Tag: เรื่องราวดีๆ

  • ‘คนขับรถบัสประจำโรงเรียน’ ช่วยถักผมเปียให้เด็กสาวทุกเช้า หลังรู้ว่าแม่ของเธอเสียไป

    ‘คนขับรถบัสประจำโรงเรียน’ ช่วยถักผมเปียให้เด็กสาวทุกเช้า หลังรู้ว่าแม่ของเธอเสียไป

    บางครั้งเรื่องราวดีๆ ก็เกิดขึ้นด้วยการช่วยเหลือจากคนแปลกหน้า…   เช่นเดียวกันกับเด็กสาวรายหนึ่งที่เพิ่งสูญเสียคุณแม่ไป ทำให้ทุกเช้าเวลาไปเรียนผมของเธอมักจะยุ่งเหยิงและไม่เป็นทรงเพราะพ่อของเขาไม่รู้วิธีในการจัดการกับผม แต่จากการช่วยเหลือของพนักงานขับรถบัสประจำทาง ที่ถักเปียผมให้เธอทุกวัน หลังจากที่รับรู้ว่าแม่ของเธอเพิ่งสูญเสียไป กลายเป็นเรื่องที่น่าประทับใจไม่ว่าใครต่างก็ต้องน้ำตาตกไปตามๆ กัน     เด็กสาว Isabella Pieri วัย 11 ปี เพิ่งสูญเสียคุณแม่ไปจากการป่วยเป็นโรคร้ายที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากมากๆ ทำให้เธอต้องอาศัยอยู่กับคุณพ่อเพียงสองคนเท่านั้น และจากการที่คุณพ่อเป็นผู้ชายและต้องทำงานหาเงินอย่างหนัก จึงไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับผมของลูกดี เขาก็เลยตัดสินใจพาลูกสาวไปตัดผมจนสั้นเหมือนกับว่าเป็นเด็กผู้ชาย     และเมื่อเธอไว้ผมจนกลับมายาวอีกครั้ง ก็ตั้งใจว่าจะดูแลมันด้วยตัวเอง แต่มันก็ยังดูเก้ๆ กังๆ จนในที่สุดคุณ Tracy Dean พนักงานขับรถบัสประจำโรงเรียนก็อาสาให้การช่วยเหลือเปียผมให้กับเธอ Tracy เล่าว่าในวันแรกสาวน้อย Isabella ใช้เวลารวบรวมความกล้าอยู่นานกว่าจะเดินเข้ามาเพื่อขอความช่วยเหลือกับเธอ เพราะหลายๆ ครั้ง Tracy มักจะช่วยเด็กผู้หญิงคนอื่นเปียผมอยู่บ่อยครั้ง     และตอนนี้ในทุกๆ เช้า Tracy ก็จะมาเปียผมให้กับหนูน้อย Isabella ทุกวันก่อนไปโรงเรียน เธอให้สัมภาษณ์กับช่อง KSL-TV ว่า “ฉันทำกับเด็กๆ ทุกคนเหมือนกับเป็นลูกสาวของตัวเองก็เพราะว่า เมื่อ…

  • 11 ภาพบ่งบอกถึงเรื่องราวดีๆ ที่จะทำให้เรามีกำลังใจกับการใช้ชีวิตต่อไปในวันข้างหน้า

    11 ภาพบ่งบอกถึงเรื่องราวดีๆ ที่จะทำให้เรามีกำลังใจกับการใช้ชีวิตต่อไปในวันข้างหน้า

    บนโลกของเรายังคงเต็มไปด้วยความสวยงามที่ไม่อาจจางหายไป โดยมีสิ่งสำคัญที่ช่วยเติมเต็มมันเอาไว้ นั่นคือการทำความดีที่ออกมาจากใจของมนุษย์ทุกคน ในชีวิตที่เราอาจมองว่ามันมีแต่ความโหดร้าย แต่แท้จริงแล้วมันกลับไม่ได้มีแค่สิ่งที่ทำลายความรู้สึกของเราเสมอไป ทั้งหมดนี้คือภาพถ่ายและเรื่องราวสุดประทับใจ ที่ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ใช่การทำอะไรที่ใหญ่โต แต่การรับรู้ถึงเรื่องราวของพวกเขานั้นกลับสามารถสัมผัสถึงความอบอุ่นหัวใจได้อย่างมากมายมหาศาล และเชื่อว่านั่นคือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ เราไปเติมเต็มความสุขของชีวิตพร้อมๆ กันเลย   1. ความเอาใจใส่ของเพื่อนร่วมโลก หลังจากที่หญิงสาวเจ้าของบ้านได้รับการช่วยเหลือถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลไปเป็นที่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่สองคนนี้ก็ได้เดินทางกลับมาที่บ้านของเธอ พร้อมกับช่วยกันเตรียมอาหารเย็นให้กับลูกๆ ทั้ง 5 คนของหญิงสาวคนนั้น ก่อนที่จะล้างจานทำความสะอาดอะไรให้เรียบร้อย แล้วค่อยจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม   2. นักดับเพลิงผู้ช่วยเหลือแมวน้อย ไม่ได้มีเพียงแค่มนุษย์ แม้แต่สัตว์เองก็ยังต้องการความช่วยเหลือ เช่นเดียวกับเจ้าแมวตัวนี้ซึ่งติดอยู่บริเวณด้านบนของตลาด Senan กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ที่กำลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่อยู่ในขณะนั้น นักดับเพลิงจึงรีบเข้าไปช่วยเหลือ ทำให้มันไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงใดๆ เลย   3. เด็กๆ ที่ทำทุกอย่างให้พร้อมสำหรับฤดูหนาว เด็กเหล่านี้ช่วยกันเอาเสื้อกันหนาวไปผูกไว้ตามเสาต่างๆ ในประเทศแคนาดา เพื่อต้องการจะมอบไออุ่นให้กับเหล่าคนไร้บ้านหรือคนยากไร้ที่ต้องการสิ่งเหล่านี้   4. ความหมายของคำว่าน้ำใจนักกีฬา นี่เป็นภาพที่เกิดขึ้นในการแข่งขันบอลโลกปี 2014 เมื่อนักฟุตบอลชาวออสเตรเลีย Mark Bresciano เห็นว่าเชือกรองเท้าของเด็กน้อยคนหนึ่งหลุด โดยที่เด็กไม่สามารถก้มลงไปผูกด้วยตัวเองได้ เขาจึงคุกเข่าลงไปผูกมันให้กับเด็กคนนั้น   5. น้ำใจที่มอบให้กับผู้มองหาโอกาส…

  • Rachel Shenton ขึ้นรับรางวัลออสการ์พร้อมทำภาษามือประกอบ ตามสัญญาที่ให้ไว้กับดาราเด็ก

    Rachel Shenton ขึ้นรับรางวัลออสการ์พร้อมทำภาษามือประกอบ ตามสัญญาที่ให้ไว้กับดาราเด็ก

    ในวันที่ 5 มีนาคม 2018 ถือเป็นวันที่สำคัญมากๆ สำหรับวงการภาพยนตร์ระดับโลก เพราะถือเป็นวันที่มีการประกาศรางวัลออสการ์นั่นเอง แน่นอนว่าเหล่าคนดังก็ต่างพากันตบเท้าเข้ามาร่วมงานกันเพียบ และหนึ่งในรางวัลที่มีการประกาศออกมา หนังสั้นเรื่อง The Silent Child ก็ถือเป็นหนึ่งผลงานที่คว้าชัยชนะในสาขาภาพยนตร์สั้นยอดเยี่ยมไป เพียงแต่ความวิเศษของรางวัลนี้มันไม่ได้อยู่ที่ตัวหนังเพียงอย่างเดียว มันกลับอยู่ที่ตัวนักแสดงด้วย     โดยวินาทีที่รางวัลได้ถูกประกาศ Rachel Shenton นักแสดงนำของเรื่องก็ได้ขึ้นไปรับรางวัลตามปกติ แต่ที่พิเศษคือระหว่างที่พูดขอบคุณสำหรับรางวัล เธอได้ทำภาษามือตามไปด้วยโดยเธอให้เหตุผลว่า “ฉันทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับนักแสดงนำอีกคนวัย 6 ขวบ ซึ่งฉันสัญญาว่าจะพูดและทำภาษามือไปพร้อมกัน ขอโทษด้วยที่อาจจะพูดได้ไม่ดี เพราะตอนนี้มือฉันสั่นไปหมด”      The Silent Child เป็นหนังสั้นความยาว 20 นาที ที่ได้ Rachel Shenton และ Maisie Sly หนูน้อยวัย 6 ขวบมาเป็นนักแสดงหลัก และยังได้ Chris Overton เป็นผู้กำกับนั่นเอง     ตัวหนังนั้นจะมุ่งเน้นไปที่การพูดถึงเด็กคนหนึ่งที่เกิดมาเป็นใบ้และหูหนวก…

  • พอกันทีกับปืน! หนุ่มส่งมอบปืนรุ่นคล้ายเหตุยิงกราดโรงเรียน กระตุ้นให้สังคมเลิกปิดตาข้างเดียว

    พอกันทีกับปืน! หนุ่มส่งมอบปืนรุ่นคล้ายเหตุยิงกราดโรงเรียน กระตุ้นให้สังคมเลิกปิดตาข้างเดียว

    ในช่วงหลายปีที่ผ่านเหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียนนั้น ถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยในประเทศอเมริกา ด้วยความที่ปืนนั้นสามารถหาได้ง่ายเพียงแค่คุณมีเงิน จนล่าสุดเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมาก็เกิดเหตุการณ์แบบเดิมอีก เหตุการณ์เด็ก 19 ปีกราดยิงเด็กตาย 17 คนนั้นถือเป็นอะไรที่ร้ายแรงมากๆ และมันก็สร้างแผลในจิตใจให้กับชาวอเมริกันไม่น้อย จนผู้คนหยุดคิดไม่ได้ว่า การมีปืนไว้ในครอบครองทั้งที่ตัวเองไม่ใช่เจ้าหน้าที่นั้นมันถูกจริงๆ น่ะเหรอ     ด้วยเหตุนี้ Ben Dickmann ชายร่างโตจากรัฐฟลอริด้าได้ตัดสินใจนำปืน A-57 (คล้ายกับรุ่น A-15 ที่ผู้ก่อเหตุใช้) มามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเขาได้ให้เหตุผลผ่านเฟซบุ๊ก ตัวเองว่า… “ผมเป็นเจ้าของปืนกระบอกนี้ ผมใช้เงินตัวเองซื้อมา และผมก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบจะดูแลมัน รวมถึงผมยังฝึกการใช้มันมาเป็นอย่างดีด้วย แต่อย่างไรก็ตามผมไม่ต้องการมัน ไม่มีใครที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่สมควรจะมีมัน ปืนไรเฟิลไม่ใช่เครื่องมือที่ใครจะใช้ก็ได้”     นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งจากคำพูดของเขา ซึ่งใจความหลักๆ ของ Ben คือ เขาไม่อยากเห็นใครต้องมาถูกยิงอีกด้วยเหตุผลที่ใครก็ครอบครองปืนได้ ฉะนั้นถ้าเขาอยากมีสังคมที่ดีขึ้น ชีวิตพลเมืองที่ดีขึ้น เขาก็คิดว่ามันควรเริ่มเปลี่ยนที่ตัวเขา   .   นอกจากนี้เขายังโพสต์ใบเสร็จที่เขาได้รับจากการส่งมอบปืนและกระสุนใหกับทางสถานีด้วย   สุดท้ายเขาได้บอกว่า “ถ้ากฎหมายของเรายังเลือกที่จะหลับตาและเปิดกระเป๋าตังค์ต่อไป ผมจะโชว์ให้เห็นเองว่าควรทำอย่างไร”  …

  • ช่างภาพพลิกชีวิต “นักต้มตุ๋น” ให้เป็น “นักทำสารคดี” เปลี่ยนตัวเองจากด้านมืดสู่อาชีพสุจริต

    ช่างภาพพลิกชีวิต “นักต้มตุ๋น” ให้เป็น “นักทำสารคดี” เปลี่ยนตัวเองจากด้านมืดสู่อาชีพสุจริต

    จะเป็นอย่างไร ถ้าเกิดคุณหยิบยื่นโอกาสให้กับคนที่หลงผิด คุณคิดว่าเขาจะกลับใจและเริ่มใหม่หรือเปล่า ถ้าคุณคิดภาพไม่ออกลองดูเรื่องราวของ Tobi และ Adam ดูสิ แล้วคุณจะพบกับเรื่องราวอันสวยงาม Adam Grumbo ช่างภาพมืออาชีพที่ได้บังเอิญไปเจอกับนักต้มตุ๋นบนโลกอินเตอร์เน็ตนามว่า Tobi ซึ่งเป็นชาวไนจีเรีย โดยเขาได้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจึงพบว่า สาเหตุที่ Tobi ต้องมาทำแบบนี้ก็เพราะ การหลอกทำนองนี้เป็นเรื่องปกติที่ชาวไนจีเรียมักจะทำกันด้วยเหตุผลของสภาพความเป็นอยู่ที่ยากจน   พี่ Adam Grumbo เจ้าของเรื่องราวและผู้มอบโอกาสในครั้งนี้   งานนี้ Adam ที่เห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้อยากทำเพราะเขานิสัยเสีย แต่สถานะความเป็นอยู่มันบีบบังคับ แถมตัว Tobi ก็กำลังเรียนอยู่ในเอกวิชาวิศวกรไฟฟ้าปี 3 เท่ากับว่าถ้าเขาได้โอกาสอีกสักหน่อย ชีวิตของเขาก็จะดีขึ้นได้ งานนี้เขาจึงไม่รอช้าด้วยการหยิบข้อเสนอให้กับชายหนุ่มชาวไนจีเรียทันที Adam ขอให้ Tobi ออกไปถ่ายภาพและบันทึกสิ่งต่างๆ รอบตัว สิ่งต่างๆ ที่ว่าจะเป็นอะไรก็ได้ บ้านของเขา อาหาร ความเป็นอยู่รวมถึงชุมชนที่เขาอยู่ ซึ่งเมื่อถ่ายเสร็จแล้วก็ให้ส่งกลับมาโดยตัวเขาจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงิน     โดยผลงานแรกของ Tobi นั้นเขาได้ถ่ายทุกอย่างรอบตัวเขา ตามที่ Adam บอก…

  • เหล่าบุคคลที่ทำให้เห็นความสำคัญของ ‘การให้’ และมันทำให้โลกใบนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น

    เหล่าบุคคลที่ทำให้เห็นความสำคัญของ ‘การให้’ และมันทำให้โลกใบนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น

    แม้ว่าดวงดาวสีฟ้ากลมๆ ที่เราอาศัยกันอยู่นี้อาจจะดูโหดร้ายไปบ้างบางครั้ง แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ยังมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นมากมายอยู่เสมอ ซึ่งบางทีเราก็อาจทำให้โลกที่ดูหม่นหมองของใครบางคนดูสดใสขึ้นมาได้ เหมือนกับบุคคลเหล่านี้ที่ได้แสดงความมีน้ำใจออกมา จนทำให้เราได้เห็นว่านี่แหละคือบุคคลที่จะทำให้โลกของเราดูน่าอยู่ขึ้นมากกว่าเดิม และนี่คือภาพของพวกเขาที่จะมายืนยันว่า การแบ่งปันให้แก่ผู้อื่นมันช่างเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ ซึ่งนอกจากจะมีความอิ่มเอมใจเกิดขึ้นกับตัวเองแล้ว ยังทำให้คนอื่นๆ มีความสุขเมื่อได้เห็นอีกด้วย   แพทย์สองคนลงไปนอนพักผ่อนกับพื้น หลังช่วยกันผ่าตัดนำเนื้องอกในสมองออกให้กับคนไข้เป็นเวลาถึง 32 ชั่วโมง   นักดับเพลิงช่วยชีวิตแมวเอาไว้ได้ พร้อมทั้งสวมหน้ากากออกซิเจนให้กับมัน   นักวิ่งชาวเคนย่ามอบน้ำให้กับนักวิ่งชาวจีนที่พิการทางแขน แม้ว่าการกระทำนี้จะทำให้เธอวิ่งได้ช้าลงในการแข่งขันนี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ   ตำรวจหนุ่มนอนพักเอาแรง หลังจากช่วยเหลือผู้คนจากพายุเฮอริเคนเป็นเวลานานต่อเนื่องจนไม่สามารถนับชั่วโมงได้   เจ้าของร้านขายของให้ช็อกโกแลตและคุกกี้กับเจ้ากวางน้อย มันจึงกลับไปพาเพื่อนของมันมาด้วย   หญิงสาวคนหนึ่งช่วยเย็บเบาะของรถโดยสารให้ ขณะที่เธอเดินทางไปกับรถคันนั้น   เด็กสาวเหยื่อของเหตุการณ์ไฟไหม้ ขอชาวเน็ตให้ช่วยส่งการ์ดคริสต์มาสมาหาเธอหน่อย และนี่คือของขวัญมากมายที่เธอได้รับจากคำขอนั้น   ใครบางคนนำของเล่นมาวางไว้ที่หน้าสถานสงเคราะห์สัตว์ เพื่อที่จะให้เหล่าหมาๆ มีของเล่นแสนสนุก   ไม่เป็นไรหรอก เท้าเปล่าก็เดินได้ ชายหนุ่มยอมสละรองเท้าของเขาให้กับหญิงที่รองเท้าส้นสูงหัก   คุณลุงวัย 61 ปีไม่เคยได้รับของเล่นเป็นของขวัญวันคริสมาสต์มานานถึง 50 ปี ในตอนนี้เขาจึงมีความสุขแบบสุดๆ เมื่อได้เล่นของเล่นอีกครั้ง  …

  • คุณลุงยอมเดิน 40 กิโลเมตรกลับบ้าน ในวันที่หิมะตกหนัก เพื่อเก็บเงินซื้อชุดใหม่ให้ภรรยา

    คุณลุงยอมเดิน 40 กิโลเมตรกลับบ้าน ในวันที่หิมะตกหนัก เพื่อเก็บเงินซื้อชุดใหม่ให้ภรรยา

    ค่าของเงินในแต่ละคนนั้นล้วนมีไม่เท่ากัน บางคนเลือกจะใช้โดยที่ไม่ได้คิดอะไรมากนัก บางคนอาจจะคิดถึงอนาคตและเก็บสะสมเงิน หรือบางคนที่รายได้น้อยอย่างคุณลุงเจ้าของเรื่องนี้ก็เลือกที่จะประหยัดเงินเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของเขา Zhao Fangzi คุณลุงวัย 60 ปี จากมณฑลเหอหนาน ได้ตัดสินใจจะเก็บเงินเพื่อซื้อเสื้อผ้าให้กับภรรยาของเขาเป็นของขวัญในปีใหม่จีน ด้วยการเดินเท้ากลับบ้าน แถมยังเป็นที่หิมะตกหนักด้วย!! คุณลุงเล่าว่าเขาตัดสินใจจะเดินเท้ากลับบ้านเพราะว่าหลังจากที่เขานั่งรถไฟจากเซี่ยงไฮ้มาลงที่สถานีลั่วหยาง ระบบขนส่งส่วนใหญ่นั้นปิดให้บริการแล้ว นอกจากนั้นต้องนั่งแท็กซี่หรือรอให้หิมะหยุดโดยการเปิดโรงแรมพักเขาก็จะไม่มีเงินเหลือไปซื้อเสื้อผ้าให้กับภรรยาของเขา ฉะนั้นเขาจึงเลือกเดินทาง 40 กิโลเมตรจากสถานีดังกล่าวไปยังบ้านของเขา     Zhao ได้บอกกับสื่อจีนว่า “เงินนั้นหายาก ผมทำงานให้กับบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งผมได้เงิน 2,000 หยวน (ประมาณ 10,000 บาท) ต่อเดือน ถ้าผมไม่ประหยัดค่าเดินทางหรือใช้ให้ดีผมก็จะไม่มีเงินเก็บเลย “ ยังไม่หมดเท่านั้นคุณลุง Zhao ยังบอกว่าเขารู้สึกเสียใจที่เจ้านายของเขาไม่ได้จ่ายค่าจ้างที่ค้างเขาไว้ 10,000 หยวน (ประมาณ 50,000 บาท) ก่อนปีใหม่จีน ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกผิดหวังมากๆ ทั้งที่นายจ้างได้ให้คำมั่นสัญญาไว้แล้ว     อย่างไรก็ตามคุณลุงก็บอกว่า การเดินทางนี้เหมือนจะยากลำบากแต่มันก็เป็นการเดินทางเที่ยวเดียว เพราะเขาบอกว่าเขาอาจจะไม่กลับไปทำงานที่เซี่ยงไฮ้อีกแล้ว เพราะด้วยอายุที่มากขึ้นการทำงานก็ยากขึ้น ฉะนั้นเขาจะตัดสินใจอยู่ที่บ้านกับภรรยาของเขานั่นเอง จากรายล่าสุดของสื่อจีน คุณลุง Zhao…

