Author:

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้เผยเรื่องราวที่กำลังสร้างความฮือฮาไปทั่วโลก ณ ขณะนี้เลยก็ว่าได้ เมื่อทีมนักโบราณคดีที่นำโดย Damian Evans นักโบราณคดีชาวออสเตรเลีย จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ได้ทำการรายงานความคืบหน้าการค้นพบตำแหน่งของเมืองโบราณ “มเหนทรบรรพต” ที่ซ่อนตัวกลางป่าทึบ บนเนินภูเขาพนมกุเลน ในประเทศกัมพูชา ใกล้กับปราสาทหินนครวัดเป็นที่แน่ชัดแล้ว หลังจากที่เป็นปริศนามาเป็นเวลานาน     จากการสำรวจพบว่า เมืองโบราณคดีดังกล่าว มีขนาดใหญ่โตมโหฬารมาก โดยตั้งแต่ขนาดของเมืองรวมไปถึงระบบชลประทาน มีพื้นที่กว่า 1,901 ตารางกิโลเมตร (ประมาณ 1.1 ล้านไร่) ซึ่งคาดว่าน่าจะมีพื้นที่พอๆ กับกรุงพนมเปญ ที่เป็นเมืองในปัจจุบันเลยก็ว่าได้     ก่อนหน้านี้ ทางทีมนักโบราณคดี เคยออกสำรวจเมืองมเหนทรบรรพต ในแถบภูเขาพนมกุเลนมาแล้วเมื่อปี 2012 ปรากฏว่ามันเป็นแค่การพบเพียงเศษเสี้ยวของเมืองเท่านั้นเอง โดยการออกสำรวจตามหาข้อมูลเมืองโบราณแห่งนี้ ทางทีมนักโบราณคดี ได้ใช้เทคโนโลยีการสแกนด้วยเลเซอร์ทางอากาศ ที่เรียกว่า Lidar จากนั้นก็ได้นำมาติดตั้งบนเฮลิคอปเตอร์ แล้วนำออกบินสแกนทั่วพื้นที่เหนือภูเขาพนมกุเลน และนั่นก็ได้ทำให้พวกเขาสามารถสรุปได้แน่ชัดแล้วว่า เมืองมเหนทรบรรพตแห่งนี้ ความจริงแล้วมีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ไพศาลมากกว่าที่เคยคิดไว้ในครั้งแรกมากๆ เลยทีเดียว   .…

เอาเป็นว่างานนี้พ่อบ้านใจกล้าของเรามีงอกจริงอะไรจริงแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ แม่บ้านคนไหนสนใจก็สามารถนำเทคนิคนี้ไปใช้ได้เช่นกันนะจ๊ะ อิอิ โชคดีจริงๆ ที่ #จ่าสิบเหมียว ไม่มีแม่บ้านกะเค้าเนี่ย ไม่งั้นตายๆๆๆๆ -*- สำหรับเรื่องราวนี้เป็นของ Janey สาวจาก Durham ประเทศอังกฤษ และแฟนหนุ่มของเธอ Ross ที่คบกันมากว่า 5 ปีแล้ว และตลอด 5 ปีมานี้ Janey ก็ได้ทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างที่เธอต้องการโดยให้แฟนหนุ่มซื้อให้ แต่ถ้าเขาไม่ยอมล่ะ!!? ‘ฉันก็แค่ไม่ให้เขามีเซ็กส์ด้วย ก็แค่นั้นแหละ’ เธอกล่าว…   Janey โชว์ของหรูหราต่างๆ ที่ Ross แฟนหนุ่มซื้อให้มาตลอด 5 ปี   ‘ในที่สุดเขาก็เรียนรู้ว่าเขาไม่มีสิทธิพูดคำว่า ‘ไม่’ กับฉัน ซึ่งถ้าเค้าทำแบบนั้นล่ะก็ ฉันก็แค่ไม่ให้เขาทำกิจกรรมบนเตียง อาจเป็นเวลาอาทิตย์สองอาทิตย์ ซึ่งฉันก็มีความสุขดี’ เธอกล่าวต่อ   ‘บอกตามตรงว่าสาวๆ ไม่รู้หรอกว่าพลังแห่งจิ๊มิ๊ของพวกเธอนั้น สามารถสยบเหล่าผู้ชายได้ขนาดไหน!!?’ Janey กล่าว   จะว่าไปก็ดูเหมือนจะจริงนะเนี่ย เพราะเธอมีรองเท้าแบรนด์เนมหรูๆ กว่า…

เชื่อว่าทุกคนต้องเคยมีความรู้เวลาเห็นข้าวของบางอย่าง แล้วรู้สึกว่ามันช่าง “น่ากิน” เหลือเกินทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ของกิน (#เหมียวอ๊อดโด้ รู้สึกบ่อยมากกับยางลบ โดยเฉพาะอันที่หอมๆ -.-) ถ้าท่านเคยรู้สึกแบบนั้นล่ะก็ ลองไปชมงานศิลปะของศิลปิน Kristina Lechner ที่เปลี่ยน “ข้าวของภายบ้าน” ให้กลายเป็น “อาหาร” สุดน่าทาน ที่เห็นแล้วหิวท้องร้องจ๊อกๆ เลยทีเดียว ว่าแล้วก็ไปชมกันเลย!!   พาสต้าอร่อยๆ   เบอร์เกอร์ฟองน้ำ   แซนวิชถุงมือ   มาการองฝาเบียร์   ฟอง(น้ำ)เบียร์   ซูชิยางลบ   เฟรนฟรายไม้ขีด   ป็อบคอร์นกระดาษ   เค้กผ้า   โอรีโอ้   พายฝาเบียร์   ขนมปังฟองน้ำ   ลูกแพรหลอดไฟ   ซูชิฟองน้ำ   เนื้อพรม   กะหล่ำสำลี   มาชเมลโล่ฟองน้ำล้างจาน   โดริโทสกันกระแทก…

เด็กที่อยู่ในวัยกำลังซน เรียกได้ว่าเป็นวัยที่เริ่มอยากรู้อยากเห็น และอยากลองอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ ดังนั้นคนที่เป็นพ่อแม่ก็จะต้องคอยสอดส่องดูแลอยู่ไม่ห่าง ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกับเรื่องราวที่เราจะนำมาเสนอในวันนี้ก็เป็นได้ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2559 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้เผยภาพน่ารักๆ ของแก๊งจิ๋วไซส์มินิ ที่ประกอบด้วยเด็กหญิงวัยเพียง 2 ขวบ พร้อมกับน้องชายฝาแฝดวัย 1 ขวบ ที่นุ่งแค่ผ้าอ้อมพากันเดินออกไปสำรวจโลกกว้างริมถนนอย่างชิวๆ โดยไม่มีผู้ปกครองคอยดูแลเลย   โอ้ววว น่าเป็นห่วงจริงๆ   จากการรายงานระบุว่า แก๊งสุดซ่าส์ตัวน้อยเหล่านี้ อาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน โดยฝ่ายพี่สาววัย 2 ขวบ ได้พาน้องๆ ฝาแฝดของเธอหนีออกจากบ้าน แล้วเดินลัดไปตามซอกตึกริมถนน     แต่โชคดีที่เด็กน้อยเหล่านี้ เดินออกมาได้ไม่ไกลนัก พวกเขาก็ได้พากันแวะที่ร้านขายของชำแถวบ้านเสียก่อน จนกระทั่งเจ้าของร้านเดินออกมาเห็น… ด้วยความน่ารักน่าเอ็นดูของ 3 แสบ ทางเจ้าของร้านผู้ใจดี ก็เลยมอบอมยิ้มให้คนละอัน พร้อมกับรีบโทรแจ้งตำรวจ โดยได้เผยว่า เด็กๆ เหล่านี้พากันเดินเตาะแตะเหมือนกลุ่มเพนกวินตัวน้อยไม่มีผิด   .   ทันทีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง พวกเขาก็ได้พาเด็กๆ…

กลายเป็นเทรนด์ยอดนิยมเลยทีเดียว สำหรับการนำภาพเก่าๆ มาถ่ายใหม่อีกครั้ง โดยใช้สถานที่เดิมๆ กับคนเดิมๆ ที่เปลี่ยนไปมีเพียงอายุที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมภาพถ่ายสุดเจ๋งของวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่นำภาพที่เคยถ่ายเมื่อ 19 ปีก่อนมาถ่ายอีกครั้ง โดยใช้สถานที่เดิม….   หญิงสาวในภาพคือ Deng Youdi นักศึกษาจบใหม่จากมหาวิทยาลัยการเกษตรเสฉวน เธอเล่าว่าเธอเคยมาเที่ยวที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เมื่อ 19 ปีก่อนกับครอบครัว และได้ถ่ายภาพกลับไปเป็นที่ระลึก   ตอนนี้เธอเรียบจบจากที่นี่แล้ว และเธอรู้สึกว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้ มีความทรงจำของเธออยู่มากมาย เธอจึงตัดสินใจนำภาพเก่าๆ มาถ่ายใหม่อีกครั้ง   ลองไปชมภาพของเธอกันเลยดีกว่า   ถ่ายคู่กับพี่สาว..เอ๊ะหรือว่าแม่กันแน่   ดูๆ แล้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็เปลี่ยนไปจากเมื่อ 19 ปีก่อนพอสมควรเลยนะเนี่ย . . . . .   น่ารักไปเลยเนอะเพื่อนๆ ใครจะเอาไอเดียนี้ไปถ่ายบ้างก็ไม่ว่ากันนะฮะ ว่าแล้ว #เหมียวอ๊อดโด้ ลองไปค้นภาพเก่าๆ ที่บ้านมั่งดีกว่า เผื่อจะเอามาทำโปรเจคเจ๋งๆ แบบนี้ได้ อิอิ ที่มา Shanghaiist

เพื่อนๆ เคยจินตนาการกันบ้างรึเปล่าว่า?? เหล่าตัวการ์ตูนที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยคนวาดแล้วค่อนข้างจะผิดแปลกจากกายวิภาคของมนุษย์นั้น จะมีโครงกระดูกอยู่ในสภาพไหน?? วันนี้เราก็เลยมีผลงานของศิลปิน Michael Paulus มาฝากกัน โดยเขาวิเคราะห์กระดูกของเหล่าตัวการ์ตูนชื่อดังหลายๆ ตัว แล้วพยายามวาดออกมาให้ถูกตามหลักการของกายวิภาคที่สุดล่ะ มาดูกันเลยว่ากระดูกจะแปลกไปจากของจริงมากมายขนาดไหน!!?   Pikachu   Tweety   Betty Boop   Moomintroll   Blossom   Dexter   Charlie   Snoopy   Shmoo   Bubbles   Mad Scientist   Fred Flintstone   Baby Huey   Marvin   Lucy   Barney   Thingumy และ Bob   Linus   Little My…

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2559 ทางเว็บไซต์ Metro ได้เผยเรื่องราวน่ารักๆ ปนฮาจาก Amanda หญิงสาวผู้ที่ได้ทำการแชร์ภาพของบรรดาแมวเหมียว 4 ตัวลงในเว็บไซต์ Tumblr Amanda ต้องมารับหน้าที่เป็นทาสแมวชั่วคราว หลังจากที่เพื่อนของเธอไม่อยู่บ้าน และได้นำบรรดาแมวๆ มาให้เธอดูแลแทนถึง 4 ตัว พร้อมกับเขียนโน้ตบรรยายนิสัย และลักษณะของแมวแต่ละตัวแบบน่ารักๆ อีกด้วย     และนี่คือคำอธิบายที่เธอได้เขียนไว้….ฝากแมวหนูด้วย ช่วยดูแลน้องเขาที หากน้องทำตัวไม่ดี พี่อย่าเพิ่งใจร้อนนนนน เอ้ยย ม่ายยช่ายยยยย   เริ่มจากเจ้า Samson มันเป็นแมวที่หล่อที่สุดที่คุณเคยเห็น เหมือนออกมาจากการ์ตูนดิสนี่ย์เลยละ   ส่วนนี่คือ Dobby แมวเหมียวขนสีดำ ที่ดูเหมือนไม่ใช่แมว แต่ความจริงแล้วมันก็คือแมวนั่นแหละ   ตามมาติดๆ กับ Dixie แมวที่มักจะร้องเสียงแหลมม๊ากมากกกกก   และตัวสุดท้าย เจ้า Wilson แมวตัวอ้วนที่หน้าเหมือน Tony Soprano เจ้าพ่อผู้โด่งดังจากละคร…

