Tag: ศพ

  • คนขับรถไถปฏิเสธ ไม่ได้เหยียบเด็ก 2 ขวบตาย พร้อมให้ตรวจสอบ DNA ที่รถและเสื้อผ้า

    คนขับรถไถปฏิเสธ ไม่ได้เหยียบเด็ก 2 ขวบตาย พร้อมให้ตรวจสอบ DNA ที่รถและเสื้อผ้า

    สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่เด็กวัย 2 ขวบหายตัวไปในไร่อ้อยอย่างไร้ร่องรอย รายงานเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2561 ก็ได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากบุคคลที่ขับรถอ้อยอยู่ในวันที่เด็กหายตัวไป จากรายงาน นายสมาน วงษ์กัณหา คนขับรถอ้อยที่อยู่ในวันเกิดเหตุนั้นออกมาเล่าว่า ในวันดังกล่าว ก่อนที่ ด.ช. ซูลุยผิว วัย 2 ขวบจะหายตัวไปนั้น เขาเองก็ได้พบเห็นเด็กทั้ง 2 คนจริง แต่ในเวลานั้นเขาเองกำลังขับรถไถดินอยู่แปลงตรงข้ามกับจุดที่พ่อแม่ของเด็กทำงานอยู่ ส่วนเด็กๆ นั้นเขาเห็นว่าอยู่บริเวณริมป่าอ้อยซึ่งไม่ได้เป็นจุดที่ตนขับรถผ่านเลย   นายสมาน วงษ์กัณหา   ถึงกระนั้น นายสมานก็ยังคงถูกมองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของเด็ก เพราะเขาเป็นผู้ที่พบเห็นเด็กเป็นคนสุดท้าย แต่เจ้าตัวก็ออกมาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เขาพร้อมยืนยันความบริสุทธิ์โดยการส่งมอบรถไถและเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ในวันเกิดเหตุให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจสอบ DNA อีกทั้งยังเสนอว่ารถไถนั้นมีเสียงดังเป็นไปได้ยากที่เด็กจะเข้าใกล้ ถ้าเข้าใกล้ก็คงจะต้องวิ่งหนีเป็นแน่ นอกจากนี้เขาเองยังเป็นคนที่ช่วยออกตามหาเด็กในยามที่เด็กหายตัวไปอีกด้วย   รถไถของนายสมาน   อย่างไรก็ตาม ฝ่ายผู้เป็นแม่ที่ได้เห็นสภาพศพของลูก ก็เกิดสงสัยในบาดแผลช่วงล่างของศพ และของเล่นเด็กที่พบก็ทราบว่าไม่ใช่ของลูกชายตนเองแน่ๆ จึงทำให้สงสัยว่าคนขับรถอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุในครั้งนี้     ที่มา: amarintv, kapook และ khaosod

  • หนุ่มหื่นตกงานชาวอังกฤษ บุกเข้าห้องเก็บศพ “ข่มขืน” เหยื่อคาโลง สุดท้ายถูกจับ

    หนุ่มหื่นตกงานชาวอังกฤษ บุกเข้าห้องเก็บศพ “ข่มขืน” เหยื่อคาโลง สุดท้ายถูกจับ

    ชายหนุ่มชาวอังกฤษวัย 23 ปี ถูกจับกุมหลังจากบุกรุกห้องเก็บศพอย่างผิดกฎหมาย แถมยังกระทำชำเรา “ศพ” ที่อยู่ในโลงอีกด้วย Khurum Shazada หนุ่มชาวอังกฤษได้บุกเข้าไปยังห้องเก็บศพของบริษัทจัดงานศพแห่งหนึ่งในย่าน Great Barr เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ     จากรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่านาย Khurum นอกจากจะบุกรุกเข้าเคหสถานแล้วยังมีการ สอดใส่ทางเพศ กับศพที่ถูกบรรจุอยู่ในโลงอีกด้วย เนื่องจากผลการตรวจสอบร่องรอย DNA ที่อยู่บนศพได้ตรงกับ DNA ของ Khurum ซึ่งเป็นผู้อาศัยอยู่ในโรงแรมเล็กๆ ย่าน Aston ที่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุนัก ตัวแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจของ West Midlands ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า Khurum นั้นเป็นหนุ่มที่ตกงาน ที่อาศัยอยู่ไม่ไกลจากบริษัทจัดงานศพนี้นัก     โดยในการขึ้นศาลเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2018 Khurum ก็ถูกควบคุมตัวเพื่อรอการพิจารณาจากศาลปกครอง อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเผยรายละเอียดเพิ่มเติมจากทั้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและทางบริษัทจัดงานศพให้ทราบ   ที่มา: thesun และ kapook

  • อี๋วววว~ นี่คือสาเหตุที่เราไม่ควรเข้าใกล้ “ศพปลาวาฬ” ทั้งแก๊สทั้งกลิ่นมาเต็ม!!

    อี๋วววว~ นี่คือสาเหตุที่เราไม่ควรเข้าใกล้ “ศพปลาวาฬ” ทั้งแก๊สทั้งกลิ่นมาเต็ม!!

    วาฬ หรือ ปลาวาฬ หลายคนอาจทราบกันดีว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สัตว์ชนิดนี้ถึงแม้จะมีขนาดมหึมาแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นสัตว์อันตรายหรือดุร้ายแต่อย่างใด แต่เมื่อพวกมันสิ้นชีพลงมันกลับอันตรายต่อมนุษย์เสียยิ่งกว่าตอนมีชีวิตอยู่เสียอีก ศพของปลาวาฬย่อมเป็นจุดสังเกตของผู้คนเนื่องจากขนาดตัวที่ใหญ่โต     บางครั้งศพของมันก็ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ บางครั้งมันก็เกยตื้นอยู่ตามชายหาด แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ศพของปลาวาฬไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์อย่างเราควรเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย ต่อไปนี้คือ เหตุผล ที่ทำไมเราถึงไม่ควรเข้าใกล้ศพปลาวาฬ…   เมื่อปลาวาฬตายลงภายในศพจะมีแก๊สอัดแน่อยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะในส่วนท้องที่อัดจนพองรอเวลาระเบิดออก เมื่อเซลล์เริ่มเสื่อมสลายลงทีละนิด แก๊สภายในจึงเหมือนระเบิดเวลาที่รอให้เซลล์รับแรงดันไม่ไหวหรือมีอะไรมากระตุ้นจนเกิดการระเบิดออกมา   เครื่องในของปลาวาฬสามารถระเบิดออกมาได้ภายในเสี้ยววินาทีโดยไม่มีสัญญาณเตือน หากชายคนนี้ต้องการหลบระเบิดให้ทันต้องใช้ความเร็วออกตัวที่ 70 กม./ชม. เลยล่ะ แถมแรงระเบิดยังทำให้เครื่องในและไขมันของปลาวาฬสามารถปลิวได้ไกลกว่า 50 เมตรอีกด้วย   ที่น่าขนลุกยิ่งกว่าแรงระเบิดของแก๊สภายในศพปลาวาฬก็คือ กลิ่นของมันที่เลื่องลือกันว่าเป็นกลิ่นที่เหม็นเน่าที่สุดเท่าที่คนเราเคยสัมผัสมา   บึ้ม! เผละ…   อี๋… ขอสาบานเลยว่าชาตินี้จะไม่ขอเข้าใกล้ศพปลาวาฬอย่างแน่นอนเลยล่ะจ้า!! ที่มา: thechive