  • ก็มันตื่นเต้นอ่ะ!! ชายไร้บ้านดีใจ ได้รับของขวัญเป็นเสื้อโค้ทใหม่ตัวใหม่เอี่ยม

    ก็มันตื่นเต้นอ่ะ!! ชายไร้บ้านดีใจ ได้รับของขวัญเป็นเสื้อโค้ทใหม่ตัวใหม่เอี่ยม

    สำหรับเหล่าคนไร้บ้านแล้ว ชีวิตของพวกเขาในแต่ละวันต่างก็ต้องเต็มไปด้วยความยากลำบากอย่างมากมาย เพราะด้วยความที่พวกเขาไม่มีเงิน ทำให้พวกเขาบางวันก็อาจจะไม่มีอาหารตกถึงท้องซะด้วยซ้ำ หนำซ้ำด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปทุกวันก็ทำให้ร่างกายของพวกเขาอาจจะต้องเจ็บปวด เพราะว่าไม่มีเครื่องนุ่งห่มที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ ด้วยเหตุนี้ใครหลายคนเมื่อมีโอกาสได้พบเจอกลุ่มคนเหล่านี้ ก็อาจจะมอบสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่สามารถมอบให้ได้ เพราะถือว่าเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เพื่อให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ และสำหรับคนไร้บ้านแล้วน้ำใจเพียงเล็กๆ น้อยๆ ของเราก็อาจจะเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ให้กับชีวิตของเขาก็เป็นไปได้     เหมือนกับชายคนนี้ที่ได้รับเสื้อโค้ทใหม่เพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น ทว่าท่าทีของเขามันกลับสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นได้อย่างไม่รู้ลืม เพราะใครจะไปคิดว่าเสื้อเพียงตัวเดียว จะทำให้คนๆ หนึ่งสามารถดีใจแบบสุดๆ ชนิดที่ว่ากระโดดโลดเต้นออกมาเลยทีเดียว โดยภาพแห่งความประทับใจนี้เกิดขึ้นเมื่อ กลุ่มคนหนุ่มกลุ่มหนึ่งในสหราชอาณาจักร ตัดสินใจตระเวนมอบของขวัญให้กับคนไร้บ้านหลายคนภายในเมืองที่พวกเขาอาศัยกันอยู่ ซึ่งในการปฏิบัติการครั้งนี้พวกเขาก็ได้ถ่ายวิดีโอวินาทีสำคัญๆ เก็บเอาไว้ด้วย     ซึ่งการแจกจ่ายของขวัญก็เป็นไปด้วยความปกติ จนกระทั่งมาถึงการมอบของขวัญให้กับชายไร้บ้านคนหนึ่ง ซึ่งของที่คนกลุ่มนี้มอบให้เขาก็คือ เสื้อโค้ทสีครีมแสนสวย โดยในตอนที่นำไปมอบนั้นพวกเขาได้เก็บเสิื้อตัวนี้ไว้ในหีบห่อก่อน เพื่อให้ชายไร้บ้านคนดังกล่าวไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าสิ่งของที่พวกเขามอบให้นั้นคืออะไร     เมื่อชายคนนั้นแกะของดูแล้วพบว่าเป็นเสื้อโค้ทตัวใหม่เอี่ยม เขาก็แสดงความดีใจออกมาจนหลายคนสามารถสัมผัสได้ถึงความสุขที่เขามีในตอนนั้น โดยเขารีบถอดเสื้อตัวเก่าออกแล้วสวมเสื้อที่เพิ่งได้รับมาในทันที ซึ่งวินาทีนี้เองที่หน้าตาของเขาดูยิ้มแย้ม พร้อมทั้งมีแววตาแห่งความสุขเกิดขึ้นบนใบหน้าของเขา     จากนั้นชายไร้บ้านคนนี้ก็สวมเสื้อตัวใหม่ไปส่องกระจกเพื่อดูมันช่างสวยงามเพียงใดเมื่ออยู่บนตัวของเขา เมื่อได้เห็นตัวเองในกระจกแล้ว เขาก็แสดงความสุขที่มีออกมาด้วยการเต้นระบำเหมือนกับเด็กๆ เลยก็ว่าได้ และภาพแห่งความสุขแบบง่ายๆ ของชายคนนี้ก็สร้างความตื้นตันใจให้กับใครหลายคนรวมถึงกลุ่มคนที่ช่วยเหลือกลุ่มนี้ด้วย     ในตอนท้ายที่สุดแล้วชายคนนี้ก็พนมมือขึ้นเหนือหัว เหมือนกับว่าเขากำลังอธิษฐานขอบคุณสรวงสวรรค์…

  • หญิงจีนคีบตุ๊กตาได้กว่า 7,000 ตัว แชร์เทคนิคเด็ด “เขี่ยให้ร่วง ดีกว่าคีบติดก้าน!!”

    หญิงจีนคีบตุ๊กตาได้กว่า 7,000 ตัว แชร์เทคนิคเด็ด “เขี่ยให้ร่วง ดีกว่าคีบติดก้าน!!”

    บางคนบอกว่า “ตู้คีบตุ๊กตา” คือการพนัน หรือบ้างก็บอกว่ามันใช้ฝีมือ แต่ไม่ว่าจะแบบไหนสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ มันเสพติดสุดๆ โดยเฉพาะหลังคีบขึ้นมาแล้วทำท่าจะได้แต่จบที่ล้มเหลว…     เช่นเดียวกับ Ya สาวชาวจีนวัย 27 ปี จากมณฑลกวางตุ้งที่แม้เดิมทีจะทำอาชีพช่างภาพและมองว่าการเล่นตู้คีบตุ๊กตามันไร้สาระ แต่หลังจากได้สัมผัสมันเพียงครั้งเดียวก็ค้นพบว่าตัวเองเสพติดมันไปซะแล้ว แถมหลังจากคีบตัวแรกสำเร็จมันดันเรียกพวกมาอีกกว่า 6,999 ตัว!?     เรื่องราวของ Ya มันเริ่มขึ้นเมื่อปี 2016 ได้เดินไปเจอกับตู้คีบตุ๊กตาที่มีเป็ดสีเหลืองแสนน่ารักอยู่ข้างใน แน่นอนว่าสาวๆ เมื่อตุ๊กตาเป็ดก็จะต้องอยากได้เป็นธรรมดา แต่ด้วยความคิดครั้งแรกที่เธอคิดว่ามันไร้สาระและมีไว้เพื่อใช้หาเงินเท่านั้น เธอจึงไม่อยากเล่น จนกระทั่งความอยากมันชนะหลักความคิดของเธอ เธอจึงหลวมตัวหยอดเหรียญไปหนึ่งครั้ง     นับจากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เธอคนพบว่า การคีบตุ๊กตามันสนุกกว่าที่คิดมันได้คิดและใช้ความสามารถพร้อมกับโชคอีกนิดหน่อย ซึ่งเธอบอกว่ามันก็คล้ายกับการเล่นดนตรีที่ต้องฝึกหลายๆ ส่วน รวมถึงการจับเทคนิในการคีบ เธอบอกว่าช่วงแรกที่เธอเริ่มเข้าถึงมันเธอยังไม่มั่นใจมากนัก เธอใช้เวลาไปกับยืนดูและเรียนรู้เทคนิคของคนอื่นมากกว่า แต่เวลาผ่านไปเธอก็พบว่ามันไม่ช่วยอะไรมากนัก เธอจึงจัดการซื้อตู้คีบตุ๊กตามาไว้ที่บ้านเพื่อฝึกฝน แต่เรื่องมันกลับพีคยิ่งกว่าเดิมเมื่อเธอออกไปคีบตุ๊กตาจริงๆ ซึ่งเธอพบว่าตู้คีบตุ๊กตามันมีหลายรุ่นหลายยี่ห้อ ฉะนั้นมันจึงไม่เหมือนกับตู้ที่เธอซื้อมาฝึก เธอจึงต้องเริ่มฝึกให้มากกว่าเดิม ด้วยการออกมาคีบ การค้นคว้าในเน็ตและอื่นๆ อีกมากมาย     เวลาผ่านไป Ya ค้นพบว่าการเอาที่คีบค่อยๆ…

  • ประทับใจไม่รู้ลืม… “โป๊ปฟรานซิส” ทรงสั่งหยุดขบวนรถกลางคัน เพื่อลงมาดูตำรวจที่ตกจากหลังม้า

    ประทับใจไม่รู้ลืม… “โป๊ปฟรานซิส” ทรงสั่งหยุดขบวนรถกลางคัน เพื่อลงมาดูตำรวจที่ตกจากหลังม้า

    เกิดเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความแตกตื่นเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่ขบวนเสด็จพระสันตะปาปากำลังเคลื่อนตัวเพื่อพบปะประชาชนในเมือง Iquique ประเทศชีลี จู่ๆ ม้าของเจ้าหน้าที่อารักขาเกิดคลุ้มคลั่งเสียการควบคุมจนทำให้ตกลงมาที่พื้นอย่างรุนแรง     ทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่อารักขาพระองค์ในขบวนต่างก็ตกใจไปตามๆ กัน รวมไปถึงรถพระที่นั่งของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเองก็ถึงกับเสียหลักไปเล็กน้อย     แต่แทนที่จะขับต่อไป สมเด็จพระสันตะปาปากลับรับสั่งให้คนขับหยุดรถ และทรงดำเนินลงมาเช็กดูอาการบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่หญิงคนดังกล่าว   พระองค์ทรงก้มลงไปสอบถามอาการของเจ้าหน้าที่หญิงด้วยความเป็นห่วง และอยู่รอจนรถพยาบาลมาถึง   ก่อนที่จะดำเนินกลับไปประทับที่รถพระที่นั่ง แล้วทำการทักทายประชาชนต่อไป….   จากรายงานของสำนักข่าว DailyMirror โชคดีที่เจ้าหน้าที่หญิงไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงอะไรมากนัก   คลิปเหตุการณ์ดังกล่าวอัปโหลดโดยสำนักข่าว BBC   ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นและสร้างความประทับใจให้กับผู้คนมากมาย เมื่อชาวเน็ตได้ชมคลิปวีดิโออันสุดแสนจะประทับใจนี้ ต่างก็แสดงความคิดเห็นชื่นชมสมเด็จพระสันตะปาปาในความมีพระทัยของพระองค์…   คุณ Elizabeth Ford ให้ความเห็นว่า : “หลายๆ ครั้งที่บุคคลสาธารณะสร้างความหวังให้กับปวงประชา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสนั้นเปรียบเสมือนแสงไฟส่องทาง ในยามมืดมิด”   คุณ Mark Doyle ให้ความเห็นว่า : “ฉันไม่ได้เป็นคนนับถือศาสนานะ แต่การกระทำของพระองค์นั้นช่างน่านับถือยิ่งนัก”   คุณ Ian Yeh ให้ความเห็นว่า : “ในฐานะที่เป็นคนไม่นับถือศาสนา ฉันรู้สึกว่าสมเด็จพระสันตะปาปาเป็นคนที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง ทั้งความมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์…

  • เมื่อหลานสอน “คุณยายวัยเก๋า” ลองใช้ “เทคโนโลยียุคใหม่” เกิดเป็นเรื่องสุดป่วนสุดฮา!!

    เมื่อหลานสอน “คุณยายวัยเก๋า” ลองใช้ “เทคโนโลยียุคใหม่” เกิดเป็นเรื่องสุดป่วนสุดฮา!!

    ในปัจจุบันเทคโนโลยีนั้นได้ก้าวกระโดดไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมโทรศัพท์จะต้องมีขนาดใหญ่ก็หดเหลือขนาดเล็ก แต่ก่อนจะส่งข้อความก็ต้องใช้จดหมายแต่มาในตอนนี้ก็มีอินเตอร์เน็ตมาช่วยให้เราสบายขึ้น และไหนจะผู้ช่วยที่เป็น AI ที่สามารถตอบคำถามและคอยจัดการทุกอย่างให้เราได้อีก… และเมื่อเทคโนโลยีก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ เหล่าผู้สูงอายุที่ไม่เคยเจอกับเทคโนโลยีอะไรแบบนี้ ทุกอย่างก็ล้วนถือเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับพวกเขา โดยเฉพาะระบบ AI ผู้ช่วยที่ในยุคสมัยของพวกเขายังไม่มีนั่นเอง และนั่นก็ทำให้พวกคนชราส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยจะเปิดใจยอมรับมันสักเท่าไหร่ กลับกันคุณยาย Kathleen Todd วัย 95 ปีคนนี้กลับหลงรักเทคโนโลยีมากๆ แม้จะอายุมากขนาดนี้แล้วก็ตาม…     ยิ่งล่าสุดคุณยาย Kathleen นั้นได้พบกับเทคโนโลยีผู้ช่วยสุดล้ำ ที่หลานของเธอเพิ่งจะซื้อมาให้ได้ไม่นานเพื่อเป็นของขวัญวันคริสต์มาส ซึ่งมันก็คือเจ้า Google home นั่นเอง     ซึ่งเมื่อเธอได้ลองใช้เจ้า Google home ไปสักพัก เธอก็ตกหลุมรักและยอมรับเลยว่าตอนนี้เธอเป็นแฟนตัวยังของ Google ไปแล้ว แถมยังเล่าถึงเพื่อนใหม่ของเธอผ่านเฟซบุ๊กอีกด้วย   คุณยายแกเล่าว่า มีสมาชิกใหม่เข้ามาในบ้านของเธอ ซึ่งสมาชิกที่ว่านั้นชื่อ Google สมาชิกใหม่คนนี้สามารถทำได้ทุกอย่างเลยเพียงแค่เรียกพูดว่า “Hey Google!!” ยกตัวอย่างเช่นเธอได้ขอให้มันปลุกเธอตอน 6 โมง 15 และเพื่อนใหม่ก็ทำให้ คุณยายยังบอกอีกว่า เธอสามารถถามหาสูตรอาหารจากเพื่อนใหม่ได้ด้วย แม้ว่าบางอย่างเพื่อนใหม่ก็ทำไม่ได้เช่นกัน ซึ่งคุณยายก็ไม่ว่าอะไรพร้อมบอกว่าทุกคนล้วนไม่ได้สมบูรณ์แบบ  …

  • ทุ่นดักจับขยะพลาสติกในมหาสมุทร กำลังจะออกปฏิบัติการช่วยกอบกู้โลกให้สดใสดังเดิมแล้ว

    ทุ่นดักจับขยะพลาสติกในมหาสมุทร กำลังจะออกปฏิบัติการช่วยกอบกู้โลกให้สดใสดังเดิมแล้ว

    มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีพฤติกรรมมักง่าย เมื่อไปที่ใดก็ทิ้งขยะไว้ตรงนั้น และไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้ในตอนนี้พื้นที่ต่างๆ บนโลกของเราก็มีปัญหาเรื่องนี้เกิดขึ้นมากมาย รวมถึงในท้องทะเลที่เรื่องของขยะได้กลายมาเป็นปัญหาที่ต้องร่วมกันแก้ไข ให้ได้อย่างทันท่วงที ทว่าหากยังจำกันได้ ใครหลายคนก็อาจจะเคยได้ยินเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่มีความมุ่งมั่นจะแก้ไขเรื่องปัญหาขยะในทะเลให้ได้ ซึ่งสิ่งที่เขาคิดไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ เท่านั้น เพราะว่าเขาวางแผนเอาไว้ว่าจะช่วยโลกด้วยการลดจำนวนขยะจำนวนมหาศาลในมหาสมุทรต่างๆ และในวันนี้เขาได้กลับมาทำตามสิ่งที่เขาคิดเอาไว้แล้ว     ย้อนกลับไปในอดีต Boyan Slat เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มมัธยมชาวดัตช์ธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น แต่ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาได้ไปท่องเที่ยวที่ประเทศกรีซ และได้มีโอกาสได้ดำน้ำลงดูใต้ท้องท้องทะเล สิ่งที่เขาได้เห็นจากการไปเที่ยวในครั้งนั้นไม่ใช่แค่ปลาสวยๆ เพียงเท่านั้น แต่เขายังได้เห็นขยะจำนวนมากมาย ที่เขาบอกว่ามันมีเยอะกว่าจำนวนปลาในน้ำซะอีก นั่นจึงได้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาอยากจะเปลี่ยนอะไรสักอย่างเพื่อให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น     “วินาทีที่ผมดำน้ำลงไปใต้ทะเล มันทำให้ผมรู้ทันทีว่าปัญหาเรื่องขยะเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก และปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมก็เป็นปัญหาขนาดใหญ่ที่คนยุคผมต้องเผชิญกับมัน” Slat กล่าว ทว่า Slat ก็เป็นเหมือนกับคนทั่วๆ ไป ที่รู้ว่ามีขยะจำนวนมหาศาลอยู่ในท้องทะเล และหวังว่าจะมีใครสักคน หรือหน่วยงานสักแห่งที่กำลังแก้ไขปัญหานี้อยู่ แต่สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่นก็เพราะว่า เขาไม่เพียงรอคอยให้ใครแก้ปัญหานี้ให้เท่านั้น เพราะว่ามันเป็นปัญหาของส่วนรวม     หลังกลับจากการไปเที่ยวประเทศกรีซในครั้งนั้น Slat จึงได้ค้นคว้าหาข้อมูลเรื่องของการกำจัดปัญหาในท้องทะเล และเขาก็ได้พบว่าการใช้ตาข่ายเพื่อดักจับขยะ มันไม่เพียงแต่จะกำจัดขยะเท่านั้น… ทว่ามันยังจะจับพวกสิ่งมีชีวิตในทะเลอย่าง ปลา เต่า หรืออื่นๆ ไปด้วย เขาจึงได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ของเขาขึ้นมาเพื่อจะแก้ไขปัญหานี้โดยเฉพาะ…

  • นักศึกษาสัตวแพทย์ รักษาเพื่อนสี่ขาของคนไร้บ้านฟรีๆ เพราะพวกมันคือหัวใจของพวกเขา!!

    นักศึกษาสัตวแพทย์ รักษาเพื่อนสี่ขาของคนไร้บ้านฟรีๆ เพราะพวกมันคือหัวใจของพวกเขา!!

    แม้ว่าการอยู่ข้างถนนจะลำบาก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เหล่าคนไร้บ้าน มีใจเมตตาต่อสัตว์น้อยลงแต่อย่างใด เราจึงอาจเห็นว่าคนไร้บ้านหลายคนได้เลี้ยงสัตว์อย่าง ‘หมา’ เอาไว้เพื่อเป็นเพื่อนแก้เหงา ในทางกลับกัน ‘หมา’ ก็จะได้มีเจ้าของที่รักมันจริงๆ เช่นเดียวกัน ทว่าก็เพราะความที่ต้องอยู่อย่างไม่มีบ้าน ทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับภัยต่างๆ มากมายอย่างอากาศหนาว ฝนตก ฝุ่นควัน จนบางทีเหล่าสัตว์เลี้ยงก็อาจจะเกิดป่วยขึ้นมาได้ และก็อาจไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธีเนื่องจากเจ้าของไม่มีเงินที่จะพาไปรักษา ทำให้นักศึกษาสัตวแพทย์คนหนึ่งตัดสินใจรับรักษาสัตว์ให้แก่คนไร้บ้านแบบฟรีๆ ซะเลย   คนไร้บ้านกับสัตว์เลี้ยงของพวกเขา   นักศึกษาสัตวแพทย์คนที่ว่านี้มีชื่อว่า Ruby Shorrock นักศึกษาสัตวแพทย์ปีสุดท้าย ผู้มีจิตใจเมตตาอารีต่อสัตว์ ซึ่งเธอเธอได้ตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะช่วยรักษาสัตว์ให้แก่เหล่าคนไร้บ้าน โดยก่อตั้งคลินิกที่ชื่อว่า The Trusty Paws Clinic ขึ้นมาเพื่อจะช่วยรักษาสัตว์ให้ฟรี ตามที่เธอได้ตั้งใจเอาไว้ สำหรับเหตุผลในการทำเช่นนี้ Ruby ก็บอกว่า เป็นเพราะความที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ที่เธออาศัยอยู่ เป็นเมืองที่มีวิกฤติคนไร้บ้านที่เลวร้ายที่สุดเมืองหนึ่งในสหราชอาณาจักร   Ruby Shorrock นักเรียนสัตวแพทย์ปีสุดท้ายผู้มีจิตใจงาม   เธอจึงรู้ในทันทีว่ามีผู้คนมากมายต้องการความช่วยเหลืออย่างแน่นอน และยิ่งในหมู่คนไร้บ้านที่มีสัตว์เลี้ยงแล้ว เจ้าขนปุยพวกนี้ก็ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเช่นเดียวกัน   สัตว์เลี้ยงรอคอยการช่วยเหลืออีกมาก   แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ทว่าการช่วยเหลือของเธอก็ได้เคยช่วยชีวิตสุนัขของคนไร้บ้านมาแล้วหลายราย ซึ่งบางตัวนั้น Ruby ก็บอกเอาไว้ว่ามันเปรียบเสมือนกับแก้วตาดวงใจของเจ้าของมันเลยก็ว่าได้ และเธอก็รู้สึกดีใจที่ได้ช่วยให้พวกเขามีความสุข   ช่วยเหลือเพื่อให้พวกเขามีความสุข  …

  • ชายสูงอายุชาวดัตช์ ผู้ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตตามเก็บและส่งจดหมายในขวดกว่า 1,200 ฉบับ!!

    ชายสูงอายุชาวดัตช์ ผู้ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตตามเก็บและส่งจดหมายในขวดกว่า 1,200 ฉบับ!!

