Author:

การทานอาหารถือว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่งของมนุษย์ โดยเฉพาะอาหารที่ทั้งอร่อยและหน้าตาน่ารับประทาน แค่คิดถึงก็มีความสุขแล้ว วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมวัน 28 ภาพอาหารสุดน่ารักจากทั่วทุกมุมโลก ที่เชื่อว่าเพื่อนๆ เห็นแล้วต้องทำใจกินไม่ลงอย่างแน่นอน จะเป็นไง ไปชมกันเลย   เตาอบคุ๊กกี้   มาการองแพ็คแมน   ไอศกรีมน่ารักๆ   มาการองช้างน้อย   คุกกี้เฮดจ์ฮ็อก   ช็อกโก้น้องหมาไส้กรอก   บ้านโฮลวีต   ครัวซองปูทะเล   อาหารเช้าลูกเจี๊ยบ   โจรสลัดผลไม้   ฮ็อตด็อกของจริง   อาหารเช้าไลน์   ข้าวต้มครอบครัวไก่   โลมากล้วย   ทากผลไม้   บ้านเวเฟอร์   หมีอัลมอนด์   เจ้าเหมียวโดนัท   น่ารักมั้ยละ   กินไส้กรอกกันมั้ย   แพนเค้กสัตว์ป่า…

Sambo ช้างแก่เพศเมียอายุประมาณ 40-45 ปีตัวนี้ มันเป็นหนึ่งในช้างกว่า 13 ตัว ที่ถูกบริษัททัวร์ Angkor Elephant Company นำมาใช้แรงงานในการแบกนักท่องเที่ยว เพื่อเดินทางไปเยี่ยมชมนครวัดที่ประเทศกัมพูชา มาตั้งแต่ปี 2544 จนในที่สุดเจ้า Sambo ก็จากไปด้วยอาการหัวใจวาย ขณะกำลังแบก 2 นักท่องเที่ยวเป็นเวลานานกว่า 40 นาที ท่ามกลางอุณหภูมิอากาศที่ร้อนจัดถึง 40 องศาเซลเซียล     ด้วยความที่อากาศร้อนจัด บวกกับกำลังถูกใช้แรงงานเป็นเวลานาน  ทำให้ร่างกายของมันเกิดความอ่อนเพลีย และขาดลมพัดให้ร่างกายเย็นขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เจ้า Sambo ที่น่าสงสาร เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน จนเป็นลมลงไปกองที่พื้น และในที่สุดมันก็ตายอย่างน่าเวทนา     ซึ่งหลังจากที่ภาพของเจ้า Sambo ถูกนำไปเผยแพร่ลงบนโลกโซเชียล กลุ่มคนรักสัตว์ต่างก็พากันออกมาวิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างหนักว่า ทำไมถึงนำช้างแก่มาใช้แรงงานในสภาพที่อากาศร้อนจัดถึงแบบนี้ พร้อมกันนี้ยังมีการเรียกร้องให้ยุติการใช้แรงงานช้างในการนำไปเป็นพาหนะแบกนักท่องเที่ยว  และขอให้บรรดานักท่องเที่ยวไม่ให้การสนับสนุนการท่องเที่ยวในลักษณะนี้อีก     ขณะที่ทางทางผู้จัดการของบริษัททัวร์ Angkor Elephant Company  ก็ได้ออกมาเผยว่า ทางบริษัทรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก…

เคยไหม? เวลาทำผิดแล้วถูกจับได้ แล้วคุณจะต้องยอมทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอfจากสถานการณ์นั้นๆ เชื่อว่าหลายคนคงประสบพบเจอกับเหตุการณ์เหล่านี้มาก่อนแน่นอน ถ้าอย่างนั้นมันก็คงคล้ายๆ กับกรณีของชายชาวจีนคนนี้ ที่ลงทุนกินเมมโมรี่การ์ดเข้าไป เพื่อหวังทำลายหลักฐานที่เขาได้กระทำการบางอย่างบนรถไฟฟ้าใต้ดิน ณ นครหนานจิง มณฑลเจียงซู ประเทศจีน     โดยเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยว่า ชายชาวจีนคนดังกล่าว ได้แอบถ่ายภาพใต้กระโปรงของหญิงสาวบนรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่ทว่าเขากลับโดนหญิงสาวคนนั้นจับได้ซะก่อน เอาแล้วๆ เรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไปกันละเนี่ย หลังจากที่หญิงสาวผู้เสียหาย จับได้ว่าชายคนดังกล่าวได้แอบถ่ายใต้กระโปรงของเธอ เธอจึงบอกให้เขาลบภาพออกให้หมดทันที ก่อนที่จะตะโกนบอกให้ผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่อยู่บนขบวนได้รับรู้ถึงการกระทำสุดหื่นกามของเขา     ในที่สุดก็เดินทางมาถึงจุดที่พีคที่สุดของเรื่อง เพราะหลังจากที่ชายหื่นได้หยิบเมมโมรี่การ์ออกมาจากมือถือ เขาก็รีบยัดมันเข้าปากแล้วกลืนลงท้องไปอย่างหน้าตาเฉย เพื่อหวังทำลายหลักฐาน จากนั้นเมื่อรถจอดเทียบชานชาลา เขาก็วิ่งหนีออกจากรถไฟฟ้าไปในที่สุด     ทั้งนี้ ภายหลังที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวของชายหื่นคนดังกล่าวได้ ก็พบว่า เมื่อปี 2557 เขาเคยถูกจับมาแล้ว ในข้อหาแอบถ่ายภาพใต้กระโปรงหญิงสาวบนรถไฟฟ้า โอ้ววว ประวัติศาสตร์กลับมาซ้ำรอยอีกครั้งสินะ ที่มา : dailymail

เรียกว่ามีข่าวออกมาเรื่อยๆ สำหรับอันตรายจากการใช้งานโทรศัพท์ขณะชาร์จแบตเตอร์รี่ และเคสล่าสุดเกิดขึ้นที่ประเทศมาเลเซียใกล้ๆ ประเทศไทยนี่เอง เรื่องราวมีอยู่ว่า Muhammad Syawal Md Isa ชายหนุ่มวัย 28 ปีคนหนึ่ง ประสบอุบัติเหตุโทรศัพท์มือถือระเบิด หลังจากเขาพยายามรับโทรศัพท์ ขณะที่ชาร์จแบตเตอรี่อยู่ จนทำให้เกิดแผลเหวอะหวะทั้งที่บริเวณใบหน้า หู หน้าอก และหัวไหล่     หลังจากเกิดเหตุ เขาก็ถูกส่งไปยังโรงพยาบาลท้องถิ่นเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้น ก่อนจะถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านหู คอ จมูก ตา เพื่อเช็คอาการโดยละเอียด ซึ่งพบว่ามีชิ้นส่วนโทรศัพท์เข้าไปฝังในตาขวาของเขาด้วย “นอกจากมีเลือดในตาข้างขวาแล้ว เรายังพบว่าแก้วหูของเขาอาจได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด” แพทย์จากโรงพยาบาล Sultan Abdul Halim กล่าว     อย่างไรก็ตาม สาเหตุของการระเบิดครั้งนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการสืบสอน และทางตำรวจจะออกมาแถลงการในภายหลัง     เห็นแบบนี้แล้ว เพื่อนๆ ที่ชอบใช้มือถือไป ชาร์จไปก็ขอให้เลิกเถอะนะฮะ ไม่งั้นอาจเกิดอันตรายแบบนี้ก็เป็น ที่มา Malaysiandigest

ภาพจากคลิปวีดีโอเหตุการณ์สุดระทึกที่คุณได้รับชมกันอยู่นี้ เกิดขึ้นที่บาร์แห่งหนึ่งในประเทศฝรั่งเศส โดยในคลิปได้ปรากฏให้เห็นเป็นภาพของโจรรายหนึ่ง สวมหน้ากากอำพรางใบหน้า แล้วบุกเข้ามาภายในบาร์แห่งนี้ พร้อมกับถือปืนในมือเพื่อมาจ่อปล้นเจ้าของร้าน     ซึ่งเจ้าของร้านบาร์ดังกล่าว คือหญิงเสื้อแดงวัยกลางคน ที่กำลังอุ้มทารกน้อยอยู่ โดยในขณะที่โจรกำลังเข้ามาปล้นนั้น เธอไม่ได้มีท่าทางเกรงกลัวเลยเลยสักนิด แถมยังทำในสิ่งที่หลายคนคิดไม่ถึง     หลังจากที่โจรเข้ามาในร้าน คุณป้าที่กำลังอุ้มทารกน้อยอยู่ ก็ได้นำทารกไปวางไว้ในที่ปลอดภัย หลังจากนั้นเธอก็ได้เข้าไปเจรจากับโจรอย่างใจเย็น     แต่ทว่าโจรรายนี้ กลับบังคับให้เธอเอาเงินใส่ในกระเป๋าให้จนได้   ทันใดนั้นเอง แทนที่คุณป้าจะเอาเงินใส่ในกระเป๋า เธอกลับคว้ามันมา แล้วเอากระเป๋าทุบไปที่โจรคนดังกล่าวทันที จนสุดท้ายโจรกลับสิ้นลาย และถอยออกจากร้านไปในที่สุด     แม้ว่าโจรจะชักปืนออกมาจ่อ แต่คุณป้าก็ไม่เกรงกลัว แถมยังคว้ากระเป๋าตีโจรจนแผ่นแนบไปเลย ต้องขอยกนิ้วให้เธอเลยฮะ ทั้งใจกล้า และเด็ดเดี่ยวมากจริงๆ     ที่มา : dailymail

ภาพของ Zongshuge ร้านหนังสือแห่งใหม่ จากเมืองหางโจว ทางตะวันของประเทศจีน ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา เนื่องในวันอ่านหนังสือโลก บอกได้คำเดียวเลยว่า มันอลังการงานสร้างมากจริงๆ เพราะนอกจากมันจะถูกออกแบบขึ้นมาให้มีความสวยงามตระการตาแล้ว ร้านหนังสือแห่งนี้ยังถูกขนานนามว่าเป็นร้านหนังสือที่สวยที่สุดในโลกด้วยนะ     และในครั้งนี้เราก็จะขอพาเพื่อนๆ ทุกคนมาชมความอลังการงานสร้างของ ร้านหนังสือ Zongshuge แล้วคุณจะไม่ผิดหวังเลยว่า ทำไมร้านหนังสือแห่งนี้ถึงถูกยกให้เป็นร้านหนังสือที่สวยที่สุดในโลก     อลังการมาก   ร้านหนังสือ Zongshuge ถูกออกแบบขึ้นมาให้มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร ซึ่งภายในร้านถูกตกแต่ง และสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างงดงาม ในส่วนของเพดานก็สร้างขึ้นมาจากกระจกอีกด้วย     สำหรับร้านหนังสือ Zongshuge มีด้วยกันทั้งหมดถึง 2 สาขา โดยสาขาใหญ่ได้ตั้งอยู่ที่จุดศูนย์กลางเศรษฐกิจในนครเซี่ยงไฮ้     อีกทั้งภายในร้าน ยังถูกออกแบบให้เป็นห้องโถงหนังสือที่มีเป็นกำแพงม่านรูปทรงวงแหวน โดยหนังสือจะถูกแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ     ที่สำคัญในร้านหนังสือแห่งนี้ ยังมีโซนหนังสือที่จัดไว้เป็นที่สันทนาการสำหรับเด็กๆ อีกด้วย สุดยอดเลย!!   ใครที่เป็นหนอนหนังสือจะต้องถูกใจร้านหนังสือแห่งนี้แน่นอน ที่มา : people, cctvnewschina

เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2559 ทางสำนักข่างต่างประเทศได้เผยคลิปวีดีโอเหตุการณ์สุดสะเทือนใจ ที่เกิดขึ้นกลางย่านการค้า เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน และกำลังกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ในโลกออนไลน์ของจีน ณ ขณะนี้     จากภาพได้ปรากฏให้เห็นเป็นภาพของสามีและภรรยาคู่หนึ่ง กำลังทะเลาะวิวาทกันอย่างรุนแรง โดยฝ่ายชายได้ทำร้ายร่างกายของภรรยาอย่างรุนแรงจนทรุดลงไปนอนกับพื้น ต่อหน้าต่อตาของลูกสาวตัวน้อยที่ร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ     แม้ว่าเด็กหญิงตัวน้อยจะร้องไห้ และอ้อนวอนให้ผู้เป็นพ่อหยุดทำร้ายร่างกายของแม่ แต่เขาก็ไม่ยอมหยุด และยังคงทำร้ายเธอต่อไป     ด้านผู้เห็นเหตุการณ์ที่อยู่ ณ บริเวณนั้น ต่างก็พากันเข้ามาห้ามปรามการกระทำของชายคนดังกล่าว แต่สุดท้ายไม่เป็นผลเช่นกัน     และเมื่อคลิปวีดีโอดังกล่าว ถูกนำไปเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตจีนต่างก็พากันเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำสุดถ่อยของชายคนดังกล่าว โดยมีการแสดงความเห็นว่า ชายผู้นี้สมควรถูกจับ ในข้อหาใช้ความรุนแรงในครอบครัว ขณะที่ชาวเน็ตบางส่วนต่างแสดงความชื่นชม ที่ผู้เห็นเหตุการณ์พยายามเข้ามาช่วยเหลือหญิงผู้เคราะห์ร้าย     ที่มา : cctvnewschina

ประเทศญี่ปุ่นนี่มีอะไรมาให้เราได้ตื่นเต้นตลอดจริงๆ ซึ่งส่วนมากก็เป็นอะไรที่สร้างสรรค์ทั้งนั้น (ไม่เหมือนประเทศจีนหรืออินเดียที่เป็นทรงน่าตกใจมากกว่า) อย่างเช่นข่าวที่เหมียวอ๊อดโด้ นำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมวันนี้ รับรองว่าเห็นแล้วต้องอิจฉานักศึกษาญี่ปุ่นแน่นอน ที่พวกเขามีอาจารย์สุดเฟี้ยวแบบนี้!! เรื่องราวดังกล่าวเป็นของ Kazunori Uhyo Sugiura หรือ Pietoro Woo Hiyo Hiyo ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยการออกแบบสื่อ มหาวิทยาลัยไคโอะคนนี้ ซึ่งความเจ๋งของเขาคือ เขาแต่งชุดคอสเพลย์มาสอนหนังสือ!!   เขาบอกว่าเขาเป็นอาจารย์สอนวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และวิชาวัฒนธรรมโอตาคุ ถ้าวันไหนที่เขาสอนวิชาวัฒนธรรมโอตาคุ เขาก็จะแต่งคอสเพลย์มาสอน ซึ่งชุดส่วนมากเขาก็จะทำชุดเองทั้งนั้น   ซึ่งนับตั้งแต่เริ่มสอนวิชานี้ เขาก็แต่งชุดคอสเพลย์มาตลอด โดยเลือกเอาจากการ์ตูนหรือเกมที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนั้น อย่างล่าสุด แกเพิ่งคอสเพลย์เรื่อง Attack on Titan ไป เป็นไง เฟี้ยวมั้ยละ   คงจะเป็นชั้นเรียนที่สนุกน่าดูเลยนะเนี่ย ใครที่ชื่อชอบก็ไปกดติดตามเพจของเขากันได้นะฮะที่ PIetoro Woo Hiyo Hiyo หรือถ้าใครอยากจะลองไปเรียนกับแก ก็ลองไปเรียนได้ที่ญี่ปุ่นนะจ๊ะ ฮาาาา ที่มา Rocketnews24

หากพูดถึงน้ำพุ ภาพที่เรานึกถึงคืออะไร ลานกว้างๆ ที่มีท่อยิงน้ำขึ้นท้องฟ้าหลายๆ อันใช่หรือเปล่า สำหรับน้ำพุโดยทั่วไปก็คงจะเป็นอย่างนั้น แต่นั่นมันธรรมดาไป วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมน้ำพุสุดอลังการงานสร้างจากทั่วโลก ที่เพื่อนๆ เห็นแล้วต้องอยากไปชมด้วยตาตนเองซักครั้ง จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย   น้ำพุ Metalmorphosis Mirror, ประเทศสหรัฐอเมริกา   น้ำพุ Julie Penrose , ประเทศสหรัฐอเมริกา   น้ำพุ Water Boat, ประเทศสเปน   น้ำพุ Divers, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์   น้ำพุ Montjuïc, ประเทศสเปน   น้ำพุ Floating Faucet, ประเทศสเปน   น้ำพุ Swarovski, ประเทศออสเตรีย   น้ำพุ Fountain of Wealth, ประเทศสิงค์โปร์   น้ำพุ 71, ประเทศสหรัฐอเมริกา   น้ำพุ Charybdis Vortex,…

คุณอาจจะเคยเห็นศิลปะแนว Street art ถูกสร้างขึ้นแต่บนกำแพงใช่ไหมละ แต่จริงๆ แนว Street art มันไม่ได้ถูกจำกัดแค่ว่าจะต้องสร้างขึ้นเฉพาะบนกำแพงเท่านั้น แต่บันไดที่เราใช้เดินขึ้น-ลง ก็สามารถเนรมิตให้กลายเป็นศิลปะเจ๋งๆ ได้เหมือนกัน และนี่ก็คือ 27 ภาพงานศิลปะแนว Street art บนบันไดจากทั่วทุกมุมโลก ที่มีทั้งความน่าสนใจ และสวยงามมากๆ เลยทีเดียว เชื่อว่าหากคุณได้เดินผ่านบันไดเหล่านี้ คุณจะต้องหยุดมองอย่างแน่นอน   1.Albertina, Vienna   2.Seoul, South Korea   3.Chicago, Illinois   4.Philadelphia Museum of Art   5.Izmir, Turkey   6.Poznan, Poland   7.Bucharest, Romania   8.Santorini, Greece   9.Belgrade, Serbia   10.Valparaiso, Chile  …

ก็เรียกได้ว่าเป็นการเดินทางที่แสนยาวนานจริงๆ สำหรับ  Stergios และ Alexandra หรือรู้จักกันในนาม “worldvespa” ที่ได้ออกเดินทางจากประเทศกรีซตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม ปี 2013 นู่นเลยทีเดียว เพื่อไปยังประเทศแอฟริกาใต้และทวีปอเมริกาใต้ พวกเขาเดินทางอย่างไม่หยุดหย่อนกว่า 859 วัน ผ่านกว่า 27 ประเทศ และระยะทางกว่า 60,000 กิโลเมตรด้วยกัน ด้วยรถเวสป้าคู่ใจของพวกเขา   จากทะเลทรายซาฮาร่า ใน Morocco   เดินกันสักหน่อยตอนยางรั่ว ใน Burkina Faso   ปั้มน้ำมันในละแวก   ชายหาดสวยๆ ในโตโก   ถนนไปยัง Abuja ในประเทศไนจีเรีย   ป่าในแคเมอรูน   เด็กๆ มาดูเวสป้าในคองโก   บางสถานที่กันดารเกินไปก็ต้องอาศัยรถกระบะเพื่อผ่านไป   ถนนสายเล็กๆ ตัดผ่านป่าในคองโก   ทางไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่ แต่ก็ยังยิ้มได้   ความช่วยเหลือที่มีให้ตลอดเส้นทาง   วิวสวยๆ ที่มีให้เห็นกันได้ตลอด  …

สำหรับธรรมชาติ ก็เรียกได้ว่าสร้างสรรพสิ่งต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ซึ่งบางแห่งอาจเรียกได้ว่าเป็นสมบัติอันล้ำค่าของโลกใบนี้เลยทีเดียว ที่ได้คงอยู่ท้าทายกาลเวลามานับพันๆ ปีก่อนที่เราจะเกิดเสียอีก แต่ก็นั่นแหละ มนุษย์ก็เป็นหนึ่งในตัวการที่ทำลายธรรมชาติเหมือนกัน ดำรงมานับล้านๆ ปี แต่จะมาพังทลายในช่วงปีของมนุษย์นี่แหละ และนี่ก็คือ 26 สถานที่สวยๆ จากรอบโลก (สร้างโดยทั้งมนุษย์และธรรมชาติ) ที่คุณควรไปเยี่ยมชมก่อนที่พวกมันจะสลายหายไปเหลือเพียงแต่ความทรงจำเท่านั้น…ลองมาดูกันว่ามีที่ไหนบ้าง   กำแพงเมืองจีน ทั้งจากการรุกล้ำเพื่อทำการเกษตร การกัดกร่อนตามธรรมชาติ และที่หนักสุดก็คือการแอบขโมยเอาอิฐของกำแพงส่วนหนึ่งไปขายของเหล่าผู้ลักลอบ ตอนนี้ 2 ใน 3 ของกำแพงเมืองจีนทั้งหมดได้ถูกทำลายไปแล้วล่ะ   Taj Mahal ในอักรา ประเทศอินเดีย หนึ่งในอนุสรณ์สถานแห่งความรักที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในโลก หลังจากถูกการกัดกร่อนและมลพิษรุมเร้ามาหลายต่อหลายปี ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญส่วนมากคาดการณ์ว่ามันจะถล่มลงมาในไม่ช้า   Dead Sea ทะเลที่มีความเค็มที่สุดในโลกของพรมแดนอิสราเอลและจอร์แดน ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมานี้จำนวนน้ำของทะเลแห่งนี้ได้ลดลงไปกว่า 24 เมตร และมีทีท่าว่าจะลดไปอีก หลักๆ แล้วก็เพราะการใช้น้ำเกินขนาดในแม่น้ำจอร์แดน  กระแสน้ำหลักที่ไหลลงสู่ Dead Sea นั่นเอง   Denali National…

