Author:

กาลเวลาเมื่อผ่านไปแล้ว ก็ไม่มีวันที่จะย้อนกลับ สังขารคนเราก็เช่นกัน เมื่อกาลเวลาผ่านไป ร่างกาย ใบหน้า ผิวพรรณของเราก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไปด้วย บางคนก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ บางคนที่ยังไม่อยากแก่ ก็เสาะหาวิธีที่จะทำให้ตัวเองดูเยาว์วัยอยู่เสมอ เหมือนดังเช่นภาพของบรรดานักแสดงดังจากประเทศจีนเหล่านี้ ในอดีตพวกเขาเป็นหนุ่มสาวที่สวยหล่อมากๆ แต่พอมาถึงปัจจุบันเมื่ออายุมากขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไป ในขณะที่บางคนก็ดูเด็ก ดูสวยหล่อขึ้นกว่าเดิมเยอะ ไปดูสิ…ว่ามีใครบ้าง   1   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18   แต่ละคนดูเปลี่ยนไปเยอะมากจริงๆ…

สำหรับประเทศญี่ปุ่น ก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศเลยล่ะ ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยอย่างเราๆ ชื่นชอบที่จะไปมากที่สุด ทั้งเที่ยว ทั้งกิน ทั้งช็อป ครบสูตรจริงๆ เลยทีเดียว ยิ่งแถบโตเกียวด้วยล่ะก็ คนพลุกพล่านสุดๆ Liam Wong หนึ่งในทีมงานของ Ubisoft ที่ต้องมาทำงานที่นี่เกิดหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของเมืองนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่เขามาที่นี่ และได้มีโอกาสซื้อกล้อง DSLR ดีๆ ติดตัวมาด้วย จึงเดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ และนี่คือ 15 ภาพที่เขาถ่ายมาได้ ลองมาดูกันเลย… ‘ผมหลงใหลในความงามของเมืองนี้จนเกือบถอนตัวไม่ขึ้น ในคืนที่ฝนตกกลางมหานครใหญ่แห่งนี้ ผมถ่ายรูปแล้วรูปเล่า เหมือนกับผมหลุดเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการ ต้องยอมรับว่าผมชอบถ่ายภาพเมืองต่างๆ ในยามราตรีมากๆ ผมรอเพื่อจะได้ภาพดีๆ เป็นชั่วโมงๆ ได้อย่างสบายๆ แต่ถ้าคุณมีโอกาส ลองไปเที่ยวญี่ปุ่นล่ะเถอะ และต้องไปโตเกียวด้วย เพราะมันสุดยอดมาก’ Liam Wong   แถบ Kabukichō   และนี่ก็คือย่าน Shibuya อันโด่งดัง   หนาแน่นไปด้วยผู้คนตลอดเวลาแม้จะฝนตก   Shinjuku ที่เต็มไปด้วยแสงสี   Nakano   Asakusa  …

ขณะที่เทคโนโลยีในปัจจุบัน ได้พัฒนาจนล้ำหน้าไปไกล บรรดานักตัดต่อจากโลกออนไลน์ก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกันนะ เพราะสมาชิกของเว็บบอร์ด SplitDepthGIFS เขาได้เผยวิธีการติดต่อภาพเคลื่อนไหวให้กลายเป็นรูปแบบ 3 มิติแล้ว งานนี้เรียกได้ว่าเราสามารถเห็นภาพสามมิติได้ด้วยตาเปล่า ในแบบที่สลัดแว่นตาสามมิติ หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ทิ้งไปได้ง่ายๆ เลย แถมยังเป็นไอเดียที่เจ๋ง และสร้างสรรค์มากๆ อีกด้วยนะเนี่ย   โดยหลักการในการสร้างภาพเคลื่อนไหวสามมิติแบบง่ายๆ เลยก็คือ การแบ่งภาพให้เป็นสามส่วน ด้วนเส้นสีขาวแบบนี้…   แค่นี้แหละ เราก็จะได้เห็นภาพสิ่งต่างๆ ทะลุออกจากกรอบมาหาเราแล้ว เป็นไงเจ๋งไหมละเหมียว   เท่านั้นยังไม่พอ เวลาที่ได้มองภาพเหล่านี้แล้ว ก็ทำให้เรารู้สึกว่า มันสมจริง และเนียนมาก   กรอบก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวได้   และนี่ก็เป็นเพียงแค่ผลงานส่วนหนึ่งเท่านั้น หากเพื่อนๆ คนไหนอยากชมผลงานเจ๋งๆ อีกมากมาย สามารถกดเข้าไปตามช่องทางนี้ได้เลย SplitDepthGIFS ที่มา : techinsider.io, fireflydaily

เชื่อว่าทุกคนต้องมีโมเมนต์ง่วงนอนระหว่างทำงาน อาจเพราะเมื่อคืนทำงานจนถึงดึกดื่นหรือจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ หากได้งีบหลับซักนิดก็คงจะดีไม่น้อย แต่จะหลับในออฟฟิศก็คงจะไม่ดีงาม สุดท้ายก็ต้องนั่งฝืนทำงานต่อไป ถ้าเพื่อนๆ กำลังประสบปัญหานี้ล่ะก็ บาร์แห่งนี้คือทางออกสำหรับทุกคน! บาร์แห่งนี้มีชื่อว่า Nap Bar หรือ บาร์งีบหลับ เป็นงานจัดแสดงสินค้าที่ใครก็สามารถไปนอนได้จริงๆ ของสตูดิโอเฟอร์นิเจอร์ชื่อดังจากฝรั่งเศส Smarin ในนครดูไบ ซึ่งสตูดิโอแห่งนี้มีชื่อเสียงในการทำเฟอร์นิเจอร์เพื่อการนอนหลับอยู่แล้ว     โดยภายในบาร์จะมีเตียง (?) ให้ลูกค้าสามารถไปนอนหลับพักผ่อนซักงีบมากมายหลายรูปแบบ    #เหมียวอ๊อดโด้ว่าถ้ามีบาร์แบบนี้ในประเทศไทย มันจะต้องฮิตสุดๆ แน่นอน   แต่ถ้าใครอยากไปลองนอนที่นี่ เห็นทีจะต้องรีบหน่อยแล้วล่ะ เพราะงานจัดแสดงสินค้านี้จะจบลงวันที่ 31 มีนาคมที่จะถึงนี้เอง       เยี่ยมไปเลย แต่ใครจะไปนอนก็ตั้งนาฬิกาปลุกดีๆ นะ เกิดงีบเลยเวลาพักไป แล้วโดนเจ้านายด่ามา #เหมียวอ๊อดโด้ ไม่รู้ด้วยนะจ้าาา อิอิ ที่มา Smarin

การที่เบบี๋ตัวน้อย จะให้ความร่วมมือในการถ่ายภาพร่วมกับครอบครัวนั้น เรียกได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะเหมียว เพราะแน่นอนว่าทารกจะต้องมีร้องไห้ และงอแงบ้างละ แต่สำหรับครอบครัวจากรัฐ Indiana ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เพื่อนๆ กำลังจะได้เห็นกันนี้ ได้พากันไปถ่ายรูปครอบครัวน่ารักๆ เพื่อเป็นการต้อนรับ Pryor สมาชิกตัวน้อยของพวกเขายังไงละ ซึ่งในตอนแรกดูเหมือนหนูน้อย Pryor จะให้ความร่วมมือในการถ่ายภาพเป็นอย่างดี ก็ดูสิไม่งอแง แถมยังเงียบสงบอีกต่างหาก ภาพที่ออกมาก็เลยสวย และน่าประทับใจแบบนี้เลย…     แต่แล้วช่วงเวลาแห่งความประทับใจก็หายไป เพราะในขณะที่ทั้ง 3 กำลังถ่ายรูปครอบครัวอยู่นั้น เจ้าหนูทารก ก็ฉี่พุ่งเป็นน้ำพุคาอ้อมกอดของมามี๊ออกมาซะนี่ ก็เลยกลายเป็นรูปชอตสุดฮาเกินความคาดหมาย   โอ้วววว ก็ป๋มอั้นไม่ไหว เลยขอปล่อยตรงนี้ก็แล้วกัน ไม่ว่ากันน้า   Abbie Rogers ช่างภาพชาวออสเตรเลีย ผู้ที่ได้เก็บภาพถ่ายช็อตสุดเด็ดนี้เอาไว้ได้กล่าวว่า หลังจากที่เธอเดินเข้าไปจัดท่าทางให้หนูน้อย เธอก็สังเกตเห็นเจ้าหนูขยับตัวนิดหน่อย และพอจะเตรียมถ่าย หนูน้อยก็ฉี่พุ่งออกมา ซึ่งในขณะนั้นเธอก็ดันลั่นชัตเตอร์พอดิบพอดีซะด้วยสิ     แหมๆ เรียกได้ว่างานนี้ครอบครัวก็มีภาพถ่ายที่ทั้งฮา และน่าประทับใจรวมกันกันไป เพื่อเก็บไว้ให้เจ้าหนูชื่นชมตอนโต เขาจะได้รู้ว่าเคยสร้างวีรกรรมความแสบไว้มากแค่ไหน ที่มา : dailymail, buzzfeed

ปกติคนที่ไปเที่ยวประเทศไอร์แลนด์อาจนึกถึงสถานที่อย่าง Guinness Storehouse, Phoenix Park, หรือโบสถ์ Saint Patrick แต่วันนี้เ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักอีกสถานที่ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นก็คือห้องสมุดวิทยาลัย Trinity นั่นเอง!! ห้องสมุดแห่งนี้สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1592 ก่อนจะถูกปรับปรุงครั้งใหญ่ช่วงปี 1712 ถึง 1732 ปัจจุบันชั้นวางหนังสือของที่นี่ เรียงต่อกันจนมีความยาวถึง 64 เมตร ซึ่งมีจำนวนหนังสือเก่าๆ อยู่ถึงสองแสนเล่มเลยทีเดียว     สาเหตุที่ห้องสมุดแห่งนี้มีหนังสือเกือบสองแสนเล่มก็เพราะว่านับตั้งแต่ปี 1801 ห้องสมุดแห่งนี้ได้สิทธิ์ในการคัดลอกหนังสือทุกเล่มที่ตีพิมพ์ในสหราชอาณาจักรอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ห้องสมุดแห่งนี้กลายเป็นห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในเกาะบริเทนต์นั่นเอง     ยิ่งไปกว่านั้น ห้องสมุดแห่งนี้ยังมีหนังสือหายากมากมายไม่ว่าจะเป็น The Book of Kells ซึ่งเป็นหนังสือที่เขียนโดยนักบวชเมื่อราว 1,200 ปีก่อน รวมถึงคำประกาศอิสรภาพของประเทศไอร์แลนด์เมื่อปี 1916 ก็เช่นกัน     อลังการสุดๆ ไปเลยเนอะเพื่อนๆ อย่างกับหลุดมาจากใน Harry Potter เลย     ลองไปชมแบบคลิปกันดีกว่า   อู้หูว ใครมีโอกาสไปแถวนั้น ห้ามพลาดสถานที่นี้เด็ดขาดเลย…

