Category: สยามเมืองยิ้ม

กลายเป็นปัญหาระดับชาติเลยทีเดียว สำหรับการแกะกุ้งให้แฟนกิน หลังจากมีสมาชิกเว็บไซต์พันทิปท่านหนึ่ง นำเรื่องมาปรึกษากับชาวเน็ต ว่าทำไมแฟนจึงไม่ยอมแกะกุ้งให้เขากิน โดยเรื่องราวดังกล่าวเป็นของคุณ สมาชิกหมายเลข 2174931 ได้เล่าว่า ตนกับแฟนเพิ่งคบกันได้ 1 เดือน ต่อมาเธอได้ชวนแฟนไปกินบุฟเฟ่กุ้ง ด้วยความที่อยากให้แฟนแกะกุ้งให้ เธอจึงไปทำเล็บมา แต่ปรากฎว่าแฟนของเธอกลับไม่สนใจจะแกะกุ้งให้แม้แต่น้อย จนสุดท้ายเธอต้องเป็นคนร้องขอ แฟนจึงยอมแกะให้ เธอจึงนำเรื่องดังกล่าวมาปรึกษาชาวเน็ตว่า การที่แฟนไม่แกะกุ้งให้กินนั้น เป็นเรื่องปกติของผู้ชายหรือเปล่า     เป็นเรื่องแล้วมั้ยล่ะพ่อบ้าน แล้วชาวเน็ตว่าอย่างไรกับเรื่องราวที่เธอนำมาเล่าบ้าง     สมาชิก สมาชิกหมายเลข 2444406 ได้แสดงความเห็นว่า “เป็นง่อยหรือเปล่า”   สมาชิก น้องหญิงคำ ก็บอกในทำนองเดียวกัน “ไม่แปลกใจคะ ทำไมเดี๋ยวนี้ ผู้ชายไปกินกันเอง กินกะเทย ชะนีเยอะเกินจริงคะ เว้นช่องว่างให้กันบ้าง ผู้ชายเขาจะได้ไม่อึดอัด”   ส่วนท่านสมาชิก Art-Nimit ได้แสดงความเห็นในมุมมองของผู้ชายว่า “ผู้เป็นเพศที่เเข็งแรงสามารถแกะกุ้งได้ด้วยกำลังแขนและข้อมืออันแข็งเกร่ง ตูเกิดมาเพื่อแกะกุ้งหรือไงเนี่ย”   ความเห็นของท่านสมาชิก ตะวันกับดวงดาว  “แฟนน้องน่ารักนะ ที่อดทนกับ ผู้หญิงแบบน้องได้”   อีกความเห็นจากท่านสมาชิก FZLM “ผมก็ไม่แกะให้ครับ กินใครกินมัน แกะไปกินไปคุยกันไป บางทีอาจมีแกะให้บ้าง แต่ไม่ใช่มานั่งแกะให้ตลอด เอาความจริง…

นอกจากเฟสบุ๊คจะถูกใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารในชีวิตประจำวันแล้ว เรายังเห็นว่ามีหลายๆ คน ใช้เฟสบุ๊คเป็นช่องทางในการ “ปล่อยของ” ของตนเอง อย่างเช่นเพจที่ #เหมียวอ๊อดโด้ นำมาเสนอวันนี้ รับรองว่าฮาสุดๆ หยุดไม่อยู่อย่างแน่นอน   เพจนี่มีชื่อว่า “Social เฮ ฮา” ก่อตั้งครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมานี้เอง ด้วยความสร้างสรรค์ในการหยิบเรื่องราวต่างๆ ที่กำลังเป็นกระแสในปัจจุบันมาแซว โดยใช้พื้นหลังเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คยอดฮิตอย่าง “เฟสบุ๊ค” ทำให้ตอนนี้ยอดไลค์พุ่งไปถึง 50,000 คนไปแล้ว   ลองไปดูที่เขาแซวหนังเรื่อง Captain America  กันดีกว่า . . . .   นอกจากทีม Avengers แล้ว บอลยูโรก็โดนกับเค้านะ   วรรณคดีไทยก็ไม่เว้น   บอลไทยก็มีนะจ๊ะ         ใครชื่นชอบก็ลองไปกดติดตามได้ที่เพจ “Social เฮ ฮา” ได้เลยนะจ๊ะ…

ถ่อวววววววว อะไรจะอลังการงานสร้างขนาดน้านนนน (อันนี้ไม่ใช่เฉพาะ #จ่าสิบเหมียว ที่คิดแบบนี้นะเนี่ย ชาวเน็ตเขาก็คิดเหมือนกันล่ะ) ก็เรียกว่าเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคมสุดๆ ในขณะนี้ เกี่ยวกับกรณีที่คุณครูที่ดันไปมีสัมพันธ์ทางเพศกับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้กัน… โดยทางเฟซบุ๊คเพจของ Gthai movie เกย์เว้ยเฮ้ย ได้แชร์รูปภาพของบรรยากาศในงานแถลงข่าว แต่ที่ชาวเน็ตบอกว่ามันน่าสังเกตก็คือ ทำไมดูแบบพร้อมจัดเต็มกันมาก อาจคิดว่าคุณครูท่านนี้เป็นผู้ก่อการร้ายข้ามชาติที่อาจต้องเรียกหน่วย Avenger มาปราบกันเลยทีเดียว จัดเต็มกันแบบสุดๆ   งานแถลงข่าวคุณครู   เอาเป็นว่างานนี้ชาวเน็ตก็เกิดความสงสัยกันเล็กน้อยล่ะว่า เอ…นี่ต้องแถลงข่าวกันอลังการขนาดนี้ด้วยเหรอ?? โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ๆ มีส่วนร่วมเนี่ย มาคนสองคนก็พอแล้วมั้ง เพราะในภาพนี่อย่างกะยกกันมาทั้ง สน. เหมารวม สน. ข้างๆ มาด้วยอย่างนั้นแหละ  (ความเห็นชาวเน็ตจริงๆนะ #จ่าสิบเหมียว ไม่เกี่ยว)   ท็อปคอมเม้นต์เลยจ้า…อุ่ยยยย   วาระแห่งชาติสิคุ๊ณณณณณ แหม่!!!   จินตนาการไปถึงแผงปลาสลิดบางบ่อนะคุณผู้ชม   โพสต์จากต้นฉบับ   อัพเดทเพิ่มเติม: ล่าสุดมีการชี้แจงจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานอยู่ใน สน. นั้น ว่าที่จริงแล้วเหตุการณ์ไม่ได้เหมือนที่เห็นกันตามภาพนะเออ รบกวนชาวเน็ตมาฟังกันหน่อยยย ^^   แหมมม เรื่องแบบนี้มันก็ต้องมีการแถลงข่าว แถลงอะไรกันบ้างสิคุณ…

โลกออนไลน์เดี๋ยวนี้ แม้แต่เพื่อนที่เจอหน้ากัน มีเฟสบุ๊ฏไว้ติดต่อกัน ก็ไม่อาจจะไว้ใจกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการหยิบยืมเงินทองไปใช้ในช่วงที่ขัดสน โดยปกติถ้ารู้จักกันดี ทักขอยืมเงินแป๊บเดียวก็โอนให้แล้ว นั่นเป็นเรื่องของความไว้ใจ อย่างในกรณีของคุณ Noppadol Soisakun กล่าวว่าเขาถูกแฮ็กบัญชีเฟสบุ๊กเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 12.00 น. โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย และคนร้ายที่สวมรอยเป็นตัวเขานั้นได้ทำการทักแชทเพื่อนกว่า 30 คน ด้วยประโยคทำนองเดียวกัน       จะทักประมาณว่า ตอนนี้อยู่ที่ไหน จะขอยืมเงินซัก 4 – 8 พันบาท เพื่อนำไปจ่ายค่าซื้อของ แล้วก็ขอยืมเพิ่มอีกครั้ง โดยอ้างว่าจะคืนเงินให้ในเวลาช่วงบ่ายแทบทุกคนที่ถูกทัก       เพื่อนที่ตกเป็นเหยื่อก็หลงโอนเงินไปให้โดยไม่คิดอะไรมาก เพราะตัวจริงเป็นผู้ที่มีน้ำใจคอยช่วยเหลือมาโดยตลอด (เครดิตดี) ซึ่งหลังจากเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง คนร้ายสามารถหลอกยืมเงินเพื่อนของเขาไปได้ราวแล้วเกือบๆ 70,000 บาทเลยล่ะ     ภายหลังจากนั้นเขาสามารถกู้คืนบัญชีของตัวเองมาได้สำเร็จ และคนรู้จักของเขานั้นก็เพิ่งจะมารู้ทีหลังว่าไม่ใช่ตัวจริงที่มาขอยืมเงิน ทำให้เสียรู้เพราะความเชื่อใจไปหมดสิ้น   อย่างไรก็ตามเจ้าตัวได้แจ้งความเอาไว้แล้ว…

นอกจากทางม้าลายแล้ว สะพายลอยถือเป็นเส้นทางที่ช่วยลดอุบัติเหตุทางท้องถนน เพราะข้อดีของมันคือไม่ต้องรอให้รถว่างหรือไฟแดงก็สามารถข้ามได้เลย แต่ค่าใช้จ่ายในการสร้างค่อนข้างสูง แล้ว #เหมียวสามสี ก็ได้ไปพบกับสถาปัตยกรรมสะพานลอยแนวทดลอง ในบ้านเราเข้า เป็นภาพที่แชร์กันในเน็ต เห็นมาจากเพจ Black Hat อีกที พอสืบไปสืบมาก็พบว่าที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่จังหวัดนนทบุรีนี่เอง     จากภาพทำเอางงเลยว่าได้แรงบันดาลใจมาจากอะไร ทำไมถึงสร้างบันไดทางขึ้นสะพานลอยให้มันทับกับเสาไฟฟ้าได้ หรือว่าจะมาตัดออกทีหลัง? ก็ไม่น่าใช่ หลายคนที่เห็นภาพต่างก็มาชื่นชมกันใหญ่   ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการสร้าง รู้แต่ว่าตั้งอยู่ที่ไหน โดยที่ได้เอาชื่อร้านวินเซนต์ซักแห้ง ที่อยู่ในภาพไปค้นในกูเกิล แล้วก็ได้ตำแหน่งภาพกับรูปภาพที่เหมือนกันเป๊ะเลย เพราะฉะนั้นค่อนข้างมั่นใจมากว่าอยู่ที่นนทบุรีนี่เอง ถึงตัวจะเป็นแมว แต่สมองเป็นผู้ใหญ่ ชื่อของผมก็คือ #เหมียวสามสี อิอิ ที่มา Black Hat

หลังจากที่ผู้ประกาศข่าวชื่อดังอย่างสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้ประกาศลางานไปตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากมีคดีเกี่ยวกับบริษัทไร่ส้มและข้อพิพาทต่างๆ จึงจำเป็นจะต้องหยุดการทำหน้าที่ประกาศข่าวไปแบบไม่มีกำหนด     ล่าสุดดูเหมือนแฟนๆ ที่ติดตามการกลับมาของนักข่าวดังจะได้ชมเขานั่งคุยข่าวอีกครั้งหนึ่งแล้ว เพราะเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ เรื่องเล่าเช้านี้ ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอรายการใหม่ที่ชื่อว่า ยุทธ-หนุ่ย คุยยูโร 2016 เป็นรายการพูดคุยวิเคราะห์เกี่ยวกับฟุตบอลยูโร โดยมี สรยุทธ สุทัศนะจินดา และ เอกราช เก่งทุกทาง เป็นผู้ดำเนินรายการ     ตัวรายการจะไม่ได้ออกอากาศผ่านทางช่องฟรีทีวีหรือช่องดิจิตอลทีวี แต่จะเผยแพร่ให้ชมผ่านทางเว็บไซต์ morning-news.bectero.com ในช่วงเวลา 18.00 นาฬิกา   ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย (ใครดูไม่ได้ให้กดที่นี่นะจ๊ะ) เตรียมพบกับ ‘ยุทธ-หนุ่ย คุยยูโร 2016’ วันนี้ 18.00น.พบกับการพูดคุย เกี่ยวกับ ฟุตบอลยูโร 2016 แบบเข้มข้น กับคนที่คุณคุ้นเคย .. สรยุทธ สุทัศนะจินดา และ เอกราช เก่งทุกทาง ใน ‘ยุทธ-หนุ่ย คุยยูโร 2016’ ทาง www.เรื่องเล่าเช้านี้.com…

ปัจจุบันเรื่องของสิทธิส่วนบุคคลนั้นเป็นเรื่องที่ผู้คนให้ความสำคัญกันเป็นอย่างมาก อย่างเช่นการดูถูก เหยียดหยาม ประจานกันในที่สาธารณะ อันเป็นเหตุให้ผู้อื่นอับอาย ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยมากในสังคมบ้านเรา อย่างเหตุการณ์นี้ก็เช่นกัน มีชาวเน็ตเว็บไซต์พันทิปชื่อว่า สมาชิกหมายเลข 3056650 ได้ทำการโพสต์กระทู้ว่า “พี่ที่ทำงาน เอารูปที่เราใส่ชุดว่ายน้ำไปโพส และมีเพื่อนเค้ามาวิจารณ์แบบนี้ เราสามารถฟ้องร้องได้มั้ยคะ?”     โดยเธอเล่าว่าเมื่อช่วงสัปดาห์ก่อนบริษัทที่เธอทำงานอยู่ได้จัดสัมมนาที่โรงแรมริมทะเลในจังหวัดระยอง ซึ่งก็มีช่วงพักเบรกให้เล่นน้ำกัน แล้วด้วยความที่ไปทะเล เจ้าของกระทู้ ก็ได้ทำการใส่ชุดว่ายน้ำเพื่อไปเล่นน้ำชิลๆ กับเพื่อนๆ ร่วมงานที่สนิทกันกับเธอ หลังจากนั้นทุกอย่างก็จบลงทุกคนแยกย้ายกันกลับ แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น เพราะจู่ๆ เธอก็มารู้ตัวทีหลังว่ามีรุ่นพี่ที่ทำงานของเธอ อยู่แผนกบัญชีที่อยู่คนละแผนกกับเธอ ซึ่งก็ไม่ได้นิทหรือรู้กจักมักจี่อะไรด้วยเลย แถมไม่ได้เป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊คอีกต่างหาก ได้ทำการแอบถ่ายรูปของเธอตอนใส่ชุดว่ายน้ำ แล้วเอาไปโพสต์วิจารณ์ที่หน้าเฟซบุ๊คของตัวเองอย่างสนุกปาก โดยใส่แคปชั่นว่า “น้องที่ทำงาน สวยป๊ะ 555 *รูปอีโมชั่นมองบน *รูปอีโมชั่นหน้าเอือม”   เธอเล่าเพิ่มเติมว่าที่รู้ก็เพราะมีพี่ที่ทำงานอีกคนหนึ่งที่เธอสนิทสนมด้วยแคปรูปมาให้ดู อีกทั้งยังช่วยเตือนให้พี่บัญชีคนโพสต์ให้ลบโพสต์ออกซะ แต่เจ้าตัวก็ไม่ยยอมทำ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องขำๆ แถมยังโพสต์เหน็บแนม เจ้าของกระทู้ตามมาอีกเรื่อยๆ เรื่องการใส่ชุดว่ายน้ำ เจ้าของกระทู้อดรนทนไม่ไหวก็เลยทำการส่งข้อความในเฟซบุ๊คไปหาแต่เธอก็ยังไม่ยอมลบอีก ทำแค่ตั้งค่าจาก Public เป็นแบบเห็นได้เฉพาะเพื่อนในเฟซของเธอ ด้วยความสงสารจากพี่ที่ทำงานอีกคนของเจ้าของกระทู้ก็เลยทักไปช่วยพูดให้ พี่พนักงานบัญชีจึงยอมใจอ่อนลบทิ้งไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง   เจ้าของกระทู้รู้สึกเสียความมั่นใจในตัวเองมาก เพราะถูกวิจารณ์ซะเสียหายขนาดนั้นจากคนที่ไม่ค่อยรู้จัก และไม่เคยมีปัญหาอะไรด้วยเลย…

หากใครที่ไม่รู้จะหาอะไรอ่าน หรืออยากจะอ่านอะไรที่มันแปลกๆ ซักหน่อยนี่ เคยหยิบการ์ตูนไทย 1-5 บาทขึ้นมาอ่านกันบ้างมั้ยเอ่ย? แล้วจะรู้ว่าความแปลกมีอยู่จริง คุณภาพอัดแน่นเต็มเล่มกันเลยล่ะ โดยเฉพาะพวกแนวลี้ลับผีสางเนี่ย ขอบอกว่าของดีประจำชาติเราเลยนะ     ด้วยเอกลักษณ์และลายเส้นที่คุ้นเคยกันดี ยังพอมีที่มาที่ไป บวกกับเนื้อเรื่องที่เราก็รู้กันดีว่ามันชวนขนลุกขนพองกันมากแค่ไหน แต่ต้องถือว่าการ์ตูนเรื่อง ‘เสียงครวญจากเกาหลี’ ที่แชร์โดยคุณ Prawit Wijaksanasirigoon ถูกยกระดับไปอีกขั้นแล้วล่ะ แค่ชื่อก็กลัวแล้ว   .   จบปิ๊ง!! แค่เนี้ยยยย?   อ่านมาถึงตอนจบแล้วก็งงๆ จะให้รู้สึกตกใจกลัวหรือมึนกันแน่ล่ะเนี่ย แต่ที่แน่ๆ เขามาจากเกาหลีชัวร์!! ซารังเฮโย ที่มา : Prawit Wijaksanasirigoon

เมื่อเวลา 15.10 น. ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่าคุณ Worawut Yoojamrus ได้ทำการโพสต์คลิปซึ่งได้มาจากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่กับบ้าน เผยให้เห็นชายคนหนึ่งมาส่งจดหมาย แต่ไม่ยอมไป กลับเอาหนังยางที่พกมายิงใส่หมาที่เห่าเขาอยู่ คุณ Worawut ได้โพสต์พร้อมกับข้อความว่า “(อัพลงเฟส) นาทีที่ 6 เป็นต้นไปนะครับ ไปรษณีย์ เดี๋ยวนี้ว่างมากขนาดมายิงหมาชาวบ้านแบบนี้เลยหรอครับ ทำไมทำหน้าที่เสร้จแล้วไม่กลับไป คือหมามันก็อยู่ในบ้านผมเนี่ย มันก็ไล่เห่าคนแปลกหน้าทำหน้าที่ของมัน มีการมองหากล้อง ระแวงคนอื่นมาเห็น แต่มันกลับมองไม่เห็นกล้องผม นับได้ 18เส้น ถ้ามันโดนตาน้องหมานะ อืมม ฝากกันช่วยแชร์หน่อยครับ ขอบคุณครับ เหตุเกิด วันที่ 4/6/2559 เวลา 16:10:33”   และนี่คือคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   และนี่คืออาวุธที่เขาใช้ยิง เป็นหนังยางเส้นใหญ่ที่มีความหนามากกว่ายางรัดแกง   หลังจากนั้นก็ได้มีเฟซบุ๊ก พี่หนุ่ม ไปรษณีย์ คาดว่าน่าจะเป็นตัวแทนจากไปรษณีย์ไทย ได้มาชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้   แต่ทางเจ้าของเรื่องก็ได้ยืนยันว่าจะทำการส่งข้อมูลให้กับ สน. หรือเพจเท่านั้น   ตอนนี้ก็ต้องรอติดตามต่อไปว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะมีมาตรการอย่างไรบ้าง ที่มา Worawut Yoojamrus

ช่องทางการค้าขายเดี๋ยวนี้ ปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น เราจะเห็นได้ว่าพ่อค้าแม่ค้าหันมาจับตลาดออนไลน์กันเต็มไปหมด และถ้าจะให้ขายได้ดี มีกลุ่มลูกค้าเยอะ การเข้ามาขายของในกลุ่มที่จัดตั้งเฉพาะก็นับว่าเป็นอีกช่องทางที่ดี     แต่แล้วเมื่ออยู่ดีๆ ลงขายของเล่นเด็ก ดันโพสต์ตามปกติ มีลูกค้าเข้ามาติดต่อ แล้วจู่ๆ โพสต์ก็หายไปดื้อๆ แถมยังตามหากลุ่มขายของไม่เจออีก อย่างคุณ มงคล 999 ที่นำมาโพสต์ในพันทิป ตามแชทสอบถามแอดมินกลุ่มก็ไม่ได้คำตอบใดๆ จนกระทั่งมารู้ความจริงว่าไปขายทับที่แอดมินกลุ่มที่ขายทรายวิทยาศาสตร์ จึงเป็นเหตุทำให้โดนลบออกจากกลุ่ม     ซึ่งนอกเหนือจากกรณีนี้แล้ว ยังมีสมาชิกกลุ่มคนอื่นๆ ที่โดนในรูปแบบเดียวกัน การนำสินค้าประเภทของเล่นเด็กมาประกาศขายภายในกลุ่ม ก็จะถูกบล็อกและลบโพสต์เช่นเดียวกัน     สืบกันไปสืบกันมา จนกระทั่งคุณ เอรสเปรสโซ่หวานน้อย พบกับความจริงที่ว่าแอดมินกลุ่มที่สร้างกลุ่มขายของเล่นเด็กขึ้นมานั้นเป็นเจ้าของเดียวกัน คู่สามีภรรยา มาเปิดกลุ่มขายของเล่นเด็ก แต่กลับแบนพ่อค้าแม่ค้ารายอื่นออกจากกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่ขายของเหมือนกับแอดมินและขายดิบขายดีจนมากเกินไป จะถูกแบนอย่างรวดเร็ว     ทั้งๆ ที่พ่อค้าแม่ค้ารายอื่นก็ทำตามข้อตกลงกฎการลงขายของกลุ่มแล้วก็ยังโดนอยู่ดี . . .   อารมณ์แบบนี้ประมาณว่าเปิดร้านตั้งอยู่ในย่านที่มีคนผ่านมาดูเยอะ พอพ่อค้าแม่ค้ารายอื่นมาตั้งข้างๆ ขายของคล้ายๆ กัน บางรายอาจจะขายได้ดีกว่าก็เลยไล่ที่ออกไป เพื่อให้ตัวเองสามารถขายได้ต่อไป ถ้า…

พวกเราคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ไม่มีใครแก่เกินเรียน” ใช่ไหม? ประโยคนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกินเลยนะ เพราะแม้ว่าคุณจะอายุมากจนผมหงอก ผิวหนังไม่ได้เต่งตึงหรือสายตาเริ่มยาวกว่าตอนหนุ่มสาว คุณก็สามารถกลับมาสวมชุดนักเรียนได้ แถมยังดูน่ารักยิ่งกว่าคนหนุ่มสาวอีกนะ     วันนี้#เหมียวฟิ้นจะพาเพื่อนๆ ไปชม “โรงเรียนผู้ใหญ่” ในเทศบาลเมืองพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี โรงเรียนแห่งนี้เป็นแหล่งรวบรวมนักเรียนสูงอายุ ที่จะเปิดสอนให้แก่เหล่านักเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป       ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊กของคุณ นราธิป สาครวงศ์วัฒนา พร้อมกันนี้ยังมีข้อความด้วยว่า “วันนี้ผมมีโอกาศได้ยินคำพูดคำหนึ่งว่า ‘ลูกๆดีใจที่ได้พาพ่อแม่ไปซื้อชุดนักเรียน และจะได้พาพ่อ-แม่ไปส่งที่โรงเรียน’” “รับสมัครนักเรียนอายุไม่น้อยกว่า 55ปี ณ.ห้องงานพัฒนาชุมชน เทศบาลเมืองพิบูลมังสาหาร ไม่มีหมดเขตจ้า”     นี่ไม่ใช่โรงเรียนผู้สูงวัยแห่งแรกนะ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปลายปี 2558 ก็เคยมีการเปิดตัวโรงเรียนผู้สูงอายุที่จังหวัดลำปางมาแล้ว ขอบอกว่าน่ารักไม่แพ้กันเลยทีเดียว     ทั้งนี้ โรงเรียนผู้สูงอายุมีขึ้นเพื่อให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพร่างกาย อารมณ์ สังคมและจิตใจที่ดี รวมไปถึงมีความรู้ สามารถดูแลตนเองและทำประโยชน์เพื่อสังคมได้ด้วยนะ ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาภาวะผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นในสังคมได้ดีทีเดียวล่ะ   . . . . . .…

‘โรคมะเร็ง’ เป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนมานักต่อนักแล้ว ซึ่งในปัจจุบันมีผู้คนจำนวนมากที่ป่วยเป็นโรคร้ายนี้ เนื่องจากว่าเป็นเพราะสารพิษที่ปนเปื้อนเข้าไปในร่างกายจนทำให้เนื้อเยื่อหรือเซลล์ตาย จากนั้นมันก็ค่อยๆ ลุกลามไปกินส่วนอื่นๆ นอกจากผู้ป่วยจะต้องอดทนกับความเจ็บปวดจากการถูกเนื้อร้ายกัดกินแล้ว การรักษาของมันก็ส่งผลข้างเคียงอย่างใหญ่หลวงอีกด้วย ทั้งผมร่วง  แถมยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงอีกต่างหาก แต่ถ้าหากเราอดทนและมีใจสู้ทำการคีโมต่อไปสักวันหนึ่งมันก็จะหายไป ซึ่งหลายๆ คนก็ยอมแพ้ระหว่างทำการรักษาและเลือกที่จะยอมให้เจ้าเนื้อร้ายพรากชีวิตของตัวเองไป สาเหตุอาจมาจากสถานะทางการเงิน หรือทนความเจ็บปวดไม่ไหว   และในวันนี้ #เหมียวหง่าว ขอนำเสนอเรื่องราวของ ‘ผู้ชนะ’ ที่สามารถผ่านพ้นเจ้าโรคร้ายนี้ไปได้ โดยเธอมีชื่อว่า คุณกิ๊ฟ ที่เคยเป็นนางแบบและพริตตี้มาก่อน จู่ๆ มาวันหนึ่งเธอเกิดเป็นลมล้มพับขณะไปเป็นนางแบบถ่ายรูป คุณหมอตรวจพบว่าเธอเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว จากนั้นชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป แต่สุดท้ายเธอก็ต่อสู้กับมัน และสามารถเอาชนะมันได้ในที่สุด ลองไปชมเรื่องราวของเธอกันที่โพสท์ข้างล่างนี้ได้เลย…   . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .…

ในยุคปัจจุบันที่การทำธุรกิจเป็นอาชีพที่ผู้คนนิยมทำกันอย่างแพร่หลาย เพราะสามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับความครีเอทของสินค้าและบริการต่างๆ ด้วย จึงทำให้มีรูปแบบของสินค้าและบริการที่แตกต่างกันออกไป แต่วันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมวงการธุรกิจอีกแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นกับสังคมของเหล่านักศึกษาในบ้านเรา   เรื่องมีอยู่ว่าทางแฟนเพจเฟซบุ๊ค Red Skull V.6s Plus ได้นำเสนอเรื่องราวของวงการธุรกิจของกลุ่มนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีการรับจ้างเรียนแทน ทำรายงานแทน…   นอกจากนี้ยังมีการประกาศตามหาคนไปเรียนแทนกันเป็นรายวัน เรียกได้ว่าทำเป็นอาชีพเสริมรับทรัพย์กันแบบอื้อซ่าเลยทีเดียว . . .   แน่นอนว่าเมื่อเรื่องราวถูกเปิดเผยออกมาก็ทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย… โดยส่วนมากจะตำหนิเหล่านักศึกษาที่เข้าไปใช้บริการว่าหากไม่พร้อมก็ไม่ควรเรียนเลยดีกว่าบ้างก็เปรียบเปรยกับเรื่องราวของตัวเองว่าเมื่อก่อนกว่าจะได้เรียนนั้นลำบากแค่ไหน อยากเรียนแต่ก็ไม่ได้เรียน   และบางส่วนก็บอกว่าจริงๆ แล้วไม่ได้มีแค่ในมหาวิทยาลัยนี้เท่านั้นที่อื่นก็มีเพียงแต่ว่า มันยังไม่ถูกเปิดเผยออกมาก็เท่านั้นเอง และแน่นอนว่าเรื่องนี้มหาวิทยาลัยไม่ผิดแต่อย่างใด และที่เป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดเพราะบางคนก็ไม่อยากไปเรียน ชอบอ่านหนังสืออย่างเดียวมากกว่า จะจ้างคนอื่นไปเรียนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก…   บางคนก็บอกว่าขนาดตอนเป็นนักศึกษายังเอาเปรียบเพื่อนร่วมชั้นถึงขนาดนี้ แล้วตอนทำงานจะขนาดไหน?   ก็คงต้องรอประกาศจากทางมหาวิทยาลัยแล้วล่ะ ว่าจะมีมาตรการในการจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?   แล้วชาวเหมียวของเรามีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้กันบ้าง ก็สามารถคอมเม้นท์เข้ามากันที่ข้างล่างนี้ได้เลยนะจ๊ะ ^^ ที่มา : Red Skull V.6s Plus

‘การให้’ เป็นการกระทำที่จะทำให้เรามีความรู้สึกดีและอิ่มเอมหัวใจไปตลอดทั้งวัน แน่นอนว่าเหล่าผู้คนที่ได้รับรู้หรือรับชมเรื่องราวดีๆ ของ ‘การให้’ แล้วก็จะทำให้มีความสุขตามไปด้วย และแน่นอนว่าสามารถสร้างแรงบันดาลใจที่จะ ‘ให้’ กับคนอื่นส่งต่อไปอีก… วันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวสุดประทับใจที่เกี่ยวกับ ‘การให้’ มาเล่าสู่กันฟัง เรื่องมีอยู่ว่าคุณ เปิ้ล งาน ปัก บัวหลวงธานี ที่เปิดร้านรับปักเสื้อ ได้โพสท์รูปภาพและข้อความเล่าเรื่องราวของเด็กหญิง 2 คน ได้เอาเอาเสื้อนักเรียนเก่าๆ มาปักที่ร้านของเธอ   ตอนแรกเธอก็คิดว่าจะปักให้ฟรี แต่พอได้ตรวจเช็คดูสภาพเสื้อแล้วก็ต้องตกใจเพราะมันช่างเก่าและเปื่อยซะเหลือเกิน จะจิ้มเข็มลงไปก็กลัวว่าผ้าจะขาด ก็เลยตัดสินใจพาน้องไปซื้อเสื้อใหม่ 1 ตัว   พอไปถึงร้านก็เล่าเรื่องราวให้ร้านขายเสื้อฟัง คนขายก็ใจดียกให้อีก 1 ตัว แถมยังมีคนใจดให้เงินมาอีก 100 บาท ช่างเป็นการให้แบบอินเซ็ปชั่นซะจริงๆ ฮร่า   และแน่นอนว่าเรื่องราวสุดประทับใจนี้ถูกแชร์ออกไปมากมาย ซึ่งก็มีผู้คนต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นชื่นชมเจ้าของโพสท์ และแสดงความรู้สึกดีๆ มากมาย แถมยังสอบถามหาที่อยู่ของเด็กเพื่อให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมอีกต่างหาก . . .   หากใครต้องให้ความช่วยเหลือกับน้องๆ ก็สามารถเข้าไปติดตามที่เฟซบุ๊คของคุณ เปิ้ล งานปัก บัวหลวงธานี…

ยังจำกันได้ไหมกับ โฆษณารสดี เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ที่เป็นโฆษณามีพ่อแม่ลูก โดยคุณแม่กำลังทำอาหารและพ่อกับลูกกับลำถกเถียงกันว่าเป็นหมูหรือไก่ โดยเราจะเห็นเด็กหญิงตัวน้อยที่แสดงเป็นลูก เธอคนนี้คือน้อง ‘ลิซซี่ เฟลิเซีย ณัฐษณา บุทเชอร์’ ต้องบอกเลยว่าเธอได้สร้างความน่ารักให้กับคนชมโฆษณากับคำพูดสุดฮิต “หมูฉึกๆ”   หากใครยังนึกไม่ออกลองมาชมโฆษณากันหน่อย   ล่าสุดสาวน้อยคนนี้ อายุได้ 10 ขวบแล้ว จากเด็กน้อยไร้เดียงสา สู่การเป็นเด็กสาวที่มีความน่ารักในวัยนี้เพิ่มขึ้นมา ซึ่งบางคนอาจจะจำไม่ได้ เพราะเธอค่อนข้างเปลี่ยนไปเหมือนกันน๊าา…   ตอนนี้เธอก็เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 รูปนี้ถ่ายคู่กับคุณแม่ของเธอที่เพิ่งได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่น .   จำกันได้รึยังว่าสมัยก่อนน้องเค้าเป็นยังไง… . . .   ปัจจุบันตอนอายุ 10 ขวบ . . . . .   นี่จนาดโตมาไม่กี่ปีก็ยังน่ารักได้ขนาดนี้ นี่ถ้าเป็นวัยรุ่นถัดไปอีกซัก 6-7 ปีคงมีหนุ่มๆมาต่อแถวจีบกันตรึมเลยล่ะงานนี้ ใครที่เป็นแฟนคลับจากวลีฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองตอนนั้น และอยากติดตามเธอคนนี้ได้ที่เฟซบุ๊คแฟนเพจ Felicia Butcher ตอนนี้ก็มีแฟนเพจหลัก 300,000 แล้วด้วยนะ!!…

สงสัยปีนี้จะเป็นปีทองของคนที่ชื่อเมย์-เม หลังจากเมื่อช่วงเดือนก่อน คนไทยได้เฮดังๆ กับการที่น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ สามารถก้าวขึ้นเป็นนักแบดมินตันหญิงมือหนึ่งของโลกได้ แต่รู้หรือไม่ ในกีฬาอีกชนิดที่ต่างจากแบดมินตันโดยสิ้นเชิง ก็มีนักกีฬาหญิงไทยกำลังสร้างปรากฏการณ์ให้สังคมโลกได้รับรู้อยู่เช่นกัน จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย เรื่องราวดังกล่าวเป็นของ “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟสาวจากประเทศไทยวัยเพียง 20 ปี ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์รายการแข่งขันกอล์ฟ แอลพีจีเอ ได้ 3 รายการติด ซึ่งถือว่าเป็นคนแรกที่ทำสำเร็จนับตั้งแต่ปี 2013     โดยสามรายการที่เธอคว้าแชมป์มาได้คือ แอลพีจีเอ ทัวร์ รายการ โยโกฮาม่า ไทร์ แอลพีจีเอ คลาสสิก, คิงส์มิลล์ แชมเปี้ยนชิพ และล่าสุด แอลพีจีเอ โวลวิก แชมเปี้ยนชิพ หลายคนอาจสงสัยว่า การคว้าสามรายการติดต่อกันนี้เป็นเรื่องยากอย่างไร ต้องบอกว่าศักดิ์ศรีของรายการแอลพีจีเอทัวร์นั้น คือรายการที่สูงที่สุดของเหล่านักกอล์ฟหญิงเลยทีเดียว (เป็นรองเพียง แอลพีจีเอ เมเจอร์เท่านั้น ซึ่งเทียบได้กับแกรนแสลมของเทนนิส) และมีเงินรางวัลตอบแทนสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกอีกด้วย     ตอนนี้ยอดเงินรางวัลรวมในปี 2016 โปรเมได้ขยับขึ้นมาเป็นอันดับสองด้วยเงินรางวัล…

ช่วงที่ผ่านมา หลายคนคงรู้สึกเสียใจจากการที่ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในโอลิมปิกรอบสุดท้ายที่ประเทศบราซิลไปอย่างน่าเสียดาย แม้จะไม่สามาารถทำฝันให้เป็นจริงได้ แต่เชื่อว่าคนไทยทุกคนชื่นชมและให้กำลังใจเหล่านักกีฬาเสมอ ล่าสุดเกิดเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ทีมนักกีฬาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคนไทยเสมอ จะเป็นอย่างไร ไปชมกันเลย เรื่องราวดังกล่าวถูกนำมาแชร์โดยเฟสบุ๊ค Som Thanida โดยเธอเล่าว่า กลุ่มคนไทยในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้ ทำอาหารไทยเพื่อต้อนรับนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงไทย ที่กำลังเดินทางไปแข่งขันวอลเลย์บอลในรายการ มอนเทรอซ์ มาสเตอร์ 2016 ที่ประเทศสวิตเซอร์แล้ว   น้ำใจคนไทยในต่างแดนไม่เหือดแห้งค่ะ ขอขอบคุณพี่ยุ้ย จากเมืองเจนีวา สมพันธรัฐสวิส ที่วันนี้ตื่นมาเพื่อทำอาหารให้นักกีฬาวอล… โพสต์โดย Som Thanida บน 29 พฤษภาคม 2016 โดยอาหารที่พวกเธอนำมาต้อนรับก็คืออาหารขึ้นชื่อของเมืองไทยอย่าง ข้าวคลุกกะปิสุดน่ากินนั่นเอง   เมื่อชาวเน็ตได้เห็นภาพดังกล่าว ก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย .   น้ำใจคนไทยนี่สุดยอดจริงๆ ยังไงถ้าเพื่อนๆ คนไหนสนใจกีฬาวอลเลย์บอล อย่าลืมติดตามชมรายการ มอนเทรอซ์ มาสเตอร์ 2016 ทางช่อง True4u นะฮะ ที่มา Som Thanida

