Category: ย้อนเวลาหาความรู้

  • 14 ภาพสุดแปลกจากต้นศตวรรษที่ 20 ที่จะทำให้เรารู้ว่าการถ่ายรูปในสมัยก่อน ก็เอาฮาเป็น

    14 ภาพสุดแปลกจากต้นศตวรรษที่ 20 ที่จะทำให้เรารู้ว่าการถ่ายรูปในสมัยก่อน ก็เอาฮาเป็น

    ในยุคสมัยที่แผ่นฟิล์มถ่ายรูปเป็นของที่ค่อนข้างมีราคา ภาพแต่ละภาพที่ออกมาก็มักที่จะเปี่ยมไปด้วยความหมาย สมกับราคาที่จ่ายไปเพื่อภาพเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้เองเราจึงไม่ค่อยเห็นภาพที่ไร้สาระหรือภาพแปลกในสมัยก่อนสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย นี่คือ 14 ภาพสุดแปลกจากสมัยก่อน ภาพถ่ายเปี่ยมอารมณ์ขัน ที่จะทำให้เรารู้ว่า การถ่ายรูปในสมัยก่อน ก็เอาฮาเป็นเหมือนกันนะ   เริ่มจากอะไรที่ไม่แปลกมากอย่าง ภาพหมูสองตัวจากปี 1903   คนใช้ของลอร์ด Dundonald ถ่ายภาพกับสัตว์เลี้ยงในแคนาดา ไอ้สัตว์เลี้ยงตัวที่สองจากด้านขวานั่นมัน…   ภาพสาวสองคนทำท่าพุ่งลงน้ำในปี 1909 ชื่อภาพ “Bathing Beauties”   ภาพชายขี่ปลา ชื่อภาพ “I Finally got Him” จากปี 1910 เดี๋ยวนะ… สมัยนั้นมีโฟโต้ชอปแล้วเหรอ?   “Taking our Geese to market” หรือ พาห่านไปตลาด จากปี 1910   “The Modern Farmer” ชาวนาสมัยใหม่ จากปี 1910   สาวดื่มยกขวด…

  • ที่เก่า-เวลาใหม่ 20 ภาพประวัติศาสตร์ ที่ถูกมองเปรียบเทียบกับสถานที่ในปัจจุบัน

    ที่เก่า-เวลาใหม่ 20 ภาพประวัติศาสตร์ ที่ถูกมองเปรียบเทียบกับสถานที่ในปัจจุบัน

    เวลาที่เราดูรูปเก่าๆ ก็อาจจะมีบางครั้งที่เราสงสัยว่าสถานที่เหล่านั้นดในปัจจุบันจะเป็นอย่างไรบ้าง หากเป็นสถานที่ใกล้ๆ เราก็อาจจะเดินทางกลับไปดูกันได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากภาพที่เราดูมันดันเป็นภาพจากประวัติศาสตร์ล่ะ? การไปตามหาสถานที่ในภาพคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไหร่ นั่นทำให้ Peter Perry นักศึกษาจากเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ได้ตัดสินใจออกเดินทางตามหาที่มาของภาพจากประวัติศาสตร์ และแน่นอนว่าภาพที่ออกมานั้น ชวนให้รำลึกถึงความหลังได้เป็นอย่างดีจริงๆ   Peter Perry ช่างภาพในครั้งนี้   Acorn Street ในบอสตัน 1890   Charles Ponzi นักธุรกิจฉ้อฉล และภรรยาของเขาจากปี 1934 ถ่ายจากสภารัฐแมสซาชูเซตส์   Elvis Presley สมัยเป็นพลทหาร 1959 ภาพนี้ถ่ายที่โบสถ์ Dankeskirche ประเทศเยอรมนี   ฤดูใบไม้ผลิที่ปราก (Prague) สาธารณรัฐเช็ก 1968 นี่เป็นภาพการประท้วงในช่วงการรุกรานโซเวียต   Oskar Schindler ในปี 1944 นี่เป็นภาพของฮีโร่ผู้ช่วยชีวิตชาวโปแลนด์นับพันในสงครามโลกครั้งที่สอง ถ่ายที่ Kraków ในโปแลนด์   ถนนปาร์กของเมืองบอสตัน ในยุค 20 เป็นภาพตำรวจกำลังขี่ม้า   Appeal to the…

  • คูคลักซ์แคลน “KKK” ที่สุดของความเกลียดชัง ความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุดแห่งสหรัฐอเมริกา

    คูคลักซ์แคลน “KKK” ที่สุดของความเกลียดชัง ความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุดแห่งสหรัฐอเมริกา

    เคยเห็นภาพของกลุ่มคนแต่งตัวด้วยหมวกคลุมหน้าแหลมสูงสีขาวกันไหม? เคยเห็นภาพการเผาไม้กางเขนขนาดใหญ่มาก่อนหรือไม่? ไม่ว่าจะเป็นในหนังหรือประวัติศาสตร์ ชื่อเสียงของคนเหล่านี้ก็มีเพียงความโหดร้าย พวกเขาคือ “คูคลักซ์แคลน” (Ku Klux Klan) หรือ KKK หนึ่งในกลุ่มขบวนการโฉดของสหรัฐอเมริกาที่สนับสนุนความคิดชาตินิยมคนผิวขาว และเชื่อว่าคนขาวเป็นเผ่าพันธุ์ที่สูงส่งที่สุด พวกเขาต่อต้านคาทอลิก และต่อต้านชาวยิว รวมทั้งเหยียดสีผิวอย่างสุดโต่งอีกด้วย     KKK ปรากฏขึ้นมาในประวัติศาสตร์อยู่สามครั้งใหญ่ๆ โดยเริ่มต้นขึ้นหลังแรกในปลายยุค 1860 แทบจะทันทีหลังจากสงครามกลางเมืองของสหรัฐอเมริกาจบลง และเริ่มออกสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวแอฟริกัน-อเมริกัน และคนเชื้อชาติอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย ข่มขืน เผาทำลายทรัพย์สิน กลุ่มที่หนึ่งนี้แยกตัวกันไปในช่วงยุค 1870 จากการปราบปรามของรัฐบาลที่นำโดยประธานาธิบดีอูลิเซส เอส. แกรนท์ ทิ้งเอาไว้เพียงหมวกคลุมหน้าแหลมสูงที่กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความน่าหวาดกลัว และโหดร้ายทารุณ   KKK ในช่วงยุค 1860   KKK กลับมาอีกครั้งในปี 1915 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง คราวนี้อยู่ในพื้นที่เมืองของมิดเวสต์และทางตะวันตก โดยมีรากเหง้าจากชาวโปรเตสแตนต์ท้องถิ่นที่คัดค้านคาทอลิกและยิว ซึ่งการเผาไม้กางแขนอันเป็นเอกลักษณ์ของ KKK ก็เริ่มต้นขึ้นจากกลุ่มนี้ การก่อเหตุของ KKK กลุ่มที่สองนั้นค่อยๆ หายไปตามกาลเวลาก็จริงอยู่ แต่ก็ไม่เคยมีข่าวการสลายตัวอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด และกลายเป็นภาพลักษณ์ของ KKK ที่เราเห็นกันบ่อยที่สุด…

  • 5 ภาพจากในอดีตพร้อมเกร็ดประวัติศาสตร์ กว่าจะมาถึงวันนี้ โลกได้ผ่านอะไรมามากเหลือเกิน

    5 ภาพจากในอดีตพร้อมเกร็ดประวัติศาสตร์ กว่าจะมาถึงวันนี้ โลกได้ผ่านอะไรมามากเหลือเกิน

    ว่ากันว่าอดีตเป็นรากฐานของปัจจุบัน หากว่ารากฐานที่ว่าเข้มแข็ง ปัจจุบันก็จะสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง นั่นทำให้มีคนมากมายที่พยายามศึกษารากเหง้าของตัวเอง เพราะประวัติศาสตร์เหล่านี้นี่ล่ะ ที่นำมาซึ่งพวกเราในปัจจุบัน ดังนั้นในวันนี้เราจะมาดูอีก 5 รูปภาพจากในอดีต ที่มาพร้อมเกร็ดประวัติศาสตร์เล็กๆ น้อยๆ เพื่อย้ำเตือนให้เรารู้ว่ากว่าจะมาถึงทุกวันนี้ โลกเราได้ผ่านเรื่องราวมามากมายเหลือเกิน   ภาพของนางาซากิก่อนและหลังการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ 9 สิงหาคม 1945 ราวๆ สามวันหลังจากการทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิม่า ได้มีการทิ้งระเบิดพลูโตเนียมของสหรัฐอเมริกาลงสู่เมืองนางาซากิ ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิตระหว่าง 39,000-80,000 ราย ซึ่งแม้ว่าแรงระเบิดจะมากกว่าที่ฮิโรชิม่าแต่ภูมิประเทศกลับถูกทำลายไปค่อนข้างน้อย แม้ว่าสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่จะราบเป็นหน้ากลองไปเลยก็ตาม   แอลกอฮอล์ถูกเททิ้ง ในช่วงปี 1920-1933 สหรัฐอเมริกา ได้ออกกฎหมายห้ามการผลิต นำเข้า ขนส่ง และขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดเนื่องจากปัญหามากมายจากคนเมาสุราและกลุ่มผู้สนับสนุนจากลัทธิโปรเตสแตนต์ นั่นทำให้เมื่อทางตำรวจจะเข้าตรวจสอบสถานที่ผลิตสุราผิดกฎหมาย เหล่าผู้ผลิตจึงพยายามทำลายหลักฐานในทุกวิถีทาง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการเทออกจากหน้าต่างแบบในภาพนั่นเอง   เด็กในลิเวอร์พูลสวมหน้ากากป้องกันแก๊สในโรงเรียน ในปี 1941 การทิ้งระเบิดในกรุงลอนดอนทำให้บรรยากาศในประเทศอังกฤษเต็มไปด้วยความตึงเครียด เหล่าประชาชนในประเทศถูกบอกให้พกหน้ากากตลอดช่วงสงคราม เนื่องจากความกลัวว่าจะมีการโจมตีด้วยแก๊สพิษจากทางฝ่ายอักษะ นี่เป็นภาพของเด็กๆ ที่กำลังทำการฝึกในกรณีที่มีการโจมตีด้วยแก๊สพิษที่ว่านั่นเอง   Reichserntedankfest มีอีกชื่อหนึ่งว่า “งานฉลองวันขอบคุณพระเจ้าแห่ง Reich” นี่เป็นงานเทศกาลการเก็บเกี่ยว ที่จัดขึ้นในปี 1934 และมีผู้เข้าร่วมกว่า 700,000…

  • 4 สุดยอดคุณแม่ในประวัติศาสตร์ ที่ไม่ใช่แค่เป็นแม่ที่ดี แต่ยังมีอิทธิพลต่อโลกเป็นอย่างมาก

    4 สุดยอดคุณแม่ในประวัติศาสตร์ ที่ไม่ใช่แค่เป็นแม่ที่ดี แต่ยังมีอิทธิพลต่อโลกเป็นอย่างมาก

    ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำ สำหรับคนเป็นลูกหลายๆ คนแล้ว แม่ย่อมเป็นผู้ที่ให้ความรักกับเรามากที่สุด ท่านคือคนผู้มีอิทธิพลลึกซึ้งที่สุดที่สอนให้เราเติบโตมาเป็นเราดังเช่นทุกวันนี้ ดังนั้นในโอกาสวันแม่นี้เอง #เหมียวศรัทธา จึงจะพาเพื่อนๆ ไปพบกับ 4 สุดยอดคุณแม่ในประวัติศาสตร์ ที่ไม่ใช่แค่เป็นแม่ที่ดี แต่ยังมีอิทธิพลต่อโลกของเราเป็นอย่างมาก   Marie Skłodowska Curie (1867-1934) Marie เป็นทั้ง นักเคมี นักฟิสิกส์ ภรรยาที่ดี และคุณแม่ลูกสอง มีชื่อเสียงในฐานะผู้หญิงคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบล จากการวิจัยกัมมันตภาพรังสี นอกจากนี้เธอยังเลี้ยงลูกทั้งสองด้วยตัวคนเดียวหลังจากที่สามีของเธอเสียชีวิตไปเมื่อปี 1906 Marie นับเป็นคุณแม่ผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตเป็นอย่างมากเพราะนอกจากตัวเธอเองแล้ว Irène Joliot-Curie ลูกสาวของเธอก็ยังได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีร่วมกับผู้เป็นพ่ออีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวนักวิจัยกัมมันตภาพรังสีเลยก็ไม่ผิดนัก   Sojourner Truth (1797-1883) Sojourner เป็นหญิงสาวที่เกิดมาเป็นทาส และมีชื่อเดิมว่า Isabella Baumfree ในปี 1826 เธอและลูกสาวได้หนีออกมาจากการเป็นทาสได้สำเร็จ เพียงแต่ลูกชายวัย 5 ขวบของเธอกลับถูกขายไปเสียก่อน นั่นทำให้เธอออกมาระดมทุนเพื่อจ้างทนายเข้าฟ้องร้องต่อศาลเพื่อนำตัวลูกชายกลับมา จนกลายเป็นหนึ่งในไม่กี่คดีในสมัยนั้นที่คนผิวดำชนะคดีคนผิวขาว และเธอก็กลายเป็นสัญลักษณ์ที่ทรงพลังของผู้สนับสนุนการเลิกทาสไป   Irena Sendler (1910—2008) เธอเป็นหญิงสาวชาวโปแลนด์ที่มีชื่อเสียงในฐานะคุณแม่ผู้ปกป้องเด็กๆ กว่า 2,500 ชีวิต…

  • 8 เรื่องแปลกสุดไม่น่าเชื่อของชาวกรีกโบราณ ที่อาจเปลี่ยนภาพลักษณ์ของชาวกรีกไปเลย

    8 เรื่องแปลกสุดไม่น่าเชื่อของชาวกรีกโบราณ ที่อาจเปลี่ยนภาพลักษณ์ของชาวกรีกไปเลย

    เมื่อพูดถึงอาณาจักรที่มีชื่อเสียงที่สุดในสมัยก่อน คนส่วนมากก็น่าจะนึกถึงอารยธรรมกรีกโบราณกันเป็นธรรมดา ด้วยความที่เป็นหนึ่งในอารยธรรมที่รุ่งเรืองที่สุดในสมัยนั้น บวกกับเทคโนโลยีมากมายที่มีการคิดค้นขึ้น จนกลายเป็นหนึ่งในอารยธรรมโบราณที่มีการศึกษากันมากที่สุดในโลกไป แต่ในความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมนั้นเอง ก็ทำให้กรีกโบราณมีสิ่งที่เราไม่รู้กันอีกมากมาย ดังนั้น #เหมียวศรัทธา จึงได้นำ 8 เรื่องแปลกสุดไม่น่าเชื่อของชาวกรีกโบราณมาให้ทุกคนได้อ่านกัน ไม่แน่นะว่าบางที ภาพลักษณ์ของชาวกรีกที่เพื่อนๆ รู้จัก อาจจะเปลี่ยนไปนิดหน่อยเลยก็ได้   โยโย่ที่เก่าแก่ที่สุดมาจากกรีก ของเล่นที่มีการเล่นคล้ายกับโยโย่นั้น มีการพูดถึงเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์บนแจกันของกรีก ซึ่งเชื่อกันว่าผลิตขึ้นใน 440 ปีก่อนคริสตกาลเลยทีเดียว   รูปปั้นชายกรีกส่วนใหญ่จะมีขนาดอวัยวะเพศที่เล็ก เนื่องจากในสมัยนั้นเชื่อว่ามีเพียงชายที่จิตหมกมุ่นในกามราคะเท่านั้นที่จะมีอวัยวะเพศขนาดใหญ่ ส่วนชายที่มีขนาดเล็กคือคนฉลาด   ผู้หญิงในกรีกจะต้องแต่งงานเมื่อเป็นสาวพรหมจรรย์เท่านั้น โดยผู้เป็นพ่อจะเลือกคู่แต่งงานให้ตั้งแต่อายุ 13-14 ปีเลยทีเดียว   ชาวกรีกกลัวซอมบี้กันอย่างจริงจังเลย เหล่าศพที่ถูกกลัวว่าจะลุกกลับขึ้นมาจะได้รับการฝังแบบพิเศษ โดยมักจะถูกหั่นเป็นชิ้นๆ หรือทับไว้ด้วยหินหนักๆ ก่อนฝังนั่นเอง   ชาวกรีกมองรักร่วมเพศและความใคร่เด็กเป็นเรื่องธรรมดา นอกจากนี้พ่อของเด็กผู้ชาย ยังสามารถเลือกชายหนุ่มที่อายุมากกว่าให้เป็นคู่ชีวิตของลูกชายได้อีกด้วย   ชาวกรีกใช้ก้อนหิน และเศษเครื่องเซรามิกเช็ดก้น แถมดูเหมือนว่าจะเป็นการใช้ก้อนหินเช็ดก้น จะเป็นที่นิยมยาวนานไปถึงสมัยโรมันรุ่งเรืองเลยด้วย   แม้ว่ากีฬาโอลิมปิกจะมีที่มาจากชาวกรีก แต่การวิ่งคบเพลิงไม่ใช่ การวิ่งคบเพลิงมาจากโอลิมปิกฤดูร้อนปี 1936 โดยนาซีเยอรมนีต่างหาก   การผิดประเวณีเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากของกรีก สำหรับชาวกรีกแล้วการผิดประเวณีถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงกว่าการข่มขืนเสียอีก…

  • 20 ภาพเหตุการณ์สุดน่าเศร้าที่เกิดขึ้น เมื่อนาซีเข้ายึดโปแลนด์ในสงครามโลกครั้งที่สอง

    20 ภาพเหตุการณ์สุดน่าเศร้าที่เกิดขึ้น เมื่อนาซีเข้ายึดโปแลนด์ในสงครามโลกครั้งที่สอง

    6 ตุลาคม 1939 การบุกประเทศโปแลนด์จบลงด้วยชัยชนะของเยอรมนี หลังจากที่ทางโปแลนด์ประกาศยอมแพ้ในการรบที่ Kock ปิดฉากการรบระหว่างประเทศ ท่ามกลางไฟของสงครามโลกครั้งที่สองลงเอยด้วยรอยเลือด เพียงแต่สำหรับประเทศที่แพ้สงครามแล้ว นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของฝันร้ายเท่านั้น เพราะการยอมแพ้ของโปแลนด์นั้น หมายความว่านี่เป็นการยอมให้พวกนาซีเข้ามาทำอะไรในประเทศได้อย่างอิสระ นำมาซึ่งความตายของเหล่าผู้คนกว่า 11 ล้านคน และนี่คือหนึ่งในภาพของเหตุการณ์อันเลวร้ายหลังสงครามในครั้งนั้น ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงความโหดร้ายที่มนุษย์กระทำต่อกัน เพียงเพราะเชื้อชาติที่แตกต่างเท่านั้น   พลเรือนโปแลนด์หกคน ยืนอยู่หน้าพลทหารของนาซีในปี 1939   ทหารนาซี เตรียมยิงชายคนหนึ่งในปี 1939   Kazimiera Mika เด็กหญิงวัย 12 ขวบ กับพี่สาวผู้เสียชีวิตในวอร์ซอเมื่อปี 1939   ทหารนาซีล้อเลียนศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกในปี 1942   มือของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายยื่นออกมาจากเตาเผาในปี 1945   Czesława Kwoka เด็กสาววัย 14 ผู้ถูกส่งมายังค่ายกักกัน เธอเสียชีวิตในค่ายเมื่อปี 1943   การสังหารชาวโปแลนด์เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 1939   ภาพที่ถูกขโมยมาจากหน่วย SS…

  • ชมหลุมฝังศพแปดเหลี่ยมอายุกว่า 700 ปี ที่เก็บภาพชีวิตคนจีนในสมัยราชวงศ์หยวนไว้

    ชมหลุมฝังศพแปดเหลี่ยมอายุกว่า 700 ปี ที่เก็บภาพชีวิตคนจีนในสมัยราชวงศ์หยวนไว้

    เมื่อเร็วๆ นี้ที่เมืองหยางเชียน มณฑลชานซี ประเทศจีนได้มีการขุดพบสุสานทางประวัติศาสตร์รูปร่างแปดเหลี่ยม ซึ่งมีภาพจิตรกรรมฝาผนังอายุกว่า 700 ปีของประเทศจีนในยามที่ถูกปกครองโดยราชวงศ์หยวน หรือชนเผ่ามองโกล     มันเป็นสุสานแปดเหลี่ยมที่มีหลังคาทรงพีระมิด ซึ่งประดับไปด้วยรูปของพระอาทิตย์ พระจันทร์ และดวงดาว และที่ผนังทั้งแปดด้านก็มีการประดับไว้ด้วยจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม     แม้ว่าในสุสานจะไม่มีโครงกระดูกอยู่ก็ตาม แต่จากภาพบนผนังก็ทำให้เชื่อกันว่า นี่เป็นสุสานของสามีภรรยาคู่หนึ่ง หรือไม่ก็ของลูกชายของพวกเขา และจากขนาดของสุสานบวกกับจำนวนคนรับใช้ในภาพ เชื่อกันว่าเจ้าของสุสานน่าจะเป็นผู้มีฐานะพอสมควร     อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญในการค้นพบครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ที่ตัวสุสานเอง แต่เป็นภาพวาดการใช้ชีวิตของคนในยุคนั้นที่อยู่บนกำแพงมากกว่า     จากการตรวจสอบของนักประวัติศาสตร์ ดูเหมือนว่าภาพวาดหลายภาพที่ในสุสานจะเป็นภาพของผู้คนที่แต่งตัวแบบชาวมองโกล ซึ่งเป็นลักษณะของประเทศจีนในยุคสมัยของราชวงศ์หยวน     นี่เป็นการแต่งกายที่เกิดขึ้น จากคำสั่งของทางราชวังในปี 1314 เพื่อเป็นการการแบ่งแยกเชื้อชาติ โดยชาวจีนจะใส่ชุดคอกลม และหมวกพับ ส่วนชาวมองโกลเลียจะใส่ชุดคล้ายแจ็คเก็ตยาวกับหมวกที่มีสี่ปีก     นั่นทำให้ภาพเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตของคนจีนในสมัยที่ถูกปกครองโดยชนเผ่ามองโกลได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการชงชา เสิร์ฟอาหาร ดูแลม้า การใช้งานอูฐในการขนส่ง หรือการเล่นดนตรีต่างๆ     นอกจากนี้ภาพอื่นๆ บนผนังยังเป็นภาพเกี่ยวกับเรื่องเล่าโบราณของประเทศจีน อย่างเรื่อง Guo…

  • เชื่อหรือไม่? งานวิจัยใหม่ชี้ จักรพรรดิโรมัน มักถูกลอบสังหาร หากว่าไม่มีฝนตก!!