  • หลอนจริงไม่ติงนัง… ช่างซ่อมพบศพ ติดอยู่หลังกำแพงห้องน้ำ ในห้างสรรพสินค้า

    หลอนจริงไม่ติงนัง… ช่างซ่อมพบศพ ติดอยู่หลังกำแพงห้องน้ำ ในห้างสรรพสินค้า

    คุณคิดว่าปกติแล้วควรมีอะไรอยู่ในห้องน้ำห้างสรรพสินค้าบ้าง? กระดาษทิชชู่ ชักโครก อ่างล้างมือ โถปัสสาวะ อะไรประมาณนั้นสินะ แต่ว่าห้องน้ำแห่งนี้มันกลับมีอะไรที่มากกว่านั้น และเหนือความคาดหมายของทุกคนไปอย่างแน่นอน สิ่งที่ว่ามานั้นถูกพบในห้างฯ The Core เมือง Calgary ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2018 ช่างซ่อมบำรุงได้เข้าไปตรวจสอบห้องน้ำหญิงชั้น 4 ใกล้กับบริเวณศูนย์อาหาร แต่กลับพบศพของชายคนหนึ่งติดอยู่บริเวณด้านหลังกำแพงห้องน้ำ     เจ้าหน้าที่รายงานว่าช่างซ่อมบำรุงคนดังกล่าวได้รับแจ้งว่าชักโครกภายในห้องน้ำหญิงไม่ยอมฉีดน้ำอัตโนมัติ จึงเข้าไปเลื่อนเปิดแผ่นโลหะปิดผนังบริเวณด้านหลังชักโครก ทำให้เจอศพของผู้ชายคนนั้นเข้า   บริเวณที่ช่างซ่อมบำรุงพบศพ   ปัจจุบันตำรวจยังคงไม่สามารถระบุตัวตนของศพดังกล่าวได้ แต่คาดว่ามีอายุประมาณ 20 ปี และดูแล้วน่าจะเข้ามาในห้องน้ำหญิงตอนกลางคืนวันที่ 27 เมษายน 2018 ก่อนที่จะปีนเข้าไปในช่องลมด้านบน จนกระทั่งติดอยู่บริเวณช่องว่างระหว่างกำแพง ทำให้เสียชีวิตลงในที่สุด ทางด้านช่างซ่อมบำรุงที่พบศพก็รู้สึกเสียขวัญ และจำเป็นต้องพักงานชั่วคราว     เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายศพออกไป   สร้างความขวัญผวาให้กับทุกคนที่กำลังเดินเล่นอยู่ภายในห้างฯ   นับว่าเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย ใครจะไปคิดว่าห้องน้ำที่เราเข้าไปใช้บริการจะมีร่างของคนตายอยู่ด้านหลัง ไม่แน่ว่าห้องน้ำในบ้านเราอาจมีอะไรลี้ลับซ่อนเอาไว้อยู่เหมือนกัน ก็เป็นได้…   ที่มา: globalnews , theguardian , new.qq

  • สุดงงในดงอสรพิษ หลังหนุ่มกวาดล้าง “กองทัพงูเห่า” 27 ตัวในสวนยาง ด้วยความบังเอิญ!!

    สุดงงในดงอสรพิษ หลังหนุ่มกวาดล้าง “กองทัพงูเห่า” 27 ตัวในสวนยาง ด้วยความบังเอิญ!!

    งูเห่า เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่พวกเราส่วนใหญ่ต่างพากันหวาดกลัว เพราะพวกมันคืออสรพิษที่พร้อมจะจู่โจมทุกสิ่งอย่างที่เข้าไปใกล้ แต่ส่วนใหญ่เราอาจเจอมันอยู่แค่ตัวเดียวหรือ 2 ตัว แต่หากต้องเจอเป็นจำนวนเกือบ 27 ตัวเหมือนหนุ่มคนนี้แล้วล่ะก็ ความหวาดผวาคงจะต้องครอบงำจิตใจของเรากันอย่างแน่นอน นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2018 นายประไพ ใยทอง วัย 45 ปี ได้ทำการว่าจ้างคนขับรถไถมาไถปรับพื้นที่และดันหมอนไม้ริมสวนยางของตน ใน ต.ทุ่งไทรทอง อ.ลำทับ จ.กระบี่ และนั่นจึงทำให้พวกเขาได้เจอกับกองทัพงูเห่าจำนวนมากที่มาตั้งรกรากอยู่ในบริเวณกองไม้ริมสวนยางของตัวเอง   สวนยางบริเวณจุดเกิดเหตุ   นายประไพเล่าว่าใบมีดของรถไถได้เฉือนร่างของงูเห่าตายไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งนับดูแล้วเป็นจำนวนถึง 19 ตัว บางตัวมีขนาดใหญ่พอๆ กับข้อมือของเขาเลย และมีอีกไม่ต่ำกว่า 8 ตัวเลื้อยหนีเข้าป่าไป   ซากศพงูเห่าจำนวนมาก เกลื่อนกลาดสุดสยอง .   ในตอนแรกนั้นคนขับไม่กล้าจะลงจากรถไถ เพราะเขากลัวว่าพวกงูที่หนีไปจะเลื้อยกลับมาแก้แค้นให้เพื่อนๆ ของมัน แต่เมื่อนั่งรออยู่พักใหญ่จนแน่ใจว่าไม่มีงูเป็นๆ เลื้อยผ่านมาอีก ถึงได้ลงมาในที่สุด เมื่อพวกเขาเข้าไปสำรวจบริเวณแหล่งที่พบ จึงได้ไปเจอกับไข่งูเห่าอีกหลายสิบฟองซึ่งส่วนใหญ่แตกไปจนหมดแล้ว ที่นี่คงเป็นเหมือนกับแหล่งชุมชนของงูเห่าเลยก็ว่าได้   .   นายประไพบอกว่านี่เป็นการพบจุดรวมตัวของงูเห่าที่เยอะที่สุดเท่าที่ตัวเองเคยเจอมา…

  • นี่คือเหตุผลว่าทำไม ‘ศพผู้ก่อการร้ายบินลาเดน’ ถึงไม่เคยถูกนำมาเปิดเผยออกสื่อ

    นี่คือเหตุผลว่าทำไม ‘ศพผู้ก่อการร้ายบินลาเดน’ ถึงไม่เคยถูกนำมาเปิดเผยออกสื่อ

    Osama Bin Laden (บินลาเดน) คือชื่อของผู้ก่อการร้ายที่หลายๆ คนยังคงจดจำกันได้เป็นอย่างดี จากเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน 2001 หรือที่เรียกว่าเหตุการณ์ 9/11 เขาคือผู้นำของการจี้เครื่องบินให้พุ่งเข้าชนตึก World Trade Center ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา คร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมาก เหตุการณ์ดังกล่าวถูกถ่ายทอดสดออกไปทั่วโลก กลายเป็นหนึ่งในเหตุวินาศกรรมที่เลวร้ายที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ก่อนที่ผู้ก่อการร้ายคนนี้จะถูกปลิดชีพด้วยฝีมือของทหารสหรัฐในวันที่ 2 พฤษภาคม 2011   บินลาเดน ผู้นำการก่อการร้าย เหตุวินาศกรรม 9/11   ทว่าตอนนี้ผ่านมาได้ประมาณ 7 ปี เรากลับได้ยินเพียงคำพูดยืนยันว่าบินลาเดนซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่มก่อการร้าย อัลกออิดะฮ์ ได้จบชีวิตลงไปแล้ว แต่เรากลับไม่เคยเห็นภาพศพของเขามายืนยันคำพูดที่ว่านั้นเลย ทั้งๆ ที่ผู้ก่อการร้ายคนอื่นๆ จะมีรูปภาพการตายของพวกเขาออกมายืนยันอย่างชัดเจน ทาง ฝ่ายข่าวกรองของสหรัฐ ได้ออกมายืนยันว่าพวกเขามีรูปการตายของผู้ก่อการร้ายคนนี้อยู่จริงๆ เพียงแต่ไม่สามารถนำออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนได้ เนื่องจากว่ากองกำลังสหรัฐที่เข้าไปปลิดชีพบินลาเดนนั้นไม่ได้ทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง และสาดกระสุนใส่ร่างของบินลาเดนมากเกินความจำเป็น     Matt Bissonette หนึ่งในทหารของหน่วย Naval Special Warfare…

  • 14 ภาพการจัดงานศพแบบ “เล่นใหญ่” ไหนๆ ก็ร่ำลาครั้งสุดท้ายแล้ว เอาให้สุดไปเลย!!