เหล่าทาสหมาทุกคนจะรู้ว่ามะหมานั้นเป็นสัตว์ที่มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ หากเราให้ข้าวให้น้ำเลี้ยงดูมันเป็นอย่างดี เหล่าเจ้าหมาทั้งหลายก็จะตอบแทนด้วยการปกป้องคุ้มครองเราจากภัยอันตรายต่างๆ และวันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวสุดซึ้งของเจ้าหมาที่ปกป้องเจ้าของของมันจากงูเห่าจนถึงกับแลกด้วยชีวิตของมัน เพจเฟซบุ๊ค กลุ่มคนอาสา กู้ชีพ กู้ภัย Thailand ได้ทำการโพสท์ภาพและเล่าเรื่องราวของเจ้าหมาที่ปกป้องเจ้านายจากการฟัดกับงูเห่าจนทำให้มันถึงแก่ความตาย โดยมีแคปชั่นว่า “หมาแสนรู้สู้กับงูเห่าเพื่อปกป้องเจ้านาย กัดจนงูตายแต่ตัวเองก็โดนงูเห่ากัด รู้ตัวเองว่าต้องตายจึงหลั่งน้ำตาเพื่อขอลา แสนสงสารเจ้าหมาน้อยที่ปกป้องเจ้านายจนเสียชีวิตมากครับ ขอแสดงความเสียใจกับเจ้าของหมาด้วยครับ” เจ้าสุนัขตัวนี้เอาตัวเข้าแลกปกป้องเจ้านายด้วยการกระโจนเข้าไปสู้กับงูเห่า ถึงแม้ว่างูเห่าตัวนั้นจะตาย แต่เจ้าหมาก็ถูกงูเห่ากัดไปด้วย   ซึ่งแน่นอนว่าพิษของงูเห่านั้นได้เล่นงานเจ้าสุนัขตัวนี้จนทำให้ถึงแก่ชีวิต และดูเหมือนว่ามันรู้ตัวว่าตัวเองไม่รอดแล้ว จึงมองหน้าของเจ้านายและหลั่งน้ำตาเพื่อบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย…   แน่นอนว่าเรื่องราวสุดกล้าหาญของเจ้าหมาตัวนี้สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก จึงทำให้มีการแชร์และส่งต่อความนี้ไปให้คนอื่นๆ ได้รับรู้ รวมไปถึงได้ออกมาเล่าเรื่องราวเจ้าหมาของตนเองที่ถูกเจ้างูเห่าพรากชีวิตไปอีกด้วย . . .   #เหมียวหง่าว ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของเจ้าหมาตัวนี้ และขอยกย่องการกระทำที่กล้าหาญของนายด้วยนะเจ้าหมา ขอให้หลับอย่างสบายนะ ที่มา : กลุ่มคนอาสา กู้ชีพ กู้ภัย Thailand

เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งเมื่อมีดาราคนดังจากประเทศไทยเรา ไปเป็นตัวแทนบนพรมแดงงานระดับโลก อย่าง ชมพู่ อารยา ที่ทุกๆ ท่านได้เห็นกันไปแล้ว ซึ่งนอกจากการได้ไปร่วมงานแล้วก็ต้องมีการสัมภาษณ์กันเล็กๆ น้อยๆ เป็นปกติธรรมดา   คลิปสัมภาษณ์ก็ตามที่เห็นนี้เลย…   จากคลิปข้างต้นนั้น ชมพู่ อารยา ได้ให้สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยมเลยล่ะ แต่สุดท้ายไม่วายชาวเน็ตไทยที่มักจะจับจ้องทุกรูขุมขน มีการจิก แซะ ว่าเป็นลูกครึ่งแต่สำเนียงไม่ได้เหมือนกับเจ้าของภาษาเลย (สำเนียงบ้านๆ)     ซึ่งนั่นก็เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าหากเรามองในอีกด้านก็คือ ชมพู่ อารยา เติบโตที่เมืองไทย จึงใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลัก ภาษาอังกฤษจึงอาจจะตกหล่นไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่โอเค เอาเป็นว่าเรามาดูความคิดเห็นของอาจารย์อดัมกับกรณีแซะนี้บ้าง   มันก็ย้อนกลับมาที่สังคมไทยเราตรงที่ว่า การที่ซักคนหนึ่งจะพูดภาษาอังกฤษ จำเป็นที่จะต้องมีสำเนียงที่เป๊ะ แต่ถ้าเป๊ะมากก็จะถูกหาว่าดัดจริต จนกลายเป็นความรู้สึกกลัวที่จะพูดภาษาอังกฤษ ซึ่งไม่ใช่กลัวที่จะพูดกับชาวต่างชาติ แต่กลัวที่จะถูกคนไทยด้วยกันด่าจิกและล้อเลียนแทน ที่มา : อาจารย์ อดัม, ThaiCh8

ความมีน้ำใจบนท้องถนนนับว่าเป็นสิ่งที่พึงควรกระทำ แต่บ่อยครั้งก็เกิดกรณีอย่างการปาดหน้าจนทำให้มีเรื่องมีราวกัน เอาเข้าใจจริงๆ ใครๆ ก็ไม่อยากมีเรื่องกันหรอก จึงต้องลงมาคุยมาเคลียร์ให้จบๆ กันไป แต่!!! สำหรับสิ่งที่จะได้เจอต่อไปนี้ไม่ใช่อย่างที่เราเจอกันมาแน่นอน!!!!     คลิปที่เห็นนี้ไม่ทราบว่ามีเรื่องราวต้นเหตุมาจากอะไร แต่น่าจะคาดเดาได้ว่ามีปัญหาเรื่องการขับเฉี่ยวชนหรือปาดหน้ากัน ซึ่งฝ่ายชายคู่กรณีกำลังลงจากรถเพื่อมาคุยและเคลียร์ปัญหาด้วย แต่ยังไม่ทันไร ฝ่ายหญิงอัดคลิปก็บ่นใส่รัวๆ แบบไม่ยั้ง     แบบว่าฝ่ายหญิงไม่ยอมจอด ไม่ยอมลงมาคุย จะไม่มีการอะไรทั้งนั้น ฝ่ายคู่กรณีก็อยากจะได้รับคำขอโทษ ทางฝ่ายหญิงก็บอกด้วยประโยคเด็ดตามมาเป็นขบวนเช่น ‘น้ำใจมีหน่อยดิพี่ ‘หนูขอโทษแล้วจะเอาอะไรอีก’ และหลังจากที่คู่กรณีกลับขึ้นรถไปแล้วก็ด่าสบถตามรัวๆ อย่าง ‘เxี้ย’ ‘ไอ้เxี้ยกูไม่กลัวหรอก’     แทนที่จะจบแค่นั้น แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอมจบ ไล่ขับตามถ่ายคลิปรถคู่กรณีและสบถออกมาไม่หยุด (น้ำเสียงแบบโมโหมาก)   หลังจากคลิปนี้ถูกโพสต์ลงบนยูทูป กลายเป็นว่าชาวเน็ตไม่เห็นด้วยกับเธอเพียบ….   กลายเป็นคลิปฆ่าตัวเองรึเปล่า คงต้องถามแฟนเพจเหมียวแล้วล่ะว่าเห็นใจฝ่ายไหน ฮร่าาาาา!! ที่มา : Zerocool Linux

แม้ว่า#เหมียวฟิ้นจะผ่านวัยเรียนมาได้สักพักหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังคงสนใจการเรียนการสอนของเด็กๆ สมัยนี้นะ เพราะต้องคอยช่วยดูการบ้านให้กับเด็กๆ หรือหลานๆ ที่บ้านเป็นครั้งคราว แต่ต้องยอมรับเลยว่าการบ้านแบบที่คุณกำลังจะได้เห็นต่อไปนี้ อาจจะทำให้คุณเงิบเลยก็ได้…   เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปที่ใช้นามแฝงว่าคุณ บราวนี่รสเสน่หา ได้เข้ามาตั้งกระทู้เกี่ยวกับการบ้านวิชาภาษาไทยของหลานที่อยู่ชั้น ป.1 ซึ่งการบ้านนั้นเป็นการให้เด็กๆ แจกลูกสะกดคำของสระอี     แต่เมื่อเจอโจทย์ข้อหนึ่งเธอก็ถึงกับเงิบเลยทีเดียว เพราะมีคำไม่สุภาพอยู่ในโจทย์ด้วย!? เธอจึงสงสัยว่าคำๆ นี้เป็นคำที่เกิดจากการพิมพ์ผิดหรือตั้งใจกันแน่เพราะเป็นคำที่หยาบคายเกินกว่าจะสอนเด็กประถมได้ ต่อมาคุณครูได้ให้คำตอบกับเธอว่า “คุณป้าอย่าคิดมาก ทุกวันนี้คำนี้ไม่ใช่คำไม่สุภาพแล้วนะคะ เราควรสอนให้เด็กรู้จักคำนี้ไปเลยค่ะ พวกครูภาษาไทยที่บอกว่าไม่เหมาะสมนั้นเป็นพวกหัวโบราณหรือเปล่าคะ คุณป้าอย่าคิดแทนเด็กเลยค่ะ พวกเขาไม่คิดอะไรหรอกค่ะ”   หลังจากที่กระทู้นี้เริ่มได้รับความสนใจจากชาวเน็ตในวงกว้าง ก็เริ่มมีสมาชิกคนอื่นๆ เข้ามาให้ความเห็นว่าคำดังกล่าวเป็นคำที่ค่อนข้างหยาบคาย ไม่ควรมาอยู่ในบทเรียน และแม้ว่าจะไม่ได้มีการเรียนการสอนคำนี้แต่ในอนาคตพวกเขาก็จะสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอยู่แล้ว   ตัวอย่างคอมเม้นท์จากชาวเน็ตที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าว…   คุณ ผู้หญิงเลือดเย็น “ดิฉันเองก็เป็นครูภาษาไทย(หัวโบราณตามที่ถูกแขวะ) เพราะจะขอยืนยันว่า คำนี้มันไม่ใช่คำที่สุภาพ” “ควรอธิบายและทำความเข้าใจกับเขา แต่มันไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ให้เป็นจุดเด่น การบอกว่าไม่เหมาะที่ครูจะเลือกมาใช้ในใบงานไม่ใช่ปิดกั้นไม่ให้เด็กรู้จักนะคะ” “#มีบางความเห็นบอกว่าคำนี้ไม่มีความหมาย ไม่มีพจนานุกรมเล่มไหนให้ความหมายมัน ตามพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถานเล่มปัจจุบัน ให้ความหมายคำว่า ห..อี.. ว่า น.อวัยวะสืบพันธุ์ของหญิงหรือสัตว์เพศเมียบางชนิด” . คุณ พิมพ์นรา “คือ…คำอื่นที่เหมาะสม…

ช่วงนี้กระแสของ หลวงพ่อธัมมชโย แห่งธรรมกายกำลังโด่งดัง หลังจากปฏิเสธไม่ยอมมอบตัวตามหมายจับของกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ ล่าสุดในทวิตเตอร์ก็มีคนเกาะกระแสนี้เช่นกัน ด้วยการใช้ แฮชแท็ก #ธรรมกายที่รัก บอกเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับวัดธรรมกายที่แต่ละคนได้ประสบพบเจอมา ซึ่งส่วนใหญ่ก็เด็ดๆ ทั้งนั้น จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย   แอชแท็กนี้ตอนแรกเริ่มจากการแซะลัทธิธรรมกาย   ออกไปในแนวทางประชดขำๆฮาๆ   มีทั้งแบบรูปภาพและข้อความต่างๆ . .   อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าพอเวลาผ่านไป เหมือนจะมีเหล่าลูกศิษย์ธรรมดาเริ่มใช้แฮชแท็กนี้ในการยกย่องวัดแทนการแซะแบบตอนแรกซะแล้ว แถมมีทั้งภาษาไทยแล้วก็ภาษาอังกฤษด้วยนะ… .   อื้อหือ เรียกว่าต่างคนต่างไม่ยอมกันจริงๆ ใครอยากเผือกต่อ ก็กดตามไปที่ #ธรรมกายที่รัก ได้เลยนะครับผม รับรองว่ามีอะไรมันๆ ให้อ่านอีกเยอะแน่นอน อิอิ!!

การเดินทางด้วยเครื่องบินนับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นิยมอย่างมากในยุคสมัยปัจจุบัน และมักจะมีปัญหาให้เห็นกันเป็นประจำกับการโหลดสัมภาระขึ้นเครื่อง บางกรณีก็เคลียร์ได้ แต่บางกรณีก็ไม่ลงตัว เพราะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง     เรื่องราวอันน่าตกตะลึงของคุณสมาชิกหมายเลข 3193971 ได้ตั้งกระทู้ไว้ในพันทิปเอาไว้เกี่ยวกับกระเป๋าที่โหลดขึ้นเครื่องกับสายการบินไทยยิ้ม จากภูเก็ตถึงกรุงเทพ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยหลังจากที่ถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลาประมาณ 5 ทุ่ม เธอก็รอกระเป๋าที่โหลดเอาไว้จะมาทางสายพานเบอร์ 2 แต่ทว่ารอนานมากจนไม่มีวี่แววของกระเป๋าโผล่มาเลย     เธอจึงสอบถามพนักงานว่ากระเป๋าหายไปไหน สายการบินทั้งสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินภูเก็ตก็หาไม่เจอ ก็เลยให้กลับบ้านไปก่อน จนกระทั่งวันถัดเวลาประมาณเที่ยง สายการบินที่สุวรรณภูมิแจ้งกลับมาว่าเจอกระเป๋าแล้วอยู่กับการท่าฯ ไม่สามารถนำออกมาได้เพราะต้องทำเอกสารเสียก่อน จนกระทั่ง 5 โมงเย็น เธอก็กลับไปรับกระเป๋าคืน ซึ่งสภาพที่ต้องเจอนั้นไม่เหมือนเดิมเลย   . . . . . . . .   ทั้งนี้เธอยังบอกด้วยว่าของที่ได้กลับมานั้นยังไม่ครบ มีบางส่วนหายไปเยอะมาก และของที่เหลืออยู่นั้นอยู่ในสภาพที่พังยับเยินจนไม่สามารถนำมาใช้ได้แล้ว ทั้งนี้ทางสายการบินจะชดเชยเบื้องให้กับกระเป๋าที่เสียหาย 2,000 บาท หรือเลือกกระเป๋าใบใหม่จากทางร้านจำหน่ายคู่ค้าของสายการบิน ส่วนทรัพย์สินภายในกระเป๋าจะไม่รับผิดชอบ     ส่วนสาเหตุที่กระเป๋าได้รับความเสียหายหนักขนาดนี้ ทางสายการบินแจ้งมาว่าน่าจะโดนรถทับแล้วลากติดมา…

นี่คือเรื่องราวการเตือนภัยที่มีคนส่งต่อกันในโลกออนไลน์มากที่สุดในขณะนี้เลยทีเดียว สำหรับการเตือนภัยหนุ่มโรคจิตรายหนึ่งที่แอบตีเนียนไปแต๊ะอั๊งสาวๆ บนรถไฟฟ้า BTS เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่าคุณ Arnantr Thitithakul ได้นำเรื่องราวของผู้เสียหายมาบอกต่อ เป็นประสบการณ์การถูกลวนลามของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ถูกหนุ่มโรคจิตลวนลามบนรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง     เริ่มแรกชายหนุ่มรายนี้ได้มีการนำมือมาโดนที่ก้น ต่อมาเริ่มลามไปยังด้านหน้าด้วย!? จากนั้นหญิงสาวจึงได้ตะโดนด่าเสียงดังๆ ต่อมามีน้องผู้หญิงแถวนั้นเข้ามาบอกว่าโดนลวนลามเหมือนกัน สุดท้ายโรคจิตรายนี้ก็เกิดความอับอายและหนีลงรถไฟที่บริเวณสถานีสุรศักดิ์ในที่สุด     หลังจากที่เจ้าของเรื่องเจอกับเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ได้มีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่ออกหนังสือไปยัง BTS ให้ช่วยตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดอีกรอบ พร้อมกับบอกว่าหากใครพบเห็นชายหนุ่มลักษณะแบบนี้อีก ให้รีบโทรแจ้ง 02-286-1138 ได้เลย     นอกจากนี้เจ้าของเรื่องยังได้มีการปรึกษากับเพื่อนๆ ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ปรากฏว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะมีบางคนจดจำใบหน้าของโรคจิตหนุ่มรายนี้ได้ แถมยังบอกอีกว่าเคยโดนลวนมาแล้วเช่นกัน     หากเจอเหตุการณ์แบบนี้#เหมียวฟิ้นอยากแนะนำสาวๆ ว่าหากระแวงว่าจะเจอกับพวกโรคจิต เมื่อขึ้นรถมาแล้วให้หันหลังเข้ามุมเลย หรือถ้าเจอกับตัวจริงๆ ให้ตะโดนด่าดังๆ แบบกรณีนี้เลยนะ อย่านิ่งเงียบหรืออาย ไม่งั้นพวกนี้จะได้ใจนะเออ!!!! ที่มา Arnantr Thitithakul

อาหารเหนือ เป็นอาหารที่มีความเป็นเอกลักษณ์อยู่ภายในตั๋ว บ่ว่าจะเป็นหน้าตา หรือรสชาติ ก็อร่อยถูกปากผู้ที่ได้ลิ้มลอง และถ้าหากเราลองนำอาหารเหนือมาผสมผสานกับอาหารญี่ปุ่น เหมียวขี้อ้อนว่ามันคงจะดูแปลกตาขนาดเลย และเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2559 ทางเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า สายด่วน.คนพะเยา ได้มีการแชร์ภาพของมดชนิดหนึ่ง ตี้ชาวเหนือเปิ้นมักจะฮ้องว่า “แมงมัน” อยู่เต็มถ้วย แถมยังมีข้อความเขียนกำกับไว้โตยว่า…   “ห้ามย้วม อุ๊ยสั่งมา ใส่ได้บ่เกิน 2 ตั๋วต่อกำข้าวเน้อ” (ห้ามหยิบ ยายสั่งมา ใส่ได้ไม่เกิน 2 ตัวต่อข้าวก้อนนึง)   นอกจากนี้ยังมีภาพของข้าวเหนียวที่ถูกปั้นเป็นก้อน พร้อมวางแมงมันเอาไว้บนข้าว 2 ตัว ผ่อไปผ่อมาหน้าตาของมันเหมือนกับ “ซูชิ” อาหารขึ้นชื่อของประเทศญี่ปุ่นบ่มีผิด ป๊าดดดด แมงมันบ้านเฮาพอเอามาดัดแปลงใหม่กลายเป็นอาหารโกอินเตอร์ น่ากิ๋นกว่าเดิมเยอะ     ซึ่งหลังจากตี้ภาพดังกล่าวได้ถูกแชร์ออกไปทั่วโลกออนไลน์ ต่างก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันนักขนาด เช่น “ของแพงเน้อ บ่าใจ้หน้ามัน ฝนบ่าตก ก็บ่ามีฮื้อกิ๋นเน้อ” “ไม่รู้ว่ากินได้ เราเอายาฆ่ามดฉีดใส่รังมันตายยกรังเลย ข้อหามันกัดลูกเรา55++” “แมงมัน หายากมากแล้วก็ มันกัดด้วยนะ…

เชื่อว่าตอนเป็นเด็ก แทบทุกคนจะต้องเคยผ่านประสบการณ์ในการทำฟันมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการอุด หรือการถอน ซึ่งในตอนนั้นเรียกได้ว่าการเข้าหาหมอฟันมันเป็นอะไรที่น่ากลัวที่สุดสำหรับเด็กเลยก็ว่าได้ แต่ความกลัวเหล่านั้นจะหายไป ถ้าหากเด็กๆ ได้เข้ารับการรักษาฟันจากคุณหมอเคน หมอสุดเท่ที่นอกจากจะเก่งแล้ว ยังได้ปิ๊งไอเดียสุดเจ๋ง โดยการเปลี่ยนให้ตัวเองกลายเป็นคุณหมอที่มาในชุดฮีโร่สุดเท่อีกด้วย   เรียกได้ว่าไอเดียนี้ของคุณหมอ ช่วยให้เด็กๆ ลดความตื่นเต้น และความกลัวได้เยอะเลยทีเดียว   ภาพของคุณหมอเคน หรือ ทพ.เสถียร สุรวิศาลกุล วัย 34 ปี ในชุดฮีโร่ซุปเปอร์แมน ขณะกำลังทำฟันให้เด็กน้อยรายหนึ่ง เรียกได้ว่าสร้างความประหลาดใจให้กับชาวเน็ตเป็นอย่างมาก     เพราะโดยปกติแล้ว เรามักจะเป็นหมอฟันมาในเสื้อกาวน์สีขาวกันใช่ไหมละ แต่กับคุณหมอท่านนี้ เรียกได้ว่ามาในแบบที่ไม่เหมือนใคร เพราะแทนที่เขาจะใส่ชุดเหมือนหมอคนอื่นๆ แต่กลับมาในชุดซุปเปอร์ฮีโร่ และตัวการ์ตูนน่ารักๆ แบบนี้…     และหลังจากที่ภาพของคุณหมอได้ถูกแชร์ออกไป ก็ได้กลายเป็นกระแสที่โด่งดังในโลกออนไลน์ ณ ขณะนี้เป็นอย่างมาก   เชื่อว่าเด็กๆ หลายคนที่เห็นภาพเหล่านี้ จะต้องอยากทำฟันกับคุณหมอเคนแน่ๆ   ส่วนแนวคิดที่ทำให้คุณหมอหันมาใส่ชุดฮีโร่ และตัวการ์ตูนน่ารักๆ เป็นเพราะว่า เขาเห็นเด็กๆ มักจะมีความกังวลทุกครั้งที่ได้มาพบหมอฟัน ดังนั้นเมื่อลองเปลี่ยนมาสวมชุดฮีโร่ดู ก็พบว่าเด็กๆ…

ปัญหาวัยรุ่นตีกันดูเหมือนจะเป็นปัญหาที่หาทางแก้ไขไม่ได้เลยนะ เพราะไม่ว่าจะกี่รุ่นต่อกี่รุ่นก็ยังคงมีปัญหามองหน้ากันไม่ติด ต้องหยิบอาวุธออกมาไล่ทำร้ายกันตลอดเวลา ลำพังแค่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามหรือตนเองบาดเจ็บก็เป็นเรื่องที่เลวร้ายแล้ว แต่การทำให้ผู้ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมาเจ็บตัวและเสียชีวิตด้วยกลับเป็นเรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่า…     เมื่อช่วงดึกของวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ HerKid รวมพลคนเห่อลูก ได้เผยแพร่อัลบั้มภาพที่บอกเล่าเรื่องราวสุดสะเทือนใจของน้องโฟร์ค เด็กชายวัย 4 ขวบที่โดนลูกหลงจากการปะทะกันของวัยรุ่น และจากไปอย่างไม่มีวันกลีบ   จดหมายจากคุณแม่ของขวัญถึงคนบนฟ้า คิดถึงคนที่อยู่บนฟ้าจัง…มี๊ยังรักและคิดถึงลูกรักของมี๊ตลอดจนสิ้นลมหายใจ น้องต้องมาเสี… โพสต์โดย HerKid รวมพลคนเห่อลูก บน 23 พฤษภาคม 2016   ในอัลบั้มภาพนี้จัดทำโดยคุณแม่ของขวัญ ซึ่งเป็นแม่ของน้องโฟร์ค โดยมีข้อความอยู่ว่า “จดหมายจากคุณแม่ของขวัญถึงคนบนฟ้า คิดถึงคนที่อยู่บนฟ้าจัง…มี๊ยังรักและคิดถึงลูกรักของมี๊ตลอดจนสิ้นลมหายใจ น้องต้องมาเสียชีวิตเนื่องจากโดนลูกหลงเด็กนักเรียนตีกัน”      “น้องโดนยิงที่คอทะลุโดนเส้นเลือดใหญ่ (ฝากแชร์เตือนสติน้องๆเสื้อต่างสีต่างสถาบันด้วยนะคะ เพียงคนละ 1แชร์เท่านั้นเองค่ะ)”                                    …

การสักยันต์ถือว่าเป็นหนึ่งความเชื่อที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน โดยการสักยันต์นั้นมีเรื่องราวเกี่ยวของกับพุทธคุณและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับตัวผู้สัก ล่าสุดทางเฟสบุ๊ก กู้ภัยธงแดงจีหมกเกาะ กู้ภัยหนึ่งศุนย์แปด ของมูลนิธิการกุศลมุกดาหาร เต็กก่า จีหมกเกาะ ได้โพสภาพอันเป็นที่ถกเถียงของชาวเน็ต เมื่อมีการพบหนังศพสักยันต์ไม่เนื่อเปื่อย ในพิธีมหากุศลเก็บศพไร้ญาติล้างป่าช้า ครั้งที่ 3   โดยทางเฟสบุ๊คได้เขียนบรรยายว่า “ของแท้แน่นอน!!! ล้างป่าช้ามุกดาหาร คุณตาวัย70ปีไส้ติ่งแตก ไม่สามารถผ่าตัดได้เนื่องจากหนังเหนียว จึงนอนทรมานจนสิ้นใจ!!‪#‎เขาบอกเล่ามา‬ ‪#‎โปรดใช้พิจารณญาณ‬”   #เหมียวอ๊อดโด้ เลยอยากจะชวนทุกคนมาพูดคุยถึงประเด็นนี้ หลังจากที่ได้ไปสืบค้นข้อมูลมาในหลายๆ เว็บไซต์ ขอตัดข้อมูลในเรื่องของอาคมและปาฏิหาริย์ออกไปก่อน เพราะมันเป็นเรื่องที่พูดกันยาก แต่ความเป็นไปได้ในหลักของวิทยาศาสตร์ มันเป็นไปได้อย่างไรกันนะ มีคนตั้งข้อสังเกตเอาไว้ดังนี้…   1. สารเคมีในการสัก มีผลกับการเน่าเปื่อย เป็นไปได้หรือไม่ ว่าสารเคมีเฉพาะที่ใช้ในการสัก หรือที่อยู่ในน้ำหมึก มีผลช่วยในการคงสภาพของผิวหนังส่วนนั้นไว้ ไม่ให้มันเน่าเปื่อย หรือเน่าเปื่อยช้ากว่าปกติ   2. ส่วนอื่นที่สัก และเน่าไปแล้ว มันหายไปเอามาทำข่าวไม่ได้!? แน่นอนว่าการรวบรวมหลักฐานมันต้องรวมจากหลายๆ ชิ้นหลายๆ เหตุการณ์ และจากหลายสถานที่ทั่วโลกนับร้อยนับพันครั้ง เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีหลายส่วนที่สัก หรืออาจจะสักทั้งตัว แต่เน่าไปเกือบหมดเหลือเพียงแค่ผิวหนังบางส่วนเท่านั้น!?   3. หลายครั้งองค์ประกอบที่พอเหมาะ ทำให้ศพไม่เน่า เรามักจะได้เห็นจากหลายๆ ข่าวทั้งในไทยและต่างประเทศ…

เห็นช่วงนี้สาวๆ กำลังฮิตครีมหอยทาก ที่ตอนนี้มีการผลิตออกมาขายกันหลากหลายยี่ห้อ และดูจะประสบความสำเร็จมากทีเดียว เพราะหลายๆ คนใช้แล้วหน้าขาวผ่องขึ้น เนียนขึ้น แต่ใช่ว่ามันจะเหมาะกับทุกผิวหน้านะ…   เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่าคุณน้ำเพชร Nampetchx Phongcharoenphatsada ได้โพสต์ภาพใบหน้าตัวเองหลังจากที่ใช้ครีมหอยทากยี่ห้อหนึ่งมาได้ 10 วัน       แต่แทนที่หน้าจะขาวขึ้น เนียนขึ้นอย่างที่โฆษณาไว้ ผิวหน้าของเธอกลับแพ้หนักจนเกิดเป็นสิวและผื่นขึ้นเต็มหน้า ทำให้เธอสงสัยว่าอาการแพ้แบบนี้เกิดขึ้นเฉพาะกับเธอหรือเปล่า? จึงได้ตั้งสเตตัสเพื่อสอบถามเพื่อนๆ ในโลกออนไลน์ ปรากฏว่าทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า “แพ้”               และนี่คือใบหน้าของเธอหลังจากใช้ครีมหอยทากไปได้เพียง 10 วัน           นอกจากนี้ เธอยังบอกว่าไม่ใช่เธอเพียงคนเดียวด้วย…         สาระน่ารู้… แล้วจะทำยังไงไม่ให้แพ้ครีมล่ะ!? ต้องรู้ไว้ก่อนว่า อาการแพ้ครีมจะเกิดขึ้นภายใน 8-24 ชั่วโมงหลังการใช้…

เมื่อพูดถึงการไปทานอาหารนอกบ้าน ลูกค้าทั้งหลายก็ย่อมต้องนึกถึงคุณภาพของร้านและการบริการที่ดีจากทางร้านเพื่อให้เหมาะสมกับเงินที่เสียไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเสียเงินแล้วลูกค้าจะสามารถทำอะไรในร้านก็ได้… อย่างเช่นเหตุการณ์ที่ #เหมียวหง่าว จะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังต่อไปนี้…   เรื่องมีอยู่ว่ามีกลุ่มเน็ตไอดอลกลุ่มหนึ่งไปใช้บริการที่ร้านอาหาร และจู่ๆ เจ้าของร้านก็ไล่ให้เช็คบิลออกไปหน้าตาเฉยเลย ทั้งๆ ที่พวกเธอยังทานอาหารไม่เสร็จ ซึ่งขณะนั้นพวกเธอก็ได้ทำการอัดวิดีโอถ่ายทอดสด หรือเฟสบุ๊คไลฟ์ ไปด้วย   แต่จริงๆ แล้วมันมีสาเหตุมาจากว่าพวกเธอพาลูกไปที่ร้านอาหารด้วย และเด็กส่งเสียงดังมาก วิ่งเล่นไปทั่วร้าน และที่สำคัญเด็กน้อยเหล่านั้นก็ได้ทำการทิ้งตอปิโดไว้เป็นกองที่พื้นร้าน แถมยังอ้วกเรี่ยราดอีกด้วย   จากการที่เจ้าของร้านไล่ให้เหล่าเน็ตไอดอลทั้งหลายเช็คบิลออกไปจากร้าน พวกเธอก็แสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงได้มีปากเสียงกับทางเจ้าของร้านพร้อมกับตำหนิทางร้านให้กับคนที่ชมเฟสบุ๊คไลฟ์รัวๆ   แถมเข้าไปรีวิวให้ทางร้านอีกด้วย…   ลองไปชมคลิปเหตุการณ์กันที่ข้างล่างนี้ได้เลย.. หลังจากที่เหตุการณ์นี้ถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลกโซเชียลก็มีชาวเน็ตมากมายเข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงตำหนิ…แต่ไม่ได้ตำหนิทางร้านนะ กรุ๊ปเน็ตไอดอลโดนไปเต็มๆ!! . . . . .   เพิ่มเติม ล่าสุดทางฝ่ายเน็ตไอดอลก็ได้ออกมาทำการขอโทษในเรื่องที่เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว .   แล้วชาวเหมียวมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างกับเรื่องนี้ เชิญคอมเม้นท์กันเข้ามาได้เลยนะจ้าา ที่มา : เรื่องเหล้าเช้านี้

ปัจจุบันการทานอาหารแบบบุฟเฟ่ต์นั้นกำลังเป็นที่นิยมกันมาก เพราะนอกจากว่าจะได้ทานอาหารที่หลากหลายแล้ว ยังทานได้แบบไม่อั้นอีกด้วย ซึ่งการทานบุฟเฟ่ต์ก็มีอยู่อย่างหลากหลายทั้งหมูย่าง อาหารตะวันตก อาหารญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งผลไม้ และร้านบุฟเฟ่ต์แต่ละร้านก็จะมีวิธีการจัดการที่แตกต่างกันออกไป บางร้านก็มีวิธีการจัดการที่ดีทำให้ร้านมีชื่อเสียงและกิจการรุ่งเรือง บางร้านก็ย่ำแย่จนถึงกับต้องปิดไปเลยก็มี วันนี้ #เหมียวหง่าว จะพาเพื่อนๆ ไปชมตัวอย่างการจัดการของร้านบุฟเฟ่ต์ที่แย่ จนลูกค้าถึงกับมาตั้งกระทู้บอกต่อในพันทิปเลยทีเดียว (เป็นร้านบุฟเฟ่ต์ผลไม้แห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง)   เรื่องมีอยู่ว่า ชาวเน็ตเว็บไซต์พันทิปชื่อว่า สมาชิกหมายเลข 1336260 ได้เข้ามาตั้งกระทู้บอกต่อเรื่องราวความประทับใจที่ค่อนข้างไปในทางไม่ดีกับการไปทานบุฟเฟ่ต์ผลไม้ #เหมียวหง่าว ขอโคว้ทเนื้อหาในกระทู้มาเลยนะจ๊ะ เพื่อไม่ให้เกิดความคลาดเคลื่อนของเนื้อหา “ครอบครัวเราได้เดินทางไประยองจากกรุงเทพเพื่อไปหาบุฟเฟ่ต์ทุเรียนกินให้สะใจ โดยบังเอิญเปิดไปเจอกระทู้นี้ http://m.pantip.com/topic/30596251แต่เมื่อเราเลื่อนมาจนสุดกระทู้ ก็พบว่ามีสวนทุเรียนเปิดใหม่ ราคาไม่แพงหัวละเพียง 299 บาทเท่านั้น เราจึงหวังว่าจะได้รับบริการอบอุ่นประทับใจเพราะเพิ่งเปิดใหม่ เราจึงโทรไปเช็คอีกครั้งว่าต้องจองล่วงหน้าหรือไม่ สิ่งที่ตอบรับคือเข้ามาได้เลยค่ะ ตอนนี้มีจองไว้ 20 คนแล้ว เราจึงได้รีบจองและมุ่งหน้าไปโดยด่วน //หิวกระหายมาก ฮ่าๆ” . .   “สรุป! เราได้กินทุเรียนแค่ 5 พลู 5 คน(เสริฟแค่2ครั้ง ครั้งแรก 3 พลู ครั้งที่2 3พลู…

เรื่องราวของความรัก หลายๆ คนก็มองว่าเป็นเรื่องที่สวยงาม บางคนก็มองว่ามันเป็นเรื่องที่เจ็บปวด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของความรักที่แต่ละคนได้ประสบพบเจอมา แต่ที่แน่นอนว่าในช่วงที่มีความรักย่อมมีเวลาที่ทั้งมีความสุขและก็ทุกข์ใจ แต่ใครหลายๆ คนก็เลือกที่จะจดจำเรื่องราวดีๆ ไว้ และเดินหน้าสู้ต่อไป แม้ว่าวันหนึ่งอีกส่วนของหัวใจจะหายไปก็ตาม… วันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวของความรักที่เรียกได้ว่า ‘จบลงแบบไม่สวย’ มาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นไปชมพร้อมๆ เลยจ้า…   . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .…

จากกระแสคลิปเด็กพิเศษที่ถูกกลุ่มเด็กนักเรียนใจบาปรุมแกล้งนั้น ทำให้ชาวเน็ตต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง แต่ความคิดเห็นส่วนใหญ่นั้นทำให้เรารู้ว่ายังมีเรื่องราวทำนองนี้อีกมาก แต่เพียงแค่ว่ายังไม่เคยถูกนำมาบอกต่อก็เท่านั้นเอง   สืบเนื่องมาจากคลิปนี้…   ลองไปชมการแสดงความคิดเห็นของชาวเน็ตทั้งหลายที่มาแชร์ประสบการณ์กัน… . . . .   ลองมาชมความเห็นของชาวเน็ตในเรื่องอื่นกันบ้าง แน่นอนว่าความเห็นส่วนใหญ่ออกไปในทิศทางตำหนิและด่าทอการกระทำของเหล่าเด็กที่สวมใส่ชุดนักเรียน และบางส่วนก็ตำหนิทางโรงเรียนว่าปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? . บางส่วนก็ออกมาเตือนสติชาวเน็ตทั้งหลายว่าสิ่งที่ควรทำไม่ใช่การรุมด่าเด็ก แต่ควรคิดหาวิธีแก้ปัญหาทำอย่างไรให้พวกเขาเข้าใจและรู้จักเห็นใจเด็กพิเศษมากกว่า   จะเห็นได้ว่ายังมีเรื่องราวอีกมากมายของเหล่าเด็กพิเศษที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบาก จากการถูกกลั่นแกล้งของเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ยังไม่ถูกเล่าออกมา แล้วเพื่อนๆ คิดว่าเราควรมีวิธีในการแก้ปัญหานี้อย่างไรดี หรือมีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ก็สามารถแสดงความคิดเห็นกันเข้ามาได้เลยนะจ๊ะ ที่มา : NN BB, Social News, kapook