    เชื่อหรือไม่? งานวิจัยใหม่ชี้ จักรพรรดิโรมัน มักถูกลอบสังหาร หากว่าไม่มีฝนตก!!

    การเป็นจักรพรรดิของโรมันมันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย เพราะตลอดกว่า 500 ปีของโรมันเกือบๆ 20% ของกษัตริย์ทั้งหมด 82 พระองค์ ล้วนแต่ถูกลอบปลงพระชนม์ในระหว่างครองราชย์ทั้งนั้น แถมหลายๆ คนยังโดนสังหารด้วยเหตุผลแปลกๆ อย่างฝนไม่ตกอีกด้วย     จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยบร็อคในแคนาดา ดูเหมือนว่าที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากการที่ฝนไม่ตกเป็นเวลานานนั้นจะทำให้ชาวไร่ชาวนาไม่สามารถส่งอาหารให้แก่กองทัพโรมันได้ส่งผลให้เกิดความอดอยากจนอาจเกิดการก่อกบฏขึ้นได้ “และเมื่อมีการก่อกบฏขึ้น เหล่าผู้ที่สนับสนุนจักรพรรดิก็จะลดน้อยลง ทำให้จักรพรรดิมีโอกาสที่จะถูกลอบสังหารมากขึ้น”  Cornelius Christian ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยบร็อคกล่าว     นี่เป็นการวิจัยที่เกิดขึ้นจากการวิเคราะห์ปริมาณน้ำฝนในอดีตจากซากฟอสซิลต้นไม้นับพัน และพบว่าในปีที่มีฝนตกน้อยในทางสถิติ (และทำให้อาหารขาดแคลน) จะมีโอกาสสูงที่ในปีนั้นจะมีตัวเลขการลอบปลงพระชนม์จักรพรรดิบ่อยขึ้น ตัวอย่างที่ทางมหาวิทยาลัยยกมา คือจักรพรรดิ Vitellius ผู้ที่ถูกลอบสังหารไปในปี ค.ศ. 69 ซึ่งเป็นปีที่มีฝนตกน้อย “Vitellius ได้เป็นจักรพรรดิเพราะกองทัพของเขา” Christian กล่าว “น่าเศร้ามากที่ในปีนั้นฝนแล้งพอดี ส่งผลให้กองทัพของเขาลุกฮือขึ้น และสุดท้ายเขาก็ถูกลอบสังหาร”     แม้ว่าการวิจัยในครั้งนี้จะไม่สามารถใช้ได้กับการลอบสังหารทุกครั้ง เนื่องจากการที่คนคนหนึ่งจะถูกลอบสังหารนั้นจำเป็นต้องมีเหตุผลประกอบหลายอย่าง แต่งานวิจัยในครั้งนี้ก็วางรากฐานที่ดีให้กับสมมติฐานการลอบสังหารเนื่องจากฝนแล้ง สมมติฐานนี้หมายความว่าธรรมชาตินั้นส่งผลโดยตรงกับการปกครองของมนุษย์ในอดีต เพราะนอกจากที่โรมันแล้ว สมมติฐานที่ว่ายังอาจนำไปใช้ได้กับเหตุการณ์อื่นๆ เช่นการล่มสลายของราชวงศ์ในอียิปต์ได้อีกด้วย     “สำหรับผมแล้ว สมมติฐานการลอบสังหารเนื่องจากฝนแล้งจะช่วยเพิ่มระดับความเข้าใจในประวัติศาสตร์การปกครองของโรมันได้มากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่สามของการปกครองแล้วด้วย” Christian กล่าว  …

  • การค้นพบใหม่ชี้ มนุษย์โบราณ “Homo erectus” อาจสูญพันธุ์เพราะความขี้เกียจ

    การค้นพบใหม่ชี้ มนุษย์โบราณ “Homo erectus” อาจสูญพันธุ์เพราะความขี้เกียจ

    คนในสมัยก่อนเคยกล่าวไว้ว่า “ขี้อะไรก็มีประโยชน์ยกเว้นขี้เกียจ” เป็นคำสอนที่เกิดขึ้นมาเพื่อไม่ให้เหล่าลูกหลานทำตัวขี้เกียจสันหลังยาว เพราะความขี้เกียจไม่ได้มีอะไรดีเลย หนำซ้ำจากผลงานวิจัยชิ้นล่าสุด ที่มนุษย์ในสมัยก่อนสูญพันธุ์ไป ก็อาจจะเพราะความขี้เกียจอีกด้วย นี่เป็นเรื่องของ Homo erectus เผ่าพันธุ์ที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในบรรพบุรุษของมนุษย์ ปรากฏตัวออกมาครั้งแรกเมื่อประมาณ 2 ล้านปีก่อน และสูญพันธุ์ไปเมื่อประมาณ 50,000-100,000 ปีก่อน     โดยจากการวิจัยของนักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียได้มีการพบว่า Homo erectus ค่อนข้างที่จะมีความขี้เกียจมาก เมื่อเทียบกับบรรพบุรุษอื่นๆ ของมนุษย์อย่าง Neanderthals นี่เป็นผลการวิจัยที่ได้มาจากการวิเคราะห์วัตถุโบราณที่มีการค้นพบจากการขุดค้นในซาอุดีอาระเบียเมื่อปี 2014 ที่ผ่านมา และพบว่า Homo erectus นั้นเป็นสายพันธุ์ที่จะสร้างเครื่องมือหรือหาอาหารเลี้ยงชีพ “เพียงเพื่อมีชีวิตรอด” เท่านั้น     พวกเขาจะอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่หาหินและน้ำได้ง่ายๆ และจะใช้เพียงแค่ของที่หาได้ง่ายๆ ในการทำเครื่องมือ ทำให้เครื่องมือในยุคนั้น มีคุณภาพต่ำเมื่อเทียบกับเครื่องมือยุคหินอื่นๆ นอกจากนี้แห่งหินคุณภาพสูงที่อยู่ในบริเวณยังไม่มีร่องรอยการถูกนำไปใช้เลย ทั้งๆ ที่หากเป็น Neanderthals หรือสายพันธุ์ Homo sapiens รุ่นแรกๆ พวกเขาจะปีนขึ้นเขาเพื่อหินชั้นดี อีกทั้งยังมีการขนส่งหินในระยะทางไกลๆ อีกด้วย     นั่นทำให้เมื่อแหล่งน้ำในที่อยู่อาศัยแห้งหายไป กลุ่ม Homo erectus จำนวนมากก็ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก นอกจากนี้…

  • เปิดประวัติที่มา “กางเกงยีนส์” เครื่องแต่งกายล้ำสมัย นำสไตล์แฟชั่น ที่มีอยู่มากว่า 100 ปี

    เปิดประวัติที่มา “กางเกงยีนส์” เครื่องแต่งกายล้ำสมัย นำสไตล์แฟชั่น ที่มีอยู่มากว่า 100 ปี

    ทุกวันนี้ภาพคนใส่กางเกงยีนส์ได้กลายเป็นสิ่งที่เห็นได้ทั่วไปบนท้องถนน ที่ไม่ว่าจะดูกี่ครั้งก็รู้สึกว่ามันเท่สุดๆ ดูทันสมัย สมแล้วกับที่เป็นสุดยอดเครื่องแต่งกายที่ปฏิวัติวงการแฟชั่น     ว่าแต่ทราบกันไหมว่าไอ้เจ้ากางเกงยีนส์สุดทันสมัยพวกนี้นั้น แท้จริงแล้วมีอายุมากว่าร้อยปีแล้ว แถมแรกเริ่มเดิมทีพวกมันยังถูกผลิตขึ้น เพื่อชนชั้นแรงงานอีกด้วย!! กางเกงยีนส์แบบที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนั้น เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันของ ลีวาย สเตราส์ พ่อค้าจากเยอรมันผู้เดินทางมายังสหรัฐอเมริกาในปี 1853 กับ เจค็อบ เดวิส ช่างตัดเสื้อคนหนึ่ง   ลีวาย สเตราส์ (ซ้าย) และ เจค็อบ เดวิส (ขวา)   เรื่องราวมันเกิดขึ้นในช่วงยุคตื่นทองของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้มีคนเดินทางเข้ามายังเมืองซานฟรานซิสโกเพื่อทำงานด้านอุตสาหกรรมการเหมืองทองคำกันเป็นจำนวนมาก การทำงานที่ค่อนข้างหนักนั้นเอง ทำให้มีคนงานในเหมืองทองจำนวนไม่น้อย ที่ต้องประสบกับปัญหากางเกงที่ใส่ได้รับความเสียหายจากการทำงาน และคนจำนวนมากพยายามหาวิธีที่จะคิดค้นกางเกงที่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้     ลีวาย สเตราส์ และ เจค็อบ เดวิสก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น โดยลีวายได้ทดลองตัดกางเกงจากผ้าชนิดอื่นๆ ที่มีความคงทนสูง ตั้งแต่ผ้าใบที่ใช้ทำเต็นท์เรื่อยไปยังผ้าที่ทอจากเมืองนีม ประเทศฝรั่งเศส “Serge de nimes” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ผ้าเดนิม” ผ้าที่ใช้ตัดกางเกงยีนส์ในปัจจุบัน ส่วนเจค็อบ เดวิส ได้ตามหาวิธีการตัดเย็บพิเศษเพื่อให้กางเกงมีความทนทานมากยิ่งขึ้น จนในที่สุดก็พบกับการตอกหมุดกับกางเกงเพื่อให้กางเกงที่เย็บออกมานั้นมีความคงทนมากขึ้น    …

  • 20 ภาพประวัติศาสตร์สุดเจ๋ง จาก “ยุคคาวบอย” เหมือนหรือต่างจากที่เห็นในหนังหรือไม่

    20 ภาพประวัติศาสตร์สุดเจ๋ง จาก “ยุคคาวบอย” เหมือนหรือต่างจากที่เห็นในหนังหรือไม่

    ในช่วงปลายยุค 1800 ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกากลายเป็นดินแดนที่ดึงคนจำนวนมากมาเพื่ออยู่อาศัยและหารายได้ มันเป็นดินแดนที่ค่อนข้างอันตราย และมักถูกมองว่าเป็นพื้นที่ที่แทบจะไร้ซึ่งกฎหมายโดยสิ้นเชิง ถึงอย่างนั้นที่นี่ที่ว่านี้ก็เป็นที่ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์น่าค้นหาเช่นเดียวกัน ทั้งจากคนที่เข้ามาแสวงหาโชคในสมัยนั้น และเหล่าแฟนๆ หนังคาวบอยในปัจจุบัน ดังนั้น #เหมียวศรัทธา จึงได้ร่วมรวมรูปภาพจากสมัยคาวบอยมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน ไปดูกันดีกว่าว่าในสมัยนั้น แท้จริงแล้วมันต่างจากที่เราเห็นในหนังรึเปล่า   เจสซี เจมส์ สมัยหนุ่ม เจสซี เจมส์เป็นพวกนอกกฎหมาย ผู้มีฉายาว่า โรบินฮู้ดแห่งอเมริกา มีชื่อเสียงเรื่องออกปล้นแต่ธนาคารของพวกอเมริกาเหนือ ในสมัยสงครามกลางเมืองนั่นเอง   รูปภาพของ บิลลี่ เดอะ คิด ในปี 1879 นี่เป็นภาพๆ เดียวของเขาที่ได้รับการรับรองว่าเป็นของจริง   กระโจมของชาวอินเดียแดงเผ่าซู (Sioux)   ชาวอินเดียแดงนาวาโฮ (Navajo) ในปี 1873   ภาพถ่ายของชนพื้นเมืองอเมริกา   ภาพของ ‘ด๊อค’ ฮอลลิเดย์ เขาคือชายผู้เป็นทั้งทันตแพทย์ นักพนัน และสิงห์ปืนไว   ภาพถ่าย “Deadwood Coach” ของ John H.C.…

  • ชมภาพสีของซามูไรเหล่านักรบเลื่องชื่อกลุ่มสุดท้าย ที่ถูกถ่ายไว้ในช่วง “การปฏิวัติเมจิ”

    ชมภาพสีของซามูไรเหล่านักรบเลื่องชื่อกลุ่มสุดท้าย ที่ถูกถ่ายไว้ในช่วง “การปฏิวัติเมจิ”

    ในปี 1868 ที่ประเทศญี่ปุ่นได้มีการประกาศล้มล้างระบบซามูไรทั้งประเทศ เป็นการปิดม่านของระบบศักดินา เพื่อเริ่มต้นยุคสมัยใหม่อย่างเต็มตัว นี่เป็นเหตุการณ์ที่รู้จักกันในชื่อ “การปฏิวัติเมจิ” หนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น และส่งผลให้อุตสาหกรรมในประเทศพัฒนาขึ้นไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในครั้งนี้ก็ทำให้จำนวนซามูไรในประเทศลดลงไปอย่างมาก จนเหล่านักรบเลื่องชื่อเหล่านี้ค่อยๆ หายไปจากประเทศในที่สุด และนี่คือภาพสีของซามูไรกลุ่มสุดท้าย ที่ถูกถ่ายไว้ในช่วงปี 1863 ถึง 1900   ซามูไร มีต้นกำเนิดจากคำว่า ซะบุระอุ ที่แปลว่ารับใช้ ดังนั้นชื่อของพวกเขาจึงแปลว่าผู้รับใช้ ภาพนี้จากปี 1865   ส่วนซามูไรที่ไร้เจ้านาย จะถูกเรียกว่า “โรนิน” ภาพจากปี 1865   ซามูไรถือพัดจากปี 1864 ภาพสองซามูไรในชุดดับเพลิงจากปี 1865   ภาพซามูไรจากปี 1867   ภาพนี้ก็มาจากปี 1867 เช่นกัน   ซามูไรนักรบ แสดงวิธีเป่าสังข์ ในปี 1867   ทรงผมของซามูไรมีชื่อเรียกว่า “ชนมาเกะ” (ちょんまげ) ภาพนี้จากปี 1877   ซามูไรถือพัดจากปี 1880   เหล่าซามูไรมีการใช้อาวุธมากกว่าดาบ มีทั้งคนที่ใช้ธนู…

  • อาหารสุดโปรดของเหล่าคนมีชื่อเสียงในอดีต มาดูกันว่าแต่ละคนถูกใจอาหารแบบไหน

    อาหารสุดโปรดของเหล่าคนมีชื่อเสียงในอดีต มาดูกันว่าแต่ละคนถูกใจอาหารแบบไหน

    เคยสงสัยกันไหมว่าคนในอดีตชอบอาหารแบบไหน? คนเราไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนก็มักที่จะมีอาหารที่ชอบเป็นการส่วนตัวอยู่ บางคนอาจจะชอบอาหารที่มีรสชาติ  ในขณะที่บางคนอาจจะชอบอาหารที่มีกลิ่นหอมชวนรับประทาน ในแต่ละยุคสมัยการทำอาหารจะเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบ และเครื่องเทศในพื้นที่ นั่นทำให้อาหารที่คนเมื่อก่อนทาน อาจจะแตกต่างไปจากที่เราคุณเคยราวฟ้ากับเหวเลยก็เป็นได้ ดังนั้น #เหมียวศรัทธา จึงได้นำเอาอาหารสุดโปรดของเหล่าคนมีชื่อเสียงในอดีตมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน มาดูกันดีกว่าว่าของที่พวกเขาชอบนั้น มันต่างกับที่เราคุ้นเคยกันหรือเปล่า   จอร์จ วอชิงตัน ชอบทาน ซอสเห็ด ทำมาจากเห็ด ปลาแอนโชวี่ และรากฮอสราดิช   ชาร์ลส์ ดาร์วิน ชอบทาน ตัวนิ่ม จากปากคำของเจ้าตัว เขาบอกว่ารสชาติมันเหมือนไก่   เฮเลน เคลเลอร์ ชอบทาน ฮอทดอก ดูเหมือนว่าเธอจะชอบมันมาตั้งแต่เด็กเลยด้วย   วินสตัน เชอร์ชิล ชอบทาน ซุปเต่า   ชาร์ลี แชปลิน ชอบทาน สตูว์ผ้าขี้ริ้ว   กษัตริย์เฮนรี่ที่ 1 ชอบทาน ปลาแลมป์เพรย์ เป็นปลาที่คล้ายๆ ปลาไหล   อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก ชอบทาน แฮมพาย เขาเป็นคนที่ไม่ชอบทานไข่ ยกเว้นเสียแต่มันจะใส่มาในแฮมพาย…

  • รู้กับ 6 เหตุการระเบิดสุดรุนแรง ที่เคยเกิดขึ้นบนโลก นอกจากที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิ

    รู้กับ 6 เหตุการระเบิดสุดรุนแรง ที่เคยเกิดขึ้นบนโลก นอกจากที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิ

    ถ้าพูดถึงการระเบิดที่รุนแรงที่สุดบนโลก เชื่อกันว่าหลายๆ คนน่าจะนึกถึงระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิม่าก่อนเป็นเหตุการณ์แรก ซึ่งแม้ว่าการระเบิดในครั้งนั้นจะมีความรุนแรง แต่ก็ยังมีการระเบิดอีกหลายเหตุการณ์ที่มีความรุนแรงแบบนั้น ด้วยเหตุนี้เอง #เหมียวศรัทธา จะพาเพื่อนๆ ไปชม 6 การระเบิดสุดรุนแรงที่เคยเกิดขึ้นบนโลก นอกจากที่ฮิโรชิม่า กับนางาซากิ   ภัยพิบัติแห่งเท็กซัส นี่เป็นการระเบิดที่เกิดขึ้นจากเหตุเพลิงไหม้บนเรือบรรทุกสินค้า SS Grandcamp ในปี 1947 ซึ่งทำให้แอมโมเนียมไนเตรต (ส่วนผสมของระเบิด) กว่า 2,300 ตันที่บรรทุกมาเกิดการระเบิดขึ้น แรงระเบิดที่เกิดขึ้นรุนแรงมากถึงขนาดทำให้เครื่องบินที่บินอยู่บนฟ้าร่วงลงมาสองลำ แถมยังเกิดการระเบิดต่อเนื่องกันของโรงกลั่นในบริเวณใกล้เคียง และเรืออีกลำที่ขนแอมโมเนียมไนเตรตมาอีก 1,000 ตัน การระเบิดครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต 600 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 3,500 ราย จนกลายเป็นอุบัติเหตุทางอุตสาหกรรมที่เลวร้ายที่สุดของสหรัฐอเมริกาไปเลย   การระเบิดของแฮลิแฟกซ์ นี่เป็นระเบิดครั้งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์เคยทำก่อนที่จะมีการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ เกิดขึ้นในปี 1917 เมื่อเรือบรรทุกวัตถุระเบิดของฝรั่งเศส พุ่งชนกับเรือของเบลเยียมในท่าเรื่อแฮลิแฟกซ์จนเกิดการระเบิดขึ้น ส่งผลให้เกิดควันสูงกว่า 6,100 เมตร และเกิดคลื่นสึนามิสูง 18 เมตรเลยทีเดียว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 2,000 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 9,000 ราย   การระเบิดที่เชอร์โนบิล นี่เป็นอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี…

  • ดาบจีน “โกวเจี้ยน” ดาบเหนือกาลเวลา คงความคมไร้สนิมแม้อยู่มากว่า 2,000 ปีแล้วก็ตาม

    ดาบจีน “โกวเจี้ยน” ดาบเหนือกาลเวลา คงความคมไร้สนิมแม้อยู่มากว่า 2,000 ปีแล้วก็ตาม

    เมื่อพูดถึงดาบในตำนานจากอดีต คนส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงดาบที่ไม่อาจบอกได้ว่ามีอยู่จริงไหมอย่าง เอกซ์แคลิเบอร์ และ ดาบมารมุรามาสะ หรือดาบที่แม้ว่าจะมีตัวตนให้เห็นจริงๆ แต่ก็ไม่สามารถใช้งานได้อีกแล้วอย่างดาบ 7 ปลาย และดูเรนดอล แต่ในบรรดาดาบจากอดีตเหล่านั้น ยังคงมีดาบอยู่เล่มหนึ่งที่ยังใช้การได้เป็นอย่างดี แม้จะมีอายุมากกว่า 2,000 ปีแล้วก็ตาม ชื่อของมันคือ “โกวเจี้ยน” ดาบที่อยู่เหนือกาลเวลา     การค้นพบ ในปี 1965 นักโบราณคดีได้สำรวจพบสุสานโบราณกว่า 50 แห่งในมณฑลหูเป่ย์ รวมทั้งวัตถุโบราณกว่า 2,000 ชิ้น ซึ่งมีโกวเจี้ยนเป็นหนึ่งในนั้น โกวเจี้ยนถูกค้นพบในกล่องไม้ข้างๆ โครงกระดูกร่างหนึ่งในสุสาน เมื่อเปิดกล่องนั้นออกทางทีมสำรวจก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่พวกเขาเห็น เพราะดาบที่พวกเขาพบนั้นอยู่ในสภาพดีอย่างไม่น่าเชื่อ มันไม่มีสนิมเกาะเลยแม้แต่น้อย แถมยังคมมากพอที่จะบาดมือหนึ่งในทีมสำรวจอีกด้วย     ตัวดาบ ดาบโกวเจี้ยน เป็นดาบประเภทที่เรียกกันว่า “เจี้ยน” ซึ่งมีลักษณะเป็นดาบสองคมที่มีการใช้แพร่หลายในประเทศจีนเมื่อ 2,500 ปีก่อน นอกจากนี้ดาบประเภทเจี้ยน ยังปรากฏออกมาบ่อยๆ ในเทพนิยายจีน และเป็นดาบรุ่นแรกๆ ที่มีการใช้งานในประเทศจีนอีกด้วย     ดาบโกวเจี้ยน ทำมาจากสัมฤทธิ์ซึ่งมีส่วนประกอบของทองแดงสูง ส่วนคมดาบบางและคม อีกทั้งยังมีสัดส่วนกำมะถันมากซึ่งทำให้ตัวดาบมีคุณสมบัติไม่ขึ้นสนิม โดยดาบเล่มนี้มีความยาว 55.7 เซนติเมตร ใบดาบกว้าง 4.6 เซนติเมตร…

