Category: สาระรอบตัว

กีฬาโอลิมปิกจะจัดขึ้นในทุกๆ 4 ปี ซึ่งในแต่ละครั้งก็จะเปลี่ยนประเทศที่เป้นเจ้าภาพไปเรื่อยๆ ซึ่งประเทศเจ้าภาพก็ต้องจัดการปรับปรุงสนามแข่งขันกีฬาให้ได้มาตรฐาน ก่อนที่จะมีการแข่งขันเกิดขึ้น แต่งบางประเทศ หลังจากงานแข่งขันกีฬาได้จบลงไปแล้ว เขาก็ไม่ได้ใช้สนามนั้นอีกต่อไป เพราะว่ามันสร้างมาเพื่องานโอลิมปิกโดยเฉพาะ ทำให้สถานที่นั้นถูกทิ้งร้างไปในที่สุด ซึ่งปัญหาเหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะปัจจุบัน มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่อดีตแล้ว วันนี้เหมียวจึงจะพาทุกท่านไปเยี่ยมชมสนามกีฬาที่ถูกทิ้งร้างจากการแข่งกันโอลิมปิกกัน จะมีที่ไหนบ้าง เราไปดูกันเลยดีกว่า   สถานที่จัดโอลิมปินหน้าหนาวที่ Sarajevo ในปี 1984   10 ปีผ่านมาเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น และทำให้เมืองเสียหายอย่างหนัก   สนามกีฬาบางส่วนถูกใช้ในการทหาร   แต่ตอนนี้ก็เริ่มมีคนมาใช้งานกันแล้ว โดยเฉพาะผู้รักการปั่น BMX   สุนัขเดินผ่าน Kosovo Stadium ที่ที่เคยเป็นสถานที่เปิดพิธี ลานสกีในภูเขา Igman ที่นั่งก็ถูกทิ้งจนต้นหญ้าขึ้นเต็มไปหมด แอตแลนต้า ผู้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูร้อนในปี 1996 แต่แล้วก็ต้องระเบิดสะนามเบสบอลทิ้งในปี 1997 กลายเป็นลานจอดรถ งานโอลิมปิกฤดูร้อนที่ปักกิ่งในปี 2008 ก็ถูกทิ้งร้างเช่นเดียวกัน แต่ในปี 2022 ปักกิ่งจะได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาวอีกครั้ง ป้ายของสนามเบสบอลก็ยังอยู่ หมาจรจัดนอนอยู่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสนามเบสบอล ครั้งหนึ่งที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว…

นาง Babbette Jaquish หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Sunflower Lady” ในเมือง Eau Claire, Wisconsin เธอได้จากไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วหลังจากสู้กับโรคมะเร็งมานาน สามีของเธอ Don Jaquish จึงตัดสินใจที่จะเติมเต็มความฝันของเธอด้วยการปลูกต้นดอกทานตะวันกว่า 1,000 ไร่ และก่อตั้งบริษัท Babbette’s Seeds of Hope เพื่อหาเงินไปช่วยการทำวิจัยเกี่ยวกับโรคมะเร็ง เขาบอกกับสำนักข่าว ABC ว่า “เธอตระหนักถึงความสำคัญของการวิจัยทางการแพทย์”   ไม่กี่เดือนหลังจากที่เธอจากไป เขาก็เจอจดหมายลับที่เธอเขียนไว้ให้กับเขา   “จงก้าวไปข้างหน้า และใช้ชีวิตในแต่ละวันเหมือนกับว่าฉันเป็นอากาศในยามเช้า แต่เมื่อคุณตื่นมาและชงกาแฟ ฉันจะอยู่ที่นี่เสมอ”   ชมคลิปความยิ่งใหญ่ของทุ่งดอกทานตะวันได้ในคลิปนี้เลย ที่มา boredpanda

การเลือกมหาลัยเหมือนเป็นการเลือกเส้นทางของชีวิตเลยก็ว่าได้ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องเรียนเท่านั้น แต่เราต้องพบกะกับเพื่อนใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ การแข่งขันใหม่ๆ ซึ่งแต่ละมหาลัยก็จะแตกต่างกันออกไป ทางเว็บไซต์ Business Insider จึงได้ทำแบบสอบถามคน 1,000 คนเพื่อเลือกมหาลัยที่ดีที่สุดในอเมริกาซึ่งวัดจากคุณภาพนักศึกษาและความประสบความสำเร็จหลังจบออกมา อีกทั้งยังเอาไปรวมกับคะแนนสอบเฉลี่ยจาก SAT ซึ่งเป็นข้อสอบมาตรฐานที่ใช้สอบกันในอเมริกาจากเว็บไซต์ College Board และหาค่ามัธยฐานเงินเดือนหลังจบมาจากเว็บไซต์ PayScale อีกด้วย เราไปดูกันเลยทีกว่าว่ามีที่ไหนกันบ้าง   10. Dartmouth College คะแนนเฉลี่ยจากการสอบ SAT – 2,195 ค่ามัธยฐานเงินเดือน – ประมาณ 1,942,500 บาท   9. University of Pennsylvania คะแนนเฉลี่ยจากการสอบ SAT – 2,190 ค่ามัธยฐานเงินเดือน – ประมาณ 2,075,500 บาท   8. Columbia University คะแนนเฉลี่ยจากการสอบ SAT – 2,220 ค่ามัธยฐานเงินเดือน – ประมาณ…

ปกติเวลาเราเห็นสิ่งของต่างๆไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือข้าวของเครื่องใช้ เราก็จะเห็นแต่ภาพนอก หรือไม่ก็มุมด้านบนใช่มั้ยละ แต่ลองนึกภาพถ้าเราผ่าครึ่งอาหารเหล่านั้นหละ มันจะออกมาหน้าตาแบบไหน มุมมองของเราจะเปลี่ยนไปเป็นยังไงบ้าง ตากล้อง Beth Galton และ นักตกแต่งอาหาร Charlotte Omnès ก็อยากรู้เช่นกัน พวกเขาจึงร่วมมือกัน เพื่อสร้างสรรค์ผลงานศิลปะชุดนี้ขึ้นมา .   พวกเขาบอกว่า แต่ละภาพก็มีความยากง่ายแตกต่างกันไป .   บางภาพก็ต้องถ่ายหลายๆรอบ แล้วเอาภาพเหล่านั้นไปรวมในโปรแกรม Photoshop เพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์   บางอันก็ต้องจัดแล้วจัดอีกกว่าจะได้ภาพที่สมใจ .   อย่างไก่งวงนี่ พวกเขาต้องเอาไปแช่เย็นจนแข็งก่อน แล้วถึงจะนำมาถ่ายได้ ไม่งั้นไส้ข้างในจะทะลักออกมาหมด .   พอถามเขาว่า คุณกินอาหารที่เหลือนี้หรือเปล่า เขาตอบในทันทีเลยว่า “ไม่มีทาง” .   อันนี้แถม คงไม่มีใครไม่เคยเห็นเจ้านี่ผ่าครึ่งหรอกมั้ง   ก็ถือว่าเป็นอีกมุมมองที่น่าสนใจ แต่ว่าเพื่อนๆอย่าไปลองทำเองที่บ้านนะ ไม่งั้นเลอะเทอะมา โทษเหมียวไม่ได้นะจ๊ะ ที่มา Business Insider

บนโลกอินเตอร์เน็ตที่ข่าวสารและความรู้ต่างๆสามารถแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว บางครั้งก็มีข้อมูลเท็จหลุดออกไปบ้าง ทำให้หลายๆคน ทึกทักเอาเองว่า เรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง วันนี้เหมียวจึงพาไปดู 7 ความเชื่อผิดๆที่เชื่อกันมาอย่างเนิ่นนาน พร้อมกับข้อเท็จจริง ว่าที่จริงแล้ว เรื่องเหล่านั้น เป็นอย่างไรกันแน่ ว่าแล้วก็ไปชมกันเลย ความเชื่อ : ชาวไวกิ้งต้องสวมหมวกเขาสัตว์ ความจริง : ภาพชาวไวกิ้งสวมเขาสัตว์เพิ่งโผล่มาช่วงยุคปลายศตวรรษที่ 18 ในละครโอเปร่าของ Richard Wegner ความเชื่อ : ร่างกายจะใช้เวลาย่อยหมากฝรั่ง 7 ปี ความจริง : แม้ว่าส่วนประกอบมันจะไม่ได้เปลี่ยนไป แต่มันไม่มีทางอยู่ในร่างกายได้ถึง 7 ปีแน่นอน ความเชื่อ : ฉี่สามารถล้างพิษแมงกระพรุนได้ ความจริง : เอาน้ำเกลือหรือน้ำร้อนมาล้างน่าจะดีกว่าเยอะ ความเชื่อ : ในภาวะปกติ สมองเราทำงานแค่ 10 เปอร์เซ็นเท่านั้น ความจริง : ถ้า 90 เปอร์เซ็นของสมองไม่ได้ทำงานล่ะก็ เราจะนอนเอ๋อน้ำลายยืดอยู่แน่ๆ ความเชื่อ : น้ำโคล่าหนึ่งกระป๋องสามารถละลายตะปูทั้งอันได้…

หลายคนคงรู้จักเจ้าหญิงไดอาน่าแห่งราชวงศ์อังกฤษ ด้วยรูปโฉมที่งดงามและเป็นที่รักของประชาชนมากมาย ทำให้พระองค์มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก นี่ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่โลกต้องจารึก นั่นก็คืองานอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงไดอาน่ากับเจ้าชายชาร์ลส์ ที่ถูกบันทึกภาพไว้ แต่เหตุน่าเศร้าก็เกิดขึ้นหนึ่งปีหลังจากหย่าร้าง นั่นก็คือข่าวการสวรรคตของเจ้าหญิงไดอาน่า เหลือเพียงแต่ภาพความทรงจำนี้เท่านั้นที่เราพอจะนึกถึงพระองค์ได้   นี่คือภาพของเจ้าหญิงขณะอุ้มหนูน้อย คลีเมนไทน์ แฮมโบร วัย 5 ขวบ ผู้เดินเคียงคู่กับเจ้าหญิงไดอาน่า   เสื้อคลุมประดับไปด้วยมุกนับพัน และกระโปรงยาวกว่า 25 ฟุต   พระราชินีทรงประดับด้วยหมวกน่ารักๆ กำลังนั่งดูบรรยากาศข้างนอกพระราชวังบัคกิ้งแฮม   เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเดินออกไปที่ระเบียงเพื่อไปพบกับประชาชนหลายพันคนที่รอพบทั้ง 2 พระองค์อยู่   ภาพหลังจากเสร็จพิธี   ในพระราชวัง นำทางด้วยเด็กยกกระเป๋า ส่วนเจ้าหญิงก็อุ้มหนูน้อยคลีเมนไทน์ไปด้วย   เจ้าหญิงไดอาน่าก้มวางหนูคลีเมนไทน์ลง   เจ้าชายแอนดริวเข้ามาพูดคุยกับคลีเมนไทน์   และสุุดท้าย…ภาพบรรยากาศในท้องพระโรง ที่มา Daily Mail

ค่าแรงขั้นต่ำถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ หลายคนเลือกที่จะไปทำงานที่ต่างประเทศเพราะได้เงินที่สูงกว่าประเทศตัวเองมาก ซึ่งก็แล้วแต่กรณีไป ค่าแรงขั้นต่ำคือเงินที่ต่ำที่สุดที่นายจ้างจะจ่ายให้กับลูกจ้างนับเป็นชั่วโมงหรือวัน วันนี้เหมียวจะพาทุกท่านไปดูกันว่าประเทศไหนบ้างที่จะจ่ายค่าแรงขั้นต่ำให้คุณมากที่สุด โดยรวมภาษีอากร การหักภาษี และกำลังการซึ่ง โดยอันดับทั้งหมดมาจากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development) หรือ OECD เราไปดูกันเลยดีกว่า (ประมาณ 1 ดอลล่าร์เท่ากับ 35 บาท)   10. สหราชอาณาจักร ค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 247.1 บาทต่อชั่วโมง หรือวันละ 1,976.8 บาท   9. แคนาดา ค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 251.3 บาทต่อชั่วโมง หรือวันละ 2,010.4 บาท   8. เยอรมนี ค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 251.65 บาทต่อชั่วโมง หรือวันละ 2,013.2 บาท   7. นิวซีแลนด์ ค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 264.25 บาทต่อชั่วโมง หรือวันละ 2,114 บาท   6. เนเธอแลนด์ ค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 287…

ธรรมชาติเป็นสิ่งที่น่าค้นหาเป็นอย่างมาก มันมักจะสร้างสิ่งแปลกๆให้เราได้ประหลาดใจอยู่เสมอ บางปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นก็คาดไม่ถึงเลยว่าบนโลกนี้จะมีได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ได้ถูกรวบรวมไว้ที่นี่แล้ว เพราะเหมียวจะพาทุกท่านทัวร์รอบโลกไปดูปรากฏการณ์แปลกๆเหล่านี้กัน ไปดูกันเลย!!   ทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็งขณะที่มีฟองอยู่ใต้น้ำ เกิดขึ้นที่ทะเลสาบอับบราฮัม ในเมืองอัลเบอร์ต้า ประเทศแคนาดา ฟองเหล่านี้เกิดจากแก๊สมีเทนที่มาจากพืชและสัตว์ในบริเวณนั้น   หลังจากเกิดเหตุการน้ำท่วมในปากีสถานที่หมู่บ้าน Sindh เมื่อปี 2010 ก็ได้มแมงมุมนับล้านตัวปีนหนีน้ำขึ้นไปสร้างรังบนต้นไม้ ซึ่งมันได้สร้างใยแมงมุมพันรอบต้นไม้ได้น่ากลัวเอามากๆ   ปรากฏการณ์เมฆไฟหรือเมฆสีรุ้ง เกิดจากกรรวมตัวกันของแสงอาทิตย์เข้าในผลึกน้ำแข็งในที่สูงเหนือเมฆ แล้วเกิดการหักเหของแสงทำให้เกิดสีต่างๆขึ้นมา ส่วนมากมักจะเกิดขึ้นในหน้าร้อน และพระอาทิตย์ต้องทำมุมเงยสูงกว่า 58° องศาด้วยถึงจะเกิดภาพแบบนี้ขึ้น   ในทุกๆหน้าร้อนของทุกปี จะมีค้างคาวกว่า 1.5 ล้านตัวบินอยู่เหนือท้องฟ้าในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส สร้างภาพอันงดงามเหนือท้องฟ้า   เกือบทั้งปีในเกาะคริสต์มาสในออสเตรเลีย ข้างทางที่เป็นป่าจะมีปูแดงออกมาเดินกันมากมาย แต่ในเดือนพฤศจิกาจะเยอะที่สุด เพราะมีประมาณ 120 ล้านตัวด้วยกัน พวกมันเดินข้ามถนนมาเพื่อที่จะไปสู่มหาสมุทรอินเดียเพื่อวางไข่   ปรากฏการณ์หินเดินได้ก็ยังเป็นที่น่าสนใจของนักวิทยาศาสตร์ซึ่งยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเกิดจากอะไร เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่อุทยานแห่งชาติ Racetrack Playa of Death Valley ในแคลิฟอร์เนีย นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามันเกิดจากแผ่นน้ำแข็งที่เกิดใต้หินแล้วละลาย ทำให้มันเคลื่อนที่แล้วทิ้งรอยไว้   นี่คือแพลงค์ตอนพืชชนิดหนึ่งที่เรืองแสงได้ เกิดบนที่ชายหาดที่เปอร์โต ริโก…

เคยสงสัยกันบ้างมั้ยว่าถ้าหากว่าเราได้ไปใช้ชีวิตอยู่บนอวกาศจริงๆ กิจวัตรประจำวันต่างๆ ของเราก็เหมือนกับที่อยู่บนโลกหรือไม่? แน่นอนว่าสิ่งแรกเลยที่ไม่เหมือนก็คือแรงโน้มถ่วง ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แล้วนักบินอวกาศเขาจะอยู่จะกินอย่างไร? ตามมาดูกันเถอะ!! การออกกำลังกายในอวกาศ การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญมากในอวกาศ โดยนักบินอวกาศจะต้องออกกำลังกายอย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อวันเพื่อป้องกันไขข้อเสื่อมและกล้ามเนื้อฝ่อ เวลาออกกำลังกายก็ต้องมีจุดยึดร่างกายเอาไว้ด้วย การอาบน้ำในอวกาศ การอาบน้ำและครั้งก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ต้องค่อยๆ เปิดถุงน้ำทีละนิด เพื่อไม่ให้น้ำลอยกระจายออกไป ขัดถูตัวด้วยฟองน้ำอย่างละเอียดถี่ถ้วน และการแปรงฟันจะไม่บ้วนปากไปเรื่อย นักบินอวกาศจะกลืนลงไปแทนหรือไม่ก็บ้วนใส่เสื้อผ้า การนอนหลับในอวกาศ การนอนหลับพักผ่อนของนักบินอวกาศก็คือการมัดตัวให้ติดอยู่กับด้านข้างของยานอวกาศนั่นเอง ไม่ได้นอนบนเตียงนุ่มๆ นะจ๊ะ อาหารการกินในอวกาศ ขอให้ลืมอาหารสดไปได้เลย เพราะในอวกาศจะได้กินแค่อาหารอบแห้งเท่านั้น แถมยังต้องมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น หรือไม่ก็รัสเซียด้วย การมีเพศสัมพันธ์ในอวกาศ นักวิทยาศาสตร์จากรัสเซีย 2 ท่านได้ทำการทดลองนี้มาแล้ว แต่ไม่ได้ทำในอวกาศนะ ทดลองอยู่ในห้องจำลองไร้แรงโน้มถ่วง ซึ่งก็ได้ผลออกมาว่าสามารถทำได้ แต่ทำได้เพียงแค่ 4 ท่าเท่านั้น (ท่าอะไรบ้างไม่ได้เปิดเผย) การใช้ห้องน้ำในอวกาศ ลำบากลำบนสุดๆ เพราะจะต้องมัดตัวให้ติดอยู่กับที่ แถมยังต้องคอยเล็งตำแหน่งปล่อยของด้วย เพราะจะมีระบบลมเป่าช่วยให้เข้าสู่เป้าหมาย ไม่ได้เหมือนบนโลกที่ปล่อยได้ตามสบาย การทำงานในอวกาศ นักบินอวกาศทำงานวันละ 12 ชั่วโมง ส่วนมากจะเป็นการบำรุงรักษาตรวจสอบประจำวันและทำการทดลองต่างๆ แต่ด้วยนักบินอวกาศที่มาจากหลากหลายประเทศทำให้การสื่อสารลำบาก รวมไปถึงการถูกจับตามองจากศูนย์บัญชาการบนโลกในช่วงเวลาทำงาน…