การแสดงความคิดเห็นบนโลกอินเทอร์เน็ตนั้นสามารถทำได้ตามอิสระ มีความคิดเห็นกับเรื่องดังกล่าวอย่างไรก็สามารถแสดงออกมาได้เต็มที่ แต่บางครั้งก็รู้สึกว่าอาจจะเป็นการล่วงเกินมากไปหรือเปล่า     ประเด็นมันเกิดขึ้นที่เฟสบุ๊กคณะกรรมการนักเรียนโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนได้โพสต์ภาพของนักเรียนชายคนหนึ่ง กำลังร่วมกิจกรรมละลายพฤติกรรมของนักเรียน ม.ปลาย ในสถาบันตามปกติ พร้อมกับป้ายชื่อ ‘แท่งทอง’ สืบทราบมาว่าเป็นชื่อจริงของน้องที่ปักอยู่บนเสื้อ       เมื่อเห็นภาพปุ๊บ ตามประสาของชาวเน็ตไทยที่มักจะเฮฮากันประจำ ต่างก็แสดงความคิดเห็นไปในเชิงคุกคามทางเพศ ส่วนมากแล้วจะเป็นเพศหญิงและเพศอื่นๆ ปนเข้ามาเล็กน้อย จนเป็นคำถามที่ว่าสมควรแล้วหรือไม่ที่แสดงความคิดเห็นในลักษณะนี้ อีกทั้งยังเป็นเพจทางการของสถาบันการศึกษาด้วย       ถ้าหากมองแบบไม่คิดอะไรก็คือความสนุกสนานเฮฮาขำๆ ซึ่งส่วนมากจะมองเป็นเรื่องปกติ แต่มองอีกมุมคือความเหมาะสมของการแสดงความคิดเห็นบนพื้นที่สาธารณะ จนกลายมาเป็นการคุกคามทางเพศ ซึ่งถ้าลองเปลี่ยนเป็นภาพของนักเรียนหญิงแล้วผู้ชายเข้าไปแสดงความคิดเห็นในลักษณะเดียวกัน จะถูกมองในแง่ร้ายทันที ไม่มีความขำๆ อย่างแน่นอน     จากเรื่องราวทั้งหมดข้างต้น การแสดงความคิดบนพื้นที่สาธารณะสามารถทำได้อย่างอิสระ แต่ #เหมียวเลเซอร์ เองคิดว่าเราก็ควรที่จะมีขอบเขตบ้าง ควรให้เกียรติกับผู้อื่นด้วย ถ้าหากว่าเรากลายมาเป็นบุคคลที่ถูกกล่าวถึงในเชิงคุกคามทางเพศก็ไม่น่าจะรู้สนุกซักเท่าไหร่หรอก ท่านทั้งหลายมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างจ๊ะ? ที่มา : คณะกรรมการนักเรียนโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน, pantip

เชื่อว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่คนกรุงเทพเจอประจำกับทางเท้าที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่พอเดินเหยียบปุ๊บกลับมีน้ำเน่าพุ่งสวนขึ้นมาจนเลอะเทอะไปหมด ล่าสุดมีฝรั่งคนหนึ่งทนไม่ได้ ต้องขอออกมาแซวปรากฏการณ์นี้ซักหน่อยแล้วล่ะ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา เฟสบุ๊กของคุณ Stuart Jay Raj ได้โพสภาพประชดประชันทางเท้าของไทย ใจความว่า เขาได้คิดค้นคำศัพท์ใหม่ขึ้นมาคือ “BRICKFLICKED” ซึ่งหมายถึงทางเท้าของกรุงเทพมหานคร ที่พร้อมจะมีน้ำเน่าพุ่งขึ้นมาเสมอ   I made a new word up … ‘BRICKFLICKED’ /ˈbrɪk-flɪk’t/ Treading on a seemingly dry piece of pavement in Bangkok only to… โพสต์โดย Stuart Jay Raj บน 3 พฤษภาคม 2016   ลองไปชมภาพแบบชัดๆ กัน แหม รู้สึกเจ็บปวดยังไงชอบกล   เมื่อชาวเน็ตไทยเห็นโพสเฟสบุ๊กดังกล่าว ก็มีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย…

ปกติถ้านึกถึงรถเมล์ในบ้านเรา ภาพแรกที่เรานึกถึงคืออะไร? รถเมล์เก่าๆ ที่มีกระเป๋ารถเมล์หน้าตาดุๆ คอยเดินเก็บเงินผู้ใช้บริการใช่หรือไม่? ถ้าในกรุงเทพก็คงใช่….. แต่ถ้าเพื่อนๆ ได้ไปเที่ยวจังหวัดขอนแก่นในช่วงนี้ รับรองว่าจะต้องอึ้งแน่ เพราะรถเมล์ของเค้านั้นล้ำสุดๆ ไปเลย!!   ล่าสุดจังหวัดขอนแก่นได้เปิดให้บริการรถโดยสารปรับอากาศสุดล้ำที่มีรอบตลอด 24 ชั่วโมง แถมยังเก็บเงินด้วยระบบบัตรสมาร์ทการ์ด (RFID) และระบบหยอดเหรียญตามปกติ ซึ่งจะมีค่าบริการเพียงแค่ 15 บาทตลอดสายสำหรับคนทั่วไป และ 10 บาทสำหรับนักเรียน!!   นอกจากระบบที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว บนรถยังมีระบบติดตามที่สามารถเช็คตำแหน่งรถจากแอพลิเคชั่นบนโทรศัพท์สมาร์ทโฟน รวมถึงมีอินเตอร์เน็ตไร้สายให้บริการฟรีๆ บนรถอีกด้วย!! โว้ววว จะล้ำไปไหนเนี่ย!!   ภาพถ่ายภาพในรถ   และนี่คือแผนที่การเดินรถ   ลองไปดูความคิดเห็นของชาวเน็ตกันดีกว่า   อู้หูววว น่าอิจฉาชาวขอนแก่นจริงๆ มีรถบริการเจ๋งๆ แบบนี้ก็สบายขึ้นเยอะเลยล่ะ ว่าแต่เมื่อไหร่ทั่วประเทศจะมีแบบนี้บ้างน้า ที่มา nimdaex@twitter

แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในสังคม แต่#เหมียวฟิ้นอ่านแล้วรู้สึกปลื้มใจมาก เลยขอนำมาแชร์ให้เพื่อนๆ ชาวเหมียวได้ลองอ่านกันนะ   เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊ก วิศวะ สกุลราช เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ออกมาช่วยงานก่อสร้างกับพ่อของเขา แต่ในช่วงบ่ายเจ้าตัวได้ขอคุณพ่อออกไปสอบที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง     ทั้งนี้คุณวิศวะได้สอบถามไปยังช่างก่อสร้างจึงทราบว่าตอนนี้ลูกชายกำลังเรียนอยู่ปี 2 และได้บอกกับลูกชายแล้วว่าไม่ต้องมาช่วยงาน เดี๋ยวจะอายเพื่อนๆ   แต่ลุกชายกลับบอกว่าหากปล่อยให้พ่อของตัวเองทำงานคนเดียวเป็นเรื่องที่น่าอายมากกว่า หากเพื่อนคนไหนไม่คบกับเขาเพียงเพราะทำงานก่อสร้างก็คงต้องปล่อยเขาไป     หลังจากที่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ทำให้ชาวเน็ตพากันแสดงความชื่นชมในแนวคิดของเด็กหนุ่มคนนี้กันมากมาย เพราะเนื่องจากมีเด็กๆ บางส่วนที่ไม่กล้าทำงานลำบากกับพ่อแม่เพราะกลัวจะอายเพื่อนๆ แต่เด็กคนนี้กลับมีมุมมองที่แตกต่างออกไป       เหมียวเองขอชื่นชมเด็กคนนี้ด้วยเช่นกันนะ หวังว่าแนวคิดนี้จะทำให้น้องเจริญก้าวหน้าในอนาคตนะ ที่มา วิศวะ สกุลราช

การไปร่วมงานระดับโลกนั้น ต้องมีการปฏิบัติตามหลักสากล ตามยุค ตามสมัย ซึ่งในเรื่องของความงาม แฟชั่นของฝั่งตะวันตกนั้นก็เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมานานแล้ว จะแตกต่างจากฝั่งเอเชียไปซักหน่อย แต่สุดท้ายก็นำมาปฏิบัติตามกันเป็นเรื่องสากลไปแล้วล่ะนะ     ทีนี้ เราได้เห็นความงามของสาวชมพู่ อารยา กับชุดเดรสที่ไปร่วมงาน ณ เมืองคานส์ ดูแล้วก็ไม่น่าจะเป็นเดือดเป็นร้อนอะไร เพราะเธอก็คือตัวแทนความงามจากประเทศไทยสู่งานระดับโลก ชาวต่างชาติเองก็ยังชื่นชมในความงามของเธอเลย ถึงขั้นได้ขึ้นหน้าแรกของหนังสือพิมพ์โปแลนด์     จู่ๆ ก็มีการหยิบภาพของสาวชม ในชุดเดรสสีชมพู เปิดข้างสีเนื้อคล้ายๆ กับโชว์เนื้อหนัง ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ชุดที่โป๊เผยผิวแต่อย่างใด เป็นผ้าสีเนื้อเท่านั้นเอง จึงทำให้เกิดการเข้าใจผิด     จนกลายมาเป็นประเด็นดราม่านำขึ้นมาวิจารณ์อย่างรุนแรงด้วยข้อความ ให้ค่าเท่าหญิงบริการบ้าง รวมไปถึง เป็นการดูถูก เหยียดหยามศักดิ์ศรี สร้างความเสื่อมให้กับผู้หญิงประเทศไทย คือ เหมียวเลเซอร์ คิดว่าการแต่งตัวในชุดเดรสสีชมพูนี้ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งก็มีการอธิบายไปในโซเชียลกันบ้างแล้ว แต่บางคนก็ไม่ยอมเปิดใจรับฟังบ้าง โดยปกติแล้วการแต่งตัวแบบนี้ก็ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามหลักสากลไม่ใช่หรือ แล้วผู้อ่านมีความคิดเห็นกันอย่างไรบ้าง เชิญแสดงกันได้ตามอธัยาศัยเลยนะจ๊ะ ที่มา : Drama-addict

กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้เลย สำหรับคลิปวิดีโอรถกระบะพุ่งเข้าชนรถพยายาบกลางสี่แยกในจังหวัดชลบุรี ทำให้ชาวเน็ตตั้งคำถามตามมาว่าใครเป็นฝ่ายผิดกันแน่?     เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดิโออุบัติเหตุที่ถูกถ่ายได้โดยกล้องติดรถของผู้พบเห็นเหตุการณ์รายหนึ่ง เป็นเหตุการณ์ที่รถพยาบาลได้เปิดสัญญาณขอทางเพื่อผ่านสีแยกไป แต่ในขณะเดียวกันกลับมีรถกระบะพุ่งมาจากอีกแยกหนึ่งที่เป็นไฟเขียวพอดี ทำให้รถทั้งสองคันปะทะกันอย่างรุนแรงจนรถพยาบาลพลิกคว่ำลงไป     ต่อมาผู้ใช้เฟซบุ๊ก Palm Sittichai ได้เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ารถพยาบาลคันดังกล่าวเป็นรถจากโรงพยาบาลเอกชนที่เดินทางมาจากถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าไปทาง 4 แยกห้างเฉลิมไทย ส่วนรถกระบะนั้นมาจากถนนอัคนิวาต ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บเป็นพยาบาล 1 ราย ส่วนคนขับรถกระบะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก       ชมคลิปเต็มๆ ได้ที่นี่เลย วินาที..รถพยาบาล’กำลังไปรับผู้ป่วย โดนชนคว่ำกลางสี่แยกบ้านสวน …::>> วินาที..รถพยาบาล’กำลังไปรับผู้ป่วย โดนชนคว่ำกลางสี่แยกบ้านสวน #ชลบุรี (14’พ.ค.59) <<:: CREDIT: https://goo.gl/W5vGfC @Eaky Eksri Poonpanich ************************* ขอบคุณคลิปแนะนำจาก––@ซี ม่อน โพสต์โดย YouLike (คลิปเด็ด) บน 14 พฤษภาคม 2016  …

เรียกได้ว่าเป็นกระแสฮือฮากันไปทั่วโลกตอนไลน์กันเลยทีเดียวตอนนี้ กับเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อชาวเน็ตไปแห่ขอถ่ายรูปร่วมกับนายตำรวจท่านหนึ่ง ที่หน้าตาดันไปเหมือนท่านนายกฯ ตู่ปลอมตัวมายังไงอย่างงั้น!!! ตำรวจหล่อน่ะเหรอ…ธรรมดาเกิดไป เพราะคนนี้ถึงกับหล่อตะลึงกันไปเลยทีเดียว ซึ่งผู้ที่โพสต์ภาพดังกล่าวคือ สมาชิกเฟซบุ๊ค คุณ Montri Punyafu ซึ่งได้ไปเที่ยวงาน ‘ฮอมปอยสถาปนิกล้านนา’ ที่ผ่านมาเมื่อไม่นานมานี้…   เราจะทำตามสัญญา…ก้องขึ้นมาในหัวเลยทีเดียว   เทียบกับท่านผู้นำตัวจริง เป็นพี่น้องกันได้เลยนะเนี่ย ฮร่าาา   แห่ขอถ่ายภาพกันตรึม!!!   ท่านผู้นำเอ๊าะๆ ก็คงประมาณนี้แหละ #จ่าสิบเหมียว ว่านะ ฮร่าาาา   แหม๊…เรียกได้ว่าหล่อได้เหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมืองมากๆ เลยนะเนี่ยคุณตำรวจจจจ อิอิ ไปรับหน้าที่ออกงานอีกสักสองสามงานรับรองดังระเบิดระเบ้อแน่เลยล่ะ ฮ่าๆๆ ที่มา: Kapook, Montri Punyafu

กระแสของรถจักรยานยนต์คันใหญ่บิ๊กไบค์กำลังมาแรงในช่วงนี้มาก คนแห่ออกรถใหม่กันเยอะแยะมากมาย เพื่อตอบสนองตามความต้องการของตัวเอง แต่หลายต่อหลายครั้งเราก็มักจะเห็นได้ว่ามีแต่เรื่องด้านลบของบิ๊กไบค์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากผู้ขับขี่นั้นไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคมที่ต้องทนกับพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้     ล่าสุดนี้มีกระทู้พันทิปที่เล่าถึงเหตุการณ์อุบัติเหตุจากความคึกคะนองของผู้ขับขี่บิ๊กไบค์ในกลุ่มในร่วมออกทริปไปด้วยกัน โดยปกติแล้วการไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มจะต้องมีข้อตกลง กฎการเดินทางต่างๆ เพื่อความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่และผู้อื่นด้วย แต่จู่ๆ หนึ่งในผู้ขับขี่เกิดความคึกคะนองยกล้อกลางกลุ่ม ทั้งๆ ที่ในบริเวณมีรถชาวบ้านสัญจรในเส้นทางเดียวกันด้วย       จนเป็นผลทำให้คันที่ยกล้อไม่สามารถควบคุมได้ ไปเกี่ยวกับคันข้างหน้าล้มอย่างรุนแรง ได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งสภาพของคันที่ถูกเกี่ยวได้รับความเสียหายจนไม่สามารถขับขี่ได้อีกต่อไป ที่สำคัญก็คือคันที่ยกล้อคือคันที่ยืมคนอื่นมาขับอีกทีด้วย     นอกจากจะเจ็บตัวแล้ว ยังต้องมาเจ็บใจกับค่าประเมินความเสียหายอีกกว่า 200,000 บาท โดยที่คู่กรณีผู้ยกล้อนั้นไม่ยอมรับผิดชอบ ไม่แสดงตัวหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย       ที่น่าสงสัยไปยิ่งกว่านั้นก็คือหลังจากที่เกิดเหตุอุบัติเหตุเกี่ยวรถจนได้รับความเสียหาย บิ๊กไบค์ของคู่กรณีที่ถูกยืมมาก็ถูกขโมยไปเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา   คลิปตอนเกิดอุบัติเหตุยกล้อจนไปเกี่ยวคันข้างหน้าล้มจนได้รับบาดเจ็บ   กล้องวงจรปิดจับภาพรถคู่กรณีที่เกี่ยวล้มถูกขโมยไปเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม   จนเป็นที่น่าสงสัยว่าผู้ที่ยืมไปนั้นเป็นผู้ที่ขโมยไปทำลายหลักฐานหรือไม่ จนตอนนี้เจ้าของรถตัวจริงได้เข้าแจ้งความแล้ว แต่ส่วนคู่กรณีที่ได้รับบาดเจ็บและรถเสียหายนั้นยังคงรอให้อีกฝ่ายออกมาเจรจาต่อไป ที่มา : รถของเล่นในตู้กับข้าว

กลายเป็นกระแสให้ชาวเน็ตถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้เลย สำหรับประเด็นที่มีชาวพันทิปที่ใช้นามแฝงว่าคุณ เมารึยัง ได้เข้ามาตั้งคำถามว่า “คุณคิดยังไงให้เด็กยืนเข้าแถวตากแดดช่วงนี้”     เพราะเนื่องจากอากาศในบ้านเราค่อนข้างร้อนอาจทำให้เป็นลมแดดหรือฮีทสโตรกได้ ในขณะที่คุณครูและผู้หลักผู้ใหญ่หลายๆ คนยังไม่อยากออกมายืนกลางแดดตอนเช้าเลย เจ้าของกระทู้จึงอยากถามว่าการให้เด็กๆ มายืนตากแดดนั้นเป็นการฝึกความอดทนหรืออย่างไร?       หลังจากที่กระทู้นี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีสมาชิกคนอื่นๆ เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างล้นหลามทีเดียว โดยบางความเห็นมองว่าแดดในสมัยนี้แรงกว่าสมัยก่อนมาก การยืนตากแดดก่อนเข้าเรียนอาจทำให้เกิดอาการเพลียได้   แต่หากเป็นโรงเรียนเอกชนแล้ว สามารถร้องเรียนเพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนได้ หากเป็นโรงเรียนรัฐบาลก็อาจจะต้องทำใจกันนิดนึง         ส่วนความเห็นจากทาง Facebook เองก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน เช่นคุณ Shota Light บอกว่ารู้สึกสงสารเด็กๆ รุ่นใหม่มาก เพราะแดดร้อนจนแสบผิว ทำไมต้องพูดหน้าเสาธงให้เด็กตากแดดนานๆ อาจเป็นมะเร็งผิวหนังได้         ส่วนทางด้านเฟซบุ๊กเพจชื่อดังอย่าง Drama-Addict บอกว่าการยืนตากแดดตอนเช้านั้นไม่ได้ช่วยให้ผิวได้รับวิตามินดีเท่าไหร่ อาจทำให้เป็นฮีทสโตรกได้ แถมยังแนะว่าควรปรับเปลี่ยนมาเป็นการยืนในร่มหรือยืนกลางแจ้งในวันที่แดดไม่ร้อนจัดแทน     ส่วนเพื่อนๆ ชาวเหมียวล่ะมองว่าไง เด็กๆ ควรฝึกวินัยในการตากแดดอยู่ไหม? หรือมีวิธีการแก้ไข้ปัญหาแบบดีๆ มาแนะนำกัน ลองแสดงความคิดเห็นกันเข้ามาได้นะ ที่มา pantip , Drama-addict ขอบคุณภาพ dailynews , theactkk

หากจะพูดถึงนักร้องเพลงลูกทุ่งที่ทั้งเสียงดีและหน้าตาดีด้วย หลายๆ คนก็คงจะนึกถึงเจ้าชายเพลงลูกทุ่งอย่าง ก๊อท จักรพันธ์ ครบุรีธีรโชติ ล่ะนะ แต่ถึงแม้จะโลดแล่นอยู่ในวงการเพลงลูกทุ่งมาอย่างยาวนาน เจ้าตัวก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะแก่หรืออะไรเลย!?     ในช่วงหนึ่งแฟนๆ ละครเคยได้เห็นหน้าพ่อหนุ่มก๊อท จักรพันธ์ผ่านหน้าจอทีวีกันบ่อยหน่อย มีงานละครติดต่อเข้ามาหาเขาอย่างมากมาย แต่ในระยะหลังมานี้อาจจะห่างหายไปบ้าง ทำให้ผู้ชมทางหน้าจอไม่ค่อยได้เห็นหน้าเขาสักเท่าไหร่     วันนี้#เหมียวฟิ้นจะพาเพื่อนๆ ไปแอบซ่อง IG ของเขา ที่ @got_jakraphun กันดูหน่อย เพราะแม้ว่าเจ้าตัวจะมีอายุปาเข้าไปกว่า 47 ปี แล้ว แต่ดูเหมือนว่าใบหน้าของเขาจะถูกสต๊าฟไว้ไม่ให้เปลี่ยนแปลงยังไงยังงั้นเลย!?                     ว่าแล้วก็ไปฟังเพลง “อย่าปล่อยให้เธอลอยนวล” กันให้หายคิดถึงเลยจ้า   ใครที่เป็นแฟนเพลงหรืออยากติดตามความแซ่บของก๊อท จักรพันธ์ ก็ไปกดฟอลโล่ได้ที่ IG @got_jakraphun ได้เลยนะจ๊ะสาวๆ ที่มา got_jakraphun

ตามสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ สิ่งหนึ่งที่เราควรตระหนักเลยก็คือไม่ควรนำอะไรจากธรรมชาติติดตัวกลับมา และอีกสิ่งก็คือไม่ควรนำอะไรไปทิ้งในที่แห่งนั้นด้วย เพื่อเป็นการรักษาธรรมชาติให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน     แต่ต่อให้รณรงค์ยังไงก็ตาม มันก็มักจะพังทลายไปเสียทุกที เพราะมีนักท่องเที่ยวมากมายหลายกลุ่มเหลือเกิน ล่าสุดนี้ก็เป็นกรณีของนักท่องเที่ยวจีน (อีกแล้ว) ที่กำลังแห่กันมาเที่ยวประเทศไทยของเราไปทั่วดินแดน จนเคสนี้หนักตรงที่ว่าพี่แกเล่นไปจับปลามาใส่ถุง ใส่ซองกันน้ำกันเลยแหละ       เหตุการณ์ที่ว่านี้เกิดขึ้น ณ บริเวณ เกาะไข่ จังหวัดภูเก็ต หาดสวย น้ำใส แต่กำลังถูกทำลายบรรยากาศดีๆ เพียงแค่คนไม่กี่คน แม้ว่าจะมีการตักเตือนแล้วก็ไม่รู้สึกผิดอะไร อ้างว่าเก็บไว้ดูเล่น แถมยังกล่าวว่าจับง่ายอีกต่างหาก เจอแบบนี้บ่อยๆ เข้า มีหวังปลาหาย แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติถูกทำลายย่อยยับแน่นอน!!     ที่มา : まあやさんか ぷうさにいさ‎ 

เรื่องราวที่#เหมียวฟิ้นจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของเด็กหญิงสุภัทรา สะสุพันธ์ หรือน้องแนท เธอมีอาการผิดปกติทางโครโมโซมเรียกว่า “แอมบราส ซินโดรม” อาการนี้จะมีการเจริญเติบโตของเส้นขนที่มากผิดปกติตามร่างกายและบนใบหน้า     โรคนี้มีมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง ซึ่งในตอนนั้นผู้คนยังไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้เท่าไหร่ จึงเรียกคนที่มีขนดกบนใบหน้าแบบนี้ว่าเป็น “มนุษย์หมาป่า” และปัจจุบันน้องสุภัทราก็กลายเป็นหนึ่งใน 50 บุคคลที่ป่วยเป็นโรคนี้     ตามรายงานบอกว่าเธอมีขนขึ้นไปทั่วใบหน้า หู แขน ขา และที่หลังของเธอ แม้จะทำการกำจัดขนด้วยเทโนโลยีการยิงเลเซอร์ แต่ก็ไม่สามารถหยุดการเจริญเติบโตของโรคนี้ได้ มีแต่ต้องใช้กรรไกรค่อยๆ เล็มส่วนที่เกินออกมาเท่านั้น     จากการที่มีเส้นขนขึ้นดำบนใบหน้า ทำให้เธอโด่งดังจนเว็บไซต์ต่างประเทศหลายๆ แห่งต้องมาทำข่าวเธอถึงที่ประเทศไทยเลยทีเดียว แถมยังได้รับการจดบันทึกจาก Guinness World Records ว่าเป็นเด็กที่มีขนดกมากที่สุดในโลกด้วย     แต่ถึงแม้จะถูกมองว่าเป็นตัวประหลาดทุกครั้งที่เธอออกไปเดินที่ไหนก็ตาม แต่น้องสุภัทราก็ยังมีความรู้สึกดีอยู่ เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “หนูรู้สึกมีความสุขมากเลย ที่ได้รับการจดบันทึกจาก Guinness World Records มีคนจำนวนมากพยายามจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง แต่ที่หนูทำก็แค่ตอบคำถามจากนั้นเขาก็ใส่ชื่อหนูลงไปเลย”     ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่ที่มีอาการแบบเดียวกับเธอมักจะถูกคนในสังคมรังเกียจ แต่กับน้องสุภัทรากลับได้รับการต้อนรับจากเพื่อนร่วมชั้นเป็นอย่างดี และกลายเป็นเด็กที่มีคนชื่นชอบมากที่สุดในโรงเรียนเลยก็ว่าได้ “เคยมีบางคนล้อหนูว่าไอ้หน้าลิง แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ทำแบบนั้นแล้ว”  …

คงไม่มีใครไม่รู้จักกับนักร้องสุดฮิปอย่าง ‘ปาล์มมี่ อีฟ ปานเจริญ’ สาวผู้ที่มีเสียงและสไตล์การร้องที่โดดเด่น พร้อมกับการแต่งตัวสุดแนวที่ไม่เหมือนใครๆ ต้องยอมรับในเรื่องของการร้องเพลงและการแต่งตัวของสาวคนนี้จริงๆ เพราะไม่ว่าเธอจะแต่งตัวแบบไหน เธอก้ยังคงความสวยไว้ได้จริงๆ ไม่เชื่อลองมาดูกัน!!   1. ไม่ว่าจะเป็นชุดคอนเสิร์ตแบบจัดเต็มในโทนสีเข้ม วันเสาร์ที่ 26 มี.ค.นี้ ที่งาน “Neekuru Land” สวนผึ้งไฮแลนด์ จ.ราชบุรี เจอกันนะคะ #NeekuruLand #palmy : Chubby INC Studio A photo posted by ปาล์มมี่ (@palmy.ig) on Mar 22, 2016 at 6:02am PDT           2. หรือจะเป็นแนวดุดันที่เราเคยเห็นกัน #bangkokedge #palmy photo : benz_32p A photo…

เราคงจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้วว่าสินค้ามียี่ห้อต่างๆ ที่ถูกนำมาวางจำหน่ายตามตลาดนัดจะมีราคาถูกกว่าตามร้านค้าทั่วไปหรือบนห้างสรรพสินค้า และมักจะมีผู้คนเลือกซื้อกลับไปใช้เป็นจำนวนมากเช่นกัน โดยที่ไม่รู้ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นมีต้นกำเนิดมากจากไหน?       และเมื่อไม่นานมานี้เอง ทางเพจ Rich Infinity ได้เผยภาพของขวดแชมพูยี่ห้อดังหลายเจ้าที่วางจำหน่ายในประเทศไทย อยู่ในบริเวณท่ามะปราง แก่งคอย สระบุรี ซึ่งเป็นกระบวนการทำครีมแชมพูที่ถูกปลอมแปลงกวนในถังขนาดใหญ่ แล้วนำไปบรรจุในขวดยี่ห้อต่างๆ และจะนำไปจำหน่ายตามตลาดนัด         แต่ละขวดจะมีการซีลไว้อย่างดี จึงยากต่อการที่จะพิสูจน์ว่าเป็นของปลอมหรือไม่ แต่สำหรับราคาวางจำหน่ายนั้นจะอยู่ที่ขวดละ 69 บาทหรือน้อยกว่านั้น ให้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้เลยว่าของถูกแบบนี้ ต้องเป็นของปลอมแน่นอน     ทางที่ดีก็ควรซื้อตามร้านค้าต่างๆ หรือบนห้างสรรพสินค้าจะดีกว่า เพราะคุณภาพที่ได้นั้นน่าเชื่อถือมากกว่านะจ๊ะ ที่มา : Rich Infinity

เชื่อว่าเด็กไทยที่ผ่านการศึกษาภาคบังคับมา ต้องเคยเรียนวรรณคดีเรื่อง “ขุนช้างขุนแผน”  อย่างแน่นอน เพราะวรรณคดีเรื่องนี้ ถูกบรรจุลงในหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย โดยเรื่องราวของ “ขุนช้างขุนแผน” จะเล่าถึงรักสามเส้าของตัวละครเอกสามตัว ได้แก่ พลายแก้ว ขุนช้าง และนางวันทอง     ซึ่งในเรื่องจะมีเนื้อหาค่อนข้างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการหักเหลี่ยมเฉือนคมระหว่างขุนช้างขุนแผน การต่อสู้แย่งชิงนางวันทอง รวมถึงการที่ขุนแผน ฆ่าภรรยาตนเองเพื่อนำมาทำเป็นกุมารทอง และอื่นๆ อีกมากมาย ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีชาวพันทิปชื่อว่า “สมาชิกหมายเลข 3118267” ตั้งกระทู้ “ทำไมวรรณคดีเนื้อหาสกปรกอย่างขุนช้างขุนแผน ถึงได้ถูกนำไปบรรจุในตำราเรียนของนักเรียนครับ” จนกลายเป็นที่ถกเถียงและมีการแชร์กว่าพันครั้งในช่วงหนึ่งวันที่ผ่านมา       โดยเนื้อหาในกระทู้เขียนว่า “ขอไม่พูดถึงความสวยงามทางภาษานะครับ พูดถึงเนื้อหาล้วนๆ พระเอกกับตัวร้ายในชื่อเรื่องคือทั้งขุนช้างและขุนแผน จิตใจสกปรกหยาบช้า คิดแต่จะแย่งผู้หญิง คิดแผนสกปรกทำลายฝ่ายตรงข้าม ต้วพระเอกอย่างขุนแผน หลงไหลในไสยศาสตร์ ยอมฆ่าหนึ่งในเมียของตัวเองเพื่อบรรลุสิ่งที่ตัวเองต้องการ เจ้าชู้ไข่ไปทั่ว เจอใครถูกใจก็จับทำเมียหมด การเอาคนแบบนี้มาใส่ในแบบเรียน มันทำให้เรื่องที่ขุนแผนทำ ถูกฝังลงในทัศนคติเด็กไทยว่าเป็นเรื่องปกติของผู้ชาย โดยเฉพาะการเป็นตัวเอกของวรรณคดี ทำให้เด็กหลายคนเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีงาม หรือขุนช้าง ที่คิดแต่จะทำยังไงให้ได้ผู้หญิงคนนั้นมา อาศัยว่าบ้านรวยทำได้ทุกอย่าง ผมรู้สึกว่าเนื้อหาในวรรณคดีเรื่องนี้ มีประโยชน์แค่ได้ศึกษาวิถีชีวิตของคนโบราณแต่เนื้อหาโดยรวมสกปรกมาก เหมาะหรอครับที่จะเอาไปใส่ให้เด็กอายุน้อยๆ ที่ยังใช้วิจารณญาณของตัวเองได้ไม่เต็มที่ ได้มาศึกษา ผมไม่สนนะว่าใครจะแต่ง แต่วรรณคดีแบบนี้ เอาไว้ให้ผู้ใหญ่อ่านก็พอ เอาออกจากตำราเรียนไปเถอะ”…

กลายเป็นประเด็นร้อนเลยทีเดียว หลังจากมีการแชร์ตารางกิจกรรมวันหยุด ที่พ่อแม่ทำให้กับลูกชายของบ้าน จนชาวเน็ตออกมาติเตียนว่า เป็นกฎที่เคร่งเกินไปหรือเปล่า ตารางดังกล่าวถูกโพสโดย ดร.รัชชัยย์ ศรสุวรรณ ก่อนจะถูกนำาแชร์โดยเพจ Drama- Addict โดยเขาอ้างว่าเป็นกฎที่ติดไว้หน้าห้องนอนของลูกชาย เพื่อให้ลูกปฏิบัติอย่างเคร่งครัด จนสุดท้ายลูกสามารถสอบติดโรงเรียนที่ต้องการ   กฎเหล็กที่กำหนดไว้ให้ลูกชาย(นายแพง)ตอนเรียนชั้น ม ต้น ติดไว้ที่ประตูหน้าห้องนอนของเขา ..ส่งผลให้เขาสอบเข้าเรียนต่อโรงเรียนที่เขาต้องการได้…จะนำไปใช้กับเด็กๆบ้างก็ได้นะครับ โพสต์โดย ดร.รัชชัยย์ ศรสุวรรณ บน 7 พฤษภาคม 2016   ในตารางมีกำหนดเป็นช่วงเวลาๆ เช่น ตอนเช้า 8.00 น. ถึง 10.00 น. จะให้ตื่นมากินข้าว ทำธุระต่างๆ พักผ่อน จนกลัง 10.00 น. ให้อ่านหนังสืออยู่ในห้องจนถึงเที่ยง ก่อนจะออกมาทานข้าวเที่ยงแล้วก็พักผ่อนต่อเล็กน้อย และให้อ่านหนังสือต่อตั้งแต่ 14.00 น. จนถึง 16.00 น.     เมื่อชาวเน็ตได้เห็นตารางดังกล่าว ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่นัก    …

กลายเป็นหนึ่งในข่าวทอล์ฟออฟเดอะทาว์นไปเลย เพราะเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา หญิงแย้ นนทพร ธีระวัฒนสุข ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สั้นๆ กับสื่อว่าตอนนี้เธอกับอดีตสามี นพ.นพรัตน์ รัตนวราห ได้แยกทางกันแล้วตั้งแต่ก่อนช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา   หลังจากที่ข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้สื่อสังคมออนไลน์พากันวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานาถึงสาเหตุที่ทั้งคู่เลิกกัน เพราะเพิ่งจะมีข่าวการแต่งงานของทั้งสองคนไปเมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมานี้เอง     ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 9 พฤษภาคม นพ.นพรัตน์ ได้ออกมมาโพสต์ข้อความถึงประเด็นดังกล่าวผ่าน IG dr_nopparat โดยบอกว่ารู้สึกตกใจมากที่ข่าวของเขากระจายไปทั่วอินเตอร์เน็ต และขอโทษทุกคนที่ไม่สามารถออกมาให้สัมภาษณ์ได้เนื่องจากติดงานและยังไม่พร้อม   นพ.นพรัตน์บอกว่าข่าวที่กระจายไปทั่วอินเตอร์เน็ตตอนนี้มีความคลาดเคลื่อนกับสิ่งที่เกิดขึ้น “รู้สึกตกใจมากครับ โดยเฉพาะประเด็นที่มีการบีบบบังคับ ซึ่งความจริงแล้ว ชีวิตทั้งก่อนและหลังแต่งงาน สำหรับผมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังปฏิบัติต่อแย้ดีเหมือนเดิมทุกประการ”     เจ้าตัวได้เล่าถึงสาเหตุการเลิกรากันครั้งนี้ว่าตนเองพยายามขอให้ภรรยาอย่ากลับบ้านดึก ลดการสังสรรลงบ้าง และไม่โพสต์รูปที่ดูโป๊เกินไป และแม้ว่าภรรยาจะไม่ค่อยทำตามสิ่งที่เขาขอสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเธอเลย   นอกจากนี้นพ.นพรัตน์ยังบอกอีกว่าหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นตัวเองยังไม่มีโอกาสได้คุยกับเธออย่างจริงจัง ได้คุยโทรศัพท์สั้นๆ และไลน์บ้างเล็กน้อย และฝากเรื่องแถลงข่าวว่าอยากจะคุยกันให้เข้าใจตรงกันก่อนที่จะออกมาแถลงข่าว เพราะจะกลายเป็นการสาดโคลนกันไปมามากกว่า           อ่านโพสต์เต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย หลังเสร็จจากผ่าตัดวันนี้ รู้สึกตกใจครับ ที่มีข่าวไม่ดีของผมกับแย้กระจายทั่วเน็ต ก่อนอื่นต้องขออภัยครับ…

กำลังเป็นประเด็นในโซเชียลตอนนี้ เมื่อมหาวิทยาลัยรังสิตได้ทำการยกเลิกการสอบ ในวันที่ 7-8 พฤษภาคมนี้ เนื่องจากว่า พบการทุจริตการสอบตรงเข้าศึกษาในคณะแพทย์ศาสตร์ ทันตแพทย์ศาสตร์ และ เภสัชศาสตร์   ผู้ใช้เฟซบุ๊คชื่อว่า Arthit Ourairat ได้ทำการโพสท์ภาพและข้อความ เป็นใบประกาศของทางมหาวิทยาลัย และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการโกงข้อสอบ พร้อมกับให้แคปชั่นว่า… “มหาวิทยาลัยรังสิตประกาศยกเลิกการสอบเข้าศึกษา แพทย์ศาสตร์ ทันตแพทย์ศาสตร์ เภสัชศาสตร์ ที่สอบในวันที่ 7-8 พฤษภาคม 2559 เนื่องปรากฎว่ามีการทุจริตเป็นกระบวนการด้วยเครื่องอุปกรณ์อีเล็คโทรนิคส์ และทราบว่าผู้หากินทางกวดวิชาสอบเข้าและรับประกันผล เรียกร้องเงินเข้าแพทย์ถึง 800,000 บาท ถ้าไม่ได้ คืนเงิน ใช้วิธีการทุจริตแบบนี้” โดยจะให้เลื่อนมาทำการสอบใหม่ในวันที่ 31-1 มิถุนายน แทน…               ทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย… โดยส่วนมากออกมาชื่นชมการตัดสินใจของทางมหาวิทยาลัย และตำหนิผู้ที่ทำการโกงข้อสอบ รวมไปถึงการแนะนำให้ตัดสิทธิ์คนที่โกงข้อสอบทั้งหลายไปเลยด้วย   แล้วเพื่อนๆ ชาวเหมียวล่ะ มีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง และมีวิธีเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาอย่างไร ก็สามารถแสดงความคิดเห็นกันเข้ามาได้เลยนะจ๊ะ ^^…

