีๆ เพื่อทำให้โลกนี้น่าอยู่มากขึ้น ด้วยโครงการที่มีชื่อว่า Secret Love ซึ่งเป็นโครงการที่ไม่แสวงหาผลกำไร ออกแบบงานศิลปะเพื่อกระจายความรักให้กับคนทั่วโลกด้วย เริ่มแรกนั้นก่อตั้งโดยศิลปิน Michael Elion และได้เป็นโปรเจคทางการของงาน World Design Capital 2014 ด้วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในชุมชน และเป็นการสร้างจิตสำนึกในการมีส่วนร่วมเพื่อสังคม     ล่าสุดได้มีการผลิต ‘ชุดกันฝน’ เพื่อคนด้อยโอกาส และยามที่เฝ้ารถในเคปทาวน์ หลายคนคงสงสัยว่า ทำไมต้องเป็นคนเฝ้ารถ?? เพราะเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่จะคอยสอดส่องดูแลรถยนต์ของเรา (ปัญหาโจรขโมยรถมีเยอะมากสำหรับที่นี่) ดังนั้น นี่จึงเป็นการตอบแทนพวกเค้าที่ช่วยเฝ้ารถให้ แม้จะเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้ได้บ้าง เวลาที่ฝนตกและหนาวเหน็บ     ถามว่า ทำแล้วได้อะไร?? นี่ไงรอยยิ้มของพวกเค้า แค่นี้ก็ทำให้มีความสุขแล้วววววว ^^   แจกปุ๊บ สวมปั๊บ พร้อมถ่ายรูปในกรอบที่มีคำว่า “ขอบคุณ”… ไม่ใช่สร้างภาพนะ แต่เพื่อส่งให้ผู้ที่สนับสนุนโครงการนี้ พวกเค้าจะได้มีกิจกรรมดีๆ แบบนี้ในครั้งต่อๆ ไปไง   ‘มันเยี่ยมมากเลยครัชพี่น้อง’  …

คนเลี้ยงสุนัขคงเคยเจอกับปัญหาต่างๆ นาๆ เวลาพาสุนัขไปนอกบ้าน บางที่ไม่สามารถเอาหมาไปด้วยได้ ก็เลยให้มันอยู่ในรถซะเลย แต่ก็มีเหตุการณ์ว่า กลัวหมาหายใจไม่ออก ครั้นจะเปิดกระจก ก็กลัวมันกระโดดออกมาอีก เช่นเดียวกับกรณีนี้ ซึ่งเกิดขึ้นที่ เมือง Arkansas รัฐ Kansas ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อจ่า Jason Legleiter และเจ้าหน้าที่ตำรวจ Wade Hammond ได้ลงพื้นที่ร้าน Walmart สาขาหนึ่งเพื่อไปจับหัวขโมยตามที่ได้รับแจ้ง พอเสร็จหน้าที่ กำลังจะกลับ ก็มีคนวิ่งเข้ามาขอให้ไปช่วยอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจกว่าจับคนจับร้ายเสียอีก เรื่องที่ว่านี้คือ มีหมาถูกแขวนอยู่ที่ประตูรถในลานจอดรถ ไม่รอช้าตำรวจรีบวิ่งไปยังที่เกิดเหตุ แล้วสภาพที่เจอคือ   มีหมาห้อยอยู่ที่ประตูรถอย่างน่าอนาถใจ…   เจ้าหน้าที่รีบตัดเชือกออก แล้วช่วยให้มันฟื้นขึ้นมา ด้วยการกดลงไปที่ลำตัวของมัน   ในที่สุดมันก็รู้สึกตัว เจ้าหน้าที่จึงเอาน้ำให้มัน   ไม่กี่นาทีต่อมา มันก็หายดีเป็นปกติ ทำเอาโล่งอกไปตามๆกัน   จากเหตุการณ์นี้ ดูเหมือนว่า เจ้าของผูกมันไว้ในรถเพราะกลัวมันกระโดดหนี แล้วก็ตามคาด มันพยายามกระโดดออกมา แต่เชือกมันผูกติดอยู่ในรถ มันเลยต้องห้อยในสภาพนั้น ถ้าหากว่าไม่มีใครมาช่วยมันก็คงจะขาดใจตายแน่ๆ   คนเลี้ยงหมาดูไว้เป็นตัวอย่างนะ ถ้าพลาดขึ้นมา อาจจะไม่โชคดีแบบนี้ทุกครั้งก็ได้…

การโพสต์ภาพของคนอื่นที่เราไม่จักรู้ลงโซเชียลมีเดีย เป็นเรื่องที่สมควรทำรึเปล่า?? โดยเฉพาะการเอาไปทำให้เป็นเรื่องตลก โดยที่ไม่ได้รับการอณุญาตหรือยินยอมก่อน เพื่อนๆ ว่ามันเป็นการกระทำที่ควรจะต้องหยุดรึเปล่า??   ทุกวันนี้มีคนมากมายที่ต้องกลายประเด็นในโลกออนไลน์โดยที่ไม่รู้ตัว เมื่อมีคนทำอะไรพลาดขึ้นมา ก็จะถูกถ่ายรูปเพื่อเอาไปประจานในโลกโซเชียล หรือแม้กระทั่งแค่ทำอะไรไม่เหมือนคนอื่น ก็จะถูกถ่ายรูปแล้วถูกคนอื่นมาแสดงความคิดเห็นกันต่างๆ กลายเป็นเรื่องตลกสำหรับคนอื่น   อันที่จริงแล้วมันไม่ควรเป็นอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ??   เหมือนกับกรณีนี้ ที่ชาวเน็ตคนหนึ่งพยายามเรียกร้องความสนใจโดยการโพสภาพของคนอื่น ทั้งๆ เธอไม่รู้เรื่องราวเบื้องหลังของเค้าเลย ซึ่งก็ทำให้เธอหน้าแตกยับเยินในท้ายที่สุด   ผู้ใช้ทวิตเตอร์นามว่า @selkcub แชร์รูปหนุ่มสาวคู่หนึ่งในร้านอาหาร พร้อมกับแค็ปชั่นว่า “น้องสาว… เลิกกับเค้าซะเถอะ”   ทุกคนคงจะพอเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร เพราะเธอคิดว่าเขาไม่สนใจแฟนสาวของเขา เอาแต่ก้มหน้าใส่หูฟังเล่นโทรศัพท์ลูกเดียวนั่นเอง   ทวีตนี้มีคนถูกใจและถูกรีทวีตไปหลายพันครั้ง จนกระทั่ง Jonathan ชายหนุ่มในภาพได้ผ่านมาเห็นเข้า เขาก็จึงเข้ามาตอบโต้ “นั่นแฟนผมเอง ผมเพิ่งได้มีโอกาสกล่าวคำเทศนาเป็นครั้งแรก ซึ่งตอนนั้นเธออัดวิดีโอผมเอาไว้ และเธอก็อยากให้ผมดู ขอบคุณ” คำตอบโต้ของ Jonathan แน่นอนว่าแฟนของเค้า Ray ก็เข้ามาโต้ตอบด้วย “สาวน้อย พวกเราคบกันมา 3 ปีแล้ว ฉันพอใจแล้วล่ะ แต่ฉันก็เอาใจช่วยเธอนะ ขอให้เธอเจอผู้ชายที่แสนดีของเธอเร็วๆ แล้วกัน” พร้อมกับส่งรูปคู่ยืนยันความสวีทของเขาพวก  …