    14 ภาพการจัดงานศพแบบ “เล่นใหญ่” ไหนๆ ก็ร่ำลาครั้งสุดท้ายแล้ว เอาให้สุดไปเลย!!

    การจัดพิธีศพให้กับผู้ที่ล่วงลับนั้นถือเป็นการแสดงความเคารพและการกล่าวลาครั้งสุดท้าย ผู้คนจึงให้ความสำคัญกับพิธีศพเป็นอย่างมาก จะว่าไป พิธีศพของแต่ละประเทศก็ใช่ว่าจะเหมือนกันไปเสียหมด ขณะที่ประเทศไทยเราจัดพิธีศพกันด้วยบรรยากาศที่แสนโศกเศร้า บางประเทศกลับจัดพิธีศพอย่างรื่นเริงเมื่อพวกเขาสูญเสียคนรักไป เอ… ว่าแต่ มีการจัดพิธีศพแบบแปลกๆ หรือว่าจัดพิธีแบบเล่นใหญ่ที่ไหนอีกหรือเปล่านะ? วันนี้ ขอให้ทุกท่านสะบัดความโศกเศร้าทิ้งไปและมาตื่นตากับ 14 ภาพ การจัดงานศพแบบเล่นใหญ่ เพื่อร่ำลาคนที่พวกเขารักเป็นครั้งสุดท้ายกันเถอะ…   1. คุณพ่อของคนนี้สมัยก่อนเปิดร้านไอศกรีม Dairy Queen เป็นเจ้าแรกในเมือง แล้วดูดอกไม้งานศพเขาสิ เป็นไอศกรีมมาเชียว   2. ผ้านวมที่คุณยายถักขึ้น ถูกนำมาประดับที่นั่งในโบสถ์ ณ งานศพของคุณยาย   3. พี่ชายของฉันเป็นคนที่หลงใหลในเกมมากๆ และนี่ก็คือช่อดอกไม้ที่ฉันจัดเพื่อบอกลา ในงานศพของเขา   4. งานศพของ Brayden Denton จัดขึ้นในสไตล์ซูเปอร์ฮีโร่   5. นี่คือขบวนแห่งานศพของนายตำรวจคนหนึ่งในเมืองแดลลัส   6. เจ้าหมาจรจัดพวกนี้ คอยวนเวียนอยู่ในงานศพของหญิงสาวที่เคยให้อาหารพวกมันเป็นประจำ   7. ลูกสาวของพนักงาน UPS คนหนึ่งเสียชีวิต เพื่อร่วมงานจึงพากันมาช่วยเหลือในพิธี  …

  • เด็กชายวัย 14 ทำปืนลั่นใส่แฟนสาววัย 16 เสียชีวิต ก่อนที่จะขับรถจักรยานยนต์หนีไป

    เด็กชายวัย 14 ทำปืนลั่นใส่แฟนสาววัย 16 เสียชีวิต ก่อนที่จะขับรถจักรยานยนต์หนีไป

    เมื่อวันเสาร์ที่ 10 มีนาคม 2018 ที่ผ่านมา ทางสถานีตำรวจภูธรบ้านแยง อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย ที่บ้านเลขที่ 250 หมู่ 9 ตำบลห้วยเฮี้ย อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก     ร้อยตำรวจเอก ประทีป อินแก้ว รองสารวัตรหน่วยสืบสวน จึงได้รุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมกับประสานงานทีมพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน ในที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิตของนางสาวจันทร์เพ็ญ แก้วไพฑูรย์ วัย 16 ปี ซึ่งมีร่องรอยการถูกยิงเข้าที่ขมับด้านซ้าย และทะลุออกทางท้ายทอยด้วยอาวุธอาวุธปืนลูกโม่ .38 ผู้ต้องสงสัยเป็นเด็กชายวัย 14 ปี ซึ่งได้รับการเปิดเผยจากทางพันตำรวจเอก สุนทร ภิราษร ผู้กำกับการสถานีตำรวจ ภูธรบ้านแยงกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุนั้นทั้งสองคนอยู่ในบ้านเพียงลำพัง ก่อนที่จะมีเสียงปืนดังขึ้นมาหนึ่งนัด และเด็กชายวัย 14 ปีออกมาบอกกับญาติว่าตนได้ทำปืนลั่นใส่แฟนสาว และขี่รถจักรยานยนต์ออกจากที่เกิดเหตุไป     ในขณะนี้ศพของผู้เสียชีวิตได้ถูกส่งไปยังฝ่ายนิติเวช โรงพยาบาลพุทธชินราช เพื่อทำการชันสูติศพอย่างละเอียด ก่อนที่ส่งคืนให้ญาติๆ นำไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป ส่วนผู้ต้องสงสัยนั้นทางคุณพ่อของเด็กชายได้รับปากกับทางตำรวจแล้วว่าจะพาลูกชายมาเข้ามอบตัวกับทางตำรวจให้ได้ภายในสามวัน ที่มา workpointnews, amarintv

  • สยองสิครับ…คุณยายชาวยูเครนวัย 77 ปี อาศัยอยู่กับ ‘ซากศพ’ ของแม่ตัวเองนาน 30 ปี!!

    สยองสิครับ…คุณยายชาวยูเครนวัย 77 ปี อาศัยอยู่กับ ‘ซากศพ’ ของแม่ตัวเองนาน 30 ปี!!

    ‘ความตาย’ เป็นสิ่งที่ชีวิตทุกชีวิตต้องพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือมนุษย์ก็ตาม และแน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น สิ่งที่เราทำได้ก็มีเพียงแค่ยอมรับการสูญเสียที่เกิดขึ้นให้ได้ก็เท่านั้น แต่สำหรับคุณยายวัย 77 ปี จากยูเครนไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะเธอทำใจยอมรับการสูญเสียของคุณแม่ไม่ได้ ก็เลยอาศัยกับซากศพของแม่ผู้เป็นที่รักมาตลอด 30 ปี เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้รายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกค้นอพาร์ตเมนต์ของคุณยายวัย 77 ปี ที่ตั้งอยู่ในเมือง Mykolaiv ประเทศยูเครน หลังได้รับแจ้งจากคนที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เดียวกัน     เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงกับช็อกเพราะพอเปิดเข้าไปในห้องก็ต้องพบกับสภาพการเป็นอยู่ของคุณยายที่ย่ำแย่เหลือเกิน มีขยะถูกทิ้งเกลื่อนกลาดเต็มห้อง แถมยังมีซากศพที่แห้งเหลือแต่กระดูกสวมชุดสีขาว รองเท้าสีฟ้า และถุงเท้าสีเขียว นอนอยู่บนเตียงอีกด้วย!! เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจค้นเพิ่มเติม ก็พบว่ามีหนังสือพิมพ์เก่าๆ ที่ตีพิมพ์ตั้งแต่หลายสิบปีก่อน อาหารเน่าเสีย อีกทั้งยังมีตราสัญลักษณ์เกี่ยวกับศาสนาและความเชื่อถูกวางไว้ข้างๆ ใบหน้าของซากศพ     หญิงชราวัย 77 ปีเจ้าของห้อง อาศัยอยู่อย่างสันโดษโดยไม่ติดต่อกับห้องข้างๆ เลย เธอถูกพบตัวอยู่ในห้อง ขาทั้งสองข้างของเธอเป็นอัมพาตแต่ยังคงมีชีวิตอยู่     ตามรายงานบอกว่าตอนที่เจ้าหน้าที่พบคุณยาย เธอกำลังนอนอยู่บนพื้นและต้องการความช่วยเหลือด่วน ที่อยู่อาศัยแห่งนั้นไม่มีทั้งน้ำ…