สำหรับแสนยานุภาพทางทหาร ถึงในปัจจุบันความสำคัญจะลดลงไปมากกว่าแต่ก่อนเพราะมีการแข่งขันกันอย่างหนักหน่วงทางภาคเศรษฐกิจแทน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากำลังทหารนั้นมีความสำคัญในการรักษาความสงบและเรียบร้อย รวมถึงการเป็นอำนาจต่อรองในสถานการณ์ต่างๆ ล่าสุดก็มีรายงานจากทาง Credit Suisse เกี่ยวกับ 20 ประเทศที่มีแสนยานุภาพทางการทหารแข็งแกร่งที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน โดยจะวัดจากกองกำลังทหารพร้อมรบ จำนวนรถถัง จำนวนเฮลิคอปเตอร์ จำนวนอากาศยาน เรือบรรทุกอากาศยาน และเรือดำน้ำ เป็นอัตรา 5-10-15-20-25-25 ด้วยกัน และนี่คือ 20 ประเทศที่ว่าล่ะ!!   อันดับ 20 ประเทศแคนาดา เงินทุน: 15,700 ล้านเหรียญ กำลังพร้อมรบ: 92,000 นาย รถถัง: 181 คัน จำนวนเครื่องบิน: 420 ลำ เรือดำน้ำ: 4 ลำ ถึงแม้จะมีกำลังพลพร้อมรบที่น้อย มีจำนวนเครื่องบินรถถังที่ก็น้อยเช่นกัน แต่อย่าลืมว่าแคนาดาเป็นพันธมิตรหลักกับสหรัฐอเมริกา แถมเป็นสมาชิกของ NATO และยังเข้าร่วมสงครามกับสหรัฐฯ ในอิรักและอัฟกานิสถานอีกด้วย เรียกได้ว่าผ่านสนามมาอย่างโชกโชนเลยล่ะ   อันดับ 19 ประเทศอินโดนีเซีย เงินทุน: 6,900…

คงจะเป็นกีฬาที่ไม่มีแฟนๆ หนังสือพ่อมดน้อย แฮร์รี่ พอตเตอร์ คนไหนอยากพลาดเลยทีเดียวกับ ‘ควิดดิช’ ที่เหล่าพ่ดมดแม่มดจะขี่ไม้กวาด ขว้างลูก ตีลูก และไล่จับลูกเพื่อเอาชัยชนะเหนือทีมตรงข้ามให้ได้ แต่เชื่อมั้ยกีฬานี้มีคนเล่นกันจริงๆ เหล่านักศึกษามหาวิทยาลัยนับพันคนมาขี่ไม้กวาดยิงลูกวอลเลย์บอลกัน เบียดแย่งลูกกันทำคะแนน และกว่า 60 ทีมจากทั้งมหาวิทยาลัยและชุมชนได้เข้าร่วมแข่งขันในงาน U.S. Quidditch Cup ครั้งที่ 9 นี้!!!   กีฬาควิดดิช…ใช่แล้ว ควิดดิชนั่นแหล่ะ!!   เล่นกันจริงๆ มีการจัดการแข่งขันกันขึ้นจริงๆ ซะด้วย   หลักๆ แล้วทุกๆ ทีมจะได้เล่นกันอย่างเต็มๆ 3 เกมด้วยกัน และทีมที่ชนะมากที่สุดก็จะเข้ารอบไปเพื่อไปแข่งอีกวันหนึ่ง และวันที่สองนี่แหละจะหาทีมที่เป็นแชมป์ให้ได้ และถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควรเลยทีเดียว เพราะทุกๆ ปีจะมีผู้เข้าร่วมแข่งขันมากขึ้นๆ แรกเริ่มเดิมทีนั้นการแข่งขันนี้ใช้ชื่อว่า Quidditch  World Cup มาตั้งแต่ปี 2007 เลยทีเดียว แต่พึ่งเปลี่ยนเป็น U.S. Quidditch Cup เมื่อราวๆ ปีที่แล้ว   เป็นกีฬาที่ดุเดือดไม่แพ้ในหนังจริงๆ ฮร่าาาา   สำหรับในตอนนี้มีทีมกว่า…

สิ่งที่คู่กันกับเด็กๆ ที่แทบจะแยกกันไม่ออกกันเลยทีเดียวก็คือเหล่าสัตว์เลี้ยงนั่นเอง แทบจะเรียกได้ว่าเป็นความฝันของพวกเขาเลยก็ว่าได้ที่จะมีสัตว์เลี้ยงสักตัวเพื่อที่จะพร้อมเติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กันกับพวกเขา Matt เด็กหนุ่มวัย 14 ชาวออสเตรเลียคนนี้ก็เช่นกัน ที่อยากได้ลูกหมาสักตัวเพื่อเป็นของขวัญในวันคริสมาสต์ แต่พ่อแม่ไม่อนุญาต และหลังจาก Matt รบเร้าอยู่นานพอสมควร พ่อแม่ของเขาเลยเสนอทางเลือกให้เลี้ยงอัลปาก้าซะเลย   และนั่นทำให้เขาได้พบกับเจ้า Chewy อัลปาก้าที่กลายมาเป็นเพื่อนซี้ของเขา   เจ้าชิวอี้ก็เป็นอัลปาก้าธรรมดาๆ นี่แหละ ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมาย ที่พ่อแม่ของเขาพาไปเลือกที่ฟาร์ม Mt. Compass ในประเทศออสเตรเลีย แถมยังเป็นอัลปาก้าตัวเล็กที่สุดในฝูงซะด้วย   ตอนนี้มันก็มีชีวิตสุดพิเศษกับ Matt ทำสิ่งที่เด็กๆ กับสัตว์เลี้ยงทำด้วยกัน เล่นในสระน้ำ แม้กระทั่งการเล่นสเก็ตในหมู่บ้าน   สำหรับตอนนี้พวกเขาก็อยู่ด้วยกันมาเกือบ 2 ปีกว่าแล้วล่ะ   และสาเหตุที่มันได้ชื่อว่าชิวอี้ ไม่ใช่เพราะว่า Matt เป็นแฟนสตาร์ วอร์ส หรอกนะจ๊ะ   เพราะชิวอี้ในภาษาอังกฤษแปลว่า ‘เจ้าแสบชอบเคี้ยว’ นั่นเอง   เล่นได้สนุกสนานเหมือนสัตว์เลี้ยงบ้านๆ เรานี่แหละ   ถ่ายภาพลงโซเชียลซะด้วย   สนใจเลี้ยงกันสักตัวมั้ยจ๊ะเพื่อนๆ ^^…

สำหรับคำนิยามการใช้ชีวิตแบบทางเลือก ของผู้คนในยุคสมัยต่างๆ นั้นย่อมเรียกไม่เหมือนกันไป แต่ในยุคปัจจุบันเรามักจะเรียกพวกเขาว่าฮิปสเตอร์ล่ะ แล้วอะไรคือความแตกต่างของพวกเขากัน!? วันนี้ #จ่าสิบเหมียว เลยอยากจะยกเรื่องของอาหาร มาเป็นตัวบ่งชี้ความแตกต่างระหว่างคนธรรมดากับเหล่าฮิปสเตอร์ เราลองมาดูกันเลย ฮ่าๆๆๆ   สปาเก็ตตี้ของผู้คนทั่วไป   สปาเก็ตตี้ของเหล่าฮิปสเตอร์   ในส่วนของน้ำมะนาว   ฮิปสเตอร์พอมั้ยล่ะ   ไอศกรีม   เบียร์   แฮมเบอร์เกอร์   มันฝรั่งทอด   กาแฟ   ซีเรียลอาหารเช้า   หรือจะเป็นอาหารเช้า   น้ำดื่มของคนธรรมดาและฮิปสเตอร์   มัฟฟิน   ปอเปี๊ยะทอด   แซนด์วิชระหว่างคนธรรมดาและของฮิปสเตอร์   ก็พอจะเห็นความแตกต่างของคนธรรมดากับฮิปสเตอร์ล่ะเนาะ หลักๆ ก็เพราะการที่ทำอะไรไม่เหมือนคนอื่นนั่นแหละ แต่ก็เป็นเพียงแค่วิถีการดำเนินชีวิตเท่านั้นล่ะเนาะ ที่มา: Buzzfeed

หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวที่เมืองคุมะโมโตะ บนเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แน่นอน หลังจากเกิดภัยพิบัติขึ้น สิ่งที่ตามมาคือความเสียหาย ไม่ว่าที่เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตหรือข้าวของต่างๆ ซึ่งเหล่าพี่น้องที่ประสบภัย ต้องประสบความยากลำบากในการฟื้นฟูความเสียหายเหล่านั้น โชคดีที่ความช่วยเหลือจากทุกมุมโลก ต่างมุ่งตรงไปยังจุดที่ประสบภัยเหล่านั้น คุณ Kunio Nakamura ก็เช่นกัน เขาเป็นช่างฝีมือในการซ่อมเครื่องเรือนต่างๆ เขาจึงอาสาเขาไปซ่อมแซมเครื่องเรือน เครื่องเซรามิกต่างๆ ที่เสียหายจากภัยพิบัติ โดยใช้เทคนิคการซ่อมที่สืบทอดมาแต่โบราณ เรียกว่า Kintsugi นั่นเอง   Kintsugi คือเทคนิคในการใช้ของเหลวในการเชื่อมประสานเครื่องเซรามิกที่แตกให้กลับมาอยู่ในรูปเดิม   ล่าสุดคุณ Kunio Nakamura ได้โพสข้อความทางทวิตเตอร์ว่า ชาวคุมะโมเตะอย่าเพิ่งทิ้งเครื่องเรือนเซรามิกที่แตกไป เขากำลังจะเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ และซ่อมแซมเครื่องเซรามิกเหล่านั้นให้ฟรีๆ   เมื่อตอนปี 2011 ที่เกิดแผ่นดินไหวที่เขตโตโฮกุ เขาก็เคยเดินทางไปเพื่อซ่อมแซมเครื่องเรือนเซรามิกให้กับผู้ประสบภัยเช่นกัน   แน่นอน จานใบหนึ่งอาจไม่ได้มีราคาแพงมาก การจะซื้อใหม่อาจไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากอะไร แต่คือการแสดงให้เห็นว่าถึงจานจะแตก ก็สามารถซ่อมแซมใหม่ได้ เหมือนกับสิ่งที่สูญเสียไประหว่างภัยพิบัติ เราก็สามารถซ่อมแซมและฟื้นฟูมาใหม่ได้เช่นกัน     สุดยอดเลยจริงๆ ยังไงก็ขอให้พี่น้องชาวญี่ปุ่นที่ประสบภัยเข้มแข็งไว้นะฮะ #เหมียวอ๊อดโด้ เชื่อเสมอว่า What doesn’t kill you…