    แม้ปัจจุบันเวลาจะเปลี่ยนไป เทคโนโลยีการส่งข้อความจะว่องไวแค่ไหน ชายชาวดัตช์เจ้าของเรื่องนี้เขาก็ยังชื่นชอบในการส่งจดหมายผ่านขวดและปล่อยให้ลอยไปกับทะเลอยู่ดี… Wim Kruiswijk ชายชาวดัตช์วัย 68 ปีจากประเทศเนเธอร์แลนด์ผู้ค้นพบความชอบของตัวเองเมื่อปี 1983 โดยเรื่องราวมันเริ่มจากเขาบังเอิญไปเจอเข้ากับขวดลอยทะเลที่ภายในมีจดหมายจำนวน 3 ขวดจากบริเวณชายหาดแถวบ้านของเขาในเมือง Zandvoort      ซึ่งหลังจากที่เขาได้อ่านจดหมายข้างในเขาก็คิดสนุก เลยตอบจดหมายทั้ง 3 ฉบับแล้วส่งกลับไปยังทะเลทันที แต่ที่แปลกคือเวลาผ่านไปเขากลับได้รับการตอบกลับจากจดหมายทั้งหมด!? และเมื่อมันเป็นแบบนั้น มันก็จุดประกายให้เขาเริ่มหันมาชอบที่จะตอบรวมถึงตามล่าหาจดหมายในขวด ซึ่งลุง Wim ก็ทำมันเรื่อยมาจนรู้ตัวอีกทีเวลาก็ผ่านไป 34 ปี แล้ว โดยนับรวมจดหมายในขวดที่เก็บได้ก็ราวๆ 1,200 ขวด เรียกว่าเยอะมากๆ เลยนะเนี่ย     ลุง Wim ยังเล่าถึงประสบการณ์การออกไปเก็บขวดอีกว่า ทุกครั้งที่เขาออกไปที่ชายหาดแล้วเจอจดหมายในขวด ลุงแกจะไม่เปิดอ่านมันทันทีตรงนั้น แต่จะเก็บไว้ในกระเป๋าที่เตรียมจากนั้นค่อยนำมันกลับมาอ่านที่บ้าน เพื่อให้ตัวเองรู้สึกตื่นเต้นอีกครั้งหลังจากความตื่นเต้นครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อตอนเจอขวด     เขาได้ให้เหตุผลในการสะสมและส่งต่อจดหมายในขวดของตัวเองว่า ความตื่นเต้นในการรอคอยจดหมายแต่ละฉบับ จะต้องใช้เวลาให้ขวดเดินทางไปถึงผู้รับ โดยมันอาจจะใช้เวลานานเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน หรืออาจจะเป็นปีเลยก็ได้ ซึ่งทุกครั้งที่ได้รับ เปิดอ่านและตอบกลับ มันเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่หาไม่ได้ในปัจจุบัน แต่ทีเด็ดที่สุดนั้นเขาได้บอกว่า “สิ่งที่ทำให้ผมชอบเขียนจดหมายคือ ทุกครั้งที่ผมคุยกับใครสักคนไม่ว่าจะบนโทรศัพท์หรือในชีวิตจริง ผมมักจะได้รับคำตอบแทบจะทันทีโดยไม่ต้องคาดหวังอะไรกับมัน …

  • หนุ่มเชิญเพื่อนที่คบกันมาตลอด 15 ปี ผ่านโลกออนไลน์โดยให้มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในงานแต่ง!!

    หนุ่มเชิญเพื่อนที่คบกันมาตลอด 15 ปี ผ่านโลกออนไลน์โดยให้มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในงานแต่ง!!

    หลายคนที่เล่นเกมออนไลน์มาเป็นเวลานานๆ คงจะเคยมีเพื่อนที่สนิทมากๆ ในโลกออนไลน์กันบ้างใช่ไหม ซึ่งบางคนแม้จะคุยกันมานาน แต่ก็ไม่เคยเจอกันจริงๆ สักทีเช่นกัน พ่อหนุ่มเจ้าของเรื่องราวในครั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่คบเพื่อนออนไลน์นานถึง 15 ปี คุยกันตลอดแต่ไม่เคยนัดเจอกันเลย พอมาคราวนี้เกิดเจ้าตัวจะแต่งงาน เขาเลยตัดสินใจชวนเพื่อนรักคนดังกล่าวมาเจอกันจริงๆ ให้มันรู้แล้วรู้รอดเสียที… Charles Powell หนุ่มวัย 28 จากเมืองซินซินแนติ รัฐโอไฮโอ ได้ทำการขอแฟนสาวแต่งงานซึ่งมันก็สำเร็จไปด้วยดี ด้วยการที่เธอตอบตกลง ทว่าปัญหามันอยู่ต่อจากนี้เมื่อพ่อหนุ่มไม่รู้ว่าจะชวนใครมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวดี     จนกระทั่งเขานึกได้ว่าเขามีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่เจอกันผ่านระบบ Xbox Live เมื่อ 15 ปีก่อนซึ่งปัจจุบันก็ยังพูดคุยกันมาตลอด โดยนายคนนี้มีชื่อว่า Joe Walters ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองดีทรอยต์ จากรัฐมิชิแกน และทั้งคู่ก็ไม่เคยเจอกันมาก่อน และเมื่อเป็นเหตุการณ์สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของเพื่อนรัก พ่อหนุ่ม Joe ก็ไม่ปฏิเสธ พี่แกจึงตัดสินใจเดินทางมาจากดีทรอยต์เพื่อมางานนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเมื่อทั้งคู่ได้เจอกันก็แวะถ่ายรูปคู่สักหน่อยพร้อมโพสต์ลงโซเชี่ยล ด้วยแคปชั่นว่า “15 ปีที่เล่นด้วยกันมาบน Xbox live ในที่สุดก็ได้เจอกันเป็นครั้งแรก ที่สำคัญยังมาในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าวอีก เพื่อนโลกออนไลน์กลายเป็นเพื่อนในชีวิตจริง!!”   . .   งานนี้ชาวเน็ตชอบใจกันใหญ่และต่างพากันมาแชร์เรื่องราวเพื่อนที่เจอกันบนโลกออนไลน์กันเพียบเลยล่ะ   #เหมียวมู่ทู่…

  • Robert Wardhaugh ชายผู้เล่นเกม D&D มาเป็นเวลานานกว่า 35 ปี จนตอนนี้ก็ยังเล่นอยู่!!

    Robert Wardhaugh ชายผู้เล่นเกม D&D มาเป็นเวลานานกว่า 35 ปี จนตอนนี้ก็ยังเล่นอยู่!!

    ในปัจจุบันนั้นบอร์ดเกมเริ่มเป็นที่สนใจและผู้คนก็หันกลับมาเล่นกันมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเกมที่หลากหลายและวิธีการเล่นสนุกสนาน เหมาะกับกลุ่มเพื่อนฝูง จึงไม่แปลกอะไรที่มันได้รับความนิยมมากขนาดนี้ แต่ทางด้านตะวันตกนั้น ก็มีบอร์ดเกมที่อมตะสุดๆ พอกับเกมเศรษฐีที่บ้านเราชอบเล่นกันเลย เกมที่ว่านั้นก็คือ เกม D&D หรือ Dungeon and Dragon เกมแนว RPG ที่นำผู้เล่นหลายคนมาสวมบทเป็นผู้กล้า เพื่อผจญภัยไปในโลกแฟนตาซีที่เกมมาสเตอร์จะเป็นคนกำหนดเนื้อเรื่องทั้งหมด…     Robert Wardhaugh เกมมาสเตอร์จากแคนาดาที่หลงใหลใน D&D มาตั้งแต่อายุ 14 จนเวลาผ่านไป 35 ปี เขาก็ยังคงรักและเล่นบอร์ดเกมนี้อยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญเนื้อเรื่องภายในเกมของเขาไม่เคยจบลง     หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเกมของเขามันถึงไม่เคยจบลง นั่นก็เพราะว่าเขาเป็นคนที่ชื่นชอบจากใจจริง เขาจึงเริ่มสะสมพรอพประกอบฉาก ทั้งปีศาจ ตัวละคร สิ่งก่อสร้างหรือแม้แต่ภูมิประเทศรวมๆ แล้วกว่า 20,000 ชิ้น (แม่เจ้าโว้ยยย) โดยเขาให้เหตุผลในการสะสมว่า เขาสนุกมากๆ ที่ได้วางพรอพพวกนี้ลงไปบนโต๊ะจนเกิดเป็นฉากขึ้นมา   นี่คือพรอพประกอบฉากของพี่เขาล่ะ มีทุกแบบ ไม่ว่าจะปีศาจ คน หรือสัตว์ ต้นไม้ก็เพียบเช่นกันนะ   กล่องที่เรียงกันเต็มไปหมดนี้ คืออุปกรณ์ประกอบฉากทั้งหมด   ความสนุกของเขาคือการวางฉาก…

  • คนในวงการออกมาแฉ Tom Hanks เนื่องจากว่าแกเป็นคน “ดีเกินไป” ช่วยหยุดดีสักวันเถ๊อะ!!

    คนในวงการออกมาแฉ Tom Hanks เนื่องจากว่าแกเป็นคน “ดีเกินไป” ช่วยหยุดดีสักวันเถ๊อะ!!

    ได้โปรด Tom Hanks คุณช่วยหยุดเป็นคนดีสักวินาทีจะได้ไหม!! เรียกว่าตอนนี้วงการฮอลีวูดลุกเป็นไฟกันเลยทีเดียว หลังจากที่มีข่าวคราวเกี่ยวกับการที่ดาราหลายคนถูกขุดและถูกแฉพฤติกรรมคุกคามทางเพศของพวกเขา ซึ่งคนที่โดนไปก็ตกงานกันรัวๆ Kevin Spacey คงเป็นตัวอย่างที่ชัดที่สุดและผู้กำกับชื่อดัง Brett Ratner ก็คงจะเป็นรายต่อไป… แต่ใช่ว่าจะมีแต่ข่าวเสียๆ หายๆ ของเหล่านักแสดงหรือผู้กำกับหรอกนะ เพราะเรื่องดีๆ ก็มีเช่นกันดีขนาดที่ว่าคนต้องบอกว่านายเลิกเป็นคนดีสักวินาทีหนึ่งได้ไหมเลยทีเดียว คนดังคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ Tom Hanks นั่นเอง โดยเขาได้รับคำชมมากมายจากเพื่อนร่วมงานด้วยกันมาตลอด ยกตัวอย่างเช่นเรื่องเล่าจาก Veronica Warren ที่เล่าย้อนกลับไปเมื่อช่วงถ่ายทำหนังเรื่อง The Da Vinci Code ปี 2006     Veronica เล่าว่า Tom Hanks เป็นคนที่นิสัยดีมาก แม้ว่าเพื่อนร่วมงานจะมีอาหารไม่เพียงพอ เขาก็จะเอาอาหารส่วนของตัวเองมาแบ่งให้กับคนอื่นๆ ด้วย “เขาแบ่งแซนวิชให้ฉันครึ่งหนึ่ง หลังจากที่เขาเห็นว่าเสบียงในกองถ่ายเหลือน้อยเต็มที ตอนนั้นฉันเพิ่งจะอายุ 17 เองนะ แล้วก็ไม่ใช่ครั้งเดียวด้วย ตลอดเวลาในกองถ่ายเขาไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับฉันเลย เขาทำกับฉันในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกันตลอดเวลา” Veronica กล่าว   ก็ชมกันเกินไป…   ยังๆ ยังไม่หมด Zoe Tanowitz…

  • หนุ่มน้อยเลือกแต่งคอสเพลย์เป็น “พ่อ” ของตัวเอง เพราะคิดว่าพ่อนี่แหละ คือซูเปอร์ฮีโร่ตัวจริง!!

    หนุ่มน้อยเลือกแต่งคอสเพลย์เป็น “พ่อ” ของตัวเอง เพราะคิดว่าพ่อนี่แหละ คือซูเปอร์ฮีโร่ตัวจริง!!

    เมื่อถึงวันฮาโลวีน เด็กๆ ส่วนใหญ่ที่มองหาคอสตูมสวยๆ อย่างซูเปอร์ฮีโร่ในดวงใจเช่นแบทแมน ซูเปอร์แมน สไปเดอร์แมนเป็นต้น แต่สำหรับหนูน้อยคนนี้เขากลับเลือกอะไรที่แตกต่างออกไป BScribbs ชาวเน็ตคนหนึ่งได้เล่าถึงเรื่องราวของเขาและลูกในช่วงฮาโลวีน โดยเขาบอกว่าช่วงก่อนฮาโลวีนเขามัวแต่ยุ่งอยู่กับงาน พอต้องพาลูกไปซื้อชุดฮาโลวีนมันก็เป็นช่วงเวลาที่ยากมากๆ ที่จะหาชุดที่ถูกใจให้ลูก ด้วยเหตุนี้คุณพ่อก็เลยบอกกับลูกชายว่า “งั้นเอางี้ ลูกเลือกซูเปอร์ฮีโร่มาสักตัวหนึ่ง เดี๋ยวพ่อจะทำชุดให้ก็แล้วกัน” ปกติเราอาจจะคาดหวังให้เด็กชายเลือกฮีโร่มาสักตัวจริงๆ แต่คำตอบของหนูน้อยกลับทำให้ผู้เป็นพ่อถึงกับหลั่งน้ำตาทันที     นั่นก็เพราะว่าลูกชายของเขาได้ให้คำตอบว่า “พ่อ!!” ผู้เป็นพ่อรู้ได้ทันทีว่าลูกชายต้องการจะแต่งเป็นเขา เพราะพ่อเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของเขา เพราะพ่อของเขาทำงานหนักเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวตลอดเวลา แม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้เป็นทนายหรือหมอ แต่เขาก็เปิดร้านอาหารและทำงานในครัวตลอด ทุกครั้งที่กลับมาก็จะมีท่าทางเหนื่อยตลอดเวลา แต่ก็ไม่บ่นเลย ฉะนั้นลูกของเขาจึงภูมิใจในตัวพ่อและชื่นชมมากๆ ส่วนผู้เป็นพ่อก็ภูมิใจในตัวลูกที่มองเขาเป็นฮีโร่เช่นกัน     น่ารักไหมล่ะ   สุดท้าย BScribbs ได้เล่าปิดท้ายว่า ในวันฮาโลวีนตอนที่ลูกไปเคาะประตูบ้านคนอื่นแล้วขอลูกอมพร้อมบอกว่าเขาแต่งเป็นพ่อของเขา วินาทีนั้นแม้แต่ครอบครัวอื่นๆ ก็ยังบอกกับเขาว่าพวกเขาภูมิใจในตัวเด็กคนนี้มากๆ นั่นเอง     ที่มา boredpanda

  • นายทหารทาสีบ้านไม่เสร็จ เพราะต้องไปสนามรบ นักศึกษากว่า 40 คนจึงมาช่วยจัดการให้!!

    นายทหารทาสีบ้านไม่เสร็จ เพราะต้องไปสนามรบ นักศึกษากว่า 40 คนจึงมาช่วยจัดการให้!!

    การที่คนในชุมชนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนั้นเป็นสิ่งที่งดงามมาก เพราะในยามยากลำบาก คนที่จะมาช่วยเหลือกันและกันก็เป็นคนในชุมชนนั่นเอง เช่นเดียวกับเรื่องราวของนายทหารในครั้งนี้… เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อตอนที่ William และ Kim Cookson สองสามีภรรยาที่อาศัยอยู่ในบ้านและต้องการจะทาสีบ้านใหม่ทั้งหลัง แต่ระหว่างที่กำลังทำๆ อยู่ William ก็ดันถูกเรียกตัวเพื่อไปช่วยรบที่ประเทศคูเวตซะได้     ด้วยเหตุนี้ บ้านจึงยังทาสีไม่เสร็จและก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตัวเจ้าของบ้านผู้เป็นนายทหารจะกลับมาปิดงาน อาสาชุมชนเห็นแบบนั้นจึงจัดการรวบรวมนักศึกษากว่า 40 คนเพื่อมาช่วยปิดงานที่นายทหารเริ่มไว้ให้เสร็จ กลุ่มอาสาบอกถึงความในใจของพวกเขาว่า นี่คือสิ่งที่พวกเขาพอที่จะตอบแทนให้กับชุมชนและคนที่ไปต่อสู้เพื่อชาติแทนพวกเขา ทุกคนจึงตั้งใจทำงานกันอย่างไม่บ่นสักคำ ที่สำคัญพวกเขาก็ดูจะแฮปปี้กับการทำงานนี้มากๆ   .   ทางด้านร้านของ Selina ซึ่งเป็นร้านค้าในชุมชน พอได้ยินเรื่องราวดังกล่าวก็ตัดสินใจออกค่าสีและอาหารกลางวันให้กับนักเรียนอาสาที่มาทาสีทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ร่วมลงมือช่วยนักศึกษาทาสีด้วย Austin Workman หนึ่งในนักศึกษาที่มาช่วยทาสีก็บอกว่า “พวกเรานักศึกษามีเงินกันไม่มากหรอก แต่ว่าพวกเรามีเวลา ฉะนั้นการทำแบบนี้จึงเป็นแนวทางที่ดีที่สุดที่พวกเราจะตอบแทนชุมชนได้”     ที่มา inspiremore

  • หนุ่มซุ่มจับโจรขโมยรถ เข้าไปดูใกล้ๆ พบเป็น “เด็กหนุ่มดาวน์ซินโดรม” ที่แค่อยากขับรถเองสักครั้ง…

    หนุ่มซุ่มจับโจรขโมยรถ เข้าไปดูใกล้ๆ พบเป็น “เด็กหนุ่มดาวน์ซินโดรม” ที่แค่อยากขับรถเองสักครั้ง…

    ลองจินตนาการดูว่าถ้าวันหนึ่งคุณเดินมายังลานจอดรถแล้วเห็นชายแปลกหน้ากำลังพยายามจะขโมยรถของคุณ คุณจะทำยังไง? คุณจะเดินเข้าไปด่า คุณจะรีบวิ่งไล่จับและเตะตูดโจรคนนั้น หรือจะยิงก่อนถามทีหลังกัน… แต่สำหรับ Jimbo Bazoobi ดาวตลกชาวออสเตรเลียผู้เป็นเจ้าของแพะอีกหนึ่งตัวนามว่า Gary ไม่ทำแบบนั้น เพราะวินาทีที่เขาออกมาจากร้านค้าแล้วเจอกับโจรแปลกหน้าทำท่าเหมือนจะพยายามขโมยรถของเขา เขาค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ๆ อย่างใจเย็น จนเขาพบว่าชายแปลกหน้าที่พยายามขโมยรถนั้นเป็นวัยรุ่นหนุ่มดาวน์ซินโดรมที่ดูแล้วไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร   Jimbo กับ Gary นั้นมีช่องยูทูบของตัวเองด้วยนะ Gary The Goat   ระหว่างนั้นเขาได้บันทึกคลิปวิดีโอเอาไว้ด้วย คิดว่าถ้าจับโจรได้คลิปจะต้องดังแน่ๆ แต่การพบกับหนุ่มดาวน์ซินโดรม กลับทำให้คลิปของเขาดังกว่าที่เขาคิดไว้ตอนแรกซะอีก ตอนที่เขาเข้าไปหาหนุ่มดาวน์ซินโดรมคนดังกล่าว เขาก็ถามอย่างใจเย็นว่า “เฮ้ นายทำอะไรน่ะ? อยากขับรถเหรอ?” ด้านหนุ่มดาวน์ซินโดรมตอบกลับมาว่า “ใช่”     วินาทีนั้นทั้งคู่รู้ตัวได้ทันทีว่าต่างคนก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรต่อกัน ดังนั้นการพูดคุยจึงเป็นไปอย่างราบรื่น ด้าน Jimbo ก็เข้าใจหนุ่มดาวน์ซินโดรมได้ทันทีว่าเขาคงอยากจะลองนั่งหรือขับรถด้วยตัวเองดูบ้าง เขาก็เลยเริ่มสอนหลายๆ อย่างพร้อมกับถามชื่อหนุ่มคนดังกล่าวและได้รู้ว่าเขาชื่อ Ryan Jimbo ยังถาม Ryan อีกว่า “นี่นายเคยขับรถมาก่อนไหม” หนุ่มดาวน์ซินโดรมก็ตอบอย่างใจเย็นพร้อมสายตาที่สนใจตัวรถข้างหน้าว่า “ไม่”     เมื่อคำตอบมันออกมาเป็นแบบนั้น Jimbo ก็ไม่รอช้าเปิดประตูและหยิบกุญแจให้กับ Ryan…

  • สาวน้อยยอมเสียสละเงินในกระปุกออมสินทั้งหมด เพื่อซื้อนมแบ่งให้เพื่อนๆ ที่โรงเรียน

    สาวน้อยยอมเสียสละเงินในกระปุกออมสินทั้งหมด เพื่อซื้อนมแบ่งให้เพื่อนๆ ที่โรงเรียน

    นมถือว่าหนึ่งในอาหารสำคัญที่เด็กๆ ควรจะได้ทานเพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ทว่าเด็กทุกคนก็ไม่ได้มีโอกาสที่จะดื่มนม เพราะนมนั้นก็มีราคาที่สูงพอสมควรสำหรับเด็กเล็กๆ Sunshine Oelfke เด็กสาววัย 5 ขวบคนนี้ก็รู้สึกเช่นเดียวกันว่า นมนั้นมีราคาที่สูงมากสำหรับเด็กๆ 5 ขวบอย่างเธอ โดยเฉพาะกับเพื่อนๆ ร่วมชั้นที่ไม่ค่อยจะได้เงินมาโรงเรียนเยอะมากนัก จนไม่มีโอกาสได้ดื่มนมแสนอร่อย หนูน้อยจึงเริ่มนับเงินเก็บจากกระปุกออมสินของเธอแล้วใส่ลงไปในถุงพลาสติก จากนั้นก็ยัดใส่กระเป๋าเป้เพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียน ด้านคุณย่า Jackie Oelfke ตอนแรกก็คิดว่าหลานสาวกำลังเล่นอยู่ เลยลองถามหนูน้อยว่าจะเอาเงินพวกนี้ไปทำอะไรเหรอ   เงินเก็บของหนูน้อยที่จริงๆ แล้วสามารถนำไปซื้อของที่เธออยากได้สบายๆ   แต่เธอก็ไม่คิดถึงเรื่องตัวเองเป็นอันดับแรก   หนูน้อย Sunshine ก็ตอบกลับมา “หนูจะเอามันไปโรงเรียน” พร้อมกับอธิบายให้คุณย่าของเธอฟังว่า เธอจะเอาเงินไปซื้อนมให้กับ Layla เพื่อนของเธอที่โรงเรียนซึ่งไม่มีโอกาสได้ดื่มนมเลยเพราะคุณแม่ของเธอนั้นไม่มีเงินพอให้ลูกสาวมาโรงเรียนแล้วซื้อนมเพิ่ม วินาทีนั้น คุณย่าถึงกับตื้นตันใจในความไร้เดียงสาของหลานสาวอันแสนบริสุทธิ์ที่อยากช่วยเหลือเพื่อนๆ แม้ตัวเองจะไม่ได้ถูกเลี้ยงดูจากแม่ก็ตาม เพราะแม่ของเธอมีปัญหาเรื่องยาเสพติดและต้องอยู่ในคุก     แต่ถึงจะไม่มีแม่ คุณย่า Jackie ก็พร้อมจะช่วยพลักดันหลานเสมอ เธอเดินทางไปยังโรงเรียนพร้อมกับเงินเก็บของหนูน้อยจำนวนเกือบๆ 1,000 บาท พร้อมมอบเงินนี้ให้กับครูประจำชั้นเพื่อซื้อนมให้เพื่อนทุกคนในห้อง นมหนึ่งกล่องนั้นจะมีราคาอยู่ที่ราวๆ 15 บาท ด้วยเงินจำนวนดังกล่าว เพื่อนๆ 20 คนในชั้นเรียนของเธอจะมีนมดื่มได้ทั้งสัปดาห์เลยล่ะ   คุณย่ากับหนูน้อยที่พากันไปบริจาคเงินให้อาจารย์ประจำชั้น  …