ในช่วงวันสองวันที่ผ่านมา ข่าวการก่อเหตุกราดยิงในไนท์คลับแห่งหนึ่งในเมืองโอแลนโด้ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลกด้วยจำนวนผู้เสียชีวิต 49 ราย และบาดเจ็บอีก 50 ราย แต่รู้หรือไม่ ในบรรดาผู้เสียชีวิตทั้ง 49 ราย หนึ่งในนั้นเป็นคู่รักที่กำลังวางแผนที่จะแต่งงานกัน แต่สุดท้ายแล้วมันกลับเป็นเพียงแค่ฝัน เพราะทั้งสองต้องจากโลกนี้ไป….     เรื่องราวอันน่าเศร้าเป็นของคู่รัก Juan Ramon Guerrero วัย 23 ปี และ Christopher “Drew” Leinonen วัย 32 ปี ทั้งสอบคบหาดูใจและอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลากว่า 2 ปี แล้ว และกำลังวางแผนที่จะกลายเป็น “ครอบครัว” ในอนาคตอันใกล้     ครอบครัว Guerrero ไม่เคยมีปัญหากับเรื่องที่ลูกชายของพวกเขาเป็นเกย์ พวกเขายอมรับและเข้าใจที่สิ่งที่ลูกชายของเขาเลือก Aryam Guerrero พี่สาวของ Juan กล่าวว่า “พวกเขารักกันมาก พวกเขาเป็นเหมือนคู่แท้ ถ้าคุณเคยเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกัน คุณจะบอกได้ทันทีเลยล่ะว่าเขารักกันแค่ไหน บางทีฉันคิดว่า มันอาจจะดีแล้ว ที่พวกเขาจากไปพร้อมๆ กัน มันไม่ใช่งานศพ แต่มันคืองานแต่งงานต่างหาก”   นี่คือรูปของทั้งสอง…

หลายๆ คนอาจจะเคยประสบพบเจอกับปัญหาบ้านถูกน้ำท่วมกันมาบ้างแล้ว ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นเรื่องภัยธรรมชาติที่เราหนีไม่พ้น และจะต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้จริงๆ และวันที่ 12 มิถุนายน 2559 ทางสำนักข่าว Dailymail ได้เผยว่า ในเดือนที่ผ่านมาชุมชนที่อยู่ใกล้กับแม่น้ำ Brazos ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมอย่างหนัก เนื่องจากเกิดฝนตกติดต่อกันหลายวัน จึงทำให้ผู้คนต้องอพยพออกจากแหล่งที่อยู่อาศัย     แต่ทว่า ณ บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านโรชารอน ในรัฐเทกซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ดูเหมือนจะไม่เดือดร้อนกับปัญหาน้ำท่วมสักเท่าไหร่ ในขณะที่เพื่อนบ้านละแวกเดียวกันกลับต้องมาเจอกับปัญหาน้ำท่วม ที่มีระดับน้ำสูงกว่า 70 เซนติเมตร และนี่คือ Randy Wagner ชายผู้ที่ได้ตัดสินใจซื้อท่อกันน้ำไซส์ยักษ์ ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาจากพลาสติก และผ้า โดยมีขนาด 120 เมตร สูง 75 เซนติเมตร มาจากเว็บไซต์ AQuadam เพื่อที่จะเอาไว้ใช้ป้องกันภัยเวลาน้ำท่วม     ซึ่งหลังจากที่เขาได้ซื้อเจ้าท่อกันน้ำมา Randy ต้องใช้เวลาในการเติมน้ำเข้าไปหลายชั่วโมงเลยทีเดียว เนื่องจากท่อดังกล่าวมีขนาดใหญ่มากนั่นเอง การทำงานของมันคือจะมีน้ำอยู่ภายใน ช่วยรับแรงกดดันของน้ำที่อยู่ภายนอก ขณะที่วัสดุอย่างพอลิโพรไพลีน ก็ทำให้มันสามารถคงรูปสนิทกับพื้นดินรอบบ้าน โดยไม่มีน้ำซึมเข้ามา     เมื่อถึงคราวที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาน้ำท่วมของจริง…

เราเชื่อว่าทุกคนเคยมีเดทครั้งแรก ซึ่งในตอนนั้นคุณจำได้หรือไม่ว่าเดทครั้งแรกของคุณเป็นอย่างไร แน่นอนว่ามันจะต้องสร้างความประทับใจให้กับคุณมากๆ เลยใช่ไหมละ ก็แน่สิ…เพราะมันได้อยู่กับคนที่เราชอบนี่นา ก็เหมือนกับ Freddie Gibson หนุ่มน้อยวัยเพียง 5 ขวบ จากเมืองไครส์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ คนนี้ เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่าเขาเคยออกเดทมาแล้วนะ แถมคนที่ออกเดทด้วยก็คือสาวน้อยแสนน่ารักนามว่า Dee Dee ผู้ที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขานั่นเอง     ก่อนหน้านี้ Freddie ไม่เคยรู้มาก่อนเลยด้วยซ้ำว่าการออกเดทคืออะไร แต่หลังจากที่เขาได้ไปถามแม่ และได้รู้ความหมายของคำๆ นี้ Freddie ก็ตั้งใจว่าจะต้องชวนเพื่อนสาวของเขาออกเดทให้ได้ และนั่นจึงทำให้เขาได้ส่งข้อความไปชวนเธอว่า เราจะไปเดทกัน ถ้าเธออายุครบ 5 ขวบนะ     หลังจากนั้น Freddie ก็เริ่มวางแผนเก็บเงินที่ได้มาในตอนวันเกิดของตัวเองไว้เป็นอย่างดี จนในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึงแล้วววววว สำหรับเดทครั้งแรกของสองหนูน้อย ได้รับความช่วยเหลือจากคุณแม่ของพวกเขาเป็นอย่างดี โดยทางคุณแม่ก็ได้พาทั้งคู่ไปที่ร้านพิซซ่า ซึ่งเป็นร้านที่ Freddie และ Dee Dee โปรดปรานเป็นอย่างมาก     ส่วนคุณแม่ของ Freddie ก็คอยให้คำแนะนำลูกชายอยู่ตลอดเวลา…

หนึ่งในอุปกรณ์สำคัญของการเรียนการสอนนั้น หลายๆ คนก็คงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าคือกระดานนั่นเอง และหลายๆ ครั้ง คุณครูก็ต้องวาดภาพประกอบการเรียนการสอนด้วย เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้นของเหล่านักเรียนตัวน้อย ล่าสุดคุณครูที่เป็นผู้ใช้ Imgur รายหนึ่งก็ได้โพสต์ภาพที่เขาใช้วาดเพื่อเป็นสื่อการสอนให้กับนักเรียนของเขา ‘ทุกๆ วัน ผมใช้เวลา 5-10 นาทีเพื่อวาดภาพก่อนเริ่มคลาส บางครั้งก็เป็นสื่อการสอน บางครั้งก็เป็นงานศิลป์อาร์ทๆ และบางครั้งก็เป็นการทิ้งท้ายให้เหล่านักเรีนได้คิดอะไรดีๆ’ เขาเขียนอธิบายไว้ในโพสต์   หลักๆ แล้วเขาต้องการให้เหล่านักเรียนเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดใส และที่สำคัญเพื่อที่จะได้เห็นรอยยิ้มของพวกเขา   สำหรับภาพนี้น่าจะเป็นความติสต์ของเขามากกว่า   ปลูกปัญญาให้กับนักเรียน .   ทุกๆ สิ่งย่อมเกิดขึ้นและเสื่อมไปในที่สุด แต่สุดท้ายแล้วเราก็เป็นเพียงสิ่งเล็กๆ เท่านั้น   แต่เรื่องเล็กๆ บางครั้งก็ยิ่งใหญ่ได้ .   บินไปซะเลย -*- . .   แหม๊ เป็นแฟนสตาร์ วอร์สซะด้วย สงสัยพึ่งดูมา ฮ่าๆๆ .   เรียนเกี่ยวกับอียิปต์รึเปล่า!?   เรียนเรื่องเกี่ยวกับสิทธิสตรีแน่นอน   สื่อการสอนวิชาประวัติศาสตร์    …

ประเทศออสเตรเลีย เรียกได้ว่านอกจากจะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายแล้ว ในเรื่องของวัฒนธรรม รวมไปถึงอาหารการกินของประเทศนี้ ก็มีความน่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะที่ “ซิดนีย์” ในวันนี้เหมียวขี้อ้อน ไปเจอข้อมูลแนะนำร้านอร่อยๆจากเมืองนี้ บอกเลยว่ามีทั้งของคาว และของหวานสไตล์ออสซี ที่แสนน่ากินทั้งนั้นเลย งานนี้ใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวประเทศออสเตรเลีย โดยเฉพาะซิดนีย์ ห้ามพลาดเด็ดขาด!!   1.The Local Mbassy   ถ้าอยากทานอาการเช้าแสนอร่อย ในซิดนีย์ ร้านแรกที่คุณไม่ควรพลาดเลยก็คือ The Local Mbassy ซึ่งเป็นร้านเล็กๆ ที่มาพร้อมกับเบเกอร์รี่แสนอร่อยมากมาย ทั้งแพนเค้กสตรอว์เบอร์รี่เนื้อนุ่ม มัฟฟิน รวมไปถึงโครนัทเคลือบน้ำตาลแสนอร่อย   แถมยังมีเบอร์เกอร์รี่แสนอร่อยอีกมากมาย ให้คุณได้ลองลิ้มรสกันอีกด้วย   2.Devon Cafe   อีกหนึ่งร้านอาหารเช้าที่เราอยากจะแวะไปก็คือ ร้าน Devon Cafe เป็นร้านอาหารเช้าที่มีเมนูอร่อยๆ ให้เลือกทานเยอะมากเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Fluffy French Toast, โครนัท ที่ทางร้านทำเองกับมือ และถ้าหากใครที่ไปเช้าๆ แน่นอนว่าคุณจะได้เห็นวิธีทำโครนัทแสนอร่อยทุกขั้นตอนเลยละ   โครนัททอดกรอบจาก Devon Cafe เพิ่มท้อปปิ้งด้วยป๊อปคอร์นหอมๆ แถมราดด้วยคาราเมลฉ่ำๆ…

ใครๆ ก็รู้ว่า ชาวญี่ปุ่นถือว่าเป็นชนชาติที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการทำสิ่งต่างๆ อย่างมาก ต่อให้ข้าวของธรรมดาแค่ไหน หากไปตกอยู่ในมือของพวกเขาแล้วละก็ มันจะต้องกลายเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาขึ้นมาทันที อย่างเช่น เจ้าของร้านทำขนมปังในโตเกียวคนนี้ เขาได้ใช้เทคนิคพิเศษส่วนตัว ซึ่งคล้ายกับการทำซูชิโรล โดยออกแบบอย่างพิถีพิถัน ทำให้ด้านในของขนมปังมีลวดลายแสนน่ารักปรากฎขึ้นมา รับรองว่าเห็นแล้วจะไม่กล้ากินอย่างแน่นอน ไม่เชื่อลองไปชมกันเลย!   ริลัคคุมะก็มา   คุณวัวน่ารักมาก   ชาร์ลี บราวน์ก็มีนะ   มีชาร์ลี บราวน์แล้ว จะไม่มีสนูปปี้ได้ยังไง   โตโตโร่ก็มีนะ   ลองไปชมผลงานอื่นๆ ของเขากันดีกว่า   และลวดลายอื่นๆ อีกเพียบ…. . . . . . .   สำหรับคนที่อยากรู้วิธีทำ เจ้าตัวก็ไม่ได้เปิดเผยออกมา (คงจะเป็นเอกลักษณ์ของร้าน ถ้าทุกคนรู้ก็จะทำตามกัน แบบนี้ก็เสียลูกค้าสิเนอะ) ใครชื่นชอบผลงานของเขา ก็ไปกดติดตามได้ที่ไอจี @konel_bread นะฮะ รับรองว่าขนมปังน่ารักๆ ให้ชมอีกเพียบแน่นอน ที่มา Rocketnews24