  • “หมู่บ้านผีดิบ” ที่ชาวบ้านขุดศพคนในครอบครัวขึ้นมาใช้ชีวิตอยู่ด้วย เพราะเชื่อว่ายังไม่ตาย…

    “หมู่บ้านผีดิบ” ที่ชาวบ้านขุดศพคนในครอบครัวขึ้นมาใช้ชีวิตอยู่ด้วย เพราะเชื่อว่ายังไม่ตาย…

    [คำเตือน: มีภาพและเนื้อหาที่กระทบกระเทือนจิตใจ ควรใช้วิจารณญาณในการรับชม]     ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง บนเกาะซูลาเวซี ประเทศอินโดนีเซีย ถูกเรียกว่าเป็น “หมู่บ้านผีดิบ” เพราะที่นั่น มีพิธีกรรมสุดประหลาดอย่างหนึ่ง ที่มีการขุดญาติหรือสมาชิกในครอบครัวที่ “ตาย” ไปแล้ว ขึ้นมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอีกครั้ง พิธีกรรมดังกล่าว เป็นพิธีกรรมของชาว Torojan ซึ่งเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ชาวบ้านจะมีการขุดศพของญาติและสมาชิกในครอบครัวที่ตายไปแล้ว ขึ้นมาชะล้างทำความสะอาดและแต่งองค์ทรงเครื่อง เพื่ออาศัยอยู่ในบ้านอีกครั้ง   ขุดขึ้นมา อาบน้ำ แต่งตัว สูบบุหรี่ และใช้ชีวิตร่วมกัน . .   ศพนั้นถูกขุดขึ้นมานำมาไว้ในบ้านนานนับทศวรรษ และทางครอบครัวก็จะใช้ชีวิตร่วมกับศพคนรักของพวกเขา โดยมองว่าเขายังไม่ได้ตาย แต่เขาแค่ “ป่วย” จนกว่าทางครอบครัวจะสามารถจัดพิิธีศพตามความเชื่อได้อย่างสมเกียรติที่ชื่อว่า Rambu Solo จึงจะสามารถยอมรับได้จริงๆ ว่าศพนั้นได้ตายไปแล้ว ชาว Torojan ทำกับคนรักที่พวกเขาขุดขึ้นมาเหมือนกับว่าเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว (ที่ยังมีชีวิต) พวกเขาพูดคุย ให้น้ำ ให้อาหาร และแน่นอนว่า ยามเข้านอน ก็นอนด้วยกัน   ไม่ว่าจะศพผู้ใหญหรือเด็ก ก็ถูกนำขึ้นมาแต่งตัว และใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว…

  • หนุ่มรัสเซียก่อเหตุโหดกับแฟนเก่า ก่อนจะสารภาพขั้นตอนให้พ่อแม่ได้รู้ และจบชีวิตตามไป…

    หนุ่มรัสเซียก่อเหตุโหดกับแฟนเก่า ก่อนจะสารภาพขั้นตอนให้พ่อแม่ได้รู้ และจบชีวิตตามไป…

    ในบางครั้งเราอาจรู้สึกเหมือนกับถูกครอบงำด้วยความคิดด้านลบ จนเกิดความรู้สึกสับสนในตัวเองและมีปัญหาต้องการตัดสินใจในเรื่องผิดชอบชั่วดี เหมือนอย่างชายชาวรัสเซียคนนี้ที่ได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่โหดร้าย เพราะว่าจมไปกับด้านมืดของจิตใจตัวเอง นี่คือเรื่องราวสุดสะเทือนใจของฆาตกรหนุ่มวัย 19 ปีที่ชื่อว่า Artyom Iskhakov เขาอาศัยอยู่กับแฟนเก่าของเขา Tatiana Strakhova ก่อนที่จะฆาตกรรม ข่มขืนศพของเธอ และเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้พ่อแม่ของเขาและเธอฟัง จากนั้นจึงฆ่าตัวตายตามไป   Tatiana และ Artyom วัย 19 ปี ผู้เคยคบหาเป็นแฟนกันมาก่อน   เรื่องราวอันแสนเศร้านี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนที่ Artyom หนุ่มโปรแกรมเมอร์ ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัย Bauman เลิกคบกับแฟนสาวของเขา Tatiana สาวหัวกะทิจากมหาวิทยาลัยวิจัยนานาชาติมอสโก แม้จะเลิกกันแล้วแต่ทั้งคู่ยังคงแชร์ห้องเช่าด้วยกัน หลังจากนั้นไม่นานหญิงสาวก็มีแฟนใหม่เป็นหนุ่มจากเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ชื่อว่า Igor ความอึดอัดที่ต้องอยู่ด้วยกันในสถานะที่เปลี่ยนไป Artyom จะถูกปฏิเสธเสมอเวลาที่เขาชวนเธอไปดื่มด้วยกัน แถมยังต้องทนเห็นแฟนเก่าของตัวเองจู๋จี๋อยู่กับแฟนใหม่ที่เป็นเพื่อนของเขา นั่นจึงทำให้เขารู้สึกรำคาญและโมโหอย่างมาก จนไม่อาจเก็บอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้     ชายหนุ่มต้องการที่จะมีเพศสัมพันธ์กับเธออย่างมาก มันจึงกลายเป็นแรงขับให้เขาทำสิ่งที่โหดร้ายลงไปในวันหนึ่ง ตอนที่หญิงสาวกลับมาที่ห้องเช่า เขาพุ่งเข้าไปหาเธอ ต่อยเข้าไปที่หน้าของเธออย่างจัง จนหญิงสาวล้มลงไปนอนกับพื้น จากนั้นเขาก็ต่อยเธอไปอีกหลายครั้ง ทำให้มีเลือดไหลออกมาจากปากของเธอ Tatiana บอกให้เขาลุกออกไป…

  • ตำรวจอึ้งหลังชายไต้หวันเข้ามอบตัว พร้อมกับถุงขยะบรรจุศพลูกสาวที่เคยพลั้งมือฆ่าเมื่อ 12 ปีก่อน

    ตำรวจอึ้งหลังชายไต้หวันเข้ามอบตัว พร้อมกับถุงขยะบรรจุศพลูกสาวที่เคยพลั้งมือฆ่าเมื่อ 12 ปีก่อน

    วันที่ 20 ตุลาคม 2017 สำนักข่าวเดลีเมลได้เปิดเผยเรื่องราวชวนช็อกที่เกิดขึ้น ณ เมืองเกาสง ประเทศไต้หวัน เมื่อชายวัย 43 ปีรายหนึ่งได้เดินเข้าไปมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมถือถุงขยะมาด้วย 1 ใบ ซึ่งเขาได้อ้างว่า ในถุงขยะใบนั้นมีศพของลูกสาววัยเพียง 1 เดือน ที่เคยพลั้งมือฆ่าไปเมื่อ 12 ปีก่อน เหตุเพราะรู้สึกโมโหที่ลูกไม่ยอมหยุดร้องไห้ขณะเอานมให้ดื่ม     ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจในเขตซานมิน เมืองเกาสง ได้ออกมาเผยว่าพวกเขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อชายที่ชื่อหลิน วัย 43 ปีรายนี้ เดินถือถุงศพเข้ามาสารภาพในสิ่งที่เคยทำไว้เมื่อปี 2005 อย่างไรก็ตามนายหลินได้บอกกับทางเจ้าหน้าที่ว่า หลังจากที่เขาพลั้งมือตีลูกสาวจนตาย ในเวลานั้นเขารู้สึกตกใจ และทำอะไรไม่ถูก เขาจึงนำร่างของเธอไปยัดใส่ในถุงขยะ และแอบซ่อนเอาไว้ใต้เตียงนอน     นอกจากนี้เขายังโกหกภรรยาวัย 38 ปี อีกว่าผู้เป็นย่าได้มารับเอาลูกไปเลี้ยงแล้ว ซึ่งเขาก็ห้ามเอาไว้ไม่อยู่ และไม่สามารถที่จะหาทางนำตัวลูกสาวกลับมาได้เลย     จากการรายงานระบุว่า อีก 2 ปีต่อมา นายหลินและภรรยาของเขาก็ได้มีลูกสาวด้วยกันอีกครั้ง โดยเขาได้ปล่อยให้ลูกนอนอยู่บนเตียงที่เคยซ่อนศพที่เน่าเปื่อยของลูกคนแรกเอาไว้นานถึง…