  • ความน่ารักของคุณหมอ ช่วยผ่อนคลายให้กับหนูน้อย พาเต้นจนหายกลัวและยิ้มได้อีกครั้ง…

    ความน่ารักของคุณหมอ ช่วยผ่อนคลายให้กับหนูน้อย พาเต้นจนหายกลัวและยิ้มได้อีกครั้ง…

    เมื่อพูดถึงโรงพยาบาลนั้น หมอก็คงจะเป็นสิ่งแรกๆ ที่เราจะนึกถึงสถานที่แห่งนี้ แน่นอนว่าไม่มีอยากไป เพราะเมื่อไปทีไรก็จะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเสมอๆ เช่นเดียวกับหนูน้อยสามคนจากรัฐฟลอริด้า เมื่อหนูน้อย Autum Moses จะต้องเดินทางไปที่โรงพยาบาล Wolfson เพื่อรักษาอาการป่วยจากโรคสเตรปโธรท ด้วยความกลัวหนูน้อยจึงมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก จนส่งผลไปถึงน้องสาวอีกสองคนกลัวไปด้วย     ทว่าเมื่อ Dr. Chima Matthew ที่เห็นสีหน้าของทั้งสามดูไม่ค่อยจะดี เขาจึงตัดสินใจที่จะช่วยคลายความเครียดของเด็กสาวทั้หมด โดยการเปิดเพลงจากมือถือขึ้นมาแล้วออกลีลาท่าทางเท้าไฟของเขาให้หนูน้อยทั้งสามดูและเต้นตาม วินาทีที่เขาเริ่มเต้น หนูน้อย Autum ก็เริ่มจะคลายความตึงเครียดลงไปได้ระดับนึงจนถึงขั้นผ่อนคลาย และเริ่มเต้นตามในท้ายที่สุด ไม่พอเท่านั้นน้องสาวอีกสองคน Winter และ Kristlynn พอเห็นพี่สาวหายเครียด ทั้งหมดก็เริ่มเต้นตามคุณหมอ   เอ้า อย่าเครียดนะหนูๆ   เต้นตามหมอเร็ว ฮั๊ดฉึบๆ   ดูๆ หมอแด๊บด้วย ฮั๊ดโช๊ะ   ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดได้ถุูกบันทึกไว้ และเผยแพร่สู่โลกโซเชี่ยลมีเดียจนมีคนมากมายพากันพูดถึงคุณหมอ Chima ว่าเขาเป็นหมอที่ใจดีมากๆ แถมยังสร้างรอยยิ้มให้หนูๆ ได้อีก     ลองชมคลิปเต็มๆ ของคุณหมอดูกัน ลีลาจะเด็ดจริงไหม (ลิ้งดูวีดีโอ)   ด้านแม่ของ…

  • คุณแม่ลูกสองกำลังจะลาโลกไปด้วยโรคมะเร็ง แต่สุดท้ายก็ได้ยูนิคอร์นมาช่วยเยียวยาจิตใจ

    คุณแม่ลูกสองกำลังจะลาโลกไปด้วยโรคมะเร็ง แต่สุดท้ายก็ได้ยูนิคอร์นมาช่วยเยียวยาจิตใจ

    Sammi Fox คุณแม่ลูกสองวัย 29 ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต แต่ก่อนจะจากไปเธอก็อยากจะบอกลาลูกน้อยของเธอด้วยตัวเอง ทว่ามันก็เป็นการยากเพราะลูกของเธอนั้นป่วยเป็นดาวน์ซินโดรม เธอได้บอกเล่าเรื่องราวผ่านเฟซบุ๊กของเธอก่อนจากไปว่า อาการของเธอลุกลามไปไวสุดๆ และเธอก็รักลูกๆ ทั้งสอง Bobby วัย 5 ขวบ กับ Kai วัย 13 ขวบ มากขนาดไหน…     ข้อความของเธอได้ไปโดนใจกับ Lisa Walker คุณแม่ลูกสองวัย 41 ปี เข้า ทำให้เธอรู้สึกเห็นใจและอยากจะช่วย Sammi เธอจึงเดินทางตรงมายังโรงพยาบาลที่คุณแม่วัย 29 อยู่ทันทีพร้อมกับสัตว์ในตำนานที่ไม่มีใครคิดว่าจะเจอ สัตว์ที่ว่านั้นคือม้าแคระที่แต่งตัวเป็นยูนิคอร์นนั่นเอง ซึ่ง Lisa นั้นทำไงานอยู่ที่ Mini Pony Hire เป็นบริษัทที่ให้เช่าม้าแคระ หลังจากได้อ่านเรื่องราวของ Sammi และรู้ว่าเธอชอบยูนิคอร์นมากแค่ไหน เธอจึงพาม้าแคระจากบริษัทของเธอมาเพื่อให้กำลังใจเธอนั่นเอง   .   Lisa บอกว่าตอนที่เธอเห็นข้อความของ Sammi บนหน้าเฟซบุ๊กของเธอ เธอก็สะเทือนใจเป็นอย่างมากจนรู้สึกว่าต้องมาช่วยให้ได้ และวินาทีที่ Sammi เห็นเจ้ายูนิคอร์นเธอก็ดูมีความสุขมากๆ ฉะนั้นมันจึงคุ้มค่าแล้วที่เดินทางมาแม้จะเป็นคนแปลกหน้ากันก็ตาม และหลังจากเหตุการณ์นั้นจึงทำให้ Sammi มีกำลังใจที่มากขึ้นพร้อมกับต่อสู้โรคร้ายได้ดีขึ้น…

  • หญิงตัดสินใจช่วยคนไร้บ้านที่กำลังร้องไห้กับความทุกข์ แม้ทั้งคู่จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็ตาม…

    หญิงตัดสินใจช่วยคนไร้บ้านที่กำลังร้องไห้กับความทุกข์ แม้ทั้งคู่จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็ตาม…

    ปกติแล้วเวลาที่เราเห็นคนแปลกหน้าที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนนั่งร้องไห้อยู่ เป็นเราจะทำยังไง จะเดินไปปลอบเขาคนนั้น หรือจะทำแค่มองแล้วก็คิดว่าเขาเจอกับอะไรมาถึงได้ร้องไห้กัน… โดยปกติแล้ว เราก็คงเลือกที่จะไม่เข้าไปยุ่งเพราะเราคงไม่อยากจะมีปัญหาตามมาหรือถูกมองว่าไปยุ่งเรื่องของเขา แต่กลับกันในเรื่องนี้การเข้าไปถามคนๆ หนึ่งว่าโอเคไหมต้องการอะไรหรือเปล่า กับทำให้เรื่องอบอุ่นหัวใจก่อตัวขึ้น… Katy Hurst หญิงคนหนึ่งที่ตั้งใจจะไปซื้ออาหารที่ร้านเบอร์เกอร์คิง ในเมืองอินดิเพนเดนซ์ รัฐมิสซูรี แต่แล้วเธอก็มองไปเห็นชายคนหนึ่งริมหน้าต่างกำลังนั่งร้องไห้ พร้อมกับเอามือกุมขมับอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าเธอไม่รู้จักชายคนดังกล่าวหรอก     แต่ในเวลาไม่นาน เธอก็จำได้ว่าชายคนนั้นคือชายไร้บ้านที่เธอมักจะเห็นบ่อยๆ ในชุมชนของเธอ ซึ่งเขามักไปไหนมาไหนพร้อมกับจักรยานที่มีตระกร้าอยู่ข้างหลังเสมอ ด้วยความที่เธอเป็นคนใจดี Katy เลยตัดสินใจเข้าไปพูดคุยกับชายแปลกหน้าว่าเขาเป็นอะไร ทำไมถึงร้องไห้ ซึ่งนั่นทำให้เธอได้รู้ว่าชายคนนี้ผู้คนเรียกเขาว่า Pops อายุ 57 ปี และเขาก็กำลังตัดสินใจจะฆ่าตัวตาย     พอได้ยินแบบนั้นด้าน Katy ก็คงจะยอมไม่ได้ เธอจึงเสนอให้ Pops ไปที่บ้านเธอ เธอจะช่วยให้เขารู้สึกอยากมีชีวิตอีกครั้ง เธอได้เสนอผ้าอุ่นๆ อาหารอร่อยๆ ที่พักดีๆ ให้กับชายไร้บ้านคนดังกล่าว Pops ได้บอกไว้ว่า เขาอยากจะจบชีวิต เขาอยากจะให้มันผ่านไปเสียที แต่ Katy ก็ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น เธอเริ่มดูแลเขาทีละอย่างตั้งแต่อาหารการกิน ที่พัก ไปจนถึงการเป็นอยู่และเข้าตรวจสุขภาพ…

  • เจ้าของทีมฟุตบอล ตัดสินใจรับชายไร้บ้าน 2 คนเข้าทำงาน แถมยังให้ที่พักฟรีๆ อีก…

    เจ้าของทีมฟุตบอล ตัดสินใจรับชายไร้บ้าน 2 คนเข้าทำงาน แถมยังให้ที่พักฟรีๆ อีก…

    ปัญหาคนไร้บ้านนั้น ล้วนเป็นปัญหาที่เรื้อรังและไม่ได้รับการจัดการมาเป็นเวลานาน ซึ่งคนที่ต้องกลายมาเป็นคนไร้บ้านนั้นก็มาด้วยเหตุผลแตกต่างกันไป แต่ที่เหมือนกันคือ พวกเขาเหล่านั้นหลายคนยังคงรอโอกาสที่ใครสักคนจะหยิบยื่นมาให้… ล่าสุดได้มีเรื่องราวอบอุ่นหัวใจ เมื่อ Glenn Tamplin เศรษฐีจากเมือง Essex ในอังกฤษ ผู้เป็นเจ้าของทีมฟุตบอล Billericay Town F.C. ซึ่งเป็นทีมฟุตบอลประจำเมืองได้หยิบยื่นโอกาสเปลี่ยนชีวิตให้กับคนไร้บ้านสองคนที่เขาเจออยู่บ่อยๆ     Glenn เล่าว่าชายทั้งสองนั้นมักจะนั่งอยู่บริเวณเส้นทางที่เขาไปทำงาน จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้ตัดสินใจพูดคุยกับ Richard ชายไร้บ้านคนหนึ่ง จนได้พบว่าชายคนนี้นั้นเคยเป็นอดีตทหารอากาศที่เคยร่วมรบในสงครามฟอล์กแลนด์ แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็นคนไร้บ้านนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ Glen จึงตัดสินใจที่จะหยิบยื่นโอกาสให้อดีตนายทหารคนดังกล่าวและเพื่อนของเขาอีกคนหนึ่ง Rey ให้มาทำงานให้กับเขา     Richard นั้นได้รับงานเป็นผู้ดูแลทั่วไป ส่วน Rey ได้รับหน้าที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่สนาม AGP Arena ซึ่งเป็นสนามฝึกซ้อมของทีม โดยที่นั้นทั้งคู่จะมีที่พักให้นอนและมีงานให้ทำตามที่เขากำหนดข้างต้น ฉะนั้นชีวิตพวกเขาทั้งคู่จะได้ดีขึ้น Glen บอกว่าเขาตัดสินใจจะช่วยเหลือทั้งคู่ และเปลี่ยนชีวิตพวกเขา ทั้งเรื่องปัญหาการติดสุราและการใช้ชีวิตในระยะยาว ซึ่งพวกเขาจะได้ลดการดื่มเหล้า และมีเงินเก็บเพิ่มขึ้น นอกจากนี้เขาบอกว่าเขายินดีที่จะมอบชีวิตใหม่ให้กับคนดีๆ แบบคนทั้งสองที่ขาดแค่โอกาสแก้ตัวนั่นเอง…     เขาเปิดเผยแนวคิดที่น่าสนใจให้สื่อที่ไปสัมภาษณ์ได้ฟังว่า “ผมเริ่มคิดว่า ผมควรจะเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาให้ดียิ่งขึ้น และในตอนเช้าผมก็เลยตัดสินใจให้โอกาสทั้งคู่ใหม่…

  • ช่างตัดผมลงทุนนอนลงไปตัดผมให้กับเด็กชายป่วยเป็น ‘ออทิสติก’ เพื่อให้เจ้าหนูรู้สึกสบาย…

    ช่างตัดผมลงทุนนอนลงไปตัดผมให้กับเด็กชายป่วยเป็น ‘ออทิสติก’ เพื่อให้เจ้าหนูรู้สึกสบาย…

    กลายเป็นกระแสไวรัลกันบนโลกอินเตอร์เน็ตพอสมควรเลย สำหรับภาพช่างตัดผมร่างใหญ่ที่ลงทุนยอมนอนลงไปกับพื้น เพื่อที่จะตัดผมให้กับเจ้าหนูคนหนึ่งที่นอนเล่นบนพื้นเช่นกัน หลายคนอาจจะคิดว่าเขาสปอยเด็กหรือเปล่า แต่เรื่องราวจริงๆ นั้นมันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก!! ช่างตัดผมคนดังกล่าวนั้นมีชื่อว่า Franz Jacob ถ้าเรามองภาพลักษณ์ผิวๆ ของเขาทั้งร่างกายและรอยสักเราอาจจะคิดว่า ชายคนนี้น่าจะเป็นคนที่ห้าวๆ และมีนิสัยดุแน่ๆ แต่เชื่อเหอะว่าเราตัดสินคนจากภายนอกไม่ได้หรอก เพราะช่างตัดผมคนนี้เป็นคนที่ดีมากๆ     Franz นั้นได้ทำการตัดผมให้กับเด็กชาย Wyatt Lafrenièr วัย 6 ขวบ ซึ่งเด็กชายคนดังกล่าวนั้นป่วยเป็นออทิสติก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เด็กชายอยู่ไม่เป็นสุขเท่าไหร่นัก คุณแม่ของ Wyatt เล่าว่า วินาทีแรกที่ลูกของเธอเดินเข้ามาในร้าน พนักงานทุกคนต่างพากันตื่นตระหนกพอสมควร เพราะพวกเขารู้ทันทีว่าการตัดผมให้เด็กคนนี้มันจะต้องเป็นเรื่องยากแน่ๆ แต่ Franz ไม่คิดแบบนั้น และตัวเขาก็ยินดีที่จะตัดผมให้ลูกของเธอ     เธอยังเล่าอีกว่าในตอนที่เขาต้องตัดผมให้ลูกของเธอ Wyatt นั้นอยู่ไม่เป็นสุขเลย เขาวิ่งพล่านไปมาตลอดนอนบ้างยืนบ้าง แต่ตัว Franz ไม่บ่นเลยและเขาก็ทำมันอย่างตั้งใจด้วย ตัวเธอยังบอกเสริมอีกว่าช่างตัดผมคนนี้เป็นคนที่จิตใจที่มากๆ เขาเป็นดั่งฮีโร่ที่มีตัวตนจริงๆ ทางด้าน Franz เองก็เล่าว่าเขาทำงานเป็นช่างตัดผมมาตั้งแต่อายุ 12 แล้ว นั่นทำให้เขาได้มีโอกาสเข้าถึงความรู้สึกของผู้คนมากมาย รู้ว่าคนจะคิดยังไงและทำให้เขาเข้าใจคนเหล่านั้นเป็นอย่างดี     เขาพูดว่า “ผมเข้าใจความรู้สึกของ Wyatt นะ ผมรู้ว่าเด็กชายต้องทรมานขนาดไหน ตอนที่ผมตัดผมให้เขา…

  • คุณปู่อดีตคนดูแลม้า ขอให้อาหารม้าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจากโลกนี้ไปด้วยรอยยิ้มอันแสนสุข

    คุณปู่อดีตคนดูแลม้า ขอให้อาหารม้าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจากโลกนี้ไปด้วยรอยยิ้มอันแสนสุข

    แม้ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต คนเราก็ยังคงมีความสุขได้เสมอ เช่นเดียวกับคุณปู่ Patrick Saunders วัย 87 ปีที่เขากำลังจะจากโลกใบนี้ไป แต่เขาก็ยังคงยิ้มแย้มและมีความสุขในช่วงเวลาสุดท้าย คุณตา Patrick Saunders นั้นเป็นอดีตคนดูแลฟาร์มม้าแห่งหนึ่ง และเขาใช้เวลาชีวิตไปกับสัตว์ โดยเฉพาะม้า นั่นทำให้เขากลายเป็นคนที่มีสายสมพันธ์อันดีกับเหล่าสัตว์มากๆ     พยาบาลคนหนึ่งที่ดูแลอาการของคุณปู่เล่าว่า เธอจะไม่ลืมรอยยิ้มของคุณปู่เลย เพราะสามวันก่อนที่คุณปู่จะสิ้นใจ คุณปู่ยังคมยิ้มแย้มอยู่เสมอ และพอถามถึงคำขอสุดท้ายก่อนจาก สิ่งที่คุณปู่ขอก็ยังคงเป็นสิ่งที่ผูกพันธ์เขามาตลอด นั้นก็คือการได้ให้อาหารม้าเป็นครั้งสุดท้าย… แน่นอนว่าพยาบาลก็ไม่ขัด พร้อมกับติดต่อไปยังศูนย์ช่วยเหลือเพื่อขอให้พวกเขาพาม้ามาให้หน่อย Victor คือม้าที่ได้มาเจอกับคุณปู่เป็นตัวสุดท้าย     แน่นอนว่าร่างกายคุณปู่ก็ไม่ดีพอที่จะเดินออกไปให้อาการม้าเอง ทางทีมแพทย์จึงย้ายเตียงคุณปู่ออกไปไว้ข้างนอกเพื่อเจอกับม้าซะเลย คุณปู่จึงได้เจอกับเจ้า Victor ในท้ายที่สุดและให้อาการมันเป็นแอปเปิ้ล แครอท และใบมิ้นท์ Jayne ลูกสาวของคุณปู่ Patrick ก็มาเยี่ยมคุณพ่อในวันเดียวกัน และเธอได้เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของพ่อเธอก็บอกว่า เธอมีความสุขมากๆ ทั้งม้าและพ่อของเธอก็ต่างสื่อถึงกันได้แม้จะพึ่งเคยเจอกันก็ตาม     เธอเล่าว่า “ฉันไม่คิดเหมือนกันว่า พ่อของฉันจะได้รับประสบการณ์อะไรแบบนี้ที่โรงพยาบาล แน่นอนว่าเขาก็มีวันแย่ๆ มาก่อนแต่ว่าในวันนี้เขาดูมีความสุขมากๆ เมื่อได้อยู่กับสัตว์ที่เขารัก ม้านั้นเป็นส่วนสำคัญมากๆ ของครอบครัวเรา ฉะนั้นวินาทีนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากๆ สำหรับเขา…

  • เด็กน้อยถูกเมินหลังที่ตกรถบัสไปโรงเรียน จนกระทั่งชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา จัดไปน้องอ้าย!!

    เด็กน้อยถูกเมินหลังที่ตกรถบัสไปโรงเรียน จนกระทั่งชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา จัดไปน้องอ้าย!!

    มันเป็นเรื่องยากนะ ที่เวลาอยู่ๆ มีคนแปลกหน้าเดินมาเคาะประตูบ้านและขอให้ช่วยเหลือหน่อย แล้วเราจะยอมยื่นมือไปช่วย เพราะด้วยความเราไม่รู้จักคนๆ นั้น เขาหวังดีหรือเปล่าก็ไม่รู้นั่นเอง เด็กชายในเรื่องราวครั้งนี้ก็เช่นกัน เพราะเจ้าหนูคนนี้พลาดตกรถโรงเรียนและอาจจะไปโรงเรียนไม่ทันถ้าไม่มีคนไปส่ง หนุ่มน้อยเลยตัดสินใจไปเคาะประตูเพื่อนบ้านเพื่อให้พวกเขาไปส่งหน่อย   แน่นอนว่าด้วยความที่สังคมเมืองนอกเพื่อนบ้านจะไม่ค่อยสนิทกันมากนัก พวกเขาจึงไม่รู้จักเจ้าหนูคนนี้และตัดสินใจไม่ไปส่ง หนุ่มน้อยทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าขอความช่วยเหลือไปหลายหลังก็ไม่มีใครช่วย จนกระทั่ง…   พ่อพระมาโปรดของจริง ใจเขาหล่อสุดๆ   Brian Smith ชายหนุ่มผิวสีคนหนึ่งเปิดประตูออกมา ซึ่งแน่นอนว่าถ้าคนเราตัดสินคนด้วยรูปลักษณ์ภายนอก เราก็จะคิดว่าชายคนนี้น่าตาน่ากลัวไม่เป็นมิตรแน่ๆ แต่ผิดแล้ว เราไม่ควรตัดสินกันแบบนั้น เพราะเขาคนนี้บอกว่า จัดไปน้อง เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง!!     เขาได้เล่าเรื่องราวลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “หนุ่มน้อยคนหนึ่งมาเคาะประตูบ้านในตอนเช้า จนผมตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดพร้อมพูดว่า เชรี่ยไรกันเนี่ย!! วินาทีที่เปิดไปเจอเด็กหนุ่มคนอ้อนวอนให้เขาไปส่งหน่อย พร้อมบอกว่าเขาตกรถโรงเรียน ไม่มีใครยอมไปส่งเลย ไปขอมาหลายบ้านแล้วด้วย ผมก็เลยบอกกลับไปว่า ไม่มีปัญหาเดี๋ยวพี่ไปส่งเองไอ้น้อง!! วินาทีนั้นผมไม่คิดอะไรเลย ขนาดฟันผมก็ยังไม่แปรงด้วยซ้ำ ผมหยิบกุญแจรถแล้วไปส่งเขาที่โรงเรียนทันที”     Brian ปิดท้ายคอมเม้นว่า ไปหาความรู้เถอะไอ้น้องชาย นี่มันเป็นสิ่งที่พี่ชายจะทำให้ได้ พร้อมแฮชแทคว่าเด็กคืออนาคต…อื้อหือ คนดีสุดๆ จริงๆ งานนี้ชาวเน็ตก็ออกมาชื่นชม Brian กันเพียบเลยล่ะ…

  • เด็กหนุ่มพิการชื่นชอบ “ขบวนพาเหรด” เป็นที่สุด คนทั้งเมืองเลยเซอร์ไพรส์วันเกิดเขาแบบเลอค่า!!

