Tag: งานศิลปะ

การวาดภาพคงเป็นสิ่งที่หลายๆ คนชื่นชอบ แต่มักจะมองว่าตัวเองไม่สามารถทำมันได้ดี ทั้งๆ ที่จริงแล้วสิ่งนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่พรสวรรค์ หากแต่มันยังต้องใช้พรแสวงหรือแรงกายแรงใจของตัวเราเองในการสร้างมันขึ้นมา เช่นเดียวกันกับหญิงสาวคนนี้ ศิลปินที่ชื่อใช้ว่า Floortje เธอคือช่างภาพงานแต่งและมีความชอบในการวาดภาพโดยใช้โปรแกรม Photoshop ซึ่งศิลปินสาวก็เกิดไอเดียที่จะนำแสนอให้ทุกคนเห็นว่า การสร้างสรรค์ผลงานให้สวยงามนั้นมันขึ้นอยู่กับการฝึกฝนและการทุ่มเทเวลาไปกับมัน ทั้งหมดนี้คือความแตกต่างระหว่างภาพที่เธอใช้เวลาทุ่มเทพยายามวาดมันขึ้นมา กับภาพที่เธอทำมันด้วยเวลาเพียงน้อยนิด เราลองไปชมตัวอย่างที่เธอนำเสนอกันได้เลย   เราลองไปดูจากส่วนเล็กๆ อย่างดวงตา ผลงานที่เธอใช้เวลาวาดมันแค่ 3 นาที เทียบไม่ได้เลยกลับผลงานที่เธอใช้เวลาวาดนานถึง 40 นาที . .   เธอต้องการแสดงให้เห็นว่า การวาดภาพนั้นสามารถพัฒนาได้ ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน . .   จากการใช้เวลาไปกับมัน ทำให้ผลงานของเธอออกมาสวยงามไม่แพ้ศิลปินหลายๆ คนเลย .   แม้แต่ภาพตอนหลับตาก็ดูมีมิติไปอีกแบบ   จมูกคงเป็นส่วนที่วาดได้ไม่ยาก   ตอนวาดไป 5 นาทีก็โอเคแล้วนะ แต่ถ้าอยากให้สมจริงก็ต้องใช้เวลาเติมสีสันอีกซะหน่อย   ปากเองก็ดูเหมือนวาดไม่ยาก แต่การจะทำให้มันดูอวบอิ่มก็ไม่ใช่เรื่องง่าย .   เพิ่มแสงและเงาเข้าไป   จากสีพื้นๆ…

สิ่งของที่เราใช้หรือได้เจอกันอยู่ในชีวิตประจำวัน เราอาจมองมันเป็นเพียงแค่สิ่งที่เราเห็นกันจนชินตา แต่เราอาจไม่รู้มาก่อนว่าแท้จริงแล้วมันสามารถที่จะถูกเปลี่ยนกลายเป็นงานศิลปะที่สวยงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ วันนี้ #เหมียวตะปู จึงอยากชวนให้เพื่อนๆ ทุกคนได้ลองมาสัมผัสกันด้วยสายตา กับเหล่าผลงานศิลปะที่เกิดขึ้นมาจากสิ่งรอบๆ ตัว แต่ละสิ่งเปลี่ยนไปเป็นอย่างไรบ้าง เราลองไปชมกันเลยจ้า   คราบกาแฟหก ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเรือที่กำลังออกสู่ทะเลอันกว้างใหญ่   เทปเก่าๆ กลายเป็นศิลปินชื่อดังอย่าง John Lennon   ดินสอสีถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นดอกไม้ หรือว่าพืชกินคนกันแน่นะ   ทุ่งนามาพร้อมกับภาพอันโดดเด่น   ขยะถุงพลาสติกจำนวนมหาศาล กลายเป็นเจ้าหมีขาว สื่อถึงการต้องช่วยกันอนุรักษ์ ลดใช้ถุงพลาสติกเหล่านี้   ชิพที่มีอยู่ตามคาสิโน มารวมกันเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเงินตรา   เครื่องดื่มที่ไม่ว่าจะอร่อยขนาดไหน แต่ก็ไม่อยากดื่ม เพราะรู้สึกเสียดาย   กองขยะหลากหลายแบบ ถูกเอามารวมกันแล้วเปลี่ยนให้กลายเป็นงานศิลปะ   แกนกลางของอะโวคาโด พร้อมกับคุกกี้แกะสลัก ดูราวกับคุณปู่กำลังจำศีล   ตึกเยลลี่ ที่นี่มีแต่ความหอมหวาน   ผลงานที่เราเห็นอยู่นี้ เกิดขึ้นจากการตกแต่งภายในแก้วกาแฟสองใบ   เราสามารถกินของในห้องได้แทบทุกอย่าง เพราะพวกมันทำมาจากเค้ก   วันไหนที่ไม่ได้ล้างรถ กลับมาก็อาจได้เจอกับผลงานในลักษณะนี้…

ขนมเค้ก คงเป็นหนึ่งในของหวานที่หลายๆ คนโปรดปรานกันอย่างมาก และได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก มักจะถูกนำไปใช้สำหรับในงานเฉลิมฉลองต่างๆ อย่างเช่นงานแต่งงานหรือว่างานวันเกิด แต่ขนมเค้กเหล่านี้ที่เรานำมาให้เพื่อนๆ ได้เห็นกันในวันนี้กลับมีความพิเศษมากกว่านั้น เพราะคนที่ทำมันขึ้นมาได้ใส่ทั้งจินตนาการและฝีมือของตัวเองไปอย่างเต็มที่ จนมันดูเหมือนกับเป็นงานศิลปะมากยิ่งกว่าจะเรียกว่าเป็นขนมทั่วๆ ไป แต่ละชิ้นสวยงามอลังการ หรือว่าแปลกตาเรามากขนาดไหน เลื่อนลงไปดูกันเลย   สรุปว่านี่จะเป็นขนมเค้ก หรือว่าเป็นผลไม้กันแน่   เค้กที่ดูไม่ค่อยเหมาะกับคนที่กลัวงูสักเท่าไหร่   ขนมเค้กสำหรับเหล่าผู้รักการอ่านทั้งหลาย   ตัวบ้านว่าสวยแล้ว ตรงลูกโป่งนี่เรียกว่าเจ๋งสุดๆ ไปเลย   สรุปว่าเขาทำมันออกมาเป็นรูปทรงอะไรกันแน่นะ   ต้องดูดหรือต้องตักกินกันแน่ละเนี่ย?   รู้สึกกินไม่ลง อยากเก็บเข้าตู้โชว์มากกว่า   ถ้าวางไว้ตรงชั้นรองเท้า คงต้องเผลอใส่ออกไปเล่นบาสแน่นอน   นี่มันคือเค้กจริงๆ นะเออ   สถาปัตยกรรมเค้ก ตัดกินพอดีคำ   อยากรู้จริงๆ ว่าเขาใช้เวลานานเท่าไหร่ในการสร้างผลงานนี้ขึ้นมา   อยากรู้จังว่ากระทะที่เราเห็นนั่นของจริงหรือเปล่า   ถ้าบอกว่าเป็นผลงานของสถาปนิกก็จะไม่แปลกใจเลย   เค้กไก่ KFC กินได้ทั้งกล่อง   เค้กที่นำเอางานศิลปะมาประทับไว้ด้านบน  …

ประติมากรรมคือศาสตร์แขนงหนึ่งของงานศิลปะ ซึ่งจะสามารถสร้างขึ้นมาได้โดยวิธีการปั้น หล่อ แกะหลักหรือการจัดองค์ประกอบความงามลงให้วัตถุต่างๆ แล้วทำให้เกิดเป็นรูปทรงสามมิติและมีการสื่อความหมายถึงสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสังคม วัฒนธรรมรวมถึงจิตใจของมนุษย์ด้วย และหากเพื่อนๆ สนใจด้านประติมากรรม วันนี้เราจะมาแนะนำศิลปินที่ใช้ชื่อว่า Artiste les Tordus ศิลปินที่มีแนวทางการสร้างสรรค์ผลงานจากโลหะเหลือใช้แล้วนำมารีไซเคิลใหม่ โดยที่จริงๆ แล้ว Artiste les Tordus เป็นการรวมตัวของคนสองคนคือ Johanne Charest และ Robin Laverdure สองคนที่แตกต่างกันสุดขั้ว แต่ชอบ Tim Burton เหมือนกัน และนั่นทำให้งานของเขาสามารถสัมผัสถึงความเป็น Tim Burton ได้อยู่หน่อยๆ พวกเขากล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมาเราได้สร้างสรรค์ผลงานไม่ว่าจะเป็นทั้งรูปแบบธรรมดาและรูปแบบสี ประติมากรรมเป็นตัวขยายความคิดของเรา เราใช้มันเป็นตัวสื่อถึงจิตวิญญาณของเราและคุณจะสามารถหาข้อความลับๆ ที่ถูกซ่อนอยู่ได้” “งานส่วนใหญ่ของพวกเราจะเป็นประกอบไปด้วยวัตถุดิบที่เป็นโลหะ เช่น เศษทองแดง ทองเหลือง สเตนเลส เหล็กอ่อนและอลูมิเนียมเป็นต้น ชิ้นส่วนเหล่านี้สามารถจัดการและรวมโดยใช้วิธีเชื่อมและสลักเกลียวเข้าด้วยกัน ประมาณ 80% ของการสร้างสรรค์ผลงานของเรา พวกเราจะสร้างมันขึ้นจากวัสดุรีไซเคิล เพราะพวกเราให้ความสำคัญกับการใช้ซ้ำและการรีไซเคิลนั่นเอง” เขาพูดมาขนาดนี้แล้ว คงอยากที่จะเห็นผลงานของเขากันแล้วใช่ม้าาา เอาล่ะ เดี๋ยวเราไปชมพร้อมๆ กันเลยครับ   Johanne Charest และ Robin Laverdure…