ยังจำสาวคนนี้ได้อยู่หรือไม่ ‘สาวน้อยมหันตภัย’ กับสายตาและรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ของเธอ โดยมีฉากหลังเป็นไฟที่กำลังลุกลามบ้านทั้งหลังอยู่ วันนี้เธอโตเป็นสาวแล้ว แล้วเธอก็เพิ่งได้เปิดเผยถึงที่มาที่ไปของ meme อันนี้ด้วย!!   ‘สาวน้อยมหันตภัย’ คนนี้ที่จริงมีชื่อว่า Zoe Roth ทุกวันนี้เธออายุ 16 ปีแล้ว ภาพของเธอกลายเป็นหนึ่งใน meme ที่ฮาและโด่งดังที่สุดอันนึงเลยก็ว่าได้ คงจะไม่มีใครไม่เคยเห็นมาก่อนแน่ๆ   เหตุการณ์ในภาพนี้เกิดขึ้นในปี 2004 ตอนนั้นเธอยังอายุเพียง 4 ขวบ เช้าวันหนึ่งขณะที่เธอกำลังนั่งดูทีวีอยู่กับพี่ชายของเธอ แม่ของเธอก็เข้ามาบอกว่าที่หน้าบ้านมีไฟไหม้ Dave พ่อของเธอ จึงรีบคว้ากล้อง และพาทุกคนออกไปหน้าบ้านเพื่อดูไฟไหม้ และทดสอบประสิทธิกล้องดิจิตอลที่เพิ่งซื้อมาใหม่ไปพร้อมๆ กัน     วันนั้นก็ไม่มีอะไรมากเลย เขาแค่เดินไปรอบๆ เพื่อดูไฟจากหลายๆ มุม เพราะมันสวยดี และไม่ใช่อะไรที่ได้เห็นกันทุกวัน เพื่อนบ้านต่างก็พากันออกมามุงดูเต็มถนนในขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังพยายามสกัดไฟที่กำลังลุกลามบ้านทั้งหลังอยู่ ภาพที่ถ่ายได้ในวันนั้นมีทั้งหมดราวๆ 30 ภาพ แต่เขาไม่เคยสังเกตเลยว่า Zoe ทำหน้าตาเจ้าเล่ห์สุดๆ ในภาพนี้ จนกระทั่งเวลาผ่านไป 3 ปี เขาถึงอัพโหลดรูปนี้ขึ้นบนเว็บไซต์ Zooomr โดยตั้งชื่อภาพว่า ‘Firestarter’ แล้วรูปก็กลายเป็นที่โด่งดังขึ้นในทันที  …

ในประเทศไอซ์แลนด์ หมีขั้วโลกถือเป็นสัตว์ที่หิวโหยและเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ถ้าหากมีหมีขั้วโลกตัวใดที่เล็ดลอดเข้ามายังเขตชายฝั่งของไอซ์แลนด์ได้ ก็เท่ากับว่าชะตาของมันขาดแล้ว   เจ้าหมีขั้วโลกเพศเมียตัวนี้ ถูกพบเห็นโดยคู่สามีภรรยาชาวเกษตรกรนามว่า Karitas Gudrunardottir และ Egill Thor Bjarnason สามีของเธอ ขณะที่พวกเขากำลังเดินทางไปยังทางตอนเหนือของเมือง Blonduos     ทันทีพวกเขาเห็นมัน พวกเขาก็รู้ทันทีว่ามันกำลังเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางข้ามมหาสมุทรมาจากชายฝั่ง Greenland และรับรู้ถึงความเป็นภัยของมัน ทั้งคู่จึงรีบพาลูกๆ ของเค้าไปซ่อนตัวอยู่ในบ้านสวน แล้วโทรรีบแจ้งเตือนภัยให้คนในหมู่บ้านทราบ ชาวบ้านก็จึงพากันเข้าบ้านปิดประตู่ใส่กลอน ในขณะนั้นเองเจ้าหมีก็ถูกชาวบ้านปลิดชีพ ด้วยการซุ่มยิงระยะไกลในระยะ 130 เมตร เจ้าหมีตายลงด้วยกระสุนเพียงนัดเดียว     ก่อนที่ศพเจ้าหมีจะถูกส่งไปยังที่อื่น ชาวเมืองก็ไม่วายต้องเซลฟี่กับศพของมันซะก่อน   Kristjan Thorbjornsson ประจำเมือง Saudarkrokur กล่าวว่า พวกเขาไม่ลังเลเลยที่จะกำจัดมัน เพราะอาจจะเป็นอัตรายต่อผู้คน และนักท่องเที่ยวที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ เจ้าหมีขั้วโลกตัวนี้เป็นตัวแรกที่ถูกพบเห็นนับตั้งแต่ปี 2010 ที่ผ่านมา และในปี 2008 ที่บริเวณทางตะวันตกเฉียงเหนือของไอซ์แลนด์ก็มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ทำให้มีหมีขั้วโลกถูกฆ่าถึง 2 ตัว Jon Gunnar Ottosson ซีอีโอของสถาบันประวัติศาสตร์ธรรมชาติไอซ์แลนด์ กล่าวว่า พวกเค้าปฏิเสธความคิดที่จะที่จะวางยาสลบ แล้วนำเจ้าหมีไปปล่อยที่อื่น เนื่องจากมันมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก และมีค่าใช้จ่ายที่สูง…