เค้าว่ากันว่า การจะมาเป็นคู่รักกันได้เป็นสิ่งที่โชคชะตากำหนดเอาไว้แล้ว ลองนึกภาพคนสองคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จะมาตกลงปลงใจอยู่ด้วยกันได้อย่างไร หากไม่ใช่โชคชะตานำพามา และบางครั้ง โชคชะตาก็เคยเกริ่นนำเอาไว้แล้ว ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นที่ประเทศจีน เมื่อ Wang Ming อดีตทหารหนุ่มวัย 25 ปี ได้รู้จักกับ Zhu Haiyan พนักงานคลีนิกทันตกรรมสาวแสนสวย ทันทีที่ทั้งสองได้พบ ก็รู้สึกสปาร์ค จึงตัดสินใจคบกันมาเรื่อยๆ จนวันนึงพวกเขาก็วางแผนที่แต่งงานกัน     ในช่วงที่กำลังเตรียมงานแต่งงาน พวกเขาได้ช่วยกันเลือกรูปว่าจะใช้รูปไหนในงานแต่งงานบ้าง ขณะที่กำลังเปิดๆ ดูอัลบั้มเก่าๆ อยู่นั้น สายตาของ Wang Ming ก็เหลือบไปเห็นรูปๆ นึงที่ถ่ายเมื่อหลายสิบปีก่อน ในภาพมีเด็กชายคนหนึ่งหน้าตาเหมือนเขาตอนเด็กๆ เดี๊ยะ “ขณะที่กำลังเปิดอัลบั้มภาพเก่าๆ สายตาผมก็เหลือบไปเห็นภาพใบหนึ่งในนั้น ผมรู้สึกว่า เด็กในภาพหน้าตาคล้ายผมจังเลย” Wang กล่าว   เมื่อลองเช็คไปเช็คมา ปรากฎว่าเป็นรูปของเขาจริงๆ ซึ่งในภาพเขากำลังจะข้ามถนนพร้อมๆ กับคนรักคนปัจจุบันของเขา กลายเป็นว่าพวกเขาเคยเจอกันมาแล้ว ตั้งแต่เมื่อ 20 ปีก่อน!! ตอนนี้ ภาพดังกล่าวได้กลายเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า ที่จริงแล้วความรักของพวกเขาเริ่มต้นก่อนที่เขาจะพบกันเมื่อ 5 ปีก่อนเสียอีก…

เพื่อนๆ ลองคิดดูสิว่า วันใดวันหนึ่งหากเราได้ช่วยชีวิตของน้องหมาไม่ว่าจะจากเหตุการณ์ใดๆ ก็ตาม เหมียวขี้อ้อนเชื่อว่าทุกคนจะต้องรู้สึกตื้นตันใจ ที่ครั้งหนึ่งเราได้ช่วยเหลือชีวิตน้อยๆ ถึง 1 ชีวิตแน่นอน ถ้าอย่างนั้นนายอำเภอ Troy Nehls ก็คงจะรู้สึกแบบนั้นเช่นกัน เพราะเขาพร้อมกับนักข่าวจาก KPRC และนักข่าว NBC ได้ช่วยเหลือชีวิตน้องหมาตัวหนึ่งให้รอดพ้นจากเหตุการณ์น้ำท่วม ที่รัฐเทกซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ยังไงละเหมียว โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เมืองฮูสตัน ในรัฐเทกซัส ต้องเผชิญกับเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ จึงทำให้บ้านเรือนบริเวณใกล้เคียงได้รับผลกระทบตาม และที่สำคัญมันยังเดือดร้อนไปถึงสัตว์ 4 ขาอย่างน้องหมาด้วยนะ     เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2559 ทางเว็บไซต์ Huffingtonpost มีรายงานว่า น้องหมาผู้โชคร้ายตัวนี้มีชื่อว่า Archer มันเป็นสุนัขพันธุ์ผสมบอร์เดอร์ คอลลี่ วัย 2 ขวบ ที่ถูกล่ามโซ่ทิ้งไว้ในบ้านระหว่างเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม โถๆๆ น่าสงสารจัง     แต่ในความโชคร้าย ยังมีความโชคดีอยู่ เพราะเมื่อนายอำเภอ พร้อมกับนักข่าวได้เห็นเข้า พวกเขาจึงรีบเข้าช่วยเหลือ…

เชื่อว่่าตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ Omar Mateen ชายสุดเหี้ยม ที่ก่อเหตุกราดยิงในคลับแห่งหนึ่งในเมืองโอแลนโด้ รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 50 ราย และบาดเจ็บอีก 50 ราย ล่าสุดทางกรมตำรวจอนุญาตให้สำนักข่าวเดลีเมล์ เข้าไปถ่าย “บ้าน” ของนาย Omar Mateen ออกมา หลายคนอาจอยากเห็นว่าภาพ ภายในบ้านของฆาตกรโหด จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร และเหมือนกับคนทั่วไปหรือไม่   นาย Omar Mateen อาศัยอยู่ที่ห้อง 107 ของ Woodland Condominium ในเมือง  Fort Pierce นับตั้งแต่เขาหย่ากับภรรยาคนแรก .   นี่คือห้องนั่งเล่นของเขา ดูธรรมดาไม่ต่างอะไรจากบ้านทั่วๆ ไป   ห้องนอนใหญ่ค่อนข้างรก มีผ้าคลุมเตียงสีแดง พร้อมกับลูกโป่งและขวดน้ำหอม   ห้องนอนลูกชายของ Mateen ตกแต่งด้วยธีมสตาร์วอร์ และมีกระเป๋านินจาเต่าวางไว้   ห้องครัว   บริเวณตู้เย็นมีภาพของลูกชายติดอยู่เต็มไปหมด   ห้องนั่งเล่นมีดาบอะไรซักอย่างวางอยู่   มุมออกกำลังกาย…

ในปัจจุบัน หลายๆ ประเทศเริ่มมีการยกเลิกตู้ส่งจดหมายกันบ้างแล้ว เนื่องจากความนิยมที่ตกลงไปของจดหมาย หลังการเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างโซเชียลเน็ตเวิร์ค หรือ อีเมลล์ แต่สำหรับประเทศญี่ปุ่นแล้ว พวกเขายังมีค่านิยมในการส่งโปสการ์ดให้กันในช่วงวันสำคัญๆ อยู่ ทำให้ตู้ส่งจดหมาย ถูกใช้งานอยู่เสมอ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม ตู้จดหมายเก๋ๆ ที่หาจากไหนไม่ได้ นอกจากประเทศญี่ปุ่น จะน่ารัก จะเจ๋งขนาดไหน ไปชมกันเลย!   น่ารักมั้ยละ   อันนี้แอบน่ากลัวนะเนี่ย   เพนกวิ้นก็มา   จิงโจ้ก็มี .   แบบนี้ก็ล้ำไปอีกแบบ   แบบหวานแหว๋วก็มี .   อย่างกะวิญญาณญี่ปุ่น .   ลองไปชมภาพอื่นๆ กันเลย . . . . . . . . . .   เห็นแล้วนึกถึงสมัยที่ต้องส่งจดหมายหากันจังเลย เทคโนโลยีปัจจุบันทำให้ทุกอย่างรวดเร็วก็จริง…

เค้าว่ากันว่า ถ้าเป็นเรื่องของความรัก ต่อให้มีอุปสรรคมากมายขนาดไหน ก็ต้องอย่ายอมแพ้ สู้ต่อไปเพื่อให้ได้ความรักนั้นมา แต่สำหรับชายหนุ่มคนนี้แล้ว ดูเหมือนว่าความรักของเขา กลับเป็นสิ่งที่เขาไม่ควรต่อสู้แม้แต่น้อย เพราะคนที่เขารักคือแม่แท้ๆ ของเขาเอง!!     เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ 18 ปีก่อน Rose Bestall เด็กสาววัย 15 ปี ได้ให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่งขึ้นมา ซึ่งหลังจากนั้น เธอก็พยายามเต็มที่ที่จะดูแลเขาในฐานะแม่ แต่ด้วยความไม่พร้อม เธอถูกบังคับให้ส่งเด็กให้กับสถานรับเลี้ยงตอนที่เขาอายุ 5 ขวบ เพื่อหาผู้ที่จะรับเป็นบุตรบุญธรรมต่อไป     ตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ต้องแยกจากกัน Rose พยายามสืบหาว่า ลูกชายของเธอไปอยู่ที่ไหน และมีชีวิตอยู่อย่างไร แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ เธอพบว่า Shane ลูกชายของเธอได้แกะรอยมาทางเฟสบุ๊ค และสามารถติดต่อเธอได้ในที่สุด ตอนนั้นเธอดีใจมากที่จะได้เจอลูกชายอีกครั้ง แต่ทันทีที่พวกเขาได้เจอกัน Shane กลับสารภาพว่า เขา “ตกหลุมรัก” แม่แท้ๆ ของตัวเอง “เขาสารภาพกับฉันตรงๆ ฉันรู้ว่าความรู้สึกที่เขามีนั้นไม่เหมาะสม แต่ฉันตามหาเขามานานและฉันก็ไม่อยากผลักไสเขาไปไหนอีก ฉันบอกเขาว่าฉันรักเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ในฐานะแม่เท่านั้น ความสัมพันธ์ของเราจะไม่มีวันเป็นอย่างอื่นไปได้” “โชคดีที่เขาเข้าใจ และพยายามทำความสัมพันธ์ให้เป็นปกติที่สุด”…

ใครบอกว่าการถ่ายภาพคู่รักแบบเก๋ๆ เป็นเรื่องของหนุ่มสาวเท่านั้น คงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้วล่ะ โดยเฉพาะหลังจากได้เห็นภาพคู่สุดน่ารักจากคู่รักวัยดึกชาวจีนคู่นี้ รับรองว่าจะต้องอิจฉาในความน่ารักของพวกเขาแน่นอน ภาพชุดดังกล่าวเป็นของคู่รักวัย 95 ปีคู่หนึ่งที่ไม่ประสงค์ออกนาม โดยการถ่ายภาพครั้งนี้ถือว่าเป็นการฉลองครบรอบแต่งงาน 64 ปีของพวกเขา ซึ่งการถ่ายภาพทั้งหมดจะมีโลเคชั่นอยู่ในมณฑลเหอเป่ย .   ไปออกกำลังกายกันเถอะ!!   ฮิปสเตอร์ก็มา   น่าร๊ากกกก . ด้วยความน่ารักของคุณตาคุณยายทั้งสอง ทำให้มีการนำภาพของพวกเขาทั้งสองขึ้นจอ LCD ขนาดใหญ่ในเมือง .   ห็นแบบนี้แล้ว ขอให้อายุมั่นขวัญยืน อยู่กันอีก 50 ปีเลยนะฮะ อิอิ <3 ที่มา CCTV

เชื่อว่าที่บ้านหลายๆ คนต้องมีเครื่องตัดหญ้าหรือเครื่องมือที่สามารถหมุนด้วยความเร็วสูง อย่างเช่นเครื่องเจียเหล็กอยู่ใช่มั้ยล่ะ ซึ่งเรามักได้ยินว่าควรใส่แว่นนิรภัยทุกครั้งขณะใช้งานเพื่อความปลอดภัย แต่หลายคนอาจมองข้ามไป เพราะคิดว่า “คงไม่เป็นไรหรอก” แต่วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมภาพสุดเสียวของผู้งานจากเว็บบอร์ดชื่อดังของฝรั่งอย่าง Reddit ที่จะทำให้เพื่อนๆ รู้ว่า เราควรสวมแว่นนิรภัยทุกครั้ง ก่อนใช้เครื่องไม้เครื่องมือช่างต่างๆ ลองไปชมกันเลยดีกว่า!!   เรื่องราวดังกล่าวเป็นของสมาชิกเว็บไซต์ Reddit ที่ชื่อว่ austaul เขาได้นำภาพของชายคนหนึ่งที่รอดพ้นอาการบาดเจ็บไปได้อย่างหวุดหวิด หลังจากเศษเครื่องมือกระเด็นใส่ดวงตาเขา โชคดีที่เขาสวมแว่นตานิรภัยเอาไว้ จึงไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด   อื้อหือ สยองสุดๆ จริงๆ ลองไปชมความเห็นของชาว Reddit กันดูดีกว่า   “ชิ_หายแล้ว จากนี้ไปจะไม่ใช้เครื่องบัดกรีโดยไม่สวมแว่นอีกละ อันตรายจริงๆ เลย”   “ที่บ้านก็มีเครื่องเจียเหล็กเหมือนกัน จากนี้ไปจะไม่ใช้โดยไม่สวมแว่นนิรภัยโดยเด็ดขาด”   “ไม่ตลกนะเนี่ย จะบอกว่าไม่ใช่เพราะความโชคดี แต่เป็นเพราะความฉลาดของเขาต่างหาก” .   เห็นแบบนี้แล้ว ถ้าจะใช้เครื่องมือประเภทที่เป็นใบมีด อย่าลืมใส่แว่นนิรภัยและอุปกรณ์เบื้องต้นทุกครั้งนะฮะ เกิดอะไรขึ้นมา มันจะไม่คุ้มกับสิ่งที่ต้องเสียไป หรือถ้าใครยังไม่รู้จะซื้อแว่นนิรภัยรุ่นไหนดี #เหมียวอ๊อดโด้ ขอแนะนำ แว่นนิรภัยยี่ห้อ…