งานของเหล่านักออกแบบทั้งหลายถือเป็นเรื่องที่หนักหนาเอาการอยู่เหมือนกัน เพราะคำขอของลูกค้าบางทีก็โหดหินเอาซะเหลือเกิน เช่นเดียวกันร้านอาหาร Galeria Urbana ที่ตั้งอยู่ในเมืองเคานัส ประเทศลิทัวเนีย ได้ทำการจ้างบริษัทออกแบบ Gyva Grafika ที่อยู่ในเมืองเดียวกันมาทำการตกแต่งห้องน้ำที่ร้านใหม่ โดยมีข้อแม้ว่าแต่งให้ออกมาดูสวยงาม แต่ห้ามเปลี่ยนกระเบื้องของทางร้านออก เอาล่ะสิครับ งานนี้ใครเจอก็คงไปไม่เป็น แต่สำหรับยอดนักออกแบบจากสตูดิโอ Gyva Grafika กลับทำมันออกมาได้อย่างงดงาม     ทีมงานนักออกแบบได้ทำการเดินทางไปถ่ายภาพตามมุมต่างๆ ในเมืองเคานัสแล้วก็ปริ้นต์ออกมาเป็นสติกเกอร์ โดยไอเดียของงานชิ้นนี้ทางด้าน Gyva Grafika เล่าวว่า “ที่ลิทัวเนีย พวกเรามักจะละเลยในเรื่องของสถานที่สาธารณะ ผู้คนมากมายอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่สะอาด” “แต่เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากบ้านก็จะพบว่าสถานที่ที่อยู่ข้างนอก ทั้งบันได สนามหญ้า และสวนสาธารณะต่างๆ ทั้งหมดถูกปล่อยปละละเลย และด้วยเหตุผลนี้เองพวกเราก็เลยอยากสร้างความสมดุลขึ้นมา ด้วยการนำสิ่งของที่อยู่ภายนอกมาไว้ภายในซะเลย ด้วยเหตุนี้เองสถาปัตยกรรมสำหรับห้องน้ำจึงได้ถือกำเนิดขึ้น!!”     ซึ่งในระหว่างการถ่ายภาพตามที่ต่างๆ ก็เกิดปัญหาขึ้นเล็กน้อย “มีผู้คนมากมายต่างก็เข้าผิดคิดว่าเราเป็นปาปารัซซี่ มาแอบถ่ายภาพพวกเขา บางคนก็พยายามปิดหน้าต่างบ้านหนี บางคนก็ถึงกับเดินออกมาเพื่อถามถึงสาเหตุว่าทำไมถึงถ่ายภาพ?”     “แต่พอพวกเราบอกว่าจะเอาไปทำเป็นงานศิลปะ พวกเขาก็ยินดีที่จะให้เราถ่าย และกลับเข้าอพาร์ตเมนต์ไป”   . . . . . . . .…

หลายๆ ครั้งเรามักจะมองเห็นถึงความแตกต่างระหว่าง ภาพวาด และ ภาพถ่าย กันได้อย่างชัดเจน วันนี้ #เหมียวตะปู จึงอยากลองชวนให้เพื่อนๆ มาจำแนกกันดูว่า 4 ภาพนี้อันไหนคือภาพวาด ส่วนอันไหนคือภาพถ่าย เราลองเลื่อนลงไปดูภาพเหล่านั้นพร้อมๆ กันเลย   เพื่อนๆ ลองแยกดูว่า ภาพไหนคือภาพวาด ภาพไหนคือภาพถ่าย . . .   คำตอบของภาพทั้ง 4 ก็คือ “ไม่มีภาพถ่ายอยู่ในนี้ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นภาพวาด” ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินชาวญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Yasutomo Oka ผู้สร้างผลงานแห่งความสมจริงลงไปบนผืนผ้าใบอย่างงดงาม นี่คือตัวอย่างของผลงานที่เขาได้สร้างขึ้นมาผ่านนางแบบที่เป็นคนจริงๆ ผสมกับจินตนาการของตัวเอง แต่งแต้มสีลงไปอย่างพิถีพิถันจนทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าเป็นภาพถ่ายสวยๆ ภาพหนึ่งเลยก็ว่าได้     ทั้ง 4 ภาพนี้ได้ทำให้เหล่าชาวเน็ตญี่ปุ่นถึงกับตกตะลึง แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันคือผลงานที่เกิดจากปลายพู่กัน โพสต์ในทวิตเตอร์ของเขาจึงมีคนไลก์มากกว่า 155,000 ครั้งและรีทวีตออกไปอีกมากกว่า 56,000 ครั้ง รวมถึงความคิดเห็นที่เข้ามาชื่นชมผลงานของเขาอีกเพียบ “แม้ฉันจะรู้แล้วว่ามันเป็นภาพวาด แต่ฉันก็ยังคงมองว่ามันคือภาพถ่ายอยู่ดี” “นี่มันเหนือกว่าภาพวาดที่ฉันเคยเห็นมาตลอดชีวิต ทำเอาฉันรู้สึกตกใจมากจริงๆ” “ฉันขอพูดคำเดียวเลยว่า ‘น่าประทับใจ’…

บางครั้งเหล่าดารานักแสดงที่อยู่ในภาพยนตร์ที่พวกเราได้ดูหรือเหล่าคนดังที่มีชื่อเสียงทั้งหลายนั้นอาจจะมีความสามารถพิเศษอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการแสดงซ่อนอยู่ก็เป็นได้ จริงๆ แล้วพวกเขาไม่ได้ซ่อนมันไว้ แต่สื่อทั้งหลายนั้นเลือกที่จะนำเสนอส่วนอื่นของพวกเขาต่างหากล่ะ บางคนก็อาจจะเคยวาดภาพก่อนที่จะโด่งดังมีชื่อเสียง และบางคนก็อาจจะเพิ่งเริ่มวาดภาพในภายหลัง ดาราบางคนก็แอบเป็นศิลปินอย่างลับๆ ภายใต้นามปากกาเป็นเวลาหลายปี เช่น Lucy Liu ที่ได้แสดงผลงานของเธอภายใต้นามปากกา Yu Ling ในปี 1993 แต่ในปัจจุบันงานของเธอก็ได้ถูกจัดแสดงในชื่อจริงของเธอ ใครจะไปรู้ว่าดาราสุดเก๋าอย่าง Sylvester Stallone ที่พวกเรามักจะจินตนาการว่าเป็น Rambo ที่ต่อสู้กับวายร้ายนับร้อยก็อาจจะแอบเป็นศิลปินอย่างลับๆ ก็เป็นได้   1. Jim Carrey   2. Michael Jackson   3. Marilyn Manson   4. Anthony Hopkins   5. Johnny Depp   6. Tony Bennett   7. Ronnie Wood   8.…

“บิด ชิมครีม จุ่มนม” หลายๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับประโยคนี้มาตั้งแต่สมัยเด็ก จนกระทั่งปัจจุบันก็ยังได้ยินอยู่บ้าง เพราะว่ามันคือสโลแกนที่เมื่อพูดประโยคนี้เมื่อไหร่ เราก็มักจะนึกถึงคุกกี้ยี่ห้อหนึ่งที่มีความอร่อย สามารถทานได้บ่อยครั้งโดยไม่เบื่อและอยู่คู่กับเรามานานแสนนาน มันก็คือ คุกกี้โอรีโอ้ นั่นเอง การกินโอริโอ้นั้นก็แสนจะง่ายแสนง่าย แต่บางคนก็มีวิธีการกินที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น บิด ชิมครีม จุ่มนมเหมือนในโฆษณา หรือจะเปิดกินครีมก่อนแล้วค่อยกินคุกกี้ทีหลัง วิธีการเหล่านี้ไม่มีอะไรผิดอะไรถูกหรอก มันคือสไตล์น่ะ แต่คงไม่มีใครรู้ว่า คุกกี้โอริโอ้นอกจากจะอร่อยแล้ว มันยังสามารถดัดแปลงเป็นผลงานศิลปะได้ด้วยนะเออ ด้วยฝีมือของ Harley ศิลปิน Food Art ที่ได้มาโชว์ฝีมือในการเนรมิตโอรีโอ้ธรรมดาๆ ให้กลายเป็นงานศิลปะสุดเจ๋งได้ เอากับเขาสิ   เจ้าหมาสนูปปี้   The Boss Baby   ชุดว่ายน้ำและบิกินี่ลายจุดสีจี๊ดจ๊าด   ต้องใช้ฝีมือและต้องใจเย็นมากๆ เลยนะกว่าจะได้ภาพนี้   นักดับเพลิง   เจ้าผีน้อย   นับถือใจจริงๆ สุดยอดดด   Bob Marley นักร้องเร็กเก้ชาวจาเมกา   นกฟลามิงโก   แวนโก๊ะ…