เมื่อคุณมีไอดอล หรือนักแสดงในดวงใจที่ชื่นชอบ แน่นอนว่าคุณอาจจะอยากมีใบหน้าที่สวย หล่อเหมือนพวกเขาบ้าง บางคนก็ถึงขั้นยอมทำศัลยกรรม เพื่อเปลี่ยนทั้งใบหน้า และรูปร่างของตัวเองให้เหมือนกับคนดังเหล่านั้น เหมือนกับกรณีของ Yu Bing สาวชาวจีนวัย 29 ปีคนนี้ ที่ผ่านการโมดิฟายใบหน้าของตัวเองมาแล้วกว่า 20 ครั้ง เนื่องจากอยากมีใบหน้าสวยเป๊ะเหมือน Fan Bingbing นักแสดงสาวสวยชาวจีนนั่นเอง     วันนี้ (28 มีนาคม 2559) ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้รายงานว่า รายการของช่อง Dragon TV ของจีน ได้เผยเรื่องราวของ  Yu Bing และคุณแม่วัย 61 ปีของเธอ ที่กำลังรู้สึกเป็นกังวลต่อลูกสาวของตัวเองเป็นอย่างมาก เนื่องจากเวลาที่เธอได้เจอลูกกี่ทีๆ ใบหน้าของลูกสาวก็เปลี่ยนไปทุกครั้งจนแทบจำไม่ได้ อีกทั้ง Yu Bing ยังผ่านการทำศัลยกรรมมาแล้วกว่า 20 ครั้ง และดูเหมือนว่าเธอจะเสพติดศัลยกรรมเข้าอย่างจังซะแล้ว     แม้ว่าตอนนี้เธอจะทำศัลยกรรมไปมาก และหมดเงินไปแล้วกว่า 4 ล้านบาท แต่ Yu…

จะมีสักกี่คนบนโลกใบนี้ ที่หลงใหลในสัตว์เลี้ยงที่ตัวเองชอบอย่างหนัก จนถึงขั้นยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อที่จะได้ออกมาเหมือนกับสัตว์เลี้ยงมากที่สุด แค่คิดก็ไม่อยากเชื่อแล้วใช่ไหมละว่า จะมีคนกล้ายอมลงทุนเปลี่ยนตัวเองขนาดนี้ แต่มันได้เกิดขึ้นแล้วกับ Ted Richards หนุ่มฮาร์ดคอร์วัย 58 ปี จากเมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษ ผู้ที่ได้ผ่านการทำศัลยกรรมมานับไม่ถ้วน เพื่อที่จะทำให้ตัวของเขาเหมือนนกแก้ว สัตว์เลี้ยงตัวโปรดนั่นเอง     Ted เป็นคนที่ชื่นชอบนกแก้วมากๆ เขามักจะชอบพามันออกไปเดินเล่นตามถนนอยู่บ่อยๆ และถึงแม้ว่าเขาจะเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นนก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับชาวเมืองในละแวกนั้น เพราะพวกเขารู้จักหนุ่มนกแก้วคนนี้เป็นอย่างดี     และกว่าที่ใบหน้าของเขาจะกลายมาเป็นนกแก้วแบบนี้ Ted ต้องผ่านการทำศัลยกรรมมามากมายทั้ง สักลาย 110 ครั้ง เจาะฝังเหล็กและฝังหมุดอีก 50 ที่ ผ่าลิ้นเป็น 2 แฉก ตัดใบหูทั้ง 2 ข้าง ย้อมสีลูกตา และผ่าตัดใส่เขาที่ศีรษะ     แน่นอนว่าลงทุนเปลี่ยนตัวเองขนาดนี้ ผลลัพธ์ที่ได้มันก็ทำให้เขาได้กลายไปเป็นสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ ซึ่งในตอนนี้เขาก็เหมือนนกแก้วสมใจแล้วละเมี๊ยว     Ted เคยเผยในรายการโชว์ว่า เขาไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวมานานหลายปี อีกทั้งยังไม่รู้ว่าพ่อกับแม่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่…

หลายคนอาจบอกว่าการทำดีเป็นเรื่องยาก แต่ความจริงแล้วการทำดีนั้นไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากเลย เพราะใครๆ ทุกคนก็สามารถทำได้ แม้จะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ ก็ตาม และบางครั้งเรื่องเล็กๆ เหล่านั้น ก็อาจส่งผลอันยิ่งใหญ่ให้กับคนหลายๆ คนอีกด้วย อย่างเช่นเรื่องนี้     เรื่องราวเกิดขึ้นที่ร้านกาแฟ Dutch Bros Coffee สาขาหนึ่ง ขณะที่พนักงานของร้านกำลังบริการลูกค้าหญิงท่านหนึ่งอยู่ พวกเขาสังเกตว่าลูกค้าหญิงท่านนั้นท่าทางดูเศร้าโศกเป็นอย่างมาก พวกเขาจึงสอบถามว่าเธอเป็นอะไร เธอบอกว่า กำลังหดหู่ใจเป็นอย่างมาก เพราะเธอเพิ่งเสียสามีวัย 39 ปีไปเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมานี้เอง….. เป็นใครก็คงเสียใจมากสินะ ขนาดเราแค่อกหักเลิกกับแฟนยังร้องไห้แทบตาย และลองคิดว่าคนหนึ่งคน ที่เสียคนรักแบบไม่มีวันจาก ทั้งๆที่ยังรักกันอยู่… จะเสียใจแค่ไหน!??   เมื่อพนักงานในร้านได้ยินดังนั้น พวกเขาทุกคนในร้าน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานตำแหน่งใด พร้อมใจหยุดทำสิ่งที่ตนเองกำลังทำอยู่ แล้วมาร่วมกันให้กำลังใจหญิงสาวคนนี้ จนเกิดเป็นภาพประทับใจภาพนี้ขึ้นมา   เรื่องดังกล่าวกลายเป็นที่ประทับใจของชาวเน็ตเป็นอย่างมาก โดยตอนนี้โพสดังกล่าวมีผู้เข้ามาคอมเมนต์กว่า 17,000 คอมเมนต์ และถูกแชร์ไปกว่า 130,000 ครั้ง   โดยร้าน Dutch Bros Coffee เป็นร้านกาแฟที่ขึ้นชื่อเรื่องมีการบริการที่ยอดเยี่ยม และพนักงานแต่ละคนต่างถูกคัดสรรมาอย่างดี จนได้รับเสียงชื่นชมจากทั่วทุกสารทิศ    …

เรียกว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้จริงๆ สำหรับประเทศจีนแห่งนี้ ไม่ว่าเรื่องราวจะน่าทึ่ง น่าถอนหายใจขนาดไหน พลเมืองชาวจีนก็พร้อมจะเนรมิตรให้เป็นจริง ล่าสุดมีคุณยายชาวจีนคนหนึ่งกำลังเดินอยู่ข้างถนน ทันใดนั้นเองเธอก็ถูกรถของเล่นชนเข้าอย่างจัง…ท่านอ่านไม่ผิดหรอกครับ รถของเล่นจริงๆ ซึ่งรถคันนั้นถูกเด็กผู้หญิงคนหนึ่งบังคับอยู่     ทันทีที่เธอถูกรถชน เธอก็โทรเรียกรถพยาบาลทันที พร้อมจับ “รถของเล่น” คันดังกล่าวไว้ ราวกับพยายามไม่ให้หนีไปไหน จากนั้นเธอก็ถกเถียงกับแม่ของเด็กว่า เป็นความผิดของใครกันแน่ และพยายามเรียกค่าเสียหาย ซึ่งเมื่อคลิปเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตก็เข้ามาคอมเมนต์แบบฮาๆ กันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “เด็กคนนี้ขับรถบนทางเดินแถมไม่มีใบขับขี่อีก ต้องโดนดีแน่ๆ” “สงสัยคุณยายอยากได้ค่าทำขวัญเป็นลูกอม”   ลองไปชมวีดีโอกันดีกว่า   หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า จะเป็นการเนียนให้รถชนของคุณยายหรือเปล่า เพราะปัจจุบัน มีอัตราการตั้งใจพุ่งให้รถชนเพื่อเรียกค่าเสียหายเพิ่มขึ้นอย่างมากในประเทศจีน       แบบนี้ก็มีด้วย ประเทศจีนนี่มาเหนือความคาดหมายตลอด แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง ลองแสดงความเห็นเข้ามานะเหมียว ที่มา Shanghaiist

ความรักอันบริสุทธิ์ที่แท้จริง เกิดจากรักของผู้เป็นพ่อ และแม่ เพราะไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร ผู้ที่เป็นพ่อและแม่ ก็ยังคงรัก และห่วงใยลูกทุกคนอยู่เสมอ และในวันนี้เราจะขอมาเผยเรื่องราวอันแสนเศร้าของ Poppy-Mai หนูน้อยวัยเพียง 1 ขวบ 4 เดือน ที่กำลังจะเติบโตเพื่อก้าวเข้าสู่ชีวิตอันสดใสในอนาคต แต่ทว่าสิ่งเหล่านั้นกลับไม่สามารถเกิดขึ้นได้เสียแล้ว เพราะหนูน้อยกลับมีเวลาเหลืออยู่อีกไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น     Andy Barnard วัย 31 ปี และ Sammi วัย 29 ปี ผู้เป็นพ่อแม่ของหนูน้อย Poppy-Mai ได้เผยว่า เมื่อพวกเขารู้ว่าจะได้ลูกสาวคนแรก เขาสัญญาไว้เสมอว่า สักวันหนึ่งเมื่อหนูน้อยเติบโต เขาจะต้องจัดงานแต่งงานที่ดีที่สุด และมีความสุขมากที่สุดให้กับลูกสาวให้ได้ แต่ก็ต้องมาฝันสลาย เพราะอยู่มาวันหนึ่งทั้งคู่ได้สังเกตเห็นพฤติกรรมที่ผิดปกติของลูกสาว เนื่องจากเธอไม่ยอมทานอาหาร และไม่ดื่มอะไรเลย ที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือ ท้องของเธอป่องเป็นลูกอีกด้วย งานนี้จึงทำให้ทั้งคู่รีบพาลูกสาวไปพบแพทย์ทันที     แม้ว่าพวกเขาจะพาลูกสาวไปพบแพทย์แล้ว แต่อาการก็ดูเหมือนจะแย่ลงกว่าเดิม ดังนั้น Andy จึงพาลูกสาวกลับไปตรวจอาการอย่างละเอียดกับคุณหมอที่สถาบันโรคเด็ก หลังจากที่ตรวจดูอาการอย่างละเอียด ก็ทำให้ผู้เป็นพ่อแม่ถึงกับช็อก เมื่อพบว่าลูกสาวมีเนื้องอกชนิดร้ายแรงที่สามารถลุกลามกลายเป็นมะเร็งที่ไตได้ แต่ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ…

ทุกวันนี้มีปืนพกขนาดเล็กมากมายที่สามารถเก็บซ่อนไว้ในกระเป๋าได้โดยที่ไม่มีใครสังเกต แต่ถ้าปืนพกเหล่านั้นยังไม่แนบเนียนพอล่ะก็ วันนี้เหมียวมีปืนพกรุ่นใหม่มานำเสนอ รับรองว่าแนบเนียนแบบสุดๆ เลยล่ะ!! Ideal Conceal เป็นปืนพกที่มีรูปทรงคล้ายกับสมาร์ทโฟน ผู้ใช้งานสามารถพับด้ามปืนแล้วเก็บใส่กระเป๋ากางเกงได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเมื่อพับแล้ว เชื่อว่าต่อให้มีคนอื่นเห็น ก็ไม่มีใครสังเกตอย่างแน่นอน     เจ้าปืนพกอันนี้สามารถบรรจุกระสุนขนาด .38 อย่างที่เห็น ข้อดีของมันคือสามารถพบพาได้อย่างสะดวกมากๆ และข้อเสียก็คือความสะดวกของมันนี่เอง ที่อาจทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดี นำไปก่อเรื่องไม่ดีๆ ได้     โดยราคาของปืนสมาร์ทโฟนนี้จะอยู่ที่กระบอกละ 395 เหรียญสหรัฐ หรือราว 14,000 บาท และจะเริ่มวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาช่วงกลางปี 2016 นี้       อื้อหือ แนบเนียนจริงๆ แบบนี้ก็แอบเกรงว่าจะมีคนเอาไปทำไม่ดีไม่ร้ายจริงๆ แต่คิดในอีกแง่ มันสามารถนำไปใช้ป้องกันตัวเองได้เนอะ ยังไงก็แล้วแต่ว่าใครจะใช้ในทางไหนแล้วล่ะ เพราะปืนไม่มีความคิด ที่มีความคิดคือคนใช้ต่างหาก ใช่มั้ยละเพื่อนๆ ที่มา technabob