ก็ผ่านมาเกือบๆ 40 ปีแล้วสำหรับเหตุการณ์สงครามในประเทศเวียดนาม Kendra Rennick ช่างภาพสาวที่มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวของเหล่าทหารที่เคยไปรบในสงครามครั้งนั้นได้ไปพบชุดภาพเก่าที่ถูกถ่ายไว้ในสมัยนั้นเข้าให้ ซึ่งม้วนฟิล์มนี้ถูกถ่ายไว้โดยพ่อผู้เสียชีวิตของเพื่อนสนิทของเธอ เขาได้ถ่ายไว้ในช่วงที่ได้ไปรบในสงคราม และนี่ก็คือชุดภาพถ่ายของเหล่าทหารจากสงครามเวียดนามที่เรียกได้ว่าแทบจะไม่เคยถูกเปิดเผยที่ไหนมาก่อนเลยทีเดียว   ภาพถ่ายชุดนี้ตั้งใจจะเข้าไปรวมอยู่ใน Vietnam Slide Project ที่จะแชร์เรื่องราวต่างๆ ของเหล่าทหารที่ไปรบในสงคราม   ภาพเหล่านี้ถูกเก็บอยู่ในห้องใต้หลังคาของบ้านเพื่อนเธอมานานแสนนานและแทบไม่มีใครเคยที่จะแตะต้องมันเลย…   หลังจากที่พบ Rennick ก็ได้ติดต่อไปยังทาง Vietnam Veterans of America หรือองค์การทหารผ่านศึกเวียดนามแห่งสหรัฐอเมริกา   ทำให้เรื่องราวของผู้คนในภาพถูกนำไปเผยแพร่ให้กับบรรดาสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา (เหล่าทหารที่ไปรบในตอนนั้น) ได้ดูกัน   มีทหารผ่านศึกที่เคยอยู่ในภาพส่งจดหมายมาถึงเธอเพื่อขอบคุณหลังจากที่ได้เห็นภาพเหล่านี้ด้วย . .   โดย Rennick ตั้งเป้าไว้ว่าจะเผยแพร่ภาพเหล่านี้ เพื่อระดมเงินเป็นกองทุนสำหรับช่วยเหลือทหารผ่านศึกเวียดนามสูงอายุล่ะ   รูปภาพเหล่านี้แสดงความเป็นจริงเหมือนเหรียญทั้งสองด้าน เกี่ยวกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นของสงคราม   และเวลาชิลๆ ที่พวกเขาทำการพักผ่อนกัน . . .   “รูปภาพเหล่านี้ทำให้เราเข้าใจตัวตนของเหล่าทหาร และมุมมองในอีกด้านของชีวิตที่หาได้ไม่ง่ายเลย…” #จ่าสิบเหมียว   ที่มา: BusinessInsider

ถ้าใครเคยดูหนังคาวบอย จะต้องเคยเห็นภาพพระเอกขี่ม้าตัวเก่ง ไล่จับผู้ร้ายด้วยการขว้างบ่วงเชือกไปคล้องไว้ จนตัวร้ายหนีไปไหนไม่ได้ แต่เชื่อหรือไม่ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มีคาวบอยคนหนึ่งช่วยจับโจรขโมยจักรยาน ด้วยวิธีการเหมือนในหนังเด๊ะ!! เรื่องราวเกิดขึ้นที่หน้าห้างวอลมาร์ทแห่งหนึ่ง ในรัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อโจรหนุ่ม Victorino Arellano-Sanchez วัย 23 ปีตัดสินใจขโมยจักรยานเสือภูเขาของผู้หญิงคนหนึ่งที่จอดอยู่หน้าห้าง     โชคดีจังหวะที่โจรคนนี้กำลังจะควบจักรยานหนีไป Robert Borba อดีตนักแสดงบังคับม้าวัย 28 ปี ที่ย้ายมาทำสวนปศุสัตว์ในโอเรก้อน ได้ยินเสียงกรีดร้องของเจ้าของจักรยานพอดี โชคดีที่เขาพา Long John เจ้าม้าคู่ใจพร้อมกับเชือกมาด้วย เขาจึงตัดสินใจควบม้าไล่ตามโจรคนนั้นทันที โชคดีซ้ำสอง โจรกระจอกคนนี้ ดันไม่เคยขี่จักรยานมีเกียร์มาก่อน เขาจึงงงงวยกับการปรับเกียร์เป็นอย่างมาก ทำให้ Borba สามารถตามไปได้ทัน เจ้าโจรเห็นดังนั้นจึงทิ้งจักรยาน และเตรียมวิ่งหนี     ทันใดนั้นเอง Borba ก็ใช้เชือกที่นำมาเหวี่ยงไปจับโจรไว้ เชือกมัดเข้าที่ขาของโจรคนนั้นพอดี เมื่อเห็นว่าโจรหนีไปไหนไม่รอดแล้ว Borba จึงจับโจรไปมัดไว้ที่ลานจอดรถ เพื่อรอให้ตำรวจมารับตัวไป     Borba เล่าว่า ก่อนหน้าที่เขาจะมาเลี้ยงสัตว์อยู่ที่โอเรกอน เค้าเคยทำงานเป็นนักแสดงบังคับม้ามาก่อน…

ฝรั่งนี่มักจะสรรหาอะไรแปลกๆ มาแกล้งคนอื่นเสมอจริงๆ และวันนี้อีกครั้งกับการแกล้งพนักงานของร้านอาหารฟาสฟู๊ด พวกเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร หากลูกค้าที่ขับรถเข้ามา อยู่ในสภาพ “เปลือยอก” การแกล้งครั้งนี้เป็นผลงานของเว็บไซต์ Wood Rocket และผู้ที่จะมารับบทเป็นลูกค้าคนนั้น คือนักแสดงหนังผู้ใหญ่สาว Veruca James ในซีรี่ย์การแกล้งคนที่ชื่อว่า “Naked in Public”     สิ่งที่เราจะได้ชมก็คือ Veruca จะขับรถในภาพเปลือยอกเข้าไปในร้านอาหารฟาสฟู๊ดแบบ Drive Thru แล้วปฏิกิริยาของพนักงานเหล่านั้น จะเป็นย่างไร   ว่าแล้วก็ไปชมกันเลยดีกว่า   ฮ่าๆ หลายๆ คนถึงกับพูดไม่เป็นภาษาเลยทีเดียว ก็อย่างว่า เห็นคนมาเปลือยอยู่ข้างหน้า ใครละจะไม่สติหลุด ฮาาาาาา ที่มา Wood Rocket

Bob Carey เป็นตากล้องที่มีกรรมวิธีประหลาดๆ ในการถ่ายภาพพอร์ทเทรตอยู่เสมอ ในปี ค.ศ. 2002 ทีมงาน Arizona Ballet ได้ขอให้เขาถ่ายภาพนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับบัลเล่ต์ให้หน่อย เขาจึงหยิบชุดบัลเล่ต์สีชมพูออกมาถ่ายกลางทุ่งนา จนกลายเป็นภาพสุดฮาภาพนี้   ต่อมาในปี 2003 เขาพบว่าภรรยาอันเป็นที่รักของเขา ป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านม แน่นอน สิ่งที่ผู้ป่วยโรคมะเร็งต้องการมากที่สุด คือกำลังใจ และดูเหมือนว่าภรรยาของเขาจะมีความสุขทุกครั้งที่เห็นเขาในชุดบัลเล่ต์สีชมพู   ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำโปรเจค The Tutu ขึ้นมา เพื่อหารายได้จากการขายภาพของเขา ช่วยเหลือผู้หญิงที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านม เขาบอกว่า บางครั้งเสียงหัวเราะ คือยารักษาที่ดีที่สุด .   “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ มะเร็งของภรรยาผมสอนให้ผมรู้ว่าชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ขนาดไหน บางครั้งการจัดการปัญหาในชีวิตอาจเป็นเรื่องยาก แต่บางครั้ง การเผชิญหน้ากับชีวิตที่ดีที่สุด คือการหัวเราะไปกับมัน และแบ่งปันเสียงหัวเราะให้กับผู้อื่น” Carey กล่าว . . . . . .   ไม่ว่าชีวิตจะยากลำบากขนาดไหน ขอให้ยิ้มและหัวเราะไปกับมัน รับรองว่าสิ่งที่ดูว่าหนัก ก็อาจไม่ได้หนักอย่างที่เราคิดหรอกนะ ^^ ที่มา ignant

คุณยาย Jean Walters วัย 83 ปี สูญเสียสามีอันเป็นที่รัก Denis Walters ไปเมื่อ 11 ปีก่อนด้วยโรคมะเร็งปอด หลังจากนั้นสิ่งหนึ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเธอมาโดยตลอด คือตุ๊กตาหมีที่บันทึกคำพูดของสามีเอาไว้ว่า “คุณคือผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลกสำหรับผม”     ทุกๆ วันเธอจะนั่งคุยกับตุ๊กตาตัวนี้ รวมกับว่ามันคือตัวแทนของชายอันเป็นที่รักของเธอ โชคร้าย ด้วยความที่ตุ๊กตาตัวนี้ผลิตตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 เมื่อใช้งานบ่อยๆ เข้า เครื่องบันทึกเสียงก็ค่อยๆ เสื่อมสภาพ และพังลงในที่สุด     Abbie Webb หลานสาววัย 27 ปีของเธอ ก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นเช่นกัน เธอเล่าว่าตอนที่ Jean พบว่าตุ๊กตาหมีตัวนั้นพังโดยสมบูรณ์แล้ว เธอรู้สึกเศร้าสลดเป็นอย่างมาก เธอคิดว่าเธอคงไม่ได้ยินเสียงของสามีอีกต่อไปแล้ว แต่กระนั้น เธอยังตีหน้ายิ้มแล้วพูดว่า “ฉันได้รับความสุขจากตุ๊กตาตัวนั้นมามากแล้วล่ะ” แต่มีหรือที่ Abbie จะไม่เข้าใจความเศร้าของคุณยายของเธอ เธอจึงพยายามติดต่อไปยังร้านซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ แต่ก็ไม่มีที่ไหนซ่อมได้ จนกระทั่งเธอไปเจอบริษัทไอทีบริษัทหนึ่ง ชื่อว่า Talking Product เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องราวดังกล่าว พวกเขาก็พร้อมช่วยเหลือโดยไม่คิดเงินแม้แต่แดงเดียว  …

การมีงานแต่งงานหรูๆ ถือว่าเป็นความฝันของใครหลายๆ คน โดยเฉพาะสาวๆ ลองนึกภาพตัวเองอยู่ในงานชุดเจ้าสาวสุดหรูในบรรยากาศสุดอลังการ แค่นี้ก็น่าจะทำให้ใครหลายๆ คนมีความสุขแล้ว แต่ถ้าเพื่อนๆ ยังนึกภาพไม่ออกว่า งานแต่งงานสุดหรูจะมีหน้าตาอย่างไร ลองไปชมงานแต่งงานของลูกชายมหาเศรษฐีชาวอเมเนียคนนี้ดูสิ แล้วจะรู้ว่า ความอลังการดาวล้านดวงมีอยู่จริง     งานแต่งงานดังกล่าวเป็นของ Sargis Karapetyan วัย 23 ปี บุตรชายของ Samvel Karapetyan มหาเศรษฐีอันดับที่ 28 ของรัสเซียจากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บ และเจ้าสาว Salome Kintsurashvili วัย 25 ปี     งานแต่งงานครั้งนี้ จัดขึ้นที่ฮอลล์ของร้าน Safisa ร้านอาหารชื่อดังในกรุงมอสโกว ประเทศรัสเซีย โดยในงานมีการประดับตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงามมากมาย ราวกับว่าหลุดออกมาจากสรวงสวรรค์เลยทีเดียว     โดยระหว่างงาน เจ้าสาวได้เปลี่ยนชุดแต่งงานถึงสามชุด ซึ่งแต่ละชุดออกแบบโดยแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Elle Saab ซึ่งไม่ได้ระบุราคาไว้ ส่วนเครื่องประดับของเจ้าสาวมีมูลค่ารวมแล้วกว่า 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7 ล้านบาทเลยทีเดียว   .  …