  • สามีเพิ่งเสียภรรยาไปต้องมาช้ำใจ หลังเห็นบุรุษพยาบาลกำลังมีอะไรกับศพของภรรยา

    สามีเพิ่งเสียภรรยาไปต้องมาช้ำใจ หลังเห็นบุรุษพยาบาลกำลังมีอะไรกับศพของภรรยา

    การที่คนๆ หนึ่งต้องสูญเสียคนรักไปก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียใจและเศร้าสลดอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์นี้กลับยิ่งทำให้ใจของคนๆ หนึ่งสลายเพราะนอกจากเขาจะสูญเสียภรรยาไปแล้ว เขายังต้องมาเห็นบุรุษพยาบาลกระทำชำเราศพของภรรยาเขาอีก! เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ประเทศโบลิเวีย เมื่อชายคนหนึ่งได้เดินทางไปที่ห้องเก็บศพเพื่อจะกล่าวคำอำลาสุดท้ายแก่ภรรยาของเขาที่เสียชีวิตไปด้วยโรคที่เกี่ยวกับปอด แต่ว่าเขากลับไปเห็นบุรุษพยาบาลคนหนึ่งที่ทราบชื่อภายหลังว่า Grover Macuchapi อายุ 27 ปีกำลังมีเพศสัมพันธ์กับศพของภรรยาของเขาอยู่   โดนจับกุมจากการก่อเหตุวิปริต   Douglas Uzquiano นายตำรวจผู้จับกุมเล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์อัปยศนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงหลังจากผู้หญิงคนหนึ่งได้เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาล Hospital de Clinicas ที่เมือง Lapaz และถูกส่งมาที่ห้องเก็บศพของโรงพยาบาล โดยญาติทั้งหมดของผู้เสียชีวิตได้กลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อชำระค่ารักษาของผู้เสียชีวิตคนนี้ เหลือเพียงสามีของเธอเพียงคนเดียวที่จะเข้าไปอำลาเธอและเห็นสิ่งที่เขากำลังทำ หลังจากนั้นเขาจึงไล่ตีบุรุษพยาบาลที่พยายามวิ่งหนีโดยที่กางเกงยังกองอยู่ที่ข้อเท้าอยู่ และจับส่งตำรวจในที่สุด   หน้าตาของบุรุษพยาบาลที่ลงมือก่อเหตุวิปริต   บุรุษพยาบาลคนนี้ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “มีบางอย่างเกิดขึ้นเหมือนมันเป็นความฝัน ตอนนั้นผมรู้สึกได้ว่ามีลมพัดเข้ามาจากข้างหลังหลังจากนั้นผมก็โดนสามีของผู้หญิงคนนี้ทำร้าย” โดยศพของผู้หญิงคนนี้มีอายุ 28 ปีและพึ่งเสียชีวิตก่อนหน้านั้นเพียง 1 ชั่วโมงเดียวก่อนที่จะถูกกระทำชำเราโดยบุรุษพยาบาลวิปริต อย่างไรก็ตามอัยการกล่าวว่า เขาอาจถูกปล่อยตัวและไม่สามารถเอาผิดได้ เนื่องจากการสมสู่กับศพนั้นไม่ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายใดๆ ของโบลิเวีย   ที่มา: dailymail

  • พาส่องพิพิธภัณฑ์ “กายวิภาคมนุษย์” ในอัมสเตอร์ดัม ที่ใช้ศพคนจริงๆ มาจัดแสดง

    พาส่องพิพิธภัณฑ์ “กายวิภาคมนุษย์” ในอัมสเตอร์ดัม ที่ใช้ศพคนจริงๆ มาจัดแสดง

    เราอาจเคยเห็นพิพิธภัณฑ์หลายประเภทจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์รถยนต์และเครื่องจักร พิพิธภัณฑ์ของเล่น และอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ ในโลกเรายังมีพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งที่ไม่เหมือนที่อื่น เพราะพวกเขาจัดแสดง “ร่างกายมนุษย์” นั่นเอง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อว่า BODY WORLDS: The Happiness Project ตั้งอยู่ในกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรือนร่างของมนุษย์กว่า 200 ร่าง สะท้อนให้เห็นความงดงาม ความซับซ้อน และความเปราะบางของสิ่งที่อยู่ภายในร่างกายของเรา     ด้วยความมีเอกลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้กว่า 40 ล้านคนในแต่ละปี   ลองไปชมกันดีกว่า . . . . . . . . . . . . . .   ข่าวดีคือพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวัน ใครที่สนใจก็ลองหาโอกาสไปเยี่ยมชมได้เลยนะครับ หรือถ้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มตาม กดเข้าไปที่เว็บไซต์แห่งนี้ได้เลย (bodyworlds) ที่มา bodyworlds

  • นึกว่าหนังสยองขวัญ เมื่ออยู่ดีๆ มีเลือดออกจากพื้นลงสู่ถนน ไหลอย่างกับท่อประปาแตก!!

    นึกว่าหนังสยองขวัญ เมื่ออยู่ดีๆ มีเลือดออกจากพื้นลงสู่ถนน ไหลอย่างกับท่อประปาแตก!!

    เป็นใครก็ต้องขนลุกขนพองสยองเกล้ากันแน่นอน ใครจะไปคิดว่าการเดินอยู่บนถนนชิวๆ ในเช้าวันที่อากาศกำลังสบายๆ กลับต้องมาพบกับเหตุการณ์สยอง จนต้องเผ่นแนบแทบไม่ทัน บรึ๋ยยยย!! เรื่องนี้เกิดขึ้นที่บริษัทรับจัดการศพแห่งหนึ่งในเมือง Baton Rouge รัฐหลุยเซียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา มีคนพบว่าบริเวณทางเข้างานศพนั้นมีเลือดสีแดงฉานค่อยๆ ไหลออกมาจากพื้นและค่อยๆ ไหลไปจนทำให้ถนนบริเวณนั้นเต็มไปด้วยเลือด!!!     หลังจากที่โทรให้ตำรวจมาตรวจสอบก็พบว่ามันคือเลือดจริงๆ ผสมกับฟอร์มาลดีไฮด์ มันรั่วไหลออกมาจากถังเก็บของเสียของบริษัทแล้วระบายออกมาบนถนน อะไรเนี่ย!!!   เลือดทั้งหมดไหลออกมาจากถังเก็บของเสียที่อุดตันเป็นเวลา 20 นาที สร้างความขนลุกและขยะแขยงให้กับคนในเมืองเป็นอย่างมาก ปกติถ้าเป็นของเหลวหรือน้ำปกติก็จะมีการไหลลงสู่ท่อระบายน้ำ แต่ทางบริษัทไม่ได้จัดการกับเรื่องนี้ทำให้มันไหลออกมาบนถนน ทำให้ต้องมีการจัดการตรวจสอบใบอนุญาตกับกรมบริหารสิ่งแวดล้อม   Adam Smith เจ้าหน้าที่หน่วยงานบริการด้านสิ่งแวดล้อมประจำเมืองได้กล่าวว่า “เราได้ส่งเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญทางด้านสิ่งแวดล้อมเข้าไปตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ต้องมีการจัดการกับสิ่งเหล่านี้ถึงแม้ว่าจะเป็นสินทรัพย์ของเอกชน” จากนั้นไม่นานก็มีพนักงานของเทศบาลเข้ามาจัดการล้างเลือดทั้งหมดออกจากถนนเพื่อให้ชาวเมืองไม่ตื่นตระหนก เหตุการณ์ที่คล้ายๆ กันนี้ก็เคยเกิดขึ้นในประเทศจีน เมื่อแม่น้ำในท้องถิ่นเปลี่ยนเป็นสีแดง หลังจากพบว่ามีการรั่วไหลของเลือดจากโรงฆ่าสัตว์ในบริเวณนั้น แค่คิดภาพตามก็สยองแล้ว บรื๋ออออ ที่มา ladbible , dailymail