เมื่อพูดถึง พรบ. คุ้มครองสัตว์ที่เพิ่งออกมาเมื่อช่วงปีที่ผ่านมานี้ เพื่อบังคับใช้ปกป้องเหล่าสุนัข แมว รวมถึงสัตว์อื่นๆ จากกการถูกทำร้าย แต่ก็ไม่วายมีคนอีกกลุ่มที่ออกมาตั้งคำถามถึงเหล่าคนรักสัตว์ทั้งหลาย ว่าจริงๆ แล้วก็ยังมีคนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสัตว์พวกนี้เหมือนกัน อย่างเช่นเหตุการณ์นี้ ชาวเน็ตใช้ชื่อเฟซบุ๊คว่า Pun Sirikwan ได้ทำการโพสท์รูปภาพและข้อความว่าหลานชายของตนถูกสุนัข 2 ตัวรุมกัด ได้รับบาดแผลกว่า 20 จุด   พร้อมกับให้แคปชั่นว่า “หลานจะไปซื้อขนมโดนสุนัข 2ตัวรุมกัดหลาน 20 กว่าเขี้ยว จะเอาผิดเจ้าของก็ปฏิเสธไม่ใช่หมาตัวเอง คั้นจะฆ่าหมาให้ตายก็กลัวพ.ร.บ.ทารุณกรรมสัตว์ สรุปกฎหมายคุ้มครองหมาเจ้าของปฏิเสธเด็กโดนกัดฟรีไป …. หรือว่าปัจจุบันหมาสำคัญกว่าเด็กไปแล้ว”     หลังจากที่โพสท์ไปไม่นานก็ทำให้มีชาวเน็ตออกมาให้ความคิดเห็นมากมาย โดยแบ่งออกเป็นสองฝั่ง คือกลุ่มคนรักสุนัข และกลุ่มคนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสุนัข   ทางด้านฝั่งที่ได้รับความเดือดร้อนก็ออกมาเรียกร้องให้ทางรัฐบาลช่วยออกกฎหมายเอาผิดเจ้าของสุนัขด้วย จะได้มอบความเป็นธรรมให้กับผู้เคราะห์ร้าย         อย่างไรก็ตาม มาฟังความเห็นจากอีกฝ่ายบ้าง… ฝั่งคนรักสุนัขก็ออกมาชี้แจงว่า ไม่อยากให้โจมตีพรบ. คุ้มครองสัตว์ เพราะมันคนละประเด็นกัน พร้อมกับแนะว่าใหากเพื่อนบ้านไม่ยอมรับผิดก็ให้นำบุคคลอื่นๆ มาเป็นพยานยืนยัน หรือหากเป็นสุนัขจรจัดจริงก็ให้เทศบาลมาจัดการ ไม่ใช่โทษว่าเป็นเพราะกฎหมายจึงเจ็บตัวฟรี    …

มีเรื่องราวมาทึ่งแทบทุกวันสำหรับนักท่องเที่ยวจีน ล่าสุดไปก่อเรื่องกลางอุทยาทแห่งชาติเกาะทับ จังหวัดกระบี่ จนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมไปดำเนินคดี เรื่องราวดังกล่าวถูกนำมาแชร์โดยสมาชิกเว็บไซต์พันทิป ZenTriO เขาเล่าว่า เมื่อวันพุธที่ 4 พ.ค. 2559 เวลาประมาณ 14.30 น. ณ อุทยานแห่งชาติเกาะทับ จังหวัดกระบี่ มีนักท่องเที่ยวจีน 3 คนกำลังก้มเด็ดปะการังในจังหวะที่เกิดปรากฏการณ์ทะเลแหวก     โดยพวกเขาทั้งสามช่วยกันถอนปะการังออกจากพื้นทะเล ก่อนจะนำมาวางไว้ที่ริมหาดเตรียมใส่ถุงพลาสติก ราวกับว่าจะนำกลับบ้านอย่างใดอย่างนั้น คุณ ZenTriO เล่าว่าเขาได้พยายามเข้าไปเตือน แต่นักท่องเที่ยวทำเป็นไม่สนใจ จนสุดท้ายได้แจ้งเจ้าหน้าที่อุทยานก่อนจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมไป     เมื่อชาวเน็ตทราบเรื่องดังกล่าว ก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย         แบบนี้ก็มีด้วย #เหมียวอ๊อดโด้ ว่าบางทีเราอาจต้องมีมาตรการป้องกันหรือลงโทษ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกนะฮะ ไม่งั้นธรรมชาติสวยๆ คงไม่เหลือให้เราได้ชมอีกแน่นอน ที่มา เจอนักท่องเที่ยวจีน 3 คน เด็ดประการัง กะเอากลับไปด้วย ที่ทะเลแหวก ผมนี่ขึ้นเลยครับ มีรูป

กำลังเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก จากกรณีที่มีกลุ่มวัยรุ่น 6 คนกระทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ ด้วยการทำร้ายชายพิการผู้ทำงานสุจริตจนถึงขั้นเสียชีวิต นำไปสู่การจับกุมผู้กระทำการทั้งหมด แต่ยังไม่อาจทราบได้ว่าจะได้รับโทษอย่างที่สมควรหรือไม่เพราะกลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้ล้วนเป็นลูกของตำรวจทั้งสิ้น     ภายหลังจากที่กลายมาเป็นข่าวใหญ่โตและสื่อสำนักใหญ่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น ทางด้านแฟนสาวของหนึ่งในวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวได้ออกมาโพสต์ข้อความเรียกร้องความเป็นธรรม ให้ฟังความทั้งสองด้าน โดยบอกว่า ไม่ได้ฟันชายพิการ เพียงแต่ถือมีดไว้ป้องกันตัว และชายพิการเป็นผู้ที่เข้ามาทำร้ายก่อน แต่พลาดท่าล้มจนไปโดนมีดที่ถืออยู่เข้าหลอดลม??       อีกทั้งยังเล่าเหตุการณ์ว่า ‘เราอยู่ดีๆ ผู้เสียชีวิตมาหาเรื่องก่อน’ และรวมไปถึงการโพสต์ข้อความทำนองคนภายนอกอย่าเข้ามายุ่งเกี่ยว เป็นข้อความที่มีความรุนแรงอยู่พอสมควร             แต่ปรากฏว่าสืบหาเพจหรือเฟสบุ๊กดังกล่าวไม่เจอแล้ว ซึ่งทางด้านทนายความ นายอนันต์ชัย ไชยเดช ได้นำหลักฐานทั้งหมดนำไปแจ้งความ ข้อหาโพสต์ข้อความลักษณะข่มขู่ ตามความผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว     ที่มา : ยมทูต ติ้งต้อง’ง

หลายคนคงรู้จักกับ ‘วาววา ณิชารีย์’ นักแสดงสาวสุดสวย ซึ่งหากใครที่เป็นแฟนละครช่องสามคงเห็นเธอคนนี้ออกทีวีอยู่บ่อยๆอย่างแน่นอน หลายคนอาจจะรู้จักเธอกับละครเรื่อง ‘The Sixth Sense สื่อรักสัมผัสหัวใจ’ และ ‘บางระจัน’ ทีออกอากาศทางช่องสาม ซึ่งใครที่เห็นแล้วคงชื่นชอบเธอคนนี้มั้งแหล่ะหน่าา…   ภาพจากละคร The Sixth Sense   จากภาพที่ผ่านมาคงเห็นเธอเป็นสาวน่ารักใสใส แบ๊วๆ แต่ล่าสุดเธอเพิ่งมีภาพถ่ายสุดเซ็กซี่ลงบนปก FHM บอกเลยว่าหุ่นเธอนั้น เซ็กซี่กว่าที่คิดไว้เยอะ!!   ทีนี้เราลองมาดูเบื้องหลังการถ่ายแบบครั้งแรกของเธอกันเลย…   บอกเลยว่านี่เป็นการถ่ายลงหนังสือ FHM ครั้งแรกในชีวิตของสาว วาววา คนนี้ ไม่คิดว่าเธอจะยอมสลัดจากสาวสุดแบ๊วมาเป็นสาวที่เซ็กซี่ได้ขนาดนี้ งานนี้แฟนคลับ(หนุ่มๆ)เธอคงเพิ่มขึ้นเป็นกองเลยล่ะ ฮ่าๆ ที่มา : Bobie Siambanterng

นับว่าเป็นปัญหาที่คารังคาซังมานานพอสมควรแล้ว สำหรับปัญหาการยึดพื้นที่ตั้งเป็นร้านขายของบนทางเท้า ซึ่งล่าสุดลามมาจนถึงทางจักรยานกันแล้วล่ะ!!     เพราะมีภาพที่โผล่เข้ามาในโลกโซเชียล เผยให้เห็นพฤติกรรมที่ยังคงเป็นเช่นเดิมของพ่อค้าแม่ค้าริมทาง ไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร แม้จะมีการออกมาตรการกวดขันกันไปแล้ว การยึดพื้นที่เพื่อขายของก็ยังไม่หมดไปเสียที           บริเวณดังกล่าวเป็นถนนกำแพงเพชร 3 ติดกับรั้วตลาดนัดจตุจักร ภายหลังจากที่ภาพถูกเผยแพร่ไปในวงกว้าง ทางเจ้าหน้าที่เทศกิจเขตจตุจักรชี้แจงว่าจะเข้าไปกำชับเพื่อห้ามการตั้งร้านค้าและสิ่งกีดขวางบนทางจักรยาน หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับอยู่ที่ 200 – 2,000 บาท     ทั้งนี้ผู้ค้าหลายรายมักจะขอผ่อนผันเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการใช้พื้นที่ในการค้าขายมานาน แต่ถ้าหากว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ไม่มีการควบคุมอย่างจริงจัง เราก็คงจะได้เห็นทางเท้า ทางจักรยานกลายมาเป็นที่ตั้งร้านค้าก็ต่อไปเรื่อยๆ ที่มา : tlcthai, Black Hat

ในยุคที่ข้าวยากหมากแพง อะไรๆ ก็แพงไปเสียหมด แม้แต่อาหารตามสั่งยังต้องคิดแล้วคิดอีกว่ามันจะคุ้มมั้ยที่จะสั่งมากินในแต่ละครั้ง เพราะด้วยราคาที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ กับปริมาณที่ได้นั้นสวนทางกันอย่างกู่ไม่กลับแล้ว     หลายๆ คนก็คงนึกย้อนกลับไปในช่วงที่จ่ายน้อยแต่ได้เยอะ ก็คงทำได้แค่นึกเท่านั้น แต่ในวันนี้หากใครที่อยู่จังหวัดเพชรบูรณ์ล่ะก็ ตำนานอาหารตามสั่งแบบพูนจานยังมีอยู่นะจ๊ะ อย่างเช่นที่ร้านป้ากิมลี้อาหารตามสั่งแห่งนี้แหละ!!     ร้านป้ากิมลี้อาหารตามสั่งแห่งนี้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการปริมาณอาหารเยอะๆ ในราคาที่สบายกระเป๋าเพียงแค่ 30 บาทเท่านั้น จัดเต็มแบบไม่เกรงใจกระเพาะกันเลยล่ะ อย่างเช่นในตัวอย่างของเมนูกะเพราเนื้อจานนี้ โอ้ยยยย!! เห็นแล้วหิวทันที     แบบใส่กล่องก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน   พิสูจน์ให้เห็นกันชัดๆ ว่าตำนานกับข้าวเยอะๆ แบบนี้ยังคงมีอยู่ โดยเป็นภาพจากคุณ Pick Kao ที่ได้นำมาแชร์ผ่านเฟสบุ๊ก หากใครอยากลิ้มลองร้านตั้งอยู่ในซอยข้างโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ซอยสามัคคีชัย 8 นอกเหนือจากจะได้เยอะแล้วยังมีบริการ WiFi ด้วยนะจ๊ะ     น่าเสียดายที่ #เหมียวเลเซอร์ ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ หากใครอยู่เพชรบูรณ์ได้ไปลองมาแล้ว อย่าลืมแวะมารีวิวให้ฟังกันบ้างนะ T^T อยากกินเหลือเกินนนนนน ที่มา : Pick Kao

นี่คือภาพที่มีผู้คนกดแชร์และส่งต่อกันอยู่เต็มหน้าไทม์ไลน์ของเฟซบุ๊กในขณะนี้เลย สำหรับภาพที่มีคนกล่าวอ้างว่าเป็นภาพของ “น้องไอดิน” เด็กทารกผู้รอดชีวิตจากแม่ใจยักษ์ที่เป็นข่าวโด่งดังเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา     ล่าสุดทางเพจ Drama-addict ได้ออกมาชี้แจงว่าภาพดังกล่าวไม่ใช่ภาพของน้องไอดิน แต่เป็นภาพของเณรน้อยชาวกัมพูชาวัย 4 เดือนต่างหาก พร้อมกันนี้ยังมีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความเห็นต่อว่าคนที่ปล่อยข่าวเท็จด้วยว่า เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องเพราะหวังแค่ยอดไลค์เพียงอย่างเดียว   กุเรื่องกันเก่งจังคนับ โพสต์โดย Drama-addict บน 1 พฤษภาคม 2016   ทั้งนี้น้องไอดินเป็นเด็กที่ถูกแม่นำมาฝังดินไว้ที่ทุ่งนาแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น พร้อมกับบาดแผลเต็มตัว แต่โชคดีที่มีคนมาเจอเข้าและนำตัวส่งโรงพยาบาลขอนแก่น ปัจจุบันมีอาการดีขึ้นมากแล้วและอยู่ในระหว่างการประเมินว่าจะส่งกลับไปยังครอบครัวเดิมหรือให้กับผู้อุปการะคนอื่นต่อไป ที่มา Drama-addict , kapook

การสั่งสอนลูกให้เป็นคนดี อยู่ในกรอบอยู่ในโอวาทของผู้ปกครองนั้นเป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องสอนและบอกกับลูกๆ ให้เข้าใจ แต่บางครั้งการพูดคุยให้เข้าใจกันก็กลับเป็นเรื่องที่ยากขึ้น เมื่อลูกของเราเติบโตมาถึงช่วงวัยรุ่นที่เริ่มจะมีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว…   เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอสุดสะเทือนอารมณ์ ผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊ก Phanonmporn Subin เผยให้เห็นภาพของคุณแม่คนหนึ่งกำลังยกมือพนมและพูดจาเชิงประชดประชันกับลูกสาว เนื่องจากเธอมักจะแอบหนีไปเที่ยวกับเพื่อนบ่อยๆ     โดยในคลิปวิดีโอคุณแม่ได้กล่าวว่า “ครั้งนี้แม่ขอโทษนะที่แม่ทำไม่ดีกับลูก ฉันขอโทษเธอ ขอให้เธอเจริญๆ ขึ้นนะลูกนะ แม่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เล็กจนโต ฉันไม่เคยว่าให้เธอ ฉันรักเธอยิ่งกว่าอะไร”    “แต่วันนี้เธอทำให้ฉันเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า เธอบอกเธอจะไม่ทำแต่เธอก็ทำ เธอไม่เคยทำให้ฉันภูมิใจเธอเลย และวันนี้เธอก็ไปกับเพื่อน พอฉันบอกไม่ให้เธอไปเธอก็งอนฉันขึ้นไปอยู่ข้างบน” จากนั้นคุณแม่ก็ก้มกราบลูกสาวไป 3 ครั้ง     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย   เห็นแล้วก็รู้สึกสะเทือนใจ เพื่อนๆ มีความเห็นอย่างไรกับประเด็นนี้ ลองแลกเปลี่ยนความเห็นกันได้นะ ที่มา chukkatook abc

ในเรื่องของความเชื่อ วัฒนธรรม และพิธีกรรมต่างๆ ในแต่ละประเทศ แต่ละพื้นที่ก็จะมีวิธีการจัดงานที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้ก็เพื่อความเหมาะสมกับผู้คนในท้องถิ่น สร้างความศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย แล้วถ้าหากว่าให้คนต่างถิ่น ต่างประเทศมาจัดบ้างล่ะ? คงจะคิดภาพไม่ออกกันแน่ๆ อย่างในเรื่องของ พิธีงานศพตามประเพณีของไทย แต่ดันไปโผล่อยู่ในสื่อซีรีย์ของเกาหลี เค้าจะจัดได้เหมือนมากน้อยแค่ไหนกันนะ   ภาพดังกล่าวมาจากซีรีย์ Goodbye Mr. Black เทพบุตรหัวใจสุดแค้น ที่ถ่ายทำในประเทศไทยหลายฉาก   ในฉากนี้เป็นฉากจัดงานศพแบบไทยๆ   เป็นงานศพที่ดูโล่งมาก   อย่างน้อยก็ใกล้เคียงอยู่นะ   ถ้าให้เปรียบเทียบกับในละครไทยแล้ว การจัดฉากงานศพนั้นเข้าถึงพิธีของคนไทยมากกว่าแน่นอน แต่เมื่อสื่อชาติอื่นทำได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าใกล้เคียงอยู่ไม่น้อยเลย เปิดมุมมองพิธีกรรมของไทยจากต่างชาติบ้าง (แม้รายละเอียดบางส่วนจะไม่ถูกต้องก็ตามทีเถอะ) ที่มา : teerex

เป็นประเด็นดราม่าให้ถกเถียงกันอยู่ในตอนนี้เลย สำหรับภาพพระดังรูปหนึ่งที่โพสต์ภาพบอกว่าตนเองได้ไปปล่อยปลากว่า 700 ตัว ลงในแม่น้ำ แต่กลับมีเพจนักอนุรักษ์ออกมาโต้ว่าการปล่อยปลาแบบผิดๆ อาจเป็นการทำลายระบบนิเวศได้!?     เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา พระชื่อได้ได้โพสต์ภาพปล่อยปลาลงในแม่น้ำ พร้อมกับข้อความว่า “1/5/59 พระอาจารย์ปล่อยปลาอีกครั้งที่ 700 ขอให้ได้บุญด้วยกันเท่ากันทุกประการเทอญ ขอให้พ้นภัยแข็งแรงร่ำรวยตลอดไปเทอญ”       ต่อมาเพจคนอนุรักษ์ได้ชี้แจงว่าการปล่อยปลาจำนวนมากลงน้ำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ เพราะเนื่องจากปลาที่ปล่อยนั้นเป็นปลาดุกรัสเซีย เป็นปลาต่างถิ่นที่กินเนื้อเป็นอาหาร อาจจะทำให้ปลาเล็กปลาน้อยในน้ำถูกกินจนหมด พร้อมกับแนะว่าหากอยากปล่อยปลาควรจะเป็นปลาในท้องถิ่นเท่านั้น     จะปล่อยนกปล่อยปลาอะไรก็ศึกษากันสักนิดละกันนะ เพราะแทนที่จะได้บุญกลับได้บาปมาซะงั้น ที่มา คนอนุรักษ์

เพื่อนๆ หลายคนที่ชื่นชอบการชมภาพยนตร์ ก็มักจะซื้อชุดสะสมของภาพยนตร์เรื่องที่ตนเองชื่นชอบเก็บไว้ ไม่ว่าจะเป็นแก้วน้ำ ถังป็อปคอร์น หรือฟิกเกอร์ต่างๆ ที่ทางโรงภาพยนตร์เอาออกมาขาย จนทำให้มีคนถึงกับไปเหมาที่หน้าโรงแล้วเอาเฉพาะแก้วและถังป็อปคอร์นไปขายต่อในราคาที่สูงกว่า กลายเป็นธุรกิจไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…   เรื่องมีอยู่ว่าชาวเน็ตเว็บไซต์พันทิปชื่อ Schneiderlin28 ได้ตั้งกระทู้ว่า ‘แก้วน้ำโรงหนังกลายเป็นสินค้าทางธุรกิจไปเรียบร้อย’ พร้อมกับแนบรูปภาพสินค้าที่ทางร้านค้าออนไลน์ได้โพสท์มาไว้ด้วย   และกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า… (#เหมียวหง่าว ขอโคว้ทคำพูดมาเลยละกันนะ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนในเนื้อหาของกระทู้) “มันไม่ได้หมดเร็วเพราะขายดีขนาดนั้นหรอก ก็ยอมรับว่าคนต้องการเยอะ แต่ที่ของมันหมดเร็วขนาดนี้ก็คงเพราะมีคนเหมาไปอัพราคาขาย ซึ่งมันก็กลายเป็นธุรกิจไปแล้ว คนที่อยากได้จริงๆไม่มีสิทธิได้ซื้อ หรืออาจจะต้องซื้อในราคาที่แพงกว่า อันนี้ก็อยู่ที่คน เงินใครเงินมัน แต่มาทำแบบนี้มันดูเอาเปรียบคนอื่นไปนะบางที ต้องการเงินมากขนาดต้องทำแบบนี้เลยหรอ? *ชุดIcon Heroในภาพราคาอยู่ที่ชุดละ300บาท แต่ถ้าซื้อ2แก้ว+ถังpopcorn ราคาจะเหลือแค่เพียง 400 เท่านั้น แต่ก็อย่างว่าแหละเงินใครเงินมัน ซื้ออะไรก็ซื้อ มันอยู่ที่จิตใจมากกว่า”     ก็ทำให้มีผู้คนสนใจและเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย… ส่วนใหญ่ก็พุ่งเป้าไปที่คนใน   บ้างก็ออกมาแซวขำๆ   บางส่วนก็แนะวิธีแก้ไขให้กับทางโรงหนัง ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น   แล้วชาวเหมียวของเราล่ะ คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง ก็เชิญคอมเม้นท์กันได้เลยนะจ๊ะ ที่มา : Schneiderlin28

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก นางสาวศนิชา บุญเกื้อหนุน ได้โพสต์เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับน้องสาวของเธอ ที่ไปเดินเล่นที่โลตัสพลัสมอลล์ บางใหญ่ แต่กลับถูกยามรักษาความปลอดภัยกล่าวหาว่าเธอไปขโมยชุดนักเรียนมาซะงั้น!?   คุณศนิชา ได้เล่าว่าน้องสาวของเธอไปเดินเล่นที่ห้างเพื่อรอให้เธอมารับหลังเลิกงาน แต่ในระหว่างนั้นกลับมียามคนหนึ่งเดินมาทางเธอและบอกว่าเธอขโมยเสื้อนักเรียนไป เนื่องจากเสื้อดูใหม่ผิดปกติแถมยังไม่ได้ปักชื่อลงไปด้วย     ทางด้านเด็กนักเรียนหญิงก็ได้อธิบายกับยามไปว่าเธอไม่ได้ขโมยไป แต่ที่เสื้อดูใหม่เพราะว่าเสื้อตัวที่ใส่ไปเรียนมีรอยเปื้อน เธอเลยไปซื้อเสื้อตัวใหม่มาจากป้าของเพื่อนเลยยังไม่ได้ปักชื่อลงไป แต่ยามกลับไม่เชื่อและถามวนไปวนมา   จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปร้องไห้ในห้องน้ำและโทรเล่าเหตุการณ์ให้พี่สาวของเธอฟัง และเมื่อเธอออกจากห้องน้ำมาก็มาเจอเข้ากับพนักงานห้างที่สงสัยว่าเธอเป็นคนเอาเสื้อนักเรียนไป     ต่อมาก็มีพนักงานของร้านวัตสันเข้ามาปลอบเธอและเห็นว่าเสื้อที่เธอใส่อยู่เป็นเสื้อที่ไม่มีขายในห้าง ทำให้เกิดการถกเถียงกันขึ้นเพราะพนักงานห้างคิดว่าทางห้างมีเสื้อขายทุกยี่ห้อ สุดท้ายพนักงานห้างจึงต้องออกมาขอโทษเธอและให้กล่องดินสอเธอเพื่อเป็นการปลอบใจ     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย ถ้าเป็นคนอื่นพวกคุณคงไม่โดนแค่นี้นะคะ #แอนตี้โลตัสพลัสมอล์ล บางใหญ่ ทำงานห่วยแตก เรื่องก่อนหน้านี้ นี่คือของปิดปาก … โพสต์โดย นางสาวศนิชา บุญเกื้อหนุน บน 28 เมษายน 2016   น่าสงสารน้องจัง น่าจะกลายเป็นความสะเทือนใจที่ติดตัวไปอีกนาน ที่มา นางสาวศนิชา บุญเกื้อหนุน

หากใครยังจำกันได้ เมื่อประมาณปลายปี 2557 มีข่าวอุบัติเหตุหญิงสาวขับรถพุ่งชนร้านสเต็กแห่งหนึ่ง จนเป็นเหตุให้เจ้าของร้านเสียชีวิตและลูกสาวได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นปี ล่าสุด#เหมียวฟิ้นมีความคืบหน้าเกี่ยวกับอาการของเธอมารายงานล่ะ     อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 กันยายนปี 2557 โดย น.ส.น้ำผึ้ง ใจเสงี่ยม ได้ขับรถกระบะพุ่งชนร้านสเต๊กลุงใหญ่ ปากซอยเอกชัย 119 จนทำให้นายภานุทัต ชำนิ (ผู้เป็นพ่อ) เสียชีวิต และน้องการ์ตูนวัย 5 ขวบได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สมอง   ต่อมาในวันที่ 18 สิงหาคม 2558 ศาลอาญาธนบุรี ได้มีคำพิพากษาออกมาให้น.ส.น้ำผึ้ง ใจเสงี่ยม ผู้ก่อเหตุต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ครอบครัวชำนิเป็นจำนวน 10 ล้าน 7 แสนบาท และมีโทษจำคุกอีก 1 ปี     ล่าสุดเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 1 พฤษภาคม คุณศรัญญา ชำนิ คุณแม่ของน้องการ์ตูนได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเพจ ร้านสเต็กคุณแม่การ์ตูน Mother’s Grill Steak House “ย่างด้วยรัก หมักด้วยใจ” บอกว่าเมื่อวันที่ 30 เมษายนได้พาน้องการ์ตูนไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลมา…

กลายเป็นดราม่าร้อนๆ อยู่ในขณะนี้เลย สำหรับกรณีที่มีเด็กแว้นรายหนึ่งโพสต์ข้อความต่อว่าเหล่าเกมเมอร์ว่าเอาแต่ขอเงินพ่อแม่มาเตอมเกม ในขณะที่พวกตนทำงานหาเงินแล้วมาแว้น งานนี้เลยเกิดการถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนเลยทีเดียว   เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 30 เมษายนทีผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ Super-rich | Game console lover’s Shop ได้โพสต์ภาพข้อความของเด็กแว้นรายหนึ่งโดยมีข้อความว่า “ถึงกูจะแว้น แต่กูก็ทำงานว่ะ ไม่เหมือนพวกติดเกมเล่นทั้งวัน อะไรก็ขอตังค์พ่อแม่ไปเติมเกม”   “กูทำงานเสร็จกูก็ขับรถเล่น ก็ยังดีกว่ามึงที่เล่นแต่เกมทั้งวี่ทั้งวัน #โลกมึงมันสวนเกินไป”     แน่นอนว่าการที่เด็กแว้นออกมาต่อว่าเหล่าคนเล่นเกมหรือเกมเมอร์ขนาดนี้ ย่อมทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กลับมาอย่างแน่นอน โดยหลายๆ ความเห็นบอกว่าการเล่นเกมนั้นไม่จำเป็นจะต้องขอเงินพ่อแม่เสมอไป   การเล่นเกมสามารถหารายได้ได้ด้วย แถมยังไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เพราะเล่นเกมอยู่ที่บ้านหรือร้านเน็ตเพียงอย่างเดียว             เราก็แค่ชอบเล่นเกมเฉยๆ เราผิดอาราย จิ้วๆๆๆ ที่มา Super-rich | Game console lover’s Shop

จากที่มีการแชร์กันเยอะแยะมากมายกับคลิป ‘เล่นดนตรีสดให้เจ้าแม่ดู…หลังจากที่วิ่งรอบสนามไปแล้ว 50 รอบ’ ที่จำนวนการแชร์ ณ​ ตอนนี้ มากถึง 19,000 กว่าครั้งแล้ว ทำให้หลายคนนั้นให้ความสนใจกับสาวมือเบสคนนึง ซึ่งการที่ในวงดนตรีนั้นจะมีมือเบสเป็นผู้หญิงนั้นก็หายากแล้ว แต่มือเบสสาวคนนี้บอกเลยว่าทั้งสวยและน่ารักอย่างมาก ซึ่งสร้างความประทับใจและทำให้หนุ่มๆหลายๆคนต้องตกหลุมรักเธอ   ลองมาชมคลิปดังกล่าวกัน… เพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งวันบอกเลยว่าจำนวนยอดไลค์ของคลิปนี้นั้นมากถึง 40,000 ไลค์ และมีคนเข้าชมมากถึง 1.1 ล้านครั้งแล้วว!!   #เหมียวฮานะ ก็เป็นอีกคนที่สนใจเธอคนนี้เลยไปตามสืบจนเจอพบว่าเธอคนนี้ชื่อว่า ‘ปันปัน’ เป็นนักเรียนเรียนอยู่ที่ โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา 2 นอกจากจะเรียนแล้วยังรักในการเล่นดนตรี มีผลงานรวมวงกับเพื่อนในชื่อวง The Ambulance เคยไปประกวดในหลายเวทีด้วยนะฮะ บอกเลยว่าเธอคนนี้ไม่ได้มีดีแค่หน้าตาที่น่ารักแต่ฝีมือการเล่นเบสของเธอนั้นก็เยี่ยมยอดเลยทีเดียวล่ะ   เราลองมาดูภาพของมือเบสสาวสุดน่ารักคนนี้กันเลยดีกว่า…   จริงๆเธอก็แอบเป็นสาวฮานะเนี่ยย…!!   นี่สิ่ ของจริง!!   #มีความเป็นร็อคเกอร์   บอกเลยว่าเป็นเด็กสาวที่มีความครบครันจริงๆ ทั้งเล่นเบสได้เยี่ยม และหน้าตาสวย น่ารัก อย่างงี้หนุ่มๆจะไม่หลงรักกันได้ง้ายยยย!! ขอบคุณที่มาของภาพ : Chatchai Chankol, Raskika Pan…

เมื่อกล่าวถึงเรื่องของสามี-ภรรยา แล้วการมีเล็กมีน้อยนั้นถือว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เหตุเกิดมาจากความไม่พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่และมักมากจนเกินไป #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเหตุการณ์สุดสลด ไว้เป็นอุทธาหรณ์สอนใจเหล่าคู่สามีภรรยา ทั้งหลาย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก   เรื่องมีอยู่ว่าแฟนเพจเฟสบุ๊ค กลุ่มคนอาสา กู้ชีพ กู้ภัย Thailand ได้ทำการโพสท์รูปภาพและข้อความ การออกปฏิบัติภารกิจเมื่อช่วงเช้าตรู่ในที่ผ่านมา โดยให้แคปชั่นว่า… “เมื่อเวลา 04.45น.เช้าตรู่วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2559 หน่วยกู้ชีพนครสาเกตรับแจ้งมีเหตุสามีขับรถชนภรรยาเสียชีวิต ภายในถนนหมู่บ้าน บ้านดงเค็ง-แสบง ต.ปอภาร อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด หน่วยกู้ภัยนครสาเกต กู้ชีพ อบต.ปอภาร พันตำรวจตรี นรินทร์ นามบ้านค้อ สารวัตรเวร สภ.เมืองร้อยเอ็ด ชุดสืบสวนสุนสีห์ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิต นอนจมกองเลือดอยู่ ทราบชื่อ คือ นางดาวรุ่ง เทพเบตร์ อายุ39ปี อาศัยอยู่บ้านดอนไฮ ต.สวนจิก อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด ทางด้านสารวัตรเวรจึงประสาน นายแพทย์ บดินทร์ แพทย์เวรชันสูตรประจำวัน ร.พ.ร้อยเอ็ด เดินทางมาชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการตาย แต่แพทย์เวรได้สั่งให้นำศพผู้ตายเข้ามาชันสูตรที่ ร.พ.ร้อยเอ็ด อีกครั้ง…

หนึ่งในคดีที่ฉาวโฉ่ไปทั่วโลก หลังจากที่มีสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษได้เดินทางมาเที่ยวที่เกาะเต่าของประเทศไทย แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าพวกเขาถูกฆาตกรรม ณ บริเวณชายหาด จนตำรวจสืบสวนไปสู่การจับกุมแรงงานชาวพม่าสองราย     ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกันยายน ปีพ.ศ. 2557 คดีฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า Hannah Witheridge วัย 23 ปี และ David Miller วัย 24 ปี ฝ่ายหญิงถูกพบในสภาพถูกข่มขืน และฝ่ายชายถูกทำร้ายร่างกายและนำร่างไปทิ้งในทะเล     โดยจากการตรวจสอบ DNA ของฝ่ายนิติเวชนั้น ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าเป็นการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพอย่างยิ่งและที่แย่ไปยิ่งกว่านั้นก็คือกล่าวหาผู้ต้องหาชาวพม่าสองคนให้ยอมรับผิดทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรเชื่อมโยงกันเลย     ทั้งนี้ว่ากันว่าการสืบสวนของตำรวจเพื่อหาข้อเท็จจริงนั้น ทำการจับกุมแรงงานชาวพม่าสองรายมาทำการทรมานจนกว่าจะยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้กระทำความผิดฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ     ทางด้าน Laura Witheridge ได้ออกมาเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่าจากการกระทำเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยไม่ต่างไปจากกับดักอันแสนอันตรายต่อนักท่องเที่ยว ‘ตั้งแต่ที่เราเสีย Hannah ไป ยังมีการตายที่น่าสงสัยเกิดขึ้นในเกาะเต่าอีกมาก คุณอาจจะไม่รู้หรอก ยังมีนักท่องเที่ยวชาติอื่นที่ตกเป็นเหยื่อด้วย และทุกๆ ครั้งมักจะถูกสรุปให้เป็นการฆ่าตัวตายหรือไม่ก็อุบัติเหตุ’     ทั้งนี้ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตยังไม่ปักใจเชื่อว่าสองแรงงานชาวพม่าที่ถูกจับมานั้นเป็นผู้กระทำความผิด และทางเจ้าหน้าที่เองก็ปฏิเสธว่าการดำเนินคดีต่างๆ…

ประเทศไทยของเราถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มักจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ใฝ่ฝันอยากจะมาเยี่ยมเยือนทั้งในช่วงเทศกาลและฤดูกาลท่องเที่ยว ด้วยธรรมชาติและเอกลักษณ์วัฒนธรรมประเพณีต่างๆ ที่เป็นแรงจูงใจในการมาเที่ยว   คุณพ่อ Owen และคุณแม่ Rosemary ชาวอังกฤษวัย 68 ปี   แต่บ่อยครั้งที่มักจะมีข่าวคราวไม่ค่อยดีที่ส่งผลทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหายอย่างหนัก อย่างในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ครอบครัวชาวอังกฤษได้มาเที่ยวช่วงเทศกาลดังกล่าวแต่กลับถูกกลุ่มวัยรุ่นไม่ต่ำกว่า 6 คน ที่มีอาการเมามายสุราและถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส   นาย Lewis Owen วัย 43 ปี (ขวา)   Lewis Owen นักออกแบบกราฟฟิคชาวอังกฤษ วัย 43 ปี คุณพ่อ Lewis ในชื่อเดียวกัน และคุณแม่ Rosemary วัย 68 ปี ได้มาเที่ยวที่ประเทศไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 13 เมษายน 2559 ซึ่งในระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังเดินอยู่บนถนนย่านหนึ่งในหัวหิน เขาถูกวัยรุ่นคนหนึ่งผลักจนล้ม โดยที่ผู้เป็นแม่พยายามเจรจาแต่ก็ไม่เป็นผล จนสุดท้ายเหตุการณ์ก็บานปลาย     จู่ๆ ก็มีวัยรุ่นอีกคนเข้ามาชกหน้าคุณพ่อ Lewis…