  • ที่สุดแห่งความวินเทจกับ 17 สิ่งของสุดแปลกที่ไม่รู้คิดมาได้อย่างไรจากสมัยก่อน

    ที่สุดแห่งความวินเทจกับ 17 สิ่งของสุดแปลกที่ไม่รู้คิดมาได้อย่างไรจากสมัยก่อน

    ในปัจจุบันเราอาจจะเคยเห็นสินค้าแปลกๆ ที่ดูแล้วสงสัยว่าทำมาทำไมกันอยู่บ่อยๆ จนในบางครั้งเราอาจจะเคยคิดกันว่าคงจะมีแต่คนปัจจุบันที่จะซึ่งมีทรัพยากรอยู่มากเท่านั้น ที่จะกล้าคิดค้นอะไรสิ้นเปลืองเช่นนี้ออกมา แต่ความคิดแหวกแนวเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว จะเป็นในสมัยไหนๆ เราก็มีโอกาสที่จะได้เห็นสินค้าแปลกๆ กันอยู่ดี เหมือนกับสิ่งของแปลกๆ จากสมัยก่อน 17 ชิ้นต่อไปนี้   เริ่มกันจากกระบอกปืนแบบโค้ง สำหรับการยิงจากที่กำบังในปี 1953   กระเป๋ากันการวิ่งราวจากปี 1963 เมื่อโดนวิ่งราวโซ่จะดึงให้ด้านใต้ของกระเป๋าเปิดออก และของในกระเป๋าตกออกมานั่นเอง   ซาวน่าแบบพกพา จากปี 1962   “กรงเด็ก” จากปี 1937 เมื่อคุณต้องการพาเด็กไปอยู่นอกอพาร์ตเมนต์ แต่ไม่อยากให้พวกเขาไปเล่นบนถนน   Laryngaphone จากปี 1929 เป็นโทรศัพท์ที่จับการสั่นของคอและแก้ม เพื่อส่งข้อความที่ไม่มีเสียงรบกวน   กระดานโต้คลื่นแบบใช้มอเตอร์ จากปี 1948   ที่สูบบุหรี่กลางหิมะและฝน ในปี 1954   เจ็ตแพ็กจากปี 1961   ยางรถยนต์เรืองแสง จากปี 1961   โทรทัศน์จิ๋วจากปี 1966   เวทีบินได้ จากปี 1956 นึกถึงยูริใน Red Alert…

  • 6 รูปหาสุดจะหาชมยากจากในอดีต พร้อมเกร็ดความรู้ประวัติศาสตร์เบื้องหลังภาพเหล่านั้น

    6 รูปหาสุดจะหาชมยากจากในอดีต พร้อมเกร็ดความรู้ประวัติศาสตร์เบื้องหลังภาพเหล่านั้น

    เคยมีคำกล่าวว่า คนเราเรียนรู้ประวัติศาสตร์เพื่อที่จะไม่ทำผิดซ้ำกับในอดีต หรือเพราะอยากรู้รากเหง้าของตัวเอง นั่นเพราะสิ่งที่ผ่านไปเป็นเวลานานมักที่จะมีเสน่ห์เฉพาะตัวของมันอยู่ และคนเราก็ชอบที่จะเล่าเรื่องราวในอดีตเสียด้วย ดังนั้น #เหมียวศรัทธา จึงนำเอา 6 อภิมหารูปหายากจากในอดีต พร้อมเกร็ดประวัติศาสตร์เบื้องหลังภาพเหล่านั้น มาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน จำเอาไว้ให้ดีว่าอดีต ก็เหมือนกับบันไดให้เราก้าวไปสู่อนาคตนั่นเอง   กระสุนปืนทั้งสอง นี่เป็นภาพของกระสุนปืนสองนัดที่ปะทะกันกลางอากาศในการรบที่กัลลิโพลี (Battle of Gallipoli) ซึ่งเริ่มต้นในปี 1915 และจบลงในปี 1916 ของช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง นี่เป็นการรบของฝ่ายพันธมิตรที่ประกอบไปด้วย อังกฤษ ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยมีศัตรูเป็นประเทศตุรกี การต่อสู้ครั้งนี้จบลงด้วยการถอนกำลังของฝ่ายพันธมิตร ซึ่งทำให้นี่นับเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศตุรกีเลยก็ว่าได้ แม้ว่าหากมองตามความสูญเสียแล้วฝั่งตุรกีจะมีตัวเลขผู้เสียชีวิตมากกว่าก็ตาม   การทดสอบระเบิดไฮโดรเจน นี่เป็นภาพการทดสอบระเบิดที่บิกินี่อะทอลล์ โดยเป็นการทดสอบระเบิดเทอร์โมนิวเคลียร์  23 ลูกโดยสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 1946-1958 โดยการทดลองในครั้งนี้ทำให้พื้นที่โดยรอบของเกาะไม่สามารถใช่อยู่อาศัยได้อีกต่อไป เนื่องจากกัมมันตภาพรังสีที่เกิดจากซีเซียม 133   ขีปนาวุธในฟลอริดา ในช่วงเดือนตุลาคม 1962 ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐอเมริกา และสหภาพโซเวียต ได้พุ่งขึ้นถึงขีดสุดจนทำให้ทางสหภาพโซเวียตนำขีปนาวุธจำนวนมากไปติดตั้งไว้ที่คิวบา ทางสหรัฐอเมริกาจึงได้นำระบบต่อต้านขีปนาวุธมาติดตั้งไว้ที่คีย์เวสต์ ในรัฐฟลอริดา   ระเบิดปรมาณูลูกแรก นี่คือ…

  • 23 ภาพถ่ายจากประวัติศาสตร์ ส่งต่อจากคนรุ่นก่อน เพื่อให้เราได้เรียนรู้ชีวิตคนในสมัยนั้น

    23 ภาพถ่ายจากประวัติศาสตร์ ส่งต่อจากคนรุ่นก่อน เพื่อให้เราได้เรียนรู้ชีวิตคนในสมัยนั้น

    ประวัติศาสตร์นั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์เราพยายามเป็นอย่างมากที่จะรักษามันเอาไว้ให้คนรุ่นหลัง เรามักจะพยายามทิ้งเรื่องราวการใช้ชีวิตเอาไว้ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นภาพพนังถ้ำ หนังสือ หรือว่าภาพถ่าย โดยเฉพาะภาพถ่ายนั้น ว่ากันว่าเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชัดเจนที่สุดชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้ ดังนั้นในวันนี้พวกเราจะมาดู 23 ภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์ที่เปี่ยมไว้ด้วยความทรงจำของคนในสมัยนั้น ไม่แน่นะว่ามันอาจจะทำให้เรารู้สึกอยากจะทำอะไรให้เป็นประวัติศาสตร์ก็เป็นได้   ทหารเยอรมันตะวันออกช่วยเด็กชายข้ามกำแพงเบอร์ลินใหม่ เพื่อไปพบกับครอบครัวของเขา ในปี 1961   นักศึกษาพรินซ์ตันหลังจากการแข่งปาหิมะรับน้อง ในปี 1893 ถ้าไม่บอกนึกว่าต่อยกันมาเลยนะนั่น ตอนปั้นหิมะใส่ก้อนหินรึไง   Salvador Dali พาตัวกินมดของเขาไปเดินเล่นในปารีสปี 1969   เจ้าสาวสวมกระเช้าระหว่างทางไปงานแต่งงาน ที่จีน ในปี 1911   นี่เป็นวิธีที่ผู้คนใช้ในการเป่าผม เมื่อปี 1937   และนี่คือวิธียืดผมในตอนนั้น เตารีดเลยเรอะ   กองกำลังเสริมกองทัพที่เป็นผู้หญิง 15 พฤษภาคม 1942   คนที่กำลังอ่านหนังสือในห้องสมุดเก่าแก่ของ Cincinnati ซึ่งถูกทำลายในปี 1955   เด็กๆ ข้ามแม่น้ำไปโรงเรียนในอิตาลี ปี 1959 สมัยก่อนนี้ ไปเรียนยากเขาก็ดั้นด้นไปเรียนกันนะ   อุปกรณ์ที่อ้างว่าจะเพิ่มความสูงได้…

  • รวม 26 ภาพประวัติศาสตร์ในอดีต ที่ผ่านมามนุษยชาติได้เรียนรู้อะไรบ้าง จากสิ่งที่หลงเหลืออยู่

    รวม 26 ภาพประวัติศาสตร์ในอดีต ที่ผ่านมามนุษยชาติได้เรียนรู้อะไรบ้าง จากสิ่งที่หลงเหลืออยู่

    มนุษยชาตินั้นถือกำเนิดมาอย่างยาวนานบนโลกใบนี้ และยังคงสืบทอดวิถีชีวิตจากในอดีต ดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน และกำลังมีแนวโน้มที่จะต้องเปลี่ยนแปลงในอนาคตภายภาคหน้าอีกมากมาย แต่เมื่อพูดถึงประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติในอดีตที่ผ่านมา เมื่อได้เห็นภาพถ่ายของคนในยุคเก่าที่เคยพบเจอ มันจะแตกต่างจากชีวิตในยุคปัจจุบันแค่ไหน และความยากลำบากที่เคยเกิดขึ้น ได้สอนให้เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง…   กัปตัน Nieves Fernandez กำลังแสดงวิธีที่เธอใช้เชือดทหารญี่ปุ่นอย่างเงียบๆ ให้แก่ทหารอเมริกันในปี 1944   ทางหลวงแห่งความตาย ผลพวงจากกองทัพอเมริกันเลือกใช้วิธีระเบิดปูพรมใส่กองกำลังอิรักในประเทศคูเวต ปี 1991 การเดินอันแสนยาวไกล ของหน่วยเก็บกู้ระเบิดกองทัพอังกฤษ กำลังเดินตรงไปยังรถตู้ต้องสงสัยในไอร์แลนด์เหนือ ช่วงปี 1970   ทหารเยอรมันแบ่งอาหารบางส่วนให้กับคุณแม่ชาวรัสเซีย ปี 1941   สภาพของทหารชาวออสเตรเลีย หลังหลุดพ้นจากการเป็นเชลยศึกจากฝั่งญี่ปุ่นในประเทศสิงคโปร์ ปี 1945   กองกำลังทหารชนเผ่าเมารี กำลังทำพิธีฮากา (การเต้นโบราณของชนเผ่า) ในประเทศอียิปต์ ปี 1941   สภาพบ้านเมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี หลังสิ้นสุดสงคราม ปี 1945   กองกะโหลกควายไบซันสำหรับใช้เป็นปุ๋ยหมัก ปี 1870 Conrad Schumann ทหารฝั่งตะวันออกกำลังก้าวข้ามผ่านไปยังแดนตะวันตกในเบอร์ลิน…

  • เปิดประวัติศาสตร์ “ขันที” พวกเขาเป็นใครมาจากไหน ไม่ใช่แค่ต่างประเทศ ในไทยก็มี!?

    เปิดประวัติศาสตร์ “ขันที” พวกเขาเป็นใครมาจากไหน ไม่ใช่แค่ต่างประเทศ ในไทยก็มี!?

    ขันที คือชื่อเรียกที่เรานิยมใช้เรียกชายที่มีการตอนอวัยวะเพศ ซึ่งมักมีการนำไปทำงานในวังใน ว่ากันว่ามีที่มามาจากคำว่า Eunuch ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษากรีกที่ว่า Eunouchos แปลว่าผู้ดูแลรักษาเตียง   ประวัติของขันที ประวัติที่เก่าแก่ที่สุดของขันทีนั้นย้อนไปได้ในช่วงราวๆ ช่วง 2000 ปีก่อนคริสตกาลที่เมืองละกาสช์ ของชาวสุเมเรียน ในเมโสโปเตเมีย ขันทีในสมัยนั้นมีหน้าที่หลากหลายภายในราชวังตั้งแต่ข้าราชบริพาร นักร้องเสียงแหลม ผู้เชี่ยวชาญทางศาสนา ทหาร ผู้คุ้มกันเจ้าหน้าที่ ผู้พิทักษ์สตรี หรือคนรับใช้ในฮาเร็ม     ขันทีในยุคแรกๆ นั้นมักที่จะมาจากคนรับใช้หรือทาสที่ถูกนำมาตอน และออกแบบมาไม่ให้มีความสัมพันธ์กับทหาร ขุนนาง หรือแม้แต่ครอบครัวของตนเอง (อย่างน้อยๆ ก็ไม่มีทายาท) เนื่องจากสภาพร่างกายสถานะทางสังคมของพวกเขาต่ำ และสามารถหาคนมาแทนที่ได้อย่างง่ายดาย หรือถูกฆ่าได้โดยไม่มีผลกระทบมากนัก วัฒนธรรมการใช้ขันทีแตกแขนงออกไปสู่จีน เอเชียตะวันตก เอเชียใต้ เปอร์เซียโบราณ และจักรวรรดิโรมันตะวันออก และในเวลาต่อมา ออตโตมาน ซาฟาวี  และโมกุล     การที่พวกเข้ามาสู่จีนนั่นเองซึ่งทำให้ขันทีกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในปัจจุบัน และพวกเขาก็กลายเป็นชายถูกตอนที่ได้รับความไว้วางใจให้ทำงานในพื้นที่ใกล้เคียงกับเบื้องสูงได้ โดยไม่ต้องกังวลถึงความสัมพันธ์ชู้สาวมากนัก     ขันทีในไทย ดร. วินัย พงศ์ศรีเพียร ได้สันนิษฐานว่า “ขันที” น่าจะมาจากคำว่า ขณฺฑ ในภาษาสันสกฤต…

  • 6 สงครามแปลกๆ ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ นี่เราเคยรบกันแบบนี้ด้วยเหรอ?

    6 สงครามแปลกๆ ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ นี่เราเคยรบกันแบบนี้ด้วยเหรอ?

    การทำสงครามนั้นมักจะเกิดขึ้นจากเหตุผลที่ยิ่งใหญ่ และนำมาซึ่งความตายของคนจำนวนมาก จนมีคนที่พูดออกมาว่าสงครามนั้นมีแต่การสูญเสีย หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองมานั้น ประเทศต่างๆ ก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงสงครามใหญ่กันอย่างเต็มที่ เพราะไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร สงครามมันก็ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย แต่ก็ใช่ว่าสงครามจะเกิดขึ้นจากเหตุผลยิ่งใหญ่เสมอไป เพราะในโลกใบนี้ ยังมีสงครามแปลกๆ ที่เกิดจากเรื่องไม่น่าเชื่อให้เห็นอยู่เรื่อยไป ดั่งเช่นสงครามสุดแปลก ต่อไปนี้   สงครามแองโกล-แซนซิบาร์: สงครามที่สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่กินเวลาเพียง 40 นาที นี่เป็นสงครามระหว่างอังกฤษ และแซนซิบาร์ ที่เกิดขึ้นในวันที่ 27 สิงหาคม 1896 โดยมีเหตุผลมาจากความตายของ Sultan Hamad bin Thuwaini และการขึ้นครองราชย์ของ Sultan Khalid bin Barghash อย่างไรก็ตามทางอังกฤษต้องการให้ Hamud bin Muhammed ขึ้นครองราชย์ตามสนธิสัญญาในปี 1886 แน่นอนว่า Khalid ไม่ยอม และขังตัวเองกับองครักษ์บางส่วนอยู่ในพระราชวัง ส่วนทางอังกฤษตอบโต้โดยส่งเรือ 5 ลำ ทหารเรือ 150 คน และทหารอาสาแซนซิบาร์ 900 คนเข้าปิดล้อมและยิงถล่มพระราชวัง จนกระทั่ง Khalid ยอมแพ้ไปในเวลา 40 นาทีต่อมา ผลของสงครามทาง Khalid มีผู้เสียชีวิตราวๆ 500 คนส่วนอังกฤษมีผู้ได้รับบาดเจ็บ…

  • ความจริงเป็นอย่างไรกันแน่ 5 ปริศนาในประวัติศาสตร์ ที่ยังไม่สามารถไขได้จนถึงทุกวันนี้

    ความจริงเป็นอย่างไรกันแน่ 5 ปริศนาในประวัติศาสตร์ ที่ยังไม่สามารถไขได้จนถึงทุกวันนี้

    มีคนเคยพูดไว้ว่าเรื่องบางเรื่องนั้นปล่อยให้มันเป็นความลับต่อไปจะดีกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนจำนวนมากที่เชื่อในการหาคำตอบให้แก่ปริศนาที่ยังไม่มีการไขให้กระจ่าง เพราะความรู้นั้นคืออาวุธที่ดีที่สุด และคนเราจะกลัวในสิ่งที่ไม่รู้อยู่เสมอ แต่ถึงแม้ว่าจะพยายามกันมากแค่ไหน ในโลกใบนี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยปริศนาที่ยังไม่ได้รับการไขให้กระจ่างอยู่ดี เหมือนกับ 5 ปริศนาในประวัติศาสตร์ต่อไปนี้ ที่จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีใครสามารถไขได้อย่างแท้จริงเลย   Jack the Ripper เป็นชื่อที่มอบให้กับฆาตกรต่อเนื่องที่ยังไม่มีใครรู้จักตัวตนที่แท้จริง ซึ่งก่อการฆาตกรรมในกรุงลอนดอนในปี 1888 ในยุคนั้นมีผู้หญิงหลายคนถูกฆาตกรรม แต่เชื่อกันว่ามีคดีฆ่าหั่นศพผู้หญิงจำนวนห้าคดี ที่น่าจะเป็นผลงานของเขาคนนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผู้คนนับไม่ถ้วนได้ออกมาอ้างว่าสามารถหาตัวตนจริงๆ ของ Jack the Ripper ได้แล้ว เช่นหนังสือ Portrait of a Killer: Jack the Ripper-Case Closed ที่อ้างว่าเขาคือจิตรกรชาวอังกฤษที่ชื่อ Walter Sickert หรือ Jack the Ripper: The Mystery Solved ที่อ้างว่าเขาคือ Aaron Kosminski อย่างไรก็ตามยังไม่มีการออกมายืนยันที่มีหลักฐานในตัวตนของเขาแต่อย่างไร เพื่อนๆ สามารถอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมของ Jack the Ripper ได้ที่ 15 เรื่องราวเกี่ยวกับ ‘Jack The Ripper’ ที่พิสูจน์ว่าเขาคือฆาตกรที่แสนโหดเหี้ยมและลึกลับ  …

  • 15 สิ่งประดิษฐ์สุดล้ำในอดีต ที่จะช่วยยืนยันว่าอุปกรณ์แปลกๆ มันมีมาตั้งแต่โบราณแล้วววว

    15 สิ่งประดิษฐ์สุดล้ำในอดีต ที่จะช่วยยืนยันว่าอุปกรณ์แปลกๆ มันมีมาตั้งแต่โบราณแล้วววว

    การออกแบบสิ่งของหลายๆ อย่างให้ล้ำๆ มันมีทั้งข้อดีละข้อเสีย ข้อดีก็คือเราอาจจะได้ใช้ของที่ทันสมัยกว่าเก่ามากๆ แต่ข้อเสียก็คือฟังก์ชันการออกแบบที่มีบางทีมันก็เกินความจำเป็นไปหน่อย แต่ว่าการออกแบบของล้ำๆ มันไม่ได้เพิ่งมามีในยุคปัจจุบันหรอกนะ สิ่งที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมในวันนี้จะสามารถยืนยันได้ชัดเจนเลยล่ะ ว่าการออกแบบของแปลกๆ มันมีมานมนานตั้งยุคโบราณแล้ววววว ไปชมกันเลยครับ   1. ล้อรถเรืองแสง สำหรับผู้ชื่นชอบความเร็วนี่ขาดไม่ได้เลยกับล้อรถเรืองแสงที่ผลิตในปี 1961 ที่จะช่วยให้รถของคุณดูเด่นขึ้นอีกมากในเวลากลางคืน คุณจะรู้สึกเหมือนตัวเองได้เข้าไปในโลกของ Tron ที่มีการขับรถเรืองแสงแสนเฟี้ยวฟ้าว   2. รถ Buick Flamingo เจ้ารถสีชมพูเหมือนกับนกฟลามิงโกนี้เป็นรถที่มีขายในปี 1961 ด้วยฟังก์ชันสุดเจ๋งที่ทำให้คุณสามารถหมุนเก้าอี้ผู้โดยสารได้รอบทิศทาง แต่ว่าเจ้ารถคันนี้มันดันไม่มีเข็มขัดนี่สิ   3. เครื่องเป่าผม ใครจะไปรู้ว่าก่อนจะมาเป็นไดร์เป่าผมที่แสนสะดวกสบายในทุกวันนี้ ในปี 1962 หน้าตาของมันเป็นแบบนี้มาก่อน   4. Roller Skates ถ้าพูดถึง Roller Skate อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่แปลกคือหน้าตาของมันนี่แหละ เหมือนกับเอายานพาหนะอะไรสักอย่างมาสวมอยู่ในรองเท้า เอ้อ! เจ้าสิ่งนี้เป็นนวัตกรรมจากปี 1910 นะ   5. เครื่องเลียนเสียงแมว โอ้โห!! นี่แสดงทาสแมวมีมาตั้งแต่โบราณกันเลยทีเดียว… เจ้าเครื่องมือจากปี…

  • ความจริงที่บิดเบือน…เผยความโหดร้ายช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อ้างถึงหญิงเกาหลีทาสกาม

    ความจริงที่บิดเบือน…เผยความโหดร้ายช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อ้างถึงหญิงเกาหลีทาสกาม