  • คุณแม่ใช้เวลานานกว่า 42 ปี ตามค้นหาความจริง เมื่อศพของลูกชายหายไปอย่างไร้ร่องรอย…

    คุณแม่ใช้เวลานานกว่า 42 ปี ตามค้นหาความจริง เมื่อศพของลูกชายหายไปอย่างไร้ร่องรอย…

    เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2017 ทางเว็บไซต์ Mirror มีรายงานว่า Lydia Reid คุณแม่วัย 68 ปี ได้พยายามค้นหาความจริงที่เกิดขึ้นกับ Garry ลูกชายที่เพิ่งเกิดได้เพียงแค่ 7 วัน หลังจากที่เขาได้เสียชีวิตในเดือนกรกฎาคมปี 1975 และถูกจัดการนำไปฝังทั้งๆ ที่เธอไม่เคยได้เห็นร่างของลูกเลย… แต่ทว่าภายหลังจากที่ได้มีการขุดหลุมฝังโลงศพของเขาขึ้นมา นั่นทำให้ Lydia ถึงขั้นเสียใจหนักกว่าเดิม เพราะร่างของ Garry ในโลงนั้นกลับหายไปอย่างเป็นปริศนา     จากการรายงานระบุว่า Lydia ใช้เวลาต่อสู้นานถึง 42 ปี เพื่อตามหาสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Garry โดยเธอได้อ้างว่า เมื่อเธอขอดูหน้าของลูกชายที่เสียชีวิตที่โรงพยาบาลเด็กในเมืองเอดินบะระ ทางโรงพยาบาลก็ได้นำร่างของเด็กคนอื่นซึ่งไม่ใช่ลูกของเธอมาให้ดู “ฉันได้คัดค้าน แต่พวกเขาบอกว่าฉันกำลังได้รับความทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้าหลังคลอด ลูกของฉันมีผมสีบลอนด์ แต่เด็กคนนี้มีผมสีดำ นี่ไม่ใช่ลูกของฉัน” Lydia กล่าว     อย่างไรก็ตาม Lydia ได้รับคำสั่งจากศาลให้ทำการขุดหลุมฝังศพในเอดินบะระเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เธอกลับพบว่าไม่มีแม้ร่องรอยของศพมนุษย์อยู่เลยแม้แต่น้อย    …

  • คุณแม่อยู่ห้องเช่าไม่ได้ เมื่อเพื่อนบ้านชั้นบนเสียชีวิต เป็นแหล่งเพาะตัวอ่อนแมลง..!!

    คุณแม่อยู่ห้องเช่าไม่ได้ เมื่อเพื่อนบ้านชั้นบนเสียชีวิต เป็นแหล่งเพาะตัวอ่อนแมลง..!!

    เรื่องราวสยองขวัญของคุณแม่ลูกหนึ่ง ที่เกิดขึ้นในเมืองลีดส์ ประเทศอังกฤษ เมื่อจู่ๆ เจ้าของห้องด้านบนแฟลตที่เธออาศัยอยู่ได้เสียชีวิต ทว่ากลับไม่มีใครเข้าไปจัดการ จนห้องของเธอถูกรุกรานด้วยตัวอ่อนของแมลงที่เกิดขึ้นจากศพ!! โดยเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า คุณแม่วัย 26 ปี Beau Marr ได้ออกมาร้องเรียนต่อสื่อท้องถิ่นว่า จู่ๆ ห้องเช่าของเธอก็กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ตัวอ่อนแมลง ซึ่งพวกมันตกลงมาจากซากศพของผู้เสียชีวิตที่อยู่ห้องด้านบน   Beau Marr และสภาพห้องของเธอ   โดยคุณแม่ออกมาเรียกร้องผ่านสื่อว่า เจ้าของห้องที่เธอเช่าอยู่นั้นไม่ให้ความสนใจที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาใดๆ เพราะเริ่มกลิ่นเหม็นเน่ามาจากชั้นบน ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม และผ่านมาได้สิบกว่าวันแล้ว ที่เธอและลูกน้อยวัย 5 เดือน ต้องอาศัยอยู่กับตัวอ่อนแมลงพวกนี้ ซึ่งเธอก็ไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น ผู้อาศัยอยู่ห้องด้านบนของเธอถึงได้เสียชีวิตลง ทว่ากว่าที่เจ้าของแฟลตจะรู้ก็เลยผ่านไปหลายวัน หลังจากที่แจ้งทางการไปแล้ว เธอก็ได้ตัดสินใจย้ายไปอาศัยอยู่กับเพื่อนและครอบครัว เพื่อรอให้กลิ่นเหม็นเน่าจางหายไป   แน่นอนว่าตัวอ่อนทั้งหมดที่เห็นนี้ พวกมันเติบโตมาจากการกินซากศพเป็นอาหาร   แต่หลังจากที่ย้ายกลับเข้ามาอีกครั้ง ก็พบกับความจริงอันน่าสยดสยองที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพราะทั้งห้องเช่าของเธอกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ตัวอ่อนของแมลงไปแล้ว… ต่อให้เธอจะพยายามกำจัดและทำความสะอาดมากแค่ไหน เหล่าตัวอ่อนของแมลงก็ยิ่งตกลงมาจากรอยแตกบนเพดานมากขึ้นเรื่อยๆ “ด้วยความที่ฉันเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง และตอนนี้ต้องลางานออกมาในช่วงที่ลูกใกล้คลอด ยอมรับเลยว่าฉันมีงบประมาณที่จำกัดสุดๆ และนั่นก็อาจจะหมายถึงการเป็นคนไร้บ้านได้เลย ซึ่งดิฉันก็เชื่อว่าถ้าคุณรักความสะอาดมากพอ…

  • ศิลปินสาวสร้างผลงาน ‘เค้ก’ หน้าตาไม่ธรรมดา เพราะมันเหมือนจริงมาก จนกินไม่ลง…

    ศิลปินสาวสร้างผลงาน ‘เค้ก’ หน้าตาไม่ธรรมดา เพราะมันเหมือนจริงมาก จนกินไม่ลง…

    หลังจากที่ได้เข้าทำงานในโรงพยาบาล และได้มีโอกาสเห็นสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล การได้เห็นเลือดกับแผลจากอุบัติเหตุนั้นถือเป็นเรื่องปรกติของเธอ และสิ่งเหล่านี้เองที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะเหล่านี้ Katherine Day ได้เริ่มทำเค้กที่มีความสมจริง แต่แทนที่จะเป็นเค้กรูปดอกไม้หรือสัตว์แสนน่ารักๆ แบบหญิงสาวทั่วไป แต่เธอกลับเลือกทำเค้กที่เต็มไปด้วยเลือดที่ดูน่ากลั๊วน่ากลัว…     เค้กก้อนนี้คุณ Katherine ใช้หน้าของสามีเธอเป็นแบบในการทำ อือหือ..สมจริงมากเลยนะเนี่ย   นอกจากรูปร่างภายนอกจะมีความสมจริงแล้ว รายละเอียดด้านในเค้กก็ยังทำออกมาได้เนียนสุดๆ อีกด้วย   บางผลงานอาจจะดูธรรมดาๆ   แต่เมื่อคุณเริ่มลงมือตัดเค้ก มันก็กลับสยองขึ้นมาทันที   เค้กรูปกะโหลกแพะ ที่ทำออกมาได้เหมือนสุดๆ แบบนี้คนใจอ่อนมีหวังกินไม่ลงแน่นอน   ขั้นตอนในการทำเค้กของเธอนั้นค่อนข้างซับซ้อน และนี่คือหนึ่งในขั้นตอนการเตรียมเค้กก่อนที่มันจะถูกแต่งหน้าให้ดูน่าขนลุก .   จากก้อนเค้กธรรมดาๆ ก็เริ่มเผยความน่าขนลุกขึ้นมาทีละนิด   แอ่นแอ๊น!! เสร็จเรียบร้อยแล้วจร้าา เค้กรูปศพโอพอสซัมที่ทำมาจากเค้กและขนมธัญพืชอัดแท่ง   ผลงานแต่ละชิ้น ใช้เวลาในการตกแต่งและการทำค่อนข้างนาน   นอกจากการขึ้นรูปแล้ว ขั้นตอนการลงสีก็เป็นอีกขั้นตอนที่สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว   ถ้าหากเจ้าของวันเกิดเป็นคนใจไม่แข็งพอ อาจจะไม่ค่อยชอบเค้กก้อนนี้ก็ได้นะ ฮ่าๆ   โถ่… อะไรจะเหมือนขนาดน้านน แม่คู๊ณณ ที่มา thisisinsider