เป็นเรื่องที่รู้กันโดยทั่วไปอยู่แล้วว่าการวาดภาพหรือการสร้างงานศิลปะแต่ละชิ้นให้ออกมาสวยงามและน่าสนใจนั้นต้องใช้ทักษะในการวาดภาพ ความพยายาม และความอดทนอย่างสูง แต่ก็มีศิลปินท่านหนึ่งได้ยกระดับความน่าประทับใจขึ้นมาอีกขั้น David Bayo ศิลปินจากเมือง Strasbourg ประเทศฝรั่งเศสที่เรียนรู้ทักษะการวาดภาพด้วยตัวเอง ได้ใช้เวลาหลายร้อยชั่วโมงในการจิ้มปากกาเป็นจุดอย่างพิถีพิถันลงในกระดาษ ทำให้เกิดเป็นภาพที่มีรายละเอียดสวยงาม     ในการที่จะชื่นชมความสามารถของเขาอย่างแท้จริงนั้น คุณจะต้องขยับเข้ามาและสังเกตงานของเขาใกล้ๆ แล้วคุณจะเห็นจุดจำนวนนับล้านที่เขาใช้เวลาเป็นร้อยๆ ชั่วโมงในการจิ้มทีละจุด แสดงให้เห็นถึงความใจเย็นในการสร้างงานศิลปะชิ้นนี้ขึ้นมาได้ Bayo ได้เริ่มชิ้นงานของเขาด้วยการวาดโครงร่างคร่าวๆ ด้วยดินสอ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มใส่รายละเอียดเพิ่มเติมด้วยจุดเล็กๆ นับล้านจุด ถึงแม้ว่าจะเป็นกระบวนการที่ใช้เวลาและความพิถีพิถันอย่างมาก แต่ผลที่ได้ออกมานั้นถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างมาก     ศิลปินชาวฝรั่งเศสท่านนี้ได้สร้างผลงานด้วยทักษะการจุดปากกาชิ้นแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้วด้วยผลงานที่มีชื่อว่า Bauhaus ภาพวาดอันสวยงามที่วาดขึ้นมาด้วยจุดนับล้าน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 90 ชั่วโมงในการวาด แต่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เขาก็ได้สร้างผลงานใหม่อีกครั้งที่ดูน่าประทับใจกว่าเดิม ซึ่งใช้เวลากว่า 300 ชั่วโมงและประกอบไปด้วยจุดกว่า 3 ล้านจุด   .   Bayo ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “จุดที่ผมอยากให้ทุกคนได้เห็นก็คือความประณีตของเส้นและจุดปากกาของผม ที่ทำให้เกิดเป็นภาพที่ดูสลัวๆ และค่อยๆ จางทำให้ภาพรวมที่ออกมานั้นดูเหมือนคนจริงๆ ผมสามารถใช้เวลาเป็นร้อยชั่วโมงในงานเพียงชิ้นเดียว ค่อยๆ ใส่รายละเอียดที่ผมชอบ”   คลิปวิดีโอผลงานที่ใช้จำนวนจุดประมาณ…

ด้วยความที่ธรรมชาติต่างๆ ภายในโลกของเรากำลังเสื่อมสภาพไปทุกวัน สาเหตุหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มนุษย์อย่างเราๆ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ จึงทำให้ศิลปินคนหนึ่งสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมา เพื่อที่จะให้ทุกคนได้สังเกตุเห็นถึงปัญหาดังกล่าว ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นในปัจจุบัน โดยผู้ที่มีความคิดสุดแสนจะบรรเจิดคนนี้ เป็นศิลปินชาวฝรั่งเศสที่ตัดสินใจใช้การตัดกระดาษสื่อความคิดเหล่านี้ออกไป และด้วยความที่เป็นงานถนัดของเขา ผลงานที่ออกมาจึงมีทั้งความสวยงามรวมถึงทำให้เราได้ฉุกคิดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กันด้วย แน่นอนว่าการทำผลงานให้ออกมางดงามเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะเขาคนนี้บอกว่าชิ้นงานทั้งหมด ล้วนแล้วแต่เป็นงานที่ต้องใช้ฝีมือทั้งนั้น ซึ่งผลลัพธ์ทั้งหมดที่ออกมานี้ก็เป็นสิ่งที่ทำออกมาจากใจ อีกทั้งยังเป็นชิ้นงานที่สำคัญมากๆ สำหรับตัวเขาเองด้วย ดังนั้นเราจึงเห็นได้ถึงความใส่ใจ ความละเอียดอ่อน ความวิจิตรตระการตาอยู่ในผลงานเหล่านี้ และหากใครที่สนใจผลงานเพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ hipolyte นี้เลย   ลองดูภาพมุมกว้างกันก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง   เมื่อซูมเข้าไปก็จะเห็นถึงความละเอียดลออของศิลปินคนนี้   เหมือนตัวอะไรสักอย่างไหม   หลากหลายสีสันให้เราเลือกชม   นี่มันทำมาจากกระดาษจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย   คงจะต้องใช้เวลานานพอดูเลยทีเดียว   ต้องเก่งขนาดไหน ถึงจะตัดกระดาษได้ขนาดนี้กันนะ   ปะการังใต้ท้องทะเล   ดูเป็นธรรมชาติแบบสุดๆ   ดูแล้วรู้สึกหยึยๆ ยังไงชอบกล   มีตัวอะไรอยู่ในนี้บ้างไหม??   เนี้ยบทุกองค์ประกอบ   ไม่ว่าจะคนสร้างหรือธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมา ก็มีความสวยงามเช่นกัน  …

บางคนอาจจะเคยคิดว่าศิลปินกราฟิตี้นั้น มันก็ไม่ต่างจากการที่เด็กมือบอนมาเขียนเล่นบนผนัง มันทั้งสกปรกและไร้ซึ่งประโยชน์ แต่วันนี้พวกคุณอาจจะต้องคิดกันใหม่ เพราะศิลปินกราฟิตี้สุดแนวคนนี้เขาทำ คืองานที่มีประโยชน์ ว่ากันว่าศิลปินกราฟิตี้ Thomas Dambo นั้นรักนกมาก แต่ในเดนมาร์กที่เขาอยู่นั้น มันมีต้นไม้อยู่ไม่มากพอจะให้นกอยู่นี่สิ     ด้วยเหตุผลข้างต้น วันหนึ่ง Dambo ที่เจอกับเศษไม้กองใหญ่จึงนึกขึ้นมาได้ว่าถ้ามันไม่มี ก็สร้างมันขึ้นมาเองเลยสิ “ผมซื้อไม้อัดทั้งหมดที่ผมเจอโดยคิดว่าจะเอาไปทำ ศิลปะข้างถนนเท่ๆ แล้วผมก็ตัดสินใจทำบ้านนกนี่ล่ะ” Dambo กล่าว     “ก็รู้กัน เมื่อก่อนผมเคยไปวาดกราฟิตี้บนถนนอยู่บ่อยๆ และเพื่อนๆ ของผมก็เคยมีปัญหาเพราะมัน ผมชอบกราฟิตี้มากก็จริงแต่ใช่ว่าทุกคนจะชอบมัน ผมเลยต้องทำงานตอนกลางคืนไปวิ่งหนีตำรวจไป” Dambo เล่าประสบการณ์ในอดีต “ดังนั้นสำหรับผมการทำบ้านนกก็คือการทำสิ่งที่ทุกคนชอบ บางสิ่งที่ผมทำได้ทั้งวันโดยที่ไม่ต้องวิ่งหนีใคร เพราะว่าบ้านนกนั้นมีประโยชน์ ไม่เหมือนภาพกราฟิตี้ที่มีดีแค่สวย” เขาให้ความเห็นแบบนั้น   . . . . . . .   บอกแล้วว่าศิลปินกราฟิตี้ นั้นไม่ได้มีแต่เขียนกำแพงไปวันๆ หรอกนะ นี่ไงล่ะ งานของศิลปินกราฟิตี้ ที่ดีและสร้างสรรค์สามารถแถมยังสามารถใช้ประโยชน์ได้จริงอีกด้วย   ที่มา Sobadsogood