ก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวสุดน่ารักของเด็กสาวน้อยคนหนึ่งที่จะทำให้เพื่อนๆศรัทธาในคำว่ามิตรภาพและการแบ่งปันในหมู่เพื่อนมนุษย์อีกครั้ง… Brooklyn Andracke สาวน้อยอายุ 3 ขวบที่ทำให้หัวใจของผู้คนพองโตด้วยการนำคัพเค้กวันเกิดของเธอไปให้กับชายหนุ่มพนักงานเก็บขยะในละแวก Delvar Dopson และต้องบอกตรงๆ เลยล่ะว่าเธอเป็นหนึ่งในแฟนคลับตัวยงของเขาเลยล่ะ ‘ทุกๆ วันพฤหัสบดี Brooklyn จะตื่นเต้นทุกครั้งที่จะได้เจอกับหนุ่มพนักงานเก็บขยะ เพราะเขามักจะมากับรอยยิ้มและการโบกไม้โบกมือให้กับเธอเสมอๆ’ คุณแม่กล่าว   Brooklyn และ Delvar   ราวๆ สัปดาห์ที่แล้วทั้งคุณแม่และลูกสาวก็เลยตัดสินใจที่จะเอาคัพเค้กไปให้กับ Delvar โดยได้ทำการห่อคัพเค้กไว้ 1 ชิ้นและรอเขาขับรถผ่านมา…   พอ Dopson เหยื่อของเราขับรถมาถึง หนูน้อยก็โบกให้เขาหยุดรถและมอบคัพเค้กให้กับเขาทันที ทำเอาพนักงานหนุ่มของเราซึ้งจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว   นอกจากนี้คุณแม่ก็ได้อธิบายให้กับชายหนุ่มได้ฟังว่า ‘ทุกๆ วันพฤหัสบดีลูกสาวของเราจะตื่นเต้นมากๆ ขอบคุณที่ทำให้ทุกๆ วันที่ขับรถมาเก็บขยะเป็นวันพิเศษสำหรับเธอ ด้วยเสียงแตรและการโบกไม้โบกมือทักทายอันเป็นมิตร’  ส่วนหนุ่มพนักงานเก็บขยะของเราก็ตอบกลับว่า ‘Brooklyn เป็นเด็กที่น่ารัก ทุกๆ เช้าวันพฤหัสบดีที่จริงแล้วเรามีประชุมกัน ผมจะรีบออกจากที่ประชุมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อจะได้มาทักทายหนูน้อย ถึงผมจะไม่มีโอกาสได้มีลูก แต่ก็ได้มีโอกาสดูแลและพูดคุยกับเด็กๆ หลายคนเลยล่ะ’   แถมสัปดาห์ต่อมา เจ้าหนุ่มของเราก็เซอไพร้ส์หนูน้อยด้วยของขวัญชุดของเล่นจาก Frozen ซะเลย   เรื่องราวสุดประทับใจนี้ได้รับการแชร์ในสังคมออนไลน์จนโด่งดังกว่า 2,000 ครั้งด้วยกัน…

เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยภาพ พร้อมคลิปวีดีโอวินาทีสุดประทับใจของ “Katrl” แม่โลมาคาดขาวแปซิฟิก อายุ 28 ปี กำลังให้กำเนิดลูกโลมาน้อยกลางน้ำ ภายในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเชดด์ (Shedd Aquarium) ณ เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางการเฝ้าสังเกตุการณ์อย่างใจจดใจจ่อของเจ้าหน้าที่ทางพิพิธภัณฑ์ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่แผนกดูแลสัตว์และทีมสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รวมแล้วกว่า 40 ชีวิต     จากภาพเราจะเห็นว่า หางน้อยๆ ของลูกโลมาเริ่มโผล่ออกมาจากท้องของแม่  จากนั้นเจ้าโลมาก็ค่อยๆ โผล่คลอดออกมาสำเร็จในที่สุด ซึ่งการคลอดในครั้งนี้ใช้เวลาไปนานกว่า 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว     นอกจากนี้ทางสำนักข่างต่างประเทศยังได้ระบุว่า เจ้าลูกโลมามีน้ำหนักอยู่ที่ 11 กิโลกรัม มีขนาดลำตัวยาว 91 เซนติเมตร ซึ่งหลังจากที่มันได้ออกมาลืมตาดูโลก เจ้าโลมาน้อยก็พยายามลอยตัวขึ้นไปบนผิวน้ำทันที แถมแม่ของมันยังใช้ครีบคอยช่วยและหางพยุงไว้ เพื่อให้ลูกได้รับออกซิเจนหายใจยังไงละ     ด้าน Lisa Takaki ผู้จัดการอาวุโสจากศูนย์ดูแลสัตว์น้ำ ก็ได้ออกมาเผยว่า…

โดยปกแล้ว เวลาที่เราเจอพวกผึ้ง หรือต่อ มันก็ทำให้เรากลัวกันแล้วใช่ไหมละ แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งคุณเกิดเจอต่อที่มีขนาดใหญ่ยักษ์กว่าต่อทั่วๆ ไป เฮ้อ…แค่คิดก็ขนลุกแล้ววววววว     และนี่ก็คือภาพของ Asian hornet หรือ ต่อยักษ์เอเชีย ที่มีขนาดตัวยาวถึง 3 นิ้ว ถูกพบในตู้เสื้อผ้าของหญิงสาวชาวญี่ปุ่นรายหนึ่ง ซึ่งมันกำลังไต่เกาะอยู่บนเสื้อกันหนาวที่แขวนไว้ในตู้ งานนี้ทำเอาหญิงคนดังกล่าวถึงกับสตั้นไปชั่วขณะเลยทีเดียว     ดีนะที่สาวรายนี้ตั้งสติได้ทัน และโชคดีที่เธอไม่ถูกต่อย เพราะหลังจากที่ได้พบกับเจ้าต่อยักษ์ เธอก็นำอุปกรณ์มาคีบมันออกไปอย่างระมัดระวังที่สุด     นอกจากนี้ เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่า ต่อยักษ์เอเชีย ไม่ได้มีขนาดตัวที่ใหญ่ยักษ์เพียงอย่างเดียว แต่มันยังได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่มีพิษร้ายแรงมากๆ เลยละ เพราะพิษของมันสามารถทำลายเนื้อเยื่อของมนุษย์ และฆ่าผึ้งธรรมดาได้ถึง 40 ตัวในครั้งเดียวเลยนะ     บอกเลยว่าแค่ได้เห็นภาพก็ทำเอาเหมียวขี้อ้อนขนลุกซู่แล้ว!! ที่มา : dailymail

ปกติเวลาเราซื้อบ้านหรือคอนโดใหม่ เราก็คาดหวังสิ่งที่ดีที่สุดใช่มั้ยละ สำหรับ Jyotsna Puthran ศิลปินและผู้กำกับคนนี้ก็เช่นกัน เขาซื้อคอนโดใหม่เพื่ออยู่อาศัยและทำเป็นสตูดิโอส่วนตัว ในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย ช่วงแรกทุกอย่างก็ดูโอเค จนกระทั่งเมื่อเขาอยู่ไปซักพัก พอลองสังเกตทุกอย่างดีๆ เขาพบว่าคอนโดแห่งนี้มีสิ่งที่เขาต้องอึ้งอยู่เต็มไปหมด เพราะมันไม่มีอะไรสมประกอบซักอย่างเลย!!   เริ่มจากปุ่มลิฟท์ ทำไมมันเป็นแบบนั้นล่ะ!!    ทำไมปุ่มเลือกชั้นถึงซ้ำกัน แล้วจะไปถูกมั้ยเนี่ย!!    ห้ามสูบบุหรี่…ก้นบุหรี่เพียบ    ปูพื้นก็คนละสีกัน   กลอนประตูก็ใช้ไม่ได้ ช่องมองประตูก็เบี้ยว แล้วจะเห็นคนที่ยืนหน้าห้องมั้ยเนี่ย    ลูกบิดก็ท่าทางร่อแร่    กระเบื้องก็คนละสี    สะพานไฟก็น่ากลัว    หลอดไฟก็เหมือนไม่ตั้งใจติด    บันไดนี่ทำมาทำไม    หน้าต่างนี่จะล็อคแน่นหนาไปไหน มีสามชั้นเลย แหม อยากจะเห็นหน้าคนสร้างจริงๆ แต่ละอย่างนี่น่าจับมาดีดกะโหลกมากๆ คิดเหมือนกันมั้ยเพื่อนๆ   ที่มา Boredpanda

ถ้าใครคิดว่าตัวเองกำลังมีวันแย่ๆ ล่ะ ลองดูเรื่องราวของหญิงวัยกลางคนคนนี้ดูก่อน รับรองว่าจากวันร้ายๆ ของคุณ จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย เรื่องราวมีอยู่ว่า ทางหน่วยดับเพลิงของเมืองนานกิงได้รับแจ้งเหตุฉุกเฉินจากหอพักแห่งหนึ่ง พวกเขาจึงรีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุทันที และเมื่อไปถึง พวกเขาพบว่ามีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุเท้าติดอยู่ในส้วมแบบนั่งยอง     เท้าของเธอเผอิญตกลงไป แล้วบิดในมุมที่ผิดปกติ จนเธอไม่สามารถดึงออกมาได้ และยิ่งไปกว่านั้น เธอเริ่มรู้สึกชาที่เท้าเพราะเลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงได้ ซึ่งหากปล่อยไปนานกว่านี้ เธออาจต้องตัดเท้าข้างนั้นทิ้งก็เป็นได้ สุดท้ายทางหน่วยกู้ภัยได้ใช้น้ำมันพืชเป็นตัวหล่อลื่น จนในที่สุด พวกเขาก็สามารถช่วยให้เท้าของหญิงคนดังกล่าว หลุดออกมาจากส้วมได้     ดูเหมือนว่าหน่วยกู้ภัยของประเทศจีนต้องมีความสามารถหลากหลายพอสมควรเลยทีเดียว เพราะปีก่อนก็มีชายคนหนึ่งแขนติดในส้วน หลังพยายามคว้ามือถือที่ร่วงลงไป จนเดือดร้อนหน่วยกู้ภัยต้องมาช่วยออกไป       ทีหลังใครเข้าห้องน้ำแบบนั่งยอง ก็ระวังๆ ให้ดีนะเหมียว ไม่งั้นอาจเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ รับรองว่าไม่สนุกแน่นอน ที่มา Shanghaiist

เมื่อวันที่ 20 เมษายน ได้มีการเผยแพร่ภาพกลุ่มเมฆบนท้องฟ้าที่ดูมืดดำทมินจนน่ากลัว บนโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค และเกิดการแชร์กันออกไปมากมาย ซึ่งภาพดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นที่ อำเภอ วานรนิวาส จังหวัดสกลนคร เป็นภาพถูกถ่ายไว้ก่อนที่จะมีฝนตกลงมา แต่ภาพเหล่านั้นเกิดถูกตั้งข้อสงสัยว่ามันเป็นโทนสีดำที่ดูโอเวอร์เกินจริง   ล่าสุดวันที่ 21 เมษายน แอดมินเพจ ‘มหัศจรรย์แห่งสกลนคร’ บอกว่าตั้งแต่ภาพเหล่านั้นถูกแชร์ออกไปทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากและทำให้แตกตื่น ทางแอดมินเลยต้องลบหัวข้อนั้นออกไป โดยภาพเหล่านั้นที่ดูเกินจริงอาจเกิดจากเอฟเฟกส์ของกล้อง และมุมของคนถ่าย   ลองมาดูภาพเปรียบเทียบกันดู… ภาพที่เกิดจากเอฟเฟกต์กล้อง   ภาพจริง   และก็ได้มีแฟนเพจคอยช่วยส่งภาพจากโปรศัพท์เพื่อยืนยันว่าภาพเหล่านั้นเป็นภาพที่เกินกว่าความเป็นจริง และทางแอดมินก็ได้ออกมาขอบคุณแฟนเพจเป็นที่เรียบร้อย     ตอนแรก #เหมียวฮานะ ก็ตกใจอยู่แหล่ะมืดขนาดนั้น นึกว่าโลกจะแตกซะละ หรือไม่ก็ต้องมีเอเลี่ยนบุกมาแน่ๆ ( ไม่ใช่ละๆ ฮ่าๆ) ที่มา : มหัศจรรย์แห่งสกลนคร