แม้ประเทศไทยจะมีข่าวด้านลบเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมาหลายต่อหลายข่าวในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเคสเกาะเต่า หรือกรณีวัยรุ่นรุมทำร้ายนักท่องเที่ยวจนสลบเมื่อเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา แต่ความนิยมในการมาเที่ยวประเทศไทย ดูจะไม่ลดน้อยลงไปเลย เพราะล่าสุดทางสำนักข่าว Metro จากอังกฤษ ได้รายงานว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา บริษัททัวร์ STA Travel ในกรุงลอนดอนและเมืองเบอร์มิ่งแฮม ได้ทำโปรโมชั่นพิเศษ ขายตั๋วเครื่องบินไปกลับประเทศไทยในราคาเพียง 49 ปอนด์ หรือราว 2,500 บาทเท่านั้น ซึ่งหลังจากมีการประกาศออกไป ก็มีผู้สนใจมากมายมารอซื้อตั๋วราคาพิเศษดังกล่าว ถึงขนาดที่มานอนรอข้ามคืนกันเลยทีเดียว!!     โดยทั้งสองสาขาจะจำหน่ายตั๋วราคาพิเศษเพียงสาขาละ 49 ใบเท่านั้น ทำให้เป็นที่ต้องการของผู้ที่สนใจเป็นอย่างมาก Mollie Merrifield และ Dan Jeffs  วัย 18 และ 19 ปี ทั้งสองลงทุนลาออกจากร้านแมคโดนัลที่กำลังทำงานอยู่ เพื่อมาจองคิวซื้อตั๋วดังกล่าว “พวกเราลาออกจากงานแล้วมารอซื้อตั๋วค่ะ เพราะเราพยายามคุยกับหัวหน้าแล้ว แต่เขาไม่ยอมย้ายกะให้เรา เราก็เลยลาออก ไม่งั้นเราคงมาไม่ทันแน่ๆ”     Waheed Khan นักศึกษาวัย 30 ปีคนนี้ กล่าวว่า…

ทำเอาแฟนๆ ถึงกับใจหายเลยทีเดียว เพราะมีข่าวว่านักพากย์ชื่อดังขวัญใจเด็กๆ และผู้ใหญ่อย่างน้าต๋อย เซมเบ้ หรือ นายนิรันดร์ บุญยรัตพันธุ์ วัย 61 ปี ต้องหยุดงานพากย์การ์ตูนไปเป็นนาน 4 ปี เนื่องจากมีอาการป่วยเป็นโรคหอบหืด ปอดและต่อมน้ำเหลืองติดเชื้อ และเชื้อโรคกินกระดูกจนหัก     ล่าสุด#เหมียวฟิ้นมีข่าวดีจะมาบอกล่ะ เพราะเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทางไนน์เอ็นเตอร์เทนได้รายงานว่าน้าต๋อยเซมเบ้จะหวนกลับมาพากย์การ์ตูนอีกครั้งให้แฟนๆ ได้หายคิดถึงแล้ว!!     ตามรายงานบอกว่าการ์ตูนที่น้าต๋อยจะกลับมาพากย์นั้นเป็นการ์ตูน Sailor Moon ภาค Crystal ซึ่งมีอายุครบรอบ 20 ปีพอดี ทั้งนี้จะได้ทีมงานชุดเดิมกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง เช่น น้านิด , น้าตุ๊ก และ น้าต๋อย เซมเบ้       ตอนนี้อาการของน้าต๋อยเริ่มกลับมาแข็งแรงอีกครั้งหนึ่งแล้ว ใครที่เป็นแฟนและคิดถึงเสียงพากย์ของน้าต่อยเซมเบ้ รอติดตามชมเซเลอร์มูน ภาคคริสตัลได้ในวันที่ 21 พฤษภาคมนี้นะจ๊ะ     ที่มา mcot , น้าต๋อยเซมเบ้ FanPage

ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา หนึง่ในข่าวใหญ่บนโลกโซเชียลของเรา คงจะหนีไม่พ้นกรณีการที่เทศบาลตำบลลำนารายณ์จับ “แมวเบงกอล” ไปปล่อย “ป่า” เพราะคิดว่าเป็น “เสือปลา” จนเจ้าแมวตัวดังกล่าวถูกสุนัขจรจัดรุมกัดจนตายอย่างอนาถ (ข่าวเก่า) ซึ่งทางเจ้าของแมวยืนยันว่าจะเอาเรื่องเทศบาลให้ถึงที่สุด ล่าสุดทางเฟสบุ๊คของ เทศบาลตำบลลำนารายณ์ ได้ออกมาแถลงขอโทษ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สาเหตุเป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์!?!   ขอเรียนชี้แจงกรณีจับแมว ธัญญมน ศรีผ่าน นายกเทศมนตรีตำบลลำนารายณ์ ขอเรียนชี้แจงกรณีจับแมว ดังนี้ค่ะ เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๒ เ… โพสต์โดย เทศบาลตำบลลำนารายณ์ บน 27 เมษายน 2016   “ขอเรียนชี้แจงกรณีจับแมว ธัญญมน ศรีผ่าน นายกเทศมนตรีตำบลลำนารายณ์ ขอเรียนชี้แจงกรณีจับแมว ดังนี้ค่ะ เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๙ เวลา ๑๘.๑๐ น. ได้รับแจ้งจากชาวบ้านชื่อนางสาวสุนีนาถ ปานเนียม ผู้แจ้งทางโทรศัพท์พบแมวป่าติดตาข่ายอยู่ ซึ่งกำลังจะโดนสุนัขรุมกัด บริเวณ หมู่ ๑ ตำบล ลำนารายณ์ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี นายณรงค์…

ในช่วงเวลาชีวิตของคนเรามักจะมีช่วงสำคัญๆ อยู่ เพราะฉะนั้นหากเราอยากจะเก็บความทรงจำดีๆ เอาไว้ ก็ต้องถ่ายภาพ แล้วถ้าอยากได้ภาพสวยๆ ก็ต้องหาช่างภาพดีๆ มาซักหนึ่งคน     แล้วทีนี้การจะจ้างช่างภาพก็ต้องตัดสินใจกันก่อนว่าอยากได้เป็นแบบไหน เพราะช่างภาพแต่ละคนก็จะมีผลงานในแนวทางของตัวเองที่แตกต่างกันไป ยอมรับได้หรือไม่ ซึ่งหากพิจารณาแล้วถูกใจก็ตกลงกันไปตามนั้น     แต่แล้วมันก็มักจะเกิดกรณีผิดคาดกันขึ้นมาอยู่เป็นประจำ หลังจบงานแต่คนไม่จบ เพราะลูกค้าดันเกิดอาการไม่พอใจในผลงานที่ถ่ายออกมา ทางฝั่งช่างภาพคุณ Wattana Watcharapongwanith ที่ได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว แยกเป็นใจความได้ 5 ข้อ ดังโพสต์ต่อไปนี้       สรุปคือน้องที่มาจ้างงานตกลงงานแล้ว แต่ภายใน 1,000 กว่ารูปนั้นจะมีรูปเสียอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ทุกภาพ ซึ่งช่างภาพเองก็ตกลงส่งให้ทั้งหมด สุดท้ายแล้วน้องผู้จ้างงานไม่พอใจผลงาน นำภาพเสียเหล่านั้นไปโพสต์ต่อ ขอให้ช่างภาพคืนเงินทั้งหมด แต่ช่างภาพคืนให้ได้แค่ 3,000 บาท เท่านั้น จึงปฏิเสธรับคืน   ทั้งนี้อาจจะเกิดจากการส่งรูปภาพทั้งหมด (รวมทั้งรูปเสีย) ไปด้วยกัน โดยไม่มีการแยกเอาไว้ต่างหาก จึงทำให้เกิดการเข้าใจผิดและบานปลายมาจนถึงขนาดนี้ ที่มา : Wattana Watcharapongwanith

นับว่าเป็นกระแสที่ดังชั่วข้ามคืนเลยก็ว่าได้ กับหนุ่มที่ทำบัตรประชาชนหาย แล้วคนที่เก็บได้ก็มาโพสถามหาเจ้าของบัตรในเฟซบุ๊ค ซึ่งประเด็นมันอยู่ที่ว่าเจ้าของบัตรประชาชนนั้นเป็นหนุ่มหน้าตาดี ทำให้เหล่าบรรดาสาวๆในโซเชี่ยลนั้น ก็ทำการแชร์ภาพบัตรประชาชนดังกล่าวกันให้วุ่นเลย   ณ ตอนนี้เราพบกับหนุ่มคนนี้แล้ว เขามีชื่อว่า ‘นาย กรกช เขียวรอด’ ชื่อเล่นมีชื่อว่า ไอซ์ ซึ่งเป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดร อายุ 23 ปี     ลองมาชมภาพของหนุ่มคนนี้เต็มๆกันเลยดีกว่า…   เอ่อ…เอ็งหล่อจริงวุ้ยยยย   สาวๆอาจจะแอบเซฟรูปนี้ไปก็เป็นได้ ฮร่าาา   สูง ยาว เข่าดีเอาไปสามผ่าน!!   ยิ้มแบบนี้สาวๆก็ใจละลายแย่สิ่   เพราะงี้นี่เองสาวๆถึงได้ตามหากันซะทั่ว     บอกเลยว่าตัวจริงนั้นหล่อกว่าในบัตรประชาชนอีก มิน่าล่ะสาวๆตามกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ จะบอกว่ามีความโชคดีบนความโชคร้ายก็ได้นะ สำหรับหนุ่มคนนี้ ฮ่าๆ ที่มา : กอ ระ กช

เชื่อว่าทุกคนที่เคยผ่านการศึกษาภาคบังคับภายในโรงเรียนรัฐบาลมา ต้องเคยเรียนวิชางานไม้งานประดิษฐ์ ซึ่งหลายๆ โรงเรียนก็จะมีการสั่งให้นักเรียนสร้างสิ่งของจากงานไม้อย่างน้อยๆ หนึ่งอย่าง ล่าสุดมีการแชร์ภาพผลงานวิชางานไม้ของน้องๆ โรงเรียนรัฐบาลโรงเรียนหนึ่ง ที่บอกได้คำเดียวว่างานละเอียดมาก จนนึกว่าวิชานี้มีน้ำหนัก 5.0 หน่วยกิตเลยทีเดียว จะเจ๋งขนาดไหน ไปชมกันเลย   โอ้โห นี่ผลงานนักเรียนจริงเหรอเนี่ย     เห็นแล้วนึกถึงสมัยยังเรียนมัธยมจริงๆ   อย่างกับมาจากร้านทำเครื่องไม้เลย   เมื่อชาวเน็ตเห็นภาพดังกล่าว ก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย   ทำไมเค้าทำกันยากจัง สมัย #เหมียวอ๊อดโด้ เป็นนักเรียนได้ทำแค่เก้าอี้ไม้เท่านั้นเอง ถ้าต้องมาทำแบบนี้ คงเรียนไม่จบแน่เลย ใครมีประสบการณ์การเรียนวิชานี้ช่วงมัธยม ลองเอามาแชร์กันได้นะฮะเหมียววว ที่มา ดีงาม

ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นชุดไทย แน่นอนว่าในเรื่องความสวยงาม ความประณีตละเอียดอ่อน จะต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง และที่สำคัญไม่ว่าใครที่ได้ใส่ชุดไทย ก็เป็นต้องสวยเด่นเป็นสง่ากันแทบทุกคน และในวันนี้เราก็จะขอพาคุณไปยลโฉม 13 ภาพของดาราสาวที่มาในชุดไทย แต่ละครที่สวยอยู่แล้ว ยิ่งได้สวมชุดไทยเข้าไปเมื่อไหร่ ก็ยิ่งทำให้ความสวยของพวกเธอดูมีออร่าเพิ่มขึ้นอีก เราไปดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีใครกันบ้าง   1.แต้ว ณฐพร   2.ขวัญ อุษามณี   3.เบนซ์ พรชิตา   4.จุ๋ย วรัทยา   5.แพนเค้ก เขมนิจ   6.ปู ไปรยา   7.ญาญ่า อุรัสยา   8.หยาดทิพย์ ราชปาล   9.เบลล่า ราณี   10.ศรีริต้า เจนเซ่น   11.มิว นิษฐา   12.แอฟ ทักษอร   13.นุ่น วรนุช   แต่ละนางงดงามมากจริงๆ เห็นหรือยังละว่าชุดไทยของเราเมื่อได้สวมใส่แล้ว…

ว่ากันว่าแมวกับเสือนั้น ถือว่าเป็นสัตว์ที่มีความใกล้ชิดกันทางชีวภาพเป็นอย่างมาก หลายๆ ครั้งคนก็สับสนว่า อันไหนคือเสือ อันไหนคือแมวกันแน่ จนกลายเป็นเรื่องเงิบระดับจังหวัดแบบนี้ เรื่องราวมีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา มีรายงานว่ามีการพบ “เสือปลา” ที่บริเวณหมู่ที่ 1 ตำบลลำนารายณ์ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ทางนายกเทศมณตรีตำบลลำนารายณ์ จึงได้มอบหมายให้พนักงานดับเพลิง ลงพื้นที่และจับเสือตัวดังกล่าว เพื่อไม่ให้เป็นภัยต่อชาวบ้าน   วันศุกร์ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๙ ได้รับแจ้งพบเสือปลา บริเวณ หมู่ ๑ ตำบลลำนารายณ์ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี นางธัญญมน ศรีผ่าน… โพสต์โดย เทศบาลตำบลลำนารายณ์ บน 22 เมษายน 2016   ซึ่งหลังจากจับได้แล้ว ทางเทศบาลก็ได้ทำการปล่อย “เสือปลา” ตัวนั้นกลับเข้าป่า     แต่ยังไม่ทันไร มีชาวเน็ตหลายคนแย้งขึ้นมาว่าไอ้ตัวที่จับได้น่ะ มันไม่ใช่ “เสือปลา” แต่เป็น “แมวเบงกอล” ต่างหากเล่า ซึ่งเจ้าของแมวเบงกอลตัวดั่งกล่าวก็ได้นำมาโพสตามหาแมวในเพจนั้นด้วย!!…

ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ มีข่าวว่าจะมีการทำเรื่องปรับเงินเดือนครูให้เท่ากับหมอ จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนอินเตอร์เน็ตมากมาย ล่าสุดมีหมอคนหนึ่งได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยเธอบอกว่าเงินเดือนของหมอกับครูนั้นเท่ากันอยู่แล้ว เพราะใช่ฐานเงินเดือนเดียวกัน แต่ที่หมอได้เยอะกว่าเพราะมีค่าเข้าเวรต่างหากถ้าอยากได้เงินเยอะก็ไปเรียกร้องให้ปรับเงินเดือนให้เท่ากันข้าราชประเภทอื่นดีกว่า พร้อมทั้งด่าครูที่ออกมาเรียกร้องว่าเป็นพวก “ควายสอนคน”       เมื่อเรื่องโพสของเธอถูกเผยแพร่ออกไป เธอก็ได้รับเสียงวิจารณ์มากมาย เดือดจริงๆ คุณหมอก็ออกจะรุนแรงไปซักนิดหนึ่ง เพื่อนๆ ล่ะคิดเห็นอย่างไรกับประเด็นนี้บ้าง ลองเสนอกันเข้ามานะเหมียวว ที่มา ซักที่บนอินเตอร์เน็ตนี่แหละ

ในยุคปัจจุบันที่เศรษฐกิจไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก จนอาจจะเรียกได้ว่าเป็นยุคข้าวยากหมากแพง เพราะฉะนั้นผู้คนส่วนใหญ่ก็มักเลือกที่จะประหยัดอดออมด้วยการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างเช่นค่าน้ำ ค่าไฟ และที่สำคัญก็คือค่าอาหารการกินนั่นเอง   มีชาวเน็ตเว็บไซต์พันทิปชื่อว่า สมาชิกหมายเลข 3117685 ได้ทำการโพสท์กระทู้ว่า ‘ห่อข้าว ไปกินที่มหาลัย ถูกมองว่าเป็น คนจน’ เล่าเรื่องราวที่ตนทำการประหยัดอดออมด้วยการห่อข้าวมากินที่มหา’ลัย แต่กลับถูกเพื่อนๆ มองในแง่ลบ     เอาเป็นว่า #เหมียวหง่าว โคว้ทเนื้อหาในกระทู้มาเลยก็แล้วกัน เพื่อไม่ให้ข้อความคลาดเคลื่อนนะจ๊ะ… “เราเรียนอยู่ปี1 ในมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงใน กทม. ตอนแรก ก็ทานเข้า ใน มหา’ลัย. มื้อเที่ยงก็100นึงละ อย่างต่ำ ไม่ได้กินเยอะเลย แต่อาหารแพงมาก  55-60 บาท ไปทานข้าวข้างนอก เพื่อนก็อยากกิน ชาบูบ้าง บุฟเฟต์บ้าง ใช้เงินแบบกระจายมาก กินมื้อนึง =3-4มื้อ ของเรา เราเลยตัดสินใจ ทำกับข้าวไปกิน ที่/ มหาลัย เป็นเมนูง่ายๆ  เวลานั่งกินที่ canteen ใน มหาลัย เพื่อนที่เคยไปกินบุฟเฟ่ต์ ด้วยกันทักว่า นี่ไม่มีเงิน ซื้อกับข้าว จนต้อง ทำกับข้าว…

เมื่อกล่าวถึงในวัยเด็ก เพื่อนๆ คงจะมีช่วงเวลาดีๆ มากมายกับของเล่นสนุกๆ ร่วมกับเพื่อนๆ และของเล่นเหล่านั้นในปัจจุบันแทบจะสูญหายไปหมดแล้ว ของบางอย่างที่หาซื้อได้ทั่วไปในสมัยเมื่อก่อน เดี๋ยวนี้แทบจะหาไม่มี #เหมียวหง่าว ไปเจอโพสท์ที่น่าสนใจจากแฟนเพจเฟซบุ๊ค อรรถรส ที่จะทำให้เพื่อนๆ หวนคิดถึงวันวานในอดีตกันเล่นๆ เป็นรูปของเล่นที่เพื่อนๆ จะต้องเคยผ่านมือเพื่อนๆ กันมาบ้างล่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปชมพร้อมๆ กันได้เลย… โพสท์ต้นฉบับ 1. ลูกโป่งวิทยาศาสตร์ กับหมากฝรั่งตาแมวดำ (อย่างหลังนี่ชอบเอามาคีบเป็นบุหรี่ดูคูลๆ โดนครูเห็นเข้าก็ไม้เรียวเข้าก้นเลยคับโผมมม)   2. บันไดงู   3. นกทรงตัวแถมมากับขนม อันนี้ยิ่งทรงตัวได้นานยิ่งฟิน ยิ่งโชว์ต่อหน้าสาวๆ นะยิ่งเท่ 555+   4. การ์ดยูกิ จบเทิร์น!! ต่อไปเทิร์นเอ็งแล้ว…โจมตีไลฟ์พอยท์โดยตรง!! โอ๊ยยย คิดถึงง่าาาา T T   5. โดดหนังยาง สมัยก่อน #เหมียวหง่าว นี่ชอบมากเลย พอโดดไปเรื่อยๆ ถึงขั้นที่ยืดแขนสูงๆ กะจะโชว์โดดโดยไม่ใช้ขาเกี่ยว ตกลงมาไหล่เดาะหยุดโรงเรียนไปเป็นอาทิตย์เลย 555+   6.…

เอาแล้วสิ!! เมื่อ 3 สาวจากเวทีนางงามระดับประเทศอย่าง ปอไหม รัตติกร ขุนโสม มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2015, แอลลี่ พิมบงกช จันทร์แก้ว มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014, อี้ วิลาสินี จันทร์วุฒิวงศ์ นางสาวไทย 2557 ได้มาแชะภาพร่วมกัน ในงานครบรอบ 14 ปี บริษัท J&C ที่เอ็กซิบิชั่นฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี (วันที่ 24 เมษายน 2559) งานนี้บอกเลยออร่าความงามเปล่งประกายเจิดจรัสเป็นที่สุดเลยละ     เรียกได้ว่าเป็นการรวมตัวที่เลิศเลอเพอร์เฟคสุดๆ แถมแต่ละคนก็มีความสวย และเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่น้อยหน้ากันเลย แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่า สวยกินกันไม่ลงจริงๆ     เจิดจรัส   แต่ละคนมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองได้อย่างชัดเจน   แหม!! จากที่มาแบบฉายเดี่ยวก็สวยเปล่งปลั่งกันอยู่แล้ว นี่ถึงขั้นเอาความสวยมารวมตัวกัน บอกเลยว่าออร่าแต่ละนางเปล่งประกายไปทั่วงานเลยทีเดียว ที่มา : kapook

เป็นประเด็นร้อนที่ชาวเน็ตให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้เลย สำหรับเรื่องราวของนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่ง ที่เดินทางไปเที่ยวผับดังย่านบางแสน แต่กลับถูกเจ้าของร้านพาลูกน้องมารุมกระทืบ จนต้องเข้าโรงพยาบาลเย็บที่หน้าไปกว่า 16 เข็ม!?     เมื่อช่วงบ่าย 2 ของวันที่ 25 เมษายน ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Tong Pigg โพสต์เล่าว่าเธอได้ไปเที่ยวที่ผับดังแห่งหนึ่งย่านบางแสนกับกลุ่มเพื่อนๆ ในเวลาประมาณ 4 ทุ่ม แต่ดันไปเจอเข้ากับพนักงานหญิงคนหนึ่งที่ไม่ถูกกับกลุ่มของพวกเธอ ทำให้พวกเขาเกิดมีปากเสียงกัน     ในระหว่างนั้นเจ้าของร้านได้ออกมาช่วยเคลียร์ปัญหา แต่กลับวุ่นวายกว่าเดิมเพราะเจ้าของร้านเข้าข้างพนักงานของตนเอง และบอกว่าจะตบกับลูกค้ากลุ่มดังกล่าว โชคดีที่มีคนห้ามเอาไว้ จากนั้นทางเจ้าของร้านได้พูดจาด้วยคำหยาบคายพร้อมกับบอกว่าตนเองเป็นเจ้าถิ่นของที่นั่น     ต่อมาในเวลาตี 1 กลุ่มนักท่องเที่ยวได้พยายามจะเดินออกมาจากร้าน แต่เจ้าของร้านกลับวิ่งเข้ามาต่อยหนึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบไม่ทันได้ตั้งตัว จากนั้นก็พาลูกน้องในร้านอีก 6-7 คนมารุมกระทืบต่อจนนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บไปทั่วร่างกายและที่ใบหน้าจนต้องเย็บแผลไปกว่า 16 เข็มทีเดียว   อ่านเรื่องราวเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย   ต่อมา ผู้ที่ใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่าคุณ Patinyapirom Pop ก็ได้โพสต์ชี้แจงความจริงอีกฝั่งหนึ่งว่าอยากให้ฟังความทั้ง 2 ฝ่าย โดยบอกว่าก่อนหน้าที่เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นฝั่งนักท่องเที่ยวได้ไปหาเรื่องกับทางร้านก่อนด้วย    …

กลายเป็นเรื่องหนักอกหนักใจเลยทีเดียว เพราะในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวคราวเกี่ยวกับอาชีพหมอดู ที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำมากกว่าการเป็นหมอรักษาคนจริงๆ แถมยังมีการพาดพิงไปยังกฤษณ์ คอนเฟิร์ม ที่มีรถหรูและธุรกิจอีกมากมาย       ล่าสุดเจ้าตัวได้บ่นอุบลงในเฟซบุ๊กของตัวเองว่า หลังจากที่มีกระแสดังกล่าวออกไป ก็ทำให้เขาถึงกับอยู่ไม่เป็นสุข เพราะได้รับโทรศัพท์มาขอยืมเงินกันให้วุ่นวาย โดยบางรายถึงขั้นมาขอยืมกันเป็นล้านๆ เลยทีเดียว!?   อ่านโพสต์เต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย ช่วง 3-4 วันนี้ผมเริ่มลำบากนิดๆแล้วครับ มีข่าวแชร์เรื่องฐานะอะไรของผมกันเต็มไปหมดก็ไม่รู้ วันๆมีแต่คนโทรมายืมเงิน ผมแค่พอมีพอกินครับ ไม่ได้รวยอะไรมากๆขนาดนั้น บางคนโทรมายืมหลายๆล้าน ผมจะแย่เอาครับ โพสต์โดย กฤษณ์ คอนเฟิร์ม บน 24 เมษายน 2016   นอกจากนี้เจ้าตัวยังเล่าอีกว่าสมัยก่อนไม่ได้มีฐานะร่ำรวย แต่อาศัยการทำงานตั้งแต่เด็กๆ จึงพยายามขวนขวายทำงานต่างๆ แม้จะอายเพื่อนๆ บ้างก็ตาม ชีวิตของผมเริ่มต้นมาจาก ครอบครัวที่ไม่มีฐานะครับ ผมเริ่มชีวิตการต่อสู้มาจาก เด็ก ป 4 ที่ไปร้านซาเล้ง หน้าปากซอยเพื่อ ไปซ… โพสต์โดย กฤษณ์ คอนเฟิร์ม บน 22 เมษายน 2016…

ในช่วงนี้เราคงจะได้เห็นข่าวคราวเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศในแถบภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ที่มีหมอกควักปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง แต่ยังไม่ค่อยมีใครได้เห็นภาพป่าไม้ที่ถูกเผาจริงๆ สักเท่าไหร่ วันนี้#เหมียวฟิ้นมีภาพมาให้ชมกันล่ะ   เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Tu You ที่ทำหน้าที่เป็นคุณครูอยู่ในจังหวัดเชียงราย ได้โพสต์ภาพป่าไม้ถูกเผาที่บริเวณทางขึ้นภูชี้ฟ้า จนเหลือแต่หน้าดินสีดำและกลุ่มควันโพยพุ่งขึ้นไปในอากาศ     พร้อมกันนี้ยังมีข้อความประกอบด้วยว่า “เงียบมานานไม่กล้าโพส กลัวกระทบการท่องเที่ยว วันนี้ผมไปโรงเรียน ได้เห็นภาพเหล่านี้ ตลอดเส้นทางขึ้นภูชี้ฟ้า ผมอดไม่ได้จริงๆ น้ำตาผมคลอเลยครับ”                             สุดท้ายนี้ทางคุณครูบอกว่าไม่อยากให้ตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะได้ทำงานกันอย่างเต็มที่แล้ว แต่เนื่องจากมีคนลักลอบเผาป่ากันเป็นจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถเข้าไปดับไฟได้ทั้งหมด   อ่านโพสต์เต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย *เงียบมานานไม่กล้าโพส กลัวกระทบการท่องเที่ยว วันนี้ผมไปโรงเรียน ได้เห็นภาพเหล่านี้ ตลอดเส้นทางขึ้นภูชี้ฟ้า ผมอดไม่ได้จริ… โพสต์โดย Tu…

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา นายสามารถ พุฒพิมพ์ ได้โพสต์ข้อความลงในกลุ่ม มีด่านบอกด้วย อุบลราชธานี ว่าเมื่อวันที่ 22 เมษายน เวลาประมาณเที่ยง เจ้าตัวได้ถูก ดต.ชาญณรงค์ สายสุวรรณ ในอ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี จับกุมในข้อหาไม่มีกันชนหลัง     เนื่องจากเจ้าตัวไม่เคยได้ยินข้อกฎหมายนี้มาก่อนทำให้มีการถกเถียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายก็เข้ามาอธิบายเพิ่มเติมว่าข้อหานี้มีจริง และกฏหมายทุกวันนี้บังคับให้รถยนต์ติดตั้งกันชนหลังทุกคัน เจ้าตัวเลยต้องเสียค่าปรับไป 200 บาทตามระเบียบ   อ่านเรื่องราวเต็มๆ ได้ที่นี่เลย #อยากทราบว่าข้อหานี้ก็มีด้วยเหรอคะ# วันนี้ขอระบายโดยใช้เฟสบุ๊คคุณหนึ่งฤทัยนะครับ เรื่องมีอยู่ว่า..ข้อหาใหม่จากตำรวจจราจร… โพสต์โดย หนึ่งฤทัย พุฒพิมพ์ บน 22 เมษายน 2016   หลังจากที่เรื่องนี้ถูกแชร์ออกไป ก็มีชาวเน็ตจำนวนมาพากันแสดงความคิดเห็นในเชิงต่อว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างมากมาย     ต่อมา พ.ต.ท. พีระศักดิ์ สุระมะณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พิบูลมังสาหาร ก็ได้ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กของตัวเอง โดยบอกว่ารถของคุณสามารถนั้นมีกันชนหน้าที่ไม่สมบูรณ์ เพราะมีรอยแตกหักและใช้เชือกมัดติดไว้กับรถทั้งด้านซ้ายและขวา ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน   แต่เจ้าตัวกลับเถียงและยืนยันว่ากันชนสามารถใช้งานได้ดีแม้จะขับด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ไม่หลุดร่วง ซึ่งในระหว่างนั้นเองเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเขียนใบสั่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดในการระบุข้อหา   ผู้จับกุมได้ชี้แจงว่า…

กลายเป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้เลยทีเดียว สำหรับคลิปการพิสูจน์ว่าใครมีหน้าอกแท้หรือหน้าอกเทียมด้วยการนำไฟฉายหรือไฟจากมือถือส่องไปที่หน้าอก เอ๊ะมันทำได้จริงเหรอ!?     เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 23 เมษายน ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Wichooda Cheuychom โพสต์คลิปวิดีโอการดูว่าหน้าอกคนไหนของแท้คนไหนของเทียม ด้วยการใช้ไฟฉายส่องไปที่บริเวณด้านข้างของหน้าอก   หากใครเสริมหน้าอกมาก็จะเห็นเป็นแสงสีชมพู แต่หากใครเป็นของแท้ก็จะไม่มีแสงอะไรลอดผ่านหน้าอกออกมาได้     ลองชมคลิปวิดีโอได้ที่ด้านล่างเลย วิธีดูนมปลอมมมมม!!! ลองเล่นแล่บางทีก้อกลัวนมตัวเอง5555 โพสต์โดย Wichooda Cheuychom บน 23 เมษายน 2016   หลังจากนั้นไม่นานอ.เจษฎาผู้เชี่ยวชาญเรื่องการพิสูจน์ว่าอะไรจริงอะไรหลอกด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ ก็ได้ออกมาช่วยยืนยันว่าวิธีการดูหน้าอกแบบนี้สามารถทำได้จริง   พร้อมกับให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าถ้าเป็นถุงแบบน้ำเกลือ แสงจะยิ่งสว่างกว่าแบบถุงซิลิโคน แต่ถ้าเสริมถุงเข้าไปใต้ชั้นกล้ามเนื้อก็อาจจะทำให้มองไม่เห็นแสงไฟได้ โพสต์ 15+ มีหนุ่มๆ อินบ็อกซ์มาถามเยอะมากเป็นสิบ ว่าวิธีดูหน้าอกสาวๆ ว่าเสริมหน้าอกมาหรือเปล่า ตามรูปนี้ ใช้ได้จริงมั้ย… โพสต์โดย Jessada Denduangboripant บน 23 เมษายน 2016   เอาล่ะทีนี้จะได้รู้กันแล้วว่าของใครจริงของใครปลอม ว่าแต่ว่าเขาจะยอมให้เราพิสูจน์ไหมนี่ซิ… ที่มา Wichooda Cheuychom , Jessada Denduangboripant

กลายเป็นกระแสอยู่ในโลกออนไลน์สักพักเลยทีเดียว สำหรับกระทู้พันทิปกระทู้หนึ่ง ที่ตั้งคำถามถึงเหล่าหมอดูว่า ทำไมอาชีพ หมอดูดวง ถึงรวยกว่าอาชีพ หมอรักษาคนไข้ และมีการพาดพิงไปยังกฤษณ์ คอนเฟิร์ม หมอดูชื่อดัง ที่มีรถสปอร์ตหรู มีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีกว่าหมอรักษาคนไข้บางคนเสียอีก           ล่าสุดกฤษณ์ คอนเฟิร์มได้ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กของตัวเองโดยบอกว่าตนเองนั้นไม่เคยเก็บเงินค่าดูดวงแพงๆ เพราะส่วนใหญ่จะดูให้กับคนทั่วไปแบบฟรีๆ มากกว่า   พร้อมทั้งชี้แจงเป็นข้อๆ ว่าตนเองทำธุรกิจอะไรบ้างถึงได้มีฐานะร่ำรวยแบบทุกวันนี้ เช่นทำธุรกิจช่องดาวเทียม ทำสำนักพิมพ์ ขายนาฬิกาแบรนด์ดัง ลงทุนกับหลักทรัพย์ต่างๆ ทำแอพพลิเคชั่น และบริการทางโทรศัพท์   อ่านเต็มๆ ได้ที่นี่เลย หลายคนคิดว่าผมมีอาชีพดูดวง รับดูดวงเก็บเงินครั้งละแพงๆ แต่มันไม่ใช่ในความเป็นจริงเลยครับ บางคนสอบถามเข้ามาว่า อยากรู้จัง… โพสต์โดย กฤษณ์ คอนเฟิร์ม บน 22 เมษายน 2016   ….. ที่มา กฤษณ์ คอนเฟิร์ม

เจ็บไข้ได้ป่วยทีไรก็ต้องไปหาหมอเพื่อรับการรักษาหรือรับยามากินที่บ้าน แต่เราคงต้องเพิ่มการระมัดระวังอีกสักหน่อยก่อนกินยาแล้วล่ะ เพราะโรงพยาบาลบางแห่งมีการจ่ายยาหรือติดฉลากยาผิดด้วยนะเออ!?   เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 21 เมษายนที่ผานมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Alover Bah จากอำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาสได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเธอเพื่อให้เป็นอุทาหรณ์แก่ผู้อื่น โดยเล่าว่าเธอได้พาลูกชายตัวน้อยวัยไม่ถึง 1 ขวบดี ไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเพื่อตรวจร่างกายหลังจากที่มีอาการปอดบวม     จากนั้นเธอก็ได้รับยาเพื่อเอากลับไปให้ลูกน้อยกินที่บ้าน แต่หลังจากที่เธอให้ลูกชายกินยาขยายหลอดลมก่อนนอน (ตามที่ฉลากเขียนเอาไว้) ลูกชายของเธอกลับมีอาการตัวสั่น เธอจึงหยิบกระปุกยามาดูและแกะฉลากออก   ปรากฏว่าตัวยาตัวนั้นกลับไม่ใช่ยาขยายหลอดลมอย่างที่เข้าใจ แต่เป็นคาลาไมน์ซึ่งเป็นตัวยาแก้ผดผื่นสำหรับภายนอก!? ทำให้เธอตกใจมากและรีบพาลูกชายเข้าแอดมิทกับโรงพยาบาลเป็นการด่วน     หลังจากนั้นเพื่อนๆ ของเธอก็เข้ามาถามไถ่อาการของลูกน้อย พร้อมทั้งสนับสนุนให้เธอฟ้องร้องกับทางโรงพยาบาลเพื่อเรียกค่าเสียหายอีกด้วย       อ่านโพสต์เต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย อุทาหรเตือน ทุกท่าน …..วันนี้ชันพาลูกชาย มา รพ แห่งหนึ่ง เพื่อมาตรวจ ผลตรวจหมอบอกว่าเป็นปอดบวม เลยให้พ่นยา 2 ครั้ง แล้… Publicado por Alover Bah em Quarta, 20 de abril…

ช่วงนี้เรียกได้ว่าประเทศไทยประสบปัญหาหลายด้านจริงๆ และสิ่งหนึ่งที่คนกำลังร้องเรียนเป็นอย่างมากก็คือปัญหาหมอกควันที่สร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง เกิดจากการเผาไร่เผานาและเผาป่าเพื่อเคลียร์พื้นที่ทำเกษตรกรรมนั่นเอง ก่อนหน้านี้ก็ได้เห็นความเคลื่อนไหวของทางดารานักร้อง ในข่าว โจอี้บอยเอาจริง!! รวบรวมเงินบริจาคและเงินตัวเองกว่า 6 แสน ช่วยปลูกป่าน่าน 5 แสนไร่ ถือเป็นการปลุกกระแสให้คนมาใส่ใจธรรมชาติมากยิ่งขึ้น และตอนนี้ที่แฟนเพจ Kan Airlines ก็ได้ออกมาโพสต์เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ซึ่งทางบริษัทจะช่วยเหลือการปลูกป่าครั้งนี้ด้วยว่า     “ถึงแม้บริษัทเราไม่ได้ใช้ทรัพยากรบนแผ่นดินไทย อย่างสิ้นเปลือง แต่เราก็อยากตอบแทนแผ่นดินไทย และคนไทย” พร้อมกับแนบรูปภาพ   ทำให้ประชาชนสนับสนุนเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการออกมาช่วยกันปลูกป่าในครั้งนี้ ถึงแม้กานต์แอร์จะเป็นสายการบินภายในประเทศเล็กๆ แต่การที่ออกมาช่วยรณรงค์ในครั้งนี้คงได้ใจคนไทยไปหลายคนแน่นอน   ที่มา Kan Airlines