ความสามารถของคนเรามันช่างน่าทึ่ง หากคนเราพยายามจะทำอะไรสักอย่างด้วยพรสรรค์บวกกับความพยายามแล้วล่ะก็ ผลงานที่ออกมาก็มักจะออกมาเป็นผลงานชั้นยอดเสมอ เอาล่ะก่อนที่จะอธิบายอะไรไปมากว่านี้ เพื่อนๆ ลองชมภาพข้างล่างนี้แล้วเดาสิว่าของที่อยู่ในภาพคืออะไรกัน     มันคืออ่างปลาขนาดเล็กใช่ไหมล่ะ อ่างปลาที่ทำจากการเจาะหินเป็นรูอย่างปราณีต แล้วก็นำน้ำกับปลาใส่ลงไปในนั้น มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ ถ้าหากว่าเพื่อนๆ คิดแบบนั้นแล้วล่ะก็ คงต้องบอกว่าคิดผิดเสียแล้ว เพราะในรูปข้างบนนั้นไม่มีสิ่งมีชีวิตแม้แต่ตัวเดียวนั่นเอง   ถึงจะไม่น่าเชื่อก็ตามแต่ปลาที่อยู่ในอ่างนี้ถูก “วาดขึ้น” ด้วยฝีมือของมนุษย์   ศิลปินหนุ่มชาวจีน Jiāhuī (อ่านว่า เจียฮุย) ผู้ซึ่งเพิ่งจะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในเมืองซีอาน มณฑลส่านซีได้วาดปลาเหล่านั้นขึ้นมาทีล่ะตัวๆ ด้วยเทคนิคการวาดภาพเรซิ่นสามมิติซึ่งเป็นการวาดภาพลงบนเรซิ่นซ้อนกันเป็นชั้นๆ จนเกิดเป็นรูปร่างสามมิติอย่างที่เห็นนั่นเอง   อ่างหินจำนวนมากที่ถูกเตรียมไว้   ศิลปินหนุ่มกับการวาดภาพของเขา   การวาดจะทำโดยวาดภาพสองมิติทับกันไปเป็นชั้นๆ ไปเรื่อยๆ   การเก็บรายละเอียดขั้นสุดท้าย   ผลงานที่ออกมานั้นหากมองจากด้านบนแล้วจะแทบแยกความแตกต่างไม่ออกเลยทีเดียว   เหมือนมากจนน้องแมวยังหลงกล   อ้าว… ไม่ใช่ปลาเหรอ งงอ่ะดิงง   เป็นไงล่ะเพื่อนๆ สวยมากจนอยากได้เลยล่ะสิ ที่มา Dwnews

หากคุณคิดว่าการสร้างงานศิลปะนั้นคือการวาด การปั้น หรือถ่ายภาพนั้น คุณอาจจะกำลังคิดผิด เพราะในครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปชมงานศิลปะที่ไม่ได้ใช้ฝีมือคนในการสรรค์สร้าง แต่กลับใช้ธรรมชาติในการรังสรรค์มันขึ้นมา เกิดเป็นผลงานที่ดูแปลกตาแต่ก็สวยงามอย่างคาดไม่ถึง ศิลปินชาวอิสราเอล Sigalit Landau เธอได้สร้างสรรค์งานศิลปะที่ไม่เหมือนใครขึ้น โดยเธอได้สร้างผลงานจากทะเลเดดซี โดยใช้วัตถุต่างๆ แขวนตรึงไว้แล้วจุ่มลงไปในน้ำทะเล เพื่อสร้างประติมากรรมที่ห่อหุ้มไปด้วยเกลือที่หนาแน่น เมื่อปีที่แล้ว Landau เคยสร้างผลงานสุดพีค ที่เป็นประติมากรรมเกลือในรูปแบบของชุดเครื่องแต่งกายสุดอลังการ ทำให้เราได้เห็นถึงการศิลปะที่แปลกใหม่ และมันดูน่าทึ่งสุดๆ     มาในปีนี้ผลงานล่าสุดของเธอ เรียกได้ว่ามีความสวยงามไม่แพ้กับของปีที่แล้วเลย เธอเลือกที่จะใช้วัตถุแบบง่ายๆ ที่มีพื้นผิวและรูปร่างคุ้นตา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกาย รองเท้า จักรยาน หรือแม้แต่เครื่องดนตรี   “วัตถุเหล่านี้สูญเสียจิตวิญญาณแรกเริ่มของตนเองไป แต่ในขณะเดียวกันมันก็ถูกสภาพแวดล้อมแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นงานศิลปะชิ้นใหม่” Landau กล่าว .   สิ่งของต่างๆ เหล่านี้เหมือนมันได้กลายเป็นสิ่งใหม่ เรียกได้ว่าเป็นการแสดงผลงานทางศิลปะอีกแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน . . . . . .   Landau ได้เก็บผลงานของเธอไว้ในหนังสือที่ชื่อว่า “Salt Years” ทุกคนจะได้เข้าไปสำรวจกระบวนการสร้างงานศิลปะเหล่านี้ และคุณจะได้พบกับมุมมองใหม่ของงานประติมากรรมคริสตัลเกลือ ที่มีทั้งภาพและวิดีโอตลอด 15 ปีในการสร้างงานศิลปะของเธอ  …

คุณ Suzie Blake ศิลปินสาวชาวออสเตรเลีย เจ้าของผลงานศิลปะ The Wall Of Shamed งานศิลปะที่บอกเล่าถึงเรื่องราวความน่าละอายในสิ่งต่างๆ ที่ผู้หญิงต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นความอายในเรื่องรูปร่าง ความอ้วน การมีประจำเดือน หรือแม้การถูกคุกคามทางเพศ ศิลปินสาวผู้นี้ได้เล่าถึงที่มาของผลงานของเธอว่ามันเริ่มต้นมาจากประสบการณ์การถูกล้อเกี่ยวกับรูปร่างของเธอในตอนเด็กๆ เธอต้องการที่จะสร้างงานศิลปะชิ้นนี้เพื่อให้ผู้หญิงและเด็กสาวคนอื่นๆ ได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ความน่าอายเหล่านั้นเพราะบ่อยครั้งที่พวกเธอมักจะตกเป็นเหยื่อของการดูถูกและกล่าวโทษ     “บางศาสนาเชื่อว่าประจำเดือนของผู้หญิงนั้นเป็นสิ่งที่สกปรกและเป็นสิ่งที่ไม่ดี หรือบางครั้งถ้าหากผู้หญิงอยากแต่งตัวสวยๆ หรือชุดที่เซ็กซี่ๆ พวกเธอก็มักจะถูกมองเป็นคนไม่ดี นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการให้นมลูกในที่สาธารณะ และการตัดสินพวกเธอจากรูปลักษณ์ภายนอกอีกด้วย ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้พวกผู้หญิงแบบเราเกิดความอับอาย” ศิลปินสาวกล่าว     คุณ Suzie Blake ศิลปินสาวชาวออสเตรเลียเจ้าของผลงานศิลปะชุดนี้   ข้อความต่างๆ ที่อยู่บนกำแพงนั้น เป็นสิ่งที่ให้ผู้เข้าชมผลงานศิลปะ ได้แบ่งปันเรื่องราวความอายที่พวกเธอต้องเผชิญ ซึ่งพวกเธอเลือกที่จะสื่อออกมาจากการวาดภาพ หรือเขียนข้อความบอกเล่าเรื่องราวเหล่านั้นก็ได้   หนึ่งในข้อความจากผู้เข้าชมผลงานศิลปะครั้งนี้ ที่บอกว่าเธอเองก็ถูกแฟนหนุ่มด่าว่าอ้วนเหมือนกัน   และนอกจากการเขียนข้อความต่างๆ ลงในกำแพงที่นำมาจัดในนิทรรศการ ศิลปะ the Victorian College of the Arts Masters Graduate ที่กรุงเมลเบิล ประเทศออสเตรเลียแล้ว ศิลปินสาวยังได้เชิญชวนให้เหล่าสาวๆ ได้แบ่งปันประสบการณ์ดังกล่าว่านแฮชแท็ก #wallofshamed อีกด้วยเช่นกัน      …

สำหรับบ้านเราแล้ว การเพลิดเพลินกับกัญชานั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และการออกมาเปิดเผยตัวว่าเป็นผู้ใช้กัญชาเองก็อาจจะทำให้คุณถูกจับไปปรับทัศนคติได้ง่ายๆ แต่ในบางประเทศที่เจ้าพืชชนิดนี้ถูกกฎหมายแล้ว มันกลับสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับรัฐหรือประชาชนในประเทศนั้นได้อย่างมากเลยทีเดียว และหนึ่งในนั่นก็คือ Ben Milstein หนุ่มน้อยนักทำบ้องและนักสะสมงานศิลปะวัย 22 ปี ที่เป็นเจ้าของหอศิลป์ Grey Space Art ที่จัดแสดงงานศิลปะเกี่ยวกับบ้องกัญชาและไปป์   Ben Milstein (ซ้าย) นักสะสมงานและจำหน่ายงานศิลปะ   หนุ่มน้อยวัย 22 ปี ผู้นี้ได้เข้าสู่วงการนักสะสมงานศิลปะจากการขายของใช้เกี่ยวกับกัญชาราคาแพงทั้งบ้องแก้วและไปป์แบบทำมือ นอกจากนี้เขายังได้ลงทุนในหุ้นของบริษัทกัญชาถูกกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2013 อีกด้วย ซึ่งสร้างเงินให้เขาได้เป็นอย่างมาก เด็กหนุ่มผู้ก่อตั้ง Grey Space Art หอศิลป์แบบเคลื่อนที่ที่สามารถตระเวนไปตามเมืองใหญ่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส และมิลาน ซึ่งเขาได้สะสมผลงานศิลปะบ้องแก้วนี้กว่า 500 ชิ้นจากศิลปินมากถึง 80 คนเลยทีเดียว   พี่หมี Honeybear บ้องราคา 160,000 บาท ของพ่อหนุ่มคนนี้   “ผมรู้สึกว่าตอนนี้อุตสาหกรรมการทำบ้องนั้นกำลังเติบโต และผมต้องการจะผลักดันให้มันเป็นงานศิลปะโดยการติดต่อกับศิลปินต่างๆ เพื่อช่วยออกแบบบ้องกัญชา” เด็กหนุ่มกล่าว Milstein เริ่มต้นแกลลอรี่ของเขาครั้งแรกในปี 2016 ในนิวยอร์ก หลังจากที่ได้ร่วมงานกับนักออกแบบชาวอิตาเลี่ยนชื่อดังอย่าง Riccardo Tisci    ผลงานบางส่วนจากงานสะสมของเขา  …