  • พบศพสามีภรรยาที่หายตัวไปเมื่อ 75 ปีก่อน หลังออกไปรีดนมวัว แต่ไม่กลับมาอีกเลย…

    พบศพสามีภรรยาที่หายตัวไปเมื่อ 75 ปีก่อน หลังออกไปรีดนมวัว แต่ไม่กลับมาอีกเลย…

    กำลังกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกตะวันตกกันเลยทีเดียว หลังจากที่มีการค้นพบศพของสองสามีภรรยาที่ก่อนหน้านั้น ทั้งคู่ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย… โดยล่าสุดมีเจ้าหน้าที่ได้ไปพบศพของทั้งคู่ ที่บริเวณธารน้ำแข็ง Tsanfleuron ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นเวลานานกว่า 75 ปี ที่ไม่มีการค้นพบร่างของทั้งสองคน จนกระทั่งในที่สุดวันนี้ความจริงก็ได้ถูกเปิดเผยออกมา   เจ้าหน้าที่ได้พบร่างของ Marcelin และ Francine Dumoulin   จากการสืบประวัติพบว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ปี 1942 ทั้งคู่ได้เดินทางออกจากบ้านเพื่อไปรีดนมวัว ทว่าหลังจากวันนั้นมาก็ไม่มีใครพบพวกเขาอีกเลย… จนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านมานานกว่า 75 ปี ร่างของทั้งคู่ก็ถูกค้นพบโดยเจ้าหน้าที่สกีรีสอร์ทแห่งหนึ่งในบริเวณนั้น ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าสาเหตุการเสียชีวิตน่าจะมาจากการเดินตกเหว “ภาพแรกที่เราเห็นเขาทั้งคู่เป็นสภาพของ ชายหญิงใส่เสื้อผ้าจากยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 และดูเหมือนว่าร่างกายของพวกเขาจะทนไม่ไหวต่อสภาพอากาศที่หนาวเกินไป” Bernard Tschannen ผู้จัดการรีสอร์ทเล่า   Marcelin (ขวา) และ Francine Dumoulin (ซ้าย)   จากการนำตัวอย่าง DNA ไปตรวจสอบในห้องแล็บ เจ้าหน้าที่ก็ได้พบว่าร่างทั้งสองเป็นร่างของชายหญิงที่เคยหายไประหว่างออกไปรีดนมวัวจริง Marceline Udry-Dumoulin คุณยายวัย 79 ปี ได้เล่าว่า “ฉันจำได้ว่าตอนอายุได้ 4…

  • สื่อต่างชาติรายงาน พบสาวเบลเยียมเสียชีวิต เหลือเพียงครึ่งตัวที่ “เกาะเต่า” อีกแล้ว!!

    สื่อต่างชาติรายงาน พบสาวเบลเยียมเสียชีวิต เหลือเพียงครึ่งตัวที่ “เกาะเต่า” อีกแล้ว!!

    เกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้นในบ้านเราอีกครั้ง เมื่อทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้รายงานว่ามีการพบศพของหญิงสาวผู้หนึ่งบนเกาะเต่า แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งในประเทศไทย นาง Elise Dallemange ถูกพบศพเมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมาในป่าแห่งหนึ่งบนเกาะ อวัยวะบางส่วนของศพถูกสัตว์ป่ากินเหลือเพียงครึ่งตัวเท่านั้น     ตามรายงานข่าวระบุว่าเธอคือผู้เสียชีวิตรายที่ 7 ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา โดยทางตำรวจออกมายืนยันว่าหญิงคนดังกล่าวเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย แต่อย่างไรก็ตามแม่ของเธอคุณ Michele กลับไม่เชื่อตามข้อสันนิษฐานของตำรวจ เธอบอกว่า “ฉันไม่เชื่อตามที่ตำรวจบอกเรา ฉันคิดว่าคำอธิบายของพวกเขานั้นไม่ถูกต้อง และฉันเกรงว่าจะต้องมีคนอื่นเกี่ยวข้องกับการตายของลูกสาวฉัน” นอจากนี้แม่ของคุณหญิงสาวผู้เสียชีวิตวัย 30 ปี ยังบอกอีกว่าการตายของลูกเธออาจไม่ได้ความสนใจหากไม่มีการเรียกร้องจากเธอ และตอนนี้เธอยังไม่ได้รับผลการชันสูตรของลูกสาวแต่อย่างใดด้วย     ก่อนหน้านี้นาง Elise เคยเข้าร่วมลัทธิ Sathya Sai Baba และอาศัยร่วมกับผู้หนึ่งที่เรียกตัวเองว่าอาจารย์ ที่เกาะพพงัน หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 17 เมษานที่ผ่านมาเธอได้เตรียมเดินทางกลับบ้านเกิดที่ประเทศเบลเยี่ยม จากบันทึกการโทรของผู้ตายแสดงให้เห็นว่าเธอได้ติดต่อกับแม่ของเธอผ่านสไกป์เมื่อวันที่ 17 เมษายน ก่อนที่จะออกจากเกาะพะงันเมื่อวันที่ 19 เมษายน แต่ไม่มีใครทราบว่าทำไมหญิงสาวถึงเดินทางไปที่เกาะเต่า!?     แม่ของผู้ตายบอกว่าเธอใช้ชื่อปลอมเพื่อเข้าพักในบังกะโลแห่งหนึ่งใกล้กับท่าเรือแม่หาด ในเกาะเต่า ก่อนที่ตามแผนการเดินทางนั้น เธอจะเดินทางผ่านเรือโดยสารไปที่จังหวัดชุมพร และเดินทางเข้ากรุงเทพ แต่จู่ๆ บ้านพักที่เธออยู่ก็กลับเกิดไฟใหม่อย่างไม่ทราบสาเหตุ หญิงสาวจึงได้ย้ายไปอยู่ที่พักอีกแห่งใกล้กับหาดตะโหนด…