    เด็กหนุ่มพิการชื่นชอบ “ขบวนพาเหรด” เป็นที่สุด คนทั้งเมืองเลยเซอร์ไพรส์วันเกิดเขาแบบเลอค่า!!

    นี่คือเหตุการณ์สุดประทับใจของเพื่อนมนุษย์ เมื่อชาวเมืองเต็มใจจะจัดขบวนพาเหรดและจัดงานวันเกิดให้กับชายพิการทางสมองคนหนึ่งที่ไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย เพราะร่างกายและความผิดปกติของเขา… Kim Davis-Robinette คุณแม่ของ Matthew ชายหนุ่มที่มีความผิดปกติมากมายเกี่ยวกับสมอง ซึ่งเธอได้ส่งข้อความหาเพื่อนพร้อมเล่าว่า ลูกชายของเธอกำลังจะมีอายุ 21 ปี แล้ว แต่ว่าด้วยความผิดปกติของเขาทำให้เขาชอบส่งเสียงดังบ่อยๆ จึงไม่สามารถไปเที่ยวไหนได้   โฉมหน้าของพ่อหนุ่ม Matthew   เธอเลยร้องขอให้เพื่อนๆ ช่วยกันจัดงานวันเกิดสุดพิเศษให้ลูกชายของเธอ นอกจากนั้นยังบอกว่า Matthew ชื่นชอบในขบวนพาเหรดมากๆ รวมถึงชอบอะไรที่มันดังๆ ฉะนั้นเธอเลยขอให้เพื่อนเธอมาช่วยกันบีบแตรรถให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งเป็นพวกรถตำรวจหรือดับเพลิงได้ยิ่งดี…   ข้อความที่คุณแม่ส่งออกไปเพื่อขอให้เพื่อนๆ มาช่วยจัดงานหน่อย   คำขอมันอาจจะดูมากไปสำหรับการจัดวันเกิดให้คนๆ หนึ่ง แต่เชื่อเถอะว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ เพราะเมื่อคำขอนี้ถูกส่งออกไป ผู้คนที่มาเห็นก็พากันแชร์ต่อๆ กันไปถึง 1,500 แชร์ เรียกว่าทั้งเมืองรู้ถึงคำขอเลยก็ว่าได้ พอถึงวันงานจริงๆ หน้าบ้านของ Matthew ในเมืองแอนเดอร์สันรัฐอินดีแอนา ก็เต็มไปด้วยผู้คนตลอดสองข้างถนน ที่สำคัญทุกคนต่างพากันมาแสดงความยินดีในวันเกิดของเขา งานนี้ไม่ร้องไห้ด้วยความยินดีก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วล่ะ   และนี้ก็คือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น   Matthew นั้นแสดงอาการดีใจผ่านสีหน้าได้อย่างชัดเจน   ลูกโป่งมากมายที่นำมาแสดงความยินดี   ข้างบนแค่ส่วนน้อย ของจริงมันต้องอันนี้   ที่สำคัญยังมีป้ายมาให้ด้วยนะ…

  • ชาวเน็ตซึ้ง เมื่อมีคนโพสต์ภาพเดินคู่กับพ่อ ที่ผ่านไป 12 ปี ทั้งคู่ก็ยังเดินไปด้วยกันไม่เปลี่ยน

    ชาวเน็ตซึ้ง เมื่อมีคนโพสต์ภาพเดินคู่กับพ่อ ที่ผ่านไป 12 ปี ทั้งคู่ก็ยังเดินไปด้วยกันไม่เปลี่ยน

    Charles Brockman III นักเรียนไฮสคูลหน้าใหม่ที่พึ่งจะได้ย้ายเข้าหอพักเป็นครั้งแรก ได้ออกมาโพตส์เกี่ยวกับภาพการมาส่งของคุณพ่อที่แม้เวลาผ่านไปถึง 12 ปี ภาพความทรงจำเดิมๆ ก็ไม่เปลี่ยนแปลง Charles นั้นเพิ่งจะย้ายเข้าสู่ช่วงช่วงชีวิตในมหาวิทยาลัย ซึ่งเขาจะต้องย้ายไปอยู่ห่างจากครอบครัวในหอพักในมหาวิทยาลัย Mississippi State แต่ว่าในวันแรกของการเข้าหอ พ่อของเขาก็ยังคงเดินทางมาส่งเหมือนวันแรกที่ส่งไปโรงเรียน     ซึ่งนอกจากจะเป็นความทรงจำดีๆ ของพ่อลูกเฉยๆ แล้ว ตัว Charles ก็เห็นว่าพ่อของเขาเป็นคนที่ดีมากๆ ที่สุดคนหนึ่งในชีวิตเขา เขาจึงอยากจะแชร์เรื่องราวนี้ให้กับคนอื่นได้รู้จึงได้ทวีตภาพผ่าน @TheOnlyCharlesB ซึ่งเป็นทวิตเตอร์ส่วนตัว     ในภาพนั้นได้ใส่แคปชั่นไว้ว่า “ตั้งแต่วันแรกที่ไปโรงเรียนอนุบาลจนถึงวันแรกที่เข้าวิทยาลัย ขอบคุณครับพ่อ” แน่นอนว่าภาพนี้เขาตั้งใจจะแชร์ให้แค่เพื่อนฝูงญาติสนิทมิตรสหายเท่านั้น แต่มีเหรอว่าโลกอินเตอร์จะไม่รับรู้เมื่อมันถูกเผยแพร่แล้ว ชาวเน็ตต่างเข้ามาชื่นชมในตัวเขาและพ่อกันอย่างล้นหลาม สำนักข่าวมากมายก็ต่างเล่าเรื่องนี้ ตอนนี้มียอดรีทวีตไปแล้วกว่า 70,000 ครั้ง     สุดท้ายก็ยังมีชาวเน็ตออกมาพูดกันว่า ภาพมันเฟคแน่ๆ แต่เจ้าตัวหาได้แคร์ไม่ เพราะเขาบอกว่ามันเป็นประสบการณ์ของเขากับพ่อ ชาวเน็ตจะว่ายังไงเขาไม่สนใจหรอก…   ที่มา viralnova

  • รวม 8 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ “ออรัลเซ็กส์” งานนี้ไม่ใช่แค่ความหื่น แต่สาระจัดเต็มนะเธอ!!

    รวม 8 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ “ออรัลเซ็กส์” งานนี้ไม่ใช่แค่ความหื่น แต่สาระจัดเต็มนะเธอ!!

    การทำออรัลเซ็กส์ หรือที่เราเรียกกันว่าการเบิร์น ไม่ก็การสโม๊ค ถือเป็นเรื่องที่บางครั้งคู่รักก็ไม่ค่อยจะทำให้กัน เพราะอาจจะมาด้วยหลากหลายสาเหตุทั้งรังเกียจ ไม่คุ้นเคย เขิลอาย หรืออื่นๆ อะไรก็ว่ากันไป แต่ที่รู้แน่ๆ คือเหตุผลที่เลี่ยงนั้นก็จะไปในทางที่ไม่ดีเสียส่วนใหญ่ แต่รู้ไหมว่าการทำออรัลเซ็กซ์นั้น ยังมีนัยยะแฝงไว้มากมาย มากกว่าการใช้ปากเฉยๆ และนอกจากความหื่นมันก็มีข้อดีด้วยเช่นกัน ซึ่งหลายอย่างก็ได้รับการยืนยันจากนักวิทยาศาสตร์แล้วด้วย…   วันนี้ศาสตราจารย์เหมียว จะพาไปดูกันครับ…   อย่ามัวชักช้า เราลองมาดูเรื่องน่ารู้ที่ว่านี้กันเลยดีกว่า   หญิงสาวที่ทำออรัลเซ็กส์ จะเป็นคนที่มีความสุขกว่า จากผลวิจัยที่เผยแพร่ผ่านทาง State University of New York ปี 2012 ได้ระบุว่าผู้หญิงที่ทำออรัลเซ็กส์ให้ผู้ชายจะมีความสุขและสุขภาพที่ดีกว่าปกติ ซึ่งข้อสรุปนี้ก็มาจากผู้หญิง 250 คน ที่มีสุขภาพดีและบอกว่าชอบทำออรัลแทบทั้งสิ้น (ถ้าอารมณ์ไม่ดี ใครจะยอมสโม๊คล่ะ)   ผู้ชายที่ทำออรัลให้ผู้หญิงนั้น มักจะทำเพื่อตรวจดูว่าแฟนนอกใจไหม… มีรายงานว่าผู้ชายบางส่วนมักจะยอมทำออรัลให้กับแฟนสาวเพราะอยากจะเช็คดูว่าช่วงล่างผู้หญิงมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ที่จริงแล้วมนุษย์เพศชายนี่ก็แอบคิดเล็กคิดน้อยแต่ไม่ยอมบอกเหมือนกันนะ   การเบิร์นให้สาวๆ ก็ทำให้พวกเธอมีความสุขได้เช่นกัน ไม่ใช่เพียงแค่การสโม๊คเท่านั้นที่จะทำให้ผู้หญิงมีความสุข แต่การที่ผู้ชายเบิร์นให้สาวๆ ก็ทำให้พวกเธอมีความสุขเช่นกัน ซึ่งได้รับการยืนยันจากทั้งตัวผู้ถูกเบิร์น และเหล่านักสำรวจที่พบว่าหลายคนนั้นมีความสุขเอามากๆ   จากผลสำรวจพบว่า…

  • ลูกสาวยอดกตัญญู ยอมขายทุกอย่างที่มี เพื่อใช้เป็น “ค่ารักษา” แม่ของเธอที่ป่วยเป็นมะเร็ง

    ลูกสาวยอดกตัญญู ยอมขายทุกอย่างที่มี เพื่อใช้เป็น “ค่ารักษา” แม่ของเธอที่ป่วยเป็นมะเร็ง

    เรื่องราวสุดเศร้า เมื่อหญิงสาวต้องเจอกับช่วงเวลาสุดจนตรอก เมื่อรู้ว่าแม่ของตนป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายพร้อมค่าใช้จ่ายอันมากมาย แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ พร้อมจะสละทรัพย์สินทุกอย่างเพื่อนำมารักษาคนที่เธอรัก… Lori วัย 27 ปี ได้ให้สัญญากับคุณแม่ว่าเธอจะยอมทำทุกวิธีทางเพื่อหาเงินมารักษา Lisa ผู้เป็นแม่วัย 46 ปีของเธอให้ได้ โดยก่อนหน้านั้นเธอได้ตรวจพบว่าแม่ของเธอป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และที่สำคัญก็ไม่มีแพทย์ในสหราชอาณาจักรไหนที่รักษาได้ ทั้งคู่จึงต้องเดินทางไปยังประเทศเยอรมนีแทน…     เธอบอกว่า ค่าใช้จ่ายในการรักษาแม่ของเธอนั้นมากโขเลยทีเดียว เพราะในแต่ละสัปดาห์เธอจะต้องพาแม่ไปรักษาตัวโดยจ่ายเงินสัปดาห์ละ 1 ล้านบาท!! ซึ่งเธอบอกว่ามันเป็นจำนวนเงินที่เยอะมากๆ และนั้นเป็นค่ารักษาต่อสัปดาห์เท่านั้น เธอจึงจัดการขายทุกอย่างที่มีอยู่ทั้งบ้าน ทั้งรถ และทรัพย์สินอื่นๆ อีกมากมาย ถ้าอ่านดูแล้วเราอาจจะคิดว่ามันบ้า แต่เพื่อให้คนที่เรารักได้มีชีวิตอยู่ แน่นอนว่าลำบากแค่ไหนเราก็ยอมทำจริงไหม?     แน่นอนว่าเธอไม่เพียงแต่จะขายทุกสิ่ง แต่เธอยังเริ่มเปิดระดมทุนให้คนที่อยากจะบริจากเงินช่วยมาสนับสนุนค่ารักษาด้วย โดยในตอนแรกเมื่อปี 2015 ทางแพทย์บอกกับ Lori ว่าแม่ของเธอจะมีอายุอยู่ได้อีกไม่นาน ราวๆ 2 ปีเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อช่วงต้นปี 2017 หมอบอกว่าแม่ของเธอจะอยู่ไปได้อีกราวๆ 8 สัปดาห์เท่านั้น แต่เวลาผ่านไปจนถึงปัจจุบันแม่ของเธอก็ยังอยู่ดีนั่นเอง     เป็นเวลากว่า 2…

  • แพทย์สาวท้องแก่ใกล้คลอด แต่เธอก็ยังยอมเสียสละ ไปทำคลอดให้คนอื่นก่อน…

    แพทย์สาวท้องแก่ใกล้คลอด แต่เธอก็ยังยอมเสียสละ ไปทำคลอดให้คนอื่นก่อน…

    ในคณะที่การให้กำเนิดเด็กสักคนนั้นเป็นเรื่องที่สวยงาม แต่ทุกอย่างนั้นก็แลกมาด้วยความตึงเครียดและความเจ็บปวดในขณะที่ทำคลอด และแน่นอนว่าคนที่ใกล้คลอดก็มักจะไม่เคลื่อนไหวเยอะอย่างแน่นอน Leah Halliday Johnson คุณแม่ท้องแก่ที่เดินทางมาถึงโรงพยาบาลในสภาพที่ใกล้คลอดเต็มที ได้ถูกนำตัวเข้าห้องคลอดไม่นานหลังจากที่เธอมาถึง แต่โชคร้ายที่เธอในช่วงเวลาที่หมอคนอื่นๆ กำลังอยู่ในช่วงพักเบรค     แต่ในความมืดย่อมมีแสงสว่างเสมอ เมื่อคุณหมอ Amanda Hess ที่กำลังจะเลิกงานเพื่อทำคลอดให้ตัวเองผ่านมาพอดี ได้ตัดสินใจเข้ามาช่วย Leah ก่อนแทนที่จะทำคลอดให้ตัวเอง Amanda ให้เหตุผลว่า “หมอต้องมีความอดทนเสมอ และต้องคิดถึงความอดทนของคนไข้ด้วย”  จากนั้นคุณหมอก็จัดการเริ่มทำคลอดให้คนไข้ทันที งานนี้เรียกว่าแม้จะตนจะเจ็บท้องแค่ไหน เธอก็อดทนและตั้งใจทำคลอดสุดๆ     Leah ให้สัมภาษณ์กับทาง NBC เกี่ยวกับเรื่องราวในวันนั้นว่า “ตอนนั้นแม้คุณหมอ Amanda จะเจ็บท้องแค่ไหน แต่เธอก็เข้าโหมดคุณหมอเต็มตัวพร้อมตั้งใจทำหน้าที่สุดๆ” สุดท้ายแล้วการทำคลอดก็จบลงไปได้ด้วยดี ทางด้านคุณหมอ Hala Sabry ผู้เป็นเพื่อนร่วมงานของคุณหมอ Amanda ก็ได้ออกมาเล่าเรื่องราวของเพื่อนเธอและชื่นชมในความพยายามและอดทนของเธอ     ด้านคุณหมอ Amanda ก็ได้ให้กำเนิดลูกของตน ซึ่งเชื่อเหอะว่าเรื่องราวความดีของคุณแม่ในมาดคุณหมอคนเก่งคนนี้ จะต้องถูกบอกเล่าให้ลูกของเธอฟังในภายหลังไปได้นานเท่านานอย่างแน่นอน…   ที่มา ladbible

  • คุณแม่เล่าเรื่องราวแบ่งเบอร์เกอร์และเบียร์ให้ “ชายไร้บ้าน” จนทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล..

    คุณแม่เล่าเรื่องราวแบ่งเบอร์เกอร์และเบียร์ให้ “ชายไร้บ้าน” จนทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล..

    ใครจะคิดว่าการเจอคนไร้บ้านระหว่างฉลองวันเกิด และได้พูดคุยกันในฐานะคนแปลกหน้า จะเปลี่ยนชีวิตของคนไร้บ้านคนนั้นไปตลอดชีวิต จนเกิดเป็นเรื่องราวสุดประทับใจ… Ayesha Haworth คุณแม่ลูกสองวัย 38 ปี ได้แชร์เรื่องราวของตัวเธอเองผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งข้อความนั้นเล่าถึงค่ำคืนที่ตัวเองได้ไปฉลองวันเกิดกับเพื่อนๆ ในคืนวันศุกร์ ซึ่งมันทำให้เธอได้พบกับ Matt ด้านนอกผับแห่งหนึ่งในเมืองคาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์   Ayesha และ Matt ในค่ำคืนที่เปลี่ยนชีวิตของทั้งคู่   เธอเล่าว่าเธอบังเอิญเจอกับ Matt โดยบังเอิญด้านนอกผับ และทั้งคู่ก็ได้พูดคุยกันอยู่พักหนึ่งจนรู้สึกถูกคอ รู้ตัวอีกทีก็ผ่านไปชั่วโมงครึ่งเสียแล้ว และจากบทสนทนาก็ทำให้ Ayesha ยังไม่ได้กินอะไร จึงจัดการซื้อเบอร์เกอร์และเบียร์มาให้พร้อมพูดคุยกันต่อ Ayesha ยังบอกอีกว่า ในประโยคสนทนานั้น เขาได้พูดคุยกับ Matt เกี่ยวกับชีวิตของเขาว่าทำไมเขาถึงกลายเป็นคนจรจัดได้ เขายังเล่ากับเธออีกว่าบางวันตัวเขาเองนั้น ใช้ชีวิตบนท้องถนนวันหนึ่งโดยไม่คุยกับใครเลยด้วยซ้ำ   Ayesha และครอบครัวของเธอ ซึ่งเธอบอกว่าครอบครัวเธอภูมิใจในตัวเธอมากๆ เลยล่ะ   ทว่าการที่เขาได้มาเจอกับ Ayesha และพูดคุยแลกเปลี่ยน แถมยังได้กินเบอร์เกอร์กับเบียร์อร่อยๆ มันก็ทำให้จิตใจของเขารู้สึกดีขึ้นมากๆ ที่สำคัญเงินก็ไม่ใช่ตัวการสำคัญที่ทำให้คนสองคนเชื่อมเขาหากันด้วยซ้ำ และเมื่อเรื่องราวนี้เผยแพร่ออกไป ก็มีข้อความมากมายส่งเข้ามาหาเธอ เพื่อหยิบยื่นงานและอยากช่วยเหลือ Matt เธอยังบอกปิดท้ายว่า…

  • ในที่สุดคุณยายวัย 86 ปี ก็เรียนจบ “ปริญญาตรี” เสียที ยืนยันได้ว่าไม่มีใครแก่เกินเรียน!!

    ในที่สุดคุณยายวัย 86 ปี ก็เรียนจบ “ปริญญาตรี” เสียที ยืนยันได้ว่าไม่มีใครแก่เกินเรียน!!