เพื่อนๆ หลายคนคงเคยเจอกับปัญหาการปอกเปลือกไข่ต้มมากันบ้างแล้ว เพราะเวลาที่ใช้มือปอกทีไร เนื้อไข่ที่ติดอยู่กับเปลือกมันแกะออกย๊ากยาก แถมแกะออกมาแล้วไม่สวย ผิวไข่ขรุขระ ไม่น่าทานเอาเสียเลย แต่จริงๆ แล้วการปอกเปลือกไข่นั้นมีเทคนิคที่ง่ายแสนง่าย เพียงแค่ใช้เวลาไม่กี่วินาที ก็สามารถแกะเปลือกออกได้หมด แถมยังทำให้ผิวไข่ดูเรียบสวย และน่าทานอีกด้วย ว่าแต่…วิธีไหนน้า ที่จะช่วยทำให้การปอกเปลือกไข่เป็นเรื่องง่าย หากใครอยากรู้ เรามีคำตอบมาให้แล้ว สิ่งที่ต้องเตรียมมีอะไรบ้างน้า -ถ้วย 1 ใบ -จาน 1 ใบ   วิธีการทำที่ง่ายแสนง่าย นำไข่ต้มมาใส่ในถ้วยใบเล็กแบบนี้… จากนั้นก็นำจานอีกใบมาปิด แล้วก็ทำการเขย่าๆๆๆๆ ได้เลย นี่ไง!! เปลือกไข่หลุดออกมาแล้ว โอ้วววว มันง่ายขนาดนี้เลยหรอเนี่ยย หากใครที่ยังไม่เข้าใจ ก็สามารถคลิกดูที่คลิปวีดีโอนี้ได้เลย และแล้วการปอกเปลือกไข่ต้มก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป อีกทั้งยังช่วยให้ประหยัดเวลาได้เยอะ แถมไม่ต้องมานั่งแกะให้ร้อนมืออีกด้วย เทคนิคดีๆ แบบนี้ ไม่แชร์ต่อไม่ได้แล้ว ที่มา :  Piyachart Chansawang

เมื่อมนุษย์อย่างเรามีเวลาว่างกันเกินไป ไอเดียความคิดแปลกๆ ก็มักจะก่อตัวขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณความเวิ่นของเราที่ทำให้ได้รู้จักกับคำว่า ‘วิทยาศาสตร์’ เช่นเดียวกับเจ้าของ Youtube Channel ที่มีชื่อว่า ‘Carsandwater’ ที่ได้เผยแพร่วิดีโอการทดลองอย่างหนึ่งของเขา นั่นก็คือ การนำเอาลูกเหล็กที่ร้อนจี๋มาวางบนฟลอรัลโฟมหรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ โอเอซิส ที่ไว้ใช้สำหรับการจัดดอกไม้ และผลลัพธ์ที่ได้ทำให้เราต้องประหลาดใจ     จะเห็นว่าตอนแรกๆ ก็ดูธรรมดาๆ จนสงสัยว่า เฮ้ย!!! เจ้าลูกเหล็กร้อน เอ็งมีอิทธิฤทธิ์แค่นี้เองเหรอ แต่ดูไปเรื่อยๆ ก็จะพบว่า ฟลอรัลโฟมนั้นอยู่ดีดีก็โดนไหม้เกรียมจนเปลี่ยนเป็นสีดำกันเลยทีเดียว     ในตอนสุดท้าย ฟลอรัลโฟมก็ไม่เหลืออะไรเลย นอกจากเถ้าถ่านอย่างที่เราเห็นในรูปนี้นั่นเอง   ใครดูภาพข้างบนแล้วยังรู้สึกเฉยๆ  งั้นตามมาดูคลิปเต็มๆ กันเลยดีกว่า  แล้วจะรู้ว่าสุดยอดแค่ไหน!!!   ดูจบแล้ว ก็ระวังกันด้วยนะ อย่าไปลอกเลียนแบบไม่งั้นอาจจะเกิดอันตรายได้  เป็นห่วงเพื่อนๆ จะโดนเจ้าลูกเหล็กลวกเอาน่ะสิ!!! ที่มา Carsandwater

มันเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับพ่อแม่เมื่อรับรู้ว่า ลูกของเขาที่เกิดมานั้นแตกต่างจากลูกคนอื่น อย่างเช่นเรื่องราวของครอบครัวนี้ คุณพ่อ Alistair Campbell ชาวนิวซีแลนด์ ตัดสินใจที่จะสักหัวของเขาเป็นรูปประสาทหูเทียมที่มีลักษณะเหมือนกับของ Charlotte ลูกสาวของเขา เพื่อที่จะช่วยทำให้เธอไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง ปัจจุบันสาวน้อยคนนี้มีอายุหกปี แต่ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เธอต้องเผชิญกับการสูญเสียการได้ยินมาตั้งแต่เกิด ทำให้เธอนั้นต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อทำประสาทหูเทียมเมื่อเธอมีอายุแค่เพียงสี่ปี ปัญหาเรื่องการฟังของ Charlotte นั้นมีสาเหตุมาจากปัญหาทางพันธุกรรม เพราะในครอบครัวนี้ คุณแม่ของเธอก็เคยผ่าตัดทำประสาทหูเทียม ส่วนลูกชายคนที่สองก็ใส่เครื่องช่วยฟังเช่นกัน ขณะที่เธอกำลังจะทำการผ่าตัดครั้งที่สอง คุณพ่อ Alistair ก็ทำการสักเรียบร้อยแล้ว นอกจากคุณพ่อ Alistair แล้ว ก็ยังมีคุณพ่อคนอื่นที่ทำเหมือนกันด้วย เห็นไหมล่ะเหมียว ความรักของพ่อแม่นั้นมันยิ่งใหญ่ขนาดไหน ว่างๆ ก็อย่าลืมโทรกลับไปบอกรักคุณพ่อคุณแม่ที่บ้านบ้างนะ พวกท่านยังรอลูกๆอยู่เสมอแหละ ที่มา boredpanda

รู้หรือไม่ว่าจุดต่างๆ ภายในบ้านของเรา ที่เราสัมผัสทุกวัน มีจำนวนแบคทีเรียมากกว่าที่คุณคิด มาดูกันว่ามีจุดไหนบ้างที่เราควรระวังและทำความสะอาดมากยิ่งขึ้น เพื่อสุขอนามัยห่างไกลแบคทีเรีย หลายคนคงคิดว่าสิ่งที่ดูสกปรกน่าจะเป็นที่อยู่ของเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียมากที่สุด แต่รู้หรือไม่ว่าบางสิ่งที่คุณมองข้ามไปกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่มากกว่าเสียอีก มีอะไรบ้างลองมาดูกัน   ตู้เย็น แหล่งเก็บรักษาเสบียงอาหารของพวกเรา กลับกลายเป็นแหล่งเติบโตของเชื้ออีโคไลมากที่สุด คีย์บอร์ด คอมพิวเตอร์ที่เราใช้งานอยู่ทุกวัน และเกือบทั้งวัน กลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรียที่มีมากกว่าฝาส้วมถึง 200 เท่า โทรศัพท์มือถือ / โทรศัพท์บ้าน เครื่องมือสื่อสารที่กลายเป็นปัจจัยที่ 5 ที่เราต้องสัมผัสทั้งฝ่ามือและใบหน้า กลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรียที่มีมากกว่าฝาส้วมถึง 10 เท่า ก๊อกน้ำฝักบัวอาบน้ำ แหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่ามายโคแบคเทอเรียม เอเวียม ซุกซ่อนอยู่มากมาย และจะไหลออกมาตามสายน้ำสัมผัสกับร่างกาย ผิวหนัง และใบหน้าของเราโดยตรง อ่างล้างจาน คราบเศษอาหารต่างๆ ตกค้างเป็นแหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรียที่เกาะติดตกค้างอยู่ตามอ่างล้างจาน มีเชื้อโรคอาศัยอยู่ถึง 500,000 ตัว ซึ่งมาจากเชื้อแบคทีเรียจากเนื้อสัตว์ จุลินทรีย์จากเศษอาหาร สวิตช์ไฟ / ลูกบิดประตู มีแบคทีเรียมากถึง 200 ตัว / ตารางนิ้ว ของเล่น ที่เด็กต้องคลุกคลีแทบทุกวันเป็นแหล่งเชื้อโรคที่มากับคราบน้ำลาย น้ำมูก หรือคราบโคลนที่เด็กๆ…

เชื่อว่าหลายๆบ้าน คงมีพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย บางครั้งที่ว่างเหล่านั้นก็กลายเป็นแค่ที่พักฝุ่นเท่านั้นเอง เรียกได้ว่าเปล่าประโยชน์แบบสุดๆ แต่วันนี้เหมียวมีไอเดียดีๆ ที่จะเปลี่ยนที่ว่างเหล่านั้น ให้กลายเป็นบ้านสุดเก๋ไก๋ให้กับเจ้าหมาน้อย หรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆของเราให้ได้วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ที่ว่างๆในบ้าน ทิ้งไว้ก็ไม่มีประโยชน์ นี่คือแบบของสิ่งที่เรากำลังจะทำ เริ่มจากซื้อมาแล้วมาประกอบเป็นรั้ว ทาสีซักหน่อยเพื่อความสวยงาม เลือกสีที่เข้ากับบ้านหน่อยนะ นำหญ้าเทียมมาวาง หาของมาตกแต่งเสียหน่อย เป็นไง เริ่มสวยละดิ เรียบร้อยยย สวยมั้ยละ น้องหมาตัวนี้ต้องดีใจมากๆแน่นอน เป็นไงละ ไอเดียดีที่เหมียวนำมาฝากวันนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นระเบียงบ้านหรอกนะ เผื่อบางบ้านไม่มีแล้วจะมาว่าเหมียวว่า จะให้เอาไปใช้ยังไง ขอเป็นที่ว่างๆหน่อย แล้วก็กันแดดกันฝนได้ประมาณหนึ่งพอแระ แค่นี้น้องหมาก็ฟินไม่รู้จบแล้วล่ะ ที่มา Viralnova

ไอศครีม ถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งที่ใครหลายๆ คนโปรดปราน  กินตั้งแต่เด็กจนโต  เราเคยสงสัยกันไหมว่า ไอศกรีมที่เราทานกันมันออกมาเป็นแบบที่เราเห็นได้ยังไง? วันนี้เหมียวเลยจะพาเพื่อนๆ ทุกคนไปทัวร์กันในโรงงานผลิตไอศครีมที่มีหลายหลากรูปแบบ  ไม่ว่าจะเป็นทั้งแบบแท่งหรือแบบถ้วย  แบบเคลือบช็อคโกแลตหรือแบบธรรมดา  ก็มีครบทุกแบบเลย  แถมสีสันของไอศครีมบางอันก็ช่างดูน่าทานเหลือเกิน     อันนี้น่าจะเป็นไอศครีมรสผลไม้ สีสันหลากหลายจริงๆ . ไอศครีมแบบถ้วยก็มีเหมือนกันนะ  ถ้าได้ทานแล้วท่าจะนุ่มลิ้นน่าดู . งั้นเรามาดูเป็นวิดีโอกันเลยดีกว่าว่า  การผลิตไอศครีมมันจะอลังการงานสร้างขนาดไหน ไม่แน่นะ…อาจจะได้เห็นไอศกรีมที่เพื่อนๆ คุ้นเคยกันในวัยเด็กด้วย  ถ้าพร้อมแล้ว…ไปชมกันเลย! โรงงานผลิตไอศครีม—————————————-เครดิต@(PandoraTV) Posted by คลิป HOT ข่าว HIT on Wednesday, August 5, 2015   ที่มา คลิป Hot ข่าว Hit

การสื่อสารของมนุษย์นอกจากจะเปล่งเสียงออกมาเป็นคำพูดแล้ว ก็ยังมีการสื่อสารด้วยลักษณะท่าทางด้วยเช่นกัน ซึ่งท่าทางส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีความหมายที่ร้ายแรงอะไร แต่ถ้านำไปใช้ในประเทศเหล่านี้แย่แน่ๆ ท่าปัดคาง (เบลเยี่ยม, ฝรั่งเศส, ภาคเหนือของอิตาลี, รัสเซีย) ความหมาย : ไปให้พ้นซะ ท่าสอดนิ้วโป้งระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วกลาง (ตุรกี, รัสเซีย, อินโดนีเซีย) ความหมาย : ไปตายซะ!! ท่าโอเค (แต่ไม่โอเค) ประเทศกรีซ, สเปน และบราซิล ความหมาย : มันหมายถึงรูตูดน่ะ ด่าคนอื่นว่าโง่ ท่าห้าพ่อ (ประเทศแถบอาหรับและทะเลแคริบเบียน) ความหมาย : เอ็งมันมีพ่อ 5 คน เพราะแม่เอ็งเป็นผู้หญิงขายตัว ท่าชาวร็อค (ประเทศสเปน, อิตาลี, กรีซ) ความหมาย : เป็นการบอกว่าเมียเอ็งแอบไปนอนกับชู้ ท่าแตะปลายแขน (ประเทศฝรั่งเศส กลุ่มประเทศยุโรปทางใต้ และบราซิล) ความหมาย : มีความหมายพอๆ กับท่าชูนิ้วกลาง ท่ากัดนิ้ว (ประเทศอินเดีย, ปากีสถาน) ความหมาย…

เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วตลอดเวลา ลองนึกภาพเมื่อ 10 ปีที่แล้วสิ ใครจะไปนึกว่าเราจะมี Smart Watch หรือ Smart Phone ใช้กันทั่วไปอย่างทุกวันนี้ และนี่คือเหล่าสุดยอดเทคโนโลยีจากทั่วโลก ที่จะทำให้คุณรู้ว่า บางครั้งโลกของเราก็ก้าวไกลจนเราตามไม่ทันแล้ววววววว   ควบคุมอุปกรณ์อิเลคทรอนิค แปลป้ายแบบ real time รถเข็นแบบขึ้นบันไดได้ ประตูที่เปลี่ยนเป็นแบบใสและทึบได้ กินเบอเกอร์กระป๋อง ถังขยะแบบตามเก็บทุกชิ้น ขณะรอไอศครีมละลาย ก็ดูนี่ไปเพลินๆก่อน   ตู้เย็นแบบโปร่งใส   นาฬิกาแบบเขียน รถยนต์ไร้คนขับ   ป้ายโฆษณาเคลื่อนไหวได้ ฝึกทำอาหารแบบไม่ต้องทำจริงๆ เครื่องเล่นรูบิก วาดรูปแบบ 3 มิติจริงๆ   ความจุค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆ เทียบกับเมื่อ 60 ปีก่อน 5 เมกกะไบต์ราคาราวๆ 3 ล้านบาท ปัจจุบันความจุ 16 กิกะไบต์ ราคาไม่ถึง 300 บาท   แอบน่ากลัวเบาๆนะเนี่ย อีกหน่อยเราคงนั่งเฉยๆ…

ต้องระวังกันให้มากขึ้นเลยในเรื่องเกี่ยวกับเหล่าแมงกะพรุนเนี่ย โดยเฉพาะคนที่ชอบไปเที่ยว ไปเล่นน้ำทะเลกัน ยิ่งล่าสุดนี้ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวสาวที่เสียชีวิตด้วยพิษของแมงกะพรุนกล่องที่เกาะพะงัน ที่อาจทำเอาหลายๆ คนอาจจะขยาดกับการเล่นน้ำกันไปเลยทีเดียว วันนี้เราก็เลยขอนำเกร็ดความรู้เกี่ยวกับแมงกะพรุนกล่องตัวร้าย จากเฟสบุ๊คของคุณ Thon Thamrongnawasawat มาฝากกันจ้า รู้ไว้รับรองมีประโยชน์แน่นอน จะได้ระวังกันไว้นะจ๊ะ เรามาดูกันเลย   ในเรื่องนักเที่ยวที่ถูกพิษแมงกะพรุนที่เกาะพงัน ขอแสดงความเสียใจกับผู้เคราะห์ร้ายครับ มีสื่อโทรมาสอบถามอยู่บ้าง ก็คงต้องต… Posted by Thon Thamrongnawasawat on 1 สิงหาคม 2015   เป็นข้อมูลที่ถือว่าเป็นประโยชน์มากๆ เลย ไว้เราจะหาสาระดีๆ แบบนี้มาฝากเพื่อนๆ กันอีกนะจ๊ะ วันนี้เหมียวก็ขอลาไปก่อน สวัสดีจ้าาา^^ ที่มา: Thon Thamrongnawasawat, ขอบคุณภาพประกอบจาก Nation