    *เนื้อหาต่อไปนี้มีความรุนแรง อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจของท่านผู้อ่าน*   เป็นที่รู้กันดีว่าในช่วงภัยสงครามโลกนั้น ต่างฝ่ายต่างได้รับความสูญเสียอย่างมหาศาล ทั้งในเรื่องของเสถียรภาพของประเทศ การคลัง รวมไปถึงกระทบกับความเป็นอยู่ของประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้… ทางเว็บไซต์ Dailymail ได้เผยคลิปวิดีโอชิ้นหนึ่งในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2018 โดยกล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างที่ทหารจากฝ่ายประเทศญี่ปุ่น ได้ทำการจับผู้หญิงชาวเกาหลีจำนวนหนึ่งเพื่อนำไปเป็น ‘นางบำเรอ’     ผู้หญิงชาวเกาหลีเหล่านี้ถูกทหารฝ่ายญี่ปุ่นจับตัวเพื่อนำไปเป็นทาสกาม หรือเรียกในอีกแง่หนึ่งคือนางบำเรอแก่ทหารชาวญี่ปุ่น โดยสื่อเกาหลีรายงานว่าคลิปวิดีโอดังกล่าวนั้น ถูกบันทึกไว้ในวันที่ 15 กันยายน 1944 ณ หมู่บ้าน Tengchong มณฑลยูนนาน ประเทศจีน รายละเอียดของเหยื่อที่เห็นภายในคลิปวิดีโอนั้น ถูกเหล่านายทหารญี่ปุ่นทำการข่มขืนก่อนจะถูกฆ่า และให้ทหารจีนนำร่างมาเผาภายในหลุมที่ขุดเอาไว้…     คลิปวิดีโออันน่าหดหู่นี้ได้รับการเปิดเผยมาจากหน่วยงาน Seoul Metropolitan Government และองค์กร Seoul National University Human Rights ประเทศเกาหลีใต้ โดยอ้างว่าได้รับการกู้คืนมาจากหน่วยงาน National Archives and Records…

  • 10 กิจกรรมสร้างความบันเทิงจากอดีต ที่ผู้คนต่างเอ็นจอยไปกับมัน แต่แปลกสำหรับคนยุคปัจจุบัน

    10 กิจกรรมสร้างความบันเทิงจากอดีต ที่ผู้คนต่างเอ็นจอยไปกับมัน แต่แปลกสำหรับคนยุคปัจจุบัน

    ทุกวันนี้คนเรามักจะหันหน้าเข้าหาโทรทัศน์ สมาร์ทโฟน โซเชียลมีเดีย วิดีโอเกม หรือคอมพิวเตอร์ เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกเบื่อและต้องการความบันเทิงให้กับจิตใจ พร้อมกับคิดว่าเทคโนโลยีเหล่านั้นช่างเป็นสิ่งให้ความบันเทิงที่ดีเสียจริงๆ แล้วเคยสงสัยหรือไม่ว่า ก่อนหน้าที่เทคโนโลยีความบันเทิงอย่างที่กล่าวไปจะถูกสร้างขึ้น คนสมัยก่อนเขาทำอะไรเพื่อให้ได้รับความบันเทิงกันบ้าง เอาล่ะครับวันนี้ #เหมียวฝึกหัดหมายเลข21 จะพาทุกท่านไปรับชม 10 กิจกรรมเพื่อความบันเทิงของคนสมัยก่อนว่าเขาทำอะไรกันบ้าง บอกเลยว่าไม่ค่อยคำนึงถึงมนุษยธรรมซักเท่าไหร่…   1. เกมกระดาน   เกมกระดานชิ้นแรกของโลกถูกคิดค้นขึ้นตั้งแต่ยุคโบราณแล้ว เช่น เกมกระดานจากประเทศอียิปต์ที่เรียกว่า Senet เป็นเกมที่ประกอบไปด้วยกระดานและหมากเดินที่เรียกได้ว่าเก่าแก่ที่สุด กฎของเกมยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ที่ทราบแน่นอนก็คือเป็นเกมสำหรับเล่น 2 คน คล้ายกับหมากรุกสมัยปัจจุบันนี่แหละ     ตามตำนานเชี่อว่าเกม Senet ถูกสร้างขึ้นโดย Thoth เทพแห่งปัญญา ผู้ที่ท้า Khonsu เทพแห่งดวงจันทร์ให้แข่งขันกับตน เมื่อ Thoth ชนะจึงขอให้ในหนึ่งปีมีจำนวนวันเพิ่มขึ้น 5 วันเพื่อให้ Nut เทพีแห่งท้องฟ้าหลุดพ้นจากคำสาปของเทพ Ra และสามารถให้กำเนิดบุตรได้   2. การประลองนักสู้ Gladiator   พวกเราอาจจะพอรู้เรื่องราวเกี่ยวสิ่งนี้กันมาบ้างแล้ว…

  • ตำนานของชาวอารยัน ตัวตนที่แท้จริง กับการถูกลบเลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์

    ตำนานของชาวอารยัน ตัวตนที่แท้จริง กับการถูกลบเลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์

    หากพูดถึงชาว “อารยัน” แล้วล่ะก็ หลายท่านอาจะเคยได้ยินชื่อ แต่ก็อาจไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วชาวอารยันเป็นใครกันแน่ เพราะปัจจุบันประวัติและจุดกำเนิดของชาวอารยันนั้นถูกบิดเบือนไปมากเหลือเกิน ที่หลายคนเข้าใจก็คือ ชาวอารยันคือชนกลุ่มคนผิวขาว ผมสีอ่อน ตาสีฟ้า และเป็นชนที่อยู่บนวรรณะสูงของอินเดีย ความเชื่อนี้คาดว่าเป็นเพราะจักรวรรดินาซี ที่ได้แพร่ขยายความคิดนี้ออกไปเพื่อใช้เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อ     มีเพียงช่วงศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 เท่านั้นที่ชาวอารยันมีความเท่าเทียบกันกับชาวเยอรมันและชาวนอร์ดิก และก่อนหน้าที่ความเข้าใจเกียวกับชาวอารยันจะถูกบิดเบือน คำว่า “อารยัน” ถูกกล่าวถึงว่าเป็นภาษาโบราณที่ได้เผยแพร่ออกสู่แผ่นดินย่อยของอินเดีย     อารยันที่แท้จริง   แรกเริ่มเดิมทีชาวอารยันเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีชีวิตอยู่ใน อิหร่าน ช่วงก่อนประวัติศาสตร์ และน่าจะอพยพเข้ามาสู่ตอนเหนือของอินเดียช่วง 1,500 ปีก่อนคริสตกาล ชาวอินเดียในทวีปย่อยเรียกผู้ที่อพยพเข้ามาใหม่ว่า “อารยา” และคำว่า อารยัน หรือ “Aryan” นั้นไปคล้ายกับภาษาเปอร์เซีย “ērān” ที่หมายถึงประเทศอิหร่านอีกด้วย ก่อนชาวอารยันอพยพเข้ามา อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุนั้นรุ่งเรืองมากในประเทศอินเดีย มีศาสนาเกิดขึ้นตั้งแต่ 5,500 ปีก่อนคริสตกาล มีการทำการเกษตรตั้งแต่ 4,000 ปีก่อนคริสตกาล และมีสังคมเมืองตั้งแต่ 2,500 ปีก่อนคริสตกาล และมีช่วงเวลาที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล…

  • 12 เรื่องราวในอดีต ที่ทำให้เรารู้สึกโชคดีเหลือเกิน ที่ได้เกิดมาอยู่ในยุคศตวรรษที่ 21

    12 เรื่องราวในอดีต ที่ทำให้เรารู้สึกโชคดีเหลือเกิน ที่ได้เกิดมาอยู่ในยุคศตวรรษที่ 21

    ในปัจจุบันโลกของเรามีความเปลี่ยนแปลงทางด้านวัฒนธรรมและเทคโนโลยีมาก ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเรานั้นดูง่ายไปเสียหมด จะทำอะไรก็สะดวกสบายและรวดเร็ว ถ้าหากเราลองมองย้อนกลับไปล่ะก็ จะเห็นว่าชีวิตของผู้คนในอดีตลำบากกว่าเรามากนัก วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูว่าถ้าเราเกิดมาอยู่ในยุคก่อนหน้านี้ชีวิตความเป็นอยู่มันจะพึลึกพิลั่นและเหนื่อยยากขนาดไหน   1. การย้อมสีผม   ไม่ว่าคนเราจะเกิดมาในยุคไหนก็รักสวยรักงามด้วยกันทั้งนั้น แต่ในสมัยก่อนไม่มียาย้อมผมที่ใช้ง่ายเหมือนตอนนี้ ใครที่อยากจะย้อมสีผมต้องใช้ของที่มีอยู่ตามธรรมชาติอย่างเช่นหัวหอม อบเชย และขี้เถ้ามานวดผมเป็นประจำให้มันเปลี่ยนสี นอกจากนี้ก็ยังต้องไปนั่งให้ผมโดนแดดจะได้มีผมที่มันวาวดูดี แต่ในทางกลับกันการลองย้อมผมแบบทำกันเองย่อมทำให้ได้สีผมที่ไม่แน่นอน แถมเสี่ยงทำให้ผมเสียด้วย   2. เกิดเป็นชนชั้นสูงต้องเท้าเล็ก   เกิดคุณบังเอิญได้เกิดมาเป็นหญิงชั้นสูงในประเทศจีนสมัยก่อน คนในครอบครัวจะบังคับให้คุณรัดเท้าตั้งแต่เด็กจะได้ใส่รองเท้าอันเล็กๆ ได้ พวกเขาเชื่อว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของผู้สูงศักดิ์ ถ้าใครมีขนาดเท้าปกติแปลว่าเป็นคนชนชั้นทั่วไป แต่การจะได้เท้าแบบนี้มาหญิงสาวต้องทนทุกข์ทรมานทุกวันตั้งแต่ยังอายุน้อย แถมเท้าเล็กแบบนี้ยังทำให้เดินยากอีกด้วย ดีนะที่สมัยนี้ไม่มีใครทำแบบนี้แล้ว   3. เขียนจดหมายร้องเรียน   ในอดีตก็มีการเขียนจดหมายร้องเรียนเช่นกัน ทว่าในยุคนั้นยังไม่มีกระดาษและปากกาให้ใช้ คนในอดีตจึงต้องใช้วิธีการสลักอักษรลงไปบนแผ่นหินเพื่อเขียนจดหมายแทน แน่นอนว่ากว่าจะเขียนจดหมายได้ฉบับหนึ่งกินเวลานานมากเลย ลำบ๊ากลำบาก   4. รักษาโรคด้วยเวทมนตร์และอุจจาระ   ย้อนกลับไปเมื่อ 1500 ปีก่อนคริสตกาล ประเทศอินเดียยังมีความเชื่อในการรักษาโรคด้วยเวทมนตร์อยู่เลย และพวกเขายังใช้อุจจาระมาผสมเป็นยาให้คนป่วยกินด้วย เพราะพวกเขาเชื่อว่าอุจจาระสามารถขับไล่วิญญาณร้ายซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุของอาการป่วยได้นั่นเอง แค่ได้ฟังก็รู้สึกดีใจแล้วที่สมัยนี้มีหมอมาวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้องตามหลักการ แล้วยังมียารักษาทั้งแบบกินแบบฉีดด้วย ไม่ต้องมานั่งกินอุจจาระกันอีกต่อไป   5. รักษาโรคด้วยยาที่ทำจากมนุษย์…

  • 15 เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ กับการมีประจำเดือนและความขมขื่น ที่ผู้หญิงในอดีตยากจะหลีกเลี่ยง

    15 เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ กับการมีประจำเดือนและความขมขื่น ที่ผู้หญิงในอดีตยากจะหลีกเลี่ยง

    ในอดีตกาล วิทยาศาสตร์หรือความรอบรู้ยังไม่เจริญก้าวหน้าเท่ากับปัจจุบัน จึงทำให้เกิดความเชื่อหลายๆ อย่างที่ผิดไปจากความเป็นจริง อย่างเช่นความเชื่อในเรื่องประจำเดือนของผู้หญิง ช่วงก่อนศตวรรษที่ 19 แพทย์ในยุคนั้นเชื่อว่าผู้หญิงหลั่งเลือดออกมาเพื่อระบายความร้อน อารมณ์และความรู้สึกที่ผิดปกติ ซึ่งมันผิดไปจากความเป็นจริงที่เกี่ยวข้องกับการตกไข่ แต่คนในยุคนั้นไม่เคยรับรู้ถึงเรื่องนี้มาก่อน นอกจากความเชื่อแบบนี้แล้ว ยังมีความเชื่อหรือตำนานแปลกๆ อีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของประจำเดือน เราลองไปรับรู้พร้อมๆ กันเลยยย   1. ชาวโรมันโบราณเชื่อว่าผู้หญิงที่มีประจำเดือนคือแม่มดมนต์ดำ นักปรัชญาชาวโรมัน Pliny The Elder บอกว่าผู้หญิงที่มีประจำเดือนจะสามารถบังคับพายุฝนฟ้าคะนอง ลมบ้าหมู ฟ้าผ่า และความแห้งแล้งอุดมสมบูรณ์ได้ รวมถึงเวทมนตร์ที่ใช้ป้องกันตัวอย่างการฆ่าสัตว์ที่จะเข้ามาทำร้ายเพื่อแค่การมอง เลือดเมนส์ที่ไหลออกมาก็ยังเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดหมาบ้าขึ้นมาอีกต่างหาก   2. ชาวอียิปต์โบราณนำกระดาษพาไพรัสแบบอ่อนมาใช้เป็นผ้าอนามัยแบบสอด ชาวอียิปต์ใช้กระดาษดังกล่าวพันรอบๆ แท่งไม้เพื่อใช้เป็นผ้าอนามัยแบบสอดและช่วยในเรื่องของการคุมกำเนิด ในขณะที่ชาวโรมันใช้ขนสัตว์ในการทำผ้าอนามัยแบบเดียวกัน   3. ชาวยุโรปในยุคกลางจะเผาคางคกเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนดียิ่งขึ้น นักประวัติศาสตร์ Amy License บอกถึงวิธีการที่ง่ายมากๆ เพียงแค่จับคางคกมาเผาในหม้อ แล้วนำขี้เถ้าของมันไปใส่ถุงเอาไว้ โดยพกพาถุงที่ใส่ขี้เถ้านั้นให้มันอยู่ใกล้ๆ กับช่องคลอด เท่านี้เลือดลมก็ไหลเวียนดีขึ้นแล้ว   4. ชาวฝรั่งเศสเชื่อว่าการมีเพศสัมพันธ์ตอนที่เมนส์มาจะทำให้มีสัตว์ประหลาดคลอดออกมา ตามข้อมูลจาก The Curse: A Cultural…

  • 8 เรื่องจริงอันน่าประหลาดเกี่ยวกับ ‘ผู้หญิง’ ในประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยได้ยินในห้องเรียนมาก่อน

    8 เรื่องจริงอันน่าประหลาดเกี่ยวกับ ‘ผู้หญิง’ ในประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยได้ยินในห้องเรียนมาก่อน

    ในตำราประวัติศาสตร์โลกที่พวกเราเคยร่ำเรียนกันในโรงเรียนนนั้น นอกจากจะพูดถึงการค้าในเส้นทางสายไหม การปฏิวัติอุสาหกรรม และมนุษย์ยุดหินแล้ว เรื่องราวและชื่อของเหล่าสตรีในประวัติศาสตร์ก็อาจจะเคยผ่านหูเพื่อนๆ กันมาบ้างแน่ๆ แต่ทว่าในตำราที่เราเคยท่องจำกันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อคะแนนมิดเทอมหรือคะแนนสอบไฟนอลนั้น อาจจะไม่เคยพูดถึง 8 เรื่องจริงอันน่าประหลาดเกี่ยวกับ ‘ผู้หญิง’ ในประวัติศาสตร์ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้อย่างแน่นอน!!     1. ในยุคโบราณนั้นผู้หญิงมีสิทธิ์ในราชบัลลังก์เท่าเทียมกับผู้ชาย การเมืองการปกครองของอียิปต์โบราณนั้นถือได้ว่ามีความเป็นประชาธิปไตยมากกว่าอาณาจักรโบราณอื่นๆ เพราะไม่ว่าผู้สืบราชสมบัตินั้นจะเป็นเพศใดก็ตาม พวกเขามีสิทธิ์ที่จะสืบราชบัลลังก์อย่างเท่าเทียมกัน   2. พวกเธอมีสิทธิในการหย่าร้าง ในสมัยกรีกโบราณ สิทธิของสตรีนั้นค่อนข้างที่จะจำกัดแต่อย่างไรก็ตามพวกเธอยังมีสิทธิที่จะสามารถขอหย่าได้ ซึ่งพวกเธอจะต้องหาชายอีกคนเพื่อมายืนยันการหย่าของเธอ ส่วนถ้าหากฝ่ายชายอยากหย่าน่ะหรือ?? ก็แค่โยนพวกเธอออกนอกบ้านเท่านั้นเอง   3. ผู้หญิงในยุคโบราณสามารถมีตำแหน่งที่สำคัญทางศาสนาได้ ย้อนกลับไปที่สมัยอียิปต์โบราณอีกครั้ง ในขณะที่ปัจจุบันเราอาจจะเห็นผู้หญิงนั้นเป็นเพียงแค่นักบวชในศาสนาเท่านั้น แต่ในสมัยอียิปต์พวกเขามีตำแหน่ง God’s Wife Amun ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตำแหน่งทางศาสนาที่สูงสุดอีกตำแหน่งหนึ่งในลัทธินับถือเทพ AMUN เลยทีเดียว   4. และการศึกษาของพวกเธอนั้นก็ไม่ใช่ธรรมดาเลยนะ!! ระดับการศึกษาของผู้หญิงในโรมยุคโบราณนั้นถือเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก ซึ่งโดยส่วนมากแล้วพวกเธอมักจะได้ร่ำเรียนเพียงแค่การอ่านเขียนธรรมดาเท่านั้น แต่บางครอบครัวกลับไม่เห็นด้วยและพยายามที่จะมอบการศึกษาที่สูงๆ ให้กับลูกสาวพวกเขา   5. ถึงแม้จะเป็นสาวยุคโบราณ แต่เราก็มีชุดบิกินีใส่เหมือนกันนะ แน่นอนว่าถ้าหากพูดถึงบิกินี่ล่ะก็ หลายๆ คนอาจจะนึกถึงสาวๆ จากซีกโลกตะวันตกใช่ไหมล่ะ แต่เชื่อหรือไม่จริงๆ แล้วชุดชั้นในแบบบิกินี่นั้นมีต้นกำเนิดมาจากหญิงสาวชาวโรมในยุคโบราณต่างหาก ถึงแม้ว่าในสมัยนั้นมันอาจจะไม่ได้เรียกว่าชุดบิกินี่ แต่สิ่งที่พวกเธอสวมใส่นั้นก็มีลักษณะคล้ายๆ กัน  …

  • ภาพแปลกๆ สมัยสงครามโลก ที่นำมาลงสีใหม่แสดงให้เห็นถึงความพยายามของทหารในสมัยนั้น

    ภาพแปลกๆ สมัยสงครามโลก ที่นำมาลงสีใหม่แสดงให้เห็นถึงความพยายามของทหารในสมัยนั้น

    ตามประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกไว้บนโลกนี้กล่าวเอาไว้ว่า โลกของเราเคยมีสงครามใหญ่ๆ เกิดขึ้นระหว่างประเทศหรือเรียกว่า ‘สงครามโลก’ เกิดขึ้นมาแล้วถึง 2 ครั้งซึ่งก็ได้สร้างความสูญเสียอย่างประเมินค่าไม่ได้ให้แก่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก และนี่คือภาพสมัยสงครามโลกทั้ง 2 ครั้งที่หาดูได้ยาก โดยแต่ละภาพจะแสดงให้เห็นถึงวิธีการต่างๆ ในสมัยสงครามตั้งแต่การเริ่มหัดพรางตัวโดยพรางเป็นม้าลาย หรือแม้กระทั่งการนำปืนกลไปตั้งไว้บนหลังช้าง รวมถึงยังมีภาพแปลกๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นระหว่างที่มีสงคราม ซึ่งถือได้ว่าพวกเขาเหล่านี้เป็นต้นแบบของวิทยาการสงครามในสมัยใหม่เลยก็ว่าได้ โดยแต่เดิมนั้นภาพเหล่านี้เป็นเพียงแค่ภาพขาวดำ แต่เมื่อเร็วๆ มานี้ได้รับการนำมาลงสีใหม่โดยเด็กหนุ่มชาวสเปนวัย 17 ปีืชื่อว่า Joel Bellviure  ภาพที่เขาได้เนรมิตขึ้นมาใหม่นี้ทำให้เราได้เห็นถึงรายละเอียดต่างๆ ได้มากขึ้นรวมถึงยังสามารถสื่ออารมณ์ในสมัยสงครามโลกได้ดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะมีอะไรแปลกๆ บ้างนั้น เรามาดูพร้อมกันเลยดีกว่า   ภาพของทหารคนหนึ่ง ขณะทดสอบชุดพรางตัวสีขาวดำที่มีชื่อเรียกว่า ‘razzle dazzle’ ที่จะให้ทหารใช้สำหรับพรางตัวขณะปีนต้นไม้ ซึ่งภาพนี้ถูกถ่ายขึ้นในวันที่ 14 พฤศจิกายน 1917   ภาพของนาวิกโยธินสหรัฐฯ ขณะกำลังนั่งอยู่บนหลังช้างพร้อมกับปืนกล Colt M1895 ซึ่งภาพแปลกๆ นี้สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดขึ้นในปี 1914-1918   ภาพของทหารอเมริกันขณะสวมชุดเกราะ ‘Brewster Body Shield’ ซึ่งมีทั้งส่วนที่ปกคลุมส่วนตัวและส่วนหัว ซึ่งนี่เป็นชุดเกาะของประเทศสหรัฐอเมริกาชิ้นแรกที่พัฒนาขึ้น ให้กองกำลังสหรัฐใช้ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1   ร้อยโท…

  • ประวัติศาสตร์ชุด ‘กิโมโน’ อันเป็นเอกลักษณ์ และการเปลี่ยนแปลงตามไปกาลเวลาสมัยนิยม

