โบสถ์คริสต์ ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับ มัสยิด ที่นี่ไม่มีความรุนแรง แต่เต็มไปด้วยมิตรภาพ…

บ่อยครั้งที่เรามักจะได้เห็นข่าวเกี่ยวกับการก่อการร้าย จากกลุ่มหัวรุนแรง ตามสถานที่ต่างๆทั้งในยุโรป ตะวันออกกลาง และสหรัฐอเมริกาเองเช่นกัน

ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้หลายๆคน รู้สึกเกรงกลัวต่อผู้นับถือศาสนาอิสลาม (Islamophobia) ซึ่งอันที่จริงเราควรจะแยกกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ใช้ศาสนาเป็นข้ออ้าง ออกจากกลุ่มผู้บริสุทธิ์ที่มีจิตใจศรัทธาต่อศาสนาอิสลาม ไม่ใช่หรือ?!

และสำหรับสังคมแห่งนี้ ที่นี่มีโบสถ์ของชาวคริสต์ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับมัสยิดของชาวอิสลาม และพวกเขาเลือกที่จะใช้ชีวิตร่วมกันบนความแตกต่าง อย่างมีความสุข…

untitled

 

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อ Memphis Islamic Center ตัดสินใจซื้อที่ดินบนถนนตรงข้ามกับโบสถ์ Heartsong

“ครั้งแรกที่เห็นผมกลับรู้สึกแปลกๆ มีทั้งความกลัว และความรู้สึกที่เราบอกกับตัวเองว่า อย่าไปสนใจจะดีกว่า” บาทหลวง Steve Stone กล่าว

111

 

นอกจากบาทหลวงแล้ว สมาชิกคนอื่นๆในโบสถ์ก็ต่างรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง

“ผม และภรรยาเคยคิดว่าจะไม่มาที่โบสถ์นี้อีก เพียงเพราะเราไม่เปิดใจยอมรับถึงการเปลี่ยนแปลง” Mark Sharpe สมาชิกคนหนึ่งให้สัมภาษณ์

ซึ่งแม้แต่ผู้นำทางศาสนาของอิสลาม Dr. Bashar Shala กลับเข้าใจถึงสถานการณ์ดี ทำให้เค้าไม่แปลกใจที่ใครหลายๆคนอาจรู้สึกไม่ต้อนรับกลุ่มผู้นับถืออิสลาม “มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับชาวมุสลิมในอเมริกา ซึ่งผมเข้าใจว่าในสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาคงไม่อยากจะต้อนรับเราสักเท่าไหร่”

 

222

 

ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปเมื่อช่วงเดือนรอมฏอนของชาวมุสลิมมาถึง…

Shala ต้องการที่จะให้มัสยิดแห่งใหม่สร้างเสร็จก่อนช่วงถือศีลอดมาถึง แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง ทำให้พี่น้องชาวมุสลิมในชุมชน ยังไม่มีสถานที่สำหรับการทำพิธีทางศาสนา

เขาจึงลองไปถามบาทหลวง Stone ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามดู เพื่อขอยืมใช้พื้นที่สำหรับการทำพิธี ถึงแม้ว่าตอนแรกเขาคิดว่าจะขอรบกวนเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น

แต่สุดท้ายพวกเขาได้ใช้พื้นที่สำหรับการทำพิธีในโบสถ์เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม!!

333

 

วันเวลาทำให้ทั้งชาวคริสต์ และอิสลาม ได้ทำความรู้จักซึ่งกันและกัน พูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และช่วยเหลืองานทางสังคมต่างๆร่วมกัน

444

 

พวกเขาทั้งสองเริ่มจัดตั้งกลุ่มช่วยเหลือผู้ยากไร้ โดยการทำเสื้อโค้ท และอาหาร ร่วมกัน

5

 

ทุกๆวันที่ 11 กันยายน ของทุกปี เพื่อระลึกถึงโศกนาฏกรรมในอดีต พวกเขาร่วมกันบริจาคเลือด และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย

6

 

และที่สำคัญ พวกเขาร่วมมือกันจัดงาน ‘Thanksgiving’  โดยทำให้มันเป็นงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่งานเดียว ร่วมกันไปเลย

7

 

ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของทุกๆปี พวกเขาชื่นชอบที่จะจัดงานปิคนิคร่วมกัน เรียกได้ว่าชวนคนทั้งชุมชนมาสนุกสนานกันโดยไม่มีการแบ่งแยก

8

 

ถึงแม้ว่าทั่วทั้งประเทศอเมริกา จำนวนประชากรที่นับถืออิสลามจะมีอยู่เพียงแค่ 1% เท่านั้น (แต่ก็เยอะประมาณ 3.2 ล้านคน) และอาจมีหลายๆคนที่ยังคงรู้สึกกลัวต่อพวกเขา เพียงเพราะจากข่าวการก่อการร้ายต่างๆ

 

แต่สำหรับสังคมแห่งนี้ พวกเขาได้เลือกที่จะเปิดใจยอมรับ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน และอยู่ด้วยกันบนความแตกต่างได้อย่างมีความสุข

9

 

ถ้าหากว่าโลกของเราอยู่ร่วมกันแบบนี้ได้ในทุกๆพื้นที่ ก็คงจะดีสิเนาะ ปัญหาสงคราม และความรุนแรงอาจหมดไป นี่มันสังคมในอุดมคติชัดๆเลยนะเนี่ย ^ ^

emo-136

 

 

 

 

 

 

 

ที่มา: Upworthy

Comments

Leave a Reply