ถึงแม้มนุษย์หลายคนจะหลงใหลในรสชาติอาหารหวานมันแสนอร่อยและขี้เกียจออกกำลังกาย แต่ก็ถือเทรนด์ฟิตหุ่นสร้างกล้ามก็ได้พุ่งทะยานมาได้ไกลมากพอสมควร หรืออาจจะไกลมากพอจนมีหนทางให้คนขี้เกียจออกกำลังกาย สามารถสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องเองได้ด้วย ‘การศัลยกรรม’   วันนี้เหมียวจะพามนุษย์ทั้งหลายมารู้จักกับ ‘การดูดไขมันสร้างซิกแพ็ค’ การศัลยกรรมที่หนุ่มๆ ผู้อยากมีหน้าท้องแบนราบกล้ามท้องเป็นลอนในแบบวิธีลัด กำลังให้ความสนใจอยู่ไม่น้อยเชียวหละ..   ก่อนอื่นขอปูพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับซิกแพ็คซักนิด.. ‘ซิกแพ็ค’ คือกล้ามเนื้อแวกลางของหน้าท้องที่มี 3-4 ลอนในตัวมนุษย์ทุกคน ซึ่งแต่ละลอนจะมีส่วนที่เป็นพังผืดระหว่างกล้ามเนื้อ ที่แบ่งกล้ามเนื้อเป็น 4 ส่วนที่เราเห็นชัดๆ ได้ในตอนที่เกร็งท้องซึ่งวางคู่กันสองข้าง มีร่องตรงกลางที่เรียกว่า Liner alba ผ่านระหว่างลิ้นปี่จนถึงกระดูกหัวเหน่า ส่วนขอบข้างของกล้ามเนื้อจะมีร่อง Liner semilunaris ที่เป็นรอยต่อกับกล้ามเนื้อหน้าท้องด้านใน และมีเอ็นข้างละ 3 จุด แบ่งกล้ามเนื้อออกเป็นลอนๆ ทำให้เกิดร่องแนวยาวของกล้ามเนื้อแบบนี้   จากที่เหมียวได้อธิบายไป ณ จุดนี้ทุกคนคงเข้าใจแล้วว่าซิกแพ็คไม่ใช่สิ่งที่งอกขึ้นมาใหม่ เพราะมันเป็นเพียงแค่กล้ามเนื้อหน้าท้อง ที่อาจจะถูกไขมันพุงกะทิปกคลุมอยู่จึงทำให้มองเห็นไม่ชัดนั่นเองจ้ะ   ถ้าเก็ทแล้ว มาเข้าเรื่องการดูดไขมันกันเลยดีกว่า ^^ อย่างที่เหมียวบอกไปว่าไขมันที่สะสมอยู่บริเวณหน้าท้อง ทำให้เรามองเห็นซิกแพ็คได้ไม่ชัดเจน ผู้สร้างซิกแพ็คทั้งหลายจึงพยายามออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันออกไป ซึ่งถ้าไขมันออกไปช้าไม่ทันใจ ก็มีอีกวิธีหนึ่งที่ว่องไวกว่าก็คือ การดูดไขมันเฉพาะที่ตามร่องธรรมชาติที่เหมียวได้บอกไป   ทุกคนไม่สามารถดูดไขมันสร้างซิกแพ็คได้หรอกนะ!! แม้ว่าการดูดไขมันสร้างซิกแพ็ค จะไม่มีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ…

การสะอึก เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนโดยอัตโนมัติเมื่อกระบังลมทำงานไม่ปกติ ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการขยายตัวของกระเพาะอาหาร การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิห้องหรืออุณหภูมิในกระเพาะอาหารเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป ความเครียด การเสพสุรา-บุหรี่ ฯลฯ โดยหลักๆ แล้ว กระบังลมจะกั้นอยู่ระหว่างช่องท้องกับช่องอก มีการทำงานยืดและหดอย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยในการหายใจ การสะอึกจะเกิดขึ้นเมื่อประสาทที่ควบคุมการทำงานของกระบังลมในกระเพาะอาหารถูกรบกวนจนขยายตัวไปไปกระตุ้นปลายประสาทที่มาเลี้ยงกระบังลม หรืออวัยวะใกล้ๆ     แล้วเราจะแก้อาการสะอึกได้ยังไงล่ะที่นี้!? 1. กลืนน้ำตาลทรายเปล่าๆ 1 ช้อนโต๊ะ (วิธีนี้มาจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ซึ่งมันช่วยแก้อาการสะอึกให้คนได้ 19 คน จาก 20 คนเลยนะจะบอกให้)   2. สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกลั้นหายใจไว้ซักพัก นับ 1-10 หายใจออกแล้วดื่มน้ำตามทันที   3. หายใจในถุงกระดาษ หรือใช้มือป้องปากปิดจมูกไว้ทนไว้ซักพักจนเริ่มไม่ไหว หายใจหอบสั้นๆ ประมาณ 1-2 นาที เพื่อให้ร่างกายรับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น ซึ่งช่วยระงับการสะอึกได้   4. จิบน้ำจากแก้วเร็วๆ หลายอึกติดกัน หรือจิบน้ำเย็นช้าๆ แต่กลืนติดกันเรื่อยๆ จนกลั้นหายใจไม่ได้   5. ก้มโน้มตัวไปข้างหน้าในระดับเอวแล้วดื่มน้ำเต็มแก้ว…

แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่มนุษย์ทุกคนจะเกิดมาหน้าตาดีระดับดารากันทุกคน แต่สิ่งที่เราทุกคนทำได้คือการดูแลผิวหน้าตัวเองให้สะอาดและสุขภาพดี ซึ่งหนึ่งในวิธีที่น่าสนใจก็คือการใช้เครื่องสำอาง แต่บริบทของการใช้เครื่องสำอางมักถูกมองว่าเป็นเรื่องของผู้หญิงอยู่ตลอด ทว่าความเป็นจริงแล้วผู้ชายก็ควรใช้เครื่องสำอางเหมือนกันนะ โดยเฉพาะครีมกันแดด เพราะว่าแดดบ้านเรามันแรงจริงๆ ว่าแล้วก็มาแนะนำครีมกันแดดราคาไม่เกิน 500 สำหรับท่านชายหน่อยดีกว่า!!   Garnier Men Power White SPF 30 ราคาประมาณ 229 บาท เริ่มกันที่ตัวแรก เซรั่มเพื่อผิวขาวกระจ่างใสที่ผสมอินเทนซีพ สปอต บลาสตอร์ และสารสกัดบริสุทธิ์จากมะนาว ที่มาพร้อมกับ SPF 30PA+++ ที่เรียกได้ว่าจัดการผิวได้ครบจริงๆ ทั้งกันแดด ปัญหาจุดด่างดำ ผิวคล้ำเสียฝังลึก รวมอยู่ในขวดเดียวเท่านั้น!!   Neutrogena Men Triple Protect Face Lotion SPF 20 ราคาประมาณ 500 บาท เนื้อครีมเบาๆ ไม่เหนียวเหนอะหนะ ถือว่าตอบโจทย์ผู้ชายเป็นอย่างดี ซึ่งตัวนี้มาพร้อมกับค่า SPF 20 อาจจะไม่สู้แดดเท่าไหร่ แต่เรื่องบำรุงผิวแห้งกร้านแบบไม่หนักหน้านี่กินขาดเลยจริงๆ   Banana…

  เราอาจจะเห็นการแต่งตัวเลียนแบบตัวการ์ตูนหรือที่เรียกว่าคอสเพลย์มามาก แน่นอน ชุดพวกนั้นไม่สามารถใช้งานจริงๆได้ นอกจากแต่งเพื่อความสวยงาม แต่วันนี้เหมียวจะพาไปดูอะไรที่เจ๋งกว่านั้น เพราะชุดแบทแมนตัวนี้ สามารถป้องกันอันตรายได้จริงๆ!!   ชุดสูทอันนี้ออกแบบโดย Jackson Gordon โดยวัสดุที่เขาใช้คือเคฟล่า มันสามารถป้องกันของมีคมได้ แถมตรงอก เขายังติดตั้งแผ่นซับแรงไว้ด้วย   ไปดูกันเลยว่าเกราะนี้มันเจ๋งยังไง         อื้อหือ เจ๋งสุดๆไปเลย ไม่ใช่ว่าเขาจะไปเป็นแบทแมนจริงๆหรอกนะ แต่ว่าถ้านำไปปรับปรุง แล้วเอาไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ มันคงเป็นประโยชน์มากๆเลยล่ะ ถือว่ายอดเยี่ยมฮะ ที่มา elitereaders  

ในปี 1923 ได้มีสุนัขพันธุ์อาคิตะตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า ฮาจิโกะ เกิดขึ้นในฟาร์มที่เมือง โอดาเตะ ศาสตราจารย์คนหนึ่งชื่อว่า ฮิเดะซาบุโร่ อุเอโนะ ได้รับเลี้ยงเจ้าฮาจิโกะและฝึกสอนมันเหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างก็มอบความรักซึ่งกันและกันเรื่อยมา ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มผูกพันธ์ขึ้นทุกวันๆ เจ้าฮาจิโกจะไปส่งเจ้านายที่สถานีชิบูย่าทุกๆวัน และรอคอยเจ้านายของมันกลับมาในตอนเย็น     ทั้งคู่ทำแบบนี้จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน แต่แล้วในปี 1925 ก็เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น ศาสตราจารย์อุเอโนะต้องมาเจอกับสภาวะเลือดออกในสมองและจากไปโดยไม่มีวันกลับ เจ้าฮาจิโกะผู้ไม่รู้เกี่ยวกับชะตากรรมของเจ้านาย ก็ยังรอให้เขากลับมาอยู่ตลอด เป็นเวลากว่า 10 ปีที่เจ้าฮาจิโกะมารอศาสตราจารย์ทุกวัน ที่สถานีรถไฟ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้านายของมันนั้นได้จากไปแล้ว     เรื่องราวความรักและความกตัญญูของเจ้าฮาจิโกะต่อเจ้านายนั้น ได้ถูกเล่าขานไปทั่วประเทศญี่ปุ่น คนที่ได้ยินเรื่องนี้ก็มักจะไปเยี่ยมมันที่สถานีชิบูย่า แม้ว่าตอนนั้นญาติๆของศาสตราจารย์จะเป็นผู้ดูแล แต่มันก็ยังแวะเวียนไปยังสถานีรถไฟอยู่เสมอ และนั่นเองทำให้เจ้าฮาจิโกะกลายเป็นสัญลักษณ์และตำนานแห่งความกตัญญู     เจ้าฮาจิโกะจากไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 1935 ร่างของมันถูกพบบนถนนในเมืองชิบูย่า ภรรยาของศาสตราจารย์และเจ้าหน้าที่สถานีต่างก็นั่งลงรอบๆร่างของมัน เพื่อไว้อาลัยให้กับเพื่อนยากผู้ซื่อสัตย์     รูปปั้นเหมือนของเจ้าฮาจิโกะ กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความกตัญญูและซื่อสัตย์โดยทำมาจากทองแดง ตั้งอยู่ที่สถานีชิบูย่า สร้างขึ้นก่อนหนึ่งปีก่อนที่เจ้าฮาจิโกะจะจากไป     แต่แล้วรูปปั้นของมันได้ถูกนำมาหลอมใหม่ เพื่อผลิตเป็นอาวุธในช่วงสงครามโลก ครั้งที่สอง เนื่องจากวัสดุทำมาจากทองแดง…

ทุกวันนี้ที่เราเห็นว่าแมวเป็นสัตว์ที่น่ารัก ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย มันพยายามทำตัวให้ดูน่ารักเพื่อที่ว่าเวลามันทำผิดแล้ว เราจะคิดไปเองว่ามันไม่ได้ตั้งใจ แต่จริงๆแล้วมันตั้งใจจะแกล้งคุณเลยล่ะ เหมือนอย่างชายคนนี้ที่กำลังเตรียมประกอบอาหาร โดยเขาได้นำไก่ดิบวางไว้บนโต๊ะ โดยไม่รู้ว่าได้มีเจ้าเหมียวแอบลอบทำร้ายอยู่     มันได้กระโดดลงมาจากชั้นบางของ ทำเอาเจ้าของอุทานออกมาเลยทีเดียว     เราไปชมคลิปกันเลย   ที่มา Jeremy Husted

ช่างถ่ายภาพคนนี้มีชื่อว่า Yung Cheng Lin หรือที่รู้จักกันในนาม 3cm เธอคือช่างภาพที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถมากมาย ตอนนี้เธอได้สร้างผลงานชิ้นหนึ่งขึ้นมา เป็นการสำรวจช่วงชีวิตของผู้หญิงทั้งด้านเรื่องเพศ การกำเนิด ประจำเดือน การเติบโต และอีกมากมาย ถึงแม้ภาพจะดูเกินจริงไปบ้าง แต่ก็ทำให้เราได้สัมผัสเบื้องลึกของผู้หญิงได้อย่างงดงาม มันทำให้เราหยุดและคิดตามภาพได้ โดยใช้เพียงแค่เทคนิคแสงและสีธรรมดาๆเท่านั้น   เราไปดูผลงานของเธอกันเลย   . . . . . . . . . . . . . . .   ติดตามผลงานของเธอได้ที่ Flickr | Facebook ที่มา boredpanda

ในตอนเด็ก เราอาจจะมองอาชีพตำรวจว่าเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม เขาเหมือนเป็นฮีโร่ในเหตุการณ์ต่างๆ แต่พอโตขึ้นมันกลับไม่เป็นอย่างที่เราคิด ศิลปินท่านหนึ่งชื่อว่า Gunduz Agayev ได้สร้างผลงานภาพวาดเกี่ยวกับตำรวจจากทั่วทุกมุมโลก อาจจะมีไม่ทุกประเทศ แต่ก็มีเด่นๆอย่างพวก รัสเซีย อังกฤษ จีน ตุรกี อิหร่าน เกาหลี เป็นเต้น   ซึ่งแต่ละภาพนั้นก็ทำออกมาเสียดสีตามบริบทสังคมนั้นๆ ซึ่งบางทีอาจจะเป็นการมองแบบเหมารวมไปบ้าง แต่เขาก็ยังเชื่อว่าในทุกๆประเทศก็ยังมีตำรวจที่ดีอยู่ เราไปดูผลงานของเขากันเลยดีกว่า   อิหร่าน   ออสเตรเลีย   เนเธอร์แลนด์   รัสเซีย   ลอนดอน   จีน   อินเดีย   ตุรกี   สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์   อาเซอร์ไบจาน   เกาหลีเหนือ   บราซิล   อเมริกา   สหภาพโซเวียต   ซูดาน   สวีเดน   ติดตามผลงานของเขาได้ที่ Facebook…

น้ำมันถือเป็นทรัพยากรณ์ที่สำคัญเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ประเทศไหนที่มีบ่อน้ำมันมากๆ ก็มักจะได้เปรียบทางการค้า เพราะมันคือตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ นี่คือข้อมูลจาก Barclays ที่ได้รวบรวม 10 ประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่มั่งคั่งไปด้วยน้ำมันมากที่สุดในโลก จะมีประเทศอะไรบ้าง เราตามไปดูกันเลย   10. ไนจีเรีย / มีน้ำมันดิบประมาณ 37.14 พันล้านบาร์เรล     9. ลิเบีย / มีน้ำมันดิบประมาณ 48.47 พันล้านบาร์เรล     8. รัสเซีย / มีน้ำมันดิบประมาณ 80 พันล้านบาร์เรล     7. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ / มีน้ำมันดิบประมาณ 97.8 พันล้านบาร์เรล     6. คูเวต / มีน้ำมันดิบประมาณ 104 พันล้านบาร์เรล     5. อิรัก / มีน้ำมันดิบประมาณ 140.3 พันล้านบาร์เรล     4. อิหร่าน / มีน้ำมันดิบประมาณ 157.3 พันล้านบาร์เรล     3. แคนาดา /…

ขึ้นชื่อว่าเป็นนักกีฬาแล้ว เรื่องร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดูแลให้แข็งแรงและฟิตอยู่เสมอ เพื่อที่ว่าเวลาลงสนามแล้ว เราจะสามารถแสดงมันออกมาได้อย่างเต็มที่ นิตยกสาร ESPN เล่นล่าสุดจึงให้เหล่านักกีฬามืออาชีพเหล่านี้มาแสดงร่างกายของเขาใน Body Issue ซึ่งเราจะได้เห็นนักกีฬาทั้งชายและหญิงมาถ่ายนู้ดเพื่อให้เรารู้ถึงพลังทางกายของพวกเขานั่นเอง   นี่คือาพส่วนหนึ่งของภาพถ่ายอันงดงาม เราไปดูกันเลย   Chantae McMillan นักสัตตกรีฑา (แข่ง 7 ประเภท)   Amanda Bingson นักกีฬาขว้างตุ้มเหล็ก   DeAndre Jordan นักบาส NBA   Gabrielle Reece นักกีฬาวอลเล่บอลชายหาด และ Laird Hamilto นักโต้คลื่น ทั้งคู่ได้แต่งงานกัน   Aly Raisman นักยิมนาสติก   Natalie Coughlin นักกีฬาว่ายน้ำ   Kevin Love นักกีฬาบาสของ NBA   Bryce Harper นักกีฬาเบสบอล   ดูภาพฉบับเต็มได้ที่ espn.go.com…

อวัยวะทุกส่วนร่างกายล้วนแต่มีความสำคัญสำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์ทั้งนั้น แต่เชื่อเหมียวเถอะว่ายังมีมนุษย์ขี้สงสัยบนโลกนี้ ที่เค้ายังไม่ชัวร์ว่าอวัยวะบางอย่างในร่างกาย มันมีไว้ทำอะไรกันแน่ เพื่อให้เป็นการมองเห็นภาพได้ชัดขึ้น เหมียวจะขอยกตัวอย่าง ‘หัวนม’ ที่สำหรับมนุษย์ผู้หญิงก็มีไว้สำหรับให้นมลูก แต่สำหรับมนุษย์ผู้ชายล่ะ น้ำนมก็ไม่มี แล้วจะมีหัวนมไปเพื่ออะไรกัน!?   ขอเชิญทุกท่านที่มีความสงสัย มาค้นพบคำตอบร่วมกัน ณ บัดนี้!! เหตุผลที่ผู้ชายต้องมีหัวนมเนี่ย เหมียวขอบอกเลยนะว่าเราต้องล้วงลึกไปสมัยที่เราอยู่ในท้องแม่กันเลย ซึ่งโดยปกติโครโมโซมเพศของมนุษย์เราจะมี 2 เพศ คือ ผู้ชายเป็น XY ผู้หญิงเป็น XX     ในตอนที่ชีวิตน้อยๆ กำลังเป็นตัวอ่อนในระยะแรกๆ จะมีการพัฒนามาจากโครโมโซมตัวแรก คือ X นั่นจึงทำให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงมีร่างกายเหมือนๆ กัน จนมีคำกล่าวว่าผู้ชายทุกคนเคยเป็นผู้หญิงมาก่อน และแน่นอนว่าหัวนมของผู้ชาย ก็ถูกสร้างในระยะนี้เช่นเดียวกับผู้หญิงนั่นแหละทุกคน!!     แต่เมื่อหมดระยะนี้ไป ตัวอ่อนจะเติบโตขึ้นอีกระยะหนึ่ง ที่โครโมโซมตัวถัดไปทำงาน ถ้าโครโมโซม X ตัวท้ายทำงานก็จะเป็นผู้หญิง หรือถ้าตัว Y ทำงาน ก็จะเป็นผู้ชาย ส่วนผู้ที่มีโครโมโซม Y และ X ตัวท้ายทำงานไปด้วย…