    โดยปกติแล้วถ้าคนที่ลาออกจากมหาลัยหรือไม่ได้เรียนต่อ เพื่อออกไปทำธุรกิจหรืออะไรก็ตามส่วนใหญ่พวกเขาก็มักจะไม่กลับไปเรียนต่อสักเท่ไหร่เมื่อมีอายุที่มากขึ้น แต่เราก็เห็นคนจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่กลับไปเรียนจนจบ… คุณยาย Peggy Styles วัย 86 ปีเจ้าของเรื่องราวในครั้งนี้ก็จัดว่าเป็นผู้สูงอายุคนหนึ่งที่เลือกจะกลับไปเรียนต่อ และแน่นอนว่าเธอก็ทำมันจนสำเร็จจนจบปริญญา ฉะนั้นก็ขอยินดีกับคุณยายด้วยนะ     คุณยายแกเล่าว่า ตัวเองนั้นไม่มีโอกาสเหมือนคนอื่นเท่าไหร่นัก เพราะแรกเริ่มตัวเธอนั้นเกิดที่ประเทศอังกฤษเมื่อปี 1931 แต่ว่าพออายุ 6 ขวบ เธอก็ต้องย้ายไปยังประเทศเยอรมนีกับครอบครัว จนกระทั่งปี 1940 เธอก็ต้องย้ายกลับมาอังกฤษอีกครั้งแต่กลับมาในฐานะผู้ลี้ภัยแทน ด้วยปัญหากันย้ายถิ่นฐานไปมารวมถึงภาษาที่เปลี่ยนตลอด ทำให้เธอมีปัญหาในการเรียนรู้จนสุดท้ายพออายุ 15 เธอก็ไม่ไหวจนต้องลาออกจากโรงเรียน     จากนั้นเมื่อมีอายุจนถึงระดับหนึ่งเธอก็ได้แต่งงานกับสามีที่เพิ่งออกจากการเป็นทหาร และทั้งคู่ก็มาเปิดโรงงานแห่งหนึ่งซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวไปโดยปริยาย จุดพลิกผันที่ทำให้คุณยาย Peggy ตัดสินใจกลับไปเรียนนั้น มันเริ่มจากที่หลานชายของเธอมาขอให้เธอช่วยเรื่องโปรเจคหน่อย ซึ่งโปรเจคดังกล่าวเกี่ยวกับเรื่องของสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งตัวโปรเจคก็สะท้อนสิ่งต่างๆ ในตัวเธอและทำให้มองเห็นถึงอดีตจนตัวเองตระหนักได้ว่าต้องกลับไปเรียนต่อ     ด้วยเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจสมัครเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยบริสทอล ซึ่งตั้งอยู่ในในประเทศอังกฤษ โดยตอนที่เริ่มเข้าเรียนนั้นเธอมีอายุ 78 ปี นั่นก็หมายความว่าเธอใช้เวลา 8 ปีในการเรียนจนจบนั้นเอง ส่วนเหตุผลที่คุณยาย Peggy ใช้เวลานานขนาดนั้นเพื่อเล่นจบนั่นก็คือ เธอป่วยเป็นโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ ทำให้เธอต้องใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเดือนๆ…

  • ชายผู้หนุ่มเป็น “เนื้องอกในสมอง” แม้พูดไม่ได้ แต่ก็ตั้งใจขอแฟนแต่งงาน เพื่อคนที่เขารัก

    ชายผู้หนุ่มเป็น “เนื้องอกในสมอง” แม้พูดไม่ได้ แต่ก็ตั้งใจขอแฟนแต่งงาน เพื่อคนที่เขารัก

    หนึ่งในความฝันสูงสุดของชีวิตคนเรานั่นก็คือ การแต่งงาน การมีครอบครัวและลูกๆ ซึ่ง Sam Hensman ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่คิดแบบนั้นเช่นกัน เพียงแต่ว่าโชคชะตากลับไม่เข้าข้างสักเท่าไหร่นั่นเอง Sam เป็นชายหนุ่มวัย 25 ปี ซึ่งเขาอยากจะแต่งงานกับแฟนสาวของเขา แต่ว่าเขาต้องต่อสู้กับโรคร้ายตั้งแต่อายุ 23 ปี ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่าเขาป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมอง ซึ่งมันร้ายแรงมากๆ และยังส่งผลให้เขาไม่สามารถพูดได้     แต่ถึงอย่างนั้นรักแท้ก็ยังมีอยู่จริง เพราะแม้ Tess Delony แฟนสาวของเขาจะรู้ว่า Sam ป่วย เธอก็ยังคงไม่ทิ้งเขาไปไหนและอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลากว่า 10 เดือนที่เขาอยู่ในโรงพยาบาล และเมื่อไม่นานมานี้เขาก็ได้ตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อเขาส่งยิ้มให้แม่ของแฟนสาวที่เฝ้าอยู่ข้างกาย แน่นอนว่าเหมือนเธอจะรู้ว่าเขาต้องการอะไร คุณแม่จึงหยิบแหวนเพรชออกมาให้กับลูกสาว     วินาทีนั้นเธอรู้ทันทีว่าเขาต้องการอะไร เพราะเขาไม่สามารถจะพูดว่าแต่งงานกับผมนะได้ แต่เธอก็พอจะรู้ว่าเขาต้องการแต่งงานกับเธอ ซึ่งมันแสดงออกมาผ่านรอยยิ้มบนสีหน้าของเขา แน่นอนว่า Tess ตอบตกลงคำขอของ Sam เธอตัดสินใจเปิดกล่องแหวนพร้อมสวมทันที พร้อมกับสวมกอดกันและกัน พร้อมกับน้ำตาแห่งความยินดีที่ไหลรินออกมา     สุดท้ายแล้วแม้ตัว Sam ยังไม่สามารถพูดได้ แต่เวลาผ่านไปเขาค่อยๆ ดีขึ้นตามระยะและทำกายภาพบำบัดจนตอนนี้เขาสามารถเดินได้บ้างแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ยังพูดไม่ได้อยู่ดี แต่เชื่อเถอะว่าการมีคนรักข้างกายแบบนี้…

  • คนแปลกหน้ายอมควักเงินซื้อรถ เพื่อมอบให้ชายที่ต้องเดินไปทำงาน 10 กิโลฯ ในทุกวัน!?

    คนแปลกหน้ายอมควักเงินซื้อรถ เพื่อมอบให้ชายที่ต้องเดินไปทำงาน 10 กิโลฯ ในทุกวัน!?

    เรื่องราวสุดซึ้งเมื่อกลุ่มคนแปลกหน้าในรัฐเท็กซัส ได้มอบของขวัญให้กับชายแปลกหน้าอีกคนเป็นรถยนต์คันงาม โดยที่ประเด็นเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้แม้ว่าทั้งสองฝ่ายไม่เคยรู้จักกันเลย!! เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อ Andy Mitchell ได้บังเอิญเห็น Justin Korva ชายผิวสีที่สวมใส่เครื่องแบบร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่ง เดินในเส้นทางเดิมทุกวัน ด้วยเหตุนี้เขาก็อาสาจะไปส่งยังจุดหมาย ซึ่งเขาก็เลยถามกับ Justin ระหว่างทางว่าทำไมเขาถึงต้องเดินแบบนี้ทุกวัน?   โฉมหน้าของ Andy และ Justin   Justin ก็ตอบว่าเขาต้องเดินไปทำงานทางนี้ทุกวัน เพราะเขาต้องเก็บเงินเพื่อซื้อรถให้กับตัวเอง การเดินจึงเป็นวิธีลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ดีที่สุด แม้ว่าอากาศจะร้อนและระยะทางไกลกว่า 10 กิโลเมตรก็ตาม เมื่อ Andy ได้ยินเรื่องราวในครั้งนี้เขาก็ไม่อยู่เฉย เขาและเพื่อนๆ ได้ทำการเงินเรี่ยไรจากผู้คนในชุนชนละแวกนั้น เพื่อช่วยเหลือชายผู้มีเป้าหมายอันแน่วแน่คนนี้ พวกเขาใช้เวลาเพียง 48 ชั่วโมงเท่านั้นเพื่อรวบรวมเงินจนถึงเป้าที่ตั้งเอาไว้   ตอนที่ทุกคนมาเซอร์ไพรส์ Justin เจ้าตัวแทบจะไม่เชื่อเลยล่ะ   ซึ่งรถที่ Andy ซื้อให้เป็น Toyota Camry ปี 2004 สีขาว นอกเหนือจากนั้น ด้วยจำนวนเงินที่รวมมาได้มีจำนวนมากและเหลือจากการซื้อรถอีกมากพอสมควร พวกเขาจึงจัดการเรื่องเอกสาร เรื่องประกันภัย พร้อมกับมอบบัตรเติมน้ำมันมูลค่าอีกประมาณ 17,000 บาท มอบให้แก่เขาไปด้วย   แม้จะไม่ใช่รถหรูอะไร…

  • วินาทีสุดประทับใจ ตำรวจพร้อมใจขับรถอารักขา “ฝูงห่าน” จากท้องถนนที่อันตราย…

    วินาทีสุดประทับใจ ตำรวจพร้อมใจขับรถอารักขา “ฝูงห่าน” จากท้องถนนที่อันตราย…

    มนุษย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเดียวบนโลกใบนี้ที่ต้องได้รับการปกป้องจากงานบริการต่างๆ ซึ่งตำรวจเจ้าของเรื่องราวนี้ก็ดูจะเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว… เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เมื่อเจ้าห่านกลุ่มหนึ่งได้เดินทางท่องเที่ยวไปบริเวณริมถนนหลวงในเมืองกรีนวูด รัฐโคโลราโด แน่นอนว่าสัตว์เล็กแบบนั้นการเดินอยู่บนถนนหลวงย่อมเป็นอะไรที่อันตรายมาก     ด้วยเหตุนี้การปล่อยให้พวกมันเดินไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองจึงเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ทางตำรวจกรีนวูดจึงเดินทางมาหาเจ้าห่านพวกนี้ พร้อมกับขับรถตำรวจสองคัน ปิดด้านข้างและปิดท้ายริมทางเท้า เพื่อช่วยอารักขาพวกมันจนไปถึงพื้นที่ปลอดภัย จนเกิดเป็นคลิปสุดประทับใจ Rod Wayne ชายผู้บันทึกคลิปเหตุการณ์ได้บอกเล่ากับเว็บไซต์ Thedodo ว่า “ผมเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยกันปกป้องพวกห่านอย่างใจเย็น และพาพวกมันไปจนสุดทางของถนนจนพวกมันเดินเข้าไปบริเวณหญ้าข้างทาง”     เรื่องทั้งหมดอาจจะดูไม่มีอะไร แต่จริงๆ แล้วมันบ่งบอกถึงความใส่ใจในเพื่อนร่วมโลก ที่ยอมเสียเวลามาช่วยพวกห่าน แถมนี่ยังเป็นสัญญานที่บอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าวมองเห็นห่านพวกนี้เป็นสิ่งมีชีวิตระดับเดียวกับมนุษย์และต้องการสิทธิ์ในความปลอดภัยเช่นกัน ต้องชื่นชมพวกเขาจริงๆ   สามารถดูคลิปเหตุการณ์เต็มๆ ได้ข้างล่าง   ผู้คนต่างมาชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจกันเพียบ คนดูคลิปนี้ไปมากกว่า 2 ล้านครั้ง และแชร์อีกกว่า 4 หมื่นครั้งแล้ว!!   ที่มา Thedodo

  • สาวอ้วนรวบรวมความกล้าครั้งสำคัญ ในการใส่ชุดว่ายน้ำ เพื่อหยุดยั้งคำสบประมาทที่ต้องเจอ!!

    สาวอ้วนรวบรวมความกล้าครั้งสำคัญ ในการใส่ชุดว่ายน้ำ เพื่อหยุดยั้งคำสบประมาทที่ต้องเจอ!!

    Paris Harvey เด็กสาววัย 13 ขวบ ที่แม้จะถูกรังแกหรือถูกล้อแค่ไหน เธอก็ไม่ยอมแพ้ต่อคนเหล่านั้น จนวันนี้ในที่สุดเธอก็รวบรวมความกล้าแล้วลุกขึ้นมาแต่งชุดว่ายน้ำ ที่ใครๆ ก็ต่างบอกกันว่าเธออ้วนยังไงก็ไม่กล้าใส่หรอก!! Paris เด็กสาวที่ป่วยเป็ยโรคเกี่ยวระบบการเผาผลาญอาหาร ซึ่งมันทำให้เธอมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นเธอยังเกิดมาพร้อมกับโรคข้อสะโพกเสื่อมอีกต่างหาก     นอกจากนั้นมันยังทำให้ขาข้างซ้ายของเธอมีขนาดเล็กกว่าข้างขวา 1.5 เซนติเมตร ซึ่งมันก็สร้างภาระให้กับเธอเป็นอย่างมาก จนทำให้เธอกลายเป็นคนที่อ่อนแรงง่ายนั่นเอง ด้วยอาการป่วยทั้งสองมันก็เลยทำให้เธอมีขนาดตัวที่ใหญ่และเคลื่อนไหวลำบาก จึงทำให้เธอถูกคนอื่นเรียกเธอว่า ยัยอ้วนบ้าง หรือไม่ก็ล้อว่าเดินเหมือนเพนกวิ้นบ้าง     เธอเล่าถึงความรู้สึกของตัวเองว่า “ฉันถูกรังแกมาตลอดเวลา จนเมื่อถึงจุดหนึ่งคุณจะเริ่มเชื่อว่า เออ… สิ่งที่พวกเขาพูดมันก็จริงนะ ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ฉันกลายเป็นคนที่ไม่มั่นใจในร่างกายของตัวเอง ฉันกินอาหารแบบเดียวกับคนทั่วไป แต่ฉันกับได้น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคนอื่นๆ  ซึ่งมันไม่เหมือนกับการนั่งกินขนมอยู่ที่บ้านเฉยๆ ยังไงก็ตามฉันก็ไม่ควรจะมานั่งหาเหตุผลให้ตัวเองอยู่แบบนี้”     ด้วยเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจรวบรวมความกล้าของเธอ และไม่แคร์ต่อคำดูถูกของคนอื่น แล้วออกไปเผชิญหน้ากับความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ นั่นก็คือการหยิบชุดว่ายน้ำออกมาแล้วใส่ไปที่ชายหาดเพื่อเล่นน้ำในวันหยุดพิเศษของอังกฤษ     ไม่ใช่แค่สวมชุดว่ายน้ำเท่านั้น เธอยังถ่ายรูปและโพตส์ภาพพร้อมบอกเล่าเรื่องราวของเธอผ่านทวิตเตอร์ด้วย ด้วยเหตุนี้เรื่องราวของเธอจึงกลายเป็นไวรัลและมีชาวเน็ตต่างออกมาแสดงความคิดเห็นมากมายเลยทีเดียว     ลองมาดูความเห็นของชาวเน็ตเกี่ยวกับสิ่งที่เธอทำกันดูดีกว่า…   อย่างเธอคนนี้ที่แรกเริ่มไม่กล้าใส่กางเกงขาสั้น พอเห็นเรื่องราวของ Paris เธอก็รวบรวมความกล้าบ้าง…

  • นักเขียนรวมเอาเรื่องราวดีๆ ชวนอบอุ่นใจจากรอบโลก ให้เรารู้ว่า… มันยังมีแง่มุมสวยงามอยู่เสมอ

    นักเขียนรวมเอาเรื่องราวดีๆ ชวนอบอุ่นใจจากรอบโลก ให้เรารู้ว่า… มันยังมีแง่มุมสวยงามอยู่เสมอ

    บนโลกของเรานั้นมีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่พักหลังมานี้ดูเหมือนว่าจะเกิดเหตุการณ์แย่ๆ ขึ้นอยู่บ่อยครั้งในต่างประเทศ และแต่ละเหตุการณ์ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายจนทำให้ผู้คนเป็นจำนวนมากถึงแก่ชีวิตทั้งสิ้น กลับกันในโลกของเราก็มีเรื่องราวดีเกิดขึ้นมากมายในทุกๆ วัน สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นในทุกวันกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของคู่รัก ความสัมพันธ์ของสัตว์เลี้ยงกับเจ้าของ หรือพ่อกับลูก ที่จะนำพารอยยิ้มเข้ามาสู่ใบหน้าของทุกคน   การเฉลิมฉลองวันครบรอบแต่งงานในปีที่ 61 ของคู่รักคุณตาคุณยาย ที่มาในธีมของการ์ตูนเรื่อง Up   องค์กร Make-A-Wish ที่ช่วยทำความฝันในการเป็น Batkids เพื่อช่วยเหลือเมือง San Francisco ให้กลายเป็นจริง   เด็กสาวผู้รักและเอ็นดูเหล่าช้างเหมือนกับเป็นพี่น้องในครอบครัวของตนเอง   สามีผู้สวมกระโปรง Tutu สีชมพู เพื่อตั้งเป้าช่วยเหลือภรรยาที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง   เรื่องราวความน่ารักของเด็กน้อย และเจ้าหมาที่ถูกช่วยเหลือมาอยู่ในครอบครัวเดียวกัน   เรื่องราวความประทับใจทั้งหมดนี้มาจากหนังสือที่ชื่อว่า For Love ของสำนักพิมพ์ Chronicle Books เขียนขึ้นมาโดยนักเขียน Alice Yoo และ Eugene Kim ที่ต้องการจะเผยแพร่เรื่องราวดีๆ ของผู้คนธรรมดาทั่วไปให้ชาวโลกได้รับรู้ผ่านหนังสือเล่มนี้ ทั้งคู่ใช้เวลามากกว่า…

  • เมื่อคุณปู่วัย 86 ปี หันมาเล่นอินสตาแกรม โมเม้นต์อวดรูปคุณยายสุดน่ารัก ก็เกิดขึ้นรัวๆ!!

    เมื่อคุณปู่วัย 86 ปี หันมาเล่นอินสตาแกรม โมเม้นต์อวดรูปคุณยายสุดน่ารัก ก็เกิดขึ้นรัวๆ!!

    เทคโลยีสมัยใหม่ ใครๆ ก็บอกว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับคนรุ่นเก่าที่พวกเขาอาจจะตามไม่ทัน โดยเฉพาะคุณปู่คุณย่า ของใครหลายๆ คนก็คงจะยากที่เข้าถึงเทคโนโลยีรวมถึงโลกโซเชียลสมัยนี้แล้ว ทว่าคุณปู่ Geoffrey Walker วัย 86 ปีคนนี้ กลับสามารถลบคำกล่าวนั้นลงไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะตัวคุณปู่ได้พยายามศึกษาและหันมาจับโซเชียลเน็ตเวิคสุดฮิตอย่างอินสตาแกรมเรียบร้อยแล้ว ตอนแรกคุณปู่แกก็คงไม่ได้คิดอะไร แค่จะลองเทคโลยียุคใหม่ขำๆ แต่แล้วเมื่อคุณปู่แกได้เติมเต็มอินสตาแกรมของเขาด้วยภาพภรรยาอันเป็นที่รักจนเต็มไปหมด แถมปู่ยังตั้งแคปชั่นน่ารักๆ ให้กับภรรยาด้วยนะ     เมื่อเรื่องราวของคุณปู่มันโดนใจขนาดนี้ แน่นอนว่าก็จะต้องมีชาวเน็ตเข้าชอบใจกันจนต้องหยิบมาแบ่งปันชาวโลกให้รู้ถึงเรื่องราวของคุณปู่กัน ส่วนชาวเน็ตที่หยิบเรื่องราวนี้ออกมาเผยแพร่มีชื่อไอดีทวิตเตอร์ว่า Lauren x ซึ่งเธอก็ได้แอบหยิบภาพจากอินสตาแกรมของคุณปู่พร้อมกับแคปชั่นโดนๆ มา จนล่าสุดเรื่องราวของคุณปู่นี้ก็มีคนรีทวีตไปมากถึง 54,000 ครั้งแล้ว!!     ด้วยความฮิตในตัวคุณปู่ ทำให้เว็บไซต์ Metro เกิดความสนใจจนต้องขอติดต่อสัมภาษณ์เกี่ยวกับตัวคุณปู่กันเลยทีเดียว ซึ่งคุณปู่ก็ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับตัวเขาเองว่า “ผมมักจะลงภาพที่มีภรรยาของผมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนก็ตาม นอกจากนั้นพวกเราทั้งคู่แต่งงานกันตั้งแต่ปี 1951 เมื่อตอนที่ผมยังคงเป็นทหาร แต่หลังจากนั้น 18 เดือนผมก็กลับมาและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้ และผมยังเขียนหนังสือเพื่อบอกเล่าเรื่องราวความรักของเราทั้งคู่อีกด้วยนะ”     นอกจากนั้นคุณปู่ Geoffrey ยังบอกอีกว่า เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าภาพของเขาถูกคนนำไปแชร์เรื่องราวต่อๆ กันบนโลกอินเตอร์เน็ต เขาจะมารู้ตัวอีกทีก็เมื่อตอนที่กำลังจะอัพโหลดภาพภรรยานี่แหละ คุณปู่บอกเล่าอีกว่า “ตอนนั้นผมไปบ้านของหลานสาวเพื่อกินอาหารเที่ยงกัน ตอนนั้นผมก็พอจะเห็นการแจ้งเตือนแปลกๆ…

  • โมเมนต์อบอุ่นหัวใจ เมื่อคุณพ่ออัพเกรดเครื่อง Nintendo Switch แบบกระดาษของลูก ให้เป็นเครื่องเกมจริง!!

    โมเมนต์อบอุ่นหัวใจ เมื่อคุณพ่ออัพเกรดเครื่อง Nintendo Switch แบบกระดาษของลูก ให้เป็นเครื่องเกมจริง!!

    ช่วงเวลาสุดประทับใจจากคุณพ่อชาวญี่ปุ่น ผู้เป็นเจ้าของทวิตเตอร์ @mohikan1974 ได้โพสต์เล่าเรื่องราวในครอบครัวของเขาเอง เริ่มมาจาก Kazutoyo ลูกชายของเขาอยากจะได้เครื่องเล่นเกม Nintendo Switch ที่กำลังฮิต ถ้าเทียบกับเด็กแล้วก็ถือว่ามันมีราคาแพง ซึ่งเขาเป็นคนที่มักจะสอนลูกเสมอว่าให้คิดการใหญ่ และอะไรๆ ก็ล้วนไม่ได้มาง่ายๆ ด้วยเหตุนี้เวลาที่ลูกชายของเขาอยากได้อะไร เขาก็จะคิดเสมอว่าอะไรมันไม่ได้มาง่ายๆ และต้องคิดให้เยอะๆ   อย่างครั้งหนึ่งในอดีต พอเขาอยากได้แลปท็อปซักเครื่อง แต่ทำยังไงถึงจะได้มาด้วยตัวเอง เขาจึงวาดภาพเกม Adventure of Prince Poop 2 ซึ่งเป็นเกมที่เขาอยากเล่นและคิดขึ้นมาเองลงบนกระดาษแล้วมาแปะไว้ทำเป็นจอแลปท็อป   แต่ว่าล่าสุดที่ Nintendo ได้เปิดขายเครื่องเล่นตัวใหม่อย่าง Nintendo Switch แน่นอนว่าลูกชายของเขาก็จะต้องอยากได้เครื่องเล่นชิ้นใหม่นี้อย่างแน่นอน แต่ด้วยคำสอนของพ่อทำให้เขาคิดได้ว่าเขาต้องทำมันขึ้นมาเองด้วยความภาคภูมิใจ จนในที่สุดเด็กชาย Kazutoyo ก็ได้สร้างเครื่องเล่นขึ้นมาเองจากกระดาษและทำภาคต่อของเกมของเขา Adventure of Prince Poop 3 ลงบน Nintendo Switch   และก็มีความสุขกับเครื่องเล่นกระดาษนั้น…   ทางด้านคุณพ่อเมื่อเห็นว่าลูกคิดการใหญ่และมีจินตนาการ อนาคตน่าจะไปได้ไกลจึงไม่ปล่อยให้ลูกต้องหยุดอยู่แค่กับกล่องกระดาษและมันจะดีกว่าถ้าเขาได้เล่นเครื่องเล่นจริงๆ จนสามารถต่อยอดความคิดลูกของเขาได้ เขาแอบเซอร์ไพร้ส์ลูกด้วยการซื้อเครื่องจริงๆ มา แล้วในคืนหนึ่งตอนลูกชายเข้าไปอาบน้ำ เขาจึงได้แอบย่องไปสับเปลี่ยนเครื่องเล่นกระดาษของลูกชายกับเครื่องเล่นจริงๆ ในขณะที่ลูกของเขากำลังอาบน้ำอยู่ @mohikan1974 ได้บรรยายในทวิตเตอร์ของเขาว่า “ผมทำมันก็เพื่อที่ว่า…

  • เด็กหนุ่มผู้ป่วยเบาหวาน เข้าพิธีจบการศึกษาพร้อมกับสุนัขคู่ใจ ที่ช่วยชีวิตเขานับพันครั้ง..