เชื่อว่าหลายคนคงมีเหตุผลที่ไม่ชอบแมงมุม บางคนไม่ชอบเพราะมันน่าขยะแขยง บางคนแค่ฟังคำว่าแมงมุม ก็ถึงขั้นร้องยี้ขึ้นมาแล้ว และแน่นอนว่าหากคุณได้พบเจอเรื่องราวเหมือนดังเช่น สมาชิกเว็บไซต์ Reddit ชื่อ JebusChrysler ละก็ เชื่อว่าจะต้องทำให้หลายคนขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างแน่นอน   เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า ในขณะที่คุณ JebusChrysler กำลังทำอาหารอยู่นั้น จู่ๆ ก็ดันเหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ชวนขนลุกอยู่บริเวณเตาแก๊ส และเมื่อสังเกตดีๆ ก็พบว่าสิ่งที่กำลังเห็นนั้นความจริงมันคือ “ลูกแมงมุม” หลายสิบตัว โอ้ววว แค่คิดก็ขนลุกแล้ว ดูภาพหน่อยมั้ยยย….     ลูกแมงมุมยังไม่เท่าไหร่ เพราะสิ่งที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขายังได้เห็นแม่แมงมุม ที่กำลังเดินออกมาให้เห็นพอดิบพอดีอีกด้วย   และหลังจากที่ได้เข้าไปสืบค้นข้อมูลก็พบว่า แมงมุมที่เห็นนั้นความจริงแล้วคือ “แมงมุมหมาป่า” ซึ่งเป็นแมงมุมนักล่าที่แข็งแกร่ง คล่องแคล่ว และมีสายตาที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังมีลักษณะที่พิเศษกว่าแมงมุมสายพันธุ์อื่นๆ คือ ในตัวเมียจะมีลูกอยู่บนหลังของมันเป็นจำนวนมากอย่างที่เห็น     แม้ว่ามันจะเป็นแมงมุมที่ไม่มีพิษร้ายแรง แต่ถ้าหากโดนกัดขึ้นมา จะมีอาการคัน บวม และไม่ปวดมาก   โอ้วววว รูปลักษณ์ของมันดูน่าสยดสยองเป็นอย่างมาก เล่นเอาขนแมวตั้งเลยฮะ   เรียกได้ว่าโชคดีสุดๆ ที่ไม่โดนเจ้าแมงมุมกัดเข้า ไม่อย่างนั้นอาจจะได้รับบาดเจ็บขึ้นมาก็ได้…

ตั้งแต่ปี 2011 นักข่าวและนักดูแลสัตว์ Marte  ได้ทำการดูแลเหล่าม้า อูฐ และลา ที่คอยทำงานและให้บริการในบริเวณมหาปิรามิดอียิปต์ ซึ่งจากประสบการณ์ของเธอทำให้เธอเกิดคำถามในใจว่า “เราควรปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปหรือ??”   Kareem เป็นหนึ่งในม้าที่ได้รับการช่วยเหลือในครั้งแรกของ Marte  ถึงมันจะได้รับการรักษาทางจิตใจและร่างกาย แต่รอยแผลเป็นจะอยู่กับมันตลอดกาล   พวกเขาช่วยรักษาแผล สอนการใช้งานเชือกจูงและใช้อานที่ถูกวิธีแก่คนท้องถิ่น เพื่อให้ม้าไม่บาดเจ็บ   นอกจากนี้ ยังให้ความรู้แก่ชาวบ้านและเจ้าของม้า เพื่อเรียนรู้ถึงวิธีที่ถูกต้อง และป้องกันปัญหาในอนาคต   ซึ่งแน่นอนว่าการดูแลแบบเดิมนั้น ไม่ค่อยจะถูกเท่าไรนัก ทั้งให้ยืนทำงานกลางทะเลทรายร้อนๆ วันละ 20 ชั่วโมง อาหารที่ไม่ทั่วถึง กระทั่งการทารุณกรรมสัตว์ด้วยตะปูและของมีคม   ซึ่งการเปลี่ยนแปลงวิถีของพวกเขา มันไม่ง่ายเลย..   คนส่วนใหญ่ที่ดูแลม้า ไม่ได้รู้จักม้าเลย พวกเขาไม่รู้ว่า พวกมันต้องการที่อยู่อาศัยที่กว้างขึ้น ต้องการกินฟางมากกว่าอาหารเม็ดและข้าวโอ๊ต   พวกมันไม่เคยได้ไปวิ่งเล่นในทุ่งหญ้าอย่างอิสระ   ช่างภาพที่ถ่ายรูปนี้บอกว่า ‘ภาพนี้ทำให้เขาหดหู่มาก’     เรื่องยากที่สุดของการถ่ายทำนี้ ไม่ใช่การต้องเผชิญหน้ากับความหดหู่เมื่อเห็นม้าพวกนี้ล้มตาย จากการดูแลที่ไม่ดีพอ   แต่คือการตัดสินและถ่ายทอดเรื่องนี้ด้วยความเป็นกลาง เพราะชาวบ้านเองก็จำเป็นต้องทำมาหากิน และทำแบบนี้มาแสนนาน และนี่คืออาชีพที่เป็นที่นิยมในเมืองท่องเที่ยวแบบนี้…

หากมีสงครามหรือความขัดแย้งต่างๆในประเทศ เราคงว่า มักมีเหตุการณ์ที่น่าเศร้าเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสีย การอพยพ หรือการลี้ภัย เรื่องราวเหล่านี้ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ด้วยปัจจัยหลายๆใคระล่ะจะห้ามได้?? และนี่คือสุดยอดภาพถ่ายที่บันทึกเหตุการณ์ในช่วงสงคราม โดยภาพเหล่านี้ได้มาจากการประกวดที่จัดขึ้นโดย Magnum and LensCulture Photography Awards 2016 ซึ่งที่เราจะเอามาให้ดูในวันนี้ เป็นภาพที่ชนะการประกวดในครั้งนี้     ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการปฏิวัติต่างๆ การปะทะกันของสังคม การอพยพออกจากประเทศ การเพิ่มขั้นรัฐอิสลาม และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ทั่วตะวันออกกลาง   นี่คือภาพที่ดีที่สุดภาพหนึ่งของการประกวด   ‘การอพยพของมนุษย์จำนวนมากที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้ลี้ภัยหลายร้อยหลายพันจากตะวันออกกลาง ส่วนใหญ่มาจาก ซีเรีย อิรักและอัฟกานิสถาน พวกเขาออกจากประเทศท่ามกลางความขัดแย้งและการประหัตประหาร ทำให้ตัวเลขประชากรในยุโรปมีเพิ่มขึ้น’ Mauricio Lima ผู้ชนะการประกวดบอก         ใน Horgos ประเทสเซอร์เบีย เดือนสิงหาคม ปี 2015 Roujin Sheikho (คนซ้าย) อุ้มลูกสาวด้วยความอ่อนแรง ตามด้วยลูกชายของเธอ Nabih (คนขวาเสื้อเขียว)   ‘คนกลุ่มนี้เดินปะปนกับผู้ลี้ภัยจากรัสเซีย ที่ได้รับอนุญาติให้เดินผ่านประเทศฮังการี…