    ประวัติศาสตร์ชุด ‘กิโมโน’ อันเป็นเอกลักษณ์ และการเปลี่ยนแปลงตามไปกาลเวลาสมัยนิยม

    เมื่อพูดถึงวัฒนธรรมของญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์มากที่สุด กิโมโนก็คงจะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้คนทั่วโลกสามารถจดจำได้ และเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นญี่ปุ่นได้อย่างดี แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักกิโมโนโดยเนื้อแท้ ที่ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอก เพราะเครื่องแต่งกายประจำชาติแบบนี้มักซ่อนความหมายและความสวยงามไว้อย่างลับๆ ถ้าเพื่อนๆ อยากเข้าถึงประวัติศาสตร์ของชุดกิโมโนมากขึ้น ก็ต้องลองไปอ่านบทความนี้กันดูแล้วล่ะ หากเรามองวิวัฒนาการอันโดดเด่นของชุดกิโมโนตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 จนถึงปัจจุบัน กิโมโนก็มีความเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละยุคสมัย ซึ่งถ้าหากเราอยากลงลึกไปถึงราก ก็คงต้องไปขุดประวัติความเป็นมากันซะแล้วล่ะ     Kimono คืออะไร? Kimono มาจากคำว่า Ki (ที่แปลว่าใส่) และ Mono (สิ่งของ) กิโมโนจึงเป็นเครื่องแต่งกายแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม โดยมักจะเย็บด้วยมือ ซึ่งจะมีรูปแบบผ้าเป็นรูปตัว T จำนวน 4 ชิ้น ที่เรียกว่า Tans และผูกเอวด้วยผ้าที่เรียกว่า Obi การแสดงความหมาย นอกจากความงามที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ชุดกิโมโนยังมีความหมายและสัญลักษณ์ในตัวของมันอีกด้วย ทั้งสไตล์ สี และวัสดุที่ใช้ เพื่อแสดงถึงอัตลักษณ์ของผู้สวมใส่     สไตล์ ชุดกิโมโนแบบดั้งเดิมมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละแบบนั้นจะถูกกำหนดให้สวมใส่ตามสถานภาพและช่วงเวลา เช่นผู้หญิงที่ยังไม่ได้สมรสก็จะสวมกิโมโนแบบ Furisode ในขณะที่เจ้าของร้านค้าผู้ชาย จะสวมชุดที่มีเสื้อ Happi ทับ เมื่อมีงานเทศกาลที่จัดอย่างเป็นทางการ…

  • มิตรภาพในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อนักบินเยอรมันปล่อยอีกฝ่ายให้มีชีวิตรอด และบินคุ้มกันไปส่งให้ถึงที่

    มิตรภาพในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อนักบินเยอรมันปล่อยอีกฝ่ายให้มีชีวิตรอด และบินคุ้มกันไปส่งให้ถึงที่

    ย้อนกลับไปเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ทั่วทุกมุมโลกต่างก็ทำการสู้รบกันเพื่อคว้าชัยชนะมาให้กับประเทศตนเอง หากเจอเครื่องบินรบหรือเรือรบของศัตรู ก็เป็นอันต้องทำลายให้สิ้นซากเป็นธรรมดา ศัตรูจะได้ไม่แว้งมาทำร้ายเราในภายหลัง แต่ทหารชาวเยอรมันคนหนึ่งไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย เขาไม่ต้องการฆ่าใครโดยที่ไม่ได้จำเป็น จึงเกิดเป็นเรื่องราวปาฏิหาริย์แห่งมิตรภาพระหว่างทหารเยอรมันและทหารอเมริกา     ในปี 1943 นายทหาร Charlie Brown แห่งกองทัพสหรัฐอเมริกาได้ขับเครื่องบิน B-17 ไปในน่านฟ้าของประเทศเยอรมัน เพื่อสู้รบกัน แต่เครื่องบินของเขาถูกยิงเสียจนสภาพร่อแร ลูกเรือกว่าครึ่งหนึ่งได้รับบาดเจ็บหนัก และเครื่องยนต์บางส่วนก็เสียหายอีกด้วย ในขณะที่เขาพยายามประคองเครื่องบินกลับไปยังประเทศอังกฤษนั้น เขาและนักบินคนอื่นๆ ก็สังเกตเห็นว่าเครื่องบินรบ ME-109 ของเยอรมัน บินเข้ามาใกล้เครื่องของเขามากแล้ว ทุกคนในเครื่องจึงทำใจไว้แล้วว่าโดนยิงเครื่องตกแน่นอน ทว่านักบินเยอรมัน Franz Stigler กลับทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน เขาไม่ได้ยิงเครื่องบิน B-17 แต่อย่างใด นักบินเยอรมันกลับทำความเคารพให้พวกเขาเห็น แล้วบินคุ้มกันพวกเขาไปส่งจนสุดเขตน่านฟ้าเยอรมัน   Charlie Brown   Brown พาเครื่องบินกลับมาถึงฐานที่ประเทศอังกฤษได้อย่างปาฏิหาริย์ แม้ว่าเครื่องยนต์ 2 ใน 4 ของเครื่องบินจะพังไปแล้ว และน้ำมันก็แทบจะไม่เหลืออยู่เลยก็ตาม หลังจากจบสงครามแล้ว เขาก็ออกไปใช้ชีวิตข้างนอกตามปกติ เขาพบรักและได้แต่งงาน มีลูกสาวสองคน จากนั้นเมื่อเขาถึงวัยเกษียณแล้ว เขาก็ย้ายไปอยู่ที่รัฐฟลอริด้า…

  • ภาพถ่ายสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกนำมาเติมสีสัน สร้างความรู้สึกสะเทือนใจยิ่งกว่าเดิม…

    ภาพถ่ายสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกนำมาเติมสีสัน สร้างความรู้สึกสะเทือนใจยิ่งกว่าเดิม…

    สงรามโลกครั้งที่ 2 เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในมหาสงครามที่มีความสูญเสียมากที่สุดครั้งหนึ่งในโลก การสู้รบของฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายอักษะที่กินเวลานานกว่า 6 ปี ที่ถูกบันทึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ เปรียบเสมือนบทเรียนราคาแพงที่คอยเตือนพวกเราเกี่ยวกับหายนะจากความรุนแรงเหล่านั้น และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเผยแพร่ภาพในช่วงของสงครามดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิด B-17 ที่บินอยู่เหนือเมือง Marienburg ประเทศเยอรมนีในปี 1943 หรือภาพเครื่องบิน B-25s ที่กำลังบินปฏิบัติภารกิจเหนือภูเขาไฟวิสุเวียสในประเทศอิตาลี   การประทุของภูเขาไฟวิสุเวียส ประเทศอิตาลี  เมื่อปี 1944 ระหว่างที่เครื่องบินของผ่ายสัมพัธมิตรกำลังปฏิบัติภารกิจ   ภาพของเครื่องบินทิ้งระเบิด B-17 ที่บินอยู่เหนือเมือง Marienburg ประเทศเยอรมนีในปี 1943   นอกจากภาพของเครื่องบินรบแล้ว ยังมีภาพทางประวัติศาสตร์อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นภาพของเหล่าทหารจากหน่วย SS-Grenadiers ที่ในสนามรบที่ฮังการีเมื่อปี 1945 ภาพฟุตเทจการยกพลขึ้นบกที่ฝรั่งเศสในวันดีเดย์ รวมถึงภาพวันสุดท้ายของจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซียที่ถูกประหารเมื่ปี 1916 อีกด้วย ซึ่งภาพถ่ายและฟุตเทจประวัติศาสตร์เหล่านี้ถูกนำมาบูรณะและเติมสีสันใหม่โดยช่างภาพชาวออสเตรียวัย 53 ปี คุณ Mario Unger   ภาพบางส่วนจากฟุตเทจที่เผยให้เห็นการยกพลขึ้นบกที่นอร์ม็องดี ประเทศฝรั่งเศส ของฝ่ายสัมพันธมิตร   เครื่องบินทิ้งระเบิด Bristol Beaufighter จากกองพันธ์ที่ 227 ที่กำลังโจมตีเรือรบของฝ่ายเยอรมันในทะเล Aegean ใกล้กับเกาะคอส ประเทศกรีซ เมื่อเดือนตุลาคมปี 1943   ภายในภาพฟุตเทจยังได้เผยให้เห็นการกวาดต้อนทหารเยอรมันกว่า 16,000-18,000 นาย ไปที่ชายหาดหลังจากที่ฝ่ายสัมพันธมิตรได้เข้ายึดพื้นที่ใกล้ๆ กับเมือง Cherbourg ประเทศฝรั่งเศสได่สำเร็จ…

  • อย่างสวย!! ชุบชีวิตภาพช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เพื่อเฉลิมฉลองการยุติสงครามครบ 99 ปี

    อย่างสวย!! ชุบชีวิตภาพช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เพื่อเฉลิมฉลองการยุติสงครามครบ 99 ปี

    การประกาศยุติสงครามเหมือนจะเป็นเรื่องที่ชาติต่างๆ ในโลกต่างพากันยินดี เพราะว่าในยุคสงครามนั้นผู้ชายส่วนใหญ่จะถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารสำหรับการสู้รบและนั่นทำให้พวกเขาต้องพลัดพรากจากครอบครัวของพวกเขาไป ด้วยโอกาสอันดีที่สงครามนี้ได้ยุติลงในวันที่ 11 พฤศจิกายนซึ่งในปีนี้ได้ครบรอบ 99 ปี Royston Leonard ชาวอังกฤษวัย 55 ปี จึงได้นำรูปถ่ายต่างๆ ที่เคยเป็นเป็นรูปขาวดำมาชุบชีวิตใหม่ให้เกิดเป็นภาพสีขึ้นเพื่อให้เห็นอิริยาบถต่างๆ ของเหล่าทหารได้ชัดเจนขึ้น โดยในสงครามโลกครั้งที่ 1 นี้มีทหารชาวอังกฤษเสียชีวิตลงถึง 700,000 นาย ท่ามกลางการต่อสู้ระหว่างทหารกว่า 6 ล้านนายในสนามรบซึ่งนับว่าเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของโลกตลอดกาลเลยทีเดียว   เหล่าทหารโศกเศร้าที่เขาต้องเสียเพื่อนร่วมรบไป   เราจะระลึกถึงพวกเขา: กษัตริย์จอร์จที่วางพวงมาลาบนโลงศพของทหารกล้าในวันที่ 11 พฤศจิกายน 1920   ความรื่นเริงหลังจากประกาศยุติสงคราม ภาพนี้ถ่ายที่ฟิลาเดลเฟียวันที่ 11 พฤศจิกายน 1918   ภาพแม่ชีวางพวงมาลาบนหลุมศพของทหารกล้าที่เสียชีวิตลงไป   กลุ่มทหารสก็อตแลนด์กำลังมีความสุขที่จะได้ขึ้นรถกลับบ้านกัน   กลุ่มทหารโพสต์ท่าให้ถ่ายรูปขณะกำลังดีใจที่สงครามยุติสักที   ร่องรอยการทำลาย: หลุมระเบิดในเมืองแห่งหนึ่งที่ทำลายอาคารหายไปเลย   คู่รักสูงวัยทักทายกับกองทหารราบที่ 308   ทหารเยอรมันนั่งอยู่บนรถถังคันหนึ่ง   กองกำลังสก็อตเดินขบวนไปพร้อมกับปืนไรเฟิลเดินผ่านกองหญ้าระหว่างรบคลองดูนอร์ด ปี 1918  …

  • 19 ภาพประวัติศาสตร์แห่ง “โตเกียว” ก่อนจะกลายมาเป็นเมืองหลวงแห่งประเทศญี่ปุ่น

    19 ภาพประวัติศาสตร์แห่ง “โตเกียว” ก่อนจะกลายมาเป็นเมืองหลวงแห่งประเทศญี่ปุ่น

    กว่าที่ ‘โตเกียว’ จะถูกพัฒนาให้กลายเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก น้อยคนนักที่จะรู้ถึงที่มาที่ไปของเมืองหลวงแห่งนี้ ด้วยเหตุนี้เองเราจึงอยากจะพาไปชม 19 ภาพพร้อมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับ ‘โตเกียว’ ก่อนที่จะกลายมาเป็นเมืองหลวงแห่งประเทศญี่ปุ่น…   พื้นที่ทั้งหมดของโตเกียว ในช่วงศตวรรษที่ 12 จะถูกเรียกว่า ‘เอโดะ’ ภายใต้การปกครองของตระกูลเอโดะ   เดิมที ‘เอโดะ’ เป็นหมู่บ้านคนหาปลาขนาดเล็ก จนถึงปี 1630s จำนวนประชากรก็เพิ่มมากขึ้นเป็น 150,000 คน   จากศตวรรษสู่ศตวรรษ… ปี 1721 มีการบันทึกว่าหมู่บ้านหาปลาขนาดเล็กแห่งนี้ ได้พัฒนาเป็นมหานครแห่งหนึ่งที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลกในช่วงนั้น   ต่อมาช่วงศตวรรษที่ 18 เมืองเอโดะ ได้กลายเป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ชาวเมืองอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข   ในปี 1853 ก็ได้เกิดการประท้วงและความขัดแย้งเล็กๆ ขึ้น เมื่อพลเรือชาวอเมริกัน Matthew C. Perry ได้เข้ามาเทียบท่าบนดินแดนอาทิตย์อุทัยเป็นครั้งแรก การเข้ามาเจรจาเพื่อเปิดท่าเรือการค้ากับรัฐบาลญี่ปุ่น ทำให้เกิดปัญหาค่าเงินเฟ้อมากขึ้นในยุคนั้น และสิ่งที่ตามมาก็คือการลุกฮือขึ้นมาประท้วงของประชาชน   โตกุงาวะ โยชิโนบุ คือโชกุนคนสุดท้ายของญี่ปุ่น…

  • รวมภาพสงครามโลกครั้งที่ 2 จากภาพขาวดำนำมาลงสีใหม่ ทำให้เห็นภาพแล้วได้อรรถรสมากขึ้น!!

    รวมภาพสงครามโลกครั้งที่ 2 จากภาพขาวดำนำมาลงสีใหม่ ทำให้เห็นภาพแล้วได้อรรถรสมากขึ้น!!

    ภาพถ่ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  เป็นสิ่งที่หาดูได้ยากเพราะว่าระหว่างการสู้รบแต่ละคนก็ต้องพยายามเอาชีวิตของตัวเองให้รอด และนอกจากนั้นในสมัยนั้นยังมีแค่เพียงรูปถ่ายขาวดำเพียงอย่างเดียว แต่ว่าวันนี้มีผู้นำภาพดังกล่าวมาทำให้เป็นภาพสี เขามีชื่อว่า Royston Leonard อายุ 55 ปี จากประเทศเวลส์ เพราะเขาเชื่อว่าภาพที่เป็นสีจะให้ความถูกต้องในการแสดงภาพได้มากกว่า และทำให้เห็นรายละเอียดของทหารอเมริกันระหว่างสงครามว่ามีความลำบากขนาดไหน ซึ่งภาพเหล่านั้นจะแสดงให้เห็นถึงความเป็นสงครามอย่างไร เชิญชมได้เลย   ภาพขณะนาวิกโยธินชื่อ J. Paget ยิงถล่มเหล่า พลซุ่มยิงของญี่ปุ่นในปี 1944   ทหาารสหรัฐพยายามที่จะนำรถบรรจุปืนใหญ่ฝ่าพื้นดินในป่าที่สัญจรได้ยาก และในภาพคือทหารกองพันที่ 3 กำลังติดตั้งปืนใหญ่ในหมู่เกาะโซโลมอน   กับระเบิดของญี่ปุ่นได้ทำลายแนวหน้าของสหรัฐ ที่ปาปัวนิวกินี ในระหว่างปี 1942-1943   หลังจากญี่ปุ่นเข้าโจมตี Pearl Harbor อย่างไม่คาดคิดในปี 1941 ทำให้อเมริกาเข้าร่วมสงคราม และในภาพคือกองเรือที่ส่งเข้าไปปกป้องเกาะ Peleliu ในเดือน กันยายน ปี 1944   ภาพนาวิกโยธินสหรัฐเริ่มยิงปืนครกที่เกาะ Solomon   รถถังรุ่น M4 Cherman ของกองพันที่ 763 และกองกำลังภาคพื้นกำลังรบที่เกาะโอกินาว่า ในเดือนเมษายนปี 1945  …

  • 21 ภาพประวัติศาสตร์ไม่มีในห้องเรียน ที่ทำให้เห็นว่าโลกของเรา เคยผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาด้วย!?

    21 ภาพประวัติศาสตร์ไม่มีในห้องเรียน ที่ทำให้เห็นว่าโลกของเรา เคยผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาด้วย!?

    โลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวัน เทคโนโลยีใหม่ๆ ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ โดยนำปัญหาที่เกิดขึ้นมาหาวิธีแก้ไข เพื่อให้มนุษย์ได้ใช้ชีวิตแบบสะดวกสบาย ซึ่งกว่าที่มนุษย์โลกจะมาอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าก็ต้องผ่านยุคสมัยต่างๆ มาหลายยุคทั้งยุคแห่งประวัติศาสตร์ ยุคแห่งการคิดค้นและพัฒนามานานพอสมควร เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตก็สามารถนำมาเป็นบทเรียนให้กับมนุษย์ยุคปัจจุบันได้อย่างดีเยี่ยม มาดูกันดีกว่าว่ามนุษย์ในอดีตนั้นเขาต้องประสบพบเจออะไรกันบ้าง แต่ละเรื่องนั้นอาจจะดูแปลกๆ แต่มันก็สามารถทำให้มนุษย์ในยุคปัจจุบันอยู่ได้อย่างสบาย   ผู้กำกับภาพยนตร์ในตำนาน Alfred Hitchock เข้าร่วมดื่มน้ำชากับสิงโตที่ Metro Goldwyn Mayer Studio   ในปี 1942 ผู้หญิงนิยมเพ้นท์ขาให้ดูเหมือนว่าสวมถุงน่อง   ตำรวจตระเวนชายแดน ยื้อแย่งฉุดลากผู้ลี้ภัยที่พยายามที่จะข้ามฝั่ง บริเวณชายแดนสหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก โดยไม่มีข้อมูลยืนยันว่าทำไมทั้งสองฝ่ายจึงต้องเกิดการฉุดแย่งแบบนี้ มีการคาดว่าทั้งสองต่างต้องการผู้หลบหนีเพื่อใช้ในการดำเนินคดีของฝั่งตน   นักบินฝึกหัด George Aird ดีดตัวเองออกจากเครื่องบินที่สูญเสียการควบคุม   ช่วงพักกลางวันของกองถ่ายภาพยนตร์ Star Wars   ต้นแบบของโทรทัศน์แบบพกพาที่ถูกคิดค้นในปี 1967   การแข่งขันการกินสปาเก็ตตี้ของผู้หญิง   รถตำรวจที่ออกแบบในปี 1920 ให้มีกันชนป้องกันคนบาดเจ็บ   โรงงานผลิตเบียร์ของอังกฤษส่งเบียร์มาให้กองทัพทหารที่กำลังต่อสู้ในนอร์มังดี เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 1944…

  • เผยประวัติศาสตร์ 2,000 ปี แห่ง “ลอนดอน” เมืองหลวงของอังกฤษ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

    เผยประวัติศาสตร์ 2,000 ปี แห่ง “ลอนดอน” เมืองหลวงของอังกฤษ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

    อังกฤษเป็นประเทศหนึ่งที่สำคัญมากที่สุดในโลก ที่ไม่ว่าใครๆ ต่างก็จับตามองถึงความเจริญรุ่งเรือง และยังเป็นที่ที่หลายๆ คนอยากจะไปเยือนสักครั้งในชีวิต เมืองหลวงของอังกฤษคือลอนดอน ซึ่งปัจจุบันมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 8.6 ล้านคน เป็นศูนย์กลางแห่งแฟชัน ดนตรี ศิลปะ ผู้คนทั่วโลกต่างก็ปรารถนาที่จะได้มาเยือนมหานครแห่งอำนาจแห่งนี้ เมื่อปี 1999 และปี 2010 ได้มีการศึกษาและรวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์ กว่าจะมาเป็นลอนดอนในปัจจุบัน เพื่อให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ศึกษาความเป็นมา   จุดเริ่มต้นของลอนดอนพบว่าเริ่มมีการตั้งถิ่นฐานใกล้กับแม่น้ำเทมส์ในช่วง 4500 ปีก่อนคริสตกาล โดยเป็นยุคของการทำเกษตรและยุคสำริด   ปีค.ศ. 43 ชาวโรมันก่อตั้งชุมชนที่เรียกตัวเองว่า Londinium ซึ่งในปัจจุบันกลายมาเป็นลอนดอน และในปีค.ศ. 200 ก็ได้สร้างสะพานแห่งแรกของแม่น้ำเทมส์   ในช่วงศตวรรษที่ 7 ถึงศตวรรษที่ 11 ชาวแองโกลได้อพยพเข้ามาอาศัย โดยเริ่มมีการวางผังเมือง ประชากรเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 10,000 ถึง 12,000 คน   วิหาร Westminster ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 10 เป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดในลอนดอน วิหารแห่งนี้สร้างเสร็จสิ้นในปีค.ศ. 1066  …

  • การเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา… 17 ภาพอดีต-ปัจจุบัน ของสมรภูมิรบในสงครามโลกครั้งที่ 2

    การเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา… 17 ภาพอดีต-ปัจจุบัน ของสมรภูมิรบในสงครามโลกครั้งที่ 2

    ถ้าหากจะพูดถึงสงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้ว อีกหนึ่งในการรบที่หลายๆ คนนึกถึงคงหนีไม่พ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างแน่นอน และระหว่างการทำสงครามของฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายอักษะ ที่กินเวลายาวนานกว่า 6 ปี (ปี 1939-1945) มีหลายๆ พื้นที่ที่ถูกใช้ในการทำยุธการศึกต่างๆ ซึ่งวันนี้เองเราก็ได้รวมภาพการเปลี่ยนแปลงของสนามรบเหล่านั้นมาฝากกัน และแต่ละที่จะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนไปชมกันเลย…   1. สนามรบในยุทธการที่นครสตาลินกราด, 23 สิงหาคม 1942 ถึง 2 กุมภาพันธ์ 1943   ปัจจุบันคือเมืองวอลโกกราด เมืองอุตสาหกรรมสำคัญและเมืองหลวงของมณฑลวอลโกกราด ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศรัสเซีย   2. The Ardennes สนามรบในยุทธกาลตอกลิ่ม, 16 ธันวาคมปี 1944 ถึง 25 มกราคมปี 1945   ปัจจุบันที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอนุสรณ์ของสงคราม   3. ท่าเรือเพิร์ล หรือ เพิร์ลฮาร์เบอร์ ในฮาวาย, 7 ธันวาคมปี 1941   และนี่คือโฉมหน้าของ เพิร์ลฮาร์เบอร์…