แม้ว่าธรรมชาติจะสร้างมนุษย์ชาย-หญิง ไว้เป็นสิ่งที่ต้องจับคู่กันเพื่อการสืบพันธุ์ต่อไป แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกัน จะทำให้บุคคลทั้งสองทำความเข้าใจกันและกันได้ซะทุกเรื่อง และเหมียวเชื่อว่าหนึ่งนั้นนั้นก็คือเรื่องการปัดมาสคาร่า ที่ผู้ชายหลายคนต่างตั้งคำถามว่า แฟนของฮีจะอ้าปากไปด้วยทำไม!? งานนี้คำตอบอยู่ไม่ไกล เหมียวเลยขอเชิญมาดูเฉลยกัน ณ บัดนี้!!     เหตุผลของพฤติกรรมการอ้าปากขณะปัดขนตา ที่ดูเข้าท่าและฟังแล้วเคลียร์ที่สุด ก็คือเวลาที่เราอ้าปาก กล้ามเนื้อบนใบหน้าจะตึง และผิวหนังบริเวณเปลือกตาจะยืดออก ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้สาวๆ เห็นขนตาของตัวเองได้ชัดขึ้น จึงปัดมาสคาร่าง่ายขึ้นไปอีก แถมยังช่วยให้ไม่เมื่อยหน้าด้วย!!     และก็ดูเหมือนว่าการอ้าปากจะตอบโจทย์กับปัญหามาสคาร่าเลอะอีกด้วย เพราะว่าเวลาอ้าปากจะทำให้ไม่ต้องกะพริบตานั่นแหละจ้ะ (แต่เหมียวลองเองมันก็ทำให้กะพริบตาน้อยลงมากกว่านะ อิอิ) ที่มา yaklai

‘น้ำนมแม่’ เป็นอาหารมื้อสำคัญที่ลูกทุกคนควรได้ลิ้มลองและดื่มกินเพื่อการเจริญเติบโต พร้อมๆกับการรับไออุ่นความรักจากอกของแม่ ในขณะที่ทารกน้อยกำลังดูดกินน้ำนมที่ไหลออกมาจากอก แต่ก็ใช่ว่าทุกคนที่มีปากจะดูดนมแม่แล้วมีน้ำนมออกมาได้เหมือนกับเจ้าทารกตัวน้อยๆ ซึ่งคนที่ไม่สามารถทำได้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน อาจจะเป็นคุณพ่อมือใหม่แถวๆนี้ที่ริจะลองดูดนมภรรยาก็เป็นได้ ><     และเพื่อไม่ให้เป็นการคิดทะลึ่งถึงฉากเลิฟซีนกันไป เหมียวขอดึงความสนใจมาอยู่ที่เทคนิคการดูดกันเลยดีกว่า คือประเด็นมันมีอยู่ว่าทารกจะมีเทคนิคการใช้ลิ้นที่แตกต่างออกไปนั่นเองแบบคลิปนี้ล่ะ!!   จากในคลิปจะเห็นได้ว่าเจ้าทารกน้อยได้ใช้ลิ้นและเพดานปากบนในการรีดน้ำนมจากเต้าของแม่ และใช้โคนลิ้นเปิด-ปิดช่องคอเพื่อสร้างแรงดันในการดูดน้ำนมด้วย แถมกระพุ้งแก้มยังจ๊วบๆ อีกนะ     เอาเป็นว่าหลายคนคงจะพอเก็ทแล้วว่าถ้าจะดูดนมแม่ให้มีน้ำนมออกมา ต้องให้แรงดันและแรงเค้นกันแบบไหน แต่ก็อย่าไปทำสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าเหมียวไม่เตือน >< ที่มา YouBeauty, pantip, ภาพปลากรอบจากเน็ต

  หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า เราสามารถเรียนรู้อะไรดีๆจากเจ้าแมวเหมียวได้ พวกมันเกิดมาพร้อมกับสติปัญญาอันเฉียบแหลม ซึ่งบางครั้งมนุษย์เราก็คิดไม่ถึง พวกมันรู้วิธีที่จะทำให้ตนเองอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา และทำให้ทุกวันของพวกมันเป็นวันที่ดี ความรู้สึกแย่ๆ ไม่มีวันทำร้ายพวกมันได้ ไม่เชื่อลองชมการ์ตูนจากฝีมือนักวาดชื่อ Lingvistov คนนี้ดูสิ แล้วจะรู้ว่าเหมียวพูดไม่มีผิดเลย   เมื่อแมวของฉันรู้สึกเศร้า   มันไม่อยากจะกินหรือว่านอน ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่มันชอบมากๆ!   แต่แมวของฉันฉลาด มันรู้ว่ามันควรทำอย่างไร เวลารู้สึกเศร้า   เวลาแมวของฉันรู้สึกเศร้า มันจะออกไปยังโลกภายนอก เพราะมันไม่มีทางรู้เลยว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง   เวลาแมวของฉันรู้สึกเศร้า มันจะออกไปหาการผจญภัย   ส่วนใหญ่ก็มักจะพบด้วย   เวลาแมวของฉันรู้สึกเศร้า มันมักจะเรียกเพื่อนมา   เวลาทำอะไรกับเพื่อน ทุกอย่างจะสนุกขึ้น 10 เท่าเสมอแหละ   เวลาแมวของฉันรู้สึกเศร้า มันจะพยายามลองอะไรใหม่ๆ การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องดีเสมอแหละ   เวลาแมวของฉันรู้สึกเศร้า มันมักออกไปเดินเล่น เรื่องการทำสมาธินี่ที่หนึ่ง   ฉันคิดว่ามันอาจรู้จักกังฟูนะ   เวลาแมวของฉันรู้สึกเศร้า มันจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้รู้สึกเศร้าอีกต่อไป   ฉันได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะจากแมวของฉัน   แล้วเพื่อนๆล่ะ ได้เรียนรู้อะไรจากแมวของตนเองบ้าง…

  โรคหัวใจเป็นหนึ่งในโรคที่คร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมากในแต่ละปี เนื่องจากว่าเมื่อมีอาการกำเริบ น้อยคนนักจะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที และคนทั่วไปยังแยกไม่ออกอีกว่า ใครที่กำลังมีอาการของโรคหัวใจกันแน่ จึงทำให้การช่วยเหลือเป็นไปได้อย่างยากลำบาก   Heart Foundation จึงทำวีดีโอขึ้นมา เพื่อให้คุณได้สำเร็จตัวเองว่า คุณแยกคนที่มีอาการของโรคหัวใจออกหรือเปล่า         ไปลองชมกันเลย   เพื่อนๆแยกออกกันหรือเปล่า เหมียวแยกไม่ออกเลยนะ โรคนี้มันน่ากลัวจริงๆ ลองฝึกสังเกตอาการผู้อื่นดูนะ เราอาจช่วยชีวิตของคนอีกหลายคนเลยก็เป็นได้ ที่มา HeartFoundationNZ  

  เคยไหม กินข้าวกลางวันมาอิ่มๆ แล้วจะรู้สึกง่วงมาก แต่จะไปหลับก็ไม่ได้ เพราะว่าต้องทำงานอยู่ แถมกว่าจะได้กลับไปนอน ก็ตอนหกโมงหรือทุ่มหนึ่งโน่น   ถ้าคุณประสบกับปัญหานี้ ขอแนะนำให้ย้ายไปเมือง Ador ในแคว้น Valencia ประเทศ Spain เพราะนาย Joan Faus Vitoria ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองนี้ ได้ประกาศให้ช่วงบ่ายสองถึงห้าโมงเย็นเป็นช่วงเวลาหลับกลางวันของทุกๆคน!! แม้ว่าประเทศสเปนจะขึ้นชื่อเรื่องการนอนหลับกลางวัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องนำเด็กเข้าบ้าน และมีการห้ามส่งเสียงดังอย่างไม่จำเป็นในช่วงเวลานั้น   สาเหตุที่มีการนำนโยบายนี้มาใช้ก็เพราะว่า กลุ่มคนใช้แรงงานจะได้มีเวลาพักผ่อนในช่วงที่ร้อนที่สุดของวัน และหวังว่านายจ้างจะเข้าใจ   แต่ถึงไม่ทำตาม ก็ไม่ได้มีบทลงโทษอะไร นโยบายนี้เป็นเหมือนสิ่งที่พวกเขาแนะนำให้ประชาชนทำเพื่อทำให้เมืองดีขึ้นเฉยๆ   มีใครสนใจย้ายไปมั่ง ตอนนี้แอดเหมียวเก็บข้าวของแระ เดี๋ยวจะไปพรุ่งนี้เลย อิอิ ที่มา Metro  

  การทะเลาะวิวาทที่เก่าแก่ที่สุดของสังคมมนุษย์คือการทะเลาะกันระหว่างพี่น้อง แม้พวกเขาจะคลานตามกันมา แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะรักกันอย่างไม่มีข้อแม้ และวันนี้มีงานวิจัยที่น่าสนใจเกี่ยวกับพี่น้องออกมาอีกครั้ง   นักวิทยาศาสตร์ได้พบว่า พี่คนโตของครอบครัว จะมี IQ สูงกว่าน้องคนอื่นๆเสมอ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าพี่คนโตจะฉลาดที่สุด แต่เขาแค่มีความโอนอ่อน ความรู้สึกผิดชอบ และมีความเอาใจใส่มากกว่า   และงานวิจัยนี้ไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างได้ว่า ทำไมพี่คนโตในบ้านของคุณ ถึงประสบความสำเร็จมากกว่าคุณ เพราะนักวิจัยบอกว่า เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับความสำเร็จในชีวิตเพียง “เล็กน้อย” เท่านั้น   Dr. Rodica Damian ศาสตราจารย์ภาพวิชาจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Houston ได้กล่าวว่า “มีความแตกต่างทางสถิติในเรื่องนี้ แต่นั้นมันแทบจะไร้ประโยชน์เลยล่ะ เพราะถึงมันจะต่าง แต่ก็ต่างกันน้อยมาก จนแทบไม่ส่งผลอะไรเลย”   แหม ใครที่คิดจะเอาเรื่องนี้ไปอ้างกับพ่อแม่ล่ะก็ บอกเลยว่าไม่เกี่ยวจ้าาาาา ที่มา metro

  ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการแข่งขันและการแก่งแย่งชิงดีซึ่งกันและกัน น้ำใจอาจเป็นสิ่งที่ถูกหลงลืมไปจากสังคม แต่ไม่ใช่กับคนเหล่านี้ เพราะพวกเขายังคงเต็มไปด้วยความมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์เสมอมา   ชายคนนี้แบกร่มขนาดใหญ่กันฝนให้กับคุณยาย   ช่วงพักเที่ยง ชายคนนี้จะอ่านหนังสือให้กับผู้ร่วมงานอีกคนที่อ่านหนังสือไม่ออกเสมอ   ลุงคนนี้พาเต่าออกจากจุดอันตราย   หญิงชาวอียิปต์สอนหนังสือให้กับเด็กไร้บ้าน   ชายคนนี้ช่วยโลมาที่เกยตื้นให้กลับไปยังทะเล   นักวิ่งช่วยนักวิ่งอีกคนระหว่างการแข่งขัน   ชายไร้บ้านนำแหวนแต่งงานที่ผู้หญิงคนนี้ทำตกมาคืน   พนักงานร้านของเก่าพบเงินกว่า 5,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 150,000 บาทในตู้เย็น เขาจึงนำไปคืนเจ้าของ   ตำรวจคนนี้นำอาหารกลางวันมาให้คนไร้บ้าน   นักรักบี้ชื่อดังมาเยี่ยมแฟนตัวน้อยของเขาที่โรงพยาบาล   ช่างตัดผมมาตัดผมให้คนไร้บ้านฟรีทุกวันอาทิตย์   ชายคนนี้ยอมตกรถไฟเพื่อช่วยยายคนนี้ลงบันได   ชายคนนี้ยอมเป็นเก้าอี้ให้ผู้สูงอายุในลิฟต์   ผู้โดยสารช่วยกันดันรถไฟ เพื่อช่วยคนที่ติดอยู่ออกมา   ชายคนนี้เวลาเลิกงาน จะนำอาหารที่เหลือ มาแจกคนไร้บ้านเสมอ   นักวิ่งมาราธอนช่วยบริการน้ำให้กับนักวิ่งพิการ   หญิงคนนี้นำอาหารกลางวันมาแบ่งคนไร้บ้านเสมอ   ชายคนนี้คอยกระตุ้นผู้เข้าแข่งขันอีกคนเพื่อให้เขาไปถึงเส้นชัย   เจ้าของรถลืมปิดกระจก พลเมืองดีจึงนำแผ่นพลาสติกมาปิดกระจกไว้ เพื่อไม่ให้น้ำเข้า  …

เป็นที่ทราบกันดีมาโดยตลอดว่ามหาวิทยาลัยฮาเวิร์ด เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของโลกที่จัดอันดับโดย Center for World University Rankings หรือ CWUR โดยทาง CWUR ได้ประเมินจากคุณภาพการศึกษา การเข้าทำงานของผู้ที่จบออกมา และอิทธิพลของมหาวิทยาลัยนั้นๆ   ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า 15 อันดับที่นำมานี้จะมีมหาวิทยาลัยของอเมริกาติดอยู่เพียบเลย แต่ก็ยังมีของเอเชียอยู่ด้วยนะเออ จะมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลย   #15 – University of California, Los Angeles   #14 – University of Pennsylvania   #13 – University of Tokyo (ญี่ปุ่น)   #12 — California Institute of Technology   #11 — Yale University   #10 —…

  เหนือชั้นบรรยากาศของโลกเราออกไป มีเทหวัตถุล่องลอยอยู่มากมาย บางครั้งพวกมันก็โชคร้ายถูกดึงด้วยแรงดึงดูดของโลก จนตกเข้ามาในชั้นบรรยากาศ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเหล่ามนุษย์ตัวจิ๋วที่อาศัยอยู่บนโลก   ย้อนกลับไปเมื่อปี 2000 มีการค้นพบอุกกาบาตน้ำหนักกว่า 1,003 กิโลกรัมในมณฑล Xinjiang ในประเทศจีน มันถูกตั้งชื่อว่า Fukang ตามสถานที่ที่มันถูกพบ   นักวิทยาศาสตร์พบว่ามันเป็นอุกกาบาตประเภท Pallasite ซึ่งเป็นอุกกาบาตที่มีส่วนผสมทั้งหินและโลหะ และยังมีแร่โอลิวีนอยู่ภายในอีกด้วย   Pallasite เป็นอุกกาบาตที่หายากมากๆ มันมีโอกาสเพียง 1 เปอร์เซ็นเท่านั้นที่มันจะตกมาบนโลก เรียกได้ว่าการค้นพบอุกกาบาต Fukang ครั้งนี้ เป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 21 กันเลยทีเดียว   สันนิษฐานว่าอุกกาบาตก้อนนี้เกิดขึ้นพร้อมๆกับการเกิดระบบสุริยะเมื่อ 4,500 ล้านปีก่อน และมีจำนวนน้อยมาก ที่ยังเหลือรอดจนถึงทุกวันนี้ แถมยังตกมาถึงโลกด้วย         สวยมากเลยเนอะเพื่อนๆ เห็นแล้วอยากให้มาตกหลังบ้านซักก้อนจริงๆ เพราะดูแล้วน่าจะหลายกะตังอยู่ ไม่งั้นล่ะรวยเละไปนานแล้วววววววว ฮาาาาาา ที่มา twistedsifter  

  หนึ่งในตัวละคร (เรียกตัวละครได้มั้ยเนี่ย) ที่เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าผู้ชมเป็นอย่างมาก ในหนังเรื่อง Jurassic World คงหนีไม่พ้นเจ้าแก๊งชายสี่เวโลซีแรปเตอร์จอมขโมยซีน ตอนนี้ดูเหมือนว่า ในโลกแห่งความเป็นจริง เราจะได้พบกับบรรพบุรุษของพวกมันกันแล้ว   ล่าสุด มีการค้นพบซากฟอสซิลของไดโนเสาร์มีปีกอายุราวๆ 125 ล้านปี มีความสูงราวๆ 2 เมตร ซึ่งคาดว่าเป็นบรรพบุรุษของเจ้าเวโลซีแรปเตอร์ในทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน   โดยการสำรวจครั้งนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัย Edinburgh และสถาบันธรณีวิทยาของจีน ผู้ที่เป็นหัวแกนหลักในการสำรวจครั้งนี้คือ Dr.Steve Brusatte และ Junchang Lü   จากรายงานของ BBC เจ้าไดโนเสาร์ตัวนี้ถูกตั้งชื่อว่า  Zhenyuanlong ซึ่งแปลว่า มังกรแห่งเซิ่นหยวน โดยทางหัวหน้าคณะสำรวจ Dr.Steve Brusatte ได้กล่าวว่า ซากฟอสซิลชิ้นนี้ เป็นฟอสซิ่ลที่มีความสมบูรณ์มากที่สุดชิ้นหนึ่งที่เขาเคยพบมาเลย     ส่วนใครที่สงสัยว่าหน้าตามันเป็นยังไง เขาบอกว่า หน้าตาของมันเหมือนกับไก่งวงเวอร์ชั่นที่ดุร้ายกว่าและน่ากลัวกว่า แถมดูก็คล้ายๆกับเจ้าเวโลซีแรปเตอร์เป็นอย่างมากอีกด้วย แต่ถึงแม้ว่ามันจะมีปีก ดูเหมือนว่ามันจะไม่สามารถใช้ปีกเพื่อบินได้จริงๆ  เนื่องจากน้ำหนักตัวของมันนั่นเอง   เจ๋งไปเลยเนอะเพื่อนๆ ไม่แน่ภาคต่อของ Jurassic World อาจจะมีเจ้าไดโนเสาร์ตัวนี้อาจจะไปมีส่วนร่วมก็เป็นได้…

กระแสเซลฟี่นี่มันแรงไม่มีตกเลยนะ หลายคนก็พยายามที่จะสร้างสรรค์วิธีถ่ายออกมาให้ปลกแหวกแนวไม่เหมือนชาวบ้าน ไม่ใช่แค่คนนะที่ชอบถ่ายเซลฟี่ แต่เจ้าหมามันก็ชอบเหมือนกัน และดูเหมือนว่ามันจะไม่สนด้วยว่าหน้าตาจะออกมาเป็นยังไง เหนียงนี่ชัดเชียว   เราไปดูภาพน่ารักๆของมันขณะถ่ายเซลฟี่กันเลย                         ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ howfarfromhome.com ที่มา boredpanda