เวลาไปเดินช็อปปิ้ง ใครๆ ก็อยากจะได้ใครซักคนมาช่วยถือของเวลามีข้าวของเต็มไม้เต็มมือใช่มั้ยละ ซึ่งหลายๆ คนอาจจะให้สาวๆ หรือหนุ่มๆ มาช่วยถือ แต่จะเป็นอย่างไร หากคนที่มาช่วนถือของ กลายเป็นหุ่นยนต์รับใช้ล่ะ? เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในมณฑลกวางโจว ประเทศจีน เมื่อมีเศรษฐีวัยกลางคนคนหนึ่ง พาหุ่นยนต์รับใช้ 8 ตัวออกมาเดินช็อปปิ้งในห้างดังกล่าว จนกลายเป็นที่สนใจของผู้ที่พบเห็น     เขาใช้ให้หุ่นยต์เหล่านั้น ช่วยถือของที่ซื้อมา รวมถึงเสื้อโค้ท น้ำดื่ม และข้าวของอื่นๆ อีกมายมาก ระหว่างที่เขากำลังจิบกาแฟในคาเฟ่แห่งหนึ่ง เมื่อภาพเหล่านี้เผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตจีนก็ต่างแซ่ซ้องพฤติกรรมของเศรษฐีคนนี้ว่าเป็นเหมือนคนที่ร่ำรวยเพียงข้ามคืน และไร้รสนิยมในการใช้เงินเป็นอย่างมาก       ในช่วงไม่ปีที่ผ่านมา ความนิยมในหุ่นยนต์รับใช้ในประเทศจีนเพิ่มขึ้นสูงเป็นอย่างมาก โดยเริ่มจากร้านอาหารแห่งหนึ่งในมณฑลกุ้ยโจว ได้นำหุ่นยนต์รับใช้ มาคอยบริการลูกค้าในร้าน     ท่าทางจะสะดวกสบายดีนะเนี่ย บางทีสาเหตุที่เศรษฐีคนนี้เอาหุ่นยนต์มาช่วยถือของแทนสาวๆ เพราะหุ่นยนต์มันพูดไม่ได้ก็ได้นะ ฮาาาาาา ที่มา Mirror

หากพูดถึงสื่อที่ใช้ในการบันทึกดนตรีสมัยปัจจุบัน เราอาจนึกถึงแผ่น “ซีดี” หรือว่า “ไฟล์เพลง” เป็นส่วนมาก แต่ถ้าพูดถึงในอดีตแล้วล่ะก็ คงจะหนีไม่พ้น “แผ่นเสียง” หรือ “Vinyl” อย่างแน่นอน แม้หลายคนอาจคิดว่าการเก็บเพลงในรูปแบบไฟล์เพลงกลายเป็นเรื่องที่สะดวกสบาย แต่ก็ยังมีนักฟังเพลงหลายท่านชื่นชอบการฟังจากแผ่นเสียงมากกว่า ซึ่งในปัจจุบัน ก็ยังมีการผลิตแผ่นเสียงออกมาขายอยู่เรื่อยๆ แต่เป็นจำนวนที่ไม่มากนัก หากเทียบกับซีดี     ตอนนี้ดูเหมือนว่า กระแสการกลับมาฟังเพลงจากแผ่นเสียง เริ่มเป็นที่นิยมอีกครั้ง โดยล่าสุดมีรายงานว่า ยอดขายแผ่นเสียงในปีที่ผ่านมา มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 60 เปอร์เซ็น ซึ่งเทียบเท่ากับจำนวนที่ขายได้เมื่อช่วงยุค 80 หรือเมื่อ 30 ปีก่อนเลยทีเดียว แต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่ทุกคนที่ซื้อแผ่นเสียง จะซื้อเพื่อนำไป “ฟัง” เพราะมีอีกข่าวรายงานว่า ผู้ที่ซื้อแผ่นเสียงหลายท่าน ไม่มีเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่บ้าน?!?! แล้วพวกเขาซื้อไปทำไม?       สำนักข่าว BBC ได้สัมภาษณ์ Jordan Katende นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองแมนเชสเตอร์ ผู้ที่ชื่นชอบสะสมแผ่นเสียง แต่กลับไม่มีแผ่นเสียงที่บ้านแม้แต่เครื่องเดียว “ผมชอบสะสมแผ่นเสียง แล้วเอาไปติดบนฝาผนัง ผมว่ามันเจ๋งดีนะ ผมพยายามเลือกแผ่นที่หน้าปกเจ๋งๆ ที่สามารถเอาไปตกแต่งในห้องของผมได้…

ปกติร้านอาหารเวลาเปิดทำการใหม่ๆ มักจะทำโปรโมชั่นออกมาดึงลูกค้า บางร้านอาจทำโปรลดราคาพิเศษ บางร้านอาจจะแถมอาหารบางอย่างให้ฟรี หรืออื่นๆ อีกมากมาย แต่สำหรับร้านอาหารจีนแห่งนี้ต้องบอกเลยว่ามาแปลกจริงๆ เพราะพวกเขาจะให้ลูกค้าสามารถทานอาหารฟรีๆ ไปเลย หากอ้วนถึงเกณฑ์ที่ร้านกำหนดไว้?!?!     โดยทางร้านได้ตั้งเกณฑ์เอาไว้ว่า หากผู้ใช้บริการมีน้ำหนักตัวมากกว่า 130 กิโลกรัม ก็จะได้ทานอาหารเย็นกันฟรีๆ เลยทีเดียว ซึ่งเมื่อกิจกรรมดังกล่าวได้รับการประกาศออกไป ก็มีผู้ที่ให้ความสนใจมากมาย แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคิดว่าตัวเองหนักว่าความเป็นจริงนะ     อย่างไรก็ตาม ก็มีหลายฝ่ายเป็นห่วงว่า นี่จะเป็นโปรโมชั่นที่ทำร้ายสุขภาพคนจีนหรือไม่ เพราะจากรายงานล่าสุด ประเทศจีนคือประเทศที่มีคนอ้วนมากที่สุดในโลก คือประมาณ 89.6 ล้านคน และยิ่งมีโปรโมชั่นนี้อีก จะเป็นการส่งเสริมให้คนอ้วน อ้วนยิ่งขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่า       แหม แบบนี้ก็มีด้วย หวังว่าคงไม่มีใครทำน้ำหนักเพื่อจะไปกินร้านนี้ฟรีๆ หรอกนะ บอกเลยว่าไม่คุ้มกับสุขภาพที่เสียไปแน่นอน ฮาาา ที่มา Shanghaiist

วันนี้ (18 เมษายน 2559) ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้มีการเผยภาพของชายชาวจีนคนหนึ่ง ที่กำลังกลายเป็นจุดสนใจให้กับผู้คน ที่กำลังเดินสัญจรผ่านไปมาบริเวณถนนในเมืองหยีชาง มณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน เป็นอย่างมาก เพราะจากภาพเราจะเห็นได้ว่า ในมือของชายผู้นี้กำลังถือวัตถุประหลาด ที่มีลักษณะคล้ายกับผู้หญิงกำลังเปลือยผ้า กำลังโพสต์ท่าทางสุดเซ็กซี่อยู่ ว่าแต่…มันคืออะไรกันแน่น้า   จากการรายงานของเว็บไซต์ต่างประเทศระบุว่า วัตถุประหลาดดูแปลกตาในมือของชายผู้นี้ แท้จริงแล้วคือ “รากไม้” ซึ่งเป็นสมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง ที่มีคุณสมบัติในการนำไปทำเป็นยารักษาโรคแผนโบราณได้นั่นเอง     และด้วยความที่เจ้ารากไม้สมุนไพร มีรูปร่างที่แปลกประหลาดกว่ารากไม้ทั่วๆ ไป จึงทำให้รากไม้สุดเซ็กซี่นี้ ได้รับความสนใจจากผู้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว บ้างก็พากันเข้าไปชมใกล้ๆ แถมยังแชะภาพเก็บไว้อีกด้วย สำหรับรากไม้ชิ้นนี้ ชายจีนคนดังกล่าวได้นำมาเสนอขายในราคากันเองสุดๆ เพียงแค่ 6,500 บาทเท่านั้นเอ๊งงงงง เพื่อนๆ สนใจกันไหมละ แต่ถ้าเอากลับมาบ้านเรา คงไม่พ้นถูกตีเป็นเลขเด็ดแน่นอน อิอิ!! ที่มา : shanghaiist

ในยุคที่สมาร์ทโฟนแทบทุกเครื่องสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นแต่งภาพได้ด้วยเพียงปลายนิ้ว การจะตกแต่งภาพโปรไฟล์ให้ออกมาสวยงามไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ดังนั้นเราจึงสามารถพบเห็นสาวสวยได้ทั่วไปบนโลกโซเชียล แต่หารู้ไม่ บางครั้งรูป “โปรไฟล์” กับ “ความเป็นจริง” นั้น อาจไม่ใช่สิ่งเดียวกันเสมอไป อย่างเช่น 18 ภาพที่ #เหมียวอ๊อดโด้ นำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมวันนี้ รับรองว่าเพื่อนๆ จะต้องอึ้งอย่างแน่นอน จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย!!   . . . . . . . . . . . . . . . . . .     เห็นแล้ว #เหมียวอ๊อดโด้ ขอช็อคแปป ทำไมมันช่างต่างกันอย่างนี้ ทีหลังเห็นรูปโปรไฟล์แล้วเราคงต้องเผื่อใจไว้บ้างแล้วล่ะ ฮาาาา ที่มา 高登貼圖區