กลายเป็นข่าวโด่งดังเลยทีเดียว สำหรับกรณีของหนุ่มแรปเปอร์ชื่อดังอย่าง โจอี้บอย หรืออภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต ที่ออกมาโพสต์ข้อความถึงผู้ว่าฯน่าน เมื่อวันที่ 21 เมษายนว่าตัวเองจะขอลงแรงเพื่อไปช่วยปลูกให้กับชาวน่าน 5 แสนไร่ด้วยตัวเอง ทำเอาชาวเน็ตถึงกับแสดงความชื่นชมกันยกใหญ่เลยทีเดียว   ผมไม่ใช่นักเลงคีย์บอร์ด ไม่ใช่คนน่าน แต่ถ้าท่านผู้ว่าต้องการความช่วยเหลือ ผมและคนอีกไม่น้อยยินดีลงทั้งแรงกายแรงใจแรงเงินไปช่วยท่านนะครับ ขอเพียงท่านอนุญาติ #น่านไง #ก็ไทยด้วยกัน #พวกเราว่าไง โพสต์โดย Apisit Joeyboy Opasaimlikit บน 21 เมษายน 2016   ล่าสุดหนุ่มโจอี้บอยได้โพสต์ข้อความเพื่ออัพเดทให้แฟนๆ ที่ติดตามในโลกออนไลน์ทราบว่า ตอนนี้เจ้าตัวมีเงินที่เหลือจากกองทุน “อย่ายอมนะ” จำนวนทั่งสิ้น 388,653 บาท     เงินจำนวนนี้เป็นเงินที่มีคนใจบุญโอนให้เขาตั้งแต่เหตุการณ์น้ำท่วมคราวก่อน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการช่วยเหลือชาวบ้านผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ เจ้าตัวเลยควักเงินส่วนตัวอีก 211,347 บาท รวมกันกลายเป็น 6 แสนบาท เพื่อนำเงินจำนวนนี้ไปใช้ในการเพาะปลูกป่าต่อไป     ทั้งนี้เจ้าตัวเข้าใจดีว่าการปลูกป่านั้นไม่ใช่เพียงแค่การนำต้นไม้ลงไปปลูกแล้วก็จบ แต่ยังมีกระบวนการอีกมากมายเพื่อดูแลรักษาต้นไม้ให้เติมโตกลายเป็นป่า “ผมเข้าใจดีว่ามันต้องใช้องค์ความรู้มากมายในกระบวนการเพื่อให้ต้นไม้เติบโตเป็นป่ารวมทั้งการดูแลต่อๆ มา ไม่ใช่แค่ซื้อต้นกล้าแห่กันมาปลูกปักลงไปเสร็จแล้วก็แล้วกัน”   “แต่นี่คงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ เท่าที่พวกผมพอจะทำได้ เพื่อป่าไม้ของเรา เพื่อเมืองไทยของเรา และตอบแทนแผ่นดินในฐานะครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนที่ได้เข้ามาพึ่งร้อนพึ่งหนาวใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารบนแผ่นดินของในหลวงร่วมกับทุกคน”    …

ทุกวันนี้นอกจากเราจะต้องระมัดระวังตัวกับอุบัติเหตุต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นบนท้องถนนแล้ว เรายังต้องคอยระวังกับผู้ใช้รถใช้ถนนอารมณ์ร้อนด้วยนะ เพราะหากไปเจอกับบุคคลเหล่านี้เมื่อไหร่ การเดินทางของคุณก็อาจจะไม่ปลอดภัยได้เช่นกัน   เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อ ชนวรรณ แซ่ตั้ง ได้โพสต์คลิปวิดีโอจากกล้องติดรถที่ตนเองขับ พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ว่าในขณะที่ตนเองขับรถมาตามถนนนั้น มีรถฮอนด้าแจ๊สแทรกเข้ามาที่เลนของเธอโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว     เจ้าตัวจึงบีบแตรเตือนเพื่อให้รถเก๋งคันดังกล่าวรู้ตัว แต่ดูเหมือนคนขับรถเก๋งจะไม่พอใจที่ถูกบีบแตรใส่ จึงขับรถปาดไปมา แถมยังหยิบเอาค้อนออกมาแกว่งด้านข้างรถ ทำเอาอึ้งไปตามๆ กัน   ทั้งนี้คุณชนวรรณได้ดพสต์ข้อความประกอบคลิปด้วยว่า “เบียดแทรกเข้ามาไม่เปิดไฟ เราแค่บีบแตรเตือนว่าจะชน ต้องทำขนาดนี้เลยหรอ ‪#‎ดีนะที่มีกล้อง‬ ถึงใกล้จะพังก็เหอะ”     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย เบียดแทรกเข้ามาไม่เปิดไฟ เราแค่บีบแตรเตือนว่าจะชน ต้องทำขนาดนี้เลยหรอ #ดีนะที่มีกล้อง ถึงใกล้จะพังก็เหอะ โพสต์โดย ชนวรรณ แซ่ตั้ง บน 20 เมษายน 2016   ในเวลาต่อมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก HiHang Hihang ได้เข้ามาโพสต์คลิปเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีการขับรถกีดขวางหรือปาดหน้ากันแต่อย่างใด และยืนยันว่าพวกเขาแค่บีบแตรเตือนเท่านั้น คลิปก่อนหน้าเกิดเหตุ จะเกือบจบคับประมาณ 1.45 นาที…

ซากุระในเมืองไทยก็สามารถพบเห็นได้ในฤดูหนาวเป็นส่วนมาก ซึ่งเรามักพบเห็นกันทางภาคเหนือ กับดอกพญาเสือโคร่ง หากที่ดังๆก็คงเป็นเชียงใหม่บนดอยอินทนนท์หรือจะเป็นทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนก็มีให้ชมเยอะพอสมควร ใครจะไปรู้ล่ะว่าเราจะได้เห็นบรรยากาศเหมือนดอกซากุระกำลังร่วงโปรยท่ามกลางหน้าร้อนที่กลางเมืองกรุงเทพ…   เป็นภาพ ‘ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์’ สีชมพูที่ดูแล้วเหมือนกับซากุระไม่มีผิด พิกัดอยู่ที่สวนจตุจักร และริมถนนพหลโยธิน   นอนดูซากุระแบบชิวๆ   อีกซักพักคงกลายเป็นจุดถ่ายรูป ฮ่าๆ   เป็นป้ายรถเมล์ที่สวยที่สุดเลยก็ว่าได้   ใครที่อยู่กรุงเทพหรือมีโอกาสได้ไปช่วงนี้ก็อย่าลืมแวะถ่ายรูปมาฝากกันด้วยล่ะ เห็นแล้วสวยอย่างกับอยู่เมืองนอกเลยนะเนี่ยยย ที่มา : Unseen

เรียกว่ามีข่าวด้านไม่ดีเกี่ยวกับแท็กซี่ออกมาเรื่อยๆ จริงๆ โดยเฉพาะแท็กซี่สนามบิน และวันนี้อีกครั้งกับเรื่องราวของแท็กซี่ ที่ไม่ยอมกดมิเตอร์ และเรียกค่าโดยสารแพงเกินกว่าเหตุ เรื่องราวดังกล่าวเป็นของคุณ Feldmann Bee‎ เธอเล่าว่าเธอเรียกแท็กซี่จากสนามบินดอนเมือง เพื่อไปโรงแรมโฟร์วิงส์ ถนนศรีนครินทร์ พอขึ้นรถแล้ว แท็กซี่ไม่ยอมกดมิเตอร์และบอกว่าจะคิดค่าโดยสาร 900 บาท เมื่อถึงที่หมายแล้ว เธอพยายามเจรจากับแท็กซี่เพื่อลดราคาค่าโดยสาร แต่แท็กซี่ไม่ยอมและมีท่าทางไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่พนักงานโรงแรมห้ามเอาไว้ จึงไม่เกิดเรื่องขึ้น   ช่วยกันแชร์หน่อย แท็กซี่จะทำร้ายผู้โดยสาร ขึ้นรถแล้วไม่ยอมกดมิตเตอร์ จากสนามบินดอนเมือง มาโรงแรมโฟร์วิงส์ ถนนศรีนครินทร์ ขึ้นแล้วเรียกราคาระหว่างทาง 900 บาท (ดิฉันขอขอบคุณพนักงานโรงแรมโฟร์วิงส์มากๆที่ช่วยเหลือ ดูแล เป็นอย่างดี) โพสต์โดย Feldmann Bee บน 20 เมษายน 2016   เมื่อชาวเน็ตเห็นคลิปดังกล่าว ก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย       อื้อหือ เรียกราคาอย่างกะเดินทางไปต่างจังหวัดเลย โชคดีที่เวลา #เหมียวอ๊อดโด้ เรียกแท็กซี่ทีไร เจอแต่แท็กซี่ดีๆ ตลอดเลย น้อยครั้งมากที่จะเจอไม่ดี สงสัยจะเป็นที่ดวงของแต่ละคนละมั้ง…

เชื่อว่าคงไม่มีใคไม่รู้จักน้องม๊าเดียว แฟชั่นนิสต้าภูธร น้องสุชาติ แคปเช่อะ และน้องเคียว นายแบบอินเตอร์ ซึ่งทั้งสามต่างโด่งดังในสไตล์ของตนเอง แต่จะเป็นอย่างไร หากทั้งสามได้มาถ่ายแบบร่วมกัน ล่าสุด เหล่าเน็ตไอดอลทั้งสามได้มารวมตัวถ่ายแฟชั่นในสไตล์ของน้องม๊าเดียว ลงบนเฟสบุ๊ค จนกลายเป็นที่ถูกอกถูกใจของชาวเน็ตเป็นอย่างมาก จนล่าสุดมีคนกดไลค์กว่า 11,000 ไลค์เลยทีเดียว     แซ่บจริงๆ โดยเฉพาะน้องเคียว เรียกว่าหล่อเข้มจนสาวๆ กรี๊ดเลยทีเดียว แล้วชาวเน็ตล่ะ คิดเห็นอย่างไรกันบ้าง     ถือว่าเป็นอีกเยาวชนที่มีความคิดสร้างสรรค์ และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเยาวชนคนอื่นๆ จริงๆ แล้วเพื่อนๆ ละคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง ลองเสนอกันเข้ามานะเหมียวว ที่มา ม๊าเดี่ยว อภิเชษฐ์

รถไฟในประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเดินทางของประชาชน (ที่ไม่ค่อยมีใครอยากจะเลือกซักเท่าไหร่) ซึ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา กลับกลายเป็นว่ามีอีกประเด็นที่เกิดขึ้นกับรถไฟไทยอีกแล้วล่ะ     เรื่องราวของคุณ Gojilogo จากพันทิป ที่ได้ออกมาตั้งกระทู้เกี่ยวกับการโดยสารรถไฟในช่วงวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา ทำการซื้อตั๋วรถไฟขบวนรถเร็วเพื่อที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา ณ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งปลายทางของขบวนดังกล่าวจะไปหยุดที่จังหวัดอุบลราชธานี จึงซื้อตั๋วแบบไม่มีที่นั่ง (ตั๋วยืน)     เหตุมันเกิดขึ้นเมื่อเขาเดินทางไปถึงสถานีบางเขน มีพนักงานโบกี้เสบียง (เสื้อสีส้ม) เข้ามาสอบถามว่า ‘มากันกี่คน’ พร้อมกับจะพาไปหาที่นั่งให้ จนกระทั่งมาถึงห้องเก็บเสบียงของโบกี้ดังกล่าว ให้เข้าไปนั่งพร้อมกับนำข้าวผัดกระเพราหนึ่งจานมายัดเยียดให้ โดยเขาปฏิเสธไปเพราะว่ากินข้าวมาแล้ว     ภายหลังก็มีผู้โดยสารรายอื่นโดนในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่คนเดิมเดินกลับมาบอกว่า ถ้าจะนั่งจะต้องเสียเงินคนละ 180 บาท จะมีน้ำและอาหารให้ตลอดทาง (ข้าวกระเพราหมูในจานโฟมกับน้ำหนึ่งขวด) เท่ากับว่าเป็นการขายที่นั่งเถื่อนให้นั่นเอง     เขาจึงเดินออกมาจากโบกี้และมองย้อนกลับไปก็พบว่ามีผู้โดยสารอีกเป็นจำนวนมากที่โดนยัดที่นั่งเถื่อนให้ เมื่อสอบถามทางตำรวจรถไฟที่อยู่บนโบกี้ดังกล่าว กลับได้คำตอบมาว่า ‘ไม่ได้เป็นการขายบัตรเถื่อน แต่เป็นแบบนี้อยู่แล้ว’ จนทำให้สงสัยว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ ทั้งๆ ที่มันเป็นสิ่งที่ผิด หรือว่ามีส่วนได้ส่วนเสียจากกรณีดังกล่าวด้วย? ที่มา : pantip

ณ เวลานี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชาวจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ประสบกับปัญหาฝุ่นควันอย่างรุนแรง จนค่าฝุ่นละอองมีค่าสูงถึง 535 ไมโครกรัม/ลบ.ม. แล้ว และยิ่งเห็นชัดขึ้นเมื่อดูจากภาพถ่ายภูเขาและท้องฟ้าในเชียงใหม่ ที่ตอนนี้แถบจะมองไม่เห็นอะไรเลย   ขอเสียงจากคนเชียงใหม่หน่อยครับ อากาศแถวนั้นเป็นยังไงบ้างงงงงงงงงงงงงงงงง โพสต์โดย Drama-addict บน 18 เมษายน 2016   ล่าสุดชาวแม่สายได้รวมตัวกันถ่ายภาพสวมใส่หน้ากากอนามัย พร้อมกับข้อความ “PRAY FOR MAESAI” และติดแฮชแท็ค #‎Prayformaesai‬ โพสต์ลงเฟซบุ๊ก และนัดลงภาพพร้อมกันเวลา 09.00 น. ในวันที่ 19 เม.ย. ตลอดทั้งวัน   เพื่อหวังกระตุ้นให้หน่วยงานราชการลงมาแก้ไขปัญหาฝุ่นควันอย่างจริงจัง หลังจากค่าฝุ่นละออง PM10 สูงเกินค่ามาตรฐานติดต่อกันนานหลายสัปดาห์แล้ว               อ่านโพสต์เต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย ชาวแม่สายเหลืออด นัดถ่ายรูปตัวเองขณะสวมใส่หน้ากากอนามัยพร้อมข้อความ “PRAY FOR MAESAI” และติดแฮชแท็ค #prayformaesai โพสต… โพสต์โดย ฮักแม่สาย บน 18…

จากกระแสโซเชียลที่ชาวเน็ตคนหนึ่งนำเจ้าเหมียวไปรักษาแล้วก็ทำการถ่ายรูปมาโพสท์ลงโซเชียล แต่เหล่าชาวประชาทั้งหลายกลับไม่สนใจเจ้าเหมียวเลยซักกระตี๊ดดด เพราะคุณหมอที่ทำการรักษาให้นั้นกลับมีหน้าตาที่สวยน่ารักโดนใจมว๊ากกกกก!!       แหม่…ทั้งน่ารักทั้งขาวแบบนี้เป็นใครจะไม่หลงรักเจ้าเหมียวกันล่ะเนอะ (แหนะๆ อย่าคิดเป็นอื่นไกล เราเพจเหมียวต้องโฟกัสที่เจ้าเหมียวสิ อิอิ)   และด้วยความที่ #เหมียวหง่าว ต้านทานความน่ารักของคุณหมอ เอ้ย!! แมว ไม่ไหว ก็เลยไปสืบมาว่าเธอคนนี้เป็นใครกันนะ ก็ได้ความมาว่า…ชื่อของเธอคือ สัตวแพทย์หญิงณฐพรรษ มั่นคง หรือคุณหมอแนน จบการศึกษาจากคณะสัตวแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเธอไม่ได้แค่ทำการรักษาเฉพาะเจ้าเหมียวเพียงอย่างเดียว เจ้าหมาก็ได้เช่นกัน   เอาล่ะ ลองไปชมความน่ารักของหมอแนนเต็มๆ แบบจุใจกันได้เลยย…                   แหม่…เห็นแบบนี้แล้ว #เหมียวหง่าว อยากจะป่วยมันซะทุกวันเลยแฮะ จะได้ให้เจ้าทาสที่บ้านพาไปหาคุณหมอเค้าซะหน่อย ยิ่งได้นอนหลายๆ วันยิ่งดีจะได้มีเวลาอยู่กับคุณหมอเยอะๆ แอร๊ยยย >< ที่มา : Kanin Mig Sirirat

กลายเป็นที่กล่าวถึงบนอินเตอร์เน็ตเลยทีเดียว เมื่อสำนักข่าวเนชั่น สำนักข่าวชื่อดังในประเทศไทย ได้รายงานข่าวว่า สาเหตุที่น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ ว่าที่นักแบดมินตันหญิงมือหนึ่งของโลก เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ เพราะห้อยพระพิฆเนศ?!? โดยเพจ โจ๊กเกอร์ ได้รายงานว่า ทางช่อง Nation TV ได้รายงานข่าวการได้แชมป์ของ น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ เป็นเพราะน้องเมย์ห้อยพระพิฆเนศข่มขวัญคู่ต่อสู้ จึงสามารถชนะได้อย่างง่ายดาย   ไอสัส เลสเตอร์โมเดล ช่องทีวีคุณตะพาบอีกแล้วครับท่าน ตามไปอ่านข่าวกันได้ http://www.siamupdate.com/news-182334 โพสต์โดย โจ๊กเกอร์ บน 18 เมษายน 2016   โดยสำนักข่าว Siamupdate ได้อ้างว่า พระพิฆเนศดังกล่าวเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นักกีฬาแบดมินตันของบ้านทองหยอดทุกคนบูชา เมื่อชาวเน็ตเห็นข่าวดังกล่าว ก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย   โดยเรื่องดังกล่าว คล้ายกับที่หมอกฤษฏ์ คอนเฟิร์มได้กล่าวในรายการต่างคนต่างคิดว่า สาเหตุที่ทีมเลสเตอร์ ซิตี้กำลังนำในตารางการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีคของอังกฤษได้ เพราะเอาพระไปแขวน จนได้รับเสียงวิจารณ์ไปทั่วอินเตอร์เน็ต       แหม ยังอุตส่าโยงไปหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้อีก บางทีเราก็ต้องให้เครดิตคนที่ทำงานหนักบ้างเนาะ คิดเหมือนกันมั้ยละเพื่อนๆ == ที่มา  โจ๊กเกอร์

บางคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาเธอเป็นอย่างดี แต่สำหรับบางคนที่ไม่รู้จัก วันนี้#เหมียวฟิ้น จะพาไปรู้จักน้องนาทัชชา สาวน้อยวัย 10 ขวบ ที่มีหน้าตาน่ารักประดุจดั่งนางแบบเลยทีเดียว     น้องนาทัชชามีชื่อเต็มๆ ว่า นาทัชชา ควิทเชา ซึ่งคำว่านาทัชชามีความหมายถึงวันที่พระเยซูประสูติ มีชื่อไทยว่า ไอศวรรย์ เกิดวันที่ 9 กรกฎาคม ปี 2005 ปัจจุบันอายุ 10 ขวบ สูง148 ซม. น้ำหนัก 34 กก.     น้องนาทัชชา เกิดและโตที่ประเทศเยอรมัน ชอบวิชาเกี่ยวกับภาษาและศิลปะ สามารถพูดได้ 2 ภาษาคือภาษาไทยและเยอรมัน เหมียวพล่ามมานานละ ไปดูภาพของน้องกันแบบยาวๆ เลยจ้า                                  …

ปัจจุบันมีธุรกิจรับฝากสัตว์เลี้ยงในบ้านเราโผล่ขึ้นมามากมาย ซึ่งก็อำนวยความสะดวกให้กับเหล่าคนรักหมารักแมวทั้งหลาย ได้ออกไปทำธุระข้างนอกบ้านอย่างสบายใจ โดยไม่ต้องเป็นห่วงหรือพะวงเกี่ยวกับเจ้าหมาหรือเจ้าแมวที่บ้าน วันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวที่เป็นอุทธาหรณ์สำหรับเพื่อนๆ ที่กำลังทำธุรกิจรับฝากสัตว์เลี้ยง หรือเพื่อนๆ ที่ใช้บริการสถานรับฝากสัตว์เลี้ยงอยู่บ่อยๆ มาเล่าให้ฟัง   เรื่องมีอยู่ว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ NingNing Dee ได้โพสท์เรื่องราวลงในกลุ่ม ทาสแมว   โดยเล่าว่าทาสแมวคนหนึ่ง ซึ่งเป็นพี่สาวที่ทำงานของเขา ได้นำแมวไปฝากไว้กับร้านรับฝากเลี้ยง แต่ผลปรากฎว่าผ่านไปยังไม่ถึง 2 ชั่วโมง ทานร้านกลับไลน์มาแจ้งบอกเจ้าทาสว่า ‘แมวตายแล้ว!?’   หลังจากที่โพสท์นี้ถูกแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก ทางร้านรับเลี้ยงก็ได้ออกมาโพสท์ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว ตามนี้…   สรุปได้คร่าวๆ ว่าหลังจากที่พนักงานเปิดกรงเพื่อที่จะนำมันออกมาแล้ว เจ้าเหมียวก็วิ่งหนี และพยายามมุดหน้าต่างเพื่อกระโดดออกจกตึกชั้น 5 ซึ่งพนักงานก็พยายามจะจับแมวเพราะกลัวว่ามันจะตกลงไป จึงใช้มือจับเข้าที่หางของมันแต่ก็ถูกมันกัดเข้าให้   พร้อมกับโพสท์รูปแผลของพนักงานที่โดนเจ้าเหมียวกัด   ทำให้ต้องเปลี่ยนมาใช้เชือกคล้องคอดึงมันขึ้นมา แต่พอดึงขึ้นมาได้แล้วแมวกลับมีอาการดิ้นและชัก เจ้าของร้านจึงรีบโทรหาเจ้าของเพื่อให้มาพาแมวไปหาหมอ หลังผ่านไป 1 ชั่วโมงลูกค้าจึงมาถึง และพบว่าเจ้าเหมียวได้ตายลงแล้ว   ทำให้ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย โดยส่วนมากออกไปในทางตำหนิทางร้านรับฝากเลี้ยงกันอย่างหนักหน่วง…      …

ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมานี้ เพื่อนๆ หลายคนที่มีครอบครัวอยู่ต่างจังหวัด ต่างก็กลับบ้านเพื่อสืบสานประเพณีอันดีงามอย่างการรดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ และพบเจอญาติพี่น้องพ้องเพื่อนที่บ้านเกิดเมืองนอน จึงจำเป็นจะต้องทิ้งบ้านและเหล่าสัตว์เลี้ยงเอาไว้ ซึ่งบางคนก็ลงทุนจ้างแม่บ้านมาคอยดูแล บางคนก็ให้อาหารสัตว์ด้วยถาดอาหารอัตโนมัติที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเองหรือซื้อมา บางคนก็พาไปต่างจังหวัดด้วย ซึ่งตอนนี้ในโซเชียลก็มีข่าวที่เป็นกระแสดังอยู่ในขณะนี้ เป็นเรื่องราวของคุณ ศิก หรือ Sik Luesopon เจ้าของสุนัขพันธุ์ชิบะอินุชื่อว่า ลอยด์ ได้ขึ้นไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่เชียงใหม่ แต่เมื่อกลับมาบ้านก็พบว่าเจ้าลอยด์ นั้นถูกคนร้ายบุกเข้ามาทำร้ายถึงในบ้านจนได้รับบาดเจ็บสาหัส   เรื่องมีอยู่ว่านักข่าวชื่อ จตุรงค์ สุขเอียด ได้ทำการโพสท์รูปภาพพร้อมกับเล่าเรื่องราวของสุนัขพันธุ์ชิบะอินุ ที่ชื่อว่า ลอยด์ ถูกทำร้ายอย่างสุดโหด ลงบนเฟสบุ๊ค       พร้อมกับให้แคปชั่นว่า “ลอยด์ เป็นสุนัขพันธุ์ชิบะอินุ ที่ศิกเจ้าของ อุตส่าห์บินไปนำเข้ามาจากญี่ปุ่น ลอยด์เป็นสุนัขแชมป์ประกวดมา ใจเย็นเป็นมิตรมากๆโดยเฉพาะชิบะอินุเป็นสุนัขที่เป็นมิตรแม้กระทั่งเด็กๆ เมื่อปลายปีซิกบอกว่า ลอยด์มีลูกกับชิบะอินุที่ผสมในไทย จึงโพสขายพอดีน้องชายเขาเป็นนักข่าว3มิติ จึงแบ่งให้ผมมาเลี้ยงตัวหนึ่ง ผมจึง ตั้งชื่อว่า ชิชิมารุ ช่วงสงกรานต์ ไม่อยู่บ้าน โดยปล่อยลอยด์อยู่ในรั้วบ้านตามปกติ กลับมาเมื่อวาน ก็พบว่า ลอยด์ถูกตัดขาข้างซ้ายไป ตัดหู และมีรอยแทงหลายแผลอาการสาหัส ความว่า ยังโยนขาที่ตัดไปให้สุนัขอีกบ้านแทะด้วย ผมว่า หากสุนัขออกไปข้างนอกแล้วกัดเด็กก็เรื่องหนึ่ง แต่หากเข้ามาทำร้ายในบ้านก็เรื่องนี้…

เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยสงสัยว่าทำไมทุกครั้งที่เราขึ้นเครื่องบิน พนักงานต้อนรับต้องบอกให้เราคาดเข็มขัดนิรภัยตลอด แม้ว่าสัญญาณให้คาดเข็มขัดจะดับลงแล้วก็ตาม แต่ถ้าเพื่อนๆ ได้เห็นเรื่องต่อไปนี้ รับรองว่าจะไม่กล้าถอดเข็มขัดอีกต่อไป เรื่องราวดังกล่าวถูกนำมาแชร์โดยเฟสบุ๊ค Kru P’Birth เมื่อเครื่องบินของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG434 จากกรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย สู่กรุงเทพฯ เกิดตกหลุมอากาศอย่างรุนแรงจนข้าวของกระจัดกระจาย และผู้โดยสารที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย ก็กระเด็นไปติดเพดานจนได้รับบาดเจ็บเลือดอาบ และมีพนักงานต้อนรับได้รับบาดเจ็บจนขาหักอีกด้วย   รู้ไหม ? ทำไมแอร์ถึงบอกให้รัดสายเข็มขัดตลอดเวลา ถึงแม้ว่า สาย seat belt sign มัน turn off เพราะตลอดเส้นทาง เราไม่มีทางรู… โพสต์โดย Kru P’Birth บน 11 เมษายน 2016     เห็นแบบนี้แล้ว ใครขึ้นเครื่องบินก็รัดเข็มขัดตลอดเถอะนะครับ เกิดบาดเจ็บขึ้นมา มันจะไม่คุ้มเลย ที่มา Kru P’Birth

แหม่ยังไม่ทันจะเริ่มงานดีก็เริ่มมีข่าวด้านลบๆ ออกมาให้เราเห็นซะแล้ว ล่าสุดมีภาพจากงานรดน้ำดำหัวที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 9 เมษายนออกมาให้เห็น เป็นภาพของนักร้องรำวงสาวกำลังร้องเพลงและเต้นยั่วยวน โดยมีชายหนุ่มซุกหน้าไปที่บริเวณหน้าอกของเธอ!?     เมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ใช้ยูทูบ IG Dara ได้เผยแพร่คลิปฉาวสงกรานต์ 2559 โดยระบุว่าเป็นภาพงานรดน้ำดำหัวที่จัดขึ้นที่เมื่อวันที่ 9 เมษายน ที่โรงงานแห่งหนึ่ง แต่ปรากฏว่ามีนักร้อง 3-4 คนที่แต่งชุดกางเกงขาสั้น และเสื้อคล้ายกับชุดชั้นในออกมาร้องรำทำเพลงอย่าสนุกสนาน     ในขณะนั้นบรรดาแขกผู้มาร่วมงานเองก็มีอาการมึนเมาเพราะสุราด้วยเช่นกัน จากนั้นก็เริ่มมีชายหนุ่มหยิบแบงค์ออกมาและใส่ไปที่ร่องหน้าอกของหญิงสาวพร้อมทั้งซุกหน้าไปที่บริเวณหน้าอกของเธออย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งถือเป็นการขัดต่อคำสั่งของ คสช. ที่พยายามรณรงค์ให้เล่นน้ำอย่างสุภาพ     เล่นน้ำอย่างมีสตินะ อย่าไปลวนลามสาวๆ ที่ไหนเลย แม้ว่าพวกเธอ (บางคน) จะเปิดโอกาสให้เราก็ตาม ที่มา IG Dara

การเดินทางไปท่องเที่ยวยังสถานที่ไหนๆ ก็ตาม แม้ว่าเราจะระมัดระวังตัวอย่างดีแล้วก็ตาม แต่ก็ยังสามารถเกิดอุบัติเหตุที่เราไม่คาดฝันได้นะ อย่างเช่นเรื่องของหญิงสาวรายนี้ ที่ไปเล่นน้ำที่สวนน้ำโคราชจนถูกกระเบื้องบาดเป็นแผล แต่ทางสวนน้ำกลับไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ แถมยังให้ไปทำแผลเองด้วย!?   เมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก An Atk ได้โพสต์ข้อความเตือนลงในกลุ่มข่าวคนโคราชบ้านเอ็ง โดยเธอเล่าว่าตนเองได้ไปเล่นน้ำที่สวนน้ำโคราช และถูกกระเบื้องของสไลเดอร์สีฟ้า (อันกลาง) บาดจนมีแผลยาวประมาณ 1 นิ้ว จากนั้นพนักงานก็ทำแผลให้เธอ     เมื่อเธอได้พูดคุยกับพนักงานของสวนน้ำก็ถึงกับเงิบเลยทีเดียว เพราะทางพนักงานบอกว่าสไลดเดอร์นี้มักจะทำให้คนได้รับบาดเจ็บอยู่บ่อยๆ ซึ่งวันที่เธอไปเล่นน้ำมีคนได้รับบาดเจ็บก่อนหน้าเธอแล้ว 1 คน   และเมื่อเธอถามว่าทำไมถึงไม่ยอมปรับปรุง ทางพนักงานกลับตอบมาว่ากว่าจะถ่ายน้ำและปรับปรุงก็ต้องใช้เวลานาน 8-9 เดือน ซึ่งอาจจะทำให้เสียเวลาและรายได้     แต่ที่เงิบที่สุดก็คือเมื่อหญิงสาวถามถึงความรับผิดชอบของสวนน้ำ ทางพนักงานกลับตอบว่า “อ่อ ทางเราก็ปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ก็เป็นอันเสร็จ หลังจากนั้นก็ไปล้างแผลเอาเองที่อนามัยครับ เพราะฟรีอยู่แล้ว”   หลังจากที่เธอได้รับแผลจากสไลเดอร์ ทางพนักงานของสวนน้ำก็ไม่ได้มีการสั่งหยุดหรือปิดปรับปรุงแต่อย่างใด แถมยังให้นักท่องเที่ยวลงเล่นต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วย     ใครที่คิดจะเดินทางไปเล่นน้ำที่นั่นก็ระมัดระวังกันนิดนึงนะจ๊ะ ที่มา An Atk

กลายเป็นที่สังเกตของชาวเน็ตเลยทีเดียว เมื่อมีคนตาดี สังเกตเห็นความผิดปกติของข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทย บอกว่ารายได้ต่อหัวต่อปีของชาวเหนืออยู่ที่คนละร้อยกว่าล้าน ?! ข้อมูลดังกล่าวเป็น “รายงานสถิติข้อมูลที่สำคัญกระทรวงมหาดไทย  พ.ศ. 2558” ในไตรมาสที่ 3 ประจำปีงบประมาณ 2558 โดยในหน้าที่ 139 รายงานได้รายงานว่าในปี 2557 ประชาชนในภาคเหนือมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวถึงหัวละ 162,356,053 บาท ในขณะที่ภาคกลางซึ่งเป็นเขตที่ความเจริญเข้าถึงมากที่สุดในประเทศ กลับมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวเพียงปีละ 32,034,249 บาทเท่านั้น (แต่ก็เยอะอยู่ดี) นอกจากนี้ ตัวเลขในปีอื่นๆ ก็ถือว่าแปลกเช่นเดียวกัน       และในหน้าถัดมา เราก็ได้เห็นตัวเลขที่แปลกๆ อีกครั้งกับตารางแสดงรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปี จำแนกรายจังหวัด 10 อันดับสูงสุด ปี พ.ศ. 2557 เมื่อจังหวัดพิษณุโลกกลายเป็นจังหวัดจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวสูงสุดที่ 75 ล้านบาท!!       เมื่อชาวเน็ตเห็นข้อมูลดังกล่าว ก็ออกมาแสดงความเห็นกันอย่างมากมาย       ใครก็ได้บอก #เหมียวอ๊อดโด้ ทีว่าค่าเงินไม่ใช่เงินบาท ไม่งั้นคนไทยคงรวยเละกันหมดละ ใครสนใจก็ตามไปดูได้ในลิ้งข้างล่างเลยนะจ๊ะ ที่มา…

ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกๆ ปี บางพื้นที่มักจะมีเหตุการณ์วันรุ่นยกพวกตีกัน อันนี้#เหมียวฟิ้นเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องตีกัน หรือเพราะว่าเห็นน้ำนองกับพื้นหรือดนตรีเสียงดังแล้วมันเกิดอารณ์อยากปะทะกับใครสักคนก็ไม่ทราบได้   ล่าสุดเริ่มกันแล้ว เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊ก ไม่ได้ติดเหล้านะ แต่เหล้ามันติดกรู เป็นคลิปในระหว่างที่เจ้าตัวกำลังเดินทางใน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งในขณะนั้นมีการจัดงานวันไหลและเล่นน้ำกันแล้ว     แต่ในระหว่างนั้นกลับมีวัยรุ่นยกพวกตีกันกลางถนนโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนที่ทั้งหมดจะวิ่งหนีไปอีกทาง     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย   เล่นน้ำสงกรานต์กันอย่างสนุกสนานดีกว่านะ หากเจอเหตุการณ์แบบนี้ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันทีเลยนะ ที่มา ไม่ได้ติดเหล้านะ แต่เหล้ามันติดกรู

อย่างที่รู้กันดีว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์มักจะมีอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก (ทั้งที่ควรจะเป็นเทศกาลแห่งความสุขและหยุดพักผ่อนแท้ๆ) ทางด้านโรงงานสุริยาหีบศพ จึงต้องเร่งต่อโลงเพื่อรองรับกับผู้เสียชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้น     เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา นายศริตวรรธน์ สุริยเสนีย์ เจ้าของโรงงานสุริยาหีบศพ ให้สัมภาษณ์ว่าตอนนี้ได้มีการเร่งต่อโลงศพเพิ่ม เพราะในช่วงเทศกาลสงกรานต์มักจะมีลูกค้าโทรมาสั่งโลงเป็นจำนวนมาก   จากเดิมที่มีการต่อโลงเดือนละ 100 โลง เพิ่มจำนวนเป็น 300 – 400 โลง เพื่อนำออกจำหน่ายในจังหวัด ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา, สระบุรี, นครปฐม, สุพรรณบุรี, นนทบุรี และ สมุทรสาคร     ยังไงก็ตามนายศริตวรรธน์ได้ทิ้งท้ายว่าอยากให้ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนเดินทางกันด้วยความระมัดระวัง และไม่ดื่มสุราระหว่างขับรถเด็ดขาด   #เหมียวฟิ้นเองก็ขอให้เพื่อนๆ ปลอดภัยจากการเดินทางทุกคนนะ แล้วหวังว่าทุกคนจะได้กลับไปเจอหน้าพ่อแม่พี่น้องอย่างปลอดภัยเช่นกัน ที่มา dailynews

กลายเป็นประเด็นร้อนสำหรับเช้านี้เลย สำหรับกรณีของนางแบบสาว โบกิ ภาสินี ที่ออกมาโพสต์ข้อความแฉพระเอกหนุ่มอย่าง อาร์ต พศุตม์ ว่าฝ่ายชายส่งข้อความมาด่าว่า “เสร่อ” ทั้งๆ ที่เป็นคนเข้ามาขอเบอร์และขอไลน์เอง!?       เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก Phasinee Boonrod ได้โพสต์ข้อความว่า “ตลกป่ะ นี่คิดว่าเป็นดาราทำไรก็ได้หรอ เป็นดาราไม่ใช่พระเจ้านะคะ นี่ๆ ไม่ใช่ในหนังนะ ดูเลือกได้โนะ ตื่นไหม555 ‪#‎หล่อก็ไม่ได้เป็นพระเอกสำหรับทุกคนนะคุณ”‬   “ติ่งไม่ต้องมาด่า มีอีกเยอะ ฉันไม่มโนค่ะ ด่าผิดคนละ อย่าปฏิเสธนะว่าไม่ใช่ตัวเอง มันน่าเกลียด ถ้าอยู่ๆ ไม่มาว่ากัน คงไม่ต้องเป็นแบบนี้ ข่าวก่อนๆ นี่น่าจะจริง555 อย่างเขาว่า นิสัยเหมือนเป๊ะ จะมาหาๆ อย่างเดียวเลย มีพยานด้วยนะ ยังคุยกะคนในกองถ่ายที่โบไปทำงานอยู่เลยนี่โนะ ไม่น่าเสร่อมาด่ากันเลย”               อ่านเรื่องราวเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย ตลกป่ะ นี่คิดว่าเป็นดาราทำไรก็ได้หรอ…