บางครั้งการทำงานศิลปะสักชิ้นหนึ่ง อาจจะต้องใช้เวลาและความตั้งใจอย่างมากกว่าที่จะได้ผลงานศิลป์ที่สวยงามและมีคุณค่า ซึ่งผลงานของนาย Gabriel Gressie เองก็เช่นกัน เขาใช้เวลาถึง 2 ปีครึ่งในการสร้างภาพผลงานศิลปะชิ้นนี้ด้วยตัวเอง คุณพ่อวัย 58 ปี จากเมือง Stadskanaal ทางตอนเหนือของประเทศเนเธอแลนด์ ผู้หลงใหลในการวาดภาพและมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นศิลปินตั้งแต่เด็กๆ และยังคงฝึกฝนฝีมือการวาดภาพของเขาเรื่อยมาตั้งแต่นั้น   Gabriel Gressie และผลงานของเขา   คุณพ่อวัย 58 ปีบอกว่าภาพวาดแต่ละภาพนั้นต้องใช้เวลาการสร้างสรรค์ผลงานที่ค่อนข้างยาวนาน ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงไม่เคยสร้างผลงานการวาดภาพชิ้นใหญ่ๆ เลย จนกระทั่งเมื่อปี 2014 เขาได้รับงานจากลูกค้ารายหนึ่งผู้คลั่งไคล้ของเล่นโบราณให้วาดภาพขนาด 2×2 เมตร โดยกำหนดเสร็จภายในเดือนเมษายนปี 2017 คุณ Gabriel เริ่มเปลี่ยนอพาร์ทเม้นท์ที่เขาและลูกชายอาศัยอยู่ให้กลายเป็นที่ทำงาน และเริ่มลงมือวาดภาพชิ้นใหญ่นี้ การวาดภาพครั้งนี้เป็นงานที่ท้าทายสำหรับ Gabriel เพราะโดยปกติเขาใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมงในการวาดภาพที่มีขนาด 2 ตารางเซ็นติเมตร     นาย Gabriel เริ่มลงมือร่างแบบตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งมาจากคอลเลคชั่นของเล่นที่เขาสะสม   ผลงานการวาดภาพของเขาค่อยๆ ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ   และกว่าจะได้ภาพของเล่นกออกมาแต่ละชั้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย   แต่แล้วในปี 2015 ระหว่างเวลากำหนดส่งงานใกล้เข้ามาถึง Gabriel ก็กลับป่วยกะทันหัน…

จริงๆ แล้ว ศิลปะกราฟฟิกตี้กับความมือบอนนั้นมีเส้นบางๆ กันอยู่ บางครั้งคำที่ถูกพ่อนออกมาลอยๆ และไม่ได้มีการแต่แต้มให้ดูสวยงามก็อาจจะไม่ถูกเรียกว่าศิลปะแบบกราฟฟิกตี้ ซึ่งนอกจากจะไม่สวยงามแล้วยังดูเหมือนจะหนักไปทางสกปรกอีกด้วย และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีศิลปินชาวฝรั่งเศสท่าหนึ่งชื่อว่าคุณ Mathieu Tremblin ได้นำภาพของตัวหนังสือยึกยือเหล่านั้นมาปรับฟร้อนท์เสียใหม่ ให้อ่านง่ายและเข้าใจคำที่พี่ๆ จอมพ่อนเค้าอยากจะสื่อออกมากันได้สะดวกยิ่งขึ้น   และนี่ผลงานบางส่วนของศิลปินท่านนี้ที่เรานำมาฝากกัน   จากคำที่อ่านย๊ากยาก คุณ Mathieu ก็ปรับซะใหม่ ให้สามารถอ่านได้ง่ายยิ่งขึ้น!! .   แต่ถึงจะอ่านง่ายขึ้นแค่ไหน ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายที่พี่เค้าจะสื่อกันอยู่ดีล่ะนะ ฮ่าๆ . .   ของเก่าที่ถูกทาสีทับ และปรับตัวหนังสือซะใหม่ .   อื่ม… ช่างเป็นงานศิลปะที่เจ๋งและแปลกไม่น้อยเลยนะเนี่ย!! ที่มา boredpanda

คุณ Kimberly Joy Magbanua หญิงสาวที่พบว่าตัวเธอเองมีความสามารถในการทำงานศิลปะ แต่ด้วยหน้าที่การงานของเธอ ทำให้ความสามารถทางด้านศิลป์ของเธอนั้นกลับไม่ได้รับการฝึกฝนมากเท่าไหร่ และวันหนึ่งเธอก็ตัดสินใจที่จะใช้ความสามารถทางด้านศิลปะที่เธอมีผสมผลานเข้ากับอาชีพของเธอนั่นก็คือพยายาบาลนั่นเอง คุณ Kimberly จึงตัดสินใจสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของเธอขึ้นมาโดยใช้เข็มฉีดยาแทนพู่กัน   และนี่ก็คือผลภาพวาดจากปลายเข็มของเธอ   พยาบาลสาววัย 24 ปีจากเมือง Valladolid ประเทศฟิลิปินส์บอกว่าเธอได้ไอเดียนี้มากจากการทำงานของเธอเมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้ว หลังจากที่เธอลองใช้เข็มฉีดยาในการลงสีแทนแปรง พยาบาลสาวกล่าวว่า “เครื่องมือทั้งสองชนิดนี้ให้ความรู้สึกที่คล้ายกัน ถึงแม้ว่าเข็มฉีดยาจะดูไม่มีความเกี่ยวข้องกับศิลปะเลย”     พยาบาลสาวเริ่มร่างภาพของเธอบนผืนผ้าใบด้วยดินสอก่อน จากนั้นจึงทำการลงสีด้วยเข็มฉีดยา     หลังจากที่ลองฝึกฝนและผ่านความล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดผลงานศิลปะจากปลายเข็มฉีดยาของเธอก็ประสบความสำเร็จและออกมาได้สวยงามไม่แพ้กับงานศิลป์ชิ้นอื่นๆ “ฉันใช้เข็มฉีดยาในขนาดที่แตกต่างกันเพื่อให้ผลงานมีรายละเอียดที่มากขึ้น ฉันต้องคอยเปลี่ยนเข็มอยู่บ่อยๆ และทำงานให้เร็วขึ้นเพื่อแข่งกับเวลา เพราะสีนั้นจะแห้งเร็วมาก” ศิลปินสาววัย 24 ปีกล่าว     ถึงแม้ว่าจะยังทำงานเดิมไปด้วย แต่ผลงานศิลปะของเธอก็ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศฟิลิปินส์ และเมื่อเร็วๆ นี้ผลงานของเธอยังถูกนำไปแสดงในเว็บไซต์ทางศิลปะชื่อดังของประเทศฟิลิปินส์อีกด้วย   หญิงสาวใช้เวลาประมาณ 3 ถึง 5 ชั่วโมงในการสร้างสรรค์ชิ้นงานศิลปะของเธอ   แต่การวาดภาพด้วยเข็มของเธอนั้นก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่หลายๆ คนคิด ศิลปินสาวต้องควบคุมความแรงของการกดเข็มฉีดยา พร้อมกับการตวัดข้อมือให้ได้ลายเส้นที่ดูสวยงามอีกด้วย เพราะบางครั้งทิศทางหรือปริมาณของสีที่ผิดพลาดอาจทำให้ผลงานของเธอเสียหายได้เลยทีเดียว   .  …

งานโฆษณา เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในกลยุทธทางการตลาดที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับสินค้านั้นได้ งานโฆษณาเจ๋งๆ นอกจากจะสื่อให้เห็นถึงจุดเด่นของสินค้าได้อย่างชัดเจนแล้ว ยังง่ายต่อการจดจำของผู้บริโภคอีกด้วย และวันนี้เราก็ได้รวบรวมภาพโฆษณาเจ๋งๆ จากผลิตภัณฑ์ต่างๆ มาให้ได้ชมกัน ถ้าอยากรู้ว่าแต่ละผลงานจะเด็ดแค่ไหนละก็ ขอเชิญพบกับ  “20 โฆษณาสินค้าเจ๋งๆ จากต่างประเทศ ที่ดูแล้วต้องคิดตาม” กันได้เลย   หูฟังที่จะช่วยป้องกันคุณจากเสียงรบกวนรอบข้างได้อย่างแน่นอน   หมากฝรั่งของเราทำมาจากผลไม้แท้ๆ นะเออ   ร้องเท้าที่ให้ความรู้สึกสบายเหมือนกับไม่ได้สวมอะไรเลย   ความสกปรกมีอยู่ทุกๆ ที่ ทำไมคุณไม่ลองใช้เจลล้างมือของเราล่ะ   กาวของพวกเราจะช่วยให้ชิ้นส่วนต่างๆ ได้กลับมาพบกันอีกครั้งอย่างแน่นอน   ร้านกาแฟนี้มี Wi-Fi แน่นอน!!   เฟรนช์ฟรายส์ของเราทำมาจากมันฝรั่งแท้ๆ เลยนะ   ใช้ที่อุดหูอันนี้แล้ว คุณจะไม่ได้ยินเสียงรบกวนใดๆ เลย   ขวดน้ำที่จะช่วยปกป้องน้ำดื่มของคุณ ให้ปราศจากกลิ่นอาหารในตู้เย็น   น้องหมาจะกวนใจคุณแน่ๆ ถ้าอาหารหมาไม่อร่อย   ทุกบาดแผล พลาสเตอร์ชิ้นนี้ช่วยได้แน่นอน   อาการเม้าค้างอาจเป็นภาระเจ้าเหมียวได้   ริ้วรอยต่างๆ จากความเครียด ครีมของเราช่วยได้   แบตเตอร์รี่ที่มีอายุการใช้งานที่แสนจะยาวนาน…