สำหรับเหล่านักสะสมแล้ว การได้สิ่งของหายากในสภาพสมบูรณ์คือสิ่งที่พวกเขาปรารถนามากที่สุด ยิ่งเป็นของเก่าที่อยู่ในสภาพ “New Old Stock” หรือแบบไม่เคยแกะซอง ก็จะยิ่งเป็นที่ต้องการยิ่งขึ้นไปอีก   ล่าสุด มีการนำกล้องสุดหายาก Leica Leitz KE-7A ขึ้นมาประมูลบนเว็บไซต์อีเบย์ ซึ่งความพิเศษของกล้องตัวนี้ คือมีการติดตั้งเลนส์ระดับเทพเอาไว้ และมีการวางจำหน่ายสองเวอร์ชั่น คือเวอร์ชั่นคนธรรมดา กับเวอร์ชั่นทางการทหาร ซึ่งจะต้องสั่งซื้อโดยกองทัพเท่านั้น   โดยกล้องตัวที่ถูกนำมาประมูลนี้ เป็นเวอร์ชั่นของกองทัพ ซึ่งไม่เคยใช้งานมาก่อน (ซองก็ยังไม่ได้แกะ) นั่นแปลว่าราคาของกล้องจะพุ่งทะยานไปอีกเท่าตัวเลยทีเดียว     แต่ในเมื่อไม่เคยแกะมาก่อน แล้วผู้เข้าร่วมการประมูลจะแน่ใจได้อย่างไรว่ากล้องเป็นของจริง จะแกะออกมาถ่ายก็กลัวราคาตก ด้วยเหตุนี้ ทางผู้นำมาประมูล จึงนำซองกล้องไปเอ็กสเรย์ แล้วเอาภาพมาให้ดูเลยว่า นี่ของจริงนะจ๊ะ!!   .   ซึ่งสุดท้ายแล้ว กล้องตัวนี้ก็ถูกประมูลไปด้วยราคาสูงถึง 45,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.5 ล้านบาทเลยทีเดียว   ที่มา  DIY Photography

ขอบอกตรงๆ ว่างานนี้ไม่ดูไม่ได้แล้ว ฮร่าาา สำหรับใครที่นิยมชมชอบในความซาดิสม์และการบีบสิวล่ะก็ วันนี้เราก็มีความสยดสยองมาให้คุณดูและวัดใจกันไปเลยกว่า 17 ภาพด้วยกันล่ะ จะฟินหรือจะยี้มาวัดกันเลย!!!   อ่ะเหื้อออ ถ้ามันจะยืดยาวขนาดนั้นนะ ><   โอ้วพระเจ้าช่วยกล้วยทอด!!!   นี่มันกระดาษทรายรึเปล่าน่ะ   เบาๆ กันไปกับแผ่นนี้   เริ่มขนลุก   พอไหวๆ   ยังอยู่กันมั้ยเพื่อนๆ ??   อึ๋ยยยยยยยยยย   โอเคอยู่ๆ -*-   ทำใจดีๆ กันไว้นะ…   เลื่อนลงไปอีกกกกก!!!   อย่ายอมแพ้นะ เลยครึ่งทางแล้ววววว   นี่มันเส้นขนรึเปล่าเนี่ยยย ยาวขนาดน้านนนนน   เริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง   !@#!$#$%^^#!@$^%!#!!!!   เห้ออออออ   โอ้ววววม่ายยยยยย   เอิ่มมมมม ไม่ไหวแล้วววว ลาก่อยยยยยยยยย ใครกินข้าวอยู่ล่ะก็…

สำหรับช่วงนี้ทำไมเกิดเหตุการณ์แนวนี้ขึ้นมาบ่อยๆ #จ่าสิบเหมียว ก็ไม่เข้าใจจริงจริ๊งงงง ยิ่งมีเหตุการณ์ให้เห็นเป็นอุทาหรณ์ก็น่าจะทำให้คนฉุกคิดได้ไม่ใช่เหรอ?? ล่าสุดก็มีรายงานว่ามีชายหนุ่มชาวอินเดียคนหนึ่งเมาสุรา แล้วกระโดดลงไปในกรงสิงโตซะงั้น แถมพยายามลงไปจีบสิงโตซะด้วย เอิ่มมมมมมม   Mukesh ชายชาวอินเดียวัย 35 ปีที่เมาสุราแล้วไปกระโดดกรงสิงโต   หลังจากนั้นเขาก็พยายามอยู่หลายครั้งหลายคราที่จะเข้าไปจับมือกับสิงโตเพศเมีย และสารภาพรักกับมันซะด้วยนะเออ   จากการรายงานพบว่ามีหลายครั้งเลยล่ะที่เขาตะโกนออกมาว่า “โอ้วที่รัก ได้โปรดเถอะ มาหาชั้นซะที” ไปที่แม่สิงโตสาวที่เขาพยายามจะบอกรัก…เอิ่มมม กระโดดเข้ากรงสิงโต ว่ายน้ำเข้าไปเพื่อไปจีบมันเนี่ยนะ -*-   พอมีคนเห็นก็มีเสียงกรีดร้องขึ้นมาทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเขาออกมา   ยังโชคดีที่เขาสามารถออกมาจากกรงได้โดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย…   #WATCH: Drunk man jumps into a lion’s enclosure in Hyderabad, was safely rescued by zoo authoritieshttps://t.co/an77mTXpIm — ANI (@ANI_news) 22 พฤษภาคม 2559   จากการรายงานของเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ที่เข้าไปช่วย…

เอาจริงๆ แล้ว “ประเทศญี่ปุ่น” นี่ถือได้ว่าเป็นประเทศที่ชอบลองของแปลกมากที่สุดเลยก็ว่าได้เลยนะเนี่ย ซึ่งจากบทความที่แล้ว เราได้นำเสนอเกี่ยวกับหนุ่มญี่ปุ่นที่ตามหา บะหมี่ อายุกว่า 16 ปี แล้วนำมาต้มกิน ผลที่ได้ก็คือโป๊ะเชะ มันเน่าแล้วนั่นเอง และดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่เข็ดนะ เพราะล่าสุดคุณ Sanjun ก็ได้ตัดสินใจทดลองดื่มกาแฟกระป๋องที่มีอายุนานกว่า 27 ปี จากร้านขายของมือสอง ในจังหวัดยามากูชิ ประเทศญี่ปุ่น นั่นเอง     ว่าแล้วก็อย่ารอช้าไปดูผลกันเลยว่ารสชาติของกาแฟสุดเก่าแก่กระป๋องนี้ จะออกมาเป็นอย่างไร   และนี่คือ “จอร์เจีย คอฟฟี่” กาแฟกระป๋องพร้อมดื่มอันดับ 1 ในญี่ปุ่น จาก Coca Cola   กาแฟกระป๋องนี้จะรสชาติดี๊ดี หากนำมาดื่มก่อนวันที่ 10 กันยายน 1989 แต่เดี๋ยวนะ!! นี่มันผ่านมานานแล้วนี่นา   ดูจากสภาพแล้ว…มีใครอยากลองดื่มบ้างไหม?   เอาละ!! เริ่มภารกิจ   เมื่อลองสูดกลิ่นเขาไป ก็พบว่า…มันไม่มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว หรือกลิ่นของความเน่าเสียเลย   เทมันลงไปในแก้วเลยยยย…

หากมีเหตุการณ์ไฟไหม้เกิดขึ้นนั้น หลายคนคงคิดว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นนั้นส่วนมากก็คงเป็นพวกไฟฟ้าลัดวงจรหรือไม่ก็พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าเกิดระเบิดหรือมีปัญหาขึ้นมา อย่างล่าสุดนั้นก็ได้มีเหตุไฟไหม้เกิดขึ้นที่ออฟฟิศแถวเมือง Wayne County ที่ตั้งอยู่บนถนนไฮ (High Street) ทางตอนเหนือของนครยิวยอร์ค   รถดับเพลิงนั้นได้ถูกเรียกไปที่บ้านของ Walworth ตอนเวลาตี 5 ในวันอังคารหลังจากที่เจ้าของบ้านตื่นเพราะได้กลิ่นควัน เธอเชื่อว่ากลิ่นนั้นมาจากบนชั้นสองของออฟฟิศ   พอไปถึงก็พบว่ามีคนอยู่ 4 คนในนั้นที่กำลังพยายามหนีออกจากกองเพลิง และในบ้านได้รับความเสียหาย มีควันมากกว่าปกติ   และที่ทำให้อึ้งตะลึงงึงงัน เพราะเจ้าหน้าที่นั้นได้พบการเพาะเลี้ยงกัญชาจำนวน 40-50 กระถางที่อยู่บนสำนักงานชั้น 2 หลังจากที่ James W. Easton เจ้าของบ้านหนีออกมาได้ ก็ถูกนำตัวไปดำเนินคดี และปรับเงินในข้อหาปลูกกัญชาผิดกฏหมายโดยไม่มีใบอนุญาต แต่เขาก็ได้รับเพียงใบสั่ง และปล่อยตัวในชั้นศาล นายอำเภอ Virts บอกว่าสาเหตุจริงๆของไฟไฟม้นั้นคือความปิดปกติของไฟฟ้านั่นเอง!!   แหม่…สมแล้วที่เป็นถนน High Street ถนนสายเก็ทไฮของจริงเลยมั้ยล่ะ ฮ่าๆ นอกจากจะไฟไหม้แล้ว ยังโดนข้อหาอีกหนึ่งกระทง งานนี้ซวยสองเด้งเลยนะเอ็ง!! ที่มา : buzzfeed

สำหรับเด็กออทิสติกแล้ว คงไม่มีสิ่งไหนที่พวกเขาต้องการมากกว่าความรักและความใส่ใจจากคนรอบข้าง แต่จะเป็นเรื่องสุดสะเทือนใจขนาดไหน หากเด็กออทิสติกคนหนึ่งจัดงานวันเกิด แต่กลับไม่มีใครมาร่วมงานวันเกิดแม้แต่คนเดียว     เรื่องราวดังกล่าวเป็นของ Hallee Sorenson เด็กสาวออทิสติกวัย 18 ปีคนหนึ่ง เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว เธอได้จัดงานวันเกิดครบรอบ 18 ปี โดยเชิญชวนเพื่อนร่วมชั้นเรียนมาร่วมเฉลิมฉลอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ไม่มีเพื่อนคนไหนมาร่วมงานวันเกิดของเธอแม้แต่คนเดียว ทำให้เธอต้องนั่งเหงาๆ และร้องไห้อยู่กับเค้กและของกินเพียงลำพัง   ภาพนี้ Hallee ถ่ายคู่กับคุณแม่ของเธอ     นับจากวันนั้นเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้ว และวันเกิดของ Hallee ก็กำลังจะเวียนกลับมาอีกครั้ง Rebecca Lyn ลูกพี่ลูกน้องของเธอ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้นอีก เธอจึงออกมาเชิญชวนชาวเน็ต ให้ร่วมเฉลิมฉลองวันเกิดกับ Hallee “ทุกคนช่วยอ่านหน่อยนะ นี่คือลูกพี่ลูกน้องของฉัน Hallee เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักทั้งภายนอกและภายใน เธอสามารถทำให้ทั้งโลกสดใสด้วยรอยยิ้มของเธอ เธอเป็นคนที่เป็นห่วงเป็นใย สนุกสนาน ฉลาด และน่ารัก ฉันภูมิใจมากที่ได้เป็นญาติของเธอ เธอเป็นแค่ผู้หญิงโชคร้ายที่มีอาการออทิสติก แต่เธอไม่เคยปล่อยให้สิ่งนั้นมากำหนดชีวิตของเธอ นั่นคือสาเหตุที่ฉันไม่ค่อยบรรยายเธอด้วยคำนั้น (ออทิสติก) เท่าไหร่ ตอนนี้วันเกิดของ Hallee กำลังใกล้เข้ามาอีกแล้ว และฉันมีอะไรบางอย่างที่อยากขอจากพวกคุณ”  …

ใครจะเชื่อว่าปัจจุบันข้าวของที่เราเคยเห็นในหนังหรือเกมหลายๆ ชิ้น มีคนพัฒนาจนสามารถนำมาใช้งานได้จริงหลายอย่างแล้ว อย่างเช่นเจ้าโฮเวอร์บอร์ด (Hoverboard) อันนี้ ที่เห็นแล้วต้องนึกว่าหลุดออกมาจากหนังไซไฟซักเรื่องอย่างแน่นอน   โดยเจ้าโฮเวอร์บอร์ดอันนี้ เป็นผลงานของนักประดิษฐ์ชาวแคนาดา Alexandru Duru เขาได้ก่อตั้งบริษัท Omni Hoverboards Inc เพื่อพัฒนาโฮเวอร์บอร์ดที่ใช้งานได้จริง โดยเมื่อช่วงปลายปีก่อน เขาได้นำเสนอคลิปโฮเวอร์บอร์ดที่สามารถ “บิน” ได้จริง จนกลายเป็นทีฮือฮามาแล้ว   ล่าสุดเขากลับมาอีกครั้งกับรุ่นปรับปรุงโฮเวอร์บอร์ดของเขา ซึ่งเขาได้ไปทดสอบโชว์ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยเจ้าโฮเวอร์บอร์ดตัวใหม่นี้ สามารถบินได้ราวๆ 2 นาที และสามารถบินได้สูง “จนเสียว” เลยทีเดียว ลองไปชมคลิปกันดีกว่า   เจ๊ดดด นี่มันสุดยอดนวัตกรรมชัดๆ เห็นแล้วนึกถึง “กรีน ก็อบลิน” ตัวร้ายในหนัง “สไปเดอร์แมน 3″ เลยทีเดียว   ถ้าวางขายจริงเมื่อไหร่ #เหมียวอ๊อดโด้ จะรีบไปจัดมาขี่ซักเครื่องแน่นอน คงได้อารมณ์เหมือนซุนโกคูขี่เมฆวิเศษเบาๆ ฮาาาา ที่มา BBC