ถือเป็นเรื่องราวที่น่ารักเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น เมื่องานแต่งงานของคุณสามารถจ้างเอาตัวอัลปาก้าสุดน่ารักให้มาเป็นสักขีพยานในพิธีได้ด้วย โรงแรม Hotel Epinard Nasu ใน Tochigi Prefecture ได้ทำให้ทุกคนถึงกับงงเมื่อได้นำเอาตัวอัลปาก้าจากสวนสัตว์มาร่วมงานแต่งงาน   การแต่งงานในปัจจุบันของประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างเป็นพิธีการ แต่ก็ทำให้มันดูร่วมสมัยขึ้นด้วยอย่างงานแต่งงานครั้งนี้นั่นเอา เราไปดูภาพบรรยากาศกันเลย               ที่มา rocketnews24

บางทีคนเราก็จะมีความเชื่อที่ถูกปลูกฝังยึดติดและปฏิบัติต่อๆกันมา โดยเรามันจะเลือกเชื่อตามความคิดของคนส่วนใหญ่โดยไม่ทันยั้งคิดเลยว่า ไอUสิ่งที่เราคิดและเชื่อมาตลอดชีวิตน่ะมันผิดอยู่บ้างนะฮ๊า แล้วสิ่งเหล่านั้นมันมีอะไรบ้างล่ะ เราลองมาดูสาระดีๆ 10 ความเชื่อประหลาดๆ เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์  กันได้เลย…     10. ไม่ควรปลุกคนที่กำลังเดินละเมอ การที่เราปลุกคนที่กำลังเดินละเมออยู่นั้นอาจทำให้พวกเข้ามีอาการตกใจและมึนงงหลังจากที่ถูกปลุก แต่เหมียวว่าเราปลุกให้เค้ารู้ตัวและกลับไปนอนดีกว่าปล่อยให้พวกเค้าเดินละเมอตกบันใดนะ     9. คุณจะเป็นหวัด ถ้าคุณตัวเปียกหรือออกไปในที่ที่มีอากาศหนาว ไม่มีหลักฐานเกี่ยวกับความเชื่อนี้ แต่ไวรัสจะมีอยู่มากในเวลาที่ความชื้นต่ำอย่างในฤดูหนาว และแน่นอนว่าเราใช้เวลาอยู่ร่วมกันในบ้านมากขึ้น นั้นทำให้มีโอกาสติดหวัดมากขึ้นเมื่ออยู่ในบ้านตัวเองอีกด้วย       8. เล็บและผมยังสามารถยาวได้อีกถึงแม้ว่าเราจะตายไปแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของมนุษย์หลังจากความตายก็แค่ผิวหนังชั้นนอกเกิดการหดตัวแล้วแห้งไปในที่สุดเท่านั้นเอง     7. ถ้าเราโกนหนวดเส้นขนที่ขึ้นมาใหม่จะสีเข้มและหนามากขึ้นกว่าเดิม จริงๆแล้วเส้นขนที่ขึ้นมาใหม่หลังจากถูกโกนไปนั้นไม่ได้หนาหรือสีเข้มขึ้นเลย เพียงแต่เส้นขนจะมีหน้าตัดที่เกิดจากการโกนเวลากระทบกับแสงจึงสามารถมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ทำดูเหมือนว่ามันมีสีเข้มขึ้นนั่นเอง     6. แชมพูและครีมนวดสามารถรักษาผมแตกปลายได้ ความจริงแล้วเราไม่สามารถรักษาผมแตกปลายให้กลับมานุ่มสลวยได้เหมือนเดิม ทั้งแชมพูและครีมนวดนั้นอาจจะช่วยป้องกันการเกิดผมแตกปลายได้แต่ก็ไม่สามารถรักษาได้จริง เพียงแค่เคลือบเส้นผมให้นุ่มขึ้นเท่านั้น     5. ผู้ชายคิดแต่เรื่องทะลึ่งทุก  7 วินาที มันคงจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อยในการใช้ชีวิตถ้าหากว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง แต่ก็เป็นโชคดีนะที่มันเป็นแค่เรื่องที่พูดกันไปเรื่อยยังไม่มีนักวิจัยคนไหนวิจัยหรือพิสูจน์ได้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง     4. ต่อมรับรสบนลิ้น เราคงเคยได้เรียนกันในสมัยเด็กๆ…

ยีนส์นั้นถือว่าเป็นแฟชั่นที่ได้รับความนิยมทุกยุคทุกสมัย สามารถเข้ากับการแต่งตัวได้อย่างหลากหลายสไตล์ เรียกได้ว่าเราแทบจะทุกคนต้องมีกางเกงยีนส์อย่างน้อยคนละหนึ่งตัวไว้ติดตู้เสื้อผ้าใช่ไหมละ แต่… พวกเรารู้จักวิธีดูแลรักษายีนส์อย่างถูกวิธีรึเปล่า?   ถ้าหากคุณซักกางเกงยีนส์ของคุณทุกครั้งหลังใช้งาน นั่นมันคงไม่ดีแน่ เพราะจะทำให้ยีนส์ของคุณ สีซีดเร็ว และเสียทรงได้ง่าย เรามาดูวิธีทำความสะอาดที่ช่วยรักษาสภาพยีนส์โดยไม่ต้องใช้น้ำเลยซักหยด นั่นก็คือ “การนำยีนส์ไปแช่เย็น”   หลายคนอาจสงสัยว่า เห้ย!! ละมันจะสะอาดเหรอ โดยพื้นฐานแล้วต้นกำเนิดของสิ่ง “สกปรก” ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นในผ้ายีนส์ของคุณนั้นเกิดจากแบคทีเรียแบคทีเรีย  “แช่แข็งเย็น” จะช่วยให้ “หยุดการเจริญเติบโต” นั่นเองจ้า ส่วนขั้นตอนการทำความสะอาดด้วยวิธีแช่เย็นนั้นก็ง่ายแสนง่าย   1. เช็คดูให้แน่ใจว่านำของออกจากกระเป๋ากางเกงหมดแล้ว พับและใส่ยีนส์ตัวเก่งของคุณลงในถุงพลาสติก     2. ใช้มือรีดไล่อากาศในถุงพลาสติกออกให้หมด   3.  นำยีนส์ไปใส่ไว้ในช่องแช่แข็ง โดยวางบนพื้นที่เรียบเพื่อไม่ให้เป็นการเสียรูปทรงแล้วแช่ทิ้งไว้ข้ามคืน   ถ้าหากใครยังนึกภาพไม่ออกเราลองมาดูคลิปกัน….   วิธีนี้ก็ดูเข้าท่าดีเหมือนกันนะ แต่ถ้ามันสกปรกมากๆก็ซักบ้างก็ดีนะจ๊ะเดี๋ยวขี้กลากจะขึ้นขากันซะก่อน!!   เสริม….วิธีนอกจากจะใช้ได้กับกางเกงยีนส์ยังใช้ได้กับรองเท้าที่มีกลิ่นเหม็นอีกด้วยนะ แต่ถ้าใครคิดจะแช่รองเท้าก็ควรแพ็คถุงให้หนาแน่และอย่าลืมเคลียร์อาหารออกจาช่องฟรีซก่อนด้วยล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าเหมียวไม่เตือน ถถถถ ที่มา apartmenttherapy

เป็นที่รู้กันดีว่าอากาศในฤดูร้อนบ้านเรานั้นแสนจะหฤโหด วิธีคลายร้อนที่ง่ายที่สุดก็คือปิดแอร์!! ช่วงเวลากลางวันอาจจะได้ห้องแอร์ที่ทำงานช่วยชีวิตไว้ แต่ถ้าหากกลับมาที่บ้านหรือหอพักแล้วไม่มีแอร์ล่ะ…… การจะนอนให้ผ่านพ้นไปแต่ละคืนช่างยากเย็นก็อากาศมันร้อนจนนอนหลับไม่สนิท เราลองมาดูวิธีคลายร้อนแบบไม่ต้องพึ่งแอร์กันดีกว่า      1. ใช้ผ้าปูที่นอนผ้าฝ้าย ผ้าฝ้ายมีน้ำหนักเบาและอากาศถ่ายเทได้ดีกว่าเนื้อผ้าชนิดอื่นๆ คุณลองเปลี่ยนมาใช้ผ้าปูที่นอนผ้าฝ้ายในช่วงเดือนที่อากาศร้อนคุณจะเห็นความแตกต่างได้ทันที!!   2. ใช้พัดลมช่วยไล่อากาศ ถ้าภายในห้องมีอากาศที่อบอ้าวมากๆ ลองใช้พัดลมอีกตัวเปิดโดยหันหน้าออกไปข้างนอกห้อง พัดลมจะช่วยดูดอากาศร้อนภายในห้องออกไปข้างนอกทำให้ภายในห้องเย็นสบายมากขึ้น     3. สวมชุดผ้าฝ้ายที่ใส่สบายๆ เช่นเดียวกับผ้าปูที่นอน การสวมใส่เสื้อผ้าฝ้ายหลวมๆ ไม่รัดจนเกินไปในเวลานอนจะช่วยให้คุณรู็สึกสบายตัวขณะที่คุณนอนหลับ   4.วางน้ำแข็งไว้ด้านหน้าของพัดลม ลองวางกะบะน้ำแข็งไว้ด้านหน้าของพัดลมเพื่อพัดลมพัดไอเย็นของน้ำแข็ง ไอเย็นจะกระจายไปทั่วห้องทำให้อากาศภายในห้องเย็นสบายเหมือนกับเปิดแอร์เลยล่ะ   5.เปิดห้องให้อากาศถ่ายเทสะดวก คุณต้องวางตำแหน่งพัดลมภายในห้องให้ขวางกับลมที่พัดเข้ามาจากด้านนอก เพื่อที่ในห้องจะได้มีอากาศหมุนเวียนและถ่ายเทได้สะดวก   6.นอนคนเดียว สำหรับคนมีคู่คงจะลำบากหน่อยแต่ถ้าคุณอยากจะรู้สึกเย็นขึ้นเวลานอนก็ต้องแยกกันนอนละนะ เพื่อที่ว่าเราจะได้ไม่ต้องรับความร้อนจากร่างกายของคนที่นอนข้างเพิ่มอีก   7.ลองเปลี่ยนที่นอน ไม่จำเป็นต้องนอนบนเตียงหนาๆทึบๆ คุณอาจจะลองผูกเปลญวนไว้แล้วมานอนบ้างในบางทีก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยนะ     8.ดื่มน้ำให้เพียงพอ คุณต้องดื่มน้ำให้ได้  8 แก้วต่อวันก่อนที่คุณจะเข้านอน วิธีนี้จะดีต่อร่างกายของคุณและคุณจะไม่ตื่นมาอยากดื่มน้ำตอนกลางคืน   9.อาบน้ำเย็นก่อนนอน การอาบน้ำเย็นก่อนที่จะไปนอนจะช่วยให้คุณลดอุณหภูมิร่างกายของคุณ วิธีนี้จะทำให้คุณรู้สึกเย็นและสามารถหลับสบายมากขึ้น   10.นอนชั้นล่างของบ้าน เรารู็กันดีว่าบ้านที่มีมากกว่า 1 ชั้นนั้นอากาศของชั้นบนจะร้อนกว่าชั้นล่างมากเพราะโดนแสงแดดนานกว่า ต่างกับชั้นล่างที่อากาสจะเย็นสบาย…

เราทุกคนต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้วล่ะว่า ควรหลบลี้หนีเลี่ยงให้ห่างจากเหล่านักล่าตามธรรมชาติ เพราะว่าสัตว์ร้ายเหล่านั้นน่ะ สามารถฆ่าเราได้ด้วยช่วงเวลาเพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว เหล่านักล่าที่เรากลัวกัน ทั้งเสือ สิงโต หรือแม้กระทั่งฉลามนั้น ถูกเข้าใจผิดมาตลอดว่าเป็นสุดยอดนักฆ่าที่อันตรายสุดๆ สำหรับมนุษย์ แต่ที่จริงแล้วมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย   พอได้ชมวิดีโอเกี่ยวกับสุดยอดนักล่าของโลกชุดนี้ ความคิดเราจะเปลี่ยนไปเลยล่ะ ฉลามก็ฆ่ามนุษย์ราวๆ 10 คนต่อปีเท่านั้น   หมาป่าก็ราวๆ 10 ต่อปี   ช้างใกล้ชิดกับมนุษย์หน่อย ปีๆ หนึ่งก็ฆ่าไปราวๆ 100 คนเลยทีเดียว   ลองมารับชมวิดีโอกันได้ที่นี่   ที่แปลกใจสุดๆ น่ะเหรอ คงหนีไม่พ้นเหล่าสัตว์ที่เราไม่ค่อยกลัวอันตราย ไม่ค่อยเห็นความสำคัญเลยน่ะสิ เปอเซ็นต์การฆ่าถึงได้สูงมากๆ แบบนั้น เพื่อนๆ ก็ระวังกันนะจ๊ะ เห็นอย่างนี้แล้วยังกลัวฉลามกันอยู่รึเปล่า!!? ที่มา: Viralnova

เป็นที่รู้กันดีว่าโลกของเรานั้นเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของกาแล็กซีทางช้างเผือก และเนื่องด้วยความสงสัยที่ว่าหากเรานำภาพกาแล็กซีทางช้างเผือกมามองผ่านคลื่นต่างๆ ที่มีอยู่ล่ะ หน้าตาของมันจะเป็นอย่างไรบ้าง? เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน?     สำหรับช่วงของแสงที่ตาของมนุษย์ทั่วไปสามารถมองเห็นได้นั้นจะถูกเรียกว่า สเปกตรัมที่มองเห็นได้ ซึ่งมีหลากหลายคลื่นด้วยกันตามความแตกต่างของสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า   กาแล็กซีทางช้างเผือกผ่านคลื่นวิทยุ   กาแล็กซีทางช้างเผือกผ่านคลื่นไมโครเวฟ   กาแล็กซีทางช้างเผือกผ่านคลื่น Far-Infrared   กาแล็กซีทางช้างเผือกผ่านคลื่น Near-Infrared   กาแล็กซีทางช้างเผือกผ่านคลื่น Hydrogen Alpha   กาแล็กซีทางช้างเผือกผ่านรังสีเอกซ์   กาแล็กซีทางช้างเผือกผ่านรังสีแกมมา   หน้าตาของทางช้างเผือกที่เรารู้จักดูแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงเลยแฮะ ถ้าเกิดว่าใครอยากดูแบบละเอียดมากกว่านี้สามารถไปตามเล่นกันได้ที่ Chromoscope เลยจ้า ที่มา : thechive

  ช่วงวัยรุ่นตอนต้น เป็นวัยที่วัยรุ่นเริ่มกำลังค้นหาตนเอง หลายๆคนได้พบกับสิ่งที่ตนเองชอบ และหลายๆคนก็ได้ค้นพบตนว่ามีรสนิยมทางเพศอย่าไร   หลายๆคนพบว่าตนเองนั่น ไม่ได้ชอบเพศตรงข้าม พวกเขาไม่กล้าที่จะบอกคนอื่น พวกเขากลัวว่าตนเองจะกลายเป็นตัวประหลาดในหมู่เพื่อน ซึ่งในวัยนั้น เด็กน้อยคนนักจะเข้าใจความซับซ้อนทางเพศในจุดนี้   แต่สำหรับเด็กชายคนนี้แล้ว เมื่อเขารู้ตนเองว่า เขาไม่ได้ชื่นชอบเพศตรงข้าม เขาตัดสินใจบอกกับเพื่อนสนิทของเขาที่เป็นผู้ชาย เมื่อคุณเห็นคำตอบของเพื่อนเขา คุณจะต้องปรบมือดังๆให้อย่างแน่นอน ไปชมกันเลยว่าเขาตอบว่าอย่างไร   A: ฉันอยากบอกอะไรบางอย่างกับนายน่ะ ฉันเครียดมากเลย B: มีอะไรเหรอเพื่อน ให้โทรหามั้ย A: ไม่ดีกว่า พ่อแม่ฉันยังอยู่แถวนี้ มันเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆเลย B: มีอะไรเหรอ   A: ฉันบอกนายแค่คนเดียวนะ ได้โปรดอย่าบอกคนอื่น ฉันไว้ใจนายนะ คือว่าฉันรู้สึกเปลี่ยนไปน่ะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายยังไง แบบว่ามันแย่มากเลย ฉันไม่รู้สึกเหมือนอย่างที่เด็กผู้ชายทั่วไปรู้สึกกับเด็กผู้หญิง มันประหลาดใช่มั้ยล่ะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน นายอย่ากลัวฉันนะ เพราะว่าฉันรู้สึกดีกับเด็กผู้ชายด้วยกันเอง ฉันน่ากลัวใช่มั้ยละ มันน่ากลัวมากๆเลยล่ะ   A: ฉันชอบผู้ชาย ฉันรู้สึกอายมากที่พูดแบบนี้ แต่นี่แหละความลับของฉัน ฉันกลัวที่จะบอกนายมาก เพราะนายคืออเพื่อนสนิทของฉัน…

  บนอินเตอร์เน็ต เราจะได้เจอกับผู้คนหลากหลายประเภท บางคนก็มีมารยาท แต่บางคนเหมือนจะเข้าใจว่า ตนเองสามารถพูดอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องรับผิดชอบคำพูดของตนเอง   Ashley Stevens และ Christopher Reed เป็นแฟนกัน วันหนึ่งเพื่อนของเธอเห็นว่าภาพที่เธอถ่ายคู่กับแฟนในงานแต่งงานดูตลกดี จึงนำไปโพสในเว็บไซต์ Reddit แต่ปรากฏว่า มีคนมาวิจารณ์แฟนหนุ่มของเธอเสียๆหายๆมากมายอย่างเช่น   “ไอ้อ้วนนั่นแม่งโครตโชคดีเลยหวะที่ได้เมียสวยขนาดนี้” “ถ้ากุหน้าตาเหมือนเจ้านี่นะ และกุกำลังเดทกับผู้หญิงคนนี้ กุจะจับทำเมียอย่างไวเลย”   เมื่อ Ashley ได้เห็นข้อความเหล่านั้น เธอจึงโพสข้อความลงบนเฟสบุ๊คของตนเอง เพื่อปกป้องคนรักของเธอ เธอโพสว่า “ขอบอกอะไรไว้อย่างนะ ฉันต่างหากที่โชคดีมากที่ได้เขาเป็นแฟน” “เขาอาจไม่ได้มีกล้ามท้องสวยๆ อย่างที่สื่อพยายามบอกให้ผู้หญิงต้องหาแฟนที่มีอะไรแบบนั้น แต่ถามจริงๆเถอะ เวลาคุณจะหาคนที่จะใช้ชีวิตร่วมด้วยเนี่ย คุณอยากได้อะไรจากเขา?” “เขาเป็นคนที่มีความคิดและความอดทน เขามักแสดงให้ฉันเห็นเสมอว่าเขารักฉัน เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ฉันรักในสิ่งที่เขาเป็น และเขาก็รักฉันในสิ่งที่ฉันเป็น ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน ความรัก และความตลกโปกฮา เป็นสิ่งที่หาได้ยากในปัจจุบัน”     ส่วน  Christopher บอกว่า “ตอนเราเห็นข้อความนะ เราขำก๊ากเลย พวกเราทั้งสองคนรู้จักกันดี และเรารู้ว่าเรารักกันแค่ไหน”  …