หลายคนคงจะเคยเห็นภาพถ่ายขาวดำในยุคเก่าๆ กันมาบ้างแล้ว แต่ชิ้นมีเสน่ห์และดูคลาสสิคมาก แต่เพื่อนๆ เคยลองจินตนาการรึเปล่าว่าถ้าภาพเหล่านั้นถ้าหากถูกนำมาแต่งเติมสีสันให้กลายเป็นงานดิจิตอลอาร์ตขึ้นมาจะเป็นอย่างไร?? คุณ Luke Robson ศิลปินดิจิตอลอาร์ตจากประเทศอังกฤษ ได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะของเขาจากการนำภาพถ่ายในยุคเก่ามาทำการตัดต่อและแต่งเติมสีสัน ให้ภาพมีความน่าสนใจมากขึ้น และวันนี้เราได้นำผลงานบางส่วนของพ่อหนุ่มคนนี้มาฝากกัน จะสวยงามแค่ไหนไปชมกันเลย..   ภาพของชายหนุ่มที่กำลังขี่ม้าถูกนำมาแต่งเติมสีสันและจัดวางใหม่ ดูสวยงามและน่าสนใจมากๆ   จากเด็กน้อยไปโรงเรียน สู่อวกาศอันไกลโพ้น   ภาพถ่ายธรรมดา ถูกเปลี่ยนให้เป็นศิลปะในอุดมคติ .   ภาพของ René Couzinet วิศวกรและนักสร้างเครื่องบินชื่อดังชาวฝรั่งเศส .   บางผลงานก็เกิดจากการรวมกันของหลายๆ ภาพ . .   ภาพของงานเลี้ยงเต้นรำที่ถูกนำไปรวมกับภาพของอวกาศ . . . .   ภาพของเด็กน้อยในยุคเก่าดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง .   การผมผสานของงานศิลปะจากยุคก่อนและยุคใหม่ .   แต่ละผลงานมีความแปลกใหม่และสวยงามจริงๆ   เป็นอย่างไรบ้างล่ะสวยงามและน่าสนใจมากเลยใช่ไหมล่ะ ถ้าหากใครอยากติดตามผลงานของพ่อหนุ่มคนนี้เพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปชมได้ที่อินสตราแกรม stoddartist หรือเว็บไซต์ stoddartist กันได้เลย     ที่มา boredpanda

เลลาไปเดินตามถนนคนเดิน สวนสัตว์ หรือสวนสนุก เรามักจะเห็นมีคนมาปั้นลูกโป่งเป็นรูปทรงต่างๆ ที่บอกได้เลยว่ามันช่างเจ๋งจริงๆ แต่เพื่อนๆ ต้องทึ่งยิ่งกว่าเมื่อได้ชมผลงานของ Masayoshi Matsumoto ศิลปินที่นำลูกโป่งมาบิด มาปั้น ทำโน่น นี่ นั่น จนออกมาเป็นลูกโป่งประดิษฐ์สุดสร้างสรรค์ ผลงานลูกโป่งของ Masayoshi ส่วนใหญ่นั้นมักจะเป็นรูปสัตว์ ที่ไม่ได้เหมือนแค่รูปร่างเท่านั้น แต่เขายังได้เลือกสีลูกโป่งมาปะติดปะต่อให้มีสีที่ใกล้เคียงสัตว์ตัวจริงด้วย     นอกจากนี้เขายังได้จัดวางท่าทางของสัตว์ลูกโป่งเหล่านี้ให้ดูเป็นธรรมชาติด้วย เช่น นกเกาะกิ่งไม้ ลิงห้อยโหน แมงมุมไต่กำแพง เป็นต้น ที่สำคัญคือผลงานลูกโป่งทุกชิ้นไม่ได้ใช้อุปกรณ์เสริมในการสร้างผลงานสุดอลังการ มีเพียงแค่การใช้เชือดรัดบางส่วนเพื่อให้คงรูปได้เท่านั้นเอง     และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาชมกันเลยดีกว่าว่างานลูกโป่งของเขานั้น ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย!! . . . . . . . . . . . ที่มา: mymodernmet

ศิลปะจากลูกโป่งเป็นอะไรที่ดูเหมือนง่าย แต่การจะทำให้มันเป็นรูปร่างต่างๆ โดยที่มันไม่แตกเลยถือเป็นอะไรที่ยากมากๆ บางคนก็อาจจะมีความสามารถพอที่จะทำให้เป็นรูปร่างต่างๆ ที่ไม่ยากเช่นหมาหรือดาบเล็กๆ ทว่า Masayoshi Matsumoto ศิลปินชาวญี่ปุ่นคนนี้เขาทำอะไรที่มันเหนือชั้นกว่านั้น เพราะเขาได้ใช้ลูกโป่งจำนวนมากมาสร้างศิลปะชั้นเยี่ยมจนออกมาเป็นรูปร่างต่างๆ ที่สำคัญรายละเอียดของงานก็เทพสุดๆ ไปเลยล่ะ   แค่ชิ้นแรกก็แทบจะพนมมือก้มลงแล้วกราบทันที นกฟีนิซ์ของพี่แกสุดยอดจริงๆ   แม้แต่แมลงวันก็ยังดูดีสุดๆ รายละเอียดแน่นมาก   Masayoshi ได้เล่าว่าถึงความเป็นมาของศิลปะเหล่านี้ว่า “ผมเริ่มมาทำงานศิลปะพวกนี้ก็เมื่อ 7 ปีก่อน เมื่อตอนที่ผมได้รับแรงบันดาลใจจากภาพของเหล่าสัตว์ป่าที่สวยงาม และนั่นก็ทำให้ผมอยากจะเห็นมันตัวเป็นๆ ผมจึงคิดว่าผมจะสร้างพวกมันขึ้นมาเองได้บ้างไหมนะ นั่นแหละจึงเป็นจุดเริ่มต้นของผม” ในการทำงานแต่ละชิ้นเขาใช้เวลามากถึง 2 ชั่วโมง แถมบางชิ้นที่รายละเอียดยากๆ จะใช้เวลานานถึง 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว ไม่เพียงแค่นั้น งานของเขาทั้งหมดเลยใช้แต่ฝีมือและลูกโป่งเพียงอย่างเดียว ไม่มีสติกเกอร์ เทปกาวหรืออะไรมาเพิ่มเติมเลย ยิ่งได้รู้แบบนี้ยิ่งยอมใจในฝีมือของเขาจริงๆ   กิ้งก้าคาเมเลี่ยนในเวอร์ชั่นกระดูก   หนอนชาเขียว!! ชิเมโจได๋..ชิเมโจได๋   งูหางกระดิ่งที่มาพร้อมกับรายละเอียดจัดเต็ม!!   ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ชนิดไหน คุณ Masayoshi  ก็ทำออกมาได้สุดยอดจริงๆ   ฝีมือพี่แกจะเทพเกินไปแล้ว!!   แม้จะบอกว่าไม่ใช้อุปกรณเสริม แต่บางครั้งเขาก็เพิ่มพรอพเข้าไปนิดหน่อย อย่างเช่นลูกตาที่ใช้กระดิ่งมาทำ…