ช่างภาพ Theron Humphrey ได้ทำการช่วยเจ้า Maddie สุนัขที่ถูกทิ้งจากที่พักอาศัย (ซึ่งตอนแรกเขาก็ลังเลแต่มันก็เข้ามาเบียด ด้วยความน่ารักและหน้าตาที่ดูสิ้นหวังเขาเลยตัดสินใจเลี้ยงมัน)   พอเลี้่ยงแล้ว เขาก็ไม่ปล่อยให้มันอยู่แต่ในกรงหรือบ้านแคบๆ ตัดสินใจพามันออกไปเดินทางทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา มันมีความสามารถที่แปลก ซึ่งเวลาจะถ่ายรูปมันมันก็จะนิ่งและยอมให้ถ่ายและสามารถโพสท่าเองได้ เหมือนกับว่าเป็นนางแบบธรรมชาติ ทีนี้ลองมาชมภาพที่พวกเขาทั้ง 2 ได้ออกไปผจญภัยกันดูดีกว่า…   ออกเดินทางโลดดด!!   ขับขี่ปลอดภัยต้องใส่หมวกนะ   พวกเรามาตั้งแคมป์กัน   สนุกมั้ย เจ้านายยยย   ออกไปพายเรือ…   ชมดอกไม้   เที่ยวทะเลสาบ   รับแสงยามเย็นกัยซักหน่อย   กินไอติมอร่อยๆ   มีที่นอนประจำ . . . . . .   แช่น้ำบ่อน้ำร้อนก็ไม่เลวนะ . .   ขอบคุณนะที่ดูแลเป็นอย่างดี   นับว่าเป็นเรื่องราวดีดีที่เจ้าตูบตัวนี้ได้ออกไปผจญภัยในโลกกว้าง และโชคดีมากนะที่เขาเก็บมันไปเลี้ยงจนมันดูมีชีวิตชีวามากจริงๆ ที่มา…

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2559 ทางสำนักข่าว Dailymail ได้เผยภาพ และคลิปวีดีโอเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทของคู่รักคู่หนึ่ง ในเมืองเยคาเตรินบุร์ก ทางตะวันออกของประเทศรัสเซีย ซึ่งจากภาพเราจะเห็นได้ว่า ทั่งคู่กำลังยืนทะเลาะกันอยู่ จนกระทั่งฝ่ายหญิงทนไม่ไหวเธอเลยตบหน้าแฟนหนุ่ม พร้อมทั้งตะโกนต่อว่าเป็นเวลานานหลายนาที ก่อนที่เธอจะพยายามเปิดประตูรถเพื่อขับออกไป แต่แฟนหนุ่มก็มารั้งเอาไว้ซะก่อน     เหตุการณ์ดูเหมือนกำลังเริ่มคลี่คลาย แต่จู่ๆ ชายหนุ่มคนดังกล่าวกลับชกเข้าที่ใบหน้าของแฟนสาวหลายต่อหลายครั้ง จนเธอทรุดลงไปนอนบนพื้นถนนกลางลานจอดรถ     ในขณะนั้นมีหญิงสาวที่เห็นเหตุการณ์ ก็ได้เข้ามาพยายามห้ามปราม แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะชายหนุ่มได้ผลักหญิงคนดังกล่าวออกไป พร้อมทั้งดึงเสื้อแฟนสาวให้ลุกขึ้น ก่อนบังคับให้เธอของเขากลับเข้าไปภายในรถ และขับออกไปในที่สุด     หลังจากที่คลิปวีดีโอเหตุการณ์ทะวิวาทของคู่รักคู่นี้ ได้ถูกนำไปเผยแพร่ลงในโลกโซเชียล บรรดาชาวเน็ตต่างก็พากันเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย แถมยังมีการถกเถียงกันไปกันมาว่าใครผิดหรือถูกกันแน่ ซึ่งบางคนก็บอกว่า ฝ่ายชายโดนมาขนาดนี้ คงทนไม่ไหวก็คงจะโกรธเป็นธรรมดา ส่วนบางรายก็บอกว่าถึงอย่างไรเขาก็ไม่ควรทำร้ายผู้หญิงอยู่ดี ที่มา : dailymail

ถ้าจะพูดถึงความฝันของสาวๆ หลายคนก็คงเป็นการได้ไปเที่ยวรอบโลกกับแฟนหนุ่มและแชะภาพสวยๆ มาไว้เป็นความทรงจำร่วมกัน เหมือนกับอินสตาแกรมของหนุ่มคนนี้ Murad Osmann กับแฮชแท็กสุดเจ๋ง #FollowMeTo นั่นเอง ถ้าใครยังนึกภาพไม่ออกล่ะก็ เจ้าหนุ่มที่ถ่ายรูปด้านหลังของแฟนสาวในสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ นั่นแหละ ซึ่งวันนี้ #จ่าสิบเหมียว จะพาเพื่อนๆ ไปชมเบื้องหลังภาพอันแสนสวยเหล่านั้นกัน!!!   Murad Osmann กับภรรยาของเขา Nataly ที่ถ่ายภาพสวยๆ ออกมาเป็นซีรีย์จนโด่งดังไปทั่วโลก   เขาค่อนข้างชื่นชอบประเทศอินเดียเอาซะมากๆ เลยทีเดียว มีเซ็ทในประเทศนี้เยอะมาก   วันนี้เราจะพาไปดูเบื้องหลังของภาพเหล่านั้นกันล่ะ   เทศกาล Holi สุดสวย   Osmann หนุ่มผู้เดินทางตามเมียไปรอบโลกของเรานั่นเอง นอกจากหลังภรรยาแล้วเขาก็ถ่ายภาพอย่างอื่นด้วนะเออ ฮร่าาาา   เซ็ทฉาก เซ็ทโลเคชั่นซะก่อน   และนี่คือภาพที่ได้ออกมาให้เราได้อิจฉากันเล่นๆ   แน่นอนว่าหลังจากนั้นเขาก็นำภาพสวยๆ เหล่านี้ไปลงในเว็บไซต์และอินสตาแกรมของเขา   Nataly ภรรยาสุดสวยของเขาที่เป็นนางแบบในซีรีย์รอบโลกชุดนี้ พึ่งได้เห็นด้านหน้าเลยนะเนี่ย   ทุกๆ ภาพต้องมีการทดสอบถ่ายเล่นๆ กันซะก่อน   ก่อนจะได้ภาพสวยๆ แบบนี้มา   และนี่ก็คือเบื้องหลังส่วนหนึ่งของการถ่ายภาพของพวกเขาล่ะ…

ก่อนหน้านี้หลายคนคงประทับใจเรื่องราวของเจ้า สตีวี่ แมวเหมียวตาบอด ผู้ชื่นชอบการเดินทางไปเที่ยวรอบโลกกับเจ้านายกันมาแล้วใช่ไหมละ ในวันนี้เหมียวขี้อ้อน ก็จะขอพาคุณเข้าสู่เรื่องราวการผจญภัยท่องโลกกว้างระหว่างคนกับสัตว์เช่นกัน หากใครที่ได้อ่านเรื่องราวต่อไปนี้ คุณจะต้องประทับใจไม่แพ้เรื่องของสตีวี่เลยละ และนี่ก็คือภาพของ Guirec Soudee หนุ่มชาวฝรั่งเศส วัย 24 ปี มาพร้อมกับบัดดี้มีปีกคู่ใจนั่นก็คือ Monique น้องไก่กุ๊กกุ๊กเพศเมียแสนน่ารัก ที่ชอบเดินทางไปเที่ยวรอบโลกกับนายได้ในทุกๆ ที่     หลายคนกำลังสงสัยว่าเพื่อนรักต่างสายพันธุ์คู่นี้มาเจอกันได้อย่างไร เดี๋ยวเราจะขอเป็นตัวแทนเล่าเรื่องราวของเขาให้ได้ฟังเอง…     ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน Guirec ได้เดินทางไปเที่ยวที่หมู่เกาะคานารี ในประเทศสเปน และนั่นก็ทำให้เขาได้พบเจอกับเจ้าลูกไก่ตัวน้อยตัวหนึ่ง ก็คือเจ้า Monique ยังไงละเหมียว   .   ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาทั้งคู่ก็ได้กลายเป็นคู่หูสุดซ่าส์ ที่พร้อมจะไปไหนไปกันได้ในทุกๆ ที่ นี่แหละคือจุดเริ่มต้นที่นำมาสู่เรื่องราวดีๆ ของทั้งคู่นั่นเอง     ความสุขของ Guirec ก็คือการได้พาไก่แสนรักร่วมออกเดินทางไปผจญภัยในท้องทะเลกับเขา เพื่อที่จะให้มันออกไข่ให้เขากินระหว่างทาง ซึ่งเจ้า Monique ก็กลายเป็นคู่หูร่วมเดินทาง แถมมันยังสามารถปรับตัวในสถานที่ต่างๆ ได้ดีทีเดียว…

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยภาพ พร้อมคลิปวีดีโอเรื่องราวสุดซึ้งระหว่างคน และเจ้าตูบตัวหนึ่ง ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้คนในโลกโซเชียลเป็นอย่างมาก ซึ่งจากภาพเราจะเห็นได้ว่า มีชายหนุ่มชาวอินเดียวัย 28 ปี ผู้ที่นับถือศาสนาซิกข์คนหนึ่ง กำลังช่วยเจ้าตูบสีดำที่ตกลงไปในน้ำคลอง โดยการยอมขัดข้อห้ามศาสนา สละผ้าโพกศีรษะของตัวเอง แล้วใช้ผูกเพื่อดึงเจ้าตูบขึ้นมาจากน้ำ     ชายหนุ่มผู้นี้ ใช้ผ้าโพกหัสผูกไว้ที่ตัวของน้องหมา แล้วค่อยๆ ดึงตัวมันขึ้นมา หลังจากที่เขาได้พยายามอยู่สักพัก เขาก็สามารถช่วยชีวิตเจ้าหมาตัวนี้ขึ้นมาจากน้ำได้อย่างปลอดภัย     นอกจากนี้เขายังได้เผยว่า จริงๆ แล้วเขาว่ายน้ำไม่เป็นเลย แต่เมื่อเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุงดูสุนัขตกน้ำโดยไม่มีใครเข้าไปช่วยเหลือ จึงทำให้เขาต้องรีบลงไปช่วยมัน ซึ่งในตอนที่กำลังเอาผ้าโพกหัวออก คนกลุ่มนั้นคิดว่าเขาไม่เคารพศาสนา แต่เขากลับคิดว่ายังไงก็ต้องช่วยชีวิตมันให้ได้     แม้ว่าภารกิจช่วยเหลือสุนัขในครั้งนี้จะค่อนข้างยากลำบาก แต่เขาก็สามารถช่วยมันขึ้นมาจากน้ำได้อย่างปลอดภัย ต้องขอชื่นชมในความกล้าหาญของชายหนุ่มคนนี้เลยจริงๆ ที่มา : metro

ใครที่กำลังรับชมภาพของเจ้าเสือดำ ที่กำลังเดินดุ่มๆ เข้าหาชายหนุ่มที่กำลังพิงขอบปูนที่อยู่ภายในกรงเสือดำจากด้านหลังอยู่ละก็ คุณอาจจะอยากตะโกนบอกชายคนนี้เหลือเกินว่า เห้ยๆๆ วิ่งออกมา มีเสืออยู่ข้างหลัง แต่ทว่าเรื่องราวมันกลับพลิกล็อคซะอย่างนั้น เพราะแทนที่เจ้าเสือดำจะวิ่งเข้าไปตะครุบเหยื่อตามสัญชาติญาณ แต่มันกลับสร้างภาพความน่ารัก ที่ทำเอาผู้ชมยิ้มไม่หุบ   เจ้าเสือได้เดินใกล้เข้ามาแล้ว เป็นภาพที่ดูแล้วชวนใจหายเหมือนกันนะ เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหน   ส่วนชายผู้นี้ ก็กำลังคุยอะไรบางอย่างกับเจ้าของกล้อง โดยที่ไม่รู้เล๊ยยยยย ว่ามีพลังงานบางอย่างอยู่ด้านหลัง   เมื่อเสือเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มันก็รีบกระโจนเข้าใส่ชายคนดังกล่าวทันที แต่โชคดีที่เขาสามารถหันมาหลบมันได้ทัน แถมยังวิ่งเล่นกับเจ้าเสือดำ ประหนึ่งเป็นเพื่อนสนิทมิตรสหายกันยังไงยังงั้นเลยละเมี๊ยวววว     เขาคงจะเป็นผู้ดูแลแมวดำยักษ์ตัวนี้แน่ๆ เลย มันถึงได้ดูเชื่องขนาดนี้   ไปชมคลิปวีดีโอกัน (ชมคลิปไม่ได้ กดที่นี่เลย)   หลังจากที่คลิปวีดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ลงในโลกโซเซียล ชาวเน็ตต่างก็พากันเข้ามากดไลค์กันรัวๆ แถมยังแชร์คลิปวีดีโอไปมากกว่า 128,536 ครั้งเลยทีเดียว ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย!! ที่มา : mirror