หลายคนบอกว่าการเรียนรู้ที่ดีที่สุด คือการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ โดยเฉพาะเรื่องชีวิต หากไม่ได้ประสบพบเจอด้วยตนเองแล้ว บางทีก็อาจไม่เคยรู้เลยว่าชีวิตนั้นยากลำบากขนาดไหน ด้วยเหตุนี้เอง คุณพ่อวัย 39 ปีจากมณฑลเหอหนานคนนี้ จึงสร้างบทเรียนแสนสำคัญให้กับลูกชายของเขา เพื่อจะสอนให้รู้ว่าชีวิตของเรานั้นมันไม่ง่ายเลย!!     เมื่อช่วงเดือนก่อน มีคุณพ่อคนหนึ่งพาลูกชายวัย 4 ขวบเดินทางกว่า 540 กิโลเมตรจากเมืองผูหยาง มณฑลเหอหนาน ไปยังกรุงปักกิ่งด้วยรองเท้าโรลเลอร์เบลด!! ทุกๆ วันพวกเขาจะออกเดินทางตั้งแต่ 8 โมงเช้าไปตามทางหลวงหมายเลข 106 ทุกๆ ชั่วโมงพวกเขาจะพักหนึ่งครั้งเพื่อดื่มน้ำและเติมพลัง และพอถึงตอนเย็น พวกเขาก็จะหาที่พักก่อนที่ฟ้าจะมืด     ทุกๆ ครั้งที่พวกเขาเดินทางไปถึงเมืองใหม่ๆ พวกเขาก็จะถ่ายภาพกับป้ายของเมืองเหล่านั้น จนสุดท้ายเมื่อจบทริป พวกเขามีรูปกว่า 600 รูปเลยทีเดียว เมื่อพูดถึงส่วนที่ยากที่สุดของการเดินทาง คุณพ่อกล่าวว่าส่วนที่ยากที่สุดคือลมและถนนที่ขรุขระ “แม้ว่าลูกชายของผมจะร้องไห้หลายครั้ง แต่เขาไม่เคยยอมแพ้ นั่นคือจุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ ผมพยายามสอนให้เขามีความพยายาม”     หลังจากการเดินทางกว่า 14 วัน ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงจุดหมาย คุณพ่อคนดังกล่าวจึงตอบแทนความพยายามของลูกชาย ด้วยการพาไปเที่ยวสถานที่สำคัญๆ ต่างๆ ในกรุงปักกิ่ง  …

สำหรับโฆษณาแต่ละยุคแต่ละสมัยนั้น ใจความสำคัญหลักก็คือการเชิญชวนและชักจูงสร้างค่านิยมให้เหล่าลูกค้ามาสนใจและซื้อผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่ามีพลังอย่างมากในการขับเคลื่อนภาคธุรกิจทั้งในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็อยากจะพาเพื่อนๆ ไปชมภาพของโปสเตอร์โฆษณาจากยุคก่อนๆ ที่ชวนเชื่อแบบผิดๆ และสร้างค่านิยมแบบลดทอนคุณค่าของผู้อื่นในสังคมมาให้ได้ชมกัน ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะค่านิยมของยุคนั้นๆ ที่ไม่เห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องผิดนั่นเอง แต่ถ้าทำโฆษณาแนวนี้ในปัจจุบันล่ะก็ รับรองโดนเฉ่งเละเทะแน่นอนเลยล่ะ   ผู้ชายส่วนมากจะถามเกี่ยวกับผู้หญิงว่า ‘เธอน่ารักมั้ย?’ ไม่ใช่ ‘เธอฉลาดมั้ย?’   และโฆษณาบุหรี่ ที่บอกว่าคุณหมอยังสูบเลย   การให้เด็กผิวดำเป็นคนรับใช้ (เกี่ยวกับระบบทาสในสมัยก่อน)   ค่านิยมที่ว่างานบ้านเป็นเรื่องของผู้หญิงเท่านั้น   7up ที่ชักชวนให้คุณแม่เอาน้ำอัดลมให้เด็กทารกดื่ม   โฆษณานี้ก็เช่นกัน   และการนำเด็กมาโฆษณาบุหรี่   บุหรี่กับเด็กทารกอีกแล้ว…   โฆษณาจาก Van Heusen ที่ล้อคนที่ไม่ใช่คนผิวขาว   โฆษณาเครื่องดูดฝุ่น ว่าเป็นสุดยอดของขวัญสำหรับผู้หญิง (เพราะพวกเธอมีหน้าที่ทำงานบ้าน)   การดึงเด็กผู้หญิงมาแสดงถึงความเซ็กซี่และดึงดูดทางเพศ เพราะความไร้เดียงสาของพวกเธอ   การที่นำส่วนล่างของเพศหญิงมาเป็นเพียงที่รองบุหรี่ในโฆษณาของ Old God   เด็กผิวสีที่ถูกมองว่าเป็นเด็กที่ไม่สะอาด   ผู้หญิงถูกมองว่าทั้งขี้หวาดระแวง โง่เขลาและควบคุมตัวเองไม่ได้…

เอิ่มมมมมมมมม จะสงสารก็สงสาร จะฮาก็จะฮา เรียกได้ว่าแยกอารมณ์กันไม่ถูกเลยทีเดียว กับเรื่องราวของเจ้าหนุ่มคนนี้ ที่มีวิธีการจัดการแมลงสาบที่ออกจะเอ็กซ์ตรีมไปหน่อย ฮ่าๆๆๆ สำหรับอาการกลัวแมลงสาบนั้น ก็เรียกได้ว่าเป็นอาการที่คนส่วนใหญ่เป็นกันล่ะ ไม่ว่าจะเพราะความกลัวแบบเพียวๆ หรือความขยะแขยงก็ตาม แต่ชายคนนี้ถือว่าไปถึงอีกหนึ่งระดับแล้วล่ะ…เล่นเอาระเบิดบ้านกันไปเลยทีเดียวเชียว   สภาพหลังการระเบิด     เหตุการณ์นี้เกิดจากการใช้ยาฆ่าแมลงพ่นใส่เหล่าแมลงสาบที่เข้ามาในอพาร์ทเม้นท์ Garrett M. Giberson กล่าวว่า ‘อพาร์ทเม้นท์นั้นเต็มไปด้วยแมลงสาบจนนับไม่ถ้วน มันเป็นอะไรที่น่าตกใจมาก’ หลังจากที่เขาฉีดยาฆ่าแมลงเป็นจำนวนมหาศาลใส่พวกมัน (เพราะพวกมันไม่ตาย) จนผู้อยู่อาศัยในอพาร์ทเม้นท์ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ 2 ราย เด็ก 1 ราย ก็เริ่มมีอาการปวดหัว พวกเขาเลยเปิดหน้าต่าง นั่นทำให้สารเคมีไวไฟในยาพ่นแมลงรวมตัวกับออกซิเจน กลายเป็นส่วนประกอบที่ไวไฟอย่างยิ่ง!!!   อนิจจา แมลงสาบดันไม่ตายซะด้วย     สุดท้ายก็เกิดการระเบิดขึ้นกลางตัวบ้าน โชคดีที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ แต่ทุกๆ คนก็ล้วนถูกส่งตัวไปตรวจอาการที่โรงพยาบาล ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้สันนิษฐานเบื้องต้นว่าต้องมีแมลงสาบจำนวนมหาศาลเลยทีเดียว เพราะต้องฉีดยาฆ่าแมลงเยอะมาก ถึงจะสามารถระเบิดได้ขนาดนั้น…   ดีนะที่ไม่มีใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ก็ถือว่าเขาโชคร้ายล่ะเนาะที่ดันไปเจอแมลงสาบ แถมบ้านระเบิดแบบนี้ และที่สำคัญที่สุดพวกมันก็ไม่ตายด้วยน่ะสิ ไม่รู้จะถึกไปไหนนนนน ที่มันแมลงสาบติดเกราะรึเปล่าเนี่ยยยย!!? >< ที่มา:…

เราทุกคนล้วนเคยผ่านช่วงชีวิตวัยเด็กมา และแน่นอนว่าในวัยนั้นอาจจะเป็นช่วงชีวิตที่เรามีความสุขที่สุดแล้วก็ว่าได้ แต่ก็ต้องทำใจยอมรับกันล่ะเนาะว่ามันช่างสั้นจับใจเหลือเกินจริงๆ ว่าแล้ว #จ่าสิบเหมียว ก็อยากจะพาเพื่อนๆ ไปย้อนความทรงจำดีๆ เหล่านั้นกลับมากันเสียหน่อย กับ 17 ภาพฮาๆ ของสิ่งที่เราๆ ล้วนแต่เคยทำกันในวัยเด็ก ใครเคยทำอันไหนบ้างมาสารภาพกันได้นะจ๊ะ อิอิ   ตรงนี้มีฉี่ อย่าเดินมานะ…   แล้วยังมาทำเนียนอีกนะ ฮ่าๆๆๆ   เอาเท้าลากกรวดไปทั้งสนามเลยน่ะ   เลโก้กับไอเดียของคุณไม่มีวันหยุดอยู่กับที่   การนำของเล่นมาประกอบกัน ทั้งๆ ที่มันไม่เข้ากันเป็นที่สุด   อย่าให้แม่มาเห็นเชียวนะ -*-   มีวิธีการกินอาหารที่แปลกๆ ไม่เหมือนใคร   พูดถึงเรื่องการกินอ่ะนะ เอิ่มมมมมมม   เวลาเดินทาง   การกินขนมปังแบบไร้ขอบ   งานอดิเรกแปลกๆ และน่ากลัว   การบาลานซ์สิ่งของได้อย่างไม่น่าเชื่อ (ก็เวลาว่างมันเยอะง่ะ)   การเรียงของในตู้เย็น   ความฮาในการเล่นซ่อนหา   เอาจริงใช่มั้ยเนี่ย!?  …

ไม่แน่นะถ้าเพื่อนๆ ลองไปขุดๆ ค้นๆ สวนหลังบ้านของตัวเองดูล่ะก็ อาจเจอดีเหมือนคุณลุงคนนี้ก็ได้ เพราะล่าสุดเขาก็ไปทำสวนของเขาปกตินี่แหละ ดันไปพบซากโบราณของคฤหาสน์ชาวโรมันเข้าให้ซะได้!!? Luke Irwin ชายชาวอังกฤษพยายามขุดลงไปใต้สวนหลังบ้านของเขาใน Brixton Deverill ประเทศอังกฤษ เพื่อทำการวางสายไฟฟ้า แต่กลายเป็นว่าเขาพบเข้ากับซากของหนึ่งในคฤหาสน์ของชาวโรมันที่ใหญ่ที่สุดที่เคยสร้างบนเกาะอังกฤษเลยทีเดียว   Luke Irwin และสวนหลังบ้านของเขา   สิ่งที่เขาพบก็คือเศษกระเบื้องเหล่านี้   ด้วยความสงสัยเขาจึงติดต่อนักโบราณคดีในละแวกทันที พอพวกเขามาถึงและนำไปทดสอบก็พบว่ามันคือเศษกระเบื้องจากช่วงราวๆ ค.ศ. 175-220 หรือราวๆ 1,800 ปีเลยทีเดียว!!! และหลังจากนั้นนักโบราณคดีก็มาขุดค้นอีกราวๆ 8 วันเต็ม ก็พบทั้งโลงศพหินเด็ก หม้อ ไห เหรียญ และเครื่องประดับต่างๆ ฝังอยู่ใต้ดินนั้นเกือบทั้งหมด แถมยังมีซากของเปลือกหอยนางรมที่ถูกขนส่งมาไกลจากทะเลอีกต่างหาก นั่นแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งของผู้คนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้   น่าทึ่งกว่านั้นคือไซต์นี้แทบไม่มีใครเคยค้นเจอเลย นับเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่มากๆ   และนี่คือภาพของบ้านที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญได้คาดคะเนเอาไว้ล่ะ     โบราณสถานและวัตถุนั้นซ่อนอยู่ทุกที่จริงๆ แค่รอเราไปค้นพบเท่านั้นแหละ ว่าแล้ว #จ่าสิบเหมียว ก็ขอตัวลองไปขุดสวนหลังบ้านดูบ้างดีกว่า ฮ่าๆๆๆ ที่มา: Buzzfeed