  • 15 ภาพประวัติศาสตร์ของมนุษย์ แม้จะเอาไปจีบสาวไม่ได้ แต่อ่านเป็นความรู้ก็ดีนะ

    15 ภาพประวัติศาสตร์ของมนุษย์ แม้จะเอาไปจีบสาวไม่ได้ แต่อ่านเป็นความรู้ก็ดีนะ

    เรื่องราวในอดีตประวัติศาสตร์ที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อนมากมายบนโลกนี้ แม้ว่ามันจะดูเหมือนไม่มีความหมายอะไรกับชีวิตเราในปัจจุบัน แต่สิ่งที่ได้เห็นบางครั้งมันอาจสร้างอะไรบางอย่างให้กับเราก็ได้ ดังนั้นถ้าเราจะมารู้ให้มันมากขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรนี่จริงมั้ย? วันนี้ #เหมียวตะปู เลยนำภาพสุดหาดูได้ยากของประวัติศาสตร์ที่จะทำให้ทุกคนได้เห็นภาพในสมัยก่อนเพิ่มมากขึ้น ว่าโลกของเรามีอะไรเกิดขึ้นไปบ้างแล้ว ไปดูกันเลยว่าจะมีภาพอะไรกันบ้างและบางภาพมันดูน่าเหลือเชื่อขนาดไหน   ตอนใต้ของแคลิฟอร์เนีย ในช่วง 1920s   ในตอนต้นของช่วง 1920s บริเวณนั้นเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีความรกร้างมากที่สุด   เหยื่อจากน้ำกรด   Somayeh Mehri และลูกสาวของเธอ Rana คือผู้รอดชีวิตจากการโดนน้ำกรดสาดด้วยฝีมือของสามีที่รับไม่ได้กับการที่เธอต้องการจะหย่า เขาจึงนำน้ำกรดมาเทใส่พวกเธอขณะนอนหลับ   การเปลี่ยนแปลง   ช่างภาพจาก National Geographic ได้ไปเก็บภาพของสาวสวยผู้มีดวงตาอันสดใสเอาไว้ในค่ายอพยพชาวอัฟกานิสถานและปากีสถานตอนปี 1984 เวลาผ่านไปเขาก็ตัดสินใจกลับไปที่เดิมเพื่อตามถ่ายภาพเธออีกครั้ง   ฮิตเลอร์ในปารีส   ในปี 1941 ภายหลังการบุกโจมตีกรุงปารีสเพียงไม่นานเขาก็ได้เดินทางไปยังสถานที่แห่งนั้นและพูดว่า “นี่เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผม”   Audrey Hepburn   นางแบบสาว ดารา และผู้ที่เป็นสัญลักษณ์ในเรื่องเพศตั้งแต่ช่วง 1950s ถึง 60s เธอคนนี้ถูกเก็บภาพไว้ได้ตอนที่ซื้อของอยู่ในร้านค้ากับกวางที่เธอเลี้ยงชื่อว่า Ip ในเมืองเบเวอร์ลีฮิลส์…

  • ภาพถ่ายที่หาชมได้ยาก ของเหล่าทหารใน “ชุดเกราะเหล็ก” ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1

    ภาพถ่ายที่หาชมได้ยาก ของเหล่าทหารใน “ชุดเกราะเหล็ก” ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1

    การทำสงครามนอกจากจะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการวงแผนการรบและความสามารถของทหารแล้ว หนึ่งในตัวแปรสำคัญที่อาจจะช่วยให้คว้าชัยชนะในสงครามได้นั้นก็คืออาวุธยุทโธปกรณ์ในการรบ และวันนี้เราก็จะขอพาทุกคนย้อนไปชมหนึ่งในยุทโธปกรณ์ทางทหารในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่หาชมได้ยาก และเป็นหนึ่งในต้นแบบของชุดเกราะในสมัยนี้ นั้นก็คือชุดเกราะเหล็กของเหล่าทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 นั่นเอง เจ้าชุดเกราะเหล็กนี้ถูกออกแบบมาสำหรับทหารแนวหน้าได้สวมใส่ เพื่อป้องกันลูกกระสุนและอาวุธของฝ่ายตรงข้าม และแต่ละกองทหารนั้นก็จะมีรูปแบบของชุดเกราะที่แตกต่างกันออกไป   อย่างเช่นชุดของหน่วยจู่โจมของเยอรมันนายนี้ ที่ประกอบไปด้วยชุดเกราะและระเบิดมืออีก 2 ลูก โดยชุดเกราะนี้สามารถช่วยป้องกันกระสุนปืนกล กระสุนจากปืนไรเฟิล และอาวุธอื่นๆ ได้อีกด้วย   ชุดเกราะของนายทหารที่ทำมาจากแผ่นเหล็ก มันช่วยป้องกันช่วงหน้าอกและท้องของเขาในปี 1914   ชุดเกราะหนักของทหารอเมริกันที่ใช้ในสมรภูมิฝรั่งเศสในปี 1917   นายทหารอเมริกัน ที่กำลังลองสวมชุดเกราะของทหารฝ่ายเยอรมันในปี 1918   หมวกเหล็กต้นแบบที่ถูกคิดค้นโดยบริษัท E J Codd จากรัฐแมริแลนด์ แผงโซ่ที่ห้อยลงมานั้นจะคอยป้องกันตาของทหารจากเศษหิน ปลอกระสุน และชิ้นส่วนอื่นๆ ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1   นายทหารติดอาวุธนายหนึ่งพร้อมกับปืนไรเฟิล กำลังทักทายกับนายทหารในชุดเกราะแบบเต็มยศที่ใช้ขวานเป็นอาวุธ ภาพถ่ายเดือนตุลาคมปี 1917   นักรบชาวจอร์เจียของชนเผ่า Khevsur ในชุดเกราะแบบดั้งเดิมของพวกเขา ภาพถ่ายเดือนพฤษภาคมปี 1918   นายทหารชาวไอริชสามคน ในชุดเกราะของทหารเยอรมันที่กำลังตรวจสอบปืนกล ในสนามรบ Pilckem…

  • เปิดแฟ้มภาพเชลยศึกช่วงสงครามโลกที่ 2 จากค่ายกักกันญี่ปุ่น ที่ผ่ายผอมจนหนังติดกระดูก

    เปิดแฟ้มภาพเชลยศึกช่วงสงครามโลกที่ 2 จากค่ายกักกันญี่ปุ่น ที่ผ่ายผอมจนหนังติดกระดูก

    เราคงเคยเห็นภาพประวัติศาสตร์ในช่วงสงครามโลกที่สอง ที่เผยให้ถึงความความเสียหาย ความหดหู่ และการสูญเสียอีกนับไม่ถ้วน เช่นเดียวกับภาพที่น่าตกใจเหล่านี้ เป็นภาพของเชลยศึกชาวอังกฤษที่ผอมจนหนังติดกระดูก หลังถูกจับและกักกันในค่ายเชลยศึกของฝ่ายญี่ปุ่น ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2     หลังจากการล่มสลายของญี่ปุ่นในปี 1945 ทหารอังกฤษนับร้อยคนถูกพบอยู่ในสภาวะหิวโหย ร่างกายผอมแห้ง และถูกทำร้ายโดยกลุ่มที่จับตัวพวกเขาไป ช่างภาพได้ถ่ายภาพของเชลยศึกเหล่านี้เอาไว้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในคดีอาชญากรรมสงครามในอนาคต ซึ่งแต่ละคนนั้นดูอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด     นอกจากต้องเผชิญกับความหิวโหย และถูกบังคับใช้แรงงานจนร่างกายผอมแห้งแล้ว พวกเขายังถูกทำร้ายร่างกายด้วยวิธีต่างๆ นานา ซึ่งโหดร้ายเกินจะรับได้     เชลยคนหนึ่งถูกจับขังบนเก้าอี้ทรมานที่ค่ายญี่ปุ่น   ในค่ายญี่ปุ่น มีผู้คุมที่โหดเหี้ยมสองคนคือร้อยโท Kishio Usuki และชาวเกาหลีที่มีชื่อว่า Mad Mongrel สำหรับ Usuki นั้น คอยคุมและเฆี่ยนตีเชลยศึกที่ทำงานที่ทางรถไฟสายมรณะ ในบริเวณของประเทศพม่า นอกจากนี้เขายังได้ตัดหัวของหนึ่งในเชลยศึกชาวอังกฤษต่อหน้าคนอื่นๆ เนื่องจากพยายามหลบหนี อย่างไรก็ตามผู้คุมทั้งสองคนนี้ถูกตัดสินประหารชีวิตในภายหลัง   ร้อยโท Usuki ผู้คุมอันโหดเหี้ยม ที่รู้จักกันในชื่อ Black Prince   ส่วนนี่คือผู้คุมชาวเกาหลี มีฉายาว่า Mad Mongrel   นอกจากสองคนนี้แล้วก็ยังมีสิบเอก…

  • 20 ภาพประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกทำให้เป็นภาพสีราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

    20 ภาพประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกทำให้เป็นภาพสีราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

    ในสมัยที่ยังไม่มีกล้องถ่ายภาพสี ภาพถ่ายจะมีแค่สีขาวดำ ซึ่งบางทีภาพที่ปราศจากสีอาจสื่อความรู้สึกหรืออารมณ์ได้ไม่ชัดเจนเท่าภาพสี ด้วยเหตุนี้ Doug และศิลปินคนอื่นจาก Colourisehistory Group จึงได้นำภาพประวัติศาตร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ถูกถ่ายเป็นขาวดำมาเติมสี ราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน   1. เครื่องบิน Vc ‘Tropical’ JK707 MX-P ถูกยิงตกลงระหว่างการสู้รบ ถูกเติมสีโดย Paul Reynold   2. ทหารฟินแลนด์ในช่วงฤดูหนาวท่ามกลางหิมะที่โรงเรียนฝึกสุนัขทหารระหว่างสงคราม Finnish-Soviet Continuation War เติมสีโดย Jared Enos   3. เครื่องบิน Focke Wulf FW-190A6 Nº20 ที่สนามบิน Immola ในฟินแลนด์ ภาพสีโดย Jared Enos   4. ทหารสัญชาติจีนกำลังยืนคุ้มกันเครื่องบิน Curtiss P-40 ‘Warhawks’ ของกลุ่ม  American Volunteer Group (AVG) ภาพสีโดย Tom Thounaojam จากอินเดีย   5. ทหารกำลังทำความสะอาดรถถัง Sd.Kfz ภาพสีโดย Royston Leonard  …

  • เปิดกรุภาพถ่าย ‘ย่านโคมแดงวินเทจ’ อดีตความบันเทิงแห่งกามารมณ์ ของแดนอาทิตย์อุทัย..!!

    เปิดกรุภาพถ่าย ‘ย่านโคมแดงวินเทจ’ อดีตความบันเทิงแห่งกามารมณ์ ของแดนอาทิตย์อุทัย..!!

    จริงอยู่ที่ญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องสยิวๆ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ออกแนว 20+ เราคงต้องยกให้กับประเทศนี้เค้าเลยล่ะ แต่คราวนี้เราจะย้อนอดีตไปในช่วงยุค 1970 – 1980 กันบ้าง โดยภาพถ่ายสุดเรียลทั้งหมดนี้เป็นผลงานของ Araki Nobuyoshi ที่จะบอกเล่าเรื่องราวของซ่องญี่ปุ่นในอดีต     ภาพทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในย่านชินจูกุ เมืองโตเกียว ที่ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวโคมแดงที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น   มีเรื่องราวแปลกๆ เกิดขึ้นมากมายในย่านนี้ และมันก็ถูกขนานนามว่าเป็นถนนที่ไม่เคยหลับใหล   สำหรับชาวญี่ปุ่นจะเรียกถนนเส้นนี้ว่า ‘ถนนแห่งความสุข’ ซึ่งปรากฎครั้งแรกในสมัยราชวงศ์เอโดะ   ไม่ใช่แค่วัดวาอาราม หรือวิหารเท่านั้น ที่เป็นประวัติศาสตร์อยู่คู่ญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน   เพราะ ‘ซ่อง’ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ๆ บอกเล่าเรื่องราวของคนยุคนั้นได้ดีไม่แพ้กัน   สำหรับการบริการเหล่านี้ในอดีต จะใช้วิธีการโทรเรียกจากพนักงานโรงแรม จากนั้นก็จะมีคนส่งตัวโสเภณีมาให้   ค่าใช้จ่ายในยุคนั้นก็จะอยู่ที่ราวๆ 30,000 เยน/ชั่วโมง (คิดเป็นประมาณ 10,000 บาท ในปัจจุบัน)   สถานบริการหลายๆ แห่งจะเปิดใกล้กับวัด หรือสถานที่ชื่อดัง แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็มองว่ามันเป็นเหมือนสถานให้บริการความสุขอย่างหนึ่ง   สำหรับในแถบคันโตนั้น ค่าตัวของโสเภณีในยุคนั้นจะอยู่ที่ราวๆ…

  • 13 เรื่องในปัจจุบันที่ดูธรรมด๊าธรรมดา แต่ในอดีตช่างแตกต่างกันซะเหลือเกิ๊นน

    13 เรื่องในปัจจุบันที่ดูธรรมด๊าธรรมดา แต่ในอดีตช่างแตกต่างกันซะเหลือเกิ๊นน

    ไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะว่าเวลาผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่ร้อยปี หลายสิ่งอย่างในโลกเราปัจจุบันก็พัฒนาไปมาอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นสายจูงสุนัข ภาพโป๊เปลือย หรือแม้แต่ชุดว่ายน้ำ เชื่อไหมล่ะว่าสิ่งเหล่านี้พัฒนามาไกลมาก และนี่คือตัวอย่าง 13 คน สัตว์ และสิ่งของ ที่ช่างแตกต่างจากอดีตซะเหลือเกิน   1. หมาปั๊ก ย้อนกลับไปเมื่อยุค 1900s ยังเป็นสมัยที่หมาปั๊กมีดั้งหล่อเหลาอยู่ ทว่าด้วยความนิยมดั้งสั้น มนุษย์จึงผสมพันธุ์ไปเรื่อยๆ จนทำให้มันมีขาสั้นลง ตัวเล็กลง และดั้งสั้นลง สุดท้ายก็กลายมาเป็นอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้นี่แหละ   2. กล้อง ในช่วงยุค 1900s มนุษย์ยังต้องถ่ายภาพด้วยกล้องขนาดยักษ์ที่ถูกออกแบบโดย George R. Lawrence จนต่อมาเทคโนโลยีก็ได้พัฒนาไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นกล้องติดมือถือที่เราใช้งานกันทุกวันนี้   3.ภาพโป๊ เมื่อดูภาพโป๊จากในอดีตแล้ว ขอบอกเลยว่า… ก็งั้นๆ อ่ะ!! นับตั้งแต่ที่มีการนำกล้องมาใช้ในเชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรมภาพถ่ายวาบหวิวก็ได้กำเนิดขึ้น และในนิตยสารปลุกใจเสือป่าสมัยอดีตแบบนี้ก็ถือว่าโป๊สุดๆ แล้ว   4. ชุดว่ายน้ำ เรียกได้ว่า ‘ชุดว่ายน้ำ’ ของสาวๆ พัฒนามาไกลมาก ย้อนไปเมื่อ 100 ปีก่อน สาวๆ ยังต้องคลุมด้วยชุดเดรสปิดบังเรือนร่างให้มิดชิด…

  • 12 ภาพประวัติศาสตร์ บอกเล่าเรื่องราวน่าจดจำ และคุณควรได้รับรู้สิ่งเหล่านี้

    12 ภาพประวัติศาสตร์ บอกเล่าเรื่องราวน่าจดจำ และคุณควรได้รับรู้สิ่งเหล่านี้

    เรื่องราวในประวัติศาสตร์นั้นสามารถส่งต่อกันมาในยุคปัจจุยันผ่านลายลักษณ์อักษรต่างๆ หรือการเล่าปากต่อปากให้สืบทอดต่อกันมา และแม้แต่ภาพที่แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคนั้นๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ภาพเหล่านี้คือสิ่งที่จะช่วยทำให้เห็นประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำและน้อยคนที่จะเคยเห็นหรือรับรู้เรื่องราวเหล่านี้   1. ภาพถ่ายที่ติดมนุษย์คนแรก ในปี 1838 นี่คือภาพถ่ายที่เกิดขึ้นจากกระบวนการดาแกโรไทป์ ถูกถ่ายโดย Louis Daguerre ผู้คิดค้นกระบวนการดังกล่าว ภาพนี้ถูกถ่ายในปารีสเมื่อปี 1838 ซึ่งในภาพควรจะได้เห็นผู้คนมากกว่านี้ แต่ด้วยการเปิดรับแสงเป็นเวลานาน จึงทำให้เห็นเพียงแค่ช่างขัดรองเท้ากับลูกค้าของเขาเพียงแค่นั้น   2. ภาพถ่ายท่าทางที่หยาบคายภาพแรก ในปี 1886 นี่คือภาพถ่ายนักกีฬาเบสบอลซึ่งเมื่อซึ่งเมื่อสังเกตในวงกลมสีแดง นั่นคือมือของนักเบสบอลที่มีชื่อว่า Charles Redbourne ที่แสดงให้เห็นว่าเขาโชว์นิ้วกลางให้กับกล้องโดยไม่ทราบสาเหตุ จนเป็นภาพแรกของโลกที่แสดงให้เห็นท่าทางที่เราทุกคนสมัยนี้รู้จักกันดี   3. นักเรียนเล่นปาหิมะ ในปี 1893 นี่คือภาพของนักเรียนสามคนหลังจากที่พวกเขาได้ไปเล่นปาหิมะกันแบบน่ารักใสๆ แต่สงสัยการปาหิมะในยุคนั้นจะโหดกว่ายุคนี้มาก จนสามารถทำให้เข้าใจผิดคิดว่าไปออกสนามรบมาหรือไม่ก็คงโดนผึ้งต่อยซะจนบวมเป่งขนาดนั้น     4. ประติมากรทำการกลบรอยแผลให้กับทหารผ่านศึก ในปี 1917 ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 การศัลยกรรมในสงครามยังห่างไกลกับคำว่าทำให้สมบูรณ์แบบได้ แต่มันก็ยังคงมีวิธีการบางอย่างที่สามารถมาแทนที่ โดยให้ประติมากรมืออาชีพเติมเต็มส่วนที่เป็นบาดแผลให้กับเหล่าทหาร ซึ่งถึงแม้ว่าอาจไม่ได้ทำให้เหมือนกับตอนยังปกติ แต่นั่นก็ช่วยทำให้เขาสามารถมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับผู้อื่นและไม่คิดฆ่าตัวตาย .   5.…

  • ภาพเปรียบเทียบจากอดีตสู่ปัจจุบันกับ 10 ของสิ่งของใช้ในชีวิต ที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา…

    ภาพเปรียบเทียบจากอดีตสู่ปัจจุบันกับ 10 ของสิ่งของใช้ในชีวิต ที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา…

    ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาโดยเฉพาะสิ่งของต่างๆ ที่เราจะต้องได้เห็นเป็นชีวิตประจำวันแทบตลอด แล้วจำกันได้บ้างไหมว่าสมัยก่อนโน้น รูปร่างหน้าตามันเป็นยังไงบ้าง หากใครจำได้ก็คงจะรู้เลยว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปมากเลยจริงๆ จะว่าไปแล้วเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าเพิ่มมากขึ้น การผลิตสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ก็ถูกปรับเปลี่ยนให้มีขนาดที่เล็กและกระทัดรัด แตกต่างจากอดีตที่เคยถือกำเนิดมาจากหน้ามือเป็นหลังมือไปเลย…   ตำนานเครื่องคิดเลข ถ้าต้องพกเข้าไปในห้องสอบนี่คงไปสอบสายอ่ะ หนักจัด!! .   โรลเลอร์เบลดของเก่ามันก็เท่ ดูดีมีสไตล์อยู่แล้วนะ… .   สว่านเจาะกำแพง ถ้าใช้แบบเก่านี่ อาจจะเป็นเครื่องออกกำลังแขนไปในตัว .   ถุงเท้าทรงเก่า… ใส่คู่กับช้างดาวนี่กำลังเหมาะเลย .   บอกได้เลยว่ามันคือ เครื่องซักผ้า!! .   หน้าตาของกระดาษทิชชู่สมัยก่อน มีลวดลายด้วยนะเออ .   หน้าตาของกล้องดิจิตอลยุคแรกถือกำเนิดบนโลก .   แว่นตากันแดดในอดีตกับปัจจุบัน แทบจะทำให้ตาตี่ได้เลย ฮร่าาา .   โทรทัศน์สมัยก่อนกับสมัยนี้ ขนาดจอกับขนาดเครื่องแทบจะคนละเรื่องเลย .   ฮาร์ดดิกส์สมัยก่อนกับสมัยนี้ ขนาดตัวกับความจุก็ต่างกันอย่างไม่น่าเชื่อแล้ว!! .   เป็นไงกันบ้างกับของที่เปลี่ยนไปตามเวลาที่เปลี่ยนแปลง แล้วเพื่อนๆ ทันใช้หรือจำชิ้นไหนกันได้บ้างละ…

  • ย้อนรอยภาพในอดีตของเมืองปารีส ครั้งน้ำท่วมใหญ่ในปี 1910 ชาวเมืองจะรับมือกันอย่างไร?

    ย้อนรอยภาพในอดีตของเมืองปารีส ครั้งน้ำท่วมใหญ่ในปี 1910 ชาวเมืองจะรับมือกันอย่างไร?