การตดไม่ใช่ปัญหา แต่จะเป็นปัญหาก็ตอนเฉพาะเวลาที่เราอยู่ร่วมกับคนหมู่มาก ยิ่งถ้าอยู่ในที่เงียบ เช่น ในลิฟต์ หรือห้องประชุม แล้วจู่ๆ มีเสียงปู้ดป้าดดังขึ้นมา บอกเลยว่ามันน่าขายหน้ามากจริงๆ และถ้าหากว่ายิ่งมีกลิ่นตามมาด้วย โอ้ววว พระเจ้าจอร์จ คนรอบข้างจะต้องรู้แน่ๆ ว่ากลิ่นนั้นมันมาจากเรา เรียกได้ว่าไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่านี้อีกแล้วววววว แต่ทว่าปัญหาของกลิ่นตดนี้จะหมดไป เพราะตอนนี้ชาวอเมริกันได้ค้นคบนวัตกรรมสุดล้ำค่าที่มีชื่อว่า Flatulence Deodorizer หรือเรียกสั้นๆ ว่า Flat-D แผ่นกรองกลิ่นตดสุดเจ๋ง ที่จะช่วยดูดซับกลิ่นผายลมเหม็นๆ ของคุณให้หมดไป เยสสสสส!!     ซึ่งเจ้า Flat-D ตัวนี้ ทางบริษัทผู้ผลิตได้ทำการวางขายมานานกว่า 14 ปี และวางจำหน่ายในอีกกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และนอกจากจะเป็นตัวช่วยในการดูดซับกลิ่นตดแล้ว ยังมีวิธีใช้ที่ไม่ยุ่งยากอีกด้วย… เพียงแค่ดึงตรงที่เป็นเทปกาวออก แล้วนำมาแปะลงตรงกางเกงใน แค่นี้แหละ!! คุณก็สามารถปล่อยลมออกมาได้อย่างสบายใจ แถมยังหมดกังวลเรื่องกลิ่นอันไม่พึงประสงค์แล้วจ้า     สำหรับเจ้าแผ่นกรองตดสุดเจ๋งตัวนี้ ผลิตออกมาเพื่อเอาออกเอาใจมนุษย์ชอบตดถึง 2 แบบด้วยกันคือ แบบใช้แล้วทิ้ง และแบบนำไปซักแล้วเอากลับมาใช้ต่อ เรียกได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่ล้ำมากจริงๆ เพียงแค่ฉีกแล้วแปะ เท่านี้คุณก็สามารถผายลมออกมาได้อย่างมั่นใจ…

นี่คือเรื่องราวของ Jason Haney คนงานก่อสร้างผู้มีจิตใจอ่อนโยน จากการที่เขาได้ทำอะไรบางอย่าง เพื่อให้เด็กๆ ในโรงพยาบาลได้มีความสุข แม้ว่าเขากำลังทำงานอยู่ก็ตาม Haney กับลูกสาวของเขาได้ช่วยกันทำป้ายคัตเอาท์ตัวการ์ตูน Waldo ขนาด 8 ฟุตเพื่อที่จะเอาไปซ่อนตามจุดต่างๆ ในไซต์ก่อสร้างที่คุณพ่อทำงานอยู่ ซึ่งถัดไปนั้นก็คือโรงพยาบาลเด็ก Memorial Children’s Hospital ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง South Bend รัฐ Indiana   . .   เวลาที่เด็กๆ หาเจอว่าเขาซ่อนไว้ที่ไหน เขาก็จะเปลี่ยนจุดซ่อนไปเรื่อยๆ แล้วให้เด็กๆ ไปโพสต์เวลาเจอในกลุ่มเฟซบุ๊กที่เขาได้สร้างไว้ .   และตอนนี้พ่อลูกคู่นี้ก็กำลังจะเริ่มทำคัตเอาท์อันใหม่เป็นรูปมินเนี่ยนเพื่อให้เด็กๆ ได้ตามหากันต่อไป . .   ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้เด็กๆ ที่อยู่ในโรงพยาบาลได้มีรอยยิ้มจากการได้มองหาตัวการ์ตูนและเป็นการสร้างกำลังใจให้กับหนูๆ ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลด้วย ที่มา boredpanda

ความอยากรู้อยากเห็นของคนเรานี่ไม่ที่สิ้นสุดจริงๆ ไม่ใช่แค่มนุษย์นะ สัตว์ก็เป็น อยากรู้ไปซะทุกเรื่อง อย่างเจ้าเหมียวตัวนี้ มีความขี้เผือกจนพาตัวเองตกลงในท่อระบายน้ำ โผล่มาแต่หัว งานนี้ถึงกับขำไม่ออกเลยทีเดียวเชียว   เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเมืองวินเชสดอน ในรัฐ Massachusetts ได้รับแจ้งให้ไปช่วยแมวตัวหนึ่งที่ติดอยู่ที่ท่อระบายน้ำ…. เมื่อไปถึง ภาพที่เห็นคือ มีหัวแมวโผล่จากท่อ ส่วนตัวนั้นอยู่ข้างล่าง และเหมือนมันจะอ่อนแรงมากด้วย ก็คงเป็นเพราะมันพยายามถึงตัวเองออกมานั้นแหละ   ไปทำอะไรอยู่ตรงนั้นเล่าาาา ขึ้นมาจิ   เจ้าหน้าที่ดึงตะแกรงออกออกมา แต่หัวมันติดซะแน่นเบย   ถ้ามันพูดได้มันคงจะพูดว่า “ไม่น่าเล้ยยยยยย ไม่น่าขี้เผือกเลย”   เจ้าหน้าที่ต้องค่อยๆช่วยมัน เพราะกลัวมันเจ็บ โดยเอาสบู่ถูรอบๆ คอมันให้ลื่นมากขึ้น เพื่อให้หัวมันหลุดออกจากตะแกรง   และหลังจากพยายามสักพัก ไม่กี่นาทีต่อมาก็ออกมาได้สำเร็จ (ดูหน้ามันสิ ^^)   ตอนนี้มันได้กลับไปอยู่กับเจ้าของเรียบร้อยแล้ว แต่หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นบทเรียนให้มันจำไปอีกนานเลยแหละ ที่มา thedodo

ดิสนีย์แลนด์ถือเป็นสวนสนุกที่เรียกได้ว่าผู้คนทั้งโลกต่างให้การยอมรับในมาตรฐานเครื่องเล่นและสภาพแวดล้อมที่ดี จนมีอยู่แทบทุกภาคพื้นทวีปทั้งตะวันตกและตะวันออก แต่สำหรับ Disney Dwayne ชายหนุ่มผู้ซึ่งรักดิสนีย์มากๆ และเขาได้ไปดิสนีย์แลนด์มาแล้วแทบทุกหนแห่งได้ทำการอัดคลิปประสบการสุดเลวร้ายเมื่อเขาได้ไปเยือนที่เซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์ สิ่งที่เขาเจอนั้นเรียกได้ว่าเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายมากๆ เพราะเราคงรู้ว่าดิสนีย์แลนด์เป็นสถานที่ที่สานฝันในวัยเด็กของเราทุกคน แต่สำหรับที่นี่มันไม่ใช่เลย มันคือฝันร้ายชัดๆ สิ่งที่เขาเจอได้แก่..   การเข้าแถวที่ไม่เป็นแถว เพราะเบียดกันมากๆ   มีการแสดงบนเวที แต่ก็มีคนที่ยืนอยู่ข้างหน้ากางร่มบัง ทั้งๆ ที่ไม่มีแดดหรือฝนเลย   ขยะเกลื่อนเต็มไปหมด   มีคนเอามือถือมาชาร์ตตามเสาด้วย   พื้นที่หวงห้ามที่เอาไว้จัดแสดง ก็มีคนพยายามเข้าไปเล่น แถมเยอะด้วย   คุณแม่พาเด็กมาฉี่…   ไปดูคลิปเต็มๆ กันเลย มีอีกเยอะ   นอกจากนี้เขายังเล่าสิ่งที่ไม่ได้อัดมาด้วย นั่นก็คือเขาได้ไปเจอเด็กผู้หญิงไม่ใส่เสื้อผ้าแล้ววิ่งเล่นไปมา แล้วก็มีกลุ่มคนใช้ทางออกฉุกเฉินเป็นว่าเล่น งานนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ทางดิสนีย์แลนด์หรือคนกันแน่ เพราะที่เราได้ยินมาก็คือดิสนีย์เป็นองค์กรที่มีมตรฐานสูงมากๆ เจอแบบนี้แล้วเห็นใจเหล่าแคสต์เมมเบอร์เลย…. ที่มา Disney Dwayne