นี่คือเรื่องราวของเจ้าสุนัขผู้น่าสงสารตัวหนึ่ง ที่กำลังมีการแชร์อยู่ในโลกออนไลน์ในขณะนี้เลย ตามเนื้อตามตัวของมันเต็มไปด้วยคราบเลือด เหตุเพราะว่าถูกตำรวจนายหนึ่งยิงเข้าในช่วงกลางดึกคืนหนึ่ง     เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ ตนหาข่าว จิตอาสา ได้รายงานว่า เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 8 เมษายน มีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในแฟลตตำรวจย่านลาดยาวได้ยินเสียงปืนดังลั่นพร้อมกับเสียงสุนัขร้อง     โดยผู้พบเห็นเหตุการณ์เล่าว่าในช่วงเวลาประมาณตี 2 ของวันนั้น ตัวเองได้ยินเสียงปืนเลยลุกออกมาดู และพบกับชายคนหนึ่งใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นพร้อมกับพกปืนไว้ที่เอว กำลังไล่สุนัข 2 ในบริเวณนั้นออกไป     เมื่อตื่นเช้ามาก็พบกับเจ้าสุนัขตัวหนึ่งที่ถูกยิงเข้าที่คอและสะโพกกำลังนอนอยู่กับพื้นพร้อมกับมีคราบเลือดติดตามตัว ส่วนสุนัขอีกตัวหนึ่งได้วิ่งเข้าไปซ่อนอยู่ตรงใต้ถุนของแฟลต แต่เมื่อคนไปเจอกลับสิ้นใจไปเรียบร้อยแล้ว     ทั้งนี้จากคำบอกเล่าของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้นให้การตรงกันว่าชายถือปืนที่ทำร้ายสุนัขเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง หากใครพบเห็นหรือรู้จักวอนช่วยแชร์เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีด้วย       ไม่น่าทำกับน้องหมาแบบนี้เลย ที่มา ตนหาข่าว จิตอาสา

ในช่วงต้นเดือนเมษายนของทุกๆ ไป จะมีการจัดกองคัดเลือกทหารตามสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ชายไทยที่มีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป จะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร หากมีวุฒิป.ตรี จะต้องเป็นทหาร 1 ปี แต่หากสมัครจะได้เป็นเพียง 6 เดือน   ซึ่งชายไทยไม่ว่าจะอาชีพใดหรืออยู่ที่ไหน ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารนะ ไม่เว้นแม้แต่พระเลยทีเดียว วันนี้#เหมียวฟิ้นเลยขอรวบรวมเอาคลิปเด็ดๆ ฮาๆ ของเหล่าพระสงฆ์ที่ต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารปีล่าสุดมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน พระรูปไหนจะได้ใบดำหรือใบแดง เรามาฮา เอ้ย! มาลุ้นไปะพร้อมๆ กันเลย   คลิปแรก เป็นคลิปจากคุณ Suriya Rungruang เป็นคลิปของหลวงพี่ที่กำลังจะจับใบดำใบแดง แต่เมื่อประกาศผลก็ถึงกับเข่าทรุดเลยทีเดียว ตกลงหลวงพี่ได้ใบอะไรนะ? ดูให้ดีเกิดอะไรกับหลวงพี่ โพสต์โดย Suriya Rungruang บน 1 เมษายน 2016   คลิปต่อมาเป็นคลิปจากคุณ เด็ก ชากังราว‎ ชื่อว่าหลวงพี่จีวรบิน ลองดูกันเลยว่าบินจริงไหม จีวนบิน เอิ๊กเอิ๊ก โพสต์โดย เด็ก ชากังราว บน 9…

ถือเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจจริงๆ สำหรับกรณีของสาวพิการรายหนึ่ง ที่ส่งลอตเตอรีให้กับลูกค้าผ่านไปรษณีย์ไทยกว่า 300 ใบ คิดเป็นมูลค่ากว่า 24,000 บาท แต่จู่ๆ ลอตเตอรีกลับหายไปซะอย่างงั้น!?   เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก สุติมา หม้อทอง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กของตัวเอง โดยเล่าว่าตนเองเป็นผู้พิการขายลอตเตอรีในจังหวัดนครสวรรค์ และมีลูกค้าจากต่างประเทศมาสั่งซื้อลอตเตอรี 300 ใบ     โดยเธอส่งให้กับลูกค้าผ่านทางไปรษณีย์เมื่อวันที่ 4 เมษายน และถึงมือลูกค้าในวันที่ 8 เมษายน แต่เมื่อพัสดุไปถึงมือของลูกค้า กลับมีรอยฉีกและมีน้ำหนักที่เบาผิดปกติ ทางลูกค้าจึงวิดีโอคอลมาหาเจ้าตัว เพื่อเปิดกล่องให้ดูพร้อมๆ กัน ถึงได้พบว่าภายในกล่องว่างเปล่า ไม่มีลอตเตอรีแม้แต่ใบเดียว   เจ้าตัวเลยสอบถามไปยังไปรษณีย์ไทย แต่ก็ได้รับคำตอบแค่ว่าพัสดุได้ถูกส่งออกไปแล้ว สุดท้ายจึงต้องไปแจ้งความกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์     อ่านเรื่องราวเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย ไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะได้ ขึ้นโรงขึ้นศาล ทำไมเรื่องแบบนี้มันต้องเกิดขึ้นกับเปิ้ลด้วย แค่เป็นคนพิการทำมาหากินก็ลำบากจะแย… โพสต์โดย สุติมา หม้อทอง บน 8 เมษายน 2016…

ใครที่ต้องขับรถขับราในตอนกลางคืนก็ระวังๆ กันนิดนึงนะ ยิ่งไปในซอยหรือถนนที่ไม่คุ้นเคยยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น เพราะคุณอาจเลี้ยวรถผิดไปปักเข้ากับบ้านหรือร้านค้าตามที่ต่างๆ แบบเรื่องที่#เหมียวฟิ้นจะเล่าต่อไปนี้ก็ได้     เมื่อช่วงดึกของวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ เรารักพัทยา ได้รายงานว่า มีรถฮอนด้าแจ๊ส ป้ายแดงพุ่งชนร้านซักรีดที่ซอยหนองใหญ่ 15 เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และรีบหลบหนีออกไปอย่างลอยนวล หากใครพบเห็นให้ช่วยแจ้งไปยังเบอร์โทรศัพท์ 084-362-6489 เพื่อตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี     และนี่คือสภาพร้านซักรีดที่ถูกรถเก๋งชนจนเสียหาย     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย พัทยา ชนเเล้วหนี ร้านซักรีด กระจาย (ภาพอยู่ในคอมเม้น) 8/4/59 ใครเจอช่วยแจ้งเบาะแสด้วยน้ะค้ะ!! รถฮอนด้าแจ๊ส ป้ายแดง เหตุเกิดที่ ซอยหนองใหญ่ 15 เบอร์ติดต่อ 0843626489 วันที่ ขอบคุณคลิป : นุต หนองใหญ่ โพสต์โดย เรารักพัทยา บน 8 เมษายน 2016   ใครพบเห็นรถลักษณะนี้ก็ช่วยกันแจ้งไปยังเบอร์โทรที่ให้ไว้เลยนะจ๊ะ…

กลายเป็นประเด็นร้อนบนอินเตอร์เน็ตเลยทีเดียว เมื่อมีการแชร์ภาพของหญิงสาวคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นลูกสาวตำรวจใหญ่ โพสภาพพร้อมข้อความโชว์ใช้เส้นสายพ่อ เคลียร์ใบสั่งลงโซเชียล โดยเรื่องราวดังกล่าว ถูกนำมาเผยแพร่โดยเพจ Red Skull V.6 Plus เมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่ง โพสภาพใบสั่งพร้อมเขียนบรรยายว่า ตนเองได้ถูกด่านตำรวจเรียก เนื่องจากขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด เมื่อไปถึงโต๊ะเขียนใบสั่ง ตนเองก็อ้างชื่อพ่อของตนเองขึ้นมา จนตำรวจที่เขียนใบสั่ง ต้องยอมเปลี่ยนข้อหาให้เบาลง เพราะกลัวพ่อของหญิงสาวคนนี้ จะตำหนิมาได้     เมื่อชาวเน็ตเห็นภาพดังกล่าว ก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นไปในทางตำหนิ ว่าทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แล้วยังนำมาแชร์ลงโซเชียลอีกต่างหาก       ถึงแม้เราจะรู้ว่าเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นได้เป็นประจำ (เศร้าใจแปป) แต่การมาโชว์บนโซเชียลแบบนี้ มันงามเลยจริงๆ แถมจะพาพ่อซวยเอาง่ายๆ แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง ที่มา Red Skull V.6 Plus

หากใครที่ติดตามอ่านเว็บเหมียวมานานก็น่าจะเคยเห็นบทสัมภาษณ์ของน้องม๊าเดี่ยว เจ้าแม่แฟชั่นโลว์คอสหัวครีเอท ที่เหมียวได้เคยไปสัมภาษณ์เธอเมื่อช่วงกลางปี 2015 ที่ผ่านมา   ซึ่งเจ้าตัวก็บอกกับเหมียวว่าอยากจะทำงานด้านแฟชั่นในอนาคต และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าน้องม๊าเดี่ยวจะได้ทำตามที่เธอฝันไว้แล้วจริงๆ     เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 8 เมษายน เฟซบุ๊กเพจ ใต้เตียงดารา ได้โพสต์ภาพของน้องม๊าเดี่ยว หรือ อภิเชษฐ์ เอติรัตนะ ที่เดินทางไปร่วมรายการ Asia’s Next Top Model เพื่อค้นหานางแบบในแถบเอเชีย     งานนี้น้องม๊าเดี่ยวก็ไม่ธรรมดา ขนเอาชุดแฟชั่นเก๋ๆ ตามสไตล์ของเธอไปโชว์ให้ชาวต่างชาติเห็น ไม่ว่าจะเป็นชุดซุ่มไก่ เสื้อผ้าจากไม้ขนไก่ และวัสดุพื้นบ้านอีกหลายๆ ชิ้น จนกลายเป็นที่สะดุดตาของคนในงานหลายๆ คนทีเดียว       อ่านโพสต์เต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย #งานอินเตอร์ ม๊าเดี่ยว เทยเด็กที่นางเอาของพื้นบ้านมาทำเป็นชุดเดินแบบโชว์ นี่นางไปเป็นเกสรายการ Asia’s next top model… โพสต์โดย ใต้เตียงดารา บน 8 เมษายน 2016   #เหมียวฟิ้นขอเป็นกำลังใจให้น้องม๊าเดี่ยวทำสิ่งที่รัก และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยต่อไปนะจ๊ะ…

#เหมียวเลเซอร์ ส่องอยู่ใน Facebook เมื่อวานอยู่ซักพักใหญ่ๆ ในช่วงค่ำๆ ก็พบเจอกับการแชร์ภาพของพนักงานทรู 2 คนกำลังไหว้อยู่ โดยมีการเปรียบเทียบเชิงว่า ‘อ่ะ ทายสิเราคือคนไหน’ อะไรประมาณนั้น ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดสายตาได้มากที่สุดก็คือ หน้าอก ของฝั่งขวานี่แหละ!!     ถ้ามองแบบไม่คิดอะไรมาก ก็คิดว่าพนักงานทั้งสองคนนี้เป็นผู้หญิงแน่นอน ส่วนฝั่งขวานี่ทำให้เหล่าชายทั้งหลายถึงกับหวั่นไหวเป็นพิเศษ ด้วยขนาดหน้าอกหน้าใจนี่แหละ อยากจะรู้ความจริงรึยังว่าเธอผู้นี้คือใครกันแน่ ไปสืบมาแล้วก็พบว่า ว่า ว่าาาาาา….     ผ่างงงง!! เขามีชื่อว่า ‘นาย นครินทร์ ธนีสัตย์’ เป็นพนักงานประจำอยู่ที่ทรูช็อป บิ๊ก ซี นครสวรรค์ นี่เอง หากใครอยู่แถวๆ นั้นก็ลองทักทายกับเขา เอ๊ะ หรือจะเรียกว่าเธอ ก็ได้นะ (ดับฝันเหล่าชายหนุ่มไปแล้วล่ะสินะ) ที่มา : tnews

ทุกวันนี้เรามีเรื่องชวนปวดหัวกันมากมายแล้ว แต่ก็ยังไม่วายมาเจอเรื่องราวที่ชวนปวดหัวกันในโลกอินเตอร์เน็ตกันอีก แบบว่าคนเราจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ต้องจุดประเด็นซักอย่างให้กลายเป็นไฟที่ลามทุ่งแบบไม่จบสิ้น เรื่องนี้มันมีอยู่ว่าเพจ CompleteTV ได้ทำการโพสต์ลิงค์เนื้อหาของนักแต่งคอมพิวเตอร์รุ่นเยาว์วัย 14 ปี เป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นนามว่า ยูกิ คิชิโมโตะ ที่มีความรู้และความสามารถในการแต่งคอมพิวเตอร์จากความชื่นชอบนำไปสู่การสร้างสรรค์ผลงานดีๆ แบบนี้   ไปชมผลงานของนักแต่งคอมรุ่นเยาว์ วัยเพียง 14 ปี กับน้องยูกิกัน และรอติดตามบทสัมภาษณ์เร็วๆนี้ #CompleteTV #ChangeIThttp://www.complete-tv.com/articles/change-it/3127-change-it-yuki Posted by CompleteTV on Wednesday, April 6, 2016   แต่สุดท้ายก็ไม่วายที่จะมีชาวเน็ตมาแสดงความคิดเห็นทั้งชื่นชมและประชดประชันพร้อมแขวะ โดยในประเด็นที่มักจะถูกถกเถียงกันเป็นประจำก็คือเรื่องของ ‘เงิน’ เพราะในสภาพสังคมไทยส่วนใหญ่นั้น เด็กวัยนี้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ดีๆ นั้นถือว่าเป็นอะไรที่แพงเกินตัว เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับการสนับสนุน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี สามารถนำความรู้ความสามารถนี้ไปต่อยอดได้   และมักจะมีการแสดงความคิดเห็นเชิงนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ     ความคิดเห็นของพี่สาวของน้องยูกิ   และเพื่อนของน้องยูกิ   มาลองอ่านการแสดงความคิดเห็นเชิงสนับสนุนกันบ้าง     #เหมียวเลเซอร์ เองมองในประเด็นที่ว่าการที่เด็กคนหนึ่งมีความรู้ความสามารถขนาดนี้และได้รับการสนับสนุนที่ดี เราก็ควรยินดีกับน้องไม่ใช่หรือ…

ว่ากันด้วยเรื่องของรายการประกาศข่าวในทุกวันนี้ มักจะมีวิธีการในการสร้างเรตติ้งแบบใหม่ๆ ให้พวกเราออกมาได้รับชมกันอยู่เสมอๆ บางครั้งก็เชิญดาราชื่อดัง หรือดาราตลกเข้ามาร่วมแจมเพื่อสร้างสีสันและเพิ่มอรรถรสให้คนดู ซึ่งก็มีรายการข่าวมากมายที่คิดค้นวิธีการแปลกใหม่ออกมาอย่างเช่น การรายงานข่าวสภาพอากาศของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งที่ผู้ประกาศข่าวนั้นจัดหน้าแบบจัดเต็มมาก พร้อมกับรายงานข่าวแบบสุดฮา จะเป็นอย่างไรนั้นตามไปชมกันได้เลยย…   เปรมสุดา สันติวัฒนา หรือ ที่รู้จักกันในนาม เปรมสุดาฝนผ้าอากาศ เธอทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศข่าวฝนฟ้าอากาศทางช่อง 7 สี     ซึ่งการรายงานข่าวในแต่ละครั้งนั้น เธอมักจะทำการแต่งชุดคอสตูมและแต่งหน้าแบบจัดเต็ม เพื่อเรียกเสียงฮาของผู้ชมกันอย่างไม่อายฟ้าอายฝนกันเลยทีเดียว…   แหม่…จัดเต็มมากเลยค่ะ ขุ่นพี่!!   สวยเริศขนาดนี้ เธอเคยได้รับรางวัลพิฆเนศวรสาขาผู้รายงานข่าวดีเด่นหญิง ประจำปี 2556 มาด้วยนะเออ!!   ลงทุนแบบนี้เรทติ้งต้องพุ่งกระฉูดอย่างแน่นอนน   ลองไปชมคลิปแบบเต็มๆ กันที่ข้างล่างนี้ได้เลย… แหม่…จัดเต็มซะขนาดนี้ เรียกเสียงฮาจากผู้ชนจนแทบหงายหลังเลยทีเดียว เกิดหงายหลังหัวร้างข้างแตกขึ้นมาแล้วใครจะรับผิดชอบ ฮร่า ที่มา : เปรมสุดา สันติวัฒนา

ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงยุคทองของวงการฟุตบอลไทยเลยทีเดียว ไม่ว่าทีมชาติไทยที่กำลังผ่านเข้าไปสู่รอบ 12 ทีมสุดท้ายในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย และฟุตบอลไทยลีกที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมภาพของสนามฟุตบอลมาตรฐานฟีฟ่าแห่งใหม่ของประเทศไทย ของสโมสรฟุตบอลชื่อดัง “ราชบุรี มิตรผล เอฟซี” ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง ที่เพื่อนๆ เห็นแล้วต้องอยากไปเยือนซักครั้งอย่างแน่นอน ว่าแล้วไปชมกันเลย     ราชบุรี มิตรผล เอฟซี เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพจากจังหวัดราชบุรี และปัจจุบันกำลังเล่นอยู่ในโตโยต้า ไทยลีค ซึ่งเป็นลีคสูงสุดของประเทศไทยในตอนนี้ ทุกวันนี้สโมสรราชบุรี มิตรผลใช้สนามกีฬากลางจังหวัดราชบุรีเป็นสนามเหย้าของตนเอง แต่ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นและต้องการให้รองรับมาตรฐานของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (AFC) ทำให้ทีมผู้บริหารต้องการจะสร้างสนามฟุตบอลแห่งใหม่ของตนเอง สนามมิตรผล สเตเดี้ยมจึงถือกำเนิดขึ้นมา     สนามมิตรผล สเตเดี้ยมหลังสร้างเสร็จจะมีความจุประมาณ 12,000 ที่นั่ง ใช้งบประมาณ 300 ล้านบาท และจะกลายเป็นสนามฟุตบอลเอกชนแห่งที่ 4 ที่ผ่านมาตรฐานของ FIFA และ AFC  โดยจะมีทั้งที่จอดรถ ร้านขายของที่ระลึก ห้องแถลงข่าว ห้องพักนักกีฬา     โดยสนามแห่งนี้เริ่มสร้างตั้งแต่ช่วงกลางปี 2558…

เมื่อกล่าวถึง ‘แย้’ แล้ว เพื่อนๆ คงจะรู้จักกันดี ด้วยรูปร่างลำตัวลักษณะที่คล้ายกับจิ้งเหลน ซึ่งบางคนก็จะรู้จักมากเป็นพิเศษ เพราะแย้ถูกนำมาเป็นอาหารกันด้วยนะ รสชาติก็คงคล้ายๆ เนื้องูหรือจระเข้นี่แหละมั้ง (อันนี้ #เหมียวหง่าว เดาเอานะเพราะดูแล้วมันเป็นสัตว์เลื้อยคลานเหมือนกัน) และวันนี้ #เหมียวหง่าว จะพาเพื่อนๆ ไปชมศูนย์อนุรักษ์แย้ ที่อยู่ในหมู่บ้านสุวรรณตะไล จังหวัดสุพรรณบุรี โดยพวกเขาได้ทำการอนุรักษ์และเพาะพันธุ์แย้ ไว้เพื่อไม่ให้พวกมันสูญพันธุ์ พร้อมกับเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้ผู้คนมาเยี่ยมชมกันอีกด้วย   หมู่บ้านสุวรรณตะไล หรือ หมู่บ้านอนุรักษ์แย้ ตั้งอยู่ที่ ต.หนองสะเดา อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี โดยทำการเปิดมากว่า 30 ปีแล้ว   ก่อนอื่นเราก็มาทำความรู้จักกับเจ้า ‘แย้’ กันก่อนดีกว่า…แย้เป็นสัตว์เลื้อยคลานจำพวกกิ้งก่าประเภทหนึ่ง พบกระจายทั่วไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะภูมิภาคอินโดจีน มีลักษณะเด่นคือ มีสีสวยสดและลำตัวไม่มีปุ่มหนาม   ที่อยู่ของมันอยู่ในรูลึกลงไปในดินประมาณ 30 เซนติเมตร ซึ่งภายในจะเป็นโพรงมีขนาดพอเหมาะให้มันสามารถพลิกกลับตัวไปมาได้   ส่วนอาหารของแย้จะกินแมลงเป็นอาหาร โดยเฉพาะหนอนนกที่เป็นของโปรดของมัน ซึ่งที่หมู่บ้านนี้เค้าก็ได้ทำการเพาะเลี้ยงหนอนนกนี้เพื่อเป็นอาหารของเหล่าแย้อีกด้วย   เจ้าแย้ที่หมู่บ้านนี้จะมีความคุ้นเคยกับคนเป็นอย่างดี เราสามารถจับและให้มันเกาะอยู่นิ่งๆ เพื่อถ่ายรูปได้อีกด้วย   นี่แหน่ะ…

เรียกว่ามีเรื่องมาให้เหนื่อยหน่ายใจกันเป็นประจำเลยทีเดียว สำหรับนักท่องเที่ยวจีน หลังจากเมื่อวาน #เหมียวอ๊อดโด้ ได้นำเรื่องราวของนักท่องเที่ยวจีน ที่ขึ้นไปกางเต็นท์นอนบนกำแพงเมืองเชียงใหม่ (ข่าวเก่า) และยังไม่ทันข้ามวันดี เราก็มีเรื่องของนักท่องเที่ยวชาวจีนมานำเสนออีกแล้ว เรื่องราวเกิดขึ้นที่ร้านอาหารเฮือนแสงหล้าซึ่งเป็นร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าของเฟสบุ๊ค Bogie Beego ได้ออกมาเล่าว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามารับประทานอาหารในร้านสามคนซึ่งทั้งสามคนก็สั่งอาหารไปตามปกติ เมื่ออาหารมาถึงและนักท่องเที่ยวจีนทานไปได้ครึ่งหนึ่ง พวกเขาก็เรียกพนักงานมาและแจ้งว่ามีเศษดินในอาหาร     ทางร้านแจ้งว่าที่พวกเขาเห็นนั้นไม่ใช่เศษดิน แต่เป็นซอสพริกไทยดำต่างหาก ซึ่งทางนักท่องเที่ยวจีนก็ไม่ยอมเชื่อ จนพนักงานต้องมานำอาหารจานนั้นออกไป     และหลังจากที่นักท่องเที่ยวจีนทานอาหารเสร็จ พวกเขาก็เรียกพนักงานมาอีก แล้วแจ้งว่าในอาหารทุกจานมีเศษดินปนอยู่ ซึ่งทางพนักงานก็แจ้งว่าเป็นซอสพริกไทยดำกับอาริกาโน่ แต่ทางนักท่องเที่ยวจีนไม่เชื่อ และยืนยันว่าจะจ่ายค่าอาหารแค่ 350 บาทจากจำนวนเต็ม 420 บาท สุดท้ายทางร้านไม่อยากมีเรื่อง จึงยอมรับเงินแค่ 350 บาทเท่านั้น     เคยเห็นแต่คลิปของร้านอื่นที่โดนคนจีนหาเรื่องไม่จ่ายเงิน วันนี้ร้านเราโดนเองซะแล้ว เหตุการณ์มีอยู่ว่า นางมากันสามคนพ่อแม… โพสต์โดย Bogie Beego บน 5 เมษายน 2016   เมื่อเรื่องราวเผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย…

ปัญหาเรื่องการจ้างช่างภาพ กลายเป็นเรื่องที่เราพบเห็นได้เป็นประจำในปัจจุบัน จนกลายเป็นที่ถกเถียงกันบนอินเตอร์เน็ต อาจเป็นเพราะความเข้าใจผิดหรือด้วยเหตุอันใดก็ตามแต่ และวันนี้อีกครั้งกับดราม่าตากล้อง เมื่อคุณภูเบศร์ หนูดำ ถูกพี่เจ้าสาวที่เพิ่งถ่ายงานเสร็จไป แอดเฟสบุ๊คมาด่า และบอกว่าเขาคิดราคาแพงเกินไป กะเอารวยเลยหรือไง เพราะแพงกว่าราคาตากล้องในกรุงเทพอีก ดังที่จะเห็นได้ในโพสต์ข้างล่าง และยืนยันจะไม่จ่ายส่วนที่เหลือ ทั้งๆ ที่คุณภูเษศร์ได้ทำการตกลงกับเจ้าของงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางคุณภูเบศร์ ก็ได้ตอบกลับไปว่าตอนนี้ทางเจ้าของงานได้จ่ายเงินมาครบหมดแล้ว ไม่สามารถคืนได้แล้ว แนะนำให้รอชมภาพสวยๆ จะดีกว่า   เขากล่าวหาว่า…. ผมโกง ด้วยเหตุผลที่ว่า ผมราคาสูงกว่าช่างภาพใน กทม โพสต์โดย ภูเบศร์ หนูดำ บน 4 เมษายน 2016     อ่ะ สำหรับใครเห็นภาพไม่ชัด ลองดูภาพใหญ่ตามนี้   เมื่อชาวเน็ตทราบเรื่องดังกล่าว ก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย #เหมียวอ๊อดโด้ ว่าเรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ความพึงพอใจของลูกค้านะฮะ ถ้าเค้าพอใจทุกอย่างคือจบ ไม่ต้องเปรียบเทียบกับที่อื่น แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดเห็นอย่างไรบ้าง ลองเสนอกันเข้ามาดูนะเหมียวว ที่มา ภูเบศร์ หนูดำ

ในเวลาที่เราป่วย สิ่งที่สามารถเยียวยารักษาให้อาการดีขึ้นได้ ไม่ได้มีแค่การกินยาเท่านั้นนะ กำลังใจและทัศนคติของผู้ป่วยเองก็ด้วย หากคนไข้มีกำลังใจที่ดีเข้มแข็ง ก็จะทำให้หายป่วยได้ไว กลับกันหากคนไข้ท้อแท้ หมดกำลังใจในการต่อสู้กับโรคภัย ก็จะยิ่งทำให้อาการนั้นแย่ลง และวันนี้ #เหมียวหง่าว คลิปน่ารักๆ ของคุณตาวัย 108 ปี ที่นอนซมอยู่บนเตียงผู้ป่วย แต่พอได้ยินเสียงแคนที่เค้าชอบแล้ว กลับมีชีวิตชีวาถึงกับโบกไม้โบกมือเซิ้งเลยทีเดียว เรื่องมีอยู่ว่า เพจเฟสบุ๊ค อี๊ดโปงลางสะออนแฟนคลับ ได้โพสท์คลิปของคุณตาคนหนึ่งที่กำลังนอนซมอยู่บนเตียง แต่แล้วจู่ๆ ก็ออกท่าเซิ้งอย่างมีความสุข เมื่อได้ยินเสียงแคนที่ชายในคลิปบรรเลง   โดยให้แคปชั่นว่า “อัศจรรย์เสียงแคน ทำให้คุณตาวัย108ปี จากอาการป่วยรอวันตาย ขยับร่างกาย สนุกสนานไปตามท่วงทำนองแคน ตามที่ท่านต้องการ อยากได้ยินเสียงแคนก่อนตาย เป็นความรู้สึกเกินจะบรรยายครับ”   เมื่อชาวเน็ตได้ชมคลิปเหตุการณ์สุดประทับใจนี้แล้ว ก็ต่างเข้ามาแสดงความซาบซึ้งใจกันอย่างมากมาย…     เป็นอย่างไรกันบ้างจ๊ะเพื่อนๆ หากใครที่ป่วยบ่อยๆ ก็อย่ายอมแพ้กันนะ เพราะถ้าเรายอมแพ้ ก็เท่ากับว่าเราได้ทิ้งโอกาสหลายๆ อย่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไปด้วย จงเข้มแข็งและสู้กับมัน เพื่อวันพรุ่งนี้ที่สดใสรอเราอยู่!! สู้ต่อไปนะทาเคชิ๊!! ที่มา : อี๊ดโปงลางสะออนแฟนคลับ

นักท่องเที่ยวจีนแม้จะช่วยให้การท่องเที่ยวประเทศไทยดีขึ้น แต่พวกเขามักมีพฤติกรรมบางอย่างที่ทำให้ชาวบ้านต้องส่ายหน้า โดยเฉพาะชาวเมืองเชียงใหม่ ที่เป็นเป้าหมายสำคัญของเหล่านักท่องเที่ยวจีน ไม่ว่าจะเป็นถ่ายหนักในคูเมือง หรือว่าจะเป็นพฤติกรรมการขับขี่รถจักรยานยนต์สุดหวาดเสียว และวันนี้อีกครั้งกับชาวจีน เมื่อเจ้าของเฟสบุ๊ค SK Ylinevet ได้จับภาพนักท่องเที่ยวจีนขึ้นไปกางเต็นท์นอนบนกำแพงเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเขตหวงห้าม แม้จะมีป้ายติดไว้ทุกภาษา แต่ดูเหมือนนักท่องเที่ยวจีนจะไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก   โพสต์โดย SK Ylinevet บน 4 เมษายน 2016 โดยเจ้าของภาพได้เขียนบรรยายไว้ว่า “นักท่องเที่ยวตั้งเต็นท์นอนบนกำแพงเมืองเชียงใหม่ ตรงแจ่งกู่เฮืองค่ะ น่าจะตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ตอนนี้กำลังเก็บของจะออกจากพื้นที่ เราโทรแจ้งตำรวจจราจรและส่งรูปผ่านเฟสบุ๊คเพจไปแล้ว (เราไม่มีเวลาอยู่รอจนตำรวจมา) ด้านล่าง มีป้ายประกาศว่าห้ามปีนขึ้นไป ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และรูปสัญลักษณ์ ก็ยังไม่วายทำแบบนี้อีก เราสงสารเชียงใหม่นะคะ นักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่เห็นแก่ตัว ทำร้ายเมืองของเราแบบนี้ตลอดเลย หากใครพบเห็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวทำไม่ถูกต้อง อย่าลืมรีบแจ้งตำรวจ และแชร์ข้อมูลให้รู้ทั่วกันนะคะ จะได้ป้องปรามในครั้งต่อไปค่ะ”       เมื่อชาวเน็ตได้เห็นภาพดังกล่าว ก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย         ถึงกับไปนอนบนโบราณสถานเลยเหรอ จริงๆ #เหมียวอ๊อดโด้ ก็เชื่อนะว่านักท่องเที่ยวดีๆ ยังมีอีกมาก แต่แบบนี้ก็เยอะเหมือนกัน ยังไงก็ขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยจัดการกับคนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบบ้านเมืองด้วยนะฮะ…

กลายเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์เลยทีเดียว สำหรับกรณีของหนุ่มชิน ชินวุฒ ที่เข้ารับการเกณฑ์ทหารเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 4 เมษายน แต่เนื่องจากเจ้าตัวได้ขาดการผ่อนผันเมื่อปี 2556 ทำให้หมดสิทธิ์ผ่อนผันและต้องเข้ารับราชการทหารทันที 2 ปี     หลังจากที่ทราบข่าวเจ้าตัวก็ถึงกับเสียใจและมีน้ำตาให้เห็น เพราะเนื่องจากตนเองเป็นเสาหลักของบ้าน แต่ล่าสุดเจ้าตัวก็ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน IG @chinchinawut ว่า ที่ตัวเองร้องไห้ให้เห็นนั้นไม่ใช่เพราะต้องเข้ารับราชการ แต่เพราะเป็นห่วงที่บ้านมากกว่า พร้อมทั้งยังบอกอีกว่าภูมิใจที่ได้เป็นทหาร       อ่านโพสต์เต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย ผมขอชี้แจงนะครับ ผมไม่ได้ร้องไห้เพราะต้องเข้ารับราชการ เป็นทหาร และใช่ครับผมโดนกรณีหลีกเลี่ยงเมื่อ3ปีที่แล้ว เพราะมีข้อผิดพลาดเรื่องคิว และผมก็รับผิดชอบเอง เพราะฉนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ผมก็รับผิดชอบเช่นกันครับ ภูมิใจครับที่ได้เป็นครับ เพราะครอบครัวทั้งฝั่งคุณพ่อ และคุณแม่ ก็เป็นครอบครัวทหารทั้งคู่ เหตุผลที่มีน้ำตา เพราะผมเป็นห่วงที่บ้านครับ เนื่องจากผมมีความรับผิดชอบในการเป็นเสาหลักของครอบครัวเลยมีความเป็นกังวลเรื่องชีวิตของคนข้างหลังครับ หวังว่าทุกคนเข้าใจตรงกันนะครับ ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่มีให้ผมและครอบครัวครับ 🙂 รูป Cr: @thairath รูปภาพที่โพสต์โดย Chinawut Indracusin (@chinchinawut) เมื่อ เม.ย. 3, 2016 เวลา…

ทุกวันนี้มีภาพของซิงเกิลมัมให้เราเห็นกันจนเป็นเรื่องปกติเลยนะ แต่ใช่ว่าสาวๆ ทุกคนจะสามารถรับมือได้อย่างเข้มแข็ง หากคุณต้องการกำลังใจล่ะก็ วันนี้#เหมียวฟิ้นมีตัวอย่างที่น่าชื่นชมมาให้เพื่อนๆ ได้ดูเป็นตัวอย่างล่ะ   เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ คุณแม่ยังสวย ได้โพสต์ภาพของคุณแม่คนหนึ่ง ที่เล่าประสบการณ์การตั้งท้องระหว่างเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 3 ทำให้เธอต้องหยุดเรียนไปกลางคัน     และในวันที่เธอคลอดลูก ตรงกับวันที่เพื่อนๆ ของเธอต้องรับปริญญาพอดี ทำให้เธอรู้สึกเสียใจและอยากจะหยุดเรียนออกไปหางานทำเลย แต่เธอก็ฮึดสู้และกลับมาเรียนต่อปีสุดท้ายกับรุ่นน้อง แม้จะไม่มีเพื่อนและเหงาขนาดไหนก็ตาม เธอก็ฟันฝ่าจนเรียนจบ   แต่เหมือนเธอจะยังเจอโชคร้ายอีกครั้ง เมื่อลูกอายุได้ 1 ขวบ แฟนหนุ่มก็ดันมาเลิกกับเธอไป ทำให้เธอกลายเป็นซิงเกิลมัมอยู่คนเดียว แต่เธอก็หางานทำได้และยังบอกอีกว่าตอนนี้ชีวิตมีความสุขดี โชดีมาที่ตอนนั้นเธอตัดสินใจกลับไปเรียน     อ่านเรื่องราวเต็มๆ ของเธอได้ที่นี่เลย ท้องตอนอยู่ปี3 เลยต้องดรอปเรียนไป1ปีค่ะ ตอนแรกกะจะไม่กลับไปเรียนต่อแล้วเพราะอยากรีบทำงานหาเงิน วันที่เราคลอดลูกนอนอยู่โร… โพสต์โดย คุณแม่ยังสวย บน 1 เมษายน 2016   ทั้งนี้ทั้งนั้นอยากให้สาวๆ (และหนุ่มๆ) ทั้งหลายป้องกันตัวกันด้วยนะ หากยังไม่พร้อม แต่ถ้าเดินพลาดไปก็สามารถแก้ไขใหม่ได้ ชีวิตเรายังมีทางเดินให้เลือกอีกมากมาย สู้ๆ นะจ๊ะ ที่มา คุณแม่ยังสวย

จำได้ไหมว่าความรักของเพื่อนๆ เกิดขึ้นได้อย่างไร? หลายๆ คนอาจจะตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบ เพียงได้เห็นหน้ากันครั้งแรกก็ถูกใจใช่เลย แต่สำหรับคนที่มองไม่เห็นล่ะ? ความรักของพวกเขาจะเริ่มต้นขึ้นที่ไหนกัน? และจะมีรูปแบบเป็นอย่างไรก็ไม่อาจจินตนาการได้เลย วันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวน่ารักๆ ของคู่รักหนึ่งคู่ ที่ทำการเซอร์ไพรซ์ขอแต่งงานกันบนชายหาดที่รายล้อมไปด้วยผู้คน หลายๆ คนอาจจะคิดว่ามันก็ธรรมดาไม่เห็นน่าแปลกตรงไหน แต่เชื่อเถอะว่าถ้าเพื่อนๆ ได้รับชมเรื่องราวต่อไปนี้แล้วต้องน้ำตาไหลพรากแน่นอน ถ้างั้นไปชมกันเลย   เป็นเรื่องราวความรักของคู่รักที่กำลังจะทำการแต่งงานกันในเร็วๆ นี้ คือคุณนรินทร์และคุณกิ่ง เค้าทั้งคู่เป็นผู้พิการทางสายตาตั้งแต่กำเนิด   ทางรายการน้ำผึ้งพระจันทร์ ได้ถ่ายทอดเรื่องราวน่ารักๆ ให้เราได้ชมกันเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งคุณนรินทร์เล่าให้ฟังว่าเขาพบกับคุณกิ่งครั้งแรกตอนที่อยู่โรงเรียนสอนคนตาบอด สมัยตอน ม.ปลาย   นอกจากนี้คุณนรินทร์ยังเล่าให้ฟังอีกว่า เจอกันครั้งแรกๆ ก็รู้จักกันธรรมดา เพราะต่างคนต่างก็ยังเป็นเด็กอยู่ จึงไม่ได้สนใจอะไรเรื่องนี้ แต่หลังจากนั้นพอเจอกันบ่อยขึ้นก็เริ่มสนิท เริ่มรู้จักกันมากยิ่งขึ้น ก็เลยตกลงตัดสินใจเป็นแฟนกัน   ทั้งคู่ก็คบกันมาเรื่อยๆ ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมา โดยทำอาชีพขายลอตเตอรี่ด้วยกัน จนเวลาล่วงเลยผ่านมากว่า 7 ปี คุณนรินทร์ ก็เลยอยากจะทำสิ่งที่พิเศษสักอย่างหนึ่งเพื่อคุณกิ่ง ที่ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมา ด้วยการทำเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานสุดแสนจะน่ารัก   คุณนรินทร์ได้ติดต่อกับทางรายการ ซึ่งรายการน้ำผึ้งพระจันทร์นี้ก็เป็นรายการโปรดของคุณกิ่งซะด้วย เพื่อมาสานฝันเซอร์ไพรส์การขอแต่งงาน…