    เหตุการณ์น้ำท่วม ถือเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่บ้านเราต้องเจอกันบ่อยมากๆ เรียกว่ามีข่าวคราวทุกปี และถึงแม้จะพยายามป้องกันอย่างไรก็ไม่สามารถขจัดปัญหาเหล่านี้ออกไปได้เสียที… นั่นก็ทำให้เราฉุกคิดได้ว่าระบบการจัดการน้ำยังอยู่ในขั้นย่ำแย่ แต่รู้ไหมว่าเมืองใหญ่อย่างปารีสก็เคยประสบกับปัญหาน้ำท่วมหนักมาแล้วเหมือนกัน!? เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในปารีสนั้นถือว่าหาดูได้ยากมากๆ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงท้ายเดือนมกราคมปี 1910 ในช่วงเดือนที่มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องส่งผลให้แม่น้ำ Seine มีระดับน้ำที่สูงขึ้นมาก จนเอ่อล้นออกมาท่วมตัวเมืองในที่สุด   ใช่ว่าทุกคนจะมีเรือใช้ ฉะนั้นอะไรที่พอจะลอยได้ก็นับว่าเป็นเรือเช่นกัน   ในอดีต ณ ช่วงเวลานั้นปารีสประสบกับเหตุการณ์น้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง แต่สำหรับครั้งนี้มีความร้ายแรงมากกว่าปกติและกินเวลานานนับสัปดาห์เลยทีเดียว ทางด้านระบบระบายน้ำก็ยังไม่ดีพอที่จะถ่ายเทน้ำทั้งหมดออกไปได้ทัน ต่อมาในวันที่ 21 มกราคม 1910 ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่องและระดับน้ำก็สูงยิ่งขึ้นไปอีก ในช่วงเวลานี้นั่นเองที่น้ำเริ่มไหลเข้าท่วมทั้งเมืองรวมไปถึงระบบคมนาคมต่างๆ และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของชาวเมือง ซึ่งทำให้ผู้คนหลายพันชีวิตไม่สามารถจะใช้ชีวตอยู่ในบ้านที่มีชั้นเดียวได้ปกติ รถไฟใต้ดินก็ใช้งานไม่ได้ ห้างร้านต่างๆ ก็ต้องปิดทำการไปโดยปริยาย   สังเกตจากการที่ผู้คนหันมาใช้เรือ ทำให้รู้ได้ทันทีว่าน้ำท่วมครั้งนี้หนักหนาแค่ไหน   ทางเดินก็ต้องสร้างขึ้นเฉพาะกิจ เพื่อใช้ในการเดินทางไปยังบ้านเรือนหลังอื่นๆ   จากปัญหาน้ำท่วมหนักทำให้ผู้คนต้องหันมาใช้เรือในการคมนาคมแทน และต่อมาในวันที่ 28 มกราคม 1910 ระดับน้ำก็เลวร้ายยิ่งขึ้นเมื่อเพิ่มระดับท่วมสูงเป็น 8 เมตรจากระดับน้ำปกติ ทำให้การใช้ชีวิตในเมืองยิ่งทวีความลำบากมากยิ่งขึ้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นตีเป็นเม็ดเงินจำนวนกว่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราวๆ 5 หมื่นล้านบาท) แม้ค่าความเสียหายจะสูงมากขนาดไหน…

  • เผยวีรกรรมอันกล้าหาญ ของสายลับหญิง Krystyna Skarbek ในสงครามโลกครั้งที่ 2

    เผยวีรกรรมอันกล้าหาญ ของสายลับหญิง Krystyna Skarbek ในสงครามโลกครั้งที่ 2

    ในสงครามนั้นเป็นไปได้ยากที่เราจะสามารถบันทึกได้ประวัติศาสตร์ไว้ได้ซอกทุกมุมและนำมาบอกเล่าต่อในมุมมองที่สามารถเชื่อถือได้ แต่อย่างไรก็ตาม #เหมียวปั๊ก ได้ไปเจอเข้ากับเรื่องราวของนาง Krystyna Skarbek ที่ใครหลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อของเธอ แต่วีรกรรมของเธอได้รับการยืนยันและมีความน่าเชื่อถือจนถึงขนาดเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวละครในหนังฮอลลีวูดเลยทีเดียว   ดูผิวเผินเธอไม่ต่างจากผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง   ด้วยเรื่องราวที่ไม่ธรรมดาของเธอในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 การรุกรานของพรรคนาซีที่โปแลนด์ในปี 1939 ได้แปรเปลี่ยนเธอจากลูกสาวของท่านเค้าท์ ให้กลายมาเป็นสายลับสาว ในปี 1944 เธอถูกขนานนามว่าเป็นสายลับคนโปรดของ Winston Churchill อดีตนายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักร และด้วยบุคลิกของเธอทำให้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจสร้างตัวละคร Vesper Lynd ในหนัง Casino Royale ซึ่งเป็นหนึ่งในหนังสายลับ James Bond ด้วย   Vesper Lynd ตัวละครสมมติในหนังเรื่อง Casino Royale   เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอกำลังเดินทางไปยังลอนดอนกับสามีคนที่ 2 ของเธอในปี 1938 หลังจากที่เธอรู้ข่าวว่าประเทศโปแลนด์อันเป็นที่รักของเธอถูกรุกราน เธอจึงตัดสินใจที่จะเข้ากองทัพของอังกฤษเพื่อช่วยเหลือประเทศของเธอ และนี่เป็นจุดเริ่มต้นภารกิจแรกของการเป็นสายลับของเธอ     โดยหนึ่งในภารกิจของเธอนั้น เธอต้องปลอมตัวเป็นนักข่าวประจำอยู่ที่บูดาเปสต์  แทรกซึมไปยังประเทศสโลวาเกีย แล่นสกีตามชายแดนเพื่อข้ามไปยังประเทศโปแลนด์เข้าสู่เมือง Zakopane เพื่อเก็บข้อมูลทางการทหารต่างๆ   เธอสามารถแทรกซึมเข้าสู่พื้นที่ต่างๆ ได้ไม่ต่างจากสายลับทั่วไป…

  • เรื่องราวของ 12 คน ที่อาจจะ “เดินทางย้อนเวลาจากอนาคต” จริงไหมไม่รู้ แต่อ่านแก้เบื่อได้ดี๊ดี!!

    เรื่องราวของ 12 คน ที่อาจจะ “เดินทางย้อนเวลาจากอนาคต” จริงไหมไม่รู้ แต่อ่านแก้เบื่อได้ดี๊ดี!!

    ถ้าจู่ๆ มีคนมาบอกเราว่า เขาคนนั้นเดินทางมาจากอนาคตผ่านไทม์แมชชีน เพื่อมาทำภารกิจบางอย่างให้แก่โลกในอดีต คงไม่มีใครเชื่อแน่ๆ เลยว่ามั้ย? ถึงเราจะไม่รู้ว่าเรื่องราวของบุคคลทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงแค่เรื่องแต่งขึ้นมาลวงโลก แต่รวมๆ กันแล้วเรื่องราวของพวกเขาก็ช่วยฆ่าเวลา อ่านแก้เบื่อได้ดีเลยทีเดียว   1. John Titor เรื่องราวของเขาถูกพูดถึงในช่วงปี 2000 หลังจากที่เจ้าตัวออกมาเผยว่า ตนเองเป็นทหารอเมริกันอาศัยอยู่ในปี 2036 และถูกส่งตัวกลับมายังปี 1975 เพื่อมอบวิทยาการเครื่อง IBM 5100 ให้กับชาวโลก   2. Sergei Avdeyev นักบินอวกาศคนนี้ไม่ได้ย้อนอดีตกลับไปหาจิ๋นซีฮ่องเต้แต่อย่างใด แต่ตลอดระยะเวลา 747 วันที่เขาใช้บนอวกาศ บวกกับการเดินทางด้วยความเร็วสูงถึง 27,360 กม./ชม. ทำให้เขามีอายุน้อยกว่ามนุษย์โลกทั่วไปถึง 0.02 วินาที สรุปก็คือการที่พี่แกได้เดินทางไปยังอวกาศ ทำให้ตัวเองมีอายุที่เฉลี่ยออกมาเป็นวินาทีน้อยกว่าคนบนโลกนั่นเอง   3. หญิงปริศนาใน ‘The Circus’ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2010 ผู้กำกับ George Clark ได้นำวิดีโอของชาลี แชปลิน ตอน ‘The…

  • เรื่องราวประวัติศาสตร์ ที่หลายคนไม่รู้ของ “รถถัง” ยักษ์หุ้มเกราะสุดแกร่ง แห่งสงครามโลกครั้งที่ 1

    เรื่องราวประวัติศาสตร์ ที่หลายคนไม่รู้ของ “รถถัง” ยักษ์หุ้มเกราะสุดแกร่ง แห่งสงครามโลกครั้งที่ 1

    สงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามขนาดใหญ่ในยุโรป เป็นการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตร( อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย อิตาลี) และฝ่ายมหาอำนาจกลาง (เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี จักรวรรติออตโตมัน) ว่ากันว่ามันคือหนึ่งในสงครามที่มีการสูญเสียมากที่สุด มีทหารกว่า 70 ล้านนายถูกเกณฑ์เข้าร่วมสงครามนี้ มีผู้สูญหายและเสียชีวิตระหว่างสงครามกว่า 40 ล้านคน อาวุธต่างๆ มากมายถูกพัฒนาขึ้นในช่วงสงคราม และหนึ่งในอาวุธที่ถูกพัฒนาขึ้นมาในการทำสงครามของทั้งสองฝ่าย ที่เรียกได้ว่าทรงพลังและแข็งแกร่งมากชนิดหนึ่งนั้นก็คือ “รถถัง” เรื่องราวและประวัติศาสตร์ของมันจะเป็นอย่างไรนั้นไปชมพร้อมๆ กันเลย   รถถังรุ่นแรกๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ลักษณะคล้ายกับรถไถ สร้างโดย Rustin และ Hornsby  ปี 1902   รถถังคือสิ่งที่ตอบสอนองและพัฒนาแนวการรบของชาติตะวันตกให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น อาวุธต่างๆ มากมายเช่น เกราะเหล็ก ปืน และการเคลื่อนที่ที่สามารถไปได้ในทุกพื้นผิวภูมิประเทศ ถูกเอามารวมเข้าไว้ในรถเหล็กคันใหญ่ เมื่อมันถูกนำมาใช้ในสงคราม โดยกองทัพ อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมายจากอาวุธสงครามชนิดนี้     รถถังคันแรกของประเทศอังกฤษชื่อว่า Little Willie ผลิตโดยบริษัท William Foster…

  • 6 ยอดวีรสตรีผู้กล้าหาญ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กับบทบาทเบื้องหลังที่ถูกจารึกและเชิดชู

    6 ยอดวีรสตรีผู้กล้าหาญ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กับบทบาทเบื้องหลังที่ถูกจารึกและเชิดชู

    หลายๆ คนอาจมองว่าผู้หญิงในอดีตคงไม่ได้มีสิทธิ และเสรีภาพเท่าเทียมกับผู้ชายสักเท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีผู้หญิงจำนวนมากที่ได้ทำงานร่วมกับผู้ชาย ซึ่งจะเห็นได้อย่างชัดเจนในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และนั่นก็ทำให้พวกเธอกลายเป็นที่ยอมรับ และถูกจารึกชื่อเอาไว้จนกลายเป็นประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นหลังอย่างเราๆ ได้ศึกษา และในครั้งนี้ เราจะพาทุกคนมารู้จักกับ 6 ยอดสตรีผู้กล้าหาญในประวัติศาสตร์ ที่ได้ลุกขึ้นมาทำหน้าที่ต่างๆ ในช่วงสงครามโลก บอกเลยว่าแต่ละคนทั้งเก่ง และฉลาดไม่แพ้ผู้ชายเลยละ   1.Marion Pritchard (1920-2016) Marion Pritchard เป็นนักสังคมสงเคราะห์ ที่ได้เข้าช่วยเหลือ และปกป้องชาวยิวกว่า 150 คนในระหว่างที่เกิดสงคราม และในปี 1944 ชาวนาซีและชาวดัตช์สามคนได้เข้ามาตรวจสอบที่ของเธอในประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ซึ่งเธอได้ช่วยครอบครัวชาวยิวหลบหนีจากการจับกุม แต่โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ถูกพบ ต่อมาผู้ที่ได้ทำงานร่วมกับชาวดัตช์ก็ได้กลับมาที่บ้านของเธออีกครั้ง เนื่องจากพวกเขาคิดว่าเธอจะต้องซ่อนชาวยิวเอาไว้ และจะต้องจับพวกเขากลับไปให้ได้ แต่ทว่า Marion กลับคว้าปืนของชาวดัตช์ออกมา และยิงไปที่พวกเขาทันที หลังจากที่จบสงคราม Marion ก็ได้ใช้ชีวิตที่เหลือของเธออยู่กับครอบครัวจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต   2.Nancy Wake (1912-2011) Nancy Wake วีรสตรีของสงครามโลกครั้งที่สองชาวออสเตรเลีย ที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นสายลับหญิงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งเธอเคยบอกใน Nancy Wake’s…

  • 20 สตรีผู้มีอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์ เปลี่ยนภาพลักษณ์ของผู้หญิงจนโลกต้องจดจำ!!

    20 สตรีผู้มีอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์ เปลี่ยนภาพลักษณ์ของผู้หญิงจนโลกต้องจดจำ!!

    ผู้หญิงอาจจะถูกมองว่าเป็นเพศที่อ่อนแอจนไม่สามารถจะเป็นผู้นำได้ ทำให้ในอดีตผู้หญิงมักถูกจำกัดเสรีภาพ โดยเฉพาะสิทธิทางการเมือง ซึ่งในปัจจุบันนี้ผู้หญิงก็เข้ามามีบทบาทมากขึ้นบนเวทีโลกแล้ว แต่สำหรับในอดีตนั้น เราแทบจะไม่ค่อยได้รู้ ได้ยิน หรือได้เห็นว่าผู้หญิงนั้นมีบทบาทสำคัญที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร และเนื่องจากวันที่ 8 มีนาคม เป็นวันสตรี #เหมียวขี้ส่อง ก็อยากจะพาทุกท่านมารู้จักกับพวกเธอเหล่านี้ ผู้ที่ฉีกกฏดังกล่าวและได้พิสูจน์ความสามารถของผู้หญิงด้วยการเปลี่ยนประวัติศาสตร์โลกได้จนกลายเป็นคนที่โลกต้องจดจำ   1. Irena Sendlerowa ผู้หญิงที่แอบพาเด็กยิวราว 2,500 ออกจากกรุง Warsaw Ghetto ในขณะที่ถูกนาซียึดครองช่วงสงครามโลกครั้ง 2     2. Malala Yousafzai นักเคลื่อนไหวเพื่อสังคมวัย 19 ปี เป็นชาวปากีสถานที่เรียกร้องสิทธิให้กับเด็กผู้หญิงทั่วโลก จนทำให้เธอถูกผู้ก่อการร้ายยิงเข้าที่ศีรษะ แต่รอดมาได้จนได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ   3. ผู้หญิงหนึ่งเดียวที่กล้าโจมตีกลุ่มลัทธินาซีด้วยกระเป๋าถือในเมือง Växjö ประเทศสวีเดน   4. Marie Curie นักวิทยาศาสตร์ชาวโปแลนด์ผู้มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการทำงานด้านกัมมันตรังสี จนกลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์และเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ได้รับรางวัลโนเบลถึง 2 ครั้ง ในสาขาเคมี   5. Margaret Heafield หญิงสาวผู้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์สำหรับโครงการ NASA’s Apollo…

  • ย้อนประวัติศาสตร์… 15 ภาพเล่าเรื่องจาก “ค่ายกักกัน” อันโหดร้าย สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

    ย้อนประวัติศาสตร์… 15 ภาพเล่าเรื่องจาก “ค่ายกักกัน” อันโหดร้าย สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

    ถ้าพูดถึงบุคคลในประวัติศาสตร์ รับรองได้ว่าชื่อของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีและผู้อยู่เบื้องหลังการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวจะต้องเป็นชื่อแรกๆ ที่ลอยเข้ามาในหัวอย่างแน่นอน   การฆ่าล้างเผา่พันธุ์ชา่วยิวในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ได้คร่าชีวิตชาวยิวมากกว่า 6 ล้านคน ซึ่งชาวยิวจากทั่วยุโรปจะถูกนำไปยังค่ายกักกัน จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ถูกนำไปรมแก๊สพิษจนตาย ค่ายกักกันที่แรกก็คือ ค่ายกันกันเบวเชตซ์ ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับเมืองลูบลิน ในประเทศโปแลนด์ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1942 และนอกจากค่ายกักกันเบวเชตซ์ ยังมีค่ายกักกันอื่นๆ อีกถึง 5 ค่ายเลยทีเดียว แต่ค่ายที่ใหญ่ที่สุดมีชื่อว่า ค่ายกักกันเอาชวิทซ์   ภาพของค่ายกักกันเอาชวิทซ์  ที่ถูกปลดปล่อยเมื่อ 72 ปีที่แล้ว   เพียงแค่ค่ายกักกันเอาชวิทซ์เพียงแห่งเดียว ก็พรากชีวิตผู้คนไปถึง 1.1 ล้านคน และเมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมาก็เป็นวันรำลึกถึงเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นั่นเอง เราเลยจะมาย้อนดูภาพเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นี้กัน   ภาพเดินสวนสนามของเหล่าทหาร ที่ถือคบเพลิงไปด้วยด้านนอกประตูบรันเดนบูร์ก ในเบอร์ลิน เพื่อเฉลิมฉลองที่ฮิตเลอร์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี   ภาพของทหารชุทซ์ชทัฟเฟิลที่ลำเลียงชาวยิวไปยังค่ายกักกัน ผ่านถนนในเบอร์ลินในปี ค.ศ. 1934   ภาพของชาวโปแลนด์ ที่ถูกสังหารโดยทหารเยอรมัน ในปี…

  • รวม 17 ความรู้ทางประวัติศาสตร์และเวลาแบบเจ๋งๆ ที่เปลี่ยนมุมมองของเราไปเลย!!

    รวม 17 ความรู้ทางประวัติศาสตร์และเวลาแบบเจ๋งๆ ที่เปลี่ยนมุมมองของเราไปเลย!!

    มนุษย์ได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้เมื่อราวๆ 500,000 ปีก่อน แต่มนุษย์เริ่มมีการบันทึกประวัติศาสตร์จริงๆ จังๆ เมื่อราวๆ 6,000 ปีก่อนเท่านั้น ซึ่งต้องขอยกความดีความชอบให้กับชาวสุเมเรียนที่คิดค้นอักษรคูนิฟอร์มขึ้นมาเป็นอักษรแรกของโลก แต่รู้หรือไม่ ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 6,000 ปี หลายๆ ครั้งคนเราก็สับสนกับช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ บางทีเราอาจคิดว่าเหตุการณ์สองเหตุการณ์เกิดขึ้นใกล้ๆ กัน แต่ความจริงอาจไม่ได้เป็นแบบนั้น งั้นวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปดู 17 ความรู้ทางประวัติศาสตร์เจ๋งๆ ที่อาจเปลี่ยนความเข้าใจของเราไปตลอดกาล จะมีอะไรบ้าง เราไปชมกันเลย!   1.พระนางคลีโอพัตรากับมหาปีระมิดกีซ่า หลายคนอาจคิดว่าพระนางคลีโอพัตรากับปีระมิดกีซ่าเกิดขึ้นในยุคเดียวกัน แต่เปล่าเลย เอาจริงๆ พระนางใกล้กับพวกเรา ( พระนางเสียชีวิต 30 ปีก่อนคริสตกาล) มากกว่าการก่อสร้างมหาปีระมิดกีซ่าซะอีก (ปีระมิดก่อสร้างเสร็จ 2,560 ก่อนคริสตกาล) ซึ่งจริงแล้วๆ แม้แต่จักรวรรดิโรมันก็มีลักษณะทำนองเดียวกันเรื่องราวข้างบน   2.สเตโกซอรัสกับทีเร็กส์ไม่ได้อยู่ในยุคเดียวกัน แถมอายุห่างกันประมาณ 74 ล้านปีเลยทีเดียว (ไดโนเสาร์สองพันธุ์นี้ห่างเรา มากกว่ามนุษย์เราห่างจากพวกไดโนเสาร์ซะอีก)   3. คนที่แก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาตอนนี้(117 ปี) เกิดใกล้กับการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับแรกที่สุด (ค.ศ. 1899)…

  • NASA เผย 16 ภาพเทียบอดีต-ปัจจุบัน ของสถานที่บนโลก สะท้อนปัญหาภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป…

    NASA เผย 16 ภาพเทียบอดีต-ปัจจุบัน ของสถานที่บนโลก สะท้อนปัญหาภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป…

    จากอดีตถึงปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่าสิ่งต่างๆ รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านช่อง สิ่งก่อสร้าง รวมไปถึง “ธรรมชาติ” ได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก นั่นอาจมีสาเหตุมาจากมันเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา และส่วนหนึ่งอาจมาจากการกระทำของมนุษย์ และเพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ธรรมชาติ รวมถึงสถานที่สำคัญหลายแห่งบนโลกใบนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน วันนี้เราจึงได้นำ 16 ภาพถ่ายเทียบความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ บนโลกจาก NASA ในช่วงไม่กี่ปีหลังมาให้ได้ชมกัน   1.ธารน้ำแข็ง Pedersen ในอลาสกา ในช่วงฤดูร้อนปี 1917 และฤดูร้อนปี 2005   2.ทะเลอารัล ในเอเชียกลาง ระหว่างเดือนสิงหาคม ปี 2000 และเดือนสิงหาคม ปี 2014   3.ธารน้ำแข็ง Carroll ในอลาสก้า ช่วงเดือนสิงหาคม ปี 1906 และเดือนกันยายน ปี 2003   4.สภาพของทะเลสาบ Powell ในอาริโซน่า และยูทาห์ ช่วงเดือนมีนาคม ปี 1999 และเดือนพฤษภาคม…