สำหรับเรื่องราวของความเฟลนั้น แน่นอนว่าทุกๆ คนล้วนเคยเจอและผ่านมาหมดในชีวิต แตกต่างกันก็ตรงที่ว่าแต่ละคนจะมีวิธีการจัดการและรับมือกับมันอย่างไร และนี่ก็คือ 21 ภาพของความเฟลที่เกิดขึ้นในชีวิตของผู้คนจากทั่วโลก ไว้เป็นกรณีศึกษากันนะจ๊ะ ฮ่าๆๆ บอกเลยว่าแต่ละภาพน่ะเฟลจริงจริ๊งงงงงงง   ตะ ตะ ตะ แตงโมววววววว -*-   มีแค่นี้เนี่ยนะ!?   ในส่วนของอะโวคาโด   พิซซ่า   ช็อกโกแลตชิพ   ซื้อลมในถุงใช่มั้ยเนี่ย   โอริโอ้ที่ไหนก็ไม่ควรเป็นแบบนี้   ทาโก้แค่หยิบมือ T^T   แซนด์วิช 11 นิ้ว เห้อออออ   ตัดมาที่ของจริงไม่อิงภาพโฆษณา   เวเฟอร์หายไปไหนนนนน   ซื้อเปลือกมันใช่มั้ยเนี่ย กรณีเดียวกับแตงโม   สาบานนะว่านี่แฮมเบอร์เกอร์   คุณหลอกดาววววววว   เอิ่มมมมมม   ทรยศมาก!!!!   แค่นี้ก็อย่าเลย   ถ่อววววววว…

หลายๆ ครั้งหลายๆ ครา เราก็มักจะได้ยินคำกล่าวติดหูที่ว่า ‘เงินน่ะ ไม่สามารถซื้อความสุขได้หรอก’ หรือ ‘ความสุขไม่สามารถซื้อหาได้ด้วยเงิน’ แต่วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีอีกหนึ่งทฤษฎีที่จะมาย้อนแย้งกันล่ะ ว่าที่จริงแล้วเงินน่ะสามารถซื้อได้!!? ล่าสุดทาง University of Cambridge ก็ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ กับสังคมและบริบทในปัจจุบันกลับได้คำตอบว่า เงินสามารถซื้อความสุขได้ ถ้าผู้ใช้ใช้ในทิศทางที่เหมาะสมกับความชอบของตนเองล่ะ!!!   เงินสามารถซื้อความสุขได้!?   โดยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการโอนเงินกว่า 76,800 ครั้ง จากผู้เข้าร่วมการสำรวจกว่า 625 คน เป็นระยะเวลา 6 เดือนเต็ม ในกว่า 59 ประเภทของการโอนเงิน และนอกจากนี้ยังให้ผู้เข้าร่วมการสำรวจทำแบบทดสอบด้านบุคลิกภาพ อารมณ์ และความพึงพอใจเกี่ยวกับชีวิตแบบออนไลน์ซะก่อน และแบ่งพวกเขาเป็น 5 กลุ่มคือ กลุ่มเปิดกว้าง กลุ่มจิตสํานึก กลุ่มสังคม กลุ่มประนีประนอม และกลุ่มที่มีความมั่นคงทางอารมณ์   การใช้เงิน   กล่าวคือกลุ่มสังคมจะใช้เงินส่วนใหญ่ไปกับการสังสรรค์ ส่วนกลุ่มจิตสำนึกจะใช้เงินไปในด้านสุขภาพและการออกกำลังกายซะมากกว่า และสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนเลยอีกอย่างหนึ่งก็คือ แบบทดสอบความสุขที่บ่งบอกว่าผู้ที่ใช้เงินสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองจะมีความสุขกับชีวิตมากกว่า นอกจากนี้นักวิจัยยังได้สอบถามล้วงลึกไปอีกในกรณีต่างๆ เช่นลองให้กลุ่มจิตสำนึกกับกลุ่มสังคมมาตอบคำถามในข้อเดี่ยวกับที่ว่า ‘คุณยอมเสียเงิน 500 บาทไปกับการกินเหล้าในบาร์ไหม?’…

สำหรับภาพเซ็ทนี้ก็เป็นภาพถ่ายที่รวบรวมขึ้นโดยผู้กำกับอย่าง Paul Ratner ที่นำภาพเก่าของผู้คนชาวอินเดียนแดง ช่วงปี 1900 – 2000 ที่ใช้ชีวิตอยู่ในทวีปอเมริกาทั้งเหนือและใต้ โดยสาเหตุที่เค้าได้รับแรงบันดาลใจให้รวบรวมรูปภาพเกี่ยวกับอินเดียนแดงขึ้นก็เพราะว่าเขาได้เคยกำกับหนังเรื่อง “Moses on the Mesa” เกี่ยวกับชาวเยอรมันเชื้อสายอิสราเอลที่เกิดตกหลุมรักเข้ากับลูกสาวหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดง และกลายมาเป็นหัวหน้าเผ่าในที่สุด   Minnehaha ปี 1904   ค่ายของเผ่า Black Foot ช่วงต้นๆ ของปี 1900   Eagle Arrow ชายแห่งชนเผ่า Siksika   หัวหน้าเผ่า Lakota ชื่อว่า Bone Necklace ปี 1899   ชนเผ่าอินเดียนแดงใน Minnesota   ภาพวาดของหญิงสาวชาวอินเดียนแดงข้างๆ แม่น้ำ   ชายชนเผ่า Ojibwe   หญิงชนเผ่า Blackfeet   ลูกชายหัวหน้าเผ่า Lakota ชื่อ Charles…

ใครๆ ก็รู้ว่าทุกวันนี้ทุกวินาทีมีค่าเสมอ การเสียเวลาไปแม้วินาทีหนึ่ง อาจหมายความว่าคุณอาจเสียโอกาสบางอย่างไปโดยที่ไม่สามารถหวนคืนมาได้ สำหรับสาวจีนเหล่านี้ก็เช่นกัน เธอรู้ว่าทุกวินาทีมีค่า ดังนั้นพวกเธอจึงไม่ยอมเสียเวลาไปแม้แต่วินาทีเดียว แม้กระทั่งการมาส์กหน้า!! เหตุการณ์เกิดขึ้นในเมืองหนิงปัว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน มีคนสังเกตเห็นว่ามีหญิงสาวคนหนึ่ง ติดแผ่นมาส์กหน้าในขณะที่นั่งอยู่บนรถไฟฟ้าโดยไม่แคร์สายตาคนอื่นแต่อย่างใด       แน่นอน การติดแผ่นมาส์กหน้าเพื่อบำรุงผิวหน้า ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ผู้หญิงที่ไหนบนโลกเขาก็ทำกัน แต่นั่นไม่ใช่บนรถไฟฟ้า!!     ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเธอ มีรายงานว่ามีคนเห็นเธอมาส์กหน้าแบบนี้ บนรถไฟเที่ยวอื่นๆ มาแล้ว และมีคนเห็นเธอมาส์กหน้าขณะรอรถเมล์ด้วยเช่นกัน!?!?     ชาวเน็ตก็ได้แต่สงสัยว่า ทำไมเธอถึงต้องมาส์กหน้าทุกเวลาขณะนี้ ชาวเน็ตคนหนึ่งก็กล่าวอย่างติดตลกว่า บางทีเธออาจจะกำลังแต่งงานในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และเธอไม่มีเวลาพอที่จะบำรุงผิวหน้า จึงต้องทำแบบนี้   แหม ถึงกับต้องมาส์กหน้าบนรถไฟฟ้ากันเลยทีเดียว อย่างว่าแหละ เป็นผู้หญิงก็ต้องบำรุงกันหน่อย ฮาาา ที่มา Shanghaiist

ในขณะที่คุณกำลังล่องเรือตกปลาชิวๆ อยู่ในที่แห่งหนึ่ง แล้วจู่ๆ แทนที่จะได้ปลา กลับกลายมาเป็นพี่เข้ซะอย่างนั้น งานนี้บอกเลยว่าลุ้นระทึกยิ่งกว่าในหนังอีกนะเนี่ย แต่ถ้าลองมาคิดๆ ดูดีๆ หากใครที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ คงจะซวยขั้นสุด เพราะไหนจะต้องเอาชีวิตรอดจากการเป็นเหยื่อพี่เข้ ยิ่งถ้าใครเอาลูก หรือไปกับครอบครัวก็ยิ่งต้องห่วงหน้าพะวงหลังอีก ก็เหมือนกับ Lance Burgos คุณพ่อชาวอเมริกันคนนี้ ที่ได้พาลูกสาวสุดที่รัก ไปนั่งเรือถีบในบึง ณ อุทยาน Fausse Pointe State ในรัฐลุยเซียนา แต่ในขณะที่กำลังล่องเรือชิวๆ อยู่นั้น คุณพ่อก็ได้พบกับบางสิ่งบางอย่าง แล้วมันคืออะไรกันละ!?     Lance ได้เหลือบไปเห็นทุ่นตกปลาลอยอยู่บนผิวน้ำ ดังนั้นจึงทำให้เขาเอื้อมมือไปคว้า แล้วจับขึ้นมาดู ก็พบว่าเชือกมีลักษณะตึงๆ เหมือนมีปลาติดมาแน่ๆ     แต่เดี๋ยวก่อน เรื่องราวมันกลับไม่สวยงามอย่างที่คิด เพราะขณะที่เขาได้ดึงเชือกขึ้นมา ก็พบว่านั่นไม่ใช่ปลา แต่เป็นพี่เข้ต่างหากละ แว๊กกกกกก     อื้อหือ!! โผล่มาเฉยๆ ก็ทำเอาฉี่แทบจะราดอยู่แล้ว นี่พี่แกเล่นอ้าปากพะงาบๆ มองให้เห็นเขี้ยวตั้งแต่ซี่แรกจนถึงซี่ในสุดอย่างชัดเจน เล่นเอาคุณพ่อรีบทิ้งทุ่นตกปลาแทบไม่ทัน พร้อมกับรีบปั่นเรือหนีทันที ขณะที่ลูกสาวตัวน้อยที่นั่งมาด้วยก็ร้องออกมาด้วยความตกใจขั้นสุด…

ถึงเราจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า การเกิด-แก่-เจ็บ-ตาย นั้นเป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่เกิดขึ้นกับทุกๆ สิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ แต่เราก็ทำใจยอมรับความจริงเรื่องความสูญเสียไม่ได้อยู่ดี สิ่งที่พอจะทำได้ก็แค่ดูแลเค้าให้ดีที่สุดจนถึงวันที่เค้าจากไปก็เท่านั้นเอง เหมือนกับเรื่องราวของเจ้า Peeping Tom ปลาที่ถูกเลี้ยงไว้ในโถที่อยู่ในห้องน้ำของ Laura Psutka ซึ่งมันก็ใช้ชีวิตอยู่ในนั้นมาหลายปี เฝ้ามองคนทั้งเข้ามาอาบน้ำและกระทำกิจต่างๆ แต่ตอนนี้มันได้เสียชีวิตลงแล้วล่ะ…   เจ้า Peeping Tom เสียชีวิตตอนอายุได้ 4 ปี   Laura กล่าวว่า ‘ทอมไม่ได้เป็นแค่ปลาที่ถูกเลี้ยงไว้ในห้องน้ำ แต่เป็นสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งที่ได้รับความรักความผูกพันจากพวกเรา’   Laura เลยจัดพิธีศพแบบไวกิ้งให้กับเจ้าปลาตัวจิ๋วซะเลย   เรือบรรทุกศพของมันชื่อว่า S.S. Boobies เพราะเจ้า Tom ชอบแอบดูคนอาบน้ำ และนั่นก็คือเคล็ดลับที่ทำให้มันอายุยืนล่ะ ฮ่าๆๆ   ลาก่อนนะเจ้าทอม เราจะคิดถึงนาย T^T     เป็นพิธีศพที่ยิ่งใหญ่จริงๆ สำหรับเจ้าปลาตัวจ้อยตัวหนึ่ง ก็หวังว่าแกจะมีความสุขในชีวิตหลังความตายน้าาา และแน่นอนทุกๆ คนที่นี่จะคิดถึงแกเสมอ… ที่มา: Buzzfeed

เป็นเรื่องราวที่น่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ และเรื่องราวเกี่ยวกับความน่ารักของมิตรภาพ ที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะกับสิ่งที่มีชีวิตเท่านั้น แต่ยังส่งต่อไปถึงนกฮูกตกแต่งบ้านอีกด้วย!!!? Sylvie สาวน้อยวัยขวบครึ่งจากเมืองบอสตัน กับ Whootie หุ่นตกแต่งบ้าน-สวน รูปนกฮูก ที่กลายมาเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่แรกเห็นเลยทีเดียว   Sylvie และ Whootie   แท้จริงเจ้านกฮูกนี้เป็นของขวัญวันเกิดสำหรับพ่อของ Sylvie แต่พอแม่นำเข้ามาในบ้าน หนูน้อยกลับหลงรักมันเข้าอย่างจัง   ไม่ว่าจะไปที่ไหน Sylvie จะถือเจ้า Whootie ไปด้วยทุกๆ ที่   ขนาดตัวพอๆ กันเลยนะเนี่ย เอิ๊กๆๆ   เรียกได้ว่าตัวติดกันเลยล่ะ   หน้าตาเจ้านกฮูกดูน่ากลัวมาก โดยเฉพาะในตอนกลางคืน ><   หลายๆ คนก็มาบอกคุณแม่ว่าเจ้านกฮูกนี่ดูน่ากลัวจริงๆ น่าแปลกที่ Sylvie ชอบมันมากๆ   นอกจากนี้นกฮูกทั่วๆ ไปเธอก็ชอบเหมือนกัน   เพื่อนกันตลอดไปปปป ^^   เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ได้ว่าคำว่า ‘มิตรภาพ’ นั้น ไม่มีขอบเขตและเป็นอะไรที่บริสุทธิ์จริงๆ ตอนเด็กๆ เพื่อนๆ…

เชื่อว่าสาวๆ หลายๆ ท่านชอบใส่กระโปรงที่มีความยาวไม่มากนัก อาจเป็นเพราะการใส่กระโปรงยาวๆ ทำให้พวกเธอรู้สึกร้อน แต่บางครั้ง การใส่กระโปรงสั้นก็อาจสร้างปัญหาให้คนอื่นได้เช่นกัน!! รองครูใหญ่ Cherith Telford แห่งโรงเรียนมัธยมปลาย Henderson ในเมือง Auckland ได้เรียกนักเรียนหญิงกว่า 40 คนเข้ามาประชุม และบอกให้พวกเธอ ใส่กระโปรงให้อยู่ในระดับคลุมหัวเข่า     เธอให้เหตุผลว่า คำสั่งนี้มีเพื่อให้นักเรียนหญิง “ปลอดภัย” และป้องกันไม่ให้เด็กชายเกิด “ความคิด” ขึ้นมา และสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับครูและพนักงาน “ผู้ชาย” ในโรงเรียนอีกด้วย ซึ่งหลังจากนั้นทางโรงเรียนก็ได้เพิ่มกฎข้อนี้เข้าไป โดยนักเรียนหญิงทุกคนต้องใส่กระโปรงยาวกว่าหัวเข่าเท่านั้น ไม่มีสูงกว่า หากผู้ปกครองท่านใดต้องการนำลูกมาเข้าเรียน ก็ต้องตระหนักถึงกฎข้อนี้แล้ว และไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้     อย่างไรก็ตามเมื่อมีกฎนี้ขึ้นมา ก็มีนักเรียนหญิงบางส่วนออกมาแสดงความเห็นว่า นี่เป็นการแบ่งแยกทางเพศหรือไม่ เพราะเหมือนเป็นการบอกโดยนัยว่า ร่างกายของผู้หญิงนั้น รบกวนผู้อื่น     แหม ถ้าครูนิวซีแลนด์มาสอนในมหาลัยประเทศไทยคงจะต้องมีสติหลุดกันบ้างล่ะ เพราะกระโปรงนักศึกษาแต่ละที่นั้น สั้นสะเทือนใจจริงๆ คิดเหมือนกันอ๊ะป่าวเพื่อนๆ อิอิ ที่มา metro

เอาเป็นว่าอย่าหาว่า #จ่าสิบเหมียว หื่นเลยเนาะ เป็นความรู้ละกัน อิอิ ก็เป็นเรื่องธรรมดา ธรรมชาติ ของมนุษย์ปุถุชนนี่แหละ กับเรื่อง ‘เซ็กส์’ ที่ในชีวิตของทุกๆ คนก็คงต้องมีกันบ้างแหละ และจากผลการสำรวจความคิดเห็นกว่า 38,000 คนจากสำนักข่าว NBC News ก็พบว่า มีคู่รักจำนวนมากเลยทีเดียวที่สุขสมกับชีวิตเซ็กส์ และอีกจำนวนมากเช่นกันที่ไม่สุขสมและเบื่อหน่ายกับเรื่องดังกล่าวเอาซะมากๆ   ปัจจัยสำคัญล่ะ?     ผลสำรวจชี้ว่าคู่รักที่สุขสมในเรื่องนี้มีสิ่งที่คล้ายๆ กันก็คือ ‘การสร้างความตื่นเต้น’ ทั้งท่าทางแบบใหม่ๆ การใช้คำพูดแบบหื่นๆ แรดๆ การสวมชุดนอนไม่ได้นอน การพูดคำว่า ‘รัก’ ระหว่างจังหวะเข้าทำ หรือแม้กระทั่งการใช้เซ็กส์ทอย สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่สร้างความแปลกใหม่และไม่ทำให้พวกเขาเบื่อหน่าย ส่วนกว่าร้อยละ 60 ของคู่รักที่ไม่สุขสมกับเรื่องนี้พบว่า พวกเขาเห็นด้วยกับประเด็นๆ หนึ่ง นั่นก็คือ ‘คู่รักของคุณไม่รู้วิธีแปลกๆ ใหม่ๆ ที่จะทำให้คุณตื่นเต้น’ ข้อนี้เช็คถูกกันรัวๆ เลยทีเดียว   ความตื่นเต้น   และในส่วนของคู่รักที่สุขสม พวกเขามักจะชอบลองอะไรแบบแปลกใหม่อยู่เสมอ และพูดเรื่องเซ็กส์ เรื่องหื่นๆ กันเป็นประจำ ฮ่าๆๆ…

จะว่าไปแล้วการเลือกเพื่อนๆ ที่คบหานั้น มีผลต่อชีวิตมากกว่าที่คุณรู้อีกนะเออ เพราะอาจเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จและตัวเลขทรัพย์สินที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของคุณเลยทีเดียว!!!? Thomas C. Corley ศาสตราจารย์ผู้ศึกษาพฤติกรรมของเหล่าคนรวยและประสบความสำเร็จมากว่า 5 ปีเต็ม ได้ออกมาเผยว่า พวกเขามักจะหลีกเลี่ยงบุคคลที่ ‘มองโลกในแง่ร้าย’ เป็นอันดับแรก…   เหล่าคนรวยและประสบความสำเร็จจะหลีกเลี่ยงคนที่มองโลกในแง่ร้าย!?     ‘โดยเฉพาะเหล่าเศรษฐีที่สร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาเอง ไม่ได้พึ่งพามรดกนั้นจะพิถีพิถันมากในการเลือกคบคน’ Thomas C. Corley กล่าวไว้ในหนังสือของเขา “Change Your Habits, Change Your Life.” ‘ผู้คนที่อยู่รอบๆ ตัวคุณจะเป็นตัวชี้วัดได้เลยล่ะว่าคุณจะประสบความสำเร็จในระดับไหน คนที่รวยและประสบความสำเร็จนั้นก็มักจะเลือกคบหาคนที่มีเป้าหมายชัดเจน มองโลกในแง่ดี กระตือรือร้น และมีบุคลิกภาพลักษณ์ภายนอกโดยรวมแล้วดูดี’ เขากล่าวเสริม โดยกว่าร้อยละ 86 ของคนรวยและประสบความสำเร็จที่เขาศึกษามาพบว่าพวกเขามักจะสุงสิงอยู่กับผู้ที่ประสบความสำเร็จคนอื่นๆ และในทิศทางเดียวกัน เลือกที่จะหลีกเลี่ยงผู้คนที่เป็นปัญหา โดยเฉพาะคนที่มองโลกในแง่ร้ายและมีความคิดด้านลบ   หลีกเลี่ยงผู้มองโลกในแง่ร้าย     จากงานวิจัยพบว่าสาเหตุที่พวกเขาหลีกเลี่ยงคนที่มองโลกในแง่ร้าย และคลุกคลีคนที่ประสบความสำเร็จด้วยกันนั้น ก็เพราะว่า ‘เราจะถูกดึงดูดและกลมกลืน’ ไปกับสังคมนั้นๆ กล่าวคือ ถ้าคบหรือเกี่ยวข้องกับผู้ที่มีความคิดเชิงลบอยู่บ่อยๆ เราก็จะมีความคิดแบบนั้นติดตัวมานั่นเอง ‘ความสำเร็จนั้นจะสามารถเกิดขึ้นได้โดยความคิดด้านบวกเท่านั้น’ ศาสตราจารย์ Corley กล่าว…