เมื่อช่วงหลายปีก่อน เราได้ยินข่าวเน็ตไอดอลแอบขโมยเสื้อชูชีพออกจากบนเครื่องบินจนกลายเป็นประเด็นร้อนไปทั่วอินเตอร์เน็ต แต่ดูเหมือนว่าการลักขโมยของบนรถไฟหรือเครื่องบินจะไม่ได้เกิดขึ้นที่ประเทศไทยประเทศเดียว เพราะในประเทศใต้หวันก็เกิดเรื่องเงิบๆ แบบนี้ขึ้นเหมือนกัน   ล่าสุดทางการรถไฟแห่งประเทศไต้หวัน เพิ่งเปิดให้บริกาขบวนรถไฟลายคิตตี้เป็นครั้งแรกในประเทศซึ่งเป็นเส้นทาง จากกรุงไทเปไปยังเมืองไถตงเป็นระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร   โดยทั้งขบวนจะตกแต่งด้วยตัวการ์ตูนสุดน่ารักจาก Sanrio ตัวนี้ รวมถึงมีของที่ระลึกลายคิตตี้จำหน่ายบนรถไฟเช่นเดียวกัน   ซึ่งในวันนั้น มีประชาชนและเด็กๆจำนวนมากมาร่วมเดินทางไปกับขบวนรถไฟคิตตี้นี้   แต่ทันทีที่ขบวนแรกไปถึงที่หมาย การรถไฟไต้หวันถึงกับเงิบไปเลย เพราะผ้าคลุมเบาะลายคิตตี้ที่วางอยู่บนเบาะกว่า 376 ที่นั่ง หายไปถึง 328 อัน หรือเกือบ 87 เปอร์เซ็นของทั้งหมดเลยทีเดียว!!   ไม่รู้ว่าสิ่งทีเกิดขึ้นนั้น มาจากความเข้าใจผิดหรือความตั้งใจกันแน่ แต่ที่แน่ๆ การรถไฟไต้หวันต้องเสียเงินกว่า 20,000 บาท เพื่อจัดซื้อผ้าคลุมเบาะมาแทนอันที่หายไป   ใครสนใจก็ลองไปใช้บริการกันได้นะ       แบบนี้ก็มีด้วย คิดว่าเป็นของชำร่วยหรือยังไง หยิบไปซะอย่างงั้น อย่าให้จับได้นะ เดี๋ยวจะจับมาตีก้นให้เข็ดเลย อิอิ ที่มา Shanghaiist

ปัจจุบันการบริจาคสเปิร์มถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างปกติ หญิงสาวหลายคนที่อยากมีลูกแต่ไม่อยากมีสามี ก็สามารถมารับสเปิร์มเหล่านี้ไป เพื่อมีลูกเป็นของตนเองโดยไม่จำเป็นต้องทราบว่า ใครเป็นเจ้าของสเปิร์มเหล่านั้น แต่นั่นไม่ใช่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในออสเตรเลียครั้งนี้     เมื่อหลายปีก่อน Aminah Hart หญิงวัย 42 ปีเสียลูกชายทั้งสองคนที่เกิดกับสามีคนเก่าไปด้วยวัยเพียงไม่กี่เดือน เนื่องจากโรคที่เกิดจากความผิดปรกติทางโครโมโซม เหตุการณ์นั่นทำให้เธอต้องตกอยู่ในอารมณ์ซึมเศร้า จนเมื่อช่วงปี 2012 เธอได้เข้าร่วมโครงการเด็กหลอดแก้วเพื่อมีลูกเป็นครั้งสุดท้าย โดยเธอได้รับสเปิร์มที่บริจาคไว้ ถ้าหากครั้งนี้ยังไม่สำเร็จ เธอคงหมดหวังที่จะมีลูกแล้ว แต่ในที่สุด Leila เด็กสาวก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา และนั่นก็ทำให้เธอมีความสุขเป็นอย่างมาก     แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าปล่อยไปตามนี้ แปลว่า Leila จะต้องเติบโตมาโดยไม่มีพ่อ ซึ่งเธอไม่อยากให้เป็นแบบนั้น ด้วยเหตุนั้นเอง เธอจึงตัดสินใจออกตามหาเจ้าของสเปิร์มตัวนั้น เธอค่อยๆ ตามแกะรอยจากโรงพยาบาลที่รับบริจาคสเปิร์มมา จนสุดท้ายเธอก็พบว่า Scott Andersen คือเจ้าของสเปิร์มตัวนั้น และที่น่ายินดีคือ เขาได้แจ้งกับคลีนิกที่บริจาคสเปิร์มไว้ว่า หากเด็กที่เกิดจากสเปิร์มอยากเจอเขา เขาก็ยินดีพบ     หนึ่งปีต่อมาหลังจากที่ Leila เกิด ในที่สุด Aminah และ Scott ก็ได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก แรกๆ…

ณ จุดจุดนี้ ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่า หากใครที่กลัวความสูง คุณไม่ควรไปยุ่งกับสะพานแห่งนี้เด็ดขาด เพราะนี่คือ ‘สะพานข้ามหุบเขา’ สุดหวานเสียว  ตั้งอยู่ในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ซึ่งสะพานแห่งนี้ มีความสูงเหนือพื้นน้ำกว่า 120 เมตร อีกทั้งตัวสะพานได้สร้างขึ้นมาจากไม้ และเชือกที่มีความยาวกว่า 80 เมตรเลยทีเดียว เห็นแบบนี้แล้วยังจะกล้าข้ามกันมั้ย?     เหตุที่ได้ทำการสร้างสะพานแห่งนี้ขึ้นมา ก็เพื่อให้ชาวบ้านในเขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงและม้ง เหวินซาน ได้ใช้ในการเดินทางข้ามไปมายังไงละ   ดูแล้วน่าหวาดเสียวเหมือนกันเนาะ เพราะมันถูกสร้างขึ้นมาจากเชือก และไม่เท่านั้น!!   และด้วยความที่มันเป็นสะพานสุดหวาดเสียว ก็ยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความท้าทาย และอยากเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ได้เดินทางเข้ามาเที่ยว ณ สถานที่แห่งนี้กันอย่างไม่ขาดสาย     แม้หลายคนอาจจะไม่กล้าเดินข้ามสะพานแห่งนี้ แต่สำหรับนักผจญภัยบางคน บอกเลยว่าจะต้องถูกใจแน่ๆ แต่สำหรับแมวอย่างเหมียว คงจะไม่ขอข้ามไปแน่ๆ ละ ก็ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก เก๊าแค่กลัวความสูงเฉยๆ ที่มา : สำรวจโลก

ปกติรถบัสคันหนึ่งต่อให้เป็นรถขนาดใหญ่ที่สุด มีผู้โดยสารซัก 30 คนก็ถือว่าแน่นแล้ว แต่ตำรวจจีนถึงกับเงิบไปเลย เมื่อเจอรถบัสนักเรียนขนาด 19 คนคันนี้ เพราะมีนักเรียนนั่งอยู่ภายในถึง 62 คน!! เรื่องราวมีอยู่ว่าตำรวจจากมณฑลอันฮุยคนหนึ่ง ได้สังเกตเห็นรถบัสนักเรียนคันหนึ่งท่าทางผิดปกติ เพราะบนรถมีเด็กนั่งอยู่เต็มไปหมด เขาจึงเข้าไปโบกรถบัสคนดังกล่าวเพื่อตรวจสอบ     ตอนแรกเขาคิดว่าจะมีเด็กนักเรียนประมาณ 40 คน แต่พอนับจริงๆ กลับมีเด็กถึง 62 คน!! ทั้งๆ ที่ความจุที่แท้จริงของรถมีเพียงแค่ 19 คนเท่านั้น!     สุดท้ายตำรวจได้จับกุมคนขับรถ โทษฐานบรรทุกผู้โดยสารเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และมีการเรียกรถบัสอีกหลายคันเพื่อมารับเด็กที่เหลือกลับบ้าน     ปัญหารถนักเรียนบรรทุกนักเรียนเกินกำหนด เป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไปในประเทศจีน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท อย่างเมื่อหลายปีก่อน ตำรวจสามารถจับกุมรถตู้คันหนึ่งที่บรรทุกเด็กกว่า 66 คนได้!!     โอ้โห อัดกันไปได้ยังไงตั้ง 62 คน ไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา จะเกิดความสูญเสียกันขนาดไหนนะ ที่มา Shanghaiist

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2559 ทางสำนักข่าว Dailymail ได้รายงานว่า หนูน้อยวัย 5 ขวบนามว่า Allison Anderwald ได้กลายเป็นฮีโร่ของครอบครัวของเธอไปซะแล้ว หลังจากที่เธอได้ช่วยชีวิต Tracy Anderwald ผู้เป็นแม่ของตัวเอง ที่เกิดเป็นลมชักหมดสติในสระว่ายน้ำ จนทำให้แม่ของเธอสามารถรอดชีวิตมาได้ โอ้ววว หนูน้อยสุดยอดไปเลย!!   โดยเหตุการณ์ดังกล่าว ได้เกิดขึ้นที่บ้านในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอริกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะนั้น Allison ได้เล่นน้ำอยู่ในสระกับแม่ของเธอ แต่แล้วจู่ๆ ผู้เป็นแม่ก็เกิดเป็นลมชักขณะว่ายน้ำ จนถึงขั้นหมดสติจมน้ำในสภาพนอนคว่ำหน้า     ซึ่งหลังจากที่เธอได้สังเกตเห็นความผิดปกติของนาง Tracy ที่นอนแน่นิ่งอยู่ในสระ Allison ก็รีบดึงร่างของแม่ขึ้นฝั่ง แล้ววิ่งเข้าไปขอความช่วยเหลือจากคนในบ้าน พร้อมกับรีบนำตัวของนาง Tracy  ส่งโรงพยาบาลทันที     จากอาการดังกล่าว ทางแพทย์ยังไม่สามารถระบุได้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้นาง Tracy ชักในน้ำแบบนี้ แต่ถ้าหากเธอได้รับความช่วยเหลือช้ากว่านี้เพียง 1 นาที นาง Tracy อาจจะเสียชีวิตไปแล้วก็ได้  …