    เด็กหนุ่มผู้ป่วยเบาหวาน เข้าพิธีจบการศึกษาพร้อมกับสุนัขคู่ใจ ที่ช่วยชีวิตเขานับพันครั้ง..

    Tyler McCready เด็กชายจากรัฐอาร์คันซอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประสบกับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และต้องพึ่งพาเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดตลอดเวลาแต่ก็ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า ช่วงเวลาใดที่น้ำตาลในเลือดของเขาจะต่ำลง จนวันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนเขาเข้าสู่อาการโคม่าอย่างเฉียบพลัน ทำให้ครอบครัวของเขาต้องหาผู้ช่วยมาดูแลเขา นั่นก็คือเจ้า Sinatra สุนัขที่ได้รับการฝึกฝนมาเพื่อตรวจเช็คอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัว Tyler     นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มาทั้งคู่ก็กลายเป็นคู่หูที่ไม่เคยห่างจากกันเลย Tyler ได้เล่ากับว่า “Sinatra จะคอยบอกผมตลอดว่าเวลาไหนที่น้ำตาลในเลือดของผมลดลงต่ำ ทำให้เขากลายเป็นผู้ช่วยชีวิตผมมากกว่าพันๆ ครั้งเลยล่ะ” นอกจากนั้นก่อนที่ Tyler จะได้เจอกับ Sinatra เขาเคยอยู่ในจุดที่ต่ำสุดของชีวิตเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาจากโรคที่เขาเป็น หรือจะเป็นการถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนที่โรงเรียน จนรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอก ทำให้เขาเคยคิดเกือบจะฆ่าตัวตายเลยทีเดียว     แต่นับตั้งแต่พวกเขาได้เจอกัน ชีวิตของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปกลายเป็นเพื่อนที่ขาดกันไม่ได้ การมีตัวตนอยู่ของ Sinatra นั้นทำให้ Tyler มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ดีตลอดเวลา จนในที่สุดเรื่องราวของเขาก็เป็นที่รู้กันไปทั่วโรงเรียน และทุกคนก็เหมือนจะเข้าใจพร้อมกับเลิกแกล้งเขาในที่สุด นอกจากนั้นทั้งคู่ยังขาดกันไม่ได้เลย เพราะขนาดในหนังสือรุ่น รูปของ Tyler ยังต้องมี Sinatra ด้วย     ดูแล้ว Tyler จะรักเพื่อนของเขามากๆ เลยนะเนี่ย   เรื่องราวทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี…

  • 5 บทเรียนชีวิตอันล้ำค่าของ Keanu Reeves ที่สามารถใช้ดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข…

    5 บทเรียนชีวิตอันล้ำค่าของ Keanu Reeves ที่สามารถใช้ดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข…

    Keanu Reeves พระเอกมาดเท่ผู้โด่งดังจากหนังเฟรนไชรน์ The Matrix จนล่าสุดก็มีผลงานฮิตอย่าง John Wick ซึ่งทำรายได้ไปอย่างมหาศาล แต่ถึงแม้จะมีรายได้มากขนาดนั้น ตัวเขากลับเป็นคนที่ใจดี สุขุมและไม่ลุ่มหลงกับชื่อเสียงที่เขามี เหมือนกับดาราคนอื่นๆ ในวงการเดียวกัน นั่นจึงทำให้เขาดูเหมือนจะเป็นคนที่ผ่านอะไรมากมายหลายอย่างในชีวิตสุดๆ ไม่ว่าจะทั้งการทำงานหลากหลายอาชีพ การสูญเสียคนรอบตัว และเรื่องราวร้ายๆ ในวัยเด็ก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้ได้ เพราะอะไร? และนี่ก็คงจะเป็นคำตอบที่เราตามหากับ 5 บทเรียนชีวิตจาก Keanu Reeves ที่ทุกคนควรเรียนรู้และนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อมีชีวิตที่ดีแบบพระเอกมาดเท่คนนี้     1. การเริ่มต้นอันยากลำบาก ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตที่เหลือ Keanu Reeves เกิดที่เมืองเบรุต ประเทศเลบานอนเมื่อปี 1964 เขาต้องใช้ชีวิตที่ยากลำบากตั้งแต่วัยเด็ก พ่อของเขาทิ้งเขาไปเมื่อตอนอายุได้ 3 ขวบ และยังต้องโทษค้ายาเสพติดอีก ส่วนแม่ของเขาตั้งแต่หย่ากับพ่อของเขา ก็พาลูกๆ เดินทางไปทั่ว จนสุดท้ายจบลงที่เมืองโตรอนโต้ ประเทศแคนาดา เขาป่วยเป็นโรค ‘Dyslexia‘ ทำให้เขามีปัญหาด้านการอ่าน จึงทำให้เขาถนัดการเล่นกีฬามากกว่าเรียนจนเขาวางแผนจะเล่นกีฬาระดับอาชีพ แต่ภายหลังเขาบังเอิญบาดเจ็บจนต้องเลิกเล่นกีฬาไป แถมยังเคยถูกไล่ออกจากโรงเรียนอีกต่างหาก แต่สุดท้ายเขาก็กลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ด้วยความที่เขามีความรับผิดชอบและรู้วิธีการตัดสินใจด้วยตัวเอง ฉะนั้นไม่ว่าเราจะเริ่มต้นได้ลำบากขนาดไหน…

  • Pokemon Go เปลี่ยน “จุดฆ่าตัวตาย” สุดหลอนในญี่ปุ่น กลายเป็นที่ฮิต ไม่มีคนไปตายตรงนี้แล้ว!!

    Pokemon Go เปลี่ยน “จุดฆ่าตัวตาย” สุดหลอนในญี่ปุ่น กลายเป็นที่ฮิต ไม่มีคนไปตายตรงนี้แล้ว!!

    หลังจากที่ Pokemon Go กลายเป็นกระแสระดับโลกในปีที่แล้ว จนใครๆ ก็ต่างพากันเล่น แม้แต่คนที่ไม่เคยเล่นเกมก็ยังหันมาสนใจ แถมยังมีเรื่องดีๆ ต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นตามมาเพราะเกมนี้อย่างที่เราได้นำเสนอกันไป แม้กระแสของเกมนี้จะตกลงไปในช่วงหลัง แต่ล่าสุดในประเทศญี่ปุ่นก็มีรายงานข่าวเกี่ยวกับเกมนี้ ในเรื่องที่น่าสนใจและน่ายินดีสุดๆ คือการที่มันสามารถลดอัตราการฆ่าตัวตายในประเทศได้!!? งงกันละสิ ว่าทำได้ยังไง     เรื่องมันมีอยู่ว่า ในเขตจังหวัดฟุกุอิของประเทศญี่ปุ่น เป็นที่ตั้งของหน้าผา Tojinbo แล้วหน้าผาแห่งนี้ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดที่คนมาฆ่าตัวตายมากที่สุดจุดหนึ่ง แต่ว่าตั้งแต่มี Pokemon Go จุดนี้ก็เปลี่ยนไป!! เพราะว่าเมื่อปี 2016 จุดที่ว่าได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นแลนด์มาร์คของเหล่านักล่าโปเกม่อนไปซะงั้น กลายเป็นว่าจากที่ตรงพื้นที่เปล่าเปลี่ยว ไม่มีคนผ่านไปมา ก็มีผู้คนมาตามจับโปเกม่อนมากมายทำให้คนที่จะมาฆ่าตัวตายบริเวณนี้ไม่เลือกมันเป็นจุดฆ่าตัวตายอีก     ทางด้าน Yukio Shige นายตำรวจที่ทำหน้าที่ดูแลเรื่องการฆ่าตัวตายในบริเวณนั้นก็บอกว่า การฆ่าตัวตายเกือบ 90% ที่เกิดขึ้นบริเวณนี้ ล้วนเป็นคนนอกจังหวัดทั้งนั้น พวกเขาตั้งใจมาที่หน้าผาแห่งนี้เพราะมันมีชื่อเสียงเรื่องการเป็นจุดฆ่าตัวตาย ทางตำรวจพยายามตั้งทีมขึ้นมาคอยตรวจพื้นที่ตลอดเวลา แต่อัตราการฆ่าตัวตัวก็ลดลงไม่มากเท่าที่ควร     แต่แล้วหลังจากที่ Pokemon Go เข้ามาจนถึงตอนนี้ปี 2017 อัตราการฆ่าตัวตายในบริเวณ Tojinho ก็ลดลงจนเหลือ 0% หรือไม่มีคนฆ่าตัวตายแม้แต่คนเดียวเลย…

  • หญิงสาวได้รับ “ดอกไม้-ข้อความสุดซึ้ง” จากเพื่อนร่วมหอพัก หลังจากร้องไห้ทั้งคืนเพราะอกหัก!?

    หญิงสาวได้รับ “ดอกไม้-ข้อความสุดซึ้ง” จากเพื่อนร่วมหอพัก หลังจากร้องไห้ทั้งคืนเพราะอกหัก!?

    เรื่องราวที่ทำให้รู้ว่า ในเมืองใหญ่ สังคมสมัยใหม่ที่ต่างคนต่างอยู่มากขึ้น ก็ยังมีน้ำใจของเพื่อนมนุษย์ให้เห็นอยู่เสมอ…   ปกติแล้วเวลาที่เราอกหัก หรือร้องไห้  ถ้าโชคดีหน่อยก็ยังมีคนข้างๆ หรือเพื่อนฝูงที่คอยปลอบใจเรา แต่ถ้าใครโชคร้ายก็อาจจะไม่มีใครมาคอยเป็นห่วงเป็นใยหรือที่ปรึกษา และคงไม่มีใครคิดว่าเราจะได้รับการปลอบใจจาก “คนแปลกหน้า” ด้วยเช่นกัน เรื่องนี้เกิดขึ้นกับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเธอได้แชร์เรื่องนี้ผ่านทวิตเตอร์ของเธอที่ชื่อว่า @egyptique       เธอเล่าว่าคืนหนึ่งเธอเพิ่งถูกแฟนหนุ่มหักอก จึงกลับมายังที่พักในสภาพของคนที่ไร้หนทาง เธอไม่มีแรงจะไปให้ถึงห้องด้วยซ้ำ จึงร้องไห้คนเดียวอยู่ตรงทางเดินของตึกนี้ ในระหว่างที่เธอร้องไห้ มีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งน่าจะพักอยู่ตึกเดียวกันเดินผ่านมา หญิงคนนั้นไม่ได้เข้ามาปลอบใจและปล่อยเธอร้องต่อไป เธอก็คิดว่าเป็นคนแปลกหน้าเดินผ่านมาเท่านั้น แต่รุ่งเช้า กลับพบช่อดอกไม้ และข้อความจากหญิงสาวคนนั้นส่งมาให้เธอโดยเฉพาะ ข้อความระบุว่า… “การร้องไห้เพราะเสียใจมันก็แย่อยู่แล้ว แต่การต้องเสียน้ำตาเพราะผู้ชายมันกลับแย่ยิ่งกว่า และฉันก็หวังว่าช่อดอกไม้นี้จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นนะ”   หลังจากที่ภาพของเรื่องราวนี้ได้เผยแพร่ออกไปก็มีกระแสตอบรับที่ดีมากๆ พร้อมกับมีคนรีทวีตมากถึง  34,000 ครั้ง และมีคนกดชอบมากกว่า 140,000 ครั้ง แถมยังมีข้อความชื่นชมและร้องไห้กับเรื่องราวนี้เช่นกัน   ฉันว่าผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นเพื่อนสาวที่ดีที่สุดได้เลยนะ   นี้และผู้หญิงในแบบที่พวกเราต้องการ   ฉันอยากจะร้องไห้เลย นี่มันคือความดีบริสุทธิ์ที่แท้จริง ขนาดเป็นคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่หญิงสาวแปลกหน้าคนนั้นก็แสดงให้เห็นถึงน้ำใจแบบที่เพื่อนมนุษย์ร่วมโลกมีให้กัน มันเป็นแรงผลักดัน ให้เราใส่ใจคนรอบข้างมากขึ้น เพราะบางครั้งคนเข้มแข็งก็มีช่วงเวลาที่อ่อนแอ และเขาอาจจะต้องการแค่ใครสักคนมาทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นก็ได้นะ…  …

  • ภาพสุดหวานซึ้ง… คุณพ่อขอคุณแม่ “แต่งงานใหม่” อีกครั้งหลังจากที่เธอหายป่วยมะเร็ง

    ภาพสุดหวานซึ้ง… คุณพ่อขอคุณแม่ “แต่งงานใหม่” อีกครั้งหลังจากที่เธอหายป่วยมะเร็ง

    ปกติแล้วคนเราจะจัดงานแต่งงานกับคนรักคนเดิมเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น แต่ทว่าใครจะคิดว่าคู่รักสูงวัยคู่นี้จะขอกันแต่งานใหม่อีกครั้งหลังจากที่เคยทำกันไปเมื่อนานมาแล้ว ภาพชุดนี้ถูกโพสต์ผ่านทวิตเตอร์โดย Christin Koch หญิงสาววัย 18 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของคู่รักในรูป ซึ่งเธอเล่าว่า แม่ของเธอป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และได้รับการผ่าตัดพร้อมกลับมาพักฟื้นที่บ้านนับตั้งแต่นั้น     เธอบอกว่าพ่อและแม่ของเธอ Jim และ Laura แต่งงานกันมาแล้วนานถึง 26 ปี แต่ทว่าพ่อของเธออยากจะทำอะไรที่มันพิเศษให้กับภรรยาของเขา เขาขอภรรยาของเขาแต่งงานอีกครั้งในขณะที่เธอกำลังอยู่บนเตียงผู้ป่วย เพื่อย้ำเตือนทั้งคู่ว่าพวกเขาผ่านอะไรด้วยกันมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องดีและไม่ดี ทั้งตอนสุขภาพดีหรือตอนป่วย แม่ของเธอร้องไห้หลังจากที่พ่อของเธอขอแต่งงานอีกครั้งด้วยแหวนวงใหม่ แต่มาในรูปร่างหน้าตาและเพรชแบบเดิม หลังจากพิธีแต่งงานจบลงแม่ของเธอพูดว่า “นี้สินะ คือสิ่งที่เรียกว่ารักแท้ เขายังรักฉันเหมือนเดิมแม้ว่าฉันจะป่วยและมีสภาพที่แย่แบบนี้ ฉันไม่คิดเลยว่าฉันจะได้เจอกับรักแท้แบบนี้ในชีวิต”     หลังจากที่ Christin ได้ทวีตภาพเหตุการณ์ในครั้งนี้ออกไป ก็มีกระแสตอบรับกลับมาที่เดียวเลยล่ะ ลองมาดูตัวอย่างกัน   ดูนี้สิที่รัก มันสุดยอดไปเลย   ฉันถึงกับร้องไห้เลย นี้มันเจ๋งสุดๆ   พวกเขาน่ารักมากเลย ขอให้พระเจ้าอวยพรให้พวกเขาด้วย   ความรักของทั้งสองคนนี้ช่างสวยงามจริงๆ ที่มา thechive

  • ชาวเน็ตช่วยกันรวม 12 ภาพที่จะช่วยให้ความรู้สึกดีๆ เพื่อเพิ่มกำลังใจในวันที่เราย่ำแย่

    ชาวเน็ตช่วยกันรวม 12 ภาพที่จะช่วยให้ความรู้สึกดีๆ เพื่อเพิ่มกำลังใจในวันที่เราย่ำแย่

    หลายครั้งที่เราจะเจอกับเรื่องแย่ๆ มากมายในแต่ละวัน ไม่ว่าจะมาจากการทำงาน เพื่อนฝูง หรือเรื่องทุกอย่างรอบข้าง บางครั้งคนเราเมื่อมีความรู้สึกด้านลบ เราก็อยากที่จะหาอะไรที่เป็นพลังงานด้านบวกเพื่อที่อย่างน้อยให้เราได้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างก็ยังดี ในคราวนี้ชาวเน็ตก็เลยช่วยกันรวบรวมภาพที่จะช่วยให้คุณอมยิ้ม มีความสุข หรือรู้สึกดีขึ้นมาได้ เพื่อมาประชันกันว่าภาพไหนจะถูกใจคนอื่นๆ มากที่สุด (ใช้การเกริ่นแบบนี้ดีกว่า) และคาดว่าคนที่ได้ดูก็คงจะรู้สึกดีขึ้น รวมถึงสามารถรับรู้ได้ถึงพลังงานด้านบวกจากรูปพวกนี้ได้บ้างไม่มากก็น้อย เอาเป็นว่าเรามาดูทวิตพวกนี้กันเลยดีกว่า   วัวใครไม่รู้มานอนทับขาเฉย แต่ดูหน้ามันก็มีความสุขดีนะ ทำให้ผมขยับไม่ได้เลยเพราะกลัวว่าจะปลุกมันตื่นจากฝันหวานนี่สิ!?   ภาพนี้เป็นภาพของคุณปู่ที่เก็บหมวกของมหาลัยต่างๆ ที่ลูกหลานของเขาได้ไปเข้าเรียน และวันนี้ก็เป็นคิวของเจ้าของภาพที่จะมอบหมวกนี้ให้คุณปู่ของเขา   ดูผีเสื้อจะชอบเจ้าปั๊กตัวนี้นะ   ใครที่คิดว่าวันนี้มันเป็นวันที่เลวร้ายที่สุด ก็ให้ดูภาพเจ้าหมาตัวนี้เสียก่อน มันคงคิดว่าขบวนพาเหรดนี้จัดให้มันอย่างแน่นอน     ตอนแรกก็คิดพี่แกว่าเอามือบังอะไร ที่ไหนได้….   ฝูงนกเขาพวกนี้มารุมล้อมเจ้าม้า กะว่าจะได้กินอาหารที่อยู่ในถัง เจ้าม้าเห็นแบบนั้นเลยเตะถังให้พวกนกเขาได้กินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย   พ่อแม่ของเจ้าของภาพกลับไปเรียนใหม่ด้วยกัน และวันนี้ก็เป็นวันที่ทั้งคู่เรียนจบ ดูรอยยิ้มนั้นสิ คงมีความสุขน่าดู   ภาพนี้เป็นภาพของพี่สาวเจ้าของทวิตที่กำลังขอแต่งงานแฟนสาวของเธอ แล้วดูหน้าป้าข้างหลังนั้นสิ ยังไงก็แสดงความยินดีกับทั้งคู่ด้วยนะ   เมื่อเจ้าหมาเห็นเจ้านายของมันเศร้า มันก็พยามปลอบใจด้วยการไปหาลูกสนมาให้เป็นของขวัญ ดูหน้าเจ้าหมานั้นสิ   ภาพของลูกหมาที่พึ่งเกิด พร้อมกับพ่อหมาที่ดูจะดีใจมากๆ เลยนะเนี่ย  …

  • Johnny Depp นำทีมดาราสานฝัน หนุ่มป่วยมะเร็งระยะที่ 4 ทำให้บทหนังของเขากลายเป็นจริง!!

    Johnny Depp นำทีมดาราสานฝัน หนุ่มป่วยมะเร็งระยะที่ 4 ทำให้บทหนังของเขากลายเป็นจริง!!