ถ้าเรามีเงินเก็บจำนวนมากอยู่ก้อนหนึ่งใช้สำหรับสิ่งที่เราชอบเพื่อนๆจะเอาไปทำอะไรกันบ้าง? บางคนอาจจะออกไปท่องเที่ยว บางคนซื้อบ้านในฝันเป็นของตัวเอง หรือบางคนอาจจะนำไปซื้อของที่ตัวเองชอบมาสะสมไว้ แต่คงไม่มีสิ่งใดจะเจ๋งไปกว่าการนำเงินจำนวนมากนี้มาเปลี่ยนโฉมตัวเองให้เหมือนกับสิ่งที่เราชอบ… บางคนอาจจะเคยเห็นผู้ที่พยายามทำศัลยกรรมให้ออกมาดูเหมือน Red Skull ที่ทีมงานแมวเหมียวเราเคยนำเสนอไปแล้ว แต่คราวนี้ไม่ธรรมดาอีกเช่นกัน เพราะจะพาไปทำความรู้จักกับผู้หญิงที่ยอมทุ่มเงินกว่าครึ่งล้านเหรียญ (ราวๆ 17 ล้านบาท) เพื่อเปลี่ยนตัวเองให้เหมือนตุ๊กตาบาร์บี้..   สาวงามผู้นี้มีชื่อว่า Nanette Hammond ในสมัยสาวๆ เธอคือสาวผิวแทนที่ดูสวยแถมยิ้มมีเสน่ห์อีกต่างหาก   ภาพของเธอในช่วงวัยยี่สิบต้นๆ ก่อนที่จะเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองหลังจากนี้   เธอเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนหน้าอกจากคัพ B มาเป็นคัพ C ด้วยจำนวนเงิน 3,000 ดอลลาร์   และเธอก็เริ่มทำทุกอย่างที่จะช่วยให้ดูเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้มากขึ้นทั้งการอบผิว ทำผม และอีกมากมาย   เธอไม่ได้มีแค่รูปร่างที่เหมือนบาร์บี้เท่านั้น ของใช้หรือเสื้อผ้าต่างๆของเธอก็เสมือนว่าหลุดออกมาจากโลกบาร์บี้ในวัยเด็กจริงๆ   แถมสามีของเธอยังซื้อรถสปอร์ตสีชมพูให้อีกด้วย(เป็นรุ่นเดียวกับที่บาร์บี้มี)   “ฉันชอบเล่นกับบาร์บี้มากๆ ในวัยเด็ก แต่พอโตขึ้นฉันเริ่มรู้สึกอายและไม่มั่นใจในรูปร่างของฉัน และฉันก็อยากจะเป็นเหมือนบาร์บี้มากๆเ ลยล่ะ” เธอกล่าว   ดูเหมือนว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะเปลี่ยนรูปร่างตัวเองให้เหมือนบาร์บี้ เพราะทั้งหมดใช้เงินไปมากกว่าครึ่งล้านเหรียญเลยทีเดียว   แต่เห็นแบบนี้เธอก็เป็นแม่บ้านที่ดีของลูกๆ นะจ๊ะ .   เพื่อรักษารูปร่างแบบบาร์บี้ไว้เธอจำเป็นต้องออกกำลังกายอยู่เสมอ  …

เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2559 ทางเว็บไซต์ Metro ได้ทำการเผยคลิปวีดีโอของน้องหมาผู้น่าสงสารตัวหนึ่ง ที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด หลังถูกเจ้านายทิ้งไว้ภายในรถที่จอดอยู่ท่ามกลางแดดร้อนจัด แต่ในความโชคร้าย ก็ยังมีความโชคดีอยู่ เพราะเมื่อพลเมืองดีได้ผ่านมาเห็น ก็รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วย ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง พวกเขาก็ตัดสินใจทุบกระรถ เพื่อนำตัวของน้องหมาออกมาทันที เพราะได้สังเกตเห็นว่ามันมีท่าทางที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก และคงอ่อนเพลียจากอุณหภูมิที่ร้อนจัดภายในรถ     ในที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถช่วยชีวิตของมันได้สำเร็จ และรีบดึงตัวของมันออกมาจากรถคันดังกล่าวทันที   เมื่อเรื่องราวของเจ้าหมาผู้โชคร้ายตัวนี้ ได้ถูกนำไปโพสต์ลงในโลกออนไลน์ บรรดาชาวเน็ตต่างก็เข้ามาวิพากษ์ถึงการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบของผู้เป็นเจ้าของสุนัขกันเป็นจำนวนมาก ภาพของน้องหมาในขณะที่ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวน้องหมาออกมาจากรถ เรียกได้ว่าเป็นภาพที่บีบใจคนรักน้องหมาเป็นอย่างมาก เพราะท่าทางของมันดูอ่อนเพลีย และน่าสงสารเหลือเกิน     ชมคลิปไม่ได้ คลิกที่นี่   โชคดีจริงๆ ที่มีคนผ่านมาเห็นซะก่อน ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าน้องหมาจะต้องทนทุกข์ทรมาน กับสภาพอากาศที่ร้อนระอุภายในรถได้อีกไม่นาน และคงจะขาดใจตายในที่สุด ที่มา : metro

กำลังเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเลยทีเดียว ไม่ใช่แค่ในเฉพาะประเทศปากีสถานเท่านั้น แต่ยังแผ่ขยายวงกว้างไปในสังคมออนไลน์ระดับโลกเลยล่ะ เมื่อพี่ชายของ Qandeel Baloch นางแบบสาวชาวปากีสถาน ตัดสินใจฆาตกรรมน้องสาวของเขาด้วยการรัดคอเธอจนถึงแก่ความตาย เพราะเขาคิดว่าเป็นการ ‘กู้เกียรติ’ ของครอบครัวคืนมาเนื่องจากว่าน้องสาวของเขาเป็นความ ‘น่าละอาย’ ของครอบครัวเพราะภาพต่างๆ ที่เธอโพสในเฟซบุ๊ค…   เหล่าญาติๆ และคนในละแวกที่มาร่วมงานศพของนางแบบสาว   Waseem Azeem พี่ชายที่ฆ่าน้องสาวของเขาก็ออกมาสารภาพแต่โดยดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ และไม่ได้พยายามจะหนีแต่อย่างใด เบื้องหลังของเรื่องนี้ก็คือชอบมีคนเอาภาพของน้องสาวของเขามาล้อเลียนเขาบ่อยๆ ทำให้รู้สึกว่ามันเป็นความน่าละอายและรับไม่ได้อย่างยิ่ง ‘ผมมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าเลยล่ะ ไม่ฆ่าตัวเอง ก็ต้องฆ่าเธอนี่แหละ ถึงแม้จะเป็นงานของเธอที่สร้างรายได้ให้กับครอบครัว แต่ในที่สุดแล้ว เกียรติของวงศ์ตระกูลนั้นสำคัญที่สุด’ Waseem พูดขณะที่ถูกจับกุม Qandeel Baloch นางแบบสาวที่มีชื่อจริงว่า Fauzia Azeem เป็นนางแบบที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง โดยเฟซบุ๊คของเธอมีผู้ติดตามกว่า 700,000 คนเลยทีเดียว   Qandeel Baloch นางแบบสาวผู้เสียชีวิต   สถิติที่น่าสนใจก็คือ ในแต่ละปีมีผู้หญิงในประเทศปากีสถานกว่า 1,000 คน ที่ถูกสังหารในเรื่องราวประมาณนี้ ทั้งความรัก การแต่งงาน หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมที่พวกเธอแสดงออกทางสังคม ซึ่งถือว่าเป็นเคสการฆ่าเพื่อ ‘ศักดิ์ศรี’ แทบทั้งหมด และที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ…

ใครๆ ก็บอกว่าอยากมีหุ่นดี แล้วแบบไหนล่ะที่เรียกว่า ‘ดี’ ก็อย่างที่เรารู้ๆ กันอยู่ว่า ในแต่ละยุคมีคำนิยามหุ่นดีที่แตกต่างกันออกไป แถมในแต่ละประเทศก็มีไม่เหมือนกันอีกแหนะ แล้วในยุคปัจจุบันล่ะ เห็นคนเข้าฟิตเนต แห่ฟิตหุ่นกันเยอะเลย ว่าแต่ฟิตขนาดนี้ อยากได้หุ่นแบบไหนกันนะ เพราะฉะนั้นแล้วมาดูเทรนด์หุ่นดี ปี 2016 กันเถอะ ทาง ESPN ได้รวบรวมหุ่นนักกีฬาแต่ละประเภทเอาไว้ ที่ใครๆ ก็ยอมรับว่า นี่แหละ คือหุ่นที่เราต้องการในตอนนี้ ไปดูกันเลย คำเตือน ให้โฟกัสที่หุ่นนะคะ Von Miller   Allysa Seely   Adeline Gray   Jack Arrieta   Ryan Dungey   Dwyane Wade   Courtney Conlogue   Conor McGregor Vince Wilfork   Claressa Shields:…

จำได้มั้ยว่าเราถ่ายรูปรวมครอบครัวล่าสุดเมื่อไร??  เราทุกคนคงเคยถ่ายรูปในวัยเด็กร่วมกับครอบครัว แต่พอยิ่งโต การถ่ายรูปกับครอบครัวก็เริ่มเป็นไปได้ยากมากขึ้น อาจจะเพราะหน้าที่การงาน เลยทำให้เราไม่มีโอกาสได้ถ่ายรูปร่วมเฟรมกัน หรือนานๆ ครั้ง จนแทบจะจำไม่ได้เลย แต่กับครอบครัวนี้ พวกเค้าถ่ายรูปด้วยกันทุกปี ตังแต่เด็กจนโต เป็นเวลากว่า 24 ปี มาในชื่อโปรเจค ‘The Family’ ซึ่งภาพชุดนี้ถ่ายโดยช่างภาพ Zed Nelson และจุดเริ่มต้นของการถ่ายภาพเหล่านี้ก็มาจากช่างภาพคนนี้แหละ โดยในรูปประกอบไปด้วย พ่อ แม่ แล้วก็ลูกชาย โดยเขาได้วางแผนถ่ายรูปครอบครัวนี้ในวันเวลาเดิม ฉากหลังเดิม สถานที่เดิม โดยถ่ายเป็นประจำทุกปีและจะเป็นแบบนี้ตลอดไป เพื่อดูพัฒนาของของพวกเขา แม้ว่าพวกเค้ามีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา แต่ความทรงจำก็พวกเค้ายังก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีวันเปลี่ยนไป   ปี 1991   ปี 1992   ปี 1993   ปี 1994   ปี 1995   ปี 1996   ปี 1997   ปี 1998  …

ข่าวนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคนรักของหวานเลยก็ได้นะ เพราะวันนี้เราจะพาทุกคนไปชมเมนูของหวานสุดแปลกที่คล้ายไอศกรีมและข้าวโพดปิ้งรวมกัน!?     ร้านที่เราจะพาไปดูมีชื่อว่า Dominique Ansel Bakery Tokyo ในย่านโตเกียว พวกเขาได้คิดค้นเมนูใหม่ที่ชื่อว่า Crème de la Corn เป็นไอศกรีมที่ทำมาจากคาราเมล บวกกับข้าวโพดหวานผสมด้วยเนื้อเมล็ดข้าวโพด แต่นั่นยังไม่พิเศษเท่ากับที่การเสิร์ฟพร้อมกับข้าวโพดปิ้งทั้งฝัก แทนที่จะเป็นกรวยขนมปังหรือวาฟเฟิลกรอบ!?     เชฟแห่งร้าน Dominique Ansel Bakery Tokyo กล่าวว่าเขาได้ไอเดียนี้มาตอนที่ไปเดินเล่นในตลาดแห่งหนึ่ง ซึ่งข้าวโพดปิ้งนั้นเป็นเมนูที่นิยมอยู่แล้วของชาวญี่ปุ่น ทางร้านจึงอยากจะนำมาดัดแปลงเป็นของกินแบบใหม่ๆ     ตามคำบอกเล่าจากทางร้าน บอกว่าข้าวโพดนี้ไม่ใช่การนำข้าวโพดมาปิ้งธรรมดาๆ นะ เพราะทางร้านเผยสูตรว่าพวกเขาได้นำเอาไปต้มในซอสถั่วเหลือง จากนั้นก็ทาเนยแล้วนำไปปิ้ง ทำให้ข้าวโพดมีรสหวานและเค็มที่ลงตัว     หากใครมีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นล่ะก็ ลองไปตามหากันได้ที่ร้าน Dominique Ansel Bakery อยู่ในเมือง Tokyo ย่านชิบูยะ เลขที่ 5-7-14 Jingumae ร้านเปิดตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 1 ทุ่มนะ ใครไปลองมาแล้วถ่ายรูปมาอวดด้วยนะเออ     แหม่ มันช่างเป็นการผสมผสานที่ลงตัวจริงๆ เห็นแล้วน้ำลายสอมาก…