โลกนี้มีอาชีพอยู่มากมาย แต่ละอาชีพก็มีหน้าที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่นคุณครู ตำรวจ สถาปนิก และอีกมากมาย แน่นอนว่าผู้ที่เป็นเจ้าของกิจการก็ต้องมีสิทธฺ์จ้างพนักงานตามค่าแรงและความเชี่ยวชาญงานนั้นๆ ซึ่งวันนี้เหมียวจะพาทุกท่านไปดู 12 อาชีพที่แปลก แต่มีอยู่จริง และคนที่ทำก็ทำเป็นอาชีพจริงจังซะด้วย จะมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลย   1. นักรีดพิษงูจากงูทุกชนิด ถึงแม้จะเปนงูที่อนตรายที่สุดในโลกอย่างงูหางกระดิ่งหรืองูเห่า พวกเขารีดพิษงูออกมาก็เพื่อที่จะสร้างยาต้านพิษงูแล้วนำส่งไปยังโรงพยาบาลและห้องทดลองต่างๆ นั่นเอง และอีกทั้งพิษงูขายได้ประมาณ 35,000 บาท ต่อกรัมเลยนะ     2. รับจ้างเป็นเพื่อนเจ้าสาวมืออาชีพ จริงจังนะเนี่ย ไม่ได้ล้อเล่น ผู้ร่วมก่อตั้ง Jen Glantz แห่งบริษัท Bridesmaid for Hire นี้จะเสนอเพื่อนเจ้าสาวให้ พร้อมทั้งยังมีผู้ช่วยที่จะบริการเจ้าสาวและงานแต่งงานด้วย ส่วนค่าใช้จ่ายนั้นอยู่ที่ประมาณ 10,000 ถึง 70,000 บาท     3. นักเคลื่อนย้ายภูเขาน้ำแข็ง อาชีพนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุเรือไททานิคล่มเมื่อปี 1912 ทาง The International Ice Patrol หรือ IIP ซึ่งก่อตั้งหลังจากเหตุการณ์นั้นไม่กี่ปี…

คนส่วนใหญ่นั้นมีความไฝ่ฝันที่รูปร่างที่ดี ผอมสวย เพื่อเสริมสร้างบุคลิกและความมั่นใจ เหมียวว่าในสมัยนี้มีสารพัดวิธีที่จะช่วยลดน้ำหนัก มีเยอะจนเราเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว   แต่สำหรับบางคนการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายคงผอมไม่ทันใจจึงทำให้เกิดวิธีลดน้ำหนักแสนแปลกประหลาดพวกนี้ขึ้นมา วันนี้เหมียวเลยจะพาไปดู 5 วิธีสุดยี้ที่เห็นแล้วแบบว่า คิดได้ยังไงเนี่ย?   1. กินอาหารผ่านสายยางลดอ้วน วิธีนี้ต้องกินอาหารผ่านสายยางเหมือนกับผู้ป่วยในโรงพยาบาล 10 วัน แบบนี้ใครจะไม่ผอมลงล่ะ!! แต่วิธีการนี้ก็มีผลข้างเคียงด้วยนะคือ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การขาดน้ำ หรือ ท้องผูก แถมผู้เชี่ยวชาญได้พิสูจน์แล้วว่าวิธีนี้น่ะมันได้ผลเพียงชั่วคราวเท่านั้นแหละAll Posts     2. พันร่างการด้วยแรป คุณอาจจะเคยเห็นสาวๆในสปาพันทั้งตัวด้วยแรปยั่งกะมัมมี่เป็นชั่วโมงๆ เพื่อที่น้ำหนักตัวของพวกเธอจะได้ลดลงไปบ้าง และมันก็ได้ผลจริงๆ แต่!! อีกไม่นานน้ำหนักของพวกเธอก็จะกลับมาเท่าเดิม การที่ แขน ต้นขา หรือ รอบเอวลดลงไปนั้นมันเป็นแค่การหดตัวทางกายภาพเท่านั้นแหละ!!     3. ฝังเข็มที่หูลดน้ำหนัก วิธีนี้ใช้การฝังเข็มลงไปบนใบหู เพื่อกดประสาท ทำให้ไม่หิว กินได้น้อยลง ฝังเป็นเวลากว่าสัปดาห์ จึงทำให้มีน้ำหนักลดลง แต่รู้ไหมว่าคนที่เลือกใช้วิธีนี้กว่า 20% เกิดการติดเชื้อที่ใบหู!!    …

  ทุกวันนี้เราใช้เฟซบุ๊คกันทุกวันจนไม่ได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของมัน ซึ่งไม่นานมานี้ เฟซบุ้คได้ทำการเปลี่ยนไอคอน “เพื่อน” ที่ปรากฏอยู่ข้างบนกวาของเว็บ โดยไอคอนนั้นจะเป็นการนำเอารูปผู้หญิงขึ้นมาให้อยู่เท่ากับผู้ชาย โดยผู้จัดการฝ่ายออกแบบของเฟซบุ้ค Caitlin Winner ได้อธิบายไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ริ่มมาจากการได้ไปเห็นรูปผู้หญิงนั้นมีหัวไหล่ข้างหนึ่งที่ยุบลงไป เพื่อให้ไอคอนของผู้ชายได้แทรกขึ้นมา     ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ เพียงแค่เป็นการขาดการไตร่ตรอง อีกทั้ง Winner ยังกล่าวอีกว่าหลังจากทำการซ่อมแซมไหล่แล้ว เขาก็คิดว่าทรงผมของผู้หญิงช่างเหมือนตัวละคร Darth Vader เสียนี่กระไร เธอก็เลยทำการเปลี่ยนทรงผมให้อีกด้วย ในระหว่างที่กำลังปรับเปลี่ยนรูปทรง เธอก็เห็นว่าไอคอนผู้ชายมักจะมีบทบาทมากกว่าผู้หญิง อย่างเช่นตอนกดปุ่ม “เพิ่มเพื่อน” ก็จะมีไอคอนผู้ชายแล้วก็มีรูป + เธอเลยตัดสินใจวาดรูปไอคอนผู้หญิงเพิ่มเข้าไปด้วย   ประเด็นต่อมาคือการทำให้ไซส์ของผู้ชายและผู้หญิงเท่ากันในปุ่ม “เพื่อน” ซึ่งการเปลี่ยนในครั้งนี้ จะทำให้ผู้หญิงดูเท่าเทียมกับผู้ชาย จากไอคอนเดิมนั้น รูปผู้หญิงเปรียบเหมือนเป็นเงาของผู้ชายและดูมีอำนาจน้อยกว่า ซึ่งตามในบริบทปัจจุบันแล้วมันไม่ใช่ ผู้หญิงในปัจจุบันสามารถทำอะไรได้เหมือนผู้ชายทุกอย่าง อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงไอคอน “กลุ่ม” ที่เดิมที่มีอยู่ 3 คน แบ่งเป็นชาย 2 คน และผู้หญิงอีก 1 คน ก็เปลี่ยนมาให้เป็นผู้หญิงอยู่ข้างหน้าแทน     จากเหตุการณ์นี้ก็ทำให้เราเห็นว่าทั้งโลกกำลังให้ความสนใจกับสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมกันเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเพียงจุดเล็กๆที่หลายคนมองข้าม แต่การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ได้ ที่มา businessinsider

เคยสงสัยกันไหมว่า คนเรากินข้าวกันวันละ 3 มื้อ แล้วพวกสัตวเนี่ยวันๆหนึ่งมันกินเยอะแค่ไหนกันนะ เหมียวเลยไปหาข้อมูลดีๆมาฝากกัน คุณอาจจะไม่เชื่อเลยว่าสัตว์พวกนี้น่ะมันกินขนาดนี้เลยเหรอ!? ในการจัดอันดับครั้งนี้จะมีสัตว์อะไรบ้าง และกินเก่งกันขนาดไหนไปดูกันเลยดีกว่า….   1.แพนด้า พวกหมีหน้าตาน่ารักพวกเนี้ยสามารถกินต้นไผ่ได้ 20-40 ปอนด์ ต่อวันเชียวนะ!! และใช้เวลา กิน กิน กินทั้งวันกว่า 16 ชั่วโมง!!   2.วาฬสีน้ำเงิน พวกมันสามารถกินตัวเคย(สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังตัวเล็กๆคล้ายกุ้ง) ได้ถึง 4 ตันภายในวันเดียว   3.กิ้งก่า ในรายการแข่งกินของมนุษย์นั้นดูเหมือนพวกเค้าจะมีความสามารถในการกินอาหารได้เร็วมากๆ แต่นั่นก็เทียบไม่ติดกับเจ้ากิ้งก่า ที่ลิ้นของมันสามารถยืดออกไปถึงตัวเป้าหมายในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น   4.ค้างคาว ในอาณาจักรสัตว์นั้นเรื่องของขนาดตัว ไม่ได้เป็นคุณสมบัติที่ต้องการของแชมป์แห่งการกิน ค้างคาวสีน้ำตาลที่ตัวเล็กนิดเดียวแต่สามารถกินยุงกว่า  1000 ตัวได้ภายใน 1 ชั่วโมง!!   5.ช้าง ช้างป่านั้นจะใช้เวลากว่า  18 ชั่วโมงในการกิน พวกมันเพลิดเพลินไปกับการเคี้ยว  หญ้า ใบไม้ และเปลือกไม้ กว่า 200-400 ปอนด์ ช้างป่าตัวผู้ที่โตเต็มวัยต้องการพลังงาน 70,158 แคลอรี่ต่อวัน…

โค้กหรือโคล่าโคล่า ถือเป็นแบรนด์ที่เก่าแก่และเราเห็นอยู่แทบทุกวัน ทุกครั้งที่โค้กปล่อยแคมเปญแต่ละอย่างออกมามันก็เจ๋งๆทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเอาเนื้อเพลงไปพิมพ์ลงบนข้างกระป๋อง หรือจะเป็นการส่งโค้กให้คนในครอบครัว แต่ครั้งนี้โค้กได้นำเอาโลโก้พร้อมกับตัวหนังสือทุกอย่างออกไป ซึ่งแคมเปญนี้เกิดขึ้นที่ตะวันออกกลาง เพื่อรณรงค์ให้คนไม่ตัดสินคนอื่นจากภายนอก     แคมเปญนี้อยู่ในช่วงรอมฎอน หรือเทศกาลถือศีลอดนั่นเอง โดยทั้งกระป๋องจะมีเพียงแถบสีขาวเท่านั้นที่ยังอยู่ และมีตัวหนังสือเขียนกำกับไว้ว่า “Labels are for cans, not for people.” หรือจะแปลก็คือ “ยี่ห้อมีไว้สำหรับกระป๋อง ไม่ใช่สำหรับคน” ฟังดูอาจจะงงๆ แต่ถ้ามองดูดีๆแล้วก็จะเข้าใจ ตราสัญลักษณ์หรือยี่ห้อคือสิ่งที่ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกแล้วจำได้ว่าสินค้าตัวนี้เป็นยังไง แต่ถ้าเอาตราออกไป คนก็จำไม่ได้ และไม่สามารถตัดสินได้ว่าในกระป๋องนี้มีอะไรอยู่ เช่นเดียวกับความคิดของคนที่เวลาเราไปพบกับคนที่สัญชาตินี้ หรือนับถือศาสนานี้ เราอาจจะคิดไปเองว่าเขาเป็นยังไง แท้ที่จริงแล้วเรายังไม่ทันได้รู้จักเขาจริงๆเลย     แคมเปญนี้สร้างโดย FP7 และ Memac Ogilvy ซึ่งเขาได้ทำหนังสั้นมาอีกเรื่องเพื่อเสริมเข้ากับแนวคิดนี้ โดยการนำเอาคนที่ไม่รู้จักกัน ต่างเชื้อชาติและศาสนา ต่างที่มา ต่างบุคลิกมาทานอาหารร่วมกันในความมืด ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละคนก็มองไม่เห็นกัน ทำได้แค่เพียงคุยกันเท่านั้น หัวข้อที่พวกเขาคุยกันก็มีหลากหลายตามประสาผู้ชายทั่วไป แต่เมื่อไฟเปิดขึ้นมา ทุกคนก็ได้เจอกับบุคคลที่พวกเขาคุยด้วยเมื่อกี้ ซึ่งก็ได้แก่ชายที่สักเต็มหน้า ชาย 2 คนที่ใส่ชุดอาหรับ และชายที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้เปิดกล่องดู ซึ่งข้างในได้บรรจุโค้กกระป๋องที่ดีไซน์ใหม่โดยไม่มีโลโก้แล้วพวกเขาก็คิดถึงประโยค “ยี่ห้อมีไว้สำหรับกระป๋อง”…

ศิลปินท่านนี้มีชื่อว่า Maurice Mikkers ช่างภาพจากเนเธอแลนด์ เขาได้สร้างโปรเจกต์หนึ่งชื่อว่า “Imaginarium Of Tears” โดยการนำกล้องจุลทรรศน์ไปส่องหยดน้ำตาที่ได้จากอารมณ์ต่าง ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาจากความเศร้าหรือดีใจ ซึ่งภาพที่ออกมาก็งดงามแตกต่างกัน เป็นเรื่องที่แปลกมากๆ ที่ความงดงามนั้นบางทีก็มาจากความเสียใจและความอ่อนแอ   น้ำตาที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์       น้ำตาจากการเอาน้ำมันการบูรป้ายตา     น้ำตาจากการหั่นหัวหอม เอาพริกป้ายตา สำลักน้ำ และกินพริก     น้ำตาจากการหั่นหัวหอมและกินพริก       น้ำตาจากการกินพริกนิดหน่อย     น้ำตาจากการลืมตาหน้าพัดลมนานๆ     น้ำตาจากการหั่นหัวหอม           ที่มา boredpanda

ทาง Travel + Leisure ได้ทำการมอบรางวัล World’s Best Awards ประจำปี 2015 หนึ่งในนั้นก็ได้มีการจัดอันดับเมืองที่ดีที่สุดในโลกโดยการสำรวจจากนักเดินทางกว่าพันคนผู้มีประสบการณ์ท่องเที่ยวมาแล้วกว่าหลายประเทศ ผลการสำรวจก็ได้พบเมืองดีๆกระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก โดยที่มีอิตาลีที่มี 2 เมืองที่ติดอันดับเข้ามา อีกทั้งยังมีของไทยด้วยนะเออ จะมีเมืองอะไรบ้าง เราไปดูกันเลย   10. เยรูซาเลม     9. Cape Town อเมริกาใต้     8. Barcelona สเปน     7. Kraków โปแลนด์     6. กรุงเทพ     5. โรม     4. Florence อิตาลี     3. Siem Reap กัมพูชา     2. Charleston เซาท์ แคโรไลน่า…

จักรวรรดิรัสเซีย เป็นอีกหนึ่งจักรวรรดิที่มีความยิ่งใหญ่ และมีบทบาทสำคัญต่อโลกในสมัยอดีต ส่งผลมาทำให้ประเทศรัสเซียยังคงเป็นมหาอำนาจของโลกในยุคปัจจุบัน (ส่วนท่านปูตินก็เป็นขวัญใจชาวเน็ต เอามาล้อเลียนกันบ่อย)   ในปี 1907 นักเคมีและช่างภาพชาวรัสเซีย Sergei Mikhailovich Prokudin-Gorski คือคนกลุ่มแรกๆที่ใช้เทคโนโลยีฟิลเตอร์สีแดง เขียว น้ำเงิน ในการสร้างภาพสีขึ้นมา เพื่อให้ภาพถ่ายมีความสมจริงมากที่สุด และเชื่อเลยว่า 18 ภาพพวกนี้คือภาพสีหาดูยากของจักรวรรดิรัสเซีย ที่แฟนเว็บเหมียวหลายๆคนคงไม่เคยเห็นมาก่อนแน่เลย….   ภาพถ่ายของ Mohammed Alim Khan ในปี 1911   ส่วนนี่คือภาพถ่ายมุมสูงของ Tbilisi เมืองหลวงจอร์เจียในสมัยนั้น ซึ่งเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิรัสเซียในปี 1801 ก่อนแยกออกมาในปี 1991   การทำเหมืองในแถบเทือกเขาอูรัล ปี 1910   ภาพถ่ายในปี 1912 ของคนงานสร้างเขื่อน   สะพานรถไฟข้ามแม่น้ำ ส่วนหนึ่งของเส้นทางสายทรานไซบีเรียนอันโด่งดัง   รถรางในสมัยนั้น บนเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อ Saint Petersburg ไปยัง Murmansk…