สำหรับข่าวคราวสุดสะเทือนใจในช่วงที่ผ่านมานี้ข่าวคราวของเจ้าฮารัมเบ กอริลล่าวัย 17 ปีที่ถูกเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ยิงตายเพื่อช่วยเด็กที่ตกลงไปในกรงของมัน จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วโลกทั้งการกระทำของพ่อแม่ที่ปล่อยปละละเลยเด็ก รวมถึงเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ที่ทำเกินกว่าเหตุรึเปล่า?? มาจนถึงตอนนี้ก็มีหลายฝ่ายเลยล่ะออกมากดดันกันเป็นกระแสอยากให้พ่อแม่ของเด็กน้อยที่ตกลงไปในกรงนั้นถูกฟ้อง เพราะไม่ดูแลลูกให้ดีเท่าที่ควรจนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้   กรงของเจ้าฮารัมเบ ที่ปิดปรับปรุงชั่วคราว ณ ขณะนี้   ตอนนี้ก็มาถึงจุดจบของเรื่องนี้แล้วล่ะเพราะอัยการเขตได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าจะไม่มีการฟ้องพ่อแม่ของเจ้าหนูเกิดขึ้น   Joseph Deters อัยการเขตได้ออกมาชี้แจงว่า ‘เรื่องนี้เป็นโศกนาฏกรรมและการสูญเสียอย่างยิ่งต่อชีวิตสัตว์และสวนสัตว์เอง แต่กระนั้นพ่อแม่ของเจ้าหนูจะไม่ถูกฟ้องในเรื่องนี้ ผมเข้าใจดีและเสียใจอย่างสุดซึ้งเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเจ้ากอริลล่า แต่ในสถานการณ์นั้นไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเลยที่จะสามารถนำมาฟ้องได้ และส่วนหนึ่งนั้นทางสวนสัตว์ได้ทำถูกต้องแล้ว เพราะกอริลล่าถือว่าเป็นป่า คำจำกัดความนั้นของมันนั้นถือว่าเป็นสัตว์ดุร้ายและคาดเดาไม่ได้’   กระแสสังคมที่เรียกร้องให้ฟ้องพ่อแม่ของเจ้าหนูที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น   ‘นอกจากนี้ทางเราก็ยังได้ทำการสอบสวนพยานในเหตุการณ์ก็ได้รับข้อบ่งชี้ว่าแม่ของเด็กเป็นคนที่ค่อนข้างเอาใจใส่ลูกดีเลยทีเดียว แต่หลังจากที่เธอปล่อยเจ้าหนูไว้เพียงไม่วินาทีและไปดูแลลูกๆ คนอื่นเหตุการณ์ที่เจ้าหนูปีนและตกลงไปในกรงจึงเกิดขึ้น เราต้องให้ความยุติธรรมกับเรื่องนี้ พ่อแม่คนไหนที่เคยเลี้ยงลูกก็จะรู้เลยล่ะว่าอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ แม้แต่พ่อแม่ที่ใส่ใจที่สุดก็ตาม…’ เขากล่าวปิด   ก็ถือว่าเป็นจุดจบของเรื่องนี้แล้วล่ะเนาะ ต่อไปนี้ก็ทำได้เพียงแค่คิดถึงแล้วล่ะ และหวังว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ก็คงจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับคุณพ่อคุณแม่ทั้งมือใหม่มือเก่า ให้ระวังมากขึ้นเวลาพาเด็กๆ ออกไปไหน จะได้ไม่ต้องเกิดโศกนาฏกรรมแบบนี้ขึ้นมาอีก… ที่มา: Distractify

อาจจะเป็นได้ว่าเวลาคนเราหิวๆ อาจจะทำอะไรที่ไม่คาดคิดไปก็เป็นได้ แต่นั่นแหละ คุณตำรวจคนนี้ก็มีวิธีการจัดการที่ดีเลยทีเดียว อิอิ โดยเฉพาะเวลาเมาๆ หลายๆ คนอาจจะมีอารมณ์หิวเกิดขึ้น และที่แย่ไปกว่านั้นคือทำในสิ่งที่ตัวเองกำลังจะเสียใจขณะหิวๆ เหมือนชายคนนี้ที่พยายามจะกระโดดสะพานเพื่อฆ่าตัวตายตอนเมาสุรา เคราะห์ดีที่คุณตำรวจเข้าไปช่วยเกลี้ยกล่อมเอาไว้…   คุณตำรวจเม็กซิกัน   พามานั่งกินที่ร้านทาโก้ซะเลย แล้วให้คิดสิ่งที่ทำใหม่อีกครั้ง   ชายคนนี้คิดจะกระโดดฆ่าตัวตายจากสะพาน   ระหว่างนั้นคุณตำรวจก็โน้มน้าวเขาซะเลย ว่าไม่ควรทำอย่างนั้น และควรเดินลงมาไปกินข้าวกันก่อน คิดให้ดีๆ อีกครั้งก่อนที่จะทำอะไร…แน่นอนว่าเขาลงมาแต่โดยดี   หลังจากนั้นหน่วยพยาบาลฉุกเฉินพร้อมจิตแพย์ก็มาถึงและรับตัวเขาไประหว่างที่กำลังกินทาโก้กันอยู่   ตอนนี้เหตุการณ์ทั้งหมดก็คลี่คลายลงแล้ว และแน่นอนว่าเขาปลอดภัยและได้ไปปรึกษาจิตแพทย์เกี่ยวกับปัญหาในชีวิตของเขา   ใครที่ดูไม่ได้มาชมคลิปกันได้ที่นี่เลย คุณตำรวจทาโก้   ต้องบอกว่าคุณตำรวจมีวิธีการที่สร้างสรรค์และประสบผลสำเร็จจริงๆ เลยนะเนี่ย เอ…น่าคิดเหมือนกัน เวลาคนเราหิวอาจทำอะไรบ้าๆ แบบนี้ก็เป็นได้เนาะ -*- ที่มา: Distractify

แน่นอนว่าถ้าเราคิดถึงเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางโดยสารการบินต่างๆ ล่ะก็ สิ่งหนึ่งที่เราคงจะนึกกันออกก่อนกัปตันหรือเหล่านักบินด้วยซ้ำนั่นก็คือเหล่าแอร์โฮสเตส ที่ทำหน้าที่ดูแลในด้านความปลอดภัยและบริการด้านต่างๆ ให้เรานั่นเอง วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปชมคอลเล็คชั่นของ Marvin Goldman ชายผู้ที่บินกับสายการบิน El Al Israel Airlines มาตั้งแต่ปี 1978 และได้สะสมของต่างๆ เกี่ยวกับสารการบินนี้ไว้มากกว่า 40,000 ชิ้นเลยทีเดียว   Marvin Goldman เจ้าของคอลเล็คชั่นนี้ ของบางชิ้นของเขานั้นย้อนกลับไปได้ถึงปี 1949 เลยล่ะ!!!   ในภาพนี้คือภาพของแอร์โฮสเตสในช่วงปี 1949 – 1957 ชุดของพวกเธอจะดูเป็นทางการ มีสีออกเทาล้วนหรือน้ำเงิน-เทา และมีเพียงไม่กี่สายการบินเท่านั้นที่จะใส่สีกรมท่า   ในช่วงยุค 50 นี่คือกระเป๋าถือที่เหล่าแอร์สาวนิยมกันมากที่สุด และมีเหล่าลูกค้าแบบ VIP เท่านั้นที่จะได้รับกระเป๋าชนิดนี้   ในช่วงปลายยุค 50 ถึงต้นๆ ยุค 60 นี่คือหมวกแบบทางการของเหล่าแอร์โฮสเตสสาว โดยจะเป็นสีกรมท่าล้วน   หมวกสำหรับเหล่านักบินและพนักงานต้อนรับบนเครื่องที่เป็นผู้ชายและมีหน้าที่ควบคุมงานพนักงานต้อนรับคนอื่นๆ   หมวกของเหล่าแอร์โฮสเตสสาวในช่วงยุคที่การสำรวจอวกาศโดยรัสเซียและสหรัฐอเมริการุ่งเรือง ในปี 1969 โดยจะมีสองสี…

อื้อหืออออ ขนาดเจ้าของโซเชียลมีเดียขนาดใหญ่ที่เรียกได้ว่าเป็น ‘ตัวพ่อ’ และอาจจะเป็นมือต้นๆ ของวงการเลยก็ได้ยังโดนแฮ็ค แล้วนับประสาอะไรกับตาสีตาสาอย่างเรานะเนี่ย จะเหลือเหรอ >< ล่าสุดก็มีรายงานสดๆ ร้อนๆ เลยล่ะว่าโซเชียลมีเดียของ CEO เฟซบุ๊คอย่าง Mark Zuckerberg โดนแฮ็คโดยกลุ่มแฮ็คเกอร์ที่มีชื่อว่า OurMine Team ซึ่งอ้างว่าพวกเขาได้แฮ็คเข้าไปในไอดี Pinterest, Twitter และ Instagram (อินสตาแกรมถึงจะไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่ทางกลุ่มแฮ็คเกอร์ก็ได้กล่าวอ้างไว้ว่าทำได้) ของเขา   ประเด็นคือพาสเวิร์ดของหนุ่ม CEO ของเรานั้น เรียกได้ว่าถึงขั้นปัญญาอ่อนเลยล่ะ   คือโคตะระจะง่าย ‘dadada’ แค่เด็กๆ ไปเห็นก็สามารถแอบเข้าไอดีของเขาได้แล้วนะเนี่ย -*-   ความผิดพลาดของเขาน่ะเหรอ?? ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าเขากลับมาใช้พาสเวิร์ดเก่าของตัวเองที่เคยใช้ล่ะ ย้อนกลับไปปี 2012 ที่โซเชียลมีเดีย LinkedIn โดนแฮ็ค ซึ่งในเหตุการณ์นั้นทำให้ข้อมูลบัญชีของผู้ใช้รั่วไหลมากกว่า 160 ล้านราย และหนึ่งในนั้นก็คือของมาร์ก ซัคเกอร์เบิร์กด้วย!!! กระนั้นถึงแม้ว่า Twitter, Pinterest และ Instagram ของเขาจะถูกแฮ็ค แต่ก็เหมือนว่าบัญชี Facebook ของเขาก็ยังอยู่ดีไม่ได้โดนภัยคุกคามอะไร ถ้า Facebook…

นี่แหละที่เรียกว่าการร่วมมือร่วมใจช่วยเหลือกันในเรื่องที่ดีๆ ล่ะ สำหรับเหตุการณ์สุดประทับใจนี้ก็เกิดขึ้นในชายหาด Waimairi ใน Christchurch ประเทศนิวซีแลนด์ โดยมีผู้คนกว่า 200 ชีวิตด้วยกัน ช่วยวิดน้ำมาหล่อเลี้ยงเจ้าวาฬเพชรฆาตที่ดันถูกคลื่นซัด ถึงขนาดที่ช่วยกันเอาถังน้ำช่วยกันวิ่งไปตักน้ำทะเลมาราดกันเลยทีเดียว!!!   พลังนิวซีแลนด์มุงจริงๆ   มีการนำผ้าขนหนูมาห่อตัวมันเพื่อที่แสงแดดจะได้ไม่เผาไหม้ผิวของมันมากไปกว่านี้ เจ้าวาฬตัวนี้เป็นหนึ่งในวาฬสองตัวที่ถูกซัดขึ้นมาเกยตื้น ซึ่งอีกหนึ่งตัวนั้นเคราะห์ร้าย พอมีคนมาพบมันก็เสียชีวิตไปซะก่อนแล้ว ส่วนตัวนี้ก็มีสภาพร่อแร่เต็มที   หลังจากนั้นไม่นานหน่วยงานช่วยเหลือวาฬ Project Jonah ก็ส่งความช่วยเหลือไปในทันที เพื่อนำมันกลับลงสู่ทะเล   สำหรับเหตุการณ์นี้ก็เรียกได้ว่าเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่มีวาฬมาเกยตื้นในแถบนี้ นับตั้งแต่ปี 1984 เป็นต้นมา…   โชคดีที่มีคนคอยช่วยเหลือ และเมื่อหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญมาถึง พวกเขาก็สามารถส่งมันกลับทะเลได้เป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นยามชายฝั่งก็ได้สังเกตสถานการณ์อยู่นานเพื่อที่จะได้มั่นใจว่ามันจะไม่กลับมาเกยตื้นอีก…   เป็นเคราะห์ดีของเจ้าวาฬตัวนี้เลยนะเนี่ย แต่ก็ขอแสดงความเสียใจกับเพื่อนของแกด้วยนะจ๊ะที่เสียชีวิตไปซะก่อน นับเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากๆ ที่มา: Metro