เชื่อว่าหลายๆ คนที่มีรูมเมท ต้องเคยประสบปัญหาการตั้งนาฬิกาปลุกอย่างแน่นอน เพราะบางทีเราก็ไม่ได้อยากตื่นหรอก แต่พอรูมเมทเราตั้งปลุก เราก็ต้องตื่นไปด้วย สร้างความหงุดหงิดใจเป็นอย่างยิ่ง ทางบริษัท King Jim ของญี่ปุ่น ก็ได้ตระหนักถึงปัญหานี้เช่นกัน พวกเขาจึงปล่อยนาฬิกาปลุกสุดเจ๋งออกมา นั่นคือเจ้า “หูฟังตั้งปลุก” หรือ “Mezamashi Earphone” อันนี้นี่เอง!!     เจ้าหูฟังตั้งปลุกอันนี้ประกอบไปด้วยสองส่วน นั่นก็คือส่วนที่เป็นตัวเครื่อง และส่วนที่เป็นเหมือนจุกหูฟังแบบอินเอียร์ วิธีการใช้งานก็ไม่ยาก แค่ตั้งปลุกบนตัวเครื่อง และเมื่อถึงเวลา เจ้าตัวหูฟังก็จะสั่นจนเราตื่นนั่นเอง แถมไม่รบกวนผู้อื่นอีกด้วย!!     แหล่งพลังงานของเจ้าหูฟังตั้งปลุกอันนี้ เป็นแค่ถ่าน AAA หนึ่งก้อนเท่านั้น ฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าแบตจะหมด แล้วหาที่ชาร์จไม่ได้แน่นอน     ถามว่านอกจากใช้ตั้งปลุกเวลานอนแล้ว เรายังสามารถเอาไปใช้เวลาเดินทางบนรถไฟฟ้าได้ด้วย คราวนี้ล่ะหลับสบายใจไม่ต้องกลัวเลยสถานีอย่างแน่นอน     หรือจะเอาไว้ปลุกเวลางีบในที่ทำงาน ก็ถือว่าไม่เลวนะเหมียว   สนนราคาเจ้าหูฟังตั้งปลุกตัวนี้อยู่ที่ 6,000 เยนหรือประมาณ 1,800 บาทนั่นเอง ใครสนใจก็ลองหามาใช้กันได้นะเหมียวว ว่าแต่..เวลามันสั่นไม่จั๊กจี้หูแย่เลยเหรอเนี่ย ฮาาา…

การก่อวินาศกรรมหรือการก่อการร้าย ถือว่าเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ต่างไม่อยากเจอ และในหนึ่งชีวิตของคนปกติทั่วไป คงไม่ได้เจอเหตุการณ์แบบนั้นบ่อยๆ แต่สำหรับหนุ่มคนนี้ ไม่รู้ว่าโชคดีหรือว่าโชคร้าย เพราะเขาได้มีส่วนร่วมในเหตุก่อการร้ายระดับโลกตลอด ตั้งแต่ที่บอสตัน ปารีส และล่าสุดที่บรัสเซลส์ แถมรอดปลอดภัยกลับมาทุกครั้งอีกต่างหาก!!     หนุ่มคนนี้ชื่อว่า Mason Wells วัย 19 ปี เขาได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดที่สนามบินบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยมเมื่อช่วงวานนี้ ทำให้เกิดแผลไฟไหม้ระดับสองและสามที่บริเวณมือและใบหน้าของเขา แต่ที่เจ๋ง(หรือเปล่า) ก็คือ เขามีส่วนร่วมในเหตุการณ์วินาศกรรมครั้งใหญ่ของโลกอย่างเหตุวางระเบิดที่งานวิ่งมาราธอนที่เมืองบอสตันเมื่อปี 2013 และเหตุการณ์กราดยิงที่กรุงปารีสด้วยเช่นกัน “นี่คือการก่อการร้ายครั้งที่สามที่เขาเจอมาในชีวิตแล้ว” พ่อของ Mason กล่าวกับสำนักข่าว ABC อย่างละเหี่ยใจกับความซวยของลูกชายของเขา     ตอนที่เกิดเหตุระเบิดที่งานวิ่งมาราธอนที่บอสตัน Mason อยู่ห่างจากจุดที่เกิดระเบิดไม่กี่เมตรเท่านั้น โชคดีที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด แต่ครั้งนี้เขากลับไม่โชคดีเช่นนั้น อย่างไรก็ตามทางหน่วยพยาบาลได้กล่าวชื่นชม Mason ว่า แม้ตอนนั้นเขาจะได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็ยังมองโลกในแง่ดี และพยายามยิงมุขตลกให้คนอื่นได้ขำอีกด้วย     แหม คนอะไรจะซวยได้ขนาดนี้เนี่ย ดีนะไม่ได้เป็นอะไรมาก ขอให้อาการบาดเจ็บของเขา ดีขึ้นในเร็ววันนะ #เหมียวอ๊อดโด้ ขอเป็นกำลังใจให้…

ปัญหาขี้เมาอาละวาดเป็นสิ่งที่พบเจอกันได้ทั่วโลก ไม่ว่าจะประเทศไหนๆ ก็มีคนแบบนี้อยู่เหมือนๆ กัน แต่วีดีโอนี้จะทำให้ทุกคนรู้ว่า อย่าเมาไม่เลือกที่ ไม่งั้นอาจเจอดีแบบนี้ได้ เรื่องเกิดขึ้นที่รถไฟฟ้าใต้ดินสายหนึ่งในเมือง Los Angeles ประเทศสหรัฐอเมริกา มีชายคนหนึ่งถอดเสื้อเมาอาละวาด ด่าผู้โดสารคนอื่นที่นั่งอยู่บนรถไฟขบวนนั้น   ขณะที่ผู้โดยสารคนอื่นกำลังเอือมระอาพฤติกรรมของชายคนนี้ ก็มีพลเมืองดีกล้ามโตคนหนึ่งนามว่า Adrian Kaczmarek ฉวยโอกาสที่ขี้เมาไม่ทันระวัง เข้าล็อกคอจากด้านหลังจนสลบเหมือดไปเลยทีเดียว จนผู้โดยสารคนอื่นต่างชอบอกชอบใจ   ฮีโร่จริงๆ เราไปชมคลิปกันดีกว่า   เอาซะสลบเหมือดเลยทีเดียว เห็นแบบนี้แล้วอย่าไปเมาที่เรื่อยเปื่อยที่ไหนนะเพื่อนๆ ไม่งั้นอาจเจอแบบนี้ได้ ฮาาา ที่มา Dailymail

สำหรับเราๆ ที่โตกันแล้วก็คงจะลืมเลือนกันไปหมดแล้ว ความรู้สึกที่ของเล่นแสนรักในวัยเด็กได้หายไป ผู้ใหญ่ก็คงไม่เข้าใจและไม่รู้สึกรู้สาอะไรด้วย อย่างมากก็แค่ซื้อให้ใหม่ แต่ไม่ใช่สำหรับครอบครัวนี้… เจ้าหนูวัย 8 เดือน Woody Cranmer ได้ลืมตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ของเขาไว้ที่ Buenos Aires ประเทศอาร์เจนตินาในวันหยุดของเขา ซึ่งเจ้าหมีนี้เป็นของขวัญจากพ่อของ Woody ซึ่งเคยเป็นของเล่นวัยเด็กของคุณพ่อมาก่อน และเจ้าหนูก็รักมันสุดๆ พาไปไหนมาไหนด้วยตลอด   ‘หลายๆ คนอาจจะคิดว่ามันก็แค่หมีโง่ๆ ตัวหนึ่ง แต่คุณรู้ไหมมันอยู่กับผมมาตลอด 30 ปีเต็มเลยทีเดียว’ Scot พ่อของ Woody กล่าว   ทางครอบครัวได้ติดต่อทั้งสายการบินและโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียว เผื่อมีคนเห็นเจ้าหมีตัวนี้   และเชื่อไหมเพียง 2-3 วันเท่านั้น ลูกเรือของสายการบิน British Airways (ที่พวกเขาใช้บริการ) ก็หามันเจอ แถมให้ตั๋วชั้นพิเศษส่งมันกลับไปหาครอบครัวของมันด้วยล่ะ   แถมยังทำเรื่องราวน่ารักๆ เก้บภาพการเดินทางของเจ้าหมีให้กับครอบครัวนี้ด้วย     ‘เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้เจ้าตุ๊กตาหมีคืน แถมมันยังได้ผจญภัยด้วยล่ะ ต้องขอขอบคุณทีมงานและลูกรือทุกคนอย่างยิ่ง’ คุณพ่อกล่าว     เป็นเราๆ ก็คงจะคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรมากนักและไม่ช่วยหาอย่างจริงจังเท่าไหร่ และของที่หายไปรวมถึงความทรงจำดีๆ…

จะมีคู่แต่งงานสักกี่คู่บนโลกใบนี้ ที่หย่าขาดกันทันทีหลังจากที่ได้แต่งงานกันไปยังไม่ครบ 24 ชั่วโมง แค่คิดมันก็เป็นไปได้แล้วใช่ไหมละ เพราะโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้มีน้อยมากๆ แต่ทว่ามันก็ได้เกิดขึ้นจริงแล้วที่ประเทศอินเดีย โดยเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศ ได้รายงานว่า มีคู่บ่าวสาวจากหมู่บ้านมุรสิดาบัด ประเทศอินเดียคู่หนึ่ง เข้าพิธีแต่งงานกันยังไม่ทันครบ 24 ชั่วโมง ฝ่ายเจ้าสาววัย 18 ปี ก็ได้ร้องขอหย่าขาดสามีของตัวเอง เนื่องจากเหตุผลบางอย่าง…     ซึ่งสาเหตุที่ฝ่ายเจ้าสาว ได้ขอหย่าขาดกับสามีของตัวเองเป็นเพราะว่า หลังจากคืนเข้าหอ เธอก็ได้พบว่าสามีของตัวเอง นกเขาไม่ขัน จึงทำให้ออกศึกไม่ได้นั่นเอง ด้วยความที่ฝ่ายสามี มีภาวะองคชาตไม่แข็งตัว ทำให้เธอไม่สามารถมีทายาทได้ ดังนั้นเธอจึงได้ตัดสินใจหย่าขาดจากเขาทันที ก่อนที่ตัวเธอเองจะโดนคำครหาจากคนไหนหมู่บ้าน เพราะหากหญิงที่แต่งงานแล้วแต่ไม่ตั้งท้องเสียที จะถูกเหมาให้กลายเป็นหญิงที่เป็นหมันยังไงละเหมียว     แม้ว่าทางครอบครัวของฝ่ายเจ้าบ่าว จะพยายามให้ลองคิดทบทวนดูใหม่ แต่เธอก็ยืนยันว่าจะต้องหย่าให้เร็วที่สุด โดยหลังจากหลังพิธีแต่งงานผ่านไป 2 สัปดาห์ การหย่าขาดก็เป็นอันเสร็จสิ้นลง ซึ่งฝ่ายเจ้าสาวก็ได้รับเงินและสินสอดคืนเป็นจำนวน 55,000 บาท ที่มา : dailymail