ทกอย่างเริ่มต้นขึ้นเมื่อสองปีก่อน Heidi Annalise ได้สินใจที่จะลาออกจากงานในรัฐสภาที่วอชิงตัน ดี.ซี ทิ้งชีวิตที่ยุ่งเหยิงแล้วกลับมาอยู่ที่บ้านของเธอในชานเมือง และเธอก็ตัดสินใจสร้างงานศิลปะขึ้นมาเอง จากการวาดรูปลงในกล่องขนาดเล็ก… งานศิลปะที่ว่านั้น เธอลงมือวาดทุกอย่างด้วยตัวเอง เธอใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเดินทางไปรอบๆ ภูเขา ทุ่งหญ้า และป่าไม้เพื่อชื่นชมธรรมชาติอันสวยงาม จากนั้นเมื่อเธอจุดที่สนใจเธอก็จะเริ่มลงมือวาดภาพงานของเธอลวงในกล่องลูกอมขนาดเล็ก ซึ่งเธอใช้มันเป็นทั้งถาดสีและผ้าใบในการวาดรูปเล็กๆ ของเธอ   .   นอกจากนี้ Heidi ยังได้อธิบายถึงความสุขของเธอที่ได้วาดรูปลงในกล่องเล็กๆ พวกนี้ว่า “เมื่อฉันได้ลองวาดรูปลงในกล่องเล็กๆ พวกนี้ ฉันจะรู้สึกได้ทันทีว่าตัวเองจะไม่ถูกดึงดูดหรือหลอมรวมไปกับสิ่งต่างๆ รอบๆ และที่สำคัญเจ้ากล่องเล็กๆ พวกนี้มันกระทัดรัดและช่วยให้จัดการกับอุปกรณ์รวมถึงภาพวาดเปียกๆ ของคุณได้ง่ายมากๆ เลย”   เธอเดินทางไปทุกที่ ทั้งทะเลสาบ   ทุ่งหญ้าอันแสนสงบสุข   ป่าที่อยู่ติดกับเนินเขาหิมะ   ชานป่าที่อาจจะดูไม่สวยงาม แต่เธอก็สามารถวาดมันออกมาดูดีพอสมควร   แม้แต่ต้นไม้หัก แต่ด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่าง เธอก็ทำออกมาได้ดีเลย   แม้ว่าการงานก่อนหน้าของเธอจะมั่นคง แต่การหนีชีวิตที่วุ่นวายกลับมาอยู่กับธรรมชาติก็ถือว่าไม่ได้เลวร้ายเสียทีเดียว   เธอยังไปชายหาดด้วยนะ   ทะเล แสงแดด และเสียงคลื่น!! .…

สำหรับใครที่ชอบชื่นชมความสวยงามของศิลปะ คงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับภาพเขียนคลาสสิคอย่างโมนาลิซา และอาจจะรู้จักภาพเขียนอันเลื่องชื่อของศิลปินท่านอื่นๆ มาไม่น้อย และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีศิลปินในโลกออนไลน์กับนามแฝง Lothlenan ได้ทำดัดแปลงรูปภาพงานศิลปะที่มีชื่อเสียงในยุคอดีตให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ โดยเขาได้นำตัวการ์ตูนจากเรื่องต่างๆ ใส่เข้าไปในภาพเขียนเหล่านั้น ทำให้ได้งานศิลปะที่มีความแปลกใหม่และสวยงามไปอีกแบบ   1. “Woman With A Parasol” โดย Claude Monet   2. “The Accolade” โดย Edmund Leighton   3. “The Scream” โดย Edvard Munch   4. “A Portrait Of Louis Xiv” โดย Hyacinthe Rigaud   5. “The Swing” โดย Jean-Honore Fragonard   6. “Lovers On A Swing” โดย Pierre Auguste   7.…

โดยปกติแล้วเราจะคิดว่าสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ นั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์สร้างขึ้น ต่อให้ผุมันพัง หรือมีรอยขีดข่วนก็คงไม่มีความรู้สึกอะไรหรอก แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมผลงานศิลปะ ที่จะเปลี่ยนให้วัตถุข้าวของเครื่องใช้เหล่านั้นมีอวัยวะขึ้นมา พอมันมีบาดแผลหรือผุพังแล้วก็ทำให้ดูสยองไม่เบาเลยล่ะ   ผลงานชิ้นนี้มีชื่อว่า Visual Temperature โดยศิลปินชาวจีน Cao Hui ที่แม้ว่ามันจะดูเหมือนนำเนื้อหนังและไขมันจริงๆ มาใช้ในการสร้างผลงาน แต่จริงๆ ทั้งหมดนี้ทำมาจากยางและไฟเบอร์ทั้งสิ้น!!   โซฟาที่โดนผ่าออก เผยให้เห็นเครื่องใน   โดยศิลปินต้องการอยากจะให้ผู้คนที่มาชมผลงานของเขาเกิดความรู้สึก “แปลกใจ, เสียใจ, เศร้า, โกรธ, และตลกขบขัน” เมื่อได้เห็นผลงานศิลปะของเขา โดยที่ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ความสะอิดสะเอียนแต่อย่างใด   กระเป๋าที่ดูแล้วชวนสยอง   เสื้อหนังที่พอได้เห็นแล้วก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน   เครื่องในของโซฟา   เป็นถุงมือที่ดูแล้วรู้สึกหยึยจริงๆ   แหม่ มาเป็นชุด .   โซฟาตัวนี้ก็มีหลายแผลเหลือเกิน   ดีนะที่เอาไว้ตั้งโชว์เฉยๆ ถ้าเอาไปใช้งานนี่ขอบายก่อนเลย ฮร่าๆๆ ที่มา : sobadsogood

เมื่อกล่าวถึงสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพ วิดีโอ ที่เป็นแนว ‘อีโรติค’ แล้ว เพื่อนๆ หลายคนคงจะมีจินตาการไปในแนวเดียวกันว่าจะต้องเป็นเรื่องของความวาบหวิว ที่ดูแล้วช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับศิลปินชาวญี่ปุ่นนามว่า Toshio Saeki กลับสร้างผลงานแนวอีโรติคที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกสยิวกิ้วเลยแม้แต่น้อย     แต่กลับดูเหมือนเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในความฝันอันเลวร้ายซะมากกว่า ซึ่งผลงานของเขานั้นจะเป็นการผสมผสานระหว่างความอีโรติค และตำนานภูติผีของญี่ปุ่น งานศิลปะของ Toshio นั้นเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้การปฏิวัติในเรื่องความคิดเรื่องเพศของชาวญี่ปุ่นช่วงยุค 1960s จนได้รับฉายาว่าเป็น “The Godfather of Japanese Erotica” (เจ้าพ่อแห่งวงการอีโรติคของญี่ปุ่น) เลยทีเดียว   . . . . . . . . . .   แหม่ แต่ละภาพนี่ก็ดูน่ากลัวจริงจริ๊งงงง ไม่ได้รู้สึกอะไรเกี่ยวกับเรื่องเพศเลยซักกะติ๊ดดด!! ที่มา : dangerousminds

สำหรับผู้หญิงทุกคนทั่วโลก เรามั่นใจเลยว่าสิ่งที่พวกเธอไม่ต้องการให้เกิดขึ้นกับร่างกายมากที่สุด ก็คือรอยฟกช้ำดำเขียว หรือรอยแผลขีดข่วน เช่นเดียวกับศิลปินสาวชาวฟินแลนด์ Riikka Hyvönen เธอรู้ดีว่าไม่มีใครชอบรอยฟกช้ำ โดยเฉพาะกับสาวๆ นักกีฬา Roller Derby (เป็นกีฬาที่แข่งขันกันโดยใช้โรลเลอร์สเก็ตประเภทหนึ่ง) เธอจึงจับนักกีฬ่าสาวผู้มีรอยแผลชกช้ำจากการแข่งขัน มาเปลี่ยนให้กลายเป็นงานเพ้นท์สุดอาร์ทซะเลย     ผลงานทั้งหมดนี้ของเธอใช้ชื่อว่า ‘Roller Derby Kisses’   ‘ฉันตั้งใจเพ้นท์รอยช้ำนี้ก็เพื่อที่เวลาพวกเธอลงไปแข่งขันอีก บั้นท้ายที่มีรอยช้ำของพวกเธอจะได้ดูเฉิดฉายมากขึ้นยังไงล่ะ’   รอยช้ำที่ว่าม่วง ดูไปดูมาเหมือนดวงดาวบนจักรวาลเลยเนาะ   รอยช้ำแบบนี้ก็ดูเหมือนสีน้ำหกใส่   ช้ำไปทั่วทั้งขาแบบนี้ยิ่งดูเหมือนมีใครเอาแป้งสีมาสาดใส่   ‘ฉันก็หวังว่างานเพ้นท์พวกนี้ จะทำให้สาวๆ ที่ต้องลงแข่งขันมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น อีกทั้งผู้ชมก็จะได้เห็นความสวยงามที่มาจากรอยฟกช้ำ’   ถ้าใครสนใจอยากจะชมบั้นท้าย เอ้ย…งานศิลปะเพิ่มเติม ก็ตามไปได้ที่เว็บไซต์ riikkahyvonen.com   ทำรอยช้ำให้กลายเป็นงานศิลป์ได้ หูยยย..จ๊าบสุดๆ ที่มา: sobadsogood

ในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะไปทำอะไร หรือไปที่ไหนก็มักจะมี ‘เงา’ ติดตามไปด้วยตลอด แน่นอนว่าหลายๆ คนก็เลือกที่จะมองข้ามมันไป แต่สำหรับนาย Flavio Salsano ศิลปินวาดภาพประกอบจากเมือง Amsterdam ประเทศเนเธอร์แลนด์ กลับไม่ได้คิดแบบนั้น เขาเลือกที่จะนำ ‘เงา’ มาสร้างเป็นผลงานศิลปะ จนกลายเป็นผลงานที่ออกมาแล้วดูน่ารักและเข้ากันได้ดีแบบสุดๆ   จะออกมาเป็นผลงานรูปแบบไหน ก็ลองไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า!!   1. ใช้เงาของเทปกาวมาทำเป็นทรงผมให้คู่รัก   2. เงาของกรรไกรก็กลายเป็นจระเข้ น่าร๊ากกก ><   3. อ้าวว่าไงเพื่อน นายดูดีมากเลยนะ   4. ไหวมั้ยเนี่ยพี่ชาย??   5. ข้าวหน่อยจ้ะแม่จ๋าาา   6. เงาจากปากกาก็กลายมาเป็นคู่พ่อลูกปากกาสุดคิ้วท์   7. พูดว่าชีสหน่อยซิจ๊ะที่รัก   8. ช่างเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่น่าชื่นชมเสียจริงๆ   9. จากกาน้ำก็กลายมาเป็นชุดอวกาศสุดจ๊าบ   10. ว่าไงเจ้ากระต่ายยย   หากเพื่อนๆ…