  • 10 โจรสลัดในตำนาน ที่เคยยึดครองท้องทะเลในอดีต จนถูกเล่าขานมาถึงปัจจุบัน…

    10 โจรสลัดในตำนาน ที่เคยยึดครองท้องทะเลในอดีต จนถูกเล่าขานมาถึงปัจจุบัน…

    ในสมัยก่อนนั้น สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของชาวเรือนอกจากคลื่นลมทะเลแล้ว ตำนานและเรื่องเล่าของเหล่าโจรสลัดสุดโหดเหี้ยมผู้ยึดครองน่านน้ำนั้นก็ราวกับเป็นปีศาจร้ายที่หลอกหลอนพวกเขาตลอดการเดินเรือ วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มี 10 เรื่องเล่าและตำนานของเหล่าโจรสลัดผู้ที่เคยยึดครองมหาสมุทรก่อนที่โลกสมัยใหม่จะทำให้พวกเขาเลือนหายไป แน่นอนว่าเมื่อเรื่องเล่าถูกกล่าวขานผ่านการเวลา ย่อมมีทั้งเรื่องที่จริงและแต่งเติมเสริมขึ้นตามยุคสมัย และนี่คือเรื่องราวของพวกเขา…   Edward Teach ผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1716–1718 เขาถือว่าเป็นโจรสลัดที่อยู่ในระดับ ‘ตำนาน’ ผู้ได้รับสมญานามจากทหารเรือและคนทั่วไปว่า Blackbeard หรือ หนวดดำนั่นเอง กัปตันของหนึ่งในเรือที่มีผู้หวาดกลัวที่สุดนามว่า Queen Anne’s Revenge ทุกๆ ครั้งที่เขาก้าวเข้าสู่สมรภูมิเพื่อไปสู้รบบนดาดฟ้าเรือลำอื่น เขาจะแต่งตัวด้วยชุดสีดำทั้งหมด พร้อมกับหมวกสีดำใบโต ปืนพกที่แขวนไว้เต็มหน้าอกราวกับเป็นเกราะ นำฟิวส์มาติดบริเวณหนวดและผมอันพุรุงพะรังแล้วให้มันไหม้อย่างช้าๆ เพื่อข่มขวัญศัตรู แต่กระนั้นเขากลับพบจุดจบที่น่าสยดสยอง ถูกล้อมจับโดยเรือรบใหญ่ของราชนาวีสองลำ เขาถูกทหารตัดหัวเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสามารถกำจัดเขาได้แล้ว ว่ากันว่าพอตัวของเขาถูกโยนลงน้ำ ร่างที่ไร้หัวนั้นยังสามารถว่ายได้รอบเรืออีกสามรอบเลยทีเดียว   Henry Morgan ผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1663–1671 Henry Morgan สร้างชื่อด้วยการเป็นกองเรืออิสระที่รบกับอาณาจักรสเปนอย่างดุดัน นอกจากนี้เขาก็ยังบุกปล้นอาณานิคมของสเปนทั่วทั้งแคริบเบียน จนชื่อของเขานั้นเป็นที่เกรงกลัวของเหล่านายเรือสเปนไปทั่วน่านน้ำ ซึ่งตอนนั้นสเปนเป็นศัตรูกันกับจักรวรรดิอังกฤษ ด้วยเกรงการถูกยึดอาณานิคมในจาไมก้า จักรวรรดิอังกฤษเลยได้มอบเรือรบให้ Morgan หลายลำเพื่อไปจู่โจมกองเรือสเปนซะก่อน รางวัลของการรบก็คือชื่อเสียง การได้ฆ่าคนเล่นๆ และทองหรือของมีค่าทุกชนิดที่สามารถยึดมาได้ (แน่นอนว่ามีหรือที่เขาจะไม่รับ) เขาได้นำกองเรือนั้นบุกอาณานิคมของสเปนเกือบทั้งหมด ก่อนที่จะเกษียณตัวเอง…

  • 12 ความเปลี่ยนแปลง ‘อดีต-ปัจจุบัน’ จากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ว่าพัฒนาไปมากแค่ไหน!?

    12 ความเปลี่ยนแปลง ‘อดีต-ปัจจุบัน’ จากประเทศต่างๆ ทั่วโลก ว่าพัฒนาไปมากแค่ไหน!?

    เวลาเปลี่ยน อะไรๆ ก็เปลี่ยนตามไปด้วย และบางอย่างก็เปลี่ยนไปมากจนเราคิดไม่ถึงด้วย โดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลงที่มากับความเจริญ เหมือนภาพจากประเทศเหล่านี้ ที่ทำให้เราเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ในระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่า จากหน้ามือเป็นหลังมือเลยก็ว่าได้ เรามาดูกันดีกว่าว่า จะเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน   1. ความเปลี่ยนของประเทศสิงคโปร์จากปี 1960 กับ ปัจจุบัน 2. ฮ่องกง จากปี 1960 กับ ปัจจุบัน 3. ฟอร์ตาเลซา ประเทศบราซิล จากปี 1980 กับ ปัจจุบัน 4. เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ปี 1990 กับปัจจุบัน 5. โตรอนโต ประเทศแคนาดา จากปี 1930 กับปัจจุบัน   6. กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ปี 1950 เทียบกับยุคปัจจุบัน 7. ไนโรบี ประเทศเคนยา ปี 1960 และปัจจุบัน 8. กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน…

  • รวมภาพหายาก จากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ถูกเปลี่ยนเป็นภาพสี ดูงดงามและทรงพลังขึ้น!!

    รวมภาพหายาก จากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ถูกเปลี่ยนเป็นภาพสี ดูงดงามและทรงพลังขึ้น!!

    สงครามในอดีตที่เกิดจากความขัดแย้งนั้น นำมาซึ่งการยึดครอง การสูญเสียชีวิตมากมาย และเหตุการณ์ที่ยังอยู่ในความทรงจำของผู้คนคือ วัน D-Day ซึ่งเป็นวันยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี  นายแพทย์ชาวอเมริกัน Jared Enos จากเมืองในรัฐ Rhode Island ของอเมริกา ซึ่งคุณหมอยังเป็นศิลปินด้วย เลยเอาภาพเหล่านี้มาทำเป็นภาพสี เพื่อให้รู้สึกเข้าถึงภาพพวกนี้มากขึ้น และเป็นการเปิดหูเปิดตาใหม่ๆ   ธงของ ทีม 442 ญี่ปุ่น-อเมริกัน ในพื้นที่ Bruyere ประเทศฝรั่งเศสเมื่อ วันที่ 12 พฤศจิกายน 1944 ซึ่งทหารเกือบทั้งหมดเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่น มีประมาณ 14,000 คนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2   ภาพนักโทษชาวเยอรมันใน Weywertz ประเทศเบลเยี่ยม   ผู้พัน Buck Compton แห่งกรมทหารราบที่ 506 กองบินที่ 101 ซึ่งต่อมาถูกนำมาเป็นภาพยนต์ที่นำแสดงโดย Neal McDonough   พลังทำลายล้างของกระสุนปืนใหญ่ขนาด 88 มม. บนชายหาดยูทาห์ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 1944 โดยมีเป้าหมายที่จะยิงไกลออกไปให้ได้ 50 ไมล์   ขบวนของกองทหารราบที่ 28…

  • รวมภาพอดีต-ปัจจุบันของ “ดูไบ” เวลา 60 ปี เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน…

    รวมภาพอดีต-ปัจจุบันของ “ดูไบ” เวลา 60 ปี เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน…

    เมื่อกล่าวถึง “ดูไบ” ภาพที่หลายคนนึกถึงก็คงจะเป็นภาพของเมืองที่ยิ่งใหญ่อลังการ มีความทันสมัย มีตึกระฟ้าสวยๆ มากมาย แต่ถ้าหากย้อนกลับไปในอดีต เมื่อปี 1833 ดูไบมีประชากรเพียงแค่ 800 คนเท่านั้น อีกทั้งคนส่วนใหญ่ก็มีอาชีพเป็นชาวประมง ในเมืองริมทะเลแห่งนี้ จนกระทั่งมีการขุดพบน้ำมัน และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ดูไบเปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่ และงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในวันนี้เราจะพาคุณย้อนไปชมภาพถ่ายของเมืองดูไบ ตั้งแต่ช่วงปี 1950 ไปจนถึงปี 1960 งานนี้บอกเลยว่าจากอดีตถึงปัจจุบัน ในรอบ 60 ปีที่ผ่านมา ดูไบได้เปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ   ใจกลางเมืองในอดีต   ปัจจุบัน   การขนส่งในอดีต   ปัจจุบัน   การก่อสร้างในอดีต   ปัจจุบัน   สนามบินในอดีต   ปัจจุบัน   ภาพถ่ายมุมสูงของเมืองในอดีต   ปัจจุบัน   ชายฝั่งริมทะเลในอดีต   ปัจจุบัน   อ่าวของเมืองในสมัยอดีต   ปัจจุบัน  …

  • 20 ภาพบอกเล่าเหตุการณ์สำคัญใน “ประวัติศาสตร์” ที่หาชมได้ยากและเต็มไปด้วยเรื่องราว!!

    20 ภาพบอกเล่าเหตุการณ์สำคัญใน “ประวัติศาสตร์” ที่หาชมได้ยากและเต็มไปด้วยเรื่องราว!!

    โลกนี้มีเรื่องราวมากมายที่ยังไม่ได้เปิดเผย รอวันที่คนจะไปค้นพบมัน ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้เหมือนกับเป็นจิ๊กซอว์ที่จะทำให้ประวัติศาสตร์ของเราเชื่อมโยงกันได้ และครั้งนี้ #เหมียวสามสี ขออาสาเป็นผู้บอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ผ่านภาพจากในอดีต ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นจุดเล็กๆ แต่ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องราวมันจะน่าสนใจได้ถึงเพียงนี้….   ภาพของนิโคลา เทสลา กำลังนั่งอยู่ในห้องแลปของตัวเองกับเครื่อง “Magnifying Transmitter” ที่เขาสร้างขึ้นมาเอง   ภาพของเด็กชาวออสเตรียได้รองเท้าคู่ใหม่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2   ‘Kathrine Switzer’ เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้วิ่งในบอสตันมาราธอน เมื่อปี 1967 และมีคนพยายามที่จะขัดขวางเธอด้วย   นักโทษชาวยิวเป็นอิสระจากรถไฟที่จะนำพวกเขาไปฆ่าในปี 1945   สุสานของหญิงสาวคาธอลิกและแฟนหนุ่มโปรแตสแตนท์กำลังจับมือกันในประเทศฮอลแลนด์ปี 1888   เด็กชาย Harold Whittles ได้ยินเสียงเป็นครั้งแรก ภาพในปี 1974   การหางานในยุค 1930   เช้าของวันที่สวีเดนเปลี่ยนระบบการจราจรจากซ้ายไปขวาในปี 1967   ภาพของทหารเยอรมันที่ได้ชมวิดีโอของค่ายกักกันในปี 1945   ผู้อยู่อาศัยทางด้านของเบอร์ลินจะวันออกอุ้มลูกสูงๆ เพื่อให้ตายายที่อยู่อีกฝั่งได้เห็นหน้า ปี 1961   นักกายกรรมทรงตัวอยู่บนตึกเอ็มไพร์สเตต ในปี 1934   นักเต้นได้พิสูจน์หลักฐาน หลังมีตำรวจมาจับเธอที่ฟลอริดา…

  • ประวัติศาสตร์ 5,000 ปี แห่งการ “แต่งหน้า” สะท้อนสังคมของผู้หญิงในอดีตถึงปัจจุบัน!!

    ประวัติศาสตร์ 5,000 ปี แห่งการ “แต่งหน้า” สะท้อนสังคมของผู้หญิงในอดีตถึงปัจจุบัน!!

    ถ้าใครอยากหัดแต่งหน้า เพียงแค่คุณเข้าไปในยูทูบ ก็จะมีคลิปวิธีสอนแต่งหน้าอยู่หลากหลายรูปแบบ เป็นพันๆคลิปเลยก็ว่าได้ บางคนก็แต่งหน้าเป็นอาชีพหลัก ว่าแต่การแต่งน้านี่มันเริ่มมาตั้งแต่ตอนไหนกันนะ แล้วทำไมมันต้องเป็นของที่คู่กับ “ผู้หญิง” มาตลอดด้วย Lisa Eldridge เธอเป็นช่างแต่งหน้ามืออาชีพ และเป็นนักเขียนเจ้าของหนังสือ Face Paint: The Story of Makeup ที่ได้เขียนอธิบายประวัติศาสตร์การแต่งหน้าที่มีมานานกว่า 5,000 ปี อีกทั้งยังมีคลิปนี้ที่สรุปใจความสำคัญของการแต่งหน้าแต่ละยุค เริ่มจาก…   ยุคอียิปต์โบราณ ถือเป็นยุคบุกเบิกในการแต่งหน้าเลย แต่การแต่งหน้าในสมัยนั้นแต่งทั้งชายและหญิงทุกชนชั้น   ยุคกรีกโบราณ ในยุคนั้นเป็นยุคที่ผู้ชายเป็นใหญ่ มีหน้าที่ออกไปทำงานหาเลี้ยง และผู้หญิงอยู่บ้าน ในยุคนั้นจะแต่งหน้าบางๆ เน้นทาหน้าขาว ส่วนแก้มและริมฝีปากจะใช้พืชหรือผลไม้ในการแต่งแต้มสี   ยุคกลาง(ยุโรป) ในตอนนั้นมีคริสเตียนที่ได้ออกมาบอกกล่าวเรื่องราวที่ว่าการแต่งหน้าถือเป็นการหลอกลวง ดังการการแต่งหน้าถือเป็นเรื่องน่ารังเกียจและบาป   ศตวรรษที่ 16 ถ้าอยู่ในสังคมชนชั้นสูงในเวนิส ถือว่ามีอะไรให้แต่งเยอะเลย เพราะที่นั่นถือเป็นเมืองแฟชั่นแห่งการแต่งหน้าของคนรวยเลยก็ว่าได้ แต่สิ่งที่เขาเอามานั้นล้วนแต่เป็นของที่มีผลร้ายต่อใบหน้าเป็นอย่างมาก   ศตวรรษที่ 18 การแต่งหน้าในสมัยนี้เหมือนเป็นการบอกสถานะทางสังคม โดยเฉพาะที่ประเทศฝรั่งเศสที่เหมือนเป็นศูนย์กลางการแต่งหน้าทั่วยุโรป การแต่งหน้ากลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการแต่งสีฉูดฉาดด้วยการปัดแก้มแดงๆ    …

  • เปิดกรุสงครามโลกครั้งที่ 2 อาวุธลับของนาซี ต้นแบบของหลายสิ่งประดิษฐ์สุดล้ำในปัจจุบัน!!!

    เปิดกรุสงครามโลกครั้งที่ 2 อาวุธลับของนาซี ต้นแบบของหลายสิ่งประดิษฐ์สุดล้ำในปัจจุบัน!!!

    เมื่อราวๆ อาทิตย์ที่ผ่านมาน้ พึ่งครบรอบ 76 ปีของวันเริ่มสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อจักรวรรดิเยอรมันในสมัยนาซีของฮิตเลอร์ ได้ยกทัพเข้ายึดโปแลนด์ แน่นอนว่าตอนนั้นวิทยาการโดยเฉพาะทางด้านการสงครามของเยอรมนีนั้น เป็นแนวหน้าของโลก ล้ำยุคไปกว่าประเทศอื่นนับสิบๆ ปีก็ว่าได้ และสิ่งเหล่านี้อาวุธลับเหล่านั้น!!!   Horten Ho 229 bomber คือชื่อของมัน ลำนี้เรียกได้ว่าเป็นอาวุธลับของฮิตเลอร์เลยล่ะ สามารถขนระเบิดและอาวุธได้กว่า 900 กิโลกรัมด้วยกัน บินด้วยความสูงกว่า 49,000 ฟุต แถมเร่งความเร่วได้กว่า 960 กิโลเมตร/ชั่วโมง เรียกได้ว่าเป็นเครื่องบินล่องหนลำแรกของโลก   Horten Ho 229 bomber บินเหนือเยอรมนี แต่กระนั้นด้วยปัญหาของเทคโนโลยีตัวนี้ที่มีมากมายพอสมควร ทำให้ไม่ได้รับความนิยมมากนัก ด้วยการยืนระยะที่ไม่ค่อยนานเท่าที่ควร แต่จะว่าไปแล้ว ก็นับว่าเป็นต้นแบบของเครื่องบินล่องหนในยุคนี้เลยล่ะ   The Fritz X radio-guided bomb ระเบิดติดตามรุ่นแรก น้ำหนักกว่า 1,500 กิโลกรัมด้วยกัน แถมสามารถบังคับให้ไปตกลงในจุดที่ต้องการได้แม่นยำจนน่าใจหาย เจาะเกราะหนากว่า 28 นิ้วได้สบายๆ แถมทิ้งได้จากระดับความสูงกว่า…

  • 16 ภาพแปลกๆ และหาดูยากจากประวัติศาสตร์ คุณอาจไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน!!! (ภาคที่เท่าไรแล้วไม่รู้)

    16 ภาพแปลกๆ และหาดูยากจากประวัติศาสตร์ คุณอาจไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน!!! (ภาคที่เท่าไรแล้วไม่รู้)

    ในประวัติศาสตร์ของโลกเรานี้ ก็เรียกได้ว่ามีอะไรแปลกๆ มากมายเหมือนกันเลยนะเนี่ย และแน่นอนมีบางสิ่งที่เราก็อธิบายไม่ได้จริงๆ ว่าทำไปทำไมกัน ลองมาดูกันเนาะว่าจะมีอะไรบ้าง ภาพ Al Pacino ในปี 1972 ที่เขาพยายามยิ้มให้กล้อง   ภาพของนายพล Wood ในปี 1932 ที่กำลังจะไปตีกอล์ฟ   การสร้าง Godzilla ในปี 1947   ในงานปั่นจักรยานที่เดนมาร์ก พระเจ้าคริสเตียนที่ 10 ได้ขี่ม้าท่ามกลางฝูงชนแทนจักรยาน   ชิคาโก้ในปี 1956 ที่คนกำลังตื่นตาตื่นใจ ในสิ่งประดิษฐ์ใหม่ที่เรียกกันว่า ‘ถนน’   ภาพของ Nicolas Ray ที่ให้อาหารหมี ซึ่งภายหลังได้กลายมาเป็นภาพโฆษณาของ Coca-Cola   พระราชินิอลิซาเบ็ธในวัยเยาว์ ก่อนที่จะได้รับเลือกให้เป็นราชินิแห่งอังกฤษ   ภาพวันแต่งงานของ John F. Kennedy   ชายตาบอด John Wilson และม้าของเขา  …

  • 20 ภาพประวัติศาสตร์หาดูยาก ที่อาจทำให้คุณรู้จัก ‘โลกของเรา’ มากกว่าที่เป็นอยู่!!!

    20 ภาพประวัติศาสตร์หาดูยาก ที่อาจทำให้คุณรู้จัก ‘โลกของเรา’ มากกว่าที่เป็นอยู่!!!

    วันนี้เหมียวก็ขอนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ 20 ภาพจากประวัติศาสตร์ ที่เรียกได้ว่าเพื่อนๆ หลายๆ คนอาจไม่เคยเห็นกันมาก่อนเลยทีเดียว เราลองมาชมกันเลยนะจ๊ะ รับรองมุมมองที่เรามีต่อโลกอาจจะเปลี่ยนไปเลยล่ะ….   Osama Bin Laden กับเพื่อนร่วมคลาสยูโดของเขาในวัยหนุ่ม   Charles Duke นักบินอวกาศทิ้งรูปของเขาและครอบครัวที่พื้นผิวดวงจันทร์ ระหว่างปฏิบัติภารกิจ Apollo 16 ปี 1972   การประกวด Miss Atomic Bomb ในปี 1950   Bill Gates ถูกจับในปี 1977 ข้อหาขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่   ไอน์สไตน์ นั่งชิวๆ อยู่ริมหาด   ก่อนลงหาดในสมัยก่อน ผู้หญิงต้องถูกวัดความยาวของกระโปรง ว่าเหมาะสมแล้ว   ในปี 1940 เด็กๆ ต้องสวมชุดกันแก๊ส ระหว่างที่เมืองลอนดอนถูกเครื่องบินทิ้งระเบิดอย่างหนัก ในสงครามโลกครั้งที่ 2   William Harley  และ…

  • ประวัติศาสตร์อาวุธของมนุษยชาติ ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์จนถึงปัจจุบัน!!! [มีคลิป]

    ประวัติศาสตร์อาวุธของมนุษยชาติ ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์จนถึงปัจจุบัน!!! [มีคลิป]

    วันนี้เหมียวก็มีสาระดีๆ มาฝากเพื่อนๆ กันอีกแล้วจ้า ซึ่งวันนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การใช้อาวุธของมนุษยชาติของเรา ในสงคราม หรือการต่อสู้ต่างๆ ตั้งแต่ขวานยันโดรนกันไปเลยทีเดียว ลองมาชมกันได้เลย   ตั้งแต่การเริ่มใช้ธนู ราวๆ 40,000 ปีก่อนคริสตศักราช ตอนนั้นเรียกได้ว่าทันสมัยสุดๆ   และการใช้ดาบ ที่นิยมแพร่หลายในราวๆ 14,000 ปีก่อนคริสตศักราช   ไฟแห่งกรีก ในปี 672 ที่เรียกได้ว่าเผาเรือศัตรูได้เป็นกองทัพเลยทีเดียว   ขอตัวกระโดดมาในช่วงยุคศตวรรษที่ 14 ที่เจ้าหอกลูกผสมชนิดนี้ สามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับศัตรู ทั้งจากการฟัน และแทง   ปี 1411 ที่เริ่มมีการใช้ปืนไฟ เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของปืนยุคบุกเบิกเลยทีเดียว   จนกระทั่งปัจจุบันก็รบกันบนโลกไซเบอร์ไปเลย -*-   และโดรน ที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยไม่ต้องเอาชีวิตของมนุษย์ไปเสี่ยง   ว่าแล้วเราลองมาชมวิดีโอกันแบบเต็มๆ ได้ที่นี่เลยจ้า เรียกว่าเป็นประวัติศาสตร์การฟาดฟันกันมาอย่างยาวนานของมนุษย์จริงๆ สรุปมาให้ดูกันสั้นๆ แล้วนะจ๊ะ ไว้วันหลังเราจะหาสาระดีๆ แบบนี้มาฝากกันใหม่น้า ติดตามมาชมได้กับเหมียวทุกๆ วันเลย ที่มา: Buzzfeed