    Anthony Conti เด็กหนุ่มวัย 16 ปี ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมหมวกไตในระยะที่ 4 แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ยอมแพ้ต่อความฝันที่อยากเป็นผู้สร้างหนัง ด้วยการเขียนบทหนังสั้นขึ้นมา และก็ได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนๆ นักแสดงของเขา หนังเรื่องนั้นมีชื่อว่า The Black Ghiandola เป็นหนังสั้นที่มีตัวเองเป็นนักแสดงนำ เล่าผ่านมุมมองของเด็กหนุ่ม Conti ที่ครอบครัวของเขาถูกฆ่าตายในช่วงยุคซอมบี้ครองโลก และต้องเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับการช่วยเหลือแฟนสาวอันเป็นที่รัก     ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา องค์กร Make A Film Foundation ที่เป็นองค์กรคอยให้ความช่วยเหลือ และตอบสนองต่อความฝันของเด็กๆ ที่ต้องเผชิญกับอาการป่วยหนัก ทางองค์กรก็ได้ยื่นมือเข้ามารับบทหนังของ Conti ไป และทำให้มันกลายมาเป็นหนังจริงๆ โดยใช้เวลาถ่ายทำเพียงแค่ 5 วันเท่านั้น ถือเป็นการถ่ายทำที่รวดเร็วที่สุดตั้งแต่เคยก่อตั้งองค์กรนี้มา 9 ปี เลยทีเดียว!! เท่านั้นไม่พอ ยังมีคนเหล่าดาราที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง Johnny Depp, David Lynch และ J.K. Simmons ได้เข้ามาร่วมเป็นนักแสดงในหนังเรื่องนี้ด้วย แถมยังได้ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงอย่าง Sam Raimi, Catherine Hardwicke,…

  • เรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นในปีนี้

              ที่มา : buzzfeed

  • พนักงานร้าน Best Buy เห็นเด็กหนุ่มมาลองเล่นเกม Wii U ทุกวันๆ ซื้อให้เป็นของขวัญซะเลย

    พนักงานร้าน Best Buy เห็นเด็กหนุ่มมาลองเล่นเกม Wii U ทุกวันๆ ซื้อให้เป็นของขวัญซะเลย

    บางคนอาจจะไม่รู้จักร้าน Best Buy เท่าไหร่ มันคือร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ในต่างประเทศ ถ้าให้เปรียบเทียบกับบ้านเราก็คงจะคล้ายๆ กับ Power Buy นั่นเอง เรื่องมันมีอยู่ว่าที่ร้าน Best Buy สาขาหนึ่งในหมู่บ้าน วัลเล่สตรีม รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการนำเอาเครื่องเล่นเกม Wii U มาตั้งเอาไว้ให้ลูกค้าทดลองเล่นมันได้ฟรีๆ แต่ในทุกๆ วันจะมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาจองที่นั่งเพื่อเล่นเกมจนพนักงานที่นั่นจำหน้าได้หมด   พ่อหนุ่มคนนี้หล่ะ   ด้วยเหตุนี้เองทางร้านจึงได้แอบทำเซอร์ไพรส์ซื้อเครื่องเกม Wii U เครื่องหนึ่งให้กับเด็กหนุ่มเป็นของขวัญก่อนวันคริสมาสต์ให้เขาเอากลับไปเล่นที่บ้านได้เลย พนักงานกล่าวกับเด็กชายขณะยื่นเครื่องเล่มเกมให้กับเขาว่า “โย่ ฉันและทุกๆ คนใน Best Buy มอบ Wii U ให้เธอ เธอจะได้ไม่ต้องมาที่นี่ทุกวันๆ โอเคไหม? นี่ฉันจริงจังนะ นี่คือของขวัญวันคริสมาสต์สำหรับเธอ นายจะได้กลับไปเล่นที่บ้านเลย”    ตามข่าวไม่ได้ระบุว่าเงินที่ซื้อเครื่องเล่นเกมนี้เป็นเงินของเขาเพียงคนเดียวหรือว่าเป็นเงินของทางร้าน แต่มันก็สามารถสร้างรอยยิ้มให้กับเด็กหนุ่มและทุกๆ คนที่ได้รับรู้เรื่องราวดีๆ ของพวกเขา   ไหนลองดูซิว่าพ่อหนุ่มคนนี้จะรู้สึกยังไงตอนที่ได้รับเครื่องเล่นเกม   ช่างเป็นของขวัญที่น่าจดจำอะไรขนาดนี้ แต่ไม่รู้ว่าที่พี่พนักงานซื้อให้เพราะใจดีหรือรำคาญกันแน่นะเนี้ยะ ที่มา Rahiem Storr

  • เรื่องดีๆ ที่ยังไม่ถูกบอกต่อ… คู่รักได้แหวนแต่งงานปริศนา รู้ภายหลังว่า ‘Paul Walker’ เป็นคนซื้อให้!!

    เรื่องดีๆ ที่ยังไม่ถูกบอกต่อ… คู่รักได้แหวนแต่งงานปริศนา รู้ภายหลังว่า ‘Paul Walker’ เป็นคนซื้อให้!!

    เมื่อกล่าวถึงนักแสดงหนุ่ม Paul Walker แล้ว หลายๆ คนก็คงจะรู้สึกคิดถึงขึ้นมาจับใจเลยล่ะ ก็เพราะว่าตอนมีชีวิตอยู่นั้นเขาเป็นคนที่มีจิตใจดีคอยช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ทั้งเปิดมูลนิธิ และบริจาคเงินช่วยเหลือผู้คนที่ลำบาก และนี่ก็คืออีก 1 เรื่องราวดีๆ ของ Paul Walker ที่หลายๆ คนอาจไม่เคยรู้มาก่อนเลยก็ได้ จะเป็นอย่างไรนั้นเราลองไปชมเรื่องราวกันได้เลยจ้า…       Kristen และ Kyle Upham เป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เพิ่งแต่งงานกันมาหมาดๆ อยู่มาวันหนึ่งทั้งคู่ก็ชวนกันไปซื้อแหวนแต่งงาน พ่อหนุ่ม Kyle ก็บอกให้ภรรยาของเขาเลือกแหวนวงใหญ่ๆ แต่คุณ Kristen เองก็รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ได้มีเงินมากมาย “ฉันสังเกตเห็นว่ามีลูกค้าคนอื่นอยู่ในร้านแต่ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากมาย หลังจากนั้นฉันก็เริ่มที่จะเลือกแหวน Kyle บอกกับฉันว่าให้เลือกวงใหญ่ๆ แต่ฉันก็ตอบกลับไปว่า ไม่มันแพงเกินไป” คุณ Kristen เล่า     ในขณะนั้นเองก็มีลูกค้าคนหนึ่งอยู่ในร้านด้วย คุณ Kyle ก็เลยตัดสินใจที่จะเริ่มชวนเขาคุย ซึ่งลูกค้าคนนั้นก็คือ Paul Walker นั่นเอง หลังจากที่คุยถามสารทุกข์สุขดิบกันไปมา Paul ก็ได้ทราบว่าพ่อหนุ่ม…

  • นักกีฬาดังเซอร์ไพรส์ ‘หนูน้อยออทิสติก’ เชิญมาชมเกม พร้อมกับมอบเสื้อให้อีกด้วย!!

    นักกีฬาดังเซอร์ไพรส์ ‘หนูน้อยออทิสติก’ เชิญมาชมเกม พร้อมกับมอบเสื้อให้อีกด้วย!!

    เมื่อไม่กี่วันก่อน #เหมียวหง่าว ได้นำเสนอเรื่องราวของ นักกีฬาอเมริกันฟุตบอลที่ไปนั่งรับประทานอาหารกลางวันกับหนุ่มน้อยที่ป่วยเป็นออทิสติก ไปแล้ว ลองย้อนกลับไปอ่านเรื่องราวของทั้งสองในลิงค์นั้นได้ก่อนนะครับ เพื่อความอินกับเนื้อหานี้มากขึ้น   และหลังจากนั้นผ่านไป 1 สัปดาห์ หนุ่มน้อย Bo และ Travis ก็ได้กลับมาพบกันอีกครั้งหนึ่ง…   และพ่อหนุ่ม Travis ก็ได้เซอร์ไพรซ์เพื่อนตัวน้อยของเขาด้วยการมอบเสื้อของทีม FSU พร้อมกับสกรีนชื่อของหนูน้อย Bo ให้อีกด้วย   เท่านั้นยังไม่พอ ทั้งเจ้าหนู Bo และคุณแม่ ก็ได้ถูกเชิญให้เข้าชมเกมการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลระหว่าง ทีม FSU และ ทีม Ole Miss ในรัฐ Orlando ในคืนที่ผ่านมา   แน่นอนว่าทั้งเพื่อนร่วมทีม และทางทีมเองก็ได้ให้ความสำคัญกับเพื่อนตัวน้อยของเขา พร้อมกับจัดการต้อนรับเป็นอย่างดี โดยการอัพคลิปช่วงเวลาสุดแสนประทับใจลงในทวิตเตอร์ของทีม พร้อมกับให้แคปชั่นว่า “นี่เป็นวันที่ดีที่สุด Travis Rudoph ได้เซอร์ไพรส์ เจ้าหนู Bo Paske ด้วยเสื้อของทีมเมื่อเช้าที่ผ่านมา”   ไปชมคลิปเหตุการณ์สุดประทับใจที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… Best.…

  • เมื่อผมลืมหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นแท็กซี่… คนขับไปส่งฟรี แถมให้เงินไว้ใช้อีก 100 ด้วย!!

    เมื่อผมลืมหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นแท็กซี่… คนขับไปส่งฟรี แถมให้เงินไว้ใช้อีก 100 ด้วย!!

    แน่นอนว่าการใช้บริการแท็กซี่นั้นคงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเพื่อความสะดวกรวดเร็ว และสามารถไปส่งถึงที่หมายได้ตรงตามที่ต้องการ เช่นเดียวกับเรื่องราวของพ่อหนุ่มคนนี้ที่รีบร้อนขึ้นรถแท็กซี่ แต่ดั๊นลืมกระเป๋าสตางค์พอมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่นั่งไปบนรถแท็กซี่แล้ว แต่ดีที่คุณลุงคนขับรถแท็กซี่นั้นไม่ว่าอะไรและยินดีไปส่งโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ   เรื่องมีอยู่ว่าสมาชิกเฟซบุ๊คชื่อว่า  Tanat Panichingon ได้เล่าเรื่องราวสุดแสนประทับใจที่เขาได้พบเจอมากับตัวเอง   เขาเล่าว่า ในวันนั้นเป็นวันที่ฝนตกและรถติด เขามีธุระที่ต้องรีบไปที่สยามฯ ก็เลยเรียกแท็กซี่เพื่อที่จะไปต่อรถไฟฟ้า แต่พอขึ้นไปนั่งบนรถบอกเป้าหมายเสร็จสรรพ ก็เพิ่งมารู้ตัวว่าไม่ได้พกกระเป๋าเงินลงมาด้วย ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินอยู่ 5 บาท เขาก็เลยบอกกับลุงแท็กซี่ว่าเขาลืมกระเป๋าเงิน ไม่มีเงินซักบาท พร้อมกับบอกว่าให้คุณลุงทิ้งเขาไว้ตรงนั้นเลย แต่คุณลุงใจดีก็ตอบกลับมาว่าไม่เป็นไรลุงจะไปส่งเองโดยไม่คิดเงิน แต่ด้วยความเกรงใจคุณ เขาก็ปฏิเสธเลยไป แต่คุณลุงก็ไม่ยอมและบอกว่าถ้าไม่มีเงินแล้วจะไปต่อยังไงล่ะ พร้อมกับควักธนบัตร 100 บาท มอบให้กับหนุ่ม หลังจากนั้นเขาก็ทำการขอเบอร์คุณลุงพร้อมกับเลขบัญชีไว้เพื่อทำการคืนเงินในภายหลัง แต่คุณลุงก็ยังบอกอีกว่า “ไม่เป็นไรไม่ต้องคืนแค่ร้อยเดียวเอง เรื่องเล็ก แต่เรานั่นแหละต้องกลับให้ถึงบ้านนะ”   และเขาก็กล่าวทิ้งท้ายไว้ที่โพสต์ว่า “แท็กซี่ดีๆยังมีอีกเยอะมาก T-T ขอบคุณคุณลุงมากคับ ฝนก็ตก รถก็ติด ยังมาเจอลูกค้างงๆ ลืมเอากระเป๋าตังมาอีก ขอบคุณคุณลุงมากคับ คุณลุงขับรถแท็กซี่แถวบางนาเป็นหลัก ใครเจอถือว่าโชคดีมาก เป็นคนดี มีน้ำใจมากๆ”   เมื่อเรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไปทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมายโดยส่วนใหญ่แล้วจะเข้ามาชื่นชมความใจดีของคุณลุงคนขับแท็กซี่   บางส่วนก็บอกว่าเคยใช้บริการกับคุณลุงคนนี้ และแกเป็นคนใจดีมากๆ…

  • 22 ภาพเรื่องราว บอกถึงจิตใจอันงดงามของเด็กๆ รู้สึกว่าโลกนี้น่าอยู่ขึ้นเยอะเลย…

    22 ภาพเรื่องราว บอกถึงจิตใจอันงดงามของเด็กๆ รู้สึกว่าโลกนี้น่าอยู่ขึ้นเยอะเลย…

    ‘เด็กคืออนาคตของชาติ’ เป็นประโยคที่เชื่อว่าหลายๆประเทศ ต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก เพราะการปลูกฝังวิธีคิด หรือการศึกษา ให้แก่เด็กๆในวันนี้ มันย่อมหมายถึงระดับคุณภาพของประชาชนในประเทศนั้นๆในอนาคต และรูปภาพเหล่านี้ คือภาพของเด็กๆผู้ที่มีจิตใจที่เปี่ยมล้นไปด้วย เมตตา และความเป็นห่วงเป็นใยต่อผู้อื่น จากทั่วทุกมุมโลก เราตามไปดูกันเลยดีกว่า รับรองว่าจะใจชื้นทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นอีกเยอะเลย ^_^   1. สาวน้อยเข้าไปช่วยหมาจรจัดกลางสายฝน ที่เมืองมุมไบ   2. Lucas และ Noah สองพี่น้อง ที่ช่วยกันฝ่าด่านไตรกีฬา จนเข้าเส้นชัยได้สำเร็จ   3. หนูน้อยวัย 3 ขวบ ตัดผมเพื่อบริจาคให้เด็กคนอื่นๆ ทั้งคนที่ไม่มีผม และคนที่ป่วยโรคมะเร็ง 4. หนุ่มน้อยในบังคลาเทศ ช่วยเหลือลูกกวางที่กำลังจมน้ำ   5. เด็กน้อยพยายามจะช่วยกระต่าย ให้ขึ้นไปหาเพื่อนของมันได้ (โถ่ววน่ารักจังลูก) 6. หนุ่มหล่อผู้ยอมสะสมเงินกว่า 120 เหรียญ (ราวๆ 3,800 บาท) เพื่อนำเงินไปซื้ออาหารเที่ยงให้ผู้ยากไร้   7. โค้ชเบสบอลหนุ่มคนนี้ รอดตายเพราะได้…

  • กลุ่มวัยรุ่น-หน่วยงานรัฐ ร่วมมือกัน เพื่อช่วยเหลือหมา ที่ติดใต้ก้อนคอนกรีตมาเป็นเดือน

    กลุ่มวัยรุ่น-หน่วยงานรัฐ ร่วมมือกัน เพื่อช่วยเหลือหมา ที่ติดใต้ก้อนคอนกรีตมาเป็นเดือน

    ในชีวิตประจำวันพวกเรามักจะพบเจอกับเรื่องราวมากมาย บางครั้งมันก็เป็นเรื่องที่แย่ ซะจนอยากจะร้องไห้ บางครั้งก็พบเจอเรื่องราวดีๆ และเรื่องราวดีๆ เหล่านั้นบางครั้งมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเราเองโดยตรง แต่มันก็ช่วยทำให้เรามีความสุขซะจนหัวใจพองโต เช่นเดียวกับเรื่องราวที่ #เหมียวหง่าว จะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังในวันนี้ เป้นเรื่องราวความน่าประทับใจของกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่บังเอิญไปได้ยินเสียงของเจ้าหมาร้องหงิงๆ อยู่ในซอกหิน แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่มองผ่านไป ร่วมแรงกันยกก้อนหินก้อนใหญ่เพื่อช่วยมันออกมา   กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งได้ออกมาเดินเล่นแถวชายหาด พอผ่านตรงบริเวณที่มีก้อนหินก้อนใหญ่กองทับกันอยู่มากมาย เขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างจากข้างในนั้น พวกเขาก็เข้าไปสำรวจในทันที แต่ก็มองไม่เห็นว่ามันคืออะไรกันแน่   พอลองเข้าไปสำรวจดูดีๆ แล้วก็พบว่ามีเจ้าหมาติดอยู่ข้างในนั้น ซึ่งการที่มันติดอยู่ในนี้ทำให้เป็นจุดที่สังเกตได้ยากมาก คือถ้าโชคไม่ดีจริงๆ มันก็คงต้องติดอยู่ในนั้นและคงต้องตายเพราะขาดน้ำและอาหาร   แต่ก็ยังมีคนใจดีที่เดินผ่านไปมาสังเกตเห็นกันอยู่บ้างและพวกเขาก็ได้นำน้ำและอาหารมาให้มัน แต่ก็ไม่มีใครสามารถช่วยมันออกมาได้เลย เป็นเวลาเกือบ 1 เดือนแล้วที่มันต้องติดอยู่ในซอกหินยักษ์นี้ออกไปไหนไม่ได้เลย กลุ่มวัยรุ่นจึงช่วยกันออกแรงงัดเจ้าก้อนหินยักษ์นี้เพื่อช่วยเหลือเจ้าหมา แต่ก็ทำไม่ได้…   พวกเขาก็เลยตัดสินใจไปแจ้งหน่วยงานของรัฐ และพวกเขาก็มาพร้อมกับเครื่องจักรขนาดใหญ่ เพื่อมาขนเจ้าก้อนหินยักษ์ออกไป แต่มันก็ยากลำบากพ่อดูเพราะนอกจากจะต้องขนออกไปแล้ว จะต้องคอยระวังไม่ให้กองหินถล่มลงไปทับเจ้าหมาที่ติดอยู่ข้างในอีก การช่วยเหลือกินเวลาไปถึง 5 วันด้วยกัน จนในที่สุดพวกเขาก็ช่วยมันออกมาได้สำเร็จ พร้อมกับตั้งชื่อให้มันว่าเจ้า Rook   ถึงแม้ว่าพวกเอ็งจะพบกับความลำบากแค่ไหน แต่ก็ยังมีผู้คนที่พร้อมจะช่วยเหลือเอ็งตลอดนะเหล่าสัตว์โลกทั้งหลาย ^^ ที่มา : lifebuzz

  • 17 เรื่องราวดีๆ ของคนเติบโตมาพร้อมกับ ‘โปเกม่อน’ จะเข้าใจและจำกันได้แน่นอน…

    17 เรื่องราวดีๆ ของคนเติบโตมาพร้อมกับ ‘โปเกม่อน’ จะเข้าใจและจำกันได้แน่นอน…

    ตั้งแต่วัยเด็ก มีการ์ตูน-อนิเมะหลายๆ เรื่องที่เข้ามาในชีวิตของพวกเรา และแน่นอนว่าได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำอันแสนดี ซึ่งหลายๆ คนก็คงไม่กล้าที่จะปฏิเสธว่าโปเกม่อนก็เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ซาบซึ้งกินใจที่สุดของเพื่อนๆ วันนี้ #จ่าสิบเหมียว เลยมี 17 เรื่องราวดีๆ น่ารักๆ ที่ใครก็ตามที่เติบโตมาพร้อมกับการ์ตูนเรื่องนี้จะจำได้ และเข้าใจกันเป็นอย่างดีเลยล่ะ มาลองดูกันเลยว่าจะจำกันได้ไหม (ดักแก่หนักมาก ฮร่าาา)   กด A รัวๆ ให้มันผ่านๆ ไปนั่นแหละ รีบๆ ฮีลสิ จะออกไปตียิมแล้ว   ใครยังพอจำได้มั้ยว่าตัวนี้ชื่อว่าอะไร?? เฉลยยยยยยย Sandshrew ยังไงล่าาาาา อิอิ   รู้สึกเศร้ามากเกือบร้องไห้น้ำตาแตกเลยทีเดียวตอนนึกว่าซาโตชิตายซะแล้ว T^T   แต่ฉากที่ร้องไห้หนักมากจริงๆ ก็คงจะเป็นตอนที่ต้องบอกลาเหล่า Butterfree นั่นแหละ   มนุษย์คำคมสามารถพบเจอได้ในเกมโปเกม่อน   ‘ใบหน้าของฉันสะท้อนบนผืนน้ำ แสดงให้เห็นถึงรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความหวังของฉัน หรือบางครั้งมันอาจแปรเปลี่ยนเป็นความเงียบและเศร้าหมองจากความกลัว แล้วใบหน้าของคุณล่ะ สะท้อนให้เห็นอะไรอยู่??’ By มนุษย์คำคมโปเกม่อน   รู้สึกเหมือนถูกโกงเลยมั้ย เวลาซื้อการ์ดโปเกมอนแล้วได้เจ้านี่มาน่ะ -*-   แต่บางครั้งถ้าได้การ์ดดีๆ แบบนี้มาล่ะก็ ดีใจสุดๆ…

  • โลกเราเปลี่ยนไปแล้ว!! 4 เรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นหลังจาก ‘Pokemon GO’ เปิดมา 1 สัปดาห์

    โลกเราเปลี่ยนไปแล้ว!! 4 เรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นหลังจาก ‘Pokemon GO’ เปิดมา 1 สัปดาห์

    เนื่องจากว่าเกม ‘Pokemon Go’ ที่กำลังเปิดให้บริการที่ต่างประเทศอยู่ในเวลานี้ กำลังเป็นกระแสที่ผู้คนทั่วโลกต่างก็ให้ความสนใจ เพราะมันสามารถช่วยให้ความฝันในวัยเด็กของใครหลายๆ คนที่อยากจะเป็นเทรนเนอร์เกิดขึ้นในชีวิตจริงๆ ซักที และนี่คือเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ Pokemon Go เปิดให้บริการมาแล้วเกือบ 1 สัปดาห์ จะมีอะไรบ้างนั้นไปชมพร้อมๆ กันได้เลย…       1. มันทำให้คนรวยขึ้น… ความสำเร็จของ Pokemon Go ส่งผลให้หุ้นของ Nintendo ขึ้นมาถึง 23%     นั่นเพราะว่าบริษัท Nintendo Co., Ltd. นั้นเป็นหนึ่งในผู้ร่วมสนับสนุนของเกม Pokemon Go นี้ด้วย และจากการดาวน์โหลดเป็นจำนวนมากจากทั้ง iOS และแอนดรอยด์ จึงทำให้ยอดหุ้นของของ Nintendo เพิ่มขึ้นสูงที่สุดในรอบ 9 เดือน   2. Pokemon Go เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมด้านสุขภาพทั้งทางจิตใจและร่างกายของเหล่าเทรนเนอร์ทั้งหลาย   เกม Pokemon…