เด็กๆ รุ่นใหม่ดูเหมือนจะมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำเยอะกว่าแต่ก่อนนะ ทั้งเล่นดนตรี เล่นกีฬา ถ่ายภาพ แต่หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ก็คงจะไปไม่ถึงฝั่งฝันอย่างแน่นอน     เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 3 เมษายน ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Gift Chanwut Kamprai ได้โพสต์ภาพสนามกีฬาเอ็กซ์สตรีมที่บริเวณบึงแก่นนคร อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ที่ได้รับความเสียหายหนักจากสภาพฝนฟ้าอากาศ และผุพังไปตามกาลเวลา พร้อมกับเรียงร้องให้หน่วยงานรัฐฯ เข้ามาดูแลและซ่อมแซมให้ด้วย     ทั้งนี้เจ้าตัวยังโพสต์ข้อความด้วยว่า “ฝันของเด็กขอนแก่น สลายหมด!!! ไม่น่าเชื่อทั้งๆ ที่ขอนแก่นเป็นแห่งแรกๆ ที่กำเนิดกีฬาประเภทนี้และจัดทำการแข่งขัน มาตลอดทุกปี แต่นี่ปีที่ 2 แล้ว… ปัจจุบันมันคืออะไร??”   “เกิดอะไรขึ้น หน่วยงานภาครัฐหายไปไหนทำไมปล่อยทิ้งพวกผมแบบนี้ จะให้พวกผมไป แว้น มอไซค์ มันก็ไม่ใช่ เรื่อง พวกผมคืออนาคตของชาตินะครับ!! ‪‎เทศบาลนครขอนแก่น‬ ‪ช่วยแชร์ให้ถึงผู้ว่าขอนแก่นด้วยครับ‬”                  …

อย่างที่#เหมียวฟิ้นได้เคยรายงานไปก่อนหน้านี้ว่าการเป็นคนดังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องรับมือกับแฟนคลับ (และแฟนขับ) ทุกรูปแบบ อย่างเช่นกรณีสาว อั้ม พัชราภา ที่มักจะเจอเรื่องให้ปวดหัวได้ไม่เว้นแต่ละวัน     ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา สำนักข่าว INN ได้รายงานว่า น.ส.มนกันต์ มุสิก ทนายความของอั้ม พัชราภาได้เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับสน.พหลโยธิน เกี่ยวกับกรณีที่มีสมาชิกในโลกออนไลน์โพสต์ข้อความดูหมิ่นและข่มขู่เข้ามายัง IG ของสาวอั้มแล้ว     ตามรายงานบอกว่าทางทนายได้มีการนำภาพข้อความต่างๆ เข้ามาให้เจ้าหน้าที่ดู เบื้องต้นทราบว่ามีบัญชีผู้ใช้ถึง 5 รายที่โพสต์ข้อความดังกล่าว และทั้ง 5 บัญชีนี้น่าจะไม่ใช่คนๆ เดียวกันทั้งหมด     ทั้งนี้สาวอั้มได้แจ้งความไปตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมาแล้ว และพยายามกำชับกับทนายของเธอด้วยว่าให้ดำเนินการตามหาตัวบุคคลเหล่านี้ให้เต็มที่ เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่คนที่ชอบโพสต์ข้อความดูหมิ่นคนอื่นๆ ด้วยคำพูดหยาบคายด้วย   เป็นบุคคลสาธารณะนี่มันเหนื่อยจริงจริ๊ง ที่มา innnews

ว่ากันด้วยเรื่องของยานพาหนะที่เราเก็บหอมรอมริบซื้อมาใช้งาน ก็ไม่อยากให้มีอาการงอแงเอะอะร้องหาช่างตลอด แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งในแต่ละครั้งการนำรถเข้าไปตรวจเช็คอาการที่ศูนย์บริการก็น่าจะไว้วางใจได้มากที่สุด แต่ถ้าหากมันเกิดสุดวิสัยจริงๆ ก็จำเป็นที่จะต้องหาอู่บริเวณใกล้เคียงแทน     เรื่องราวของคุณ samurais จากพันทิปที่เกิดเหตุรถยนต์ขัดข้องระหว่างขับไปทำธุระ จู่ๆ รถก็ดับกลางทาง ในขณะที่กำลังจะลองสตาร์ทอีกรอบ ก็มีคนผ่านมาตบไฟกระพริบช่วยลากรถเข้าอู่ให้ เมื่อไปถึงอู่แล้วก็วินิจฉัยอาการว่าน่าจะมาจากเซ็นเซอร์สตาร์ทเสีย เปลี่ยนแล้วน่าจะหาย ซึ่งก็สตาร์ทติดจริง แต่ตามมาด้วยอาการเครื่องสั่น อู่ก็เลยบอกว่าปั๊มติ๊กน่าจะเสียด้วย ก็เลยจัดการเปลี่ยนไปสองรายการ แต่ไม่มีการรับรองคุณภาพของที่เปลี่ยนจากอู่เลย     เพียงไม่นาน ขับรถออกมาได้ 300 เมตรรถก็ดับอีก สุดท้ายก็โดนลากกลับไปที่อู่เดิม ช่างก็ทำการวัดไฟที่ฟิวส์ในกล่องคอนโทรลรถ แต่กลับใช้ฟิวส์คนละขนาด โดยตัวรถใช้ 15 แอมป์ แต่ช่างใช้ 7.5 แอมป์ แล้วอ้างว่ามีกลิ่นไหม้มาจากฝาน้ำมันเครื่อง คราวนี้ก็จัดการเปลี่ยนฟิวส์ไปอีกรอบ แต่อาการก็ยังไม่หาย สตาร์ทติดแต่ก็ดับเหมือนเดิม จนต้องทิ้งรถไว้ให้ช่างจัดการ     เขาโดนปฏิเสธความคืบหน้าของการซ่อมไปหลายครั้ง ผลัดวันประกันพรุ่งจากอู่ โทรไปตามจนโดนตัดสายทิ้ง สุดท้ายก็ต้องไปดูด้วยตัวเองให้เห็นกับตา สภาพที่เห็นก็คือเครื่องยนต์ถูกรื้อไม่เหลือเค้าเดิมเลย เพียงแค่อาการเครื่องดับถึงกับต้องรื้อกันขนาดนี้เลย!!     เมื่อสอบถามอีกครั้งว่าซ่อมทั้งหมดจะประมาณเท่าไหร่ เจ้าของอู่บอกเลยว่า 20,000…

เริ่มกันไปแล้วสำหรับงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ 2559 ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งภายในงานก็จะมีสำนักพิมพ์ต่างๆ ขนเอาหนังสือใหม่ๆ มาวางขายพร้อมกับมีนักเขียนมาแจกลายเซ็น   แถมยังมีการนำเอาหนังสือเก่าๆ ที่เคยตีพิมพ์ไปเมื่อนานมาแล้วมาลดราคากันกระหน่ำ ทำเอาหนอนหนังสือตามเก็บกันไม่หวาดไม่ไหวทีเดียว แต่ที่ดูจะฮือฮาจนกลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์เห็นจะเป็นบูทของสำนักพิมพ์ธัญวลัย ที่มีการตั้งบูทภายในงานและใช้ข้อความสุดสยิวในการโปรโมทหนังสือตัวเอง   จนสมาชิกเว็บไซต์ทวิตเตอร์ @marinefst69 ทนไม่ได้ ต้องถ่ายภาพมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม เพราะอาจทำให้คนที่ไม่ได้ติดตามผลงานของสำนักพิมพ์แห่งนี้เข้าใจว่ามีแต่นวนิยายใต้สะดือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น           แต่หลังจากที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปได้ไม่นานนัก ทางเฟซบุ๊กเพจของสำนักพิมพ์ธัญวลัย ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความขอโทษถึงประเด็นดังกล่าว และจะรีบแก้ไขทันที เรื่องที่เกิดขึ้นธัญวลัยขอโทษทุกคนจากใจจริงนะคะ ได้อ่านทุกๆ คอมเมนท์ในทุกๆ ช่องทางแล้ว ยอมรับทุกๆ คำตำหนิในเรื่องของป้าย… โพสต์โดย tunwalai.com บน 1 เมษายน 2016   แหม่ เล่นโฆษณาซะแบบนี้#เหมียวฟิ้นนี่ถึงกับสยิวเลยจ้า ที่มา tunwalai.com

อีกหนึ่งทางเลือกของการเดินทางภายในประเทศไทยของเรา บริการอันเลิศหรูจากรถไฟไทยที่มอบความสุขให้กับคนไทยด้วยการนั่งรถไฟฟรีไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียว แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่าการนั่งรถไฟไทยนั้นมอบความรู้สึกที่หวานเย็นได้มากมายแค่ไหน     และเป็นอีกหนึ่งกรณีของผู้ที่อยากจะลองนั่งรถไฟฟรีพร้อมกับรีวิวการฝากสิ่งของไปกับรถไฟด้วย เรื่องราวของคุณ เราก็แค่ผู้ชายหัวใจสองล้อ จากพันทิปที่ปกติแล้วจะเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ แต่ในคราวนี้เลือกเดินทางไปงานแต่งของเพื่อนที่หาดใหญ่ด้วยการนั่งรถไฟไปพร้อมกับนำรถจักรยานยนต์ไปด้วย     การรับตั๋วรถไฟฟรีไม่มีปัญหาอะไรใดๆ ทั้งสิ้นเพียงแค่ยื่นบัตรประชาชนที่ช่องจำหน่ายตั๋ว แต่สิ่งที่เพิ่มเติมก็คือการนำมอเตอร์ไซค์โหลดขึ้นรถไฟไปด้วย ได้รับใบเสร็จที่ระบุค่าบริการชัดเจน คือค่าขนขึ้น 80 บาท และค่าขนลงอีก 60 บาท     แต่แล้วเมื่อถึงเวลาขนขึ้นก็มีเจ้าหน้าที่ขนสัมภาระเข้ามาพูดคุยขอเงินค่าบริการเพิ่มเติม โดยอ้างว่าเป็นค่าน้ำชา 50 บาท ถือว่าเป็นค่าดูยกและค่าดูแลรถไปในตัว (ทั้งๆ ที่คิดค่าบริการไปแล้ว)   สภาพของรถที่มาพร้อมกับฝุ่นจับ กระจกข้างไม่สนิท และป้ายทะเบียนงอ   เมื่อเดินทางมาถึงหาดใหญ่ ก็พบว่ามีรถจักรยานยนต์มาจอดอยู่แล้ว 2 คันเพื่อรอเข้าของมารับ ซึ่งสภาพก็เหมือนกับไม่ได้รับการดูแลเลย ทั้งฝุ่นจับ กระจกข้างหมุนไม่ตรง ป้ายทะเบียนหลุดออกมาจากกรอบ ซึ่งเมื่อถึงคิวของเขาบ้าง สภาพรถของเขาก็ไม่ต่างกับทั้ง 2 คัน ก่อนหน้านี้เลย แถมยังโดนเจ้าหน้าที่ขอค่ายกลงอีก 20 บาท     โชคดีที่ป้ายทะเบียนของเขาไม่หลุด…

การค้าขายในโลกออนไลน์ทุกวันนี้กลายเป็นเรื่องง่ายที่ใครๆ ก็สามารถทำได้นะ แต่หากเลือกสินค้าไม่ดี หรือเลือกสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์มาขายแล้วล่ะก็ คุณอาจจะต้องระวังตัวหน่อยนะ เพราะถึงคุณจะนั่งอยู่หน้าคอมแต่ก็อาจจะถูกตำรวจตามจับได้เช่นกัน   เมื่อช่วงดึกของวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก NattyShop Lady-Cawaii ได้โพสต์ภาพของแม่ค้าสาวรายหยึ่ง ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.ตลิ่งชันจับกุม ในข้อหาขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ออนไลน์     พร้อมกันนี้ยังมีข้อความประกอบด้วยว่า “วันนี้อยากจะมาโพสต์เตือน พ่อค้า แม่ค้า ออนไลน์กันนะคะ ลิขสิทธิ์เขาแรงมากจริงๆ ขายของผ่านเน็ตยังโดนตำรวจจับ บุกค้นถึงบ้าน ขนาดไม่ได้ใส่ชื่อ-ที่อยู่ลงไป เจ้าของแบรนด์เขาล่อซื้อ”   “แถมชุดที่เราซื้อใส่เองก็ยังโดนจับเป็นของกลาง ขายของต้องระวังกันด้วยนะคะเพื่อนๆ เพราะเสื้อผ้าบางชุดเจ้าของเขาไปจดลิขสิทธิ์ลายผ้าไว้”         ยังไงแล้ว พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของออนไลน์อยู่ก็ระมัดระวังตัวนิดนึงนะ อย่าไปขายของละเมิดลิขสิทธิ์เข้าล่ะ จะหาว่า#เหมียวฟิ้นไม่เตือนนา ที่มา NattyShop Lady-Cawaii

กฎหมายการจราจรภายในกรุงเทพฯ นั้นเป็นอะไรที่เริ่มขัดใจผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์มานานแล้ว ตั้งแต่กรณีของการห้ามรถจักรยานยนต์ขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำ และในคราวนี้ก็มาถึงการห้ามขึ้นสะพานทุกแห่งนั่นก็รวมไปถึงสะพานข้ามแยกและอุโมงค์ในกรุงเทพฯ   แยกใต้สะพานข้ามแยกรัชโยธิน มีไฟแดง แต่ไม่สามารถไปตรงได้     การห้ามขึ้นสะพานนั้นยังพอเข้าใจได้ แต่ทำไมไม่มีการเปิดช่องทางให้ไปตรงด้วย แล้วทีนี้ปัญหาของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ที่ไม่สามารถขึ้นสะพานข้ามแยกได้จึงจำเป็นที่จะต้องเลี้ยวไปอีกทางและหาทางกลับรถเพื่อย้อนไปเส้นทางเดิมอีกครั้ง และเป็นที่รู้กันดีว่าจุดกลับรถนั้นไกลออกไปหลายกิโลเมตร   เนื่องจากไปตรงไม่ได้ใต้สะพานข้ามแยก จึงจำเป็นที่จะต้องหาจุดกลับรถที่ไกลออกไปเพื่อย้อนกลับมาเส้นทางเดิม   เรื่องนี้ถูกเปิดประเด็นในความสงสัยโดยคุณ สมาชิกหมายเลข 2345612 จากพันทิป ถ้าหากว่าห้ามขึ้นสะพานข้ามแยกแล้วก็ควรจะปล่อยให้แยกใต้สะพานนั้นสามารถไปตรงได้ด้วย ทางจะตรงไปอยู่ข้างหน้าแท้ๆ แต่กลับไปตรงไม่ได้ ส่งผลทำให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้นจากการไปหาที่กลับรถไกลๆ   แยกพัฒนาการ-ศรีนครินทร์ ก็เป็นอีกแยกที่มีสะพานข้ามแยก แต่รถจักรยานยนต์ไม่สามารถขึ้นไปได้และห้ามไปตรงใต้สะพานข้ามแยก   เพราะฉะนั้นจึงต้องไปหาจุดกลับรถที่ไกลออกไปถึง มอเตอร์เวย์-พระราม 9   กลายเป็นว่าผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์นั้นกลายเป็นพลเมืองชั้นสองอย่างเต็มตัว มีข้อห้ามที่เยอะมาก เพราะเมื่อก่อนกฎหมายมีข้อห้ามอันเนื่องมาจากประสิทธิภาพของรถจักรยานยนต์นั้นยังไม่ดีมากเท่าไหร่ โดยสมัยนี้อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปแล้ว แต่ฎฏหมายไม่มีการเปลี่ยนแปลงตาม   อีกกรณีสำหรับสะพานไทย-เบลเยี่ยม ที่มีการเปิดช่องจราจรให้รถจักรยานยนต์มานานแล้ว แต่ภายหลังถูกสั่งห้ามทั้งๆ ที่มีป้ายติดช่องของจักรยานยนต์มาก่อน   ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในกรุงเทพฯ ต้องเจอกับข้อห้ามต่างๆ มากมาย จึงทำให้หลายคนรู้สึกไม่พอใจซักเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าจะเป็นการลดปัญหารถติด ระบายรถออกในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ลองมาคิดๆ ดูอีกทีมันดีจริงอย่างที่หวังเอาไว้หรือไม่…

นี่ถือเป็นเรื่อวราวดีๆ ที่#เหมียวฟิ้นได้อ่านแล้วถึงกับหัวใจพองโตไปด้วยเลย เพราะนี่เป็นคลิปเซอร์ไพรซ์ของพ่อหนุ่มคนหนึ่งที่แอบซื้อรถเก๋งมาให้แม่ พร้อมกับถ่ายคลิปวิดีโอมาแชร์ให้ชาวเน็ตได้รู้สึกยินดีไปกับเขา   เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอผ่านผู้ใช้เฟซบุ๊กของคุณ Peerapat Pemhansa หนุ่มใต้จากจังหวัดยะลา เป็นคลิปที่เจ้าตัวเอาของขวัญวันเกิดไปเซอร์ไพรซ์ให้กับแม่ของเขา     เมื่อแม่เห็นของขวัญก็ค่อยๆ แกะออกมาและพบว่าภายในกล่องมีกุญแจดอกหนึ่งอยู่ข้างใน ด้านลูกชายจึงแกล้งบอกว่านั่นคือกุญแจมอเตอร์ไซค์และชวนให้แม่ของเขาออกมาดูเองที่หน้าบ้าน   เมื่อทั้งคู่เดินออกไปหน้าบ้านก็พบกับรถเก๋งมิตซูบิชิมิราจสีแดงจอดอยู่ จากนั้นลูกชายก็เปิดประตูพาแม่ของเขาเข้าไปนั่งในรถ และบอกว่า “เดี๋ยวค่อยสอนขับรถเพิ่ม โอเคไหมแม่ คันนี้ของแม่ วันหลังไม่ต้องตากแดดขับมอไซค์แล้ว”     ชมคลิปได้ที่ด้านล่างเลย แม่ครับ… ลูกมีของขวัญจะให้ อิๆ.. รักแม่ที่สุดในโลกเลยนะรู้ไหม… โพสต์โดย Peerapat Pemhansa บน 29 มีนาคม 2016   น่าดีใจแทนคุณแม่จัง ที่มีลูกน่ารักๆ แบบนี้ ที่มา Peerapat Pemhansa

ดูเหมือนจะมีปัญหาให้หยิบมาพูดถึงได้แบบวันเว้นวันเลยทีเดียว สำหรับกรณีของคนขับบิ๊กไบค์และพี่ๆ ตำรวจจราจร เพราะล่าสุดมีชาวสองล้อถูกตำรวจจับข้อหาไม่ใส่บังโคลน ทั้งๆ ที่ตอนซื้อมาก็แทบไม่มีอยู่แล้ว!?   เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอของผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า วิษณุ ยอดแย้ม เป็นคลิปที่เจ้าตัวกำลังขี่มอเตอร์ไซค์ไปจังหวัดสระบุรี แต่ในระหว่างทางนั้นเองกลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเรียกให้จอด พร้อมกับแจ้งข้อหาใส่ท่อเสียงดังทันที     แต่เนื่องจากเจ้าของรถยืนยันว่าเสียงท่อไม่ได้ดังมาก จึงขอให้เอาเครื่องวัดเสียงมาวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงหันไปพูดถึงเรื่องบังโคลน ที่มีขนาดสั้น ตรงนี้เจ้าของรถก็ย้ำอีกว่าตอนซื้อมามันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว     เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องต่อสายหาร้านมอเตอร์ไซค์เพื่อสอบถามว่าสภาพรถดั้งเดิมเป็นอย่างไรกันแน่ สุดท้ายก็ต้องปล่อยตัวหนุ่มบิ๊กไบค์ไปตามระเบียบพร้อมกับบอกว่าตนเองไม่เคยจับรถแบบนี้มาก่อน ถือว่าเป็นเคสเเรก     อันที่จริงแล้วกรณีนี้#เหมียวฟิ้นคิดว่าน่าจะผิดกันคนละครึ่งทางนะ เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ใช้ความรู้สึกเพียงอย่างเดียว ไม่มีอุปกรณ์ในการวัดที่เป็นมาตรฐาน ส่วนคนขับบิ๊กไบค์เองก็มีการดัดแปลงสภาพรถมาจริงๆ ก็อาจจะทำให้ถูกเพ่งเล็งจากเจ้าหน้าที่ได้เช่นกัน   หนุ่มๆ บิ๊กไบค์คนไหนที่ต้องเดินทางและพบปะกับพี่ๆ ตำรวจจราจรล่ะก็ เตรียมพร้อมไว้หน่อยก็ดีนะจ๊ะ ที่มา วิษณุ ยอดแย้ม

ว่าด้วยเรื่องของต้นไม้…เพื่อนๆ คงจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเหล่าต้นไม้เองก็มีชีวิตเช่นกัน พวกมันสามารถหายใจ กินอาหาร และก็ตายได้ ซึ่งส่วนที่สำคัญที่สุดของมันก็คือ ‘ราก’ นั่นเองซึ่งเป็นส่วนที่มีหน้าที่ในการลำเลียงสารอาหารเข้าสู่ลำต้น ถ้าหากเราจะทำการเคลื่อนย้ายต้นไม้นั้น วิธีการที่ถูกต้องก็คือจะต้องขุดไปทั้งรากแล้วก็นำไปปลูกที่อื่นที่ขุดดินเตรียมไว้แล้ว ถึงจะทำให้เหล่าต้นไม้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ซึ่งล่าสุดก็ได้มีกระแสฮือฮาในโลกโซเชียลในเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ของเทศบาลเมืองจังหวัดร้อยเอ็ด… จากโพสท์ของชาวเน็ตนามว่า Wiput Sukprasert เป็นรูปภาพบริเวณรอบๆ บึงพลาญชัย ในจังหวัดร้อยเอ็ด ที่กำลังจะถูกตัดต้นไม้บริเวณรอบๆ พร้อมกับแคปชั่นว่า “ช่วยด้วย! พี่น้อง FB เทศบาลเมืองร้อยเอ็ดแสดงความ ป่าเถื่อน ล้าหลัง ด้วยการ ตัดต้นไม้รอบ บึงพลาญชัย ช่วยต้นไม้รอบบึงพลาญชัยที่ยังเหลือ (เหลือเกือบไม่ถึงครึ่งแล้ว) ด้วยครับ ช่วยไลค์ ช่วยแชร์ ให้ไปถึง นายกฯ หน่อยครับ ปล. ตอนเขียน โครงการ บอกว่า ขุดย้าย (ตามป้ายรูปแรก) แต่ดู พฤติกรรม ตอนลงมือทำสิครับ ขุดย้ายแบบไหน” ช่วยด้วย! พี่น้อง fb.เทศบาลเมืองร้อยเอ็ดแสดงความ ป่าเถื่อน ล้าหลัง ด้วยการ ตัดต้นไม้รอบ บึงพลาญชัย.ช่วยต้นไม้รอบบึงพ… Posted by Wiput Sukprasert on Sunday,…

พออินเตอร์เน็ตสามารถเข้าถึงคนได้ทุกประเภท ทำให้เกิดเรื่องเกรียนๆ ฮาๆ หน่ายๆ มากมาย และวันนี้อีกครั้งกับเด็กหัวเกรียนที่ไม่รู้สี่รู้แปด มาขอให้นักดนตรีแกะเพลงให้ แต่พอเขาไม่ว่าง กลับบ่นว่า “เซ็งว่ะ” แถมตัดพ้อสารพัด จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย เรื่องราวเป็นของเพจสอนดนตรีผ่านอินเตอร์เน็ตเพจหนึ่งชื่อว่า Learn Guitar on Face By Zaadoat เขาได้แคปภาพบทสนทนากับเด็กคนหนึ่ง ที่อยากให้เขาช่วยแกะเพลงเพื่อไปจีบสาว ซึ่งท่าทางเด็กคนนั้นจะรีบร้อนมาก ถึงกับทักมารัวๆ เลยทีเดียว   ทางเจ้าของเพจคนนั้นก็ตอบว่า ช่วงนี้ยังไม่ว่าง แถมมีนักเรียนต้องสอนอีก ลองติดต่อคนอื่นมั้ย เด็กคนนั้นก็ตอบมาว่า แกะเพลงให้ผมก่อนได้มั้ย นักเรียนที่จะสอนเอาไว้ทีหลัง ส่วนเรื่องให้คนอื่นแกะ เค้าคิดราคาตั้ง 1,200 ผมจ่ายไม่ไหว จะให้จ่ายเงิน 1,200 เพื่อเพลงเดียวเหรอ ไม่เอาด้วยหรอก   ทางเจ้าของเพจก็ตอบไปว่า 1,200 ไม่แพงหรอก สำหรับแกะเพลงๆ หนึ่งให้คนๆ เดียว มันต้องใช้ทั้งเวลาและความสามารถนะ เด็กคนนั้นก็ตอบมาว่า “เซ็งหวะ” ทำไมพี่ไม่ช่วยผมเลย   เด็กคนนั้นยังตัดพ้ออีกว่า เจ้าของเพจไร้น้ำใจสิ้นดี ขนาดเค้ารีบขนาดนี้ยังไม่สนใจจะช่วยเลย เจ้าของเพจก็เลยตอบกลับไปว่า ใจเย็นๆ…

อย่างที่เรารู้ๆ กันว่าเหล่าสัตว์จรจัดทั้งหลายจะมีสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก ไร้ความอบอุ่น ไร้ที่พึ่งพิง ไม่มีอะไรการันตีความปลอดภัยในชีวิตของพวกมันได้เลย อีกทั้งยังถูกผู้คนที่เดินผ่านไปมารังเกียจ เพราะสภาพหน้าตาของพวกมันไม่ได้น่ารักน่าชังเหมือนสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในบ้าน วันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวเกี่ยวกับแมวจรจัดมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกัน เรื่องมีอยู่ว่า คุณ Panjapoom Sitthikongsak ได้โพสท์รูปภาพลงในกลุ่ม ทาสแมว เป็นภาพของชายคนหนึ่ง กำลังให้อาหารเหล่าเหมียวน้อยอยู่บนหลังคา แค่นี้ก็สุขใจแล้ววววว . Posted by Panjapoom Sitthikongsak on Friday, March 25, 2016   พร้อมกับให้แคปชั่นว่า “คนเราเกิดมาไม่เท่ากัน แต่ทำสิ่งดีๆได้ไม่น้อยไปกว่ากันนะครับ แมวบนหลังคาแถวบ้าน ห้องพี่เขาอยู่ติดกับหลังคาพอดี ผมอยู่ชั้น 5 เห็นพอดี เขายืนคุยกับพวกเด็กๆว่า “อร่อยมั้ย” น่ารักดีครับ ความสุขเล็กๆที่หาได้จากนอกหน้าต่าง :)”          นอกจากนี้คุณ Panjapoom Sitthikongsak ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า เจ้าแม่แมวตัวสีน้ำตาลในภาพ แต่ก่อนเป็นแมวมีเจ้าของ แต่พอเจ้าของเดิมย้ายออกไปก็ถูกทิ้งไว้ที่นี่ พร้อมกับลูกน้อย 3 ตัว (อีกตัวป่วยอยู่กำลังอยู่ในช่วงรักษาตัว)…

เมื่อช่วงสองสามสัปดาห์ก่อน มีชาวเน็ตออกมาตั้งกระทู้แฉว่า เพลง “แพ้ทาง” ของวง “ลาบานูน” ดันไปมีทำนองและจังหวะการร้องคล้ายกับเพลงจากประเทศเลบานอนที่ชื่อว่า Nas Teshbehlena ของศิลปินชาวอาหรับ Maher Zain ซึ่งหลังจากที่ #เหมียวอ๊อดโด้ ลองฟังแล้ว ก็พบว่ามันคล้ายกันจริงๆ อย่างที่เขาบอกแฮะ   ใครที่ยังไม่ได้ฟัง ก็ลองฟังเปรียบเทียบกันดูนะ เพลงแรก  “แพ้ทาง” ของวง “ลาบานูน”   อันนี้เพลง Nas Teshbehlena ของศิลปินชาวเลบานอน Maher Zain   ล่าสุดทางเพจ FatAlarmBoy ก็ทนไม่ไหวกับกระแสนี้ จึงแต่งเพลงออกมาเสียดสีการก็อบเพลงต่างชาติของวงการเพลงไทย ชื่อว่าเพลง แพ้ทาง – เลบานอน จะฮา จะเกรียนขนาดไหน ไปฟังกันเลย   สำหรับเนื้อเพลง แพ้ทาง-เลบานอน มีดังนี้ ทำไมต้องตั้งกระทู้ ทุกทีที่มีเพลงใหม่ ทำไมต้องทำเรื่องเล็ก ให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ ทำไมเธอต้องฟ้องเวลา ที่ฉันลอกมา ฉันจะบ้า อยู่เเล้ว เหมือนเธอมีเวทมนต์ ค้นไปเจอต้นตอ…

ทุกวันนี้มีร้านค้าออนไลน์ผุดขึ้นมาในเฟซบุ๊กมากมาย หากร้านค้าของคุณขายสินค้าแฮนด์เมดล่ะก็คงจะสบายไป แต่หากรับมาขายล่ะก็ควรจะเช็กกันดีๆ หน่อยนะ เพราะหากเป็นของที่ไปละเมิดลิขสิทธิ์คนอื่นมาอีกทีล่ะก็คุณอาจจะมีปัญหาแบบร้านขายเคสไอโฟนร้านนี้ได้ล่ะ   เมื่อช่วงบ่ายโมงของวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @2PIIM ได้โพสต์เล่าเรื่องราวผ่านโลกออนไลน์ว่ามีร้านขายเคสมือถือร้านหนึ่งในโลกออนไลน์ ได้นำเอาภาพวาดการ์ตูนของเธอไปทำเป็นเคสไอโฟนขาย ทั้งๆ ที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่องหรือมีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลย     จากนั้นเจ้าตัวก็ได้ส่งข้อความไปยังร้านค้าแห่งนั้นเพื่อบอกให้รู้ว่าเธอเป็นเจ้าของภาพดังกล่าว แต่แอดมินเพจกลับบอกว่า “พี่อยู่จีน ที่จีนผลิต ถ้าน้องจะฟ้องก็ตามมาค่ะ พี่เจอมาเยอะแล้วแบบนี้” ทำให้เจ้าของผลงานถึงกับไปไม่เป็นทีเดียว         หลังจากนั้นในช่วงค่ำของวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ทางร้านขายเคสไอโฟนดังกล่าวก็ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่าทางเจ้าของเพจได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว จึงได้ทำการลบภาพเคสมือถือดังกล่าวออกจากเพจ และได้มีการให้พนักงานที่ทำหน้าที่เป็นแอดมินเพจออกจากการทำงานไปแล้วเรียบร้อย   พร้อมกับชี้แจงอีกว่าเคสทั้งหมดทำในประเทศจีน จึงไม่ทราบว่าภาพต่างๆ ที่นำเอามาทำนั้นเป็นภาพที่ไม่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์   ผมในฐานะเจ้าของเพจนะครับ ขออธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ตามนี้ครับ วันนี้เมื่อวานช่วงเย็น ทางเพจได้มีการลงโฆษณาขายเ… โพสต์โดย Case-Store เคสไอโฟน ขายปลีก-ราคาส่ง บน 28 มีนาคม 2016   หลังจากนั้นกรมทรัพย์สินทางปัญญาก็ได้ฝากการ์ตูนน่ารักๆ มาบอกด้วยว่า… pic.twitter.com/WLGs1fyTdy — กรมทรัพย์สินทางปัญญา…

ปัจจุบันการซื้อของผ่านอินเตอร์เน็ตกลายเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยเป็นอย่างมาก ด้วยความสะดวกสบายไม่ต้องเดินทางออกไปซื้อเอง แค่จ่ายเงินผ่านอินเตอร์เน็ต รอแค่วันสองวัน สินค้าก็เดินทางมาถึงแล้ว แต่บางครั้ง การสั่งซื้อสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ตก็อาจเกิดปัญหาได้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะพ่อค้าแม่ค้าเอง หรือว่าอาจเป็นที่ลูกค้า อย่างเรื่องที่ #เหมียวอ๊อดโด้ นำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมวันนี้ รับรองว่าเพื่อนๆ อ่านแล้วจะต้องกุมขมับไปกับความเงิบของลูกค้าจริงๆ จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย เรื่องราวดังกล่าวเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงจากร้านค้าออนไลน์แห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของร้านได้ฝากเพจ ลูกค้าคือบร๊ะเจ้า มาโพส (ตอนนี้ถูกลบไปแล้ว) เหตุการณ์มีอยู่ว่า มีลูกค้าคนหนึ่งได้ทักไลน์มาสอบถามแม่ค้าว่า ทำไมสินค้าที่ให้ส่งไปที่จังหวัดอุดรธานี ถึงมาโผล่ที่ไปรษณีย์ตลิ่งชันแทน   เมื่อแม่ค้าตรวจสอบ ก็พบว่าชื่อที่อยู่ทั้งหมดก็ถูกต้อง และสินค้าก็กำลังเดินทางไปตามปกติ จึงสอบถามกลับไปยังลูกค้าว่า มีตรงไหนผิดหรือเปล่า   ลูกค้าก็ตอบกลับมาว่า เขาบอกให้ส่งไปอุดรฯ แล้วทำไมมันมาโผล่ที่ฉิมพลีล่ะ ทำไมมันไม่ไปอุดรฯ คนที่สั่งเค้ารออยู่นะ   เมื่อแม่ค้าก็อธิบายว่า พัสดุส่งเข้าที่ไปรษณีย์ตลิ่งชัน มันก็จะไปที่ตลิ่งชันก่อน แล้วมันจะค่อยๆ เดินทางไปอุดรฯ แต่ลูกค้าก็ยังไม่เข้าใจ และบอกว่าแม่ค้าส่งผิด ต้องรับผิดชอบที่ส่งผิดไป   แม่ค้าก็พยายามอธิบายว่ามันไม่ผิด แต่ดูเหมือนว่าลูกค้าก็ยังไม่เข้าใจ   สุดท้ายลูกค้าบอกว่าจะแคปแชทไปลงในพันทิป เพื่อให้ชาวเน็ตดูว่าใครเป็นคนผิดกันแน่อีกด้วย   แบบนี้ก็มีด้วย…

ปัจจุบันเป็นยุคของการอุปโภคบริโภค มีสินค้าและบริการออกมามากมายให้พวกเราได้เลือกใช้กัน และแน่นอนว่าต้องมีการแข่งขันทางการตลาดเกิดขึ้น เหล่าผู้ผลิตหรือผู้ให้บริการก็จะมีวิธีการในการเรียกลูกค้าที่แตกต่างกันไป แต่ที่ใช้งานบ่อยที่สุดก็คือการทำ ‘โฆษณา’ ซึ่งจะมีรูปแบบแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ว่าอยากพรีเซ้นต์อะให้เหล่าผู้บริโภคเห็น จนอยากซื้อ   และ #เหมียวหง่าว มีโฆษณาไอเดียล้ำเลิศของ ธนาคารธนชาติ มาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน จะครีเอทล้ำเลิศขนาดไหนนั้นลองไปชมกันได้เลย…   พี่แกล่อเปิดศาลไคฟงซะเองเลยเฟ้ย!!   ได้โปรดเถิดใต้เท้า ให้ข้าได้อธิบายก่อนข้าไม่ได้ทำความผิดเลยแม้แต่น้อย   ไม่ผิดได้ไง ก็ในอดีตเจ้ามีแค่เสื่อผืนหมอนใบ แต่ทำไมตอนนี้ถึงมั่งคั่งขนาดนี้ ขโมยมาใช่มั้ย??   เปล่าาา ข้าแค่มีรถ!?   ข้าขายบะหมี่เก็บเงินอดออมจนได้รถมา วันนึงก็ได้ข้อเสนอจากแม่นางคนหนึ่ง ว่าถ้าอยากขยายครัวให้เอารถไปแลกเงินมา   ข้าไม่เชื่อ เอารถไปแลกเงินมาแล้วแต่ทำไมรถยังอยู่กับเจ้าล่ะ?   เอาล่ะ… ไปชมต่อในคลิปกันซะเถอะ…   เอาล่ะลองไปชมคลิปเต็มๆ กันได้เลย…   ถามว่า #เหมียวหง่าว เขียนเรื่องนี้ รับเงินโฆษณาจากธนาคารธนชาติมากี่บาท ขอบอกเลยว่า… ไม่ได้สักบาทฮะ!! ก็เห็นโฆษณาเค้าฮาดีอยากจะแบ่งปันกันเท่านั้นเอง แต่.. ถ้าธนาคารเห็นว่าเรทติ้งดีอยากจ่ายตังค์ค่าเขียน ก็โอนมาได้ตลอด 24 ชั่วโมงเด้อออออ อิอิอิอิ ที่มา :…