อื้อหืออออ ฟังเรื่องนี้แล้ว #จ่าสิบเหมียว รู้สึกเสียววาบที่ท่อนขาของตัวเองขึ้นมาเลยทีเดียวเชียว เกี่ยวกับข่าวคราวของชายหนุ่มที่ชื่อว่า Greg Foot ผู้ที่สงสัยว่าเนื้อมนุษย์นั้นจะมีรสชาติเป็นยังไงกันหน๊ออออ?? แล้วจะไปหาเนื้อมนุษย์มาจากไหนน่ะเหรอ? ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะ Greg เอาเนื้อส่วนขาของเขานี่แหละมาลองปรุงเป็นอาหารดู โอ่ยยยย เริ่มรู้สึกป่วย -*-   ก่อนอื่นเลยเราต้องไปหาเนื้อมนุษย์มาซะก่อน ในที่นี้คือเนื้อขาของเขา!!!   ทีนี้ทางแลปก็ตรวจสอบดูโครงสร้างของเนื้อนิดหน่อยก็พบว่าคล้ายๆ กับเนื้อส่วนหน้าอกของไก่และเนื้อวัวล่ะ   ทีนี้ก็ถึงขั้นตอนการปรุงกันบ้าง อึ๋ยยยยยย ซึ่งเขาบอกว่ามันกลิ่นเหมือนเนื้อแกะเนื้อหมูนี่แหละ   มาถึงจุดนี้เขาเลยใช้เนื้อที่วิเคราะห์มาแล้วว่ามีกลิ่นเหมือนเนื้อมนุษย์มาผสมกันตามสัดส่วน!!!   ลองมาดูวิดีโอกันแบบเต็มๆ ได้ที่นี่ เพราะในประเทศอังกฤษนั้น การกินเนื้อมนุษย์ถือว่าเป็นเรื่องผิดกฏหมาย ถึงจะเป็นเนื้อของตัวเองก็ตาม เขาเลยหาสัดส่วนความเหมือนของสิ่งต่างๆ ทั้งโครงสร้างและกลิ่น เทียบกับเนื้ออื่นๆ แล้วนำมามิกซ์กันให้เหมือนเนื้อมนุษย์ที่สุดนั่นเอง…เห้อออ รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเลยทีเดียว -*- ที่มา: Buzzfeed, Brit Lab

สำหรับชีวิตของคนๆ หนึ่ง การได้ทำตามความฝันและใช้ชีวิตอยู่ในฝันนั้นก็คงจะเป็นอะไรที่ดีและฟินสุดๆ ไปเลยทีเดียว เหมือนเรื่องราวของชายคนนี้ Kevan Chandler ผู้ที่ไม่เคยยอมแพ้กับโชคชะตา มาถึงจุดนี้เพื่อนๆ หลายคนอาจจะงงว่า เอ๊ะ…แล้วมีอะไรแปลก ก็แค่เรื่องนักเดินทางแบ็คแพ็คเกอร์ธรรมดาๆ ทั่วไป แต่ประเด็นคือ ชายคนนี้แหละที่เป็นกระเป๋าแบ็คแพ็คล่ะ ฮ่าๆๆๆ   Kevan Chandler ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อเสื่อม ไม่สามารถเดินได้และต้องนั่งรถเข็นตลอด   เขามีแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วยุโรป ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนรักของเขา Luke Thompson, Tom Troyer, Philip Keller และ Ben Duvall  ที่อาสาแบกเขาไปด้วยทุกๆ ที่ (ราวกับว่าเป็นกระเป๋า) เลยทีเดียว   ‘นี่คือสิ่งที่พวกเขาอยากทำให้กับผมล่ะ’ Kevan กล่าว   และนี่ก็ไม่ใช่ทริปแรกของพวกเขา เพราะในปี 2013 พวกเขาก็เคยพา Kevan ไปเที่ยวที่ Carolina ประเทศสหรัฐอเมริกามาแล้ว!!!     ซึ่งตอนนี้เพื่อนทั้งกลุ่มก็กำลังเก็บเงินกันอยู่ รวมถึงเสนอโครงการนี้ไปในเพจ GoFundMe เพื่อหาทุนมาเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่งด้วย และพวกเขาก็จะถ่ายภาพ วิดีโอ และเขียนหนังสือระหว่างเดินทางเพื่อแชร์ให้คนอื่นๆ ได้ติดตามกันด้วยล่ะ…

โปเกม่อนถือว่าเป็นอีกซีรี่ย์ที่มีแฟนๆ ชื่นชอบทั่วโลก ด้วยความน่ารักและน่าเอ็นดูของมัน ทำให้หลายๆ คนต่างหลงรักและหวังว่าซักวัน จะมีโปเกม่อนจริงๆ ปรากฎขึ้นมาบนโลก สำหรับ แอคเคาท์ของทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่น @Bombina0 ก็เช่นกัน เขาชื่นชอบโปเกม่อนเป็นอย่างมาก เขาจึงจับ “คางคก” ตัวเป็นๆ มาคอสเพลย์เป็นโปเกมอนสุดน่ารักที่ชื่อว่า “ฟุชิงิบานะ” แถมออกมาเหมือนสุดๆ ด้วยนะ!!   อันนี้คือหน้าตาของเจ้า ฟุชิงิบานะ   เริ่มจากทำส่วนที่เป็นใบไม้ก่อน   เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแระ   แท๊แด่!!! เหมือนมั้ยละ   มีแบบ Close up ด้วยนะ   ถ้าใครคิดว่าเป็นของปลอมล่ะก็ เรามีวีดีโอให้ดูด้วย   フシギバナ( )の　したでなめる！ ﾁｭﾊﾟﾝｯ キャタピー( )は　食べられた！ 満腹度を　1　もらった！ pic.twitter.com/JEgNc6KiB6 — 朱夏える (@Bombina0) March 19, 2016   ฮาาาา น่ารักมั้ยละเพื่อนๆ แต่ #เหมียวอ๊อดโด้…

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ lifewithcats ได้เผยเรื่องราวสุดประทับใจของเจ้า Vell แมวเหมียวตัวน้อยแสนน่ารัก ที่มีชีวิตดี๊ดีจนน่าอิจฉา ซึ่งก่อนหน้านี้หากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน เจ้า Vell เป็นลูกแมวที่ไม่มีเจ้าของ แต่มันเป็นแมวจรจัดที่ใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังอย่างน่าสงสาร     แต่แล้ววันแห่งความโชคดีก็ได้มาถึง เมื่อเจ้า Vell ได้เห็น Kawasaki Hina หนุ่มโสดชาวญี่ปุ่นรายหนึ่ง ที่กำลังเดินทางกลับบ้านผ่านสวนสาธารณะ มันก็ได้เข้าไปอ้อน และนัวเนียเขาทันที     และแน่นอนว่าด้วยความน่ารัก น่าเอ็นดูของเจ้าเหมียว ก็ทำให้ชายหนุ่มตกหลุมรักมันเข้าอย่างจัง   ในเมื่อมันเข้ามาอ้อนขนาดนี้ เขาคงไม่สามารถปล่อยมันไว้เพียงลำพังแน่ๆ   Hina เดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ เจ้า Vell ก็วิ่งตามเขาไม่ห่าง แถมยังเอาตัวเข้ามาอ้อนเขา พร้อมเกาะขา และพยายามปีนขึ้นมาหาเขา ราวกับว่ามันกำลังเล่นกับเจ้านายยังไงยังงั้นเลยละ   แค่พบกันครั้งแรกก็ตกลงปลงใจเป็นนายกับบ่าว จนเกิดเป็นภาพที่สร้างรอยยิ้ม และความประทับใจแบบนี้…   จนในที่สุด  Hina ก็ต้านทานความน่ารักของมันไม่ไหว…

ประเทศจีนเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่า มีประชากรที่มีมารยาททางสังคมแย่ที่สุดประเทศหนึ่งในโลก ซึ่งในสมัยก่อนนั้นชาวจีนเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ แต่กระทั่งจีนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำด้านเศรษฐกิจของโลก การติดต่อกับชาวต่างชาติถือว่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ “มารายาททางสังคม” จึงกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นกัน Sara Jane Ho สาวชาวฮ่องกงผู้มีดีกรีการศึกษาจากโรงเรียนธุรกิจฮาร์วาร์ด ได้เล็งเห็นถึงจุดนี้ เธอจึงเปิดสถาบันซาริต้า Sarita Institution เพื่อเป็นโรงเรียนสอนมารยาททางสังคมให้กับสาวจีนยุคใหม่ ที่ต้องการเข้าสังคมโลกในยุคปัจจุบัน     ปัจจุบัน โรงเรียนสอนมารยาทของเธอมีอยู่สองสาขานั่นก็คือที่กรุงปังกิ่งและเมืองเซียงไฮ้ในประเทศจีน โดยค่าเรียนจะอยู่ที่ 8,000 หยวนหรือราว 40,000 บาท ต่อหนึ่งคอร์ส (คอร์สละ 2 วัน) โดยในคอร์ส เธอจะสอนวิธีการเข้าสังคมแบบตะวันตกให้กับผู้เรียน ไม่ว่าจะเป็นมารยาทในการทักทาย มารยาทในการพูดคุย มารยาทบทโต๊ะอาหาร หรือมารยาทในการสังสรรค์ เพื่อให้สาวๆ เหล่านั้น สามารถนำไปประยุกต์ใช้เวลามีการติดต่อการชาวต่างชาติได้       แม้ค่าเล่าเรียนของสถาบันนี้จะมีราคาสูงอยู่บ้าง แต่ก็ยังได้รับความสนใจจากสาวๆ เป็นจำนวนมาก เพราะพวกเธอคิดว่า การลงทุนครั้งนี้แม้จะราคาแพง แต่ก็สามารถนำไปใช้ได้ตลอดชีวิต แถมยังทำให้พวกเธอมีความมั่นใจมากขึ้นอีกด้วย     เยี่ยมไปเลยล่ะ แต่ #เหมียวอ๊อดโด้ ว่า รัฐบาลจีนน่าจะบรรจุเรื่องมารยาทลงไปในหลักสูตรเลยนะ เผื่อคนจีนรุ่นต่อไปจะมีมารยาทที่ดีขึ้นกว่าเดิม…

นี่เราไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม!! เมื่อมีหนุ่มวัย 26 รายหนึ่ง ได้ทำการเปิดศึกปะทะกันอย่างดุเดือดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนถึงขั้นลงไม้ลงมือต่อยกันซะอย่างนั้น แต่จู่ๆ เรื่องราวแสนอลหม่านกลับพลิกผัน พ่อหนุ่มคนนั้นดันไปจูบปากเจ้าหน้าที่เสียนี่ ตายๆ แล้วเรื่องมันเป็นมาอย่างไร มาฟังกันเลย     เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2559 มีรายงานเหตุการณ์ชวนขำปนอึ้งนิดๆ ของหนุ่มคนดังกล่าวที่เราได้เอ่ยไปข้างต้น หนุ่มคนนี้เขาเป็นเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวริมถนน ในเมืองหลิ่วโจว เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ประเทศจีน แต่จู่ๆ ร้านของเขาก็ถูกประชาชนร้องเรียงผ่านทางเจ้าหน้าที่ว่า ร้านแห่งนี้ได้นำโต๊ะอาหารมาวางขวางทางเท้า งานนี้จึงทำให้เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาตักเตือน พร้อมบอกให้เขานำโต๊ะออกจากบริเวณทางเท้าให้หมด     เมื่อโดนเตือนขนาดนี้ เราก็ต้องทำตามกฎระเบียบ แต่ทว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ได้กลับมาตรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง ก็พบว่าชายเจ้าของร้านยังปล่อยให้โต๊ะวางอยู่ที่เดิม แล้วเป็นไงละทีนี้!! ก็งานเข้าสิครัช โดนเจ้าหน้าที่ยึดโต๊ะไปตามระเบียบ     แต่ยัง!! เรื่องราวมันยังมีต่อ เพราะดูเหมือนชายคนดังกล่าว ไม่ยอมง่ายๆ เสียด้วยสิ เขากลับเล่นเปิดศึกคว้าเก้าอี้มาไล่ทุบเจ้าหน้าที่ซะงั้น ก่อนที่จะเกิดเป็นเรื่องราววุ่นวายขึ้นแบบไม่มีท่าทีว่าจะจบลงง่ายๆ     ในขณะที่หนุ่มเจ้าของร้านคนดังกล่าว กำลังจ้องหน้ากับเจ้าหน้าที่อย่างดุเดือด จู่ๆ อะไรก็ไม่รู้มาดลใจ ทำให้เขาจูจุ๊บเข้าที่ริมฝีปากของเจ้าหน้าที่ไปซะอย่างนั้น งานนี้ก็โดนเจ้าหน้าที่รายอื่นรุมสกรัม…

