อย่างสวย!! ชุบชีวิตภาพช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เพื่อเฉลิมฉลองการยุติสงครามครบ 99 ปี

การประกาศยุติสงครามเหมือนจะเป็นเรื่องที่ชาติต่างๆ ในโลกต่างพากันยินดี เพราะว่าในยุคสงครามนั้นผู้ชายส่วนใหญ่จะถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารสำหรับการสู้รบและนั่นทำให้พวกเขาต้องพลัดพรากจากครอบครัวของพวกเขาไป

ด้วยโอกาสอันดีที่สงครามนี้ได้ยุติลงในวันที่ 11 พฤศจิกายนซึ่งในปีนี้ได้ครบรอบ 99 ปี Royston Leonard ชาวอังกฤษวัย 55 ปี จึงได้นำรูปถ่ายต่างๆ ที่เคยเป็นเป็นรูปขาวดำมาชุบชีวิตใหม่ให้เกิดเป็นภาพสีขึ้นเพื่อให้เห็นอิริยาบถต่างๆ ของเหล่าทหารได้ชัดเจนขึ้น

โดยในสงครามโลกครั้งที่ 1 นี้มีทหารชาวอังกฤษเสียชีวิตลงถึง 700,000 นาย ท่ามกลางการต่อสู้ระหว่างทหารกว่า 6 ล้านนายในสนามรบซึ่งนับว่าเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของโลกตลอดกาลเลยทีเดียว

 

เหล่าทหารโศกเศร้าที่เขาต้องเสียเพื่อนร่วมรบไป

 

เราจะระลึกถึงพวกเขา: กษัตริย์จอร์จที่วางพวงมาลาบนโลงศพของทหารกล้าในวันที่ 11 พฤศจิกายน 1920

 

ความรื่นเริงหลังจากประกาศยุติสงคราม ภาพนี้ถ่ายที่ฟิลาเดลเฟียวันที่ 11 พฤศจิกายน 1918

 

ภาพแม่ชีวางพวงมาลาบนหลุมศพของทหารกล้าที่เสียชีวิตลงไป

 

กลุ่มทหารสก็อตแลนด์กำลังมีความสุขที่จะได้ขึ้นรถกลับบ้านกัน

 

กลุ่มทหารโพสต์ท่าให้ถ่ายรูปขณะกำลังดีใจที่สงครามยุติสักที

 

ร่องรอยการทำลาย: หลุมระเบิดในเมืองแห่งหนึ่งที่ทำลายอาคารหายไปเลย

 

คู่รักสูงวัยทักทายกับกองทหารราบที่ 308

 

ทหารเยอรมันนั่งอยู่บนรถถังคันหนึ่ง

 

กองกำลังสก็อตเดินขบวนไปพร้อมกับปืนไรเฟิลเดินผ่านกองหญ้าระหว่างรบคลองดูนอร์ด ปี 1918

 

ทหารชาวแคนาดาระหว่างกำลังเข้ารบกับศัตรู

 

ทหารชาวแคนาดาพักผ่อนด้วยการดูดบุหรี่

 

การทำลายล้าง: ทหารสามคนมองข้ามสนามรบที่มีรถบรรทุกคว่ำ

 

ทหารชาวอังกฤษ 8 นายยืนหน้าอาคารที่โดนระเบิดและโพสต์ท่ายิ้มให้กับกล้อง

 

ประชาชนชาวอเมริกาเฉลิมฉลองการยุติสงคราม

 

นักโทษชาวเยอรมันช่วยทหารชาวอังกฤษให้เดินทางต่อไปได้

 

กัปตัน Benjamin H Geary VC ได้รับบาดเจ็บนอนอยู่ในเปล

 

ทหารชาวฝรั่งเศสนั่งหมดแรงระหว่างสงคราม Verdun

 

ทหารเยอรมันโพสต์ท่าถ่ายรูปกับรถหุ้มเกราะที่ประเทศยูเครนในปี 1918

 

ม้าของทหารปืนใหญ่กำลังขนสัมภาระต่างๆ

 

ทหารออสเตรเลียถือกองทรายไปซ่อมแนวหน้าที่พังยับเยิน

 

เห็นภาพรอยยิ้มของเหล่าทหารทั้งหลาย

ที่จะได้กลับบ้านแล้วก็พลอยดีใจตามไปด้วยเลย

 

ที่มา: dailymail

Comments

Leave a Reply