สาวอเมริกันจากรัฐนอร์ทแคโรไลนาคนนี้ ภูมิใจกับรูปร่างที่ใหญ่โตของเธอสุดๆ เพราะมันทำให้เธอมีรายได้หาเลี้ยงตัวเองได้ ถึงแม้จะเป็นไลฟ์สไตล์ที่แปลกในสายตาคนอื่นก็ตาม แต่เธอก็ยังตั้งใจที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอ้วนทุกคนให้ยอมรับ และรักในรูปร่างของตัวเอง   Nikki James หญิงสาววัย 32 ปี ที่ถูกขนานนามว่าเป็นผู้หญิงไซส์ซูเปอร์บิ๊กหน้าสวย (Super-Sized Big Beautiful Woman หรือ SSBBW) ที่ตัวใหญ่สุดในโลก ด้วยน้ำหนักถึง 381 กิโลกรัม!!   รายงานข่าวระบุว่าน้ำหนักของเธอเทียบเท่าลูกช้าง 3 ตัว หรือถ้าเทียบกับคนทั่วไปก็เทียบได้กับวิคตอเรีย เบ็คแฮมประมาณ 8 คน   เธอภูมิใจกับบั้นท้ายของเธอมาก เพราะมันมีขนาดใหญ่กว่า Kim Kardashian ถึงสองเท่าตัว และเธอสามารถกินได้มากถึง 8,000 แคลอรี่ต่อวัน   “ฉันรู้ว่าทุกคนจะวิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องน้ำหนักของฉัน หรือไม่ก็หาว่าฉันขี้เกียจ แต่รู้มั้ย ฉันก็ทำงานของฉันเหมือนกัน” Nikki กล่าว “ในฐานะนางแบบออนไลน์ของกลุ่มผู้หญิงไซส์ซุปเปอร์บิ๊กหน้าสวย (SSBBW) และเจ้าของเว็บไซต์ MZFLUFF”     มีผู้ชายมากมายที่ชื่นชอบร่างกายที่เปี่ยมไปด้วยไขมันม้วนๆ ของเธอ พวกเค้าต้องจ่ายเงินถึงจะมีสิทธิ์ดูรูปและวิดีโอ รวมถึงแชทส่วนตัวกับเธอ “ฉันรู้ตัวว่าเป็นผู้หญิงสวย…

ถ้าหากใครที่กำลังจะได้เดินทางท่องเที่ยวไปในประเทศใหม่ที่อาจไม่เคยไปมาก่อน ไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาวก็อาจจะต้องเจอกับเหตุการณ์หรือธรรมเนียมปฏิบัติในต่างแดนที่มันไม่คุ้นเอาซะเลย วันนี้จึงขอพาเพื่อนๆไปเรียนรู้ธรรมเนียมปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศที่ถูกรวบรวมโดยเว็บไซต์ FlyDubai เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสู่การเดินทางเปิดโลกทัศน์ใหม่หรือถ้าหากใครที่ต้องติดต่อค้าขายธุรกิจกับคนต่างชาติ รับรองว่าจะช่วยให้เข้าใจธรรมเนียมของพวกเขาได้มากขึ้นอย่างแน่นอน…   1. ธรรมเนียมการให้ทิปของคนอเมริกา ใครที่ได้ไปเยือนดินแดนแห่งเสรีภาพที่นี่ครั้งแรก อาจจะไม่ค่อยชินกับธรรมเนียมการให้ทิปแก่ทุกๆ อย่างของคนที่นี่ ไม่ว่าจะในร้านอาหาร บนรถแท็กซี่ โรงแรม หรือแม้กระทั่งคนดูแลภายในห้องน้ำ โดยส่วนใหญ่แล้วจะต้องมีการให้ทิปแก่พนักงานบริการคิดเป็นประมาณ 15-25% ของราคาจริง     2. การรับประทานอาหารที่ถูกจัดหาให้ในแอฟริกาใต้ ในแถบแอฟริกาใต้เมื่อมีแขกมาเยี่ยม พวกเขามักจะต้อนรับด้วยการนำอาหารมาเสิร์ฟให้เพื่อเป็นการแสดงถึงการต้อนรับที่ดีและความเคารพซึ่งกันและกัน บางทีอาจจะรวมถึงอาหารที่ทำมาจากแมลงหรืออวัยวะอื่นๆ จากสัตว์ที่เราอาจไม่คุ้นเคย แต่ถ้าหากเราไม่ยอมทานให้หมดล่ะก็…อาจจะหมายถึงการไม่เคารพซึ่งกันและกันเลยทีเดียว   3. ทานอาหารให้หมดจานในจีน อาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแตกต่างจากวัฒนธรรมฝั่งตะวันตก แต่ในจีนและบางธรรมเนียมของประเทศฝั่งตะวันออกที่เชื่อว่าหากแขกที่มาเยี่ยมทานอาหารจนหมดจานนั่นหมายความว่ามันเอร็ดอร่อยซะจนต้องขอเบิ้ลอีกจานและแน่นอนว่าเจ้าบ้านจะตักอาหารเพิ่มให้คุณ     4. ปิดเสียงโทรศัพท์ในรถไฟที่ญี่ปุ่น ในญี่ปุ่นผู้โดยสารรถไฟ จะถูกขอให้ปิดเสียงโทรศัพท์หรือเปิดระบบสั่นไว้เท่านั้นขณะเดินทาง เพราะที่นี่คำนึงถึงเรื่องของส่วนรวมที่ไม่ต้องการให้การใช้โทรศัพท์มีเสียงดังรบกวนแก่ผู้อื่นยังไงล่ะ..   5. วิธีการขึ้นรถไฟสุดแปลกของคนอินเดีย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าระบบการขนส่งรถไฟในอินเดียนั้นช่างแตกต่างจากทุกประเทศซะเหลือเกิน เพราะบางทีอาจมีการต่อสู้หรือแย่งกันปีนป่ายเพื่อเข้าไปในรถไฟเลยทีเดียว ถ้าหากไปเผลอชนใส่ใครเข้า การกล่าวขอโทษก็เป็นทางออกที่ดีสำหรับที่นี่เช่นกัน     6. ระยะห่างของการพูดคุยกันต่อหน้า นับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญเลยทีเดียว ในอเมริกาการเข้าไปพูดคุยต่อหน้าในระยะประชั้นชิดอาจแสดงถึงการถกเถียงกันอย่างรุนแรงหรือการทะเลาะกัน แม้แต่ในอังกฤษและเยอรมันก็มักจะยืนคุยกันด้วยระยะห่างที่พอดี และในเม็กซิโกหากใกล้ชิดมากเกินไปอาจทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจระหว่างการสนทนาได้  …