หากจะพูดถึงประเทศที่มีอะไรแปลกๆ มาให้เราได้ชมอยู่ตลอดเวลา ชื่อของประเทศจีนต้องโผล่ขึ้นมาเป็นชื่อแรกๆ อย่างแน่นอน และวันนี้อีกครั้งกับการขายยาวิเศษของพ่อค้าชาวจีน ที่เขาเคลมว่ารักษาอาการป่วยทุกอย่างบนโลกได้ แถมมีสาธิตสรรพคุณกันให้เห็นจะๆ ด้วย จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย   เรื่องราวเกิดขึ้นที่มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน มีพ่อค้าเร่คนหนึ่งนำยาวิเศษที่หมักจากซากสัตว์เลี้อยคลานหลายชนิดมาโชว์ให้กับชาวบ้านแถวนั้น ซึ่งสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ที่มาชมเป็นอย่างมาก     โดยยาวิเศษของเขา มีส่วนผสมของสัตว์เลี้ยงคลานหลายชนิดตั้งแต่ จระเข้ งู เต่า เห็ดหายาก และสมุนไพรอีกหลายชนิด ซึ่งเขาอ้างว่ายาของเขา สามารถรักษาทุกอาการเจ็บป่วยได้     แต่มาพูดลอยๆ ใครจะเชื่อ เขาเลยโชว์สรรพคุณยาให้ทุกคนได้ชม โดยเขานำไก่ที่มีอาการบาดเจ็บที่ขาจนเดินไม่ได้ตัวหนึ่งมา แล้วจัดการทาด้วยยาของเขา     ผลปรากฎว่าไก่ที่สภาพเดินไม่ได้เมื่อกี้ กลายเป็นเดินได้คล่องปร๋อในทันที สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมในทันที จนผู้เฒ่าผู้แก่หลายคน ต่างควักเงินซื้อยาวิเศษไปคนละขวดสองขวด     เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้ทั่วไปในแถบชนบทของประเทศจีน พวกเขาเชื่อว่ายาแผนโบราณแบบนี้ สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยหลายๆ อย่างได้ แม้วิทยาการการแพทย์สมัยใหม่จะพัฒนาไปมากก็ตาม       เห็นแล้วเหมือนยาดองของบ้านเราเลย ใครสนใจก็ลองไปซื้อมาใช้งานกันได้นะฮะ แต่ #เหมียวอ๊อดโด้ ขอบาย เจ็บป่วยแล้วขอพึ่งพาหมอ…

สำหรับหลายๆ ครอบครัว การเรียนของลูกนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ถ้าหากไม่มีธุระที่สำคัญจริงๆ เรียกว่าแทบจะไม่ยอมให้หยุดกันเลยทีเดียว (ครอบครัวของ #เหมียวอ๊อดโด้ ก็เช่นกัน) แต่สำหรับครอบครัวของหนุ่มน้อยคนนี้ ดูเหมือนว่าการหยุดเรียนเพื่อไปเที่ยว คงไม่ใช่เรื่องใหญ่ซักเท่าไหร่ เรื่องราวมีอยู่ว่า วันหนึ่งโรงเรียน Stanwell School จากทางตอนใต้ของประเทศ Wales พบว่า James Morgan นักเรียนวัย 15 ปีของพวกเขาไม่มาโรงเรียนและไม่ได้แจ้งเหตุผลไว้     ทางโรงเรียนคิดว่าเป็นเรื่องผิดปกติมาก เพราะ James เป็นนักเรียนที่ตั้งใจเรียน ทางโรงเรียนจึงส่งข้อความไปถามพ่อของเขา Simon Morgan เพื่อเช็คว่าทุกอย่างยังโอเคหรือเปล่า แต่ทันทีที่โรงเรียนได้รับข้อความตอบกลับมา โรงเรียนก็ถึงกับเงิบไปเลย เพราะคุณพ่อดันส่งรูปเด็กชาย James กำลังยืนยิ้มหราอย่างมีความสุขที่ Dubai มาให้     และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Simon ตอบข้อความกลับไปแบบเกรียนๆ แบบนี้ ครั้งก่อนเขาเคยตอบข้อความกลับไปว่า “เมื่อคืนผมกับลูกไปเดินป่า แล้วถูกสิงโตไล่จนต้องหนีขึ้นมาอยู่บนต้นไม้ ใครก็ได้ช่วยผมด้วย!!”     James บอกว่าโรงเรียนเองก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากมายกับเรื่องนี้ แถมยังมองเป็นเรื่องตลกอีกต่างหาก และเขาคิดว่าภาพที่ Dubai…

โถๆๆๆ น่าสงสารจริงๆ ไม่รู้งานนี้เฮียแกจะรู้รึเปล่าหนิว่าทำแฟนบอลบาดเจ็บโดยไม่ตั้งใจเข้าให้เนี่ย สำหรับสตาร์หนุ่มคนดังแห่งวงการลูกหนังอย่าง Lionel Messi ที่ดันไปทำแฟนบอลแขนหักเข้าให้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในแมชต์ระหว่าง Barcelona และ Villarreal ที่ผลออกมาเสมอกัน 2-2 ที่สนาม Estadio El Madrigal ของ Villarreal นั่นเอง ขณะนั้นแฟนบอลกำลังยื่นแขนออกไปเพื่อรับอะไรซักอย่างอยู่ ลูกยิงจาก Messi ของเราก็พุ่งเข้าไปที่แขนเธออย่างจัง จนทีมแพทย์ของสนามต้องเข้าไปช่วย ขณะนั้นเธอก็เป็นลมล้มพับไปซะดื้อๆ   ลองมาชมคลิปเหตุการณ์กันได้ที่นี่ รู้สึกว่าน่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย แต่มันก็เป็นเหตุการณ์สุดวิสัยที่ไม่คาดคิดจริงๆ ล่ะเนาะ โดยปกติแล้วในสนามฟุตบอลแฟนๆ มักจะยื่นมือไปรับลูกฟุตบอลที่ถูกเตะมาล่ะ แต่สำหรับสาวคนนี้คงต้องคิดกันใหม่อีกรอบเลยทีเดียว -*-     สำหรับใครที่ชอบดูกีฬาแนวนี้เช่นฟุตบอล บาสเก็ตบอล และเบสบอล ก็ให้ระวังกันไว้ด้วยนะจ๊ะ ถ้าสมมติดูเกมอยู่หญิงสาวก็คงจะหลบทันและไม่แขนหักล่ะเนาะ -*-   สุดท้ายนี้ถ้าเป็นเพื่อนๆ จะยอมทำให้ตัวเองแขนหักเพื่อพบ Messi สตาร์ดังกันรึเปล่าล่ะ? ฮ่าๆๆ #จ่าสิบเหมียว ขอเซย์โนว์ดีกว่า >< ที่มา: Metro, Bura

ก่อนอื่นก่อนใด #จ่าสิบเหมียว ก็ขอแสดงความยินดีกับหนุ่มลายครามของเราด้วยนะจ๊ะ ในที่สุดก็ได้ทำตามความฝันที่รอคอยมาเสียทีเนาะ ฮ่าๆๆๆ Mohammad Abad ชายวัย 44 ปีที่ตอนเด็กโดนรถชนจนบาดเจ็บและลากไปกับถนนอีกกว่า 500 เมตรด้วยกัน ตอนเขาอายุได้เพียง 6 ขวบเท่านั้น ทำให้เขาสูญเสียของรักของหวงไปตั้งแต่วัยเด็ก ตอนนั้นมีเพียงหลอดเนื้อหนังเท่านั้นที่ทำหน้าที่เป็นกระปู๋เทียมให้กับเขา… จนกระทั่งในปี 2012 ที่ผ่านมา เขาก็เปลี่ยนไอเท็มคู่ใจและมาใช้ ‘กระปู๋ชีวจักรกล’ แน่นอนว่าทำให้มันสามารถทำงานได้ดีเทียบเท่าของเดิมเลยทีเดียว (ตามหลักการน่ะนะ -*-)   และตอนนี้เขาก็เสียซิงไปเป็นที่เรียบร้อย ด้วยวัย 44 ปีนี่แหละ   ส่วนผู้ที่มาพรากพรหมจรรย์ของเขา คือ Charlotte สาววัย 35 ปีที่ทำงานเป็นนักขับเคลื่อนเสรีภาพทางเพศ ที่ได้อ่านเรื่องราวของ Mo และตัดสินใจติดต่อเขา และอาสาเป็นประสบการณ์แรกของหนุ่มใหญ่คนนี้ ตอนนี้ Mo หนุ่มใหญ่ของเราทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเมือง Edinburgh ประเทศสกอตแลนด์ล่ะ และเขาดีใจมากๆ เพราะรอโมเม้นต์นี้มาตั้งแต่อายุ 18 ปีเลยทีเดียว!!!   Mohammad Abad   กระปู๋ชีวจักรกลของเขาต้องบอกเลยว่าไม่ธรรมดานะเออ เพราะเหล่าศัลยแพทย์แห่ง University…

โรงเรียน เรียกได้ว่าเป็นเหมือนกับบ้านหลังที่สองของเด็กๆ ซึ่งการที่พ่อแม่ส่งลูกๆ เข้าเรียนที่โรงเรียนนั้น ก็เพื่อต้องการที่จะให้ลูกมีความรู้ มีเพื่อนที่ดี และสามารถเข้าสังคม และอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ได้ ซึ่งถ้าหากว่าคุณได้ลองส่งลูกเข้าเรียนในโรงเรียนที่เราจะมาแนะนำให้รู้จักละก็ คุณจะต้องอยากส่งลูกเข้าเรียนแน่นอน เพราะนอกจากพวกเขาจะได้ความรู้แล้ว เด็กๆ ยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีอิสระอีกด้วย     และนี่ก็คือ Fuji Kindergarten โรงเรียนอนุบาลในประเทศญี่ปุ่น ที่ถูกสร้างและออกแบบขึ้นมาในปี 2007 โดยตัวอาคารจะมีลักษณะคล้ายวงแหวน บริเวณตรงกลางเป็นลานสนามขนาดกว้าง ส่วนบนหลังคาจะเป็นทางเดินแบบนี้…     ซึ่งผู้ที่ได้ทำการออกแบบโรงเรียนแห่งนี้ก็คือสถาปนิกชาวญี่ปุ่นนามว่า Takaharu Tezuka ยังไงละเหมียว     Takaharu ต้องการที่จะให้เด็กๆ ทำกิจกรรมได้อย่างสนุกสนานตามแบบที่พวกเขาต้องการ ดังนั้นเขาจึงได้ทำการออกแบบอาคารแห่งนี้ขึ้นมา โดยให้เด็กๆ สามารถวิ่งเล่นได้อย่างอิสระ และปลอดภัย     ภายในโรงเรียนจะมีขนาดที่กว้างใหญ่ ที่ทำให้เด็กๆ สามารถวิ่ง ปีนเล่น หรือกระโดดได้ตลอดทั้งวันโดยที่ไม่มีผนังมากั้นขวาง     สำหรับโรงเรียนแห่งนี้ เป็นโรงเรียนอนุบาล ที่มีระบบการศึกษาที่เน้นการกระตุ้นพัฒนาการของเด็ก อีกทั้งยังสอนให้เด็กรู้จักมีระเบียบ เข้าสังคมได้ และรู้จักมารยาทในสังคมอีกด้วย…