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2559 ทางสำนักข่าว Dailymail ได้เผยเรื่องราวของ Noor Al Faris เด็กหญิงตัวน้อยจากคูเวต วัยเพียง 5 ขวบ ที่เพิ่งจะเรียนจบชั้นอนุบาล ซึ่งหลังจากที่เรียนจบ เธอก็รู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของคุณครูสาวคนโปรดนามว่า Nadia ดังนั้นเธอจึงได้ทำบางสิ่งบางอย่างที่ทำเอาชาวเน็ตหลายๆ คนต่างก็ทึ่งไปตามๆ กัน   และนี่คือภาพของ Noor ที่กำลังนั่งอยู่บนรถเบนซ์สุดหรู พร้อมกับข้อความว่า รถคันนี้สำหรับคุณครู Nadia ของหนู   ใช่แล้ว!! เด็กหญิงตัวน้อยได้มอบของขวัญสุดพิเศษให้กับคุณครูแสนรักของเธอนั่นก็คือ การมอบรถยนต์สุดหรูให้ ซึ่งเธอก็ได้เผยว่า อยากมอบของขวัญให้คุณครู เพื่อเป็นการตอบแทนที่เธอดูแล และช่วยเหลืออยู่ตลอดจนเรียนจบ ทั้งนี้จากการรายงานเผยว่า แท้จริงแล้วรถยนต์คันดังกล่าว เป็นของขวัญจากคุณพ่อของหนูน้อย ที่อยากจะมอบให้กับคุณครู เพราะเธอช่วยดูแลลูกสาวของเขาเป็นอย่างดี หลังจากที่แม่ของหนูน้อยได้เสียชีวิตไป อีกทั้งเธอยังทำให้หนูน้อยสามารถผ่านชีวิตที่แสนลำบากมาได้ แถมยังกลับมามีชีวิตที่สดใสเหมือนเดิมอีกด้วย!! ที่มา : dailymail

การทำศัลยกรรมเรียกได้ว่ากลายเป็นเรื่องธรรมดาของคนในปัจจุบันไปแล้ว หลายคนหมดเงินไปเป็นจำนวนมากเพื่อที่จะนำไปทำศัลยกรรมให้ตัวเองดูสวย ดูดีขึ้น บางคนก็อยากมีรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ จึงทุ่มเงินเป็นแสนเป็นล้านเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง เช่นเดียวกับ Pixee Fox นางแบบสาววัย 26 ปี จาก Carolina คนนี้ เธอก็เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่หลงใหล และชื่นชอบการทำศัลยกรรมเป็นอย่างมาก  ซึ่งเธอได้ลงทุนเสียเงินผ่าตัดทำศัลยกรรมตั้งแต่หัวจรดเท้ามามากกว่า 18 ครั้งด้วยกัน จนรูปร่าง และหน้าตาของเธอเป็นอย่างที่เห็น…     และกว่าจะมีรูปร่างตามที่ต้องการ Pixee Fox ต้องหมดเงินกับการทำศัลยกรรมไปแล้วกว่า 80,000 ยูโรเลยทีเดียว   ด้วยความที่เธออยากจะกลายเป็นผู้หญิงที่มีเอวเล็กที่สุดในโลก ดังนั้นเธอจึงลงทุนยอมผ่าตัดเอากระดูกซี่โครงออกไปทั้งสิ้นกว่า 6 ชิ้น ไปเมื่อปีที่ผ่านมานี้เอง     และล่าสุดเธอก็ยังไม่หยุดที่จะทำศัลยกรรม เพราะแม่สาวคนนี้ได้ได้ทุ่มเงินกว่า 4,000 ยูโร ในการผ่าตัดทำตาเทียมเพื่อ “เปลี่ยนสีตา” ของตัวเองให้กลายเป็นสีเขียวเหมือนตัวการ์ตูนอีกด้วย   .   สาวๆ หลายคนยอมเจ็บตัว และเสียเงินไปมากมายมหาศาล เพื่อแลกกับความสวย เช่นกับ Pixee Fox  …

ระวังไว้นะจ๊ะสำหรับเหล่าเพื่อนชายที่ชอบอวดไซส์กัน ไม่แน่นะว่าอาจมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นก็เป็นได้ เอิ๊กๆๆ เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกัน อารมณ์ดันเข้าครอบงำ การทำร้ายกันจึงเกิดขึ้นซะงั้น!!! เหตุการณ์สุดสะเทือนใจนี้เกิดขึ้นในหมู่บ้าน Nikolsk แถบอูรัลแห่งประเทศรัสเซียโดยมีรายงานว่า ชายชาวรัสเซียสองหน่อ อายุ 52 ปี และ 47 ปีได้ทำการเปรียบเทียบไซส์ของรัก แต่ดันมีฝ่ายหนึ่งไม่พอใจ (อาจเป็นได้ว่าเล็กกว่า) เลยกระทำการโหดร้ายรัสเชี่ยนสไตล์โดยการนำขวานมาเฉาะของเพื่อนออกซะ!!!   โอ้วววว ม่ายยยยยยยย!!!   แน่นอนว่าก่อนหน้าที่จะมีการเปรียบเทียบไซส์กันอย่างดุเดือดนั้น ทั้งสองตั้งวงร่ำสุรากันมาได้ระยะหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้เล่าว่า ‘เหตุการณ์สุดสะเทือนใจนี้เกิดขึ้นหลังที่พวกเขาดื่มสุราจนเมาได้ที่แล้ว’  เจ้าหน้าที่ยังกล่าวต่อไปว่า ‘จนมาถึงจุดที่เดือดที่สุดในเหตุการณ์ ชายคนหนึ่งได้วิ่งไปหยิบขวานมา ใช้สันขวานทุบให้หมดแรงขัดขืน แล้วก็ตัดอวัยวะเพศของเพื่อนออก เพื่อนบ้านได้ยินเสียงสู้กันและกรีดร้องจึงรีบเรียกรถพยาบาลทันที’     ซึ่งตอนนี้แน่นอนว่าฝ่ายหนึ่งกำลังอยู่ในโรงพยาบาล ส่วนคนที่ทำร้ายก็ถูกฟ้องโดยเจ้าหน้าที่ทันทีเพราะทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายอย่างรุนแรงโดยตั้งใจ ซึ่งอาจต้องโทษติดคุกกว่า 8 ปีด้วยกัน…   ที่สำคัญที่สุดก็คือทั้งสองเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ เลยนะเนี่ย น่าสงสัยว่าอาจจะมีปมอะไรกันมาก่อนรึเปล่าเลยมาระเบิดลงวันนี้ แต่ก็นั่นแหละ ว่างๆ อย่าไปเทียบไซส์กับเพื่อนๆ กันล่ะหนุ่มๆ ฮ่าๆๆ เกิดเหตุการณ์แบบนี้มา #จ่าสิบเหมียว ไม่รู้ด้วยน้าาาาา ที่มา: Metro

เวลาอกหัก หลายๆ คนก็มีวิธีจัดการกับความรู้สึกของตนเองต่างกันออกไป บางคนอาจออกไปเที่ยวเล่นหาความสุข บางคนอาจนั่งนิ่งๆ อยู่กับตัวเอง เพื่อทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่นั่นไม่ใช่กับหญิงสาวคนนี้ Laura Jane Williams หญิงสาววัย 30 ปีจากเมืองเดอร์บี้ ประเทศอังกฤษคนนี้ เพิ่งถูกแฟนที่คบกันมาหกปีทิ้งไปและไปคบกับเพื่อนของเธอซะเอง ตอนนั้นเธอรู้สึกเสียใจมาก เธอจึงตัดสินใจทำอะไรที่น่าตกใจลงไป     เธอเริ่มออกเที่ยวผับบาร์แทบทุกวัน และทุกครั้งที่เธอออกไป ก็จะมีผู้ชายตามกลับมาที่ห้องเสมอ “ทุกครั้งที่ฉันออกเที่ยว ฉันรู้สึกว่าฉันต้องหาใครซักคนกลับไปด้วย และมันมักจะมีคนแบบนั้นอยู่เสมอ” Laura กล่าว “ฉันรู้สึกตัวเองเป็นผู้หญิงที่ไม่ยึดติดและมีอิสรภาพมาก ฉันไม่ได้อยากให้พวกเขารักฉันหรือเคารพในตัวฉัน เพราะฉันเองก็ไม่เคยเคารพตัวเอง”     จากนั้นเธอก็ย้ายไปอยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เธอก็ยังคงมองหาผู้ชายมาหลับนอนด้วยอยู่เหมือนเดิม และที่นั่นเธอถูกชายปฏิเสธไม่ยอมมีเซ็กส์ด้วยเป็นครั้งแรก แต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไร เพราะเธอคิดว่า ยังไงเธอก็หาคนอื่นได้ “ผู้ชายคนไหนก็เป็นคู่นอนให้ฉันได้ จะเพื่อนร่วมงาน เพื่อนสมัยเรียน เพื่อนจริงๆ หรือแม้กระทั่งคนแปลกหน้าฉันก็มีเซ็กส์ด้วยได้ทั้งนั้น ฉันรู้สึกเซ็กซี่ มันยอดเยี่ยมมากที่ได้เป็นที่ต้องการของคนอื่น โดยเฉพาะเวลาเห็นผู้ชายรู้สึกอยากกลืนฉันเข้าไปทั้งตัว” เธอกล่าว     นอกจากนี้เธอเล่าว่า เธอเคยหลับนอนพ่อลูกหนึ่งวัย 19 เป็นเวลากว่า 1 เดือน ก่อนที่เขาจะสารภาพรักกับเธอ และเธอยังเคยคบกับ “ผู้หญิง”…

กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจเลยทีเดียวหลังจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีการเปิดให้ประชาชนลงประชามติรับแผนประกันเงินเดือนขึ้นต่ำ ซึ่งผลปรากฎว่าประชาชนร้อยละ 78 ไม่เห็นด้วยกับแผนประกันเงินเดือนขั้นต่ำนี้ โดยการลงประชามติดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อมีผู้เสนอต่อรัฐบาลว่า ควรมีการประกันเงินเดือนขั้นต่ำให้กับประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ (ง่ายๆ คือแจกเงินเดือนทุกเดือน) เนื่องจากทุกวันนี้มีการใช้เครื่องจักรอัตโนมัติภายในโรงงานมากขึ้น ทำให้ตำแหน่งงานสำหรับคนจริงๆ มีน้อยลง     ซึ่งในแผนประกันเงินเดือนขั้นต่ำครั้งนี้ ยังไม่มีการระบุแน่ชัดว่ารัฐบาลต้องจ่ายเท่าไหร่ แต่คาดการว่าอยู่ที่ประมาณ 2,500 ฟรังค์สวิส หรือราว 88,000 บาท แต่ผลสุดท้ายร่างก็ตกไป เนื่องผลประชามติออกมาไม่เห็นด้วย จริงๆ แล้วนโยบายนี้ไม่ได้รับการเสนอจากนักการเมืองหรือรัฐบาลแต่อย่างใด แต่การลงประชามติเกิดขึ้นเพราะมีคนรวบรวมรายชื่อได้ 100,000 รายตามที่กฎหมายได้ระบุไว้แล้วนำมายื่นแก่รัฐบาล ทำให้รัฐบาลต้องจัดการลงประชามติครั้งนี้ขึ้นมา     อย่างไรก็ตาม ไม่น่าแปลกใจที่คนสวิสส่วนมากไม่เห็นด้วยกับแผนประกันเงินเดือนขั้นต่ำนี้ เพราะดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศกรีซและเวเนซูเอล่าที่เคยมีนโยบายคล้ายๆ กัน ต่างต้องประสบกับปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนักจนประเทศแทบล้มละลาย ชาวสวิสคงไม่อยากเจอเหตุการณ์เช่นนี้แน่ๆ!!!   ที่มา The Guardian