เรารู้จัก “ญี่ปุ่น” ในฐานะที่เป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทั้งในด้านสังคม รวมไปถึงเทคโนโลยีต่างๆ อีกทั้งประเทศญี่ปุ่นยังมีเอกลักษณ์ และมีวัฒนธรรมที่แสดงออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน ดังนั้น จึงทำให้คนส่วนใหญ่มองเห็นแต่ความเจริญก้าวหน้าของประเทศนี้   ในขณะเดียวกัน แม้จะเป็นประเทศที่ถูกยกย่องว่ามีความเจริญก้าวหน้า ผู้คนสมัครสมานสามัคคี แต่ประเทศญี่ปุ่นก็จะต้องเผชิญกับปัญหาเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ เหมือนกันนั่นก็คือ “กลุ่มคนไร้บ้าน” นั่นเอง และในวันนี้เหมียวขี้อ้อน จะพาคุณไปชมภาพของคนไร้บ้าน หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งก็คือ “มนุษย์กล่อง” ณ สถานีรถไฟชินจูกุ ในกรุงโตเกียว     ช่างภาพที่ใช้ชื่อในโลกออนไลน์ว่า RobertAMcClellan ได้เข้าไปทำการเก็บภาพของบุคคลเหล่านี้ และมานำเสนอผ่านโลกออนไลน์เพื่อให้หลายคนได้รู้จักโลกในอีกแง่มุมหนึ่ง สำหรับภาพของคนไร้บ้าน ที่อาศัยอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น สามารถสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาสังคมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งทางภาครัฐก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ด้วยระยะเวลาอันสั้นได้     ดังนั้น ทางรัฐบาลจึงต้องมีการกำหนดมาตรการต่างๆ ขึ้นมาเพื่อควบคุมให้คนกลุ่มนี้มีระเบียบมากขึ้น เช่น จัดระบบที่อยู่ให้ และไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนทั่วไป, ถูกบังคับให้หางานทำ ซึ่งก็หนีไม่พ้นการเก็บขยะ, ไม่ได้รับอนุญาตให้พูดชื่อ-นามสกุลจริง รวมไปถึงสาเหตุที่มาเป็นมนุษย์กล่อง เพราะหลังจากที่หลุดจากสถานะนี้ จะได้ไม่เป็นปัญหาในอนาคต เป็นต้น     เมื่อลองเทียบพฤติกรรมการ และวิถีชีวิตของคนปกติทั่วไป และของคนไร้บ้าน เรียกได้ว่ามันช่างแตกต่างกันซะเหลือเกิน   เราจะได้เห็นว่าคนกลุ่มนี้ ได้สร้างบ้านที่ทำขึ้นมาจากกระดาษลัง…

เมื่อตอนเด็กๆ ภาพของคุณครูในความคิดของหลายๆ คน จะต้องเป็นผู้ที่มาพร้อมกับความโหด ใส่แว่นตาหนาๆ ถือไม้เรียวกันใช่ไหมละ แต่ความจริงแล้วมีคุณครูอีกตั้งมากมาย ที่ทั้งน่ารัก ไม่ดุ แถมยังชอบสร้างบรรยากาศสุดฮา และทุ่มเทในการสอนสุดๆ เหมือนดังเช่น 15 คุณครูจากทั่วโลกเหล่านี้ เรียกได้ว่าเป็นคุณครูตัวอย่างที่ทุ่มเทให้กับการสอนเป็นอย่างมากเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะสามารถรับมือกับเหล่าเด็กนักเรียนสุดแสบได้แล้ว พวกเขายังชอบหาวิธีสนุกๆ มาใช้ในการสอนเพื่อให้เด็กได้ผ่อนคลาย และไม่เครียดระหว่างเรียนอีกด้วย   นี่คือภาพน่ารักๆ ของอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้ขออาสาอุ้มลูกของนักศึกษา ขณะที่เด็กกำลังร้องไห้กลางชั้นเรียน เพื่อปลอบโยนเด็กน้อยจนหยุดร้องไห้ พร้อมกับสอนหนังสือไปด้วย (อ่านเรื่องราวได้ที่นี่)   สโลแกนบนเสื้อเตือนใจให้นักศึกษาตั้งใจเรียน ‘ทุกอย่างที่ผมพูดจะออกสอบนะ’   เอิ่มมม ท่ายืนของของคุณครูคนนี้ ทำเอาลูกศิษย์ถึงกับเงิบไปเลย   ครูสุดติสท์ แต่งตัวเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศในการเรียนวิชาประวัติศาสตร์   แซวหนักมากเลย ‘เวลาผ่านไปแล้ว แล้วเธอล่ะ จะสอบผ่านมั้ย?’   เมื่อคุณครูฟิสิกส์อธิบายคุณสมบัติของของเหลว   ครูสอนศิลปะ ใช้ชอล์กสร้างผลงานศิลปะสุดเจ๋งบนกระดานดำ เพื่อทำให้นักเรียนสนใจ และเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อได้   เมื่อไม่มีไม้บรรทัด คุณครูก็เลยนำเก้าอี้มาใช้วาดรูปสามเหลี่ยมซะเลย ทุ่มเทเพื่อการสอนมากจริงๆ   ครูที่เคยบอกนักเรียนไว้ว่า…

ซุปเปอร์สตาร์สาวชาวจีน ‘ฟ่านปิงปิง‘ ล่าสุดเธอไปเป็นแขกรับเชิญรายการทีวี ‘Challenger Alliance 2’ ที่ดาราจะมารับคำท้าต่างๆ ซึ่งคำท้าที่เธอได้รับก็คือ การเป็นผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ฟ่านปิงปิงก็ทำหน้าที่ของเธออย่างสมบทบาท มีแม้กระทั่งภาพของเธอกำลังสวีทกับเจ้าวาฬเบลูกาที่เธอดูแลอยู่ด้วย   . . .   เธอโพสภาพนี้ผ่านเว็บไซต์ส่วนตัวของเธอ ทำให้แฟนๆ ต่างก็ถูกใจกับความน่าจนทำให้ภาพนี้มียอดไลค์มากถึง 500,000 ไลค์ เลยทีเดียว ยิ่งตอนที่ทั้งคู่หลับตาลงระหว่างที่จูบนี่สิ ยิ่งน่ารักเข้าไปกันใหญ่   .   อย่างไรก็ตาม กลุ่มอนุรักษ์วาฬ ก็ได้ออกมาโต้ตอบในเว็บไซต์ Weibo ว่า “วาฬเบลูก้าเหล่านี้ถูกพรากมาจากธรรมชาติของมัน และถูกลักลอบเข้ามาจากประเทศรัสเซียอย่างผิดกฏหมาย พวกมันควรมีอิสรภาพที่จะได้สำรวจน่านน้ำอาร์กติก แต่พวกมันไม่มีโอกาสจะได้เห็นแสงสว่างอีกแล้ว พวกมันถูกจับมาให้ทำการแสดง และให้ถ่ายรูประหว่างที่พวกมันกำลังกอดจูบกับเหล่านักแสดงชื่อดัง ซึ่งก็เป็นเพียงการเพิ่มข้ออ้างให้กับเหล่านักธุรกิจที่โลภมากซื้อพวกมันมาขังไว้กันมากขึ้น”     กลายเป็นเรื่องดราม่าไม่ซะงั้น แต่มันก็เรื่องจริงนั่นแหละนะ!! มันก็คงจะมีความสุขกว่าถ้าได้อยู่ในธรรมชาติของมันสิเนอะ ที่มา: Shanghaiist