จะว่าไปแล้วนี่ใช้หลักการเดียวกับหนังตะลุงในบ้านเราเลยนะเนี่ย แต่นี่เป็นผลงานของทีมหนังตะลุงมาเลเซียที่ชื่อว่า FUSION WAyANG KULIT ของชมรมหนังตะลุงกลันตันที่สนับสนุนศิลปะวัฒนธรรมนี้ไม่ให้สูญหายไป โดยการนำเอาศิลปะโบราณเก่าแก่มาประยุกต์กับ Pop Culture ของสมัยปัจจุบัน นั่นก็คือเหล่าฮีโร่ต่างๆ นั่นเอง ทั้งแบทแมน ซุปเปอร์แมน วอนเดอร์วูแมน และกรีนแลนเทิร์นล่ะ   เมื่อเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่มาอยู่ในหนังตะลุง   ซุปเปอร์แมน ฮีโร่ขวัญใจของหลายๆ คน     ทำออกมาได้สวยสดงดงามมาก   แฟลช   แบทแมน   พอเป็นเงาแล้วยิ่งดูสวยขึ้นไปอีกนะเนี่ย   วอนเดอร์วูแมน   กรีนแลนเทิร์น   นี่มัน Batman vs. Superman นี่นา!!?       นอกจากนี้ที่ผ่านมาก็เคยทำเรื่อง Bruce Lee ฉลองครบรอบ 75 ปีกับการตายของเขาไปด้วยนะเออ   สุดยอดไปเลยนะเนี่ย เหมือนที่เค้าบอกนั่นแแหละเป็นการผสมผสานของวัฒนธรรมเก่าๆ เข้ากับค่านิยมของสมัยใหม่ สุดยอดไปเลย อย่างนี้คงมีเด็กๆ…

สำหรับวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็อยากจะพาเพื่อนๆ ไปที่ประเทศรัสเซีย ชมโบสถ์เก่าแห่งหนึ่งในเมือง Kazan ที่มีชื่อว่า Our Lady of Kazan ซึ่งตอนนี้มีสมาชิกในศาสนานี้ราวๆ 5 แสนคนเลยทีเดียวในประเทศรัสเซีย กลุ่มผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายนี้ถูกเรียกว่า The Old Believers หรือพวกความเชื่อเก่า เกิดจากกลุ่มชาวรัสเซียที่ปฏิเสธการปรับตัวเข้ากับการปฏิรูปในสมัยซาร์ปีเตอร์มหาราชในปี 1741 และนำไปสู่การแยกตัวออกจากศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกตั้งแต่นั้นมา ช่างภาพคนนี้  Maxim Marmur มีโอกาสเข้าไปถ่ายภาพบรรยากาศในโบสถ์แห่งนี้มาแหละ ลองมาชมภาพของเขากันเลย   กลุ่มความเชื่อเก่า ในโบสถ์ Our Lady of Kazan   มีผู้คนมาสวดที่นี่เกือบทุกวัน   บางครั้งก็มาเป็นครอบครัว   บาทหลวงที่กำลังประกอบพิธีกรรม                               เป็นอีกหนึ่งวิถีชีวิตที่เราคงไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ เลยนะเนี่ย ถึงในอดีตจะไม่ค่อยลงรอยกันนัก แต่ปัจจุบันถึงจะมีความเชื่อที่แตกต่าง…

ประเทศจีนนี่มีอะไรมาให้เราได้แปลกใจอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาเรื่องการ “ขาย” ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ประเทศจีนนั้นเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการ “ขาย” ทุกสรรพสิ่งตั้งแต่ไข่ปลอม ยันเด็กทารก และวันนี้พวกเขาพัฒนาไปอีกขั้นด้วยการขายอากาศ!!     เรื่องราวมีอยู่ว่า ชาวบ้านจากเมืองซิงหยวน จากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีนได้ตั้งแผงขาย “อากาศบริสุทธิ์” ให้กับเหล่านักท่องเที่ยวที่หลบหนีความวุ่นวายของเมืองมายังเทือกเขาแห่งนี้     โดยราคาของ “อากาศ” เหล่านี้มีตั้งแต่ถุงละ 10 หยวนหรือราว 60 บาท ไปจนถึง 30 หยวนหรือราว 180 บาทขึ้นอยู่กับขนาดความใหญ่ของถุง     ผู้ที่ขายกล่าวว่า นี่คือโอกาสของเหล่าชาวเมืองอันจอแจที่สามารถนำอากาศอันสดชื่นของธรรมชาติ กลับไปสูดในเมืองได้       แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า การขายอากาศเช่นนี้ถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะหนึ่งในกฎหมายการค้าขายขั้นพื้นฐาน “อากาศ” เป็นสิ่งที่ไม่สามารถค้าขายได้ ดั่งเช่นที่ภัตตาคารจีนแห่งหนึ่ง แอบเก็บเงินแค่อากาศบริสุทธิ์ในร้าน จนกรมการค้าภายในของจีน ต้องเข้ามาจัดการ และลงโทษปรับในที่สุด       แบบนี้ก็มีด้วย ขายอากาศกันดื้อๆ งี้เลย…

ส่วนใหญ่เรามักจะได้ยินเรื่องราวดีๆ ของน้องหมา หลังจากที่มีคนมารับพวกมันไปเลี้ยงจากสถานสงเคราะห์ แต่ในทางกลับกัน ไม่ใช่น้องหมาทุกตัวหรอกนะ ที่จะโชคดีเสมอไป เพราะบางตัวที่ถึงแม้ว่าจะมีครอบครัวใจดีรับไปเลี้ยง แต่สุดท้ายมันกลับถูกส่งคืนสถานสงเคราะห์ซะอย่างนั้น ก็เหมือนกับเรื่องราวของเจ้า March ตูบสายพันธุ์พิทบูลผสม ที่ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้นำมาเผยไปเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2559 เจ้า March เป็นสุนัขที่ร่าเริงและอารมณ์ดี  มันถูกช่วยเหลือ และส่งมายังสถานสงเคราะห์ในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา     จนในที่สุดก็มีครอบครัวใจดีมารับมันไปเลี้ยง ซึ่งก็ทำให้เจ้า March รู้สึกตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมาก ที่จะได้ไปอาศัย และใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังใหม่ แต่ทว่าความสุขที่มันจะได้รับ กลับสั้นเหลือเกิน เพราะจู่ๆ ทางครอบครัวที่รับเจ้า March ไปเลี้ยง ก็ส่งตัวของมันกลับคืนมายังสถานสงเคราะห์ดังเดิม ด้วยเหตุผลบางอย่าง     หลังจากที่เจ้า March ได้กลับมาอยู่ที่เดิม นิสัยขอมันก็เปลี่ยนไป เพราะจากน้องที่มีแต่ความร่าเริงสดใส บัดนี้มันกลับเศร้าสร้อย ผิดหวัง มีอาการเหงาอย่างเห็นได้ชัด และเอาแต่นั่งหันหน้าเข้าหากำแพง ด้วยความที่มันมีอาการซึมเศร้าหนักขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้มันป่วย ทางสถานสงเคราะห์ก็วอนขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญ ให้มารับมันไปเลี้ยง เพราะตั้งแต่มันถูกส่งตัวกลับมาที่เดิม ก็ไม่มีใครสนใจที่จะรับมันไปดูแลเลย…

นับว่าเป็นหนึ่งในการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ของวงการวิทยาศาสตร์กันเลยทีเดียว เพราะล่าสุดเหล่านักสำรวจได้ขุดพบมัมมี่ของน้องหมาในยุค สมัยไพลสโตซีน(Pleistocene Epoch) ที่ครอบคลุมระยะเวลาประมาณ 1.6 ล้านปี – 10,000 ปีก่อน ซึ่งตอนนั้นเป็นยุคน้ำแข็ง สำหรับมัมมี่นี้มีอายุราวๆ 12,400 ปีเลยทีเดียว และนี่คือครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์ได้ชิ้นส่วนของสุนัขจากยุคนี้ โดยเชื่อกันว่าเจ้าตูบยุคก่อนประวัติศาสตร์ตัวนี้เป็นพี่น้องกับเจ้าตูบอีกตัวที่ถูกพบซากไปเมื่อปี 2011 ที่ผ่านมา ลิ้งค์ข่าว จากการสันนิษฐานคาดว่าเจ้าตูบเสียชีวิตเพราะดินถล่ม กลายเป็นมัมมี่อยู่ในชั้นน้ำแข็ง ซึ่ง Sergey Fedorov แห่ง North-East Federal University (ผู้คนพบมัมมี่น้องหมา) ได้เขียนอธิบายไว้ว่า ‘ชิ้นส่วนครบตั้งแต่จมูกไปจนถึงหาง แม้กระทั่งเส้นขนก็ยังมี’   มัมมี่น้องหมาอายุกว่าหมื่นปี   และพอนำไปเข้าเครื่อง MRI scanner หรือการตรวจเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็ทำให้ต้องอึ้งเข้าไปอีก เพราะสภาพสมองของน้องหมามัมมี่ยังสมบูรณ์ราวๆ 70-80 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว Dr. Pavel Nikolsky หนึ่งในทีมงานผู้วิจัยจาก Geological Institute กล่าวว่า ‘ถึงสมองจะแห้งไป แต่ส่วนสมองน้อย สมองส่วยท้าย และต่อมใต้สมองก็ยังสามารถมองเห็นได้ อาจพูดได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เราได้สมองจากยุคไพลสโตซีนเลยล่ะ’ แถมจากการพิสูจน์ DNA ยังชี้ชัดด้วยว่า เจ้าตูบมี DNA ที่คล้ายคลึงกับน้องหมา มากกว่าหมาป่า ซึ่งยุคนั้นส่วนมากจะเป็นหมาป่านั่นเอง…

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2559 ทางเว็บไซต์ Mirror ได้เผยภาพของตุ๊กตายางเด็กหญิงตัวหนึ่ง ที่มาในชุดเดรสสีดำ หน้าตาสวยน่ารัก ถูกผลิตขึ้นโดยบริษัทเซ็กซ์ทอย ‘ShengYi’ ในมณฑลกวางตุ้ง ทางใต้ของประเทศจีน ซึ่งตุ๊กตายางตัวนี้ หากดูตามลักษณะภายนอกก็จะคล้ายๆ กับเด็กนักเรียนหญิงทั่วไป ที่มีอายุราว 15 ปี โดยยังมีน้ำหนักเท่ากับก้อนหิน 4 ก้อน และมีความสูงอยู่ที่ 71 เซนติเมตรเท่านั้น     ทางบริษัทได้มีการออกแบบตุ๊กตา ให้มีลักษณะที่ดูเหมือนกับผู้หญิงจริงๆ มีเส้นผมยาว และเงางาม โดยจะเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มผู้ชาย และผู้ที่มีรสนิยมแปลกโดยเฉพาะเลยละ หนุ่มๆ สนใจมั้ยละ?     ส่วนลูกค้า โดยเฉพาะหนุ่มๆ ที่สนใจ ก็สามารถขนาดตัว เลือกผม ผิวหนัง ดวงตาสีต่างๆ รวมไปถึงใบหน้า ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งแบบสาวญี่ปุ่น และสาวยุโรปได้ถึง 10 รูปแบบด้วยกันเลยทีเดียว     นอกจากนี้เจ้าตุ๊กตายังมีคุณสมบัติสุดพิเศษ ที่ยิ่งเพิ่มดีกรีความเหมือนคนเข้าไปจริงๆ นั่นก็คือ ทางบริษัทได้มีการออกแบบโดยใช้วัตถุดิบในการผลิตที่ปลอดภัย…