แม้ว่าบางคนอาจจะเกิดมาพร้อมกับความผิดปกติบางอย่างของร่างกาย แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับวิธีคิดที่คนๆ นั้นใช้มองโลก บางทีพวกเขาอาจจะถูกกลั่นแกล้ง หรือถูกล้อเลียน แต่เรื่องแย่ๆ เหล่านี้ก็สามารถเปลี่ยนให้กลายเป็นแรงผลักดันดีๆ ได้เช่นกัน Ash Soto สาวงามผู้ใช้อินสตาแกรมว่า @radiantbambi เธอรู้ว่าตัวเองเป็นโรคด่างขาว (Vitiligo) เมื่อตอนอายุ 12 ปี และถึงแม้ว่าเธอจะถูกคนรอบข้างล้อเลียนอยู่ตลอด แต่เธอก็สามารถเปลี่ยนมันให้กลายเป็นงานศิลปะ เพื่อสร้างความมั่นใจดีๆ ให้ตัวเองได้   Ash Soto   ‘ตั้งแต่ที่ผิวหนังฉันเริ่มผิดปกติ ฉันถูกล้อเลียนมาสารพัด บางคนก็เรียกฉันว่าเป็นวัว บางคนก็ล้อว่าเป็นไมเคิล แจ็คสัน ทั้งๆ ที่ตอนนั้นฉันยังเป็นเด็กสาวตัวน้อยอยู่เลย ฉันสูญเสียความมั่นใจ และต้องสวมเสื้อผ้าคลุมตัวเองให้มิดชิดก่อนออกบ้านทุกครั้ง’ เธอเล่าผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว     ทว่าตอนนี้เธออายุได้ 21 ปีแล้ว และเธอก็ได้เรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนมุมมองบางอย่างในชีวิต เธอยอมรับความแตกต่างบนผิวหนังของเธอ และใช้มันเป็นเครื่องมือในการแสดงออกทางด้านศิลปะ ในแบบที่ไม่เหมือนใคร… ‘ใช้เวลานานมากกว่าที่ฉันจะกล้าแสดงตัวตนออกมา เมื่อโพสต์ภาพลงไปแล้วฉันก็ต้องยอมรับว่าอาจจะมีทั้งคนที่เข้ามาดูถูก ใช้คำพูดเหยียดหยาม แต่ตอนนี้ฉันก้าวผ่านจุดนั้นมาได้แล้วล่ะ’     เธอใช้ร่างกายของตัวเองให้เป็นเหมือนผ้าใบ และละเลงสีลงไปทั่วร่างกาย โดยเปลี่ยนรอยด่างบนผิวหนังให้กลายเป็นลวดลายที่มาคู่กับสีสัน จนเกิดเป็นภาพวาดบนเรือนร่างที่พิเศษที่สุด   เธอเรียกงานศิลปะบนเรือนร่างของตัวเองนี้ว่า…

สำหรับคนที่เกิดมาพร้อมความผิดปกติของร่างกาย หลายคนอาจจะมองว่าพวกเขาต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่สำหรับพวกเขาแล้ว การได้รับการยอมรับจากสังคมว่า พวกเขาสามารถทำสิ่งต่างๆได้ และให้โอกาสพิสูจน์ตัวเองไม่ว่าจะด้านการงาน หรือด้านอื่นๆ นับว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดสำหรับผู้มีความบกพร่องทางร่างกาย และเพื่อเป็นการเปิดมมุมองให้คนทั้งโลกได้รู้จัก และเข้าใจผู้พิการมากขึ้น นักศึกษาสาขาภาพถ่ายวัย 22 ปี Becky Dann ได้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนความบกพร่องของตัวเธอเอง ให้กลายเป็นงานศิลปะ ที่สะท้อนให้คนทั่วไปได้เห็นว่า ‘ถึงแม้จะเกิดมาพร้อมความไม่สมประกอบ แต่พวกเขาก็ยังสามารถทำสิ่งต่างๆได้อย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน’     ย้อนกลับไปในช่วงที่เธออายุได้ 4 ขวบ เธอต้องประสบกับอาการกระดูกสันหลังคด ส่งผลให้แผ่นหลังของเธอคดงอ และต้องใช้วีลแชร์ช่วยนับแต่นั้นมา เธอไม่ปฏิเสธว่า ความบกพร่องนี้ทำให้เธอสูญเสียความมั่นใจ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตาม ตลอดเวลาเธอมักจะรู้สึกว่าไม่เชื่อมั่นในตนเอง เพียงเพราะมีร่างกายที่ไม่เหมือนคนอื่น   แต่แล้ววันหนึ่ง เธอมีโอกาสได้ถ่ายภาพให้กับผู้ที่ประสบปัญหาเดียวกัน และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เธอรู้สึกว่า ความสวยงาม และความน่าตื่นตาตื่นใจ มันอยู่ได้ในทุกๆที่ แล้วแต่เราจะมอง…   เธอจึงตัดสินใจถ่ายภาพพอตเทรตตัวเอง โดยใช้ชื่อโปรเจ็คนี้ว่า ‘I’m Fine’ โปรเจ็คที่จะทำให้เธอกล้าหลุดออกจากความกลัว และความเชื่อมั่นในตัวเองที่มีอยู่น้อยนิด “ทั้งหมดแล้ว ฉันก็แค่ต้องการจะสื่อความหมายออกมาว่า ถึงแม้ว่าเราจะพิการ แต่เราก็สามารถอยู่ด้วยตัวเองได้อย่างมีความสุข และต้องการจะบอกให้คนทั่วไปรู้ว่า การสัมผัสกับร่างกายของคนที่พิการ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่พวกเขาชอบรู้สึกกัน” Becky ให้เหตุผลถึงงานของตัวเอง…

งานศิลปะในปัจจุบันนี้ต้องขอบอกเลยว่ามันก้าวล้ำเหนือจินตนาการของเราออกไปทุกที ซึ่งแน่นอนว่าเทคนิคแต่ละอย่างนั้นก็ต้องแปลกตามไปด้วย เพื่อเป็นการเสริมให้งานชิ้นนั้นดูแปลกใหม่ยิ่งขึ้นไปอีก และในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมผลงานศิลปะเกี่ยวกับจักรวาล ที่ทำมาจากวัตถุดิบอาหารทั้งหมด แน่นอนว่ามันสวยงามจนเพื่อนๆ ต้องคิดในใจว่า ‘เห้ยจริงเหรอ!?’ เลยทีเดียวล่ะ   ช่างภาพ Navid Baraty ได้ทำการสร้างภาพจักรวาลที่แสนสวยงาม ดวงดาว : ก้นขวดที่ใส่น้ำส้ม วาซาบิ ซอสมะเขือเทศ ดวงจันทร์ : แพนเค้ก กลุ่มก๊าซ : น้ำ, กาแฟ, สีผสมอาหาร   เขาใช้วิธีการนำทั้งเครื่องปรุง และวัตถุดิบ ในการทำอาหารมาผสมกัน แล้วก็คร็อปภาพมารวมกันจนออกมาเป็นภาพอย่างที่เห็น ดวงดาว : แพนเค้ก แบ็คกราวด์ : น้ำมันมะกอก, แป้ง, อบเชย, ผงยี่หร่า, เกลือ   กลุ่มก๊าซ : น้ำ, กาแฟ, สีผสมอาหาร ดวงดาว : น้ำตาล, แป้งทำขนม…

เพื่อนๆ หลายคนคงจะรู้จัก ‘กราฟฟิตี้’ หรือ ‘Graffiti’ กันอยู่แล้ว มันเป็นการขีดเขียน พ่นสี วาดเป็นรูปภาพที่สวยงาม อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ แต่งานศิลปะเหล่านี้มักจะถูกนำไปสร้างอยู่ในสถานที่สาธารณะทั่วเมือง ทั้งกำแพง ทางเดิน ผนังตึก ซึ่งมันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย   แต่ในปัจจุบันก็มีองค์กรต่างๆ ที่เข้ามาให้ความสนใจ และมองว่าศิลปะกราฟฟิตี้นี้เป็นงานศิลปะที่สร้างสรรค์และสวยงาม ก็เริ่มมีการจัดสรรค์พื้นที่ให้เหล่าวัยรุ่นได้ละเลงความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองอย่างเต็มที่ แถมยังจัดประกวดอีกด้วย และในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมความงดงามของงานศิลปะแบบ ‘กราฟฟิตี้’ จากทั่วโลกมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน ต้องขอบอกว้ก่อนเลยว่านอกจากจะมีความสวยงามแล้ว ยังเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์แบบสุดๆ   1. Palermo, Italy – Pizzo Sella Art Village   2. George Town, Malaysia   3. London, England – Abbey Road     4. Saint Petersburg, Russia   5. London,…