คนส่วนใหญ่มักจะชอบดื่มน้ำเย็นมากกว่าน้ำอุ่น เพราะน้ำเย็นจะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้น แต่ใครจะรู้ล่ะว่า ความจริงแล้วการดื่มน้ำอุ่นนั้นมีประโยชน์ และดีต่อร่างกายมากขนาดไหน และนี่คือ 12 ประโยชน์ของการดื่มน้ำอุ่น รับรองว่าหากคุณได้อ่านแล้ว เหมียวเชื่อว่าคุณจะต้องหันมาดื่มน้ำอุ่นกันมากขึ้นแน่นอน   1.ลดน้ำหนัก หากคุณดื่มน้ำอุ่นกับมะนาวสัก 1 แก้ว จะสามารถช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ เพราะน้ำอุ่นนั้นจะช่วยทำลายเนื้อเยื่อไขมันในร่างกายของเรา แถมยังช่วยบำรุงกระบวนการเผาผลาญให้ดีขึ้นอีกด้วย   2.ลดอาการคัดจมูกและเสมหะในลำคอ หลายคนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า เมื่อเราเป็นโรคไข้หวัด ไอ หรือเจ็บคอ น้ำอุ่นนี่แหละที่สามารถช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ   3.ปวดประจำเดือน สาวๆ คนที่ไหนที่มักจะปวดท้องจากการเป็นประจำเดือน ก็สามารถนำน้ำร้อนมาใส่ในถุงน้ำร้อน แล้วนำมาประคบที่ท้องได้ เพื่อกล้ามเนื้อหน้าท้องจะได้ผ่อนคลาย และทำให้อาการปวดท้องค่อยๆ บรรเทาลง   4.ล้างพิษ การดื่มน้ำอุ่น ผสมน้ำมะนาวนั้น จะทำให้เหงื่อออก และอุณหภูมิในร่างกายจะสูงขึ้น อีกทั้งการดื่มน้ำอุ่นจะสามารถช่วยปล่อยสารพิษ และทำความสะอาดร่างกายได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ   5.ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร หากสาวๆ อยากให้ผิวดูเนียนใสและเด็กขึ้น ลองดื่มน้ำอุ่นดูสิ เพราะน้ำอุ่นจะเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว และช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวของสาวๆ ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ   6.ป้องกันการเกิดสิว นอกจากน้ำอุ่นจะสามารถทำความสะอาดร่างกายได้อย่างล้ำลึกแล้ว มันยังช่วยลดสาเหตุของการเกิดสิวได้อีกด้วย  …

ชีวิตในเมืองใหญ่อันแสนโหดร้าย เร่งรีบ และผู้คนที่คิดถึงแต่ตัวเองมากขึ้นทุกๆวัน อาจจะทำให้หลายคนเริ่มเบื่อหน่ายกับโลกและสิ่งที่เป็นอยู่ จนถึงขั้นติดภาพมองมันในแง่ลบ แต่อย่าลืมว่าเหรียญมีสองด้าน และโลกของเราก็เช่นกัน สิ่งที่เหมียวอยากนำเสนอในวันนี้ น่าจะช่วยให้หลายคนยิ้มได้กับโลกใบนี้มากขึ้น…..   1. ภาพของชายหนุ่มที่ยื่นมือเข้าช่วยหญิงชราเดินลงบันไดสถานีรถไฟ การที่เธอต้องดูแลทั้งตัวเธอเอง ข้าวของที่ถือ รวมถึงสุนัขอีกตัว ไม่ใช่เรื่องงายเลย   2. ดอกไม้ยังคงใช่สื่อความรู้สึกดีๆได้เสมอมา ชายหนุ่มคนหนึ่งเลยเอาดอกไม้มาตั้งที่ม้านั่งในสวน ให้คนที่ผ่านไปมาได้หยิบไปชื่นชมแบบฟรีๆ   3. ในฤดูร้อนของประเทศออสเตรเลีย นักปั่นจักรยานสังเกตเห็นโคอาล่าท่าทางอิดโรย จึงตัดสินใจป้อนน้ำให้กับมัน และดูท่ามันจะชอบเอามาก   4. ตำรวจในเมืองนิวยอร์กสังเกตเห็นคนไร้บ้านรายหนึ่งไม่มีแม้กระทั่งรองเท้า สิ่งที่เค้าจะทำได้คือการเจียดเงินเล็กน้อย ช่วยออกค่ารองเท้าให้คนไร้บ้าน   5. ทดลองใส่จดหมายลงในสมุดของห้องสมุด เมื่อคนที่ยืมคนถัดไปเปิดอ่าน ก็จะพบข้อความทักทายจากคนก่อนหน้า รวมถึงพวกเค้าสามารถเป็นเพื่อน สร้างมิตรภาพดีๆในอนาคต   6. การนั่งวีลแชร์ออกมาคนเดียว แล้วอยู่ดีๆก็ฝนตกนั้นเป็นอะไรที่แย่มาก แต่ชายหนุ่มคนหนึ่งยอมเสียสละตัวเองและร่มของเขา เพื่อให้คนพิการไม่ต้องทนเปียกฝน   7. ราคาน้ำมันลดลงจากเมื่อสองสามปีก่อน แต่ก็ยังแพงสำหรับบางคนอยู่ดี คนที่พอมีเงินเลยเสียสละ ช่วยออกค่าน้ำมันให้กับคนขับรถรายถัดไปที่เข้ามาเติม   8. เรื่องของศาสนาเป็นประเด็นในโลกตะวันตกเสมอมา และภาพของทหารชาวคริสต์กับหญิงชาวมุสลิมที่ยื่นมือให้กันและกัน…

เจ้านายหลายๆคนมักจะชอบมองลูกน้องที่ทำโต๊ะรกๆว่าอาจเป็นคนที่ไม่มีระเบียบหรือเป็นพวกขี้เกียจใช่ไหมล่ะ แต่เชื่อหรือไม่ว่าเมื่อไม่นานมานี้มีบทความในต่างประเทศเผยว่าความจริงแล้วคนเหล่านี้เป็นพวกที่ทำงานได้มีประสิทธิภาพด้วยนะ   ศาสตราจารย์ Eric Abrahamson นักเขียนเกี่ยวกับเรื่อง ‘ความสมบูรณ์แบบของความยุ่งเหยิง’ ได้กล่าวว่า ความวุ่นวายและความเลอะเทอะบนโต๊ะทำงานของคนบางคน อาจเป็นสัญญาณที่บอกว่าพวกเขาทำงานเสร็จแล้วและรวดเร็วกว่าคนทั่วๆไป บุคคลที่มีชื่อเสียง อัจฉริยะและนักครีเอทีฟมากมาย ยกตัวอย่างเช่น Albert Einstein และ Roald Dahl เองก็มีโต๊ะทำงานที่สุดจะยุ่งเหยิงเหมือนกันนะ   ศาสตราจารย์ Abrahamson ได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Telegraph ว่า “ความยุ่งเหยิงไม่จำเป็นต้องถูกออกคำสั่ง คุณจะเห็นปรากฏการณ์นี้ได้ชัดขึ้นในบริษัทหรือสถานที่อย่าง Silicon Valley โต๊ะทำงานที่ยุ่งเหยิงสามารถช่วยจัดลำดับความสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยให้มีระบบการเข้าถึงที่ง่ายขึ้น”   เขาพูดต่อว่า “บนโต๊ะทำงานอันยุ่งเหยิง สิ่งที่สำคัญคือชิ้นงานที่เร่งด่วนจะอยู่ใกล้ตัวหรืออยู่ด้านบนๆของงานที่กองกันอยู่ ในขณะที่ชิ้นงานที่เสร็จแล้วหรือสามารถปล่อยวางได้ จะย้ายลงไปอยู่ด้านล่างสุดเอง”   ทั้งนี้ทั้งนั้นแอดเหมียวมองว่าการที่โต๊ะทำงานบางคนดูยุ่งเหยิงอาจเกิดจากการจดจำว่าอะไรเป็นอะไรบนโต๊ะก็เป็นได้นะ หากมีใครมาโยกย้ายหรือจัดระเบียบมันให้เข้าที่เข้าทางอาจจะทำให้ระบบความคิดและเอกสารที่เคยอยู่ในที่ของมันหายไปก็ได้ แต่หากการทำโต๊ะยุ่งๆกลายเป็นเรื่องที่ไม่ปลื้มของนายจ้าง อันนี้ก็ต้องดูเป็นกรณีๆไปนะจ๊ะ ที่มา metro

สำหรับคนทำงานหลายๆคนแล้ว ‘เช้าวันจันทร์’ เปรียบได้กับขุมนรกขนาดย่อม เพราะหลังจากวันหยุดอันแสนสั้นได้ผ่านพ้นไป นี่ก็เป็นการเริ่มสัปดาห์แห่งการทำงานที่จะยาวนานไปอีกห้าวัน แทบทุกคนจึงเกลียดวันนี้เป็นพิเศษ!!!   เช่นเดียวกับพ่อหนุ่ม Matthew Nainby โปรดิวเซอร์เพลงชาวออสเตรเลีย ซี่งทนความหงุดหงิดในเช้าวันจันทร์ไม่ไหวแล้ว     ใครจะไปคิดว่าจะมีคนบ้าลางานตอนเช้าวันนั้น แล้วเก็บกระเป๋าไปเที่ยวเมืองนอกเลย แต่เค้าทำมันจริงๆ เค้าก็เลยโทรไปลางาน แล้วจองตั๋วเครื่องบินเช้าวันนั้น บินไปนิวซีแลนด์ทันที เป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้คือ Queenstown เมืองเล็กๆแต่เปี่ยมไปด้วยความสวยงาม   และนี่คือส่วนหนึ่งจากภาพบน IG ของเค้า ซึ่งให้คำนิยามบางส่วนจากการเดินทางครั้งนี้ว่า ‘มันเป็นช่วงเวลาอันแสนพิเศษราวกับเวทมนต์ ที่ยากจะลืมเลือน’ ลองเสพภาพดู หลายคนคงคิดเช่นเดียวกัน…               ยังไม่จบ ยังมีเวอร์ชั่นคลิปวิดีโอด้วยนะครับ   แต่เรื่องน่าเศร้าคือ พอเช้าวันอังคาร เค้าก็กลับมาทำงานตามเดิม จบทริปความสุขอันแสนสั้นใน 24 ชั่วโมงเท่านั้นเอง อิอิอิอิอิ ที่มา: orzzzz, pinsta

เมื่อเรานอนหลับไม่เพียงพอ อาจนำไปสู่สิ่งที่น่ากลัวได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคอัลไซเมอร์ โรคซึมเศร้า ปัญหาทางด้านความจำ และมะเร็ง ถึงแม้ว่าการงีบเพียงเล็กน้อย ไม่สามารถทดแทนการหลับยาวๆได้ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ค้นพบว่าการงีบเนี่ยแหละ มันสร้างสิ่งที่มหัศจรรย์ขึ้นได้     เดิมทีเรารู้จากผลวิจัยแล้วว่าการนอนสามารถช่วยในด้ายภูมิต้านทาน พลังงาน อารมณ์ และการรับรู้ แต่ผลวิจัยใหม่จาก University of Michigan ได้ค้นพบอีกด้วยว่าการงีบระหว่างทำงาน สามารถเพิ่มสามารถด้านควบคุมอารมณ์ได้อีกด้วย การที่เราอดนอนนั้นสามารถทำให้เราเป็นคนทำอะไรโดนไม่มีสติได่ อีกทั้งยังลดความสามารถทางด้านความคุมอารมณ์และการยั้งคิด   ทาง University of Michigan จึงได้ทำการทดลองกับคนจริงๆ โดยให้คนกลุ่มหนึ่ง ทำแบบทดสอบในคอมพิวเตอร์ เกี่ยวกับการนอนหลับ อารมณ์ และ อาการหุนหันพลันแล่น หลังจากนั้นเขาก็ให้กลุ่มคนเลือกว่าจะไปนอนหรือว่าจะดูหนังสารคดีเกี่ยวกับธรรมชาติยาว 60 นาที พบจบแล้วก็กลับมาทำแบบทดสอบอีกครั้ง นักวิจัยพบว่าคนที่ดูสารคดีมีความอดทนต่ำต่อการตอบคำถามที่แก้ได้ยาก และและดูมีอารมณ์หุนหันพลันแล่น ส่วนคนที่หลับมีความอดทนต่อการทำแบบฝึกหัดสูงและควบคุมอารมณ์ได้ดี สิ่งนี้ก็ทำให้เราได้รู้แล้วว่าการงีบนั้นสามารถช่วยในการควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น ลดความคิดในแง่ลบลงไป     แต่ได้มีนักจิตวิทยา Dr. Ron Friedman ได้บอกมาว่าวิธีนี้อาจจะไม่สามารถใช้ได้จริง เนื่องจากในสังคม โดยเฉพาะในอเมริกา การทำงานหนักๆจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความต้องการนอนมันก็มีเท่าๆกับที่เราต้องการอาหารและน้ำนั่นเอง Friedman เชื่อว่าสิ่งที่จะช่วยในการเปลี่ยนมุมมองของพนักงานที่มีต่อการงีบก็คือเจ้านายหรือผู้นำ เพราะเขาสามารถเปลี่ยนทัศนคตินี้ได้โดารการสร้างห้องไว้สำหรับพักผ่อนเพื่อให้พนักงานได้เข้าไปใช้นั่นเอง ที่มา businessinsider

เชื่อเลยว่าหลายคนที่เป็นแฟนโปเกม่อนหรือไม่ได้เป็นแฟนก็ตาม ก็ต้องรู้จักโปเกม่อนที่ชื่อ “ปิกาจู” เป็นอย่างดี เพราะมันคือโปเกม่อนตัวเอกที่ซาโตชิใช้อยู่ประจำ หรือถ้าเป็นเวอร์ชั่นคอมมิคก็จะเป็นโปเกม่อนคู่หูของเยลโล่ว์   วันนี้เหมียวมี 10 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเจ้าโปเกม่อนที่ชื่อ “ปิกาจู” นี้ บางทีมันอาจจะมีความลับที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนก็ได้นะ   1. รูปร่างของมัน ปิกาจูสูง 40 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 5.9 กิโลกรัม     แต่ดูเหมือนว่ามันจะไปลดความอ้วนมานะ     2. เพศหญิงชาย ต่างกันยังไง? เพศเมียจะมีหางที่หยักนั่นเอง     3. ใครพากย์? ผู้ที่พากย์เป็นปิกาจูคือ Ikue Otani ผู้ให้เสียงเป็นช็อปเปอร์ในวันพีซและโคโนฮะมารุในนารุโตะด้วย     4. ชอบกินอะไรนะ? ปิกาจูชอบกินในเบอร์รี่และแอปเปิล     5. ชื่อนั้นมีที่มาอย่างไร คำว่า “ปิกะ” เป็นภาษาญี่ปุ่น เป็นเสียงของไฟฟ้า ส่วนคำว่า “จู” นั้นเป็นภาษาญี่ปุ่น…

เหมียวก็ไม่รู้ ละก็เรียกได้ว่าเข้าไม่ถึงจริงๆ สำหรับงานศิลปะชิ้นนี้ แต่เรียกได้ว่าน่าสนใจเลยทีเดียวล่ะ สำหรับงานถ่ายภาพของเธอคนนี้ Lauren Crow โดยเธอได้เก็บภาพของผู้หญิงที่ช่วยตัวเอง และถึงจุดสุดยอดโดยไม่มีผู้ชายมาเกี่ยวข้อง เพื่อเก็บภาพของพวกเธอแบบเป็นธรรมชาติและเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด โดยไม่ต้องทำเพื่อเอาใจเหล่าผู้ชายนั่นเอง ใครมีหัวทางด้านนี้มาอธิบายให้เหมียวฟังหน่อยมา ><   ผลงานภาพของเธอ   โดยเหตุผลที่เธอทำงานนี้ขึ้นมาก็เพราะว่า ทุกวันนี้ผู้หญิงอยู่ในกรอบความคิดของสังคมที่ต้องดูดีในสายตาผู้ชายนั่นเอง และบางทีก็ทำให้พวกเธอรู้สึกอึดอัด อัดอั้น   เธอเลยอยากจะเก็บภาพของพวกเธอตอนที่ผ่อนคลายที่สุด และแน่นอนว่าไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเหล่าผู้ชายมามีส่วนเกี่ยวข้อง   นับว่าเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว   ดูหน้าของพวกเธอสิฟินมากๆ ><                   อย่างไรก็ดีเหมียวต้องยอมรับว่างานศิลปะชิ้นนี้เหมียวเข้าไม่ถึงจริงๆ แต่ก็น่าสนใจเลยทีเดียว เพื่อนๆ คิดว่าไงลองคอมเม้นต์กันดูได้นะจ๊ะ ที่มา: Metro

เวลานอนเคยเป็นกันบ้างมั้ย อาจจะทั้งเผลอและตั้งใจกับการเหยียดเท้าออกมาหนึ่งข้างตอนนอนหลับ ส่วนเท้าอีกข้างก็ซุกเอาไว้ใต้ผ้าห่ม บางคนอาจจะไม่เคยทำเลยก็ได้ ซุกเท้าเอาไว้ทั้งสองข้างอยู่ใต้ผ้าห่มอยู่อย่างนั้น แต่รู้มั้ยเอ่ย? การเหยียดเท้าโผล่ออกมาหนึ่งข้างตอนนอนเนี่ยมีประโยชน์กับร่างกายมากๆ เลยนะ   ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่จะมาอธิบายให้เราเข้าใจได้ง่ายๆ กับประโยชน์ของการเหยียดเท้าออกมาหนึ่งข้างตอนนอน   การเหยียดเท้าออกมาหนึ่งข้างนั้นจะช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายได้อย่างไม่น่าเชื่อ   เพราะฉะนั้นหากรู้สึกร้อนแต่ไม่อยากถีบผ้าห่ม ก็ลองเหยียดเท้าออกมาซักหนึ่งข้างนะ จะช่วยได้   ถ้าอยากรู้ว่าจริงมั้ย คืนนี้ก็ลองเลย!! ที่มา : fooyoh

การลงปฏิบัติหน้าที่ของทหารสหรัฐฯ นอกจากจะส่งทหารไปแล้วก็ยังต้องมีเพื่อนสี่ขาร่วมออกปฏิบัติภารกิจด้วย เพื่อตรวจสอบหาวัตถุระเบิดและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ก่อนที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเหล่าทหารได้ และหนึ่งในนั้นก็คือเจ้า Lucca ที่ออกปฏิบัติภารกิจร่วมกับทหารมามากกว่า 400 ครั้ง ช่วยชีวิตทหารมานับไม่ถ้วน     เจ้า Lucca นั้นเป็นสุนัขที่ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม สร้างขวัญและกำลังใจให้เหล่าทหารได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังคอยเป็นเพื่อนเล่นที่แสนดี คลายเหงาให้กับทหารที่ลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจอีกด้วย                     แต่แล้วชีวิตของเจ้า Lucca ก็ต้องมาถึงจุดเปลี่ยน ในวันที่ 23 มีนาคม ปีค.ศ. 2012 เจ้า Lucca เหยียบกับระเบิดทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณขาหน้าด้านซ้ายในระหว่างที่ออกปฏิบัติหน้าที่ในอัฟกานิสถาน โดยมีสิบโท Juan Rodriguez เข้ามาช่วยชีวิตมันเอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นเจ้า Lucca อาจไม่รอดมาจนถึงทุกวันนี้       จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เจ้า Lucca ต้องสูญเสียขาไป ทำให้เหลือเพียงแค่ 3 ขาเท่านั้น…