กลายเป็นเรื่องเงิบประจำวันเลยทีเดียว สำหรับหญิงชาวจีนคนนี้ หลังจากเธอต้องการนำเงินเหรียญมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ไปฝากธนาคาร แต่กลับไม่มีธนาคารแห่งใดยอมรับเงินของเธอเลย เรื่องราวดังกล่าวของเธอสองสามีภรรยาจากประเทศจีน พวกเขาเปิดบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งในประเทศจีน และล่าสุดพวกเขาก็ได้ทำธุรกิจกับบริษัทรถโดยสารแห่งหนึ่ง     เมื่อถึงเวลาชำระเงิน บริษัทดังกล่าวกลับนำเงินเหรียญว่า 1.16 ล้านหยวนหรือราว 6 ล้านบาทมาจ่าย ตอนแรกสามีปฏิเสธที่จะรับ แต่ภรรยาของเขากลับยืนยันที่จะรับเงินจำนวนนี้ไว้ ต่อมาเธอตัดสินใจว่า จะนำเงินจำนวนดังกล่าวนี้ไปฝากธนาคาร แต่ถ้าเอาไปทั้งหมด ธนาคารคงไม่รับเป็นแน่แท้ เธอเลยนับเงินราว 5 แสนหยวน แล้วจ้างรถบรรทุกมาขนไปฝากธนาคาร     เมื่อไปถึงธนาคารปรากฏว่าธนาคารไม่ยอมรับเงินดังกล่าว พวกเขาบอกว่า การจะนับเงินทั้งหมดนี้ ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ซึ่งพวกเขามีไม่พอจริงๆ พอได้คำตอบเช่นนั้นสองสามีภรรยาก็ไปถามธนาคารอื่นๆ อีกหลายแห่ง แต่ก็ได้คำตอบคล้ายๆ กันแบบนี้ แต่สุดท้ายแล้ว ธนาคารเกษตรแห่งชาติจีน ก็อาสาเป็นฮีโร่รับเงินจำนวนดังกล่าวเอง พวกเขาบอกว่าลูกค้าส่วนมากของธนาคารเป็นเจ้าของร้านอาหาร และพวกเขาต้องการเงินเหรียญเพื่อใช้ในการทอนเงิน     จริงๆ แล้วในหลายๆ ประเทศก็มีกฎหมายในการชำระหนี้ด้วยเหรียญกษาปณ์ อย่างในไทยเองเหรียญ 1 บาท 2 บาท 5 บาท…

กลายเป็นเรื่องสุดสะเทือนใจเลยทีเดียว เมื่อกลุ่มนักประดาน้ำกลุ่มหนึ่ง ได้บังเอิญไปพบพะยูนสองแม่ลูกถูกล่ามเชือกและขังอยู่ในกรงใต้ทะเล บริเวณทะเลน้ำตื้นริมฝั่งบนเกาะโกโกยา ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งทั้งสองตัวอยู่ในสภาพที่ร่อแร่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตัวแม่ มีแผลลึกเนื่องจากถูกเชือกล่ามเอาไว้     “เขาเรียกเก็บเงินจากนักท่องเที่ยว ที่อยากชมหรือว่าถ่ายภาพกับพะยูนแบบใกล้ๆ” Delon Lin หนึ่งในนักประดาน้ำที่ไปเจอเรื่องดังกล่าวเล่าอย่างสะเทือนใจ ไม่มีใครทราบว่าพะยูนสองตัวนี้ถูกจับมานานขนาดไหนแล้ว แต่ดูจากสภาพของเชือก นั่นแสดงให้เห็นว่า มันต้องถูกจับมาไม่น้อยกว่าหนึ่งเดือนอย่างแน่นอน     กลุ่มนักดำน้ำพยายามจะโน้นน้าวให้ชาวประมงปล่อยพะยูนดังกล่าวไป แม้ตอนแรกเขาสัญญาว่าจะปล่อยพวกมันไป แต่หลังจากนั้นหลายสัปดาห์ก็ยังมีคนเห็นพะยูนทั้งสองตัวอยู่ที่เดิม จนสุดท้ายแล้ว ทางหน่วยงานรัฐของอินโดนีเซีย ก็เข้ามาจัดการเรื่องดังกล่าว และสั่งให้ชาวประมงปล่อยพะยูนทั้งสองกลับคืนสู่ธรรมชาติในทันที   อย่างที่เราทราบกันดีว่า พะยูนถือว่าเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ในปัจจุบัน ซึ่งจำนวนพะยูนในธรรมชาติค่อยๆ ลดน้อยลงทุกปี ซึ่งแม้จะมีกฎหมายคุ้มครอง แต่ก็ยังไม่วาย มีคนหาผลประโยชน์จากสัตว์หายากชนิดนี้   แบบนี้ก็มีด้วย สงสารเจ้าพะยูนจริงๆ แต่อย่างน้อยก็ได้เป็นอิสระแล้วนะ ว่าแต่ ชาวประมงคนนั้นได้รับโทษอะไรหรือเปล่าเนี่ย หรือว่าเปิดการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ทัน ถถถถถ ที่มา The Dodo

นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรก ที่คุณได้เห็นภาพของเจ้าเพนกวิน เดินหลงฝูงอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายท่ามกลางความเหงา ที่ไม่มีเพื่อนร่วมทางเลยแม้แต่ตัวเดียว แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เวลาที่ได้มองภาพของมันอยู่อย่างอ้างว้าง ก็อดสงสารไม่ได้ทู้กกที โดยเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา ทางสำนักข่าว Dailymail ได้เผยภาพของเจ้าคิงเพนกวิน หรือ เพนกวินราชาตัวหนึ่ง ที่กำลังเดินอยู่บนถนนเพียงลำพัง หลังจากที่มันเกิดพลัดหลงกับฝูง บนเกาะฟอล์กแลนด์     นี่มันเพนกวินนี่นา มาทำอะไรแถวนี้ละ?   ซึ่งภาพเหล่านี้ถูกถ่ายขึ้นมาโดย Paul Chapman ชายวัย 56 ปี ที่กำลังเดินทางไปยังจุดตกปลากับ Julie Chapman ภรรยาของเขา แต่ในระหว่างทาง ทั้งคู่ก็บังเอิญไปเจอเจ้าเพนกวินตัวนี้ เดินอยู่บนถนนเพียงลำพัง     Paul ได้ลงไปแชะภาพคู่กับมัน ซึ่งเจ้าเพนกวินก็ดูไม่มีท่าทีตื่นกลัวเขาแต่อย่างใด แถมยังก้มหน้าก้มตาเดินหน้าต่อไป เพื่อหวังจะได้เจอฝูง     ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เขาและภรรยาเกิดความสงสัยว่า เจ้าเพนกวินตัวนี้อาจจะกำลังพยายามเดินกลับไปหาฝูงของมัน หลังจากที่หลงออกมาก็เป็นได้ ดังนั้นเขาจึงได้ทำการเก็บภาพของมันไว้ และนำไปเผยแพร่สู่โลกออนไลน์ยังไงละเหมียว    …

คนเราเมื่อทำความดีเพียงเล็กๆ น้อย ก็ย่อมได้รับคำชื่นชมจากผู้คนเสมอ ก็เหมือนกับ Dan ชายไร้บ้านผู้นี้ ที่ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนธรรมดาๆ ที่ไม่มีใครสนใจ แต่เขากลับได้ทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่น่าชื่นชม จนความดีของเขาได้ถูกนำมาเผยแพร่ให้ผู้คนได้เห็น Jay Margolis นักลงทุนชาวแอฟริกาใต้ ได้โพสต์ภาพ และเล่าเรื่องราวของ Dan ลงในเฟสบุ๊ค ในตอนที่เขาไปนั่งรอลูกค้าอยู่ที่ริมหาดบันทรีเบย์ ในประเทศแอฟริกาใต้ ในขณะนั้นเอง เขาก็เห็นชายที่แต่งตัวซอมซ่อคนหนึ่ง กำลังเดินเอาถุงขยะใบโตสองใบไปทิ้ง และอีกไม่กี่นาทีต่อมาชายคนดังกล่าวก็ได้เดินกลับไปกลับมาที่เดิม เพื่อเอาขยะไปทิ้งอีกโดยเขาทำแบบนี้หลายครั้งด้วยกัน     แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 45 นาที แต่ Jay ก็ยังเห็นหนุ่มคนเดิมก้มหน้าก้มเก็บขยะบนชายหาด ดังนั้นเขาจึงไม่รีรอ และรีบเดินเขาไปพูดคุยกับชายคนดังกล่าวทันที ในที่สุด Jay ก็พบว่า แท้จริงแล้วชายคนนี้เป็นเพียงคนเร่ร่อนไร้ที่อยู่อาศัยธรรมดาๆ คนหนึ่ง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาเดินเก็บขยะอยู่แบบนี้ ก็เพราะเขาไม่อยากให้มีขยะเกลื่อนอยู่เต็มชายหาดนั่นเอง     และนั่นก็ทำ Jay ได้นำเรื่องราวของชายผู้นี้ ไปเผยแพร่ลงบนโลกโซเชียล ทำให้มีชาวเน็ตได้แชร์เรื่องราวที่น่าชื่นชมของเขาไปกว่า 37,000 ครั้งเลยทีเดียว จนทำเขาได้รับความสนใจจากชาวเมืองเป็นอย่างมาก Jay ได้กลับไปพบกับเขาอีกครั้ง พร้อมบอกว่ามีคนมากมายอยากช่วยเหลือเขา ซึ่งมันก็ทำให้ Dan…

ตอนแรกเหมียวคิดว่าตัวเองได้เห็นเรื่องราวแปลกๆ บนโลกมาเยอะแล้ว แต่จนกระทั่งเหมียวได้มาเจอเรื่องนี้ เหมียวก็รู้ได้ทันทีว่า เรื่องราวที่เหมียวพบเจอมา มันคงยังแปลกไม่พอสินะ Anna และ Lucy DeCinque พี่น้องฝาแฝดสาววัย 30 ปีจากเมือง Perth ประเทศ Australia เป็นฝาแฝดที่รักกันมาก ล่าสุดพวกเธอเพิ่งใช้เงินราวๆ 250,000 ดอลลาร์ หรือราว 8 ล้านบาทในการศัลยกรรมส่วนต่างๆ ของร่างกาย ให้ออกมาดูเหมือนกันมากที่สุด รวมถึงอัพไซส์หน้าอก และคิ้วปลอมด้วย     ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองคนมีแฟนเป็นหนุ่มคนเดียวกัน นั่นก็คือ Ben Byrne หนุ่มช่างไฟวัย 32 ปีนั่นเอง และที่แปลกยิ่งขึ้นไปอีกคือ พวกเธอวางแผนที่จะตั้งท้องพร้อมๆ กันอีกด้วย.. “พวกเราต้องเป็นเหมือนกันหมดทุกอย่าง แม้กระทั่งการตั้งท้องเราก็อยากจะตั้งท้องพร้อมๆ กัน” แฝดทั้งสองกล่าวกับสำนักข่าวท้องถิ่นประเทศออสเตรเลีย     แม้ว่าโดยพันธุกรรมแล้ว พวกเธอจะเหมือนกันมากกว่า 99.99 เปอร์เซ็น แต่พวกเธอก็ยังต้องการให้เหมือนมากกว่านั้นอีก “ถ้าเธอเดิน ฉันก็ต้องเดินด้วย ร่างกายเราจะได้เผาผลาญแคลอรี่เท่าๆ กัน อาหารเราก็ต้องกินเหมือนกัน…