เหมียวเชื่อว่ามนุษย์บนโลกนี้ล้วนเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการนอนน้ำลายไหลมาด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะตอนงีบหลับในเวลากลางวัน ที่พอตื่นจากฝันก็พบน้ำลายกองเบ้อเริ่มอยู่ข้างแก้ม >< ซึ่งเหตุการณ์ที่ว่าก็คงจะพาเจ้าของน้ำลายเขินไปไม่เบา แต่ก็เอาเถอะ.. อย่าได้กังวลกับมันไปเลย มาทำความเข้าใจกับเรื่องน้ำลายไหลกันหน่อยดีกว่า ^^     ทำไมเราถึงนอนน้ำลายไหล!? อันที่จริงแล้วน้ำลายของเราขับออกมาได้ทั้งวันนั่นแหละ ยิ่งถ้าถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหอม กลิ่นเหม็น กลิ่นเปรี้ยว น้ำลายก็จะยิ่งถูกขับออกมามากขึ้นและเร็วขึ้น ซึ่งปกติแล้วมันก็จะอยู่ในปากโดยไม่ไหลออกมา เพราะเราควบคุมมันไว้โดยจิตสำนึกของเราเองได้น่ะสิ   แต่ทว่าในเวลาเราแอบงีบตอนกลางวัน หรือนอนหลับในตอนกลางคืน กล้ามเนื้อทั้งตัวจะผ่อนคลายและสมองจะพักผ่อนแบบลืมทุกสิ่งทุกอย่าง จิตสำนึกที่ควบคุมให้เรากลืนน้ำลายลงท้องก็จะหยุดชะงัก น้ำลายจึงไหลออกมาตามช่องว่างของริมฝีปากที่อาจจะปิดไม่สนิทในเวลาหลับนั่นเองจ้า   น้ำลายไหลมีผลเสียหรือไม่!? การนอนน้ำลายไหลเฉยๆ ไม่มีผลเสียโดยตรงอะไร นอกจากจะทำให้ตื่นมาแล้วเขินอายคนที่พบเห็นเราในสภาพหมอนเป็นวงๆ แต่สำหรับบางคนนั้น เอนไซม์ในน้ำลายที่เปื้อนแก้มก็มีส่วนทำให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังเช่นกัน อาจทำให้มีอาการแพ้เป็นผื่นแดง หรือผิวหนังลอกเป็นขุยได้   ส่วนผลพวงที่เกิดจากการนอนน้ำลายไหล ก็อาจเป็นความชื้นที่หมักหมมอยู่ในหมอน ซึ่งถ้าไม่ซักทำความสะอาดให้ดี ก็ทำให้มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคผิวหนังได้นะจ๊ะตะเอง   มีวิธีแก้ไขการนอนน้ำลายไหลหรือไม่!? จากข้อมูลข้างต้นที่บอกไปว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ ประกอบจากการค้นหาข้อมูลของเหมียวแล้วสรุปได้ว่า ไม่มีการแก้ไขปัญหานี้อย่างตายตัวเลยหละ บางคนใช้การบังคับจิตใจตัวเองก่อนนอนว่าห้ามนอนน้ำลายไหลนะ หรือบางคนก็พยายามนอนหงายหุบปากให้มิดชิด ซึ่งไม่ได้ผลกับทุกคน   ซึ่งหลักๆ แล้วก็คือพยายามนอนอย่างไรก็ได้ ไม่ให้ริมฝีปากเรามีช่องว่างให้น้ำลายไหลออกมานั่นเองจ้า แต่สำหรับคนที่มีปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรงอาจควบคุมการนอนน้ำลายไหลได้ยากกว่าคนปกติ หรือใครที่สงสัยว่าตัวเองมีน้ำลายออกมามากเกินไป…

ภาพที่เพื่อนๆ เห็นกันอยู่นี้ เป็นภาพที่ถูกถ่ายโดยช่างภาพชาวอังกฤษที่ชื่อว่า James Mollison ซึ่งเขาได้ออกเดินทางไปรอบโลก และได้ถ่ายภาพความแตกต่างระหว่างการใช้ชีวิตของเด็กๆ จากทั่วทุกมุมโลก และที่สำคัญภาพที่เขาได้ถ่ายมานั้น เป็นภาพห้องนอนของเด็กๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของที่อยู่อาศัยที่ไม่เหมือนกันในประเทศต่างๆ ถ้าอย่างนั้นเรามาดูกันเลยว่าชีวิตของพวกเขาจะแตกต่างกันขนาดไหน   1. เด็กชายไม่ทราบชื่อ อายุ 9 ปี จาก Ivory Coast .   2.Dong อายุ 9 ปี จาก Yunnan, China .   3.Indira อายุ 7 ปี จาก Kathmandu, Nepal .   4.Ahkohxet อายุ 8 ปี  จาก Amazonia, Brazil .   5.Bikram อายุ 9 ปี จาก…

เคยรู้สึกเหนื่อยล้าจนไม่อาจสามารถถ่างตาทำงานได้ตลอดวันหรือไม่? สาเหตุหลักๆ อาจจะเป็นเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือหน้าที่การงานในแต่ละวันนั้นหนักหน่วงจนเกินไป ทำให้ใช้พลังงานหมดไปอย่างรวดเร็ว จนไม่อาจจะมีพลังอยู่รอดจนถึงเวลาเลิกงานได้     ว่ากันว่าการนอนหลับคือการพักผ่อนที่ดีที่สุด หากคุณนอนเต็มอิ่ม 8 ชั่วโมงไม่ขาดไม่เกิน ตื่นเช้าขึ้นมาจะสดใส รู้สึกมีพลังงานเต็มอิ่ม พร้อมที่จะไปทำงานตลอดทั้งวัน แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะมีเวลานอนเท่ากัน บางคนนอนพอดี บางคนนอนน้อย ก็จะเกิดอาการงัวเงีย รู้สึกไม่สดชื่นอย่างเห็นได้ชัด พอเข้าช่วงบ่ายก็เริ่มออกอาการง่วงแล้ว เพราะฉะนั้นทางออกที่ดีก็คือควรจะหาเวลางีบหลับบ้าง แต่จะใช้เวลานานแค่ไหนล่ะ?     ขอย้ำว่าเป็นการ “งีบ” ไม่ใช่ “หลับ” นะจ๊ะ หากต้องการฟื้นฟูพลังอย่างเร่งด่วนในระหว่างวัน ให้ทำการงีบประมาณ 20 นาที ช่วยเพิ่มความตื่นตัว มีสมาธิมากขึ้น และช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้น หากว่ากลัวจะงีบหลับนานเกินไป หากกลัวว่าจะไม่ตื่นให้ดื่มกาแฟก่อนงีบ คาเฟอีนจะออกฤทธิ์หลังจากที่ดื่มไปแล้วประมาณ 20 – 30 นาที จะช่วยทำให้ตื่นตัวได้อย่างรวดเร็ว     แต่อย่าเผลองีบหลับมากกว่า 45 นาที เพราะจะเข้าสู่ช่วงหลับแล้วล่ะ ซึ่งถ้าหากตื่นในช่วงนี้จะทำให้มีอาการงัวเงียหนักยิ่งกว่าเดิม ประมาณครึ่งชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมง…

การตื่นเช้าเป็นอะไรที่ง่ายสำหรับบางคน แต่ก็เป็นอะไรที่ยากมากๆสำหรับหลายคนด้วย คงไม่มีใครอยากตื่นเช้าหรอก แต่ด้วยหน้าที่การงานที่ต้องทำ เราก็จำเป็นต้องตื่น แต่การตื่นทุกครั้งก็ต้องตื่นให้มันแจ่มใสซะหน่อย วันนี้เหมียวเลยมีอุปกรณ์ที่ช่วยให้การตื่นของคุณง่ายขึ้น ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง   1. ดัมเบลนาฬิกาปลุก คุณต้องยกทั้งหมด 30 ครั้งไม่งั้นมันจะไม่หยุดส่งเสียงดัง ได้ทั้งตื่นนอนและสุขภาพอีกด้วย     2. Clocky นาฬิกาปลุกติดล้อ เมื่อถึงเวลาปลุก คุณจะหามันไม่เจอ ต้องวิ่งไล่มันให้ทันแล้วปิดมันซะ!!     3. นาฬิกาปลุกทดสอบไอคิว ได้ตื่นด้วย ได้ความฉลาด้วยกับแบบทดสอบไอคิวเล็กๆน้อยๆ แต่ต้องทำให้ถูกนะ ไม่งั้นดังทั้งวันแน่นอน     4. นาฬิกาปลุกเบคอน สำหรับเบค่อนเลิฟเวอร์เท่านั้น ก่อนนอนเอาเบคอนไปใส่ไว้ แล้วก็ตั้งเวลาปลุก ก่อนถึงเวลาปลุกสิบนาทีมันละเริ่มปรุงเบคอนของคุณให้กลิ่นฟุ้งไปทั่วห้อง     5. นาฬิกาปลกพิซซ่า ถ้าคุณไม่ชอบเบคอน ลองพิซซ่าหน่อยเป็นไง หลังจากตั้งนาฬิกาปลุกแล้ว ใส่ที่อยู่พร้อมกับตัวเลขบัตรเครดิต คุณสามารถสั่งพิซซ่าจากร้าน Dominos ได้ เมื่อพิซซ่ามาถึงก็คือเวลาที่คุณต้องตื่นไปรับนั่นเอง     6. หมอนปลุก…

โสเภณีเรียกได้ว่าเป็นอีก 1 อาชีพที่มีมาตั้งแต่โบราณ เป็นอาชีพที่คนใช้ร่างกายเพื่อแลกมาด้วยเงินหรือสิ่งของ ซึ่งก็เป็นที่ถกเถียงกันในแง่ศีลธรรมว่ามันเป็นสิ่งที่ดีหรือเปล่า แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ได้มีบางประเทศเปิดให้อาชีพโสเภณีเป็นอาชีพที่สุจริต ถูกกฎหมาย เราไปดูกันว่าจะมีประเทศอะไรกันบ้าง   1. อินเดีย การขายบริการด้วยตัวเองยังนั้นยังไม่อยู่ในข้อกฎหมาย สามารถทำได้ แต่ถ้าเป็นซ่องถือว่าผิด     2.นิวซีแลนด์ อาชีพนี้ถูกกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2003 แล้ว ซึ่งทั้งหมดก็ต้องทำตามที่รัฐจัดให้ ไม่ใช่ว่าอยากเปิดก็เปิด     3. เนเธอร์แลนด์ ประเทศนี้ขึ้นชื่อเรื่องนางงามตู้กระจกที่เห็นในภาพ ดังงานอาชีพนี้จึงถูกกฎหมาย     4. ออสเตรเลีย     5. อินโดนีเซีย กฎหมายนี้ยังสีเทาๆ ที่อินโด ถึงแม้ว่าการแลกเปลี่ยนร่างกายกับเงินถือเป็นเรื่องถูกกฎหมาย แต่ก็ยังมีเรื่องผู้หญิงที่ถูกลักมาขายอยู่ด้วย     6. ออสเตรีย คนที่ทำอาชีพนี้ต้องอายุครบ 19 ปีหรือมากกว่า แถมยังต้องจ่ายภาษีด้วย     7. กรีซ ในประเทศนนี้ การทำอาชีพโสเภณีเปรียบเหมือนการทำอาชีพทั่วไป คือมีสิทธิเท่าเทียมกัน…

สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ นอกจากจะมีความเป็นอนิจจังไม่เที่ยงแท้แล้ว เหมียวยังคงเชื่อเสมอว่าทุกสิ่งย่อมมีเหตุผลและที่มาที่ไปในการกำเนิดเกิดมาอยู่เสมอ ซึ่ง ‘ขนตรู๊ด’ ก็คือหนึ่งในนั้น.. โดยเจ้าขนที่ว่านี้ มักจะเกิดมาเป็นเพื่อนแท้ของมนุษย์ผู้ชายหลายคน แต่จะมีเจ้าของมันซักกี่คนที่รู้ว่าขนในหลืบนั้นมันขึ้นมาทำไม!? งานนี้เหมียวก็ได้คำตอบมาจาก S! MEN ซึ่งว่าไว้แบบนี้ล่ะจ้า!!   1. ป้องกันการเสียดสีของก้นในขณะที่เดินหรือวิ่ง   2. ดักกลิ่นเฉพาะตัวของหนุ่มๆ แต่ละคน ซึ่งกลิ่นบางๆนี้ มีไว้สำหรับสัญชาตญาณในการเลือกคู่ของมนุษย์ ที่มีมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหา   3. ป้องกันฝุ่นละอองหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่รูทวารยังหวานอยู่ มาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ที่ยังไม่มีกุงเกงลิง   แหม่.. ถ้าใครไม่ชอบแล้วคิดจะกำจัดน้องขนตรู๊ดไปจากชีวิต แนะนำว่าห้ามโกนเป็นอันขาดนะจ๊ะ เพราะถ้ามันงอกขึ้นมาใหม่แล้วทิ่มตำในช่องแคบนั้น คงจะมันส์เกินรับไหว จะแว็กซ์จะเล็มอะไรก็ว่าไป แต่ที่สำคัญคือการรักษาความสะอาด เพราะมันอาจจะอับชื้นง่ายกว่าคนที่ไม่มีนั่นเอง ><   ที่มา sanook

‘ขนมไทย’ ที่คนส่วนใหญ่มักจะรู้จัก และคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ก็คงจะเป็น ขนมชั้นเอย ทองหยิบ ทองหยอดเอย แถมขนมเหล่านี้ยังมีรสชาติที่อร่อย และมีหน้าตาน่าทานสุดๆ อีกด้วย แต่จริงๆ แล้วยังมีขนมไทยบางอย่าง ที่เราอาจจะไม่ค่อยคุ้นตากันสักเท่าไหร่ แถมบางคนก็อาจจะไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยด้วยซ้ำ และในวันนี้เหมียวจึงได้นำ 10 ขนมไทยที่หาทานได้ยาก และหลายคนไม่เคยรู้จักมาให้ได้ชมกันรับรองว่าแต่ละอย่างนั้น น่าทานสุดๆ เลยล่ะ   1.บุหลันดั้นเมฆ เป็นชื่อที่ไม่ค่อยคุ้นหูสักเท่าไหร่สำหรับขนมไทยชาววังอย่าง ‘บุหลันดั้นเมฆ’ ที่เกิดจากการเลียนแบบเพลงไทย ‘บุหลันลอยเลื่อน’ ซึ่งเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 ซึ่งขนมชนิดนี้ตรงกลางจะทำจากไข่แดง และตัวนั้นทำจากแป้งมัน แป้งข้าวจ้าว ผสมน้ำดอกอัญชัน ที่ช่วยเพิ่มสีสันให้น่ารับประทานยังไงล่ะ   2.ขนมเกสรชมพู เป็นขนมไทยที่หน้าตาน่ารับประทานสุดๆ ที่ทำจากมะพร้าวขูดกวนกับวุ้น แถมยังมีรสชาติหอมอร่อย หวาน มัน หากใครได้ลองชิมแล้วจะต้องติดใจแน่นอน   3.ขนมโพรงแสม ขนมที่มีลักษณะคล้ายกับทองม้วนนี้ มีชื่อว่า ‘ขนมโพรงแสม’ ยังไงล่ะ ซึ่งขนมชนิดนี้ต่างกับทองม้วนก็ตรงที่เคลือบน้ำตาล หรือน้ำแตงโม ราดไปรอบๆ ตัวขนม ซึ่งทำให้ขนมมีความกรอบอร่อย และหอมสุดๆ ไปเลย  …

การแต่งงานถือว่าเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมมนุษย์มาตั้งแต่หลายพันปีก่อน สถานที่แต่ละแห่งก็มีธรรมเนียมการแต่งงานที่แตกต่างกันออกไป บางที่ก็อาจจะแปลกไปบ้าง แต่ผู้คนจำนวนมาก ก็ยังคงยินดีที่จะสืบสารธรรมเนียมนั้นต่อไป และวันนี้เหมียวจะพาไปชม 17 ธรรมเนียมการแต่งงานแบบแปลกๆจากทั่วโลก รู้แล้วจะเงิบอย่างแน่นอน ไปชมกันเลยว่ามีอะไรบ้าง   1. ถ้าคุณต้องไปแต่งงานในประเทศสวีเดน คุณอย่าไปเข้าห้องน้ำระหว่างงานเชียวล่ะ เพราะถ้าเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวคนใดคนหนึ่งไปเข้าห้องน้ำ คนที่ในงานสามารถจูบเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวที่ยืนรออยู่ในงานได้เลย   2. ในประเทศเยอรมันนี เราต้องซื้อจานให้คนที่เพิ่งแต่งงานกัน จากนั้นพวกเขาจะฟาดจานนั้นให้แตก เพื่อไล่วิญญาณชั่วร้ายออกไป   3. ในประเทศจีน ตามประเพณี Tujia เจ้าสาวจะต้องร้องไห้อย่างน้อยๆวันละหนึ่งชั่วโมงเป็นเวลาหนึ่งเดือนก่อนการแต่งงาน และพอถึงวันจริง ก็ต้องร้องไห้อย่างเป็นจริงเป็นจังด้วย ว่ากันว่า มีเหตุการณ์แม่ทำร้ายลูกสาว เพราะว่าไม่ยอมร้องไห้ในวันแต่งงานด้วย เอากับเค้าสิ!   4. ตามธรรมเนียมไอริช ขณะที่เจ้าสาวเต้นกับเจ้าบ่าว ห้ามเท้าลอยเหนือพื้นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะมีธิดาปีศาจมากินเธอไป   5. ตามธรรมเนียมของชาว Polynesian ครอบครัวของเจ้าสาว จะต้องนอนคว่ำหน้าลงบนพื้น เพื่อให้คู่บ่าวสาวได้เดินเหยียบหลังพวกเขาไป เปรียบเป็นดั่งสะพานที่จะพาข้ามไปยังชีวิตใหม่   6. หมู่บ้านแอฟริกันบางหมู่บ้าน แม่ของเจ้าสาวสามารถเข้าไปนั่งแบบริงไซด์ในคืนเข้าหอได้ และบางครั้งก็สามารถสอนเจ้าสาวเกี่ยวกับเรื่องบนเตียงได้แบบถึงพริกถึงขิง   7. ตามธรรมเนียมของเผ่า Tidong บนเกาะบอเนียว ประเทศอินโดนีเซีย…