  • หากเจ้าของสุนัขตาย สุนัขจะ “กิน” ศพของเราไหม วิเคราะห์สถิติทางวิทยาศาสตร์

    หากเจ้าของสุนัขตาย สุนัขจะ “กิน” ศพของเราไหม วิเคราะห์สถิติทางวิทยาศาสตร์

    #เหมียวปั๊ก บางครั้งก็ต้องออกไปทำธุระต่างจังหวะกับครอบครัวเป็นระยะเวลานาน บางครั้งอาหารที่เราให้ไว้ในชามของมันก็ไม่เพียงพอจนเจ้าหมาปั๊กที่เลี้ยงไว้แอบไปตะกุยกินอาหารแมวที่เก็บไว้ จากกรณีนี้ เพื่อนๆ เคยสงสัยเหมือน #เหมียวปั๊ก ไหมว่าถ้าเปลี่ยนจากอาหารสุนัขเป็นเจ้าของที่ตายอยู่ในบ้านล่ะ เจ้าสุนัขที่เราเลี้ยงไว้จะกล้ากินเราหรือเปล่า?   ใครจะไปรู้ ~ พวกมันอาจจะกล้ากินเราก็ได้นะ   จากการรวบรวมข้อมูลที่ถูกตีพิมพ์กว่า 20 กรณี มาผนวกเข้ากับการศึกษาที่เกี่ยวข้องในปี 2015 และคดีที่มีรูปแบบที่เกี่ยวข้องกว่า 63 คดี แสดงให้เราเห็นถึงพฤติกรรมสัตว์เลี้ยงหลังเจ้าของตายและหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ นักมานุษยวิทยานิติเวช Carolyn Rando จาก University College London กล่าวว่า “แมวนั้นมีแนวโน้มที่จะกินศพของเจ้าของโดยเริ่มจากส่วนที่นุ่มก่อนอย่างเช่นริมฝีปาก จมูก”   สุนัขเริ่มกัดกินจากใบหน้าก่อน?   แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่สันนิษฐานเท่านั้น จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2010 ที่ถูกตีพิมพ์ผ่านวารสารนิติเวช หญิงชราผู้หนึ่งเสียชีวิตจากหลอดเลือดสมองโป่งพองภายในห้องน้ำ จากการทดสอบทางนิติเวชพบว่า สุนัขของเธอนั้นได้กัดกินใบหน้าของเธอในขณะที่แมวทั้งสองตัวของเธอไม่ทำอะไรกับศพเธอเลย “สุนัขนั้นมีพัฒนาการมาจากหมาป่า ดังนั้นหากพวกมันกำลังหิวโหย พวกมันก็อาจจะหาอาหารที่เป็นเนื้อในบริเวณนั้นก็เป็นได้”  Stanley Coren นักจิตวิทยาผู้เขียนหนังสือและจัดรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับสุนัขกล่าว   หน้าตาน่ารักๆ แบบนี้ ก็มีพัฒนาการมาจากหมาป่าแสนดุร้ายนะ   มีหลากหลายกรณีที่สามารถยืนยันคำพูดนี้ได้เช่นในปี 2007…

  • ลาครั้งสุดท้าย… ชาวเมืองนับพันร่วมไว้อาลัยงานศพ Otto Warmbier ผู้ถูกจับขังในเกาหลีเหนือ

    ลาครั้งสุดท้าย… ชาวเมืองนับพันร่วมไว้อาลัยงานศพ Otto Warmbier ผู้ถูกจับขังในเกาหลีเหนือ

    หากเราได้ติดตามข่าวต่างประเทศในช่วงนี้ ข่าวของนาย Otto Warmbier นักศึกษาวัย 22 ปีที่ถูกจับ ณ ประเทศเกาหลีเหนือได้รับความสนใจไม่น้อย (สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติ่มได้ที่ Otto Warmbier หนุ่มมะกันที่เดินทางไปเที่ยวเกาหลีเหนือ ถูกตัดสินจำคุกและทำงานอย่างหนัก 15 ปีเต็ม) หลังจากที่เขารับโทษจากประเทศเกาหลีเหนือในข้อหาพยายามล้มล้างสถาบันด้วยการขโมยโปสเตอร์แล้ว เขาก็ถูกส่งกลับมาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยสภาพสมองที่บอบช้ำและได้รับการกระทบกระเทือน จนกระทั่งเสียชีวิตในวันจันทร์ ที่ 19 มิถุนายน 2017   Otto Warmbier นักศึกษาชาวอเมริกันผู้ถูกจับเพราะขโมยโปสเตอร์ของเกาหลีเหนือ   หลังจากการเสียชีวิตของนาย Otto งานศพของเขาได้รับความสนใจจากชาวเมืองเป็นอย่างมาก ทำให้มีผู้เข้าร่วมงานศพของเขาหลายพันคนเมื่อวันพฤหัสที่ 22 มิถุนายน 2017 และยังมีผู้คนอีกจำนวนหนึ่งที่ต้องอยู่โซนข้างนอก เนื่องจากหอประชุมของโรงเรียน Wyoming High School นั้นสามารถจุคนได้เพียง 2,100 คนเท่านั้น   ผู้คนเรียงแถวรอส่งเขาในงานศพ   ภายในห้องประชุมใหญ่ของโรงเรียนมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก   “เป็นเรื่องยากที่ผมจะดำเนินรอยตามเขาไม่ว่าจะเป็นเรื่องกีฬา เรื่องการเรียน เขาเป็นคนดี มันไม่สำคัญว่าเขาจะอยู่ที่ไหน แต่เขาจะอยู่ภายในหัวใจของพวกเราตลอดไป” Austin…

  • เปิดกรุภาพหาดูยากของ “มัมมี่” อียิปต์โบราณ เปิดให้เห็นกันชัดๆ ว่าข้างในมีอะไรบ้าง!!?

    เปิดกรุภาพหาดูยากของ “มัมมี่” อียิปต์โบราณ เปิดให้เห็นกันชัดๆ ว่าข้างในมีอะไรบ้าง!!?

    เราคงเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวของมัมมี่กันมาบ้าง แต่ส่วนมากก็คงมาจากภาพยนตร์ ซึ่งเราก็จะติดภาพว่ามัมมี่คือศพที่ได้รับการพันด้วยผ้า แล้วเก็บไว้ในโลงที่สวยงาม แต่วันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปเปิดโลงดูกันว่าจริงๆ แล้วภายในเป็นอย่างไรกันบ้าง!? ภาพเหล่านี้เป็นภาพที่มาจากพิพิธภัณฑ์ Cairo Museum ในประเทศอียิปต์ ซึ่งได้เก็บเอาซากมัมมี่ไว้เยอะแยะมากมาย   นี่คือภาพของฟาโรห์ทาโอที่ 2 ถูกถูกฆ่าจากการสู้รบ ซึ่งเราจะได้เห็นรอยขวานและหอกบนใบหน้าของร่าง   ภาพของหญิงไม่ทราบชื่อ(ซ้าย) และราชินี Anhapou(ขวา) ซึ่งในภาพเราก็จะได้เห็นผ้าที่พันไว้หยาบๆ สำหรับมัมมี่ที่ไม่ได้รับการพันด้วยผ้าไว้ ในช่วงย่างเข้าศตวรรษที่ 20   ภาพของการเปิดโลงมัมมี่ที่พันด้วยผ้าลินิน และมีรอยที่สร้างโดยโจร ซึ่งตอนนั้นมีความเชื่อว่าต้องมีของที่ทำจากทองและของล้ำค่าอื่นๆ   นี่คือมัมมี่ที่ชื่อว่าจะเป็นเจ้าชาย Ouabkhousenou ซึ่งได้มีโจรตัดผ้าพันออก เพราะคิดว่าข้างในจะมีของล้ำค่าอยู่   ฟาโรห์แรเมซีสที่ 6 ซึ่งในภาพนี้ทำให้เห็นการพันคร่าวๆ สำหรับมัมมี่ที่ไม่ได้พันผ้าไว้ ในช่วงย่างถึงศตวรรษที่ 20   มัมมี่ของ Dame Rai ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นแม่ของฟาโรห์ Sethi I     มัมมี่ไม่ทราบชื่อถูกวางไว้พิงกำแพงเพื่อถ่ายภาพ   ภาพนี้ถ่ายโดย Discovery Channel เป็นภาพของยายของกษัตริย์ตุตันคาเมน ซึ่งถูกนำมาทดสอบดีเอ็นเอ ซึ่งใช้เวลากว่า 2 ปี อีกทั้งร่างนี้มีอายุกว่า 3,300…

  • ‘พิธีศพแห่งท้องฟ้า’ กับความเชื่อว่า ‘อีแร้ง’ จะช่วยพาร่างกายของผู้ตายไปสู่สวรรค์…

    ‘พิธีศพแห่งท้องฟ้า’ กับความเชื่อว่า ‘อีแร้ง’ จะช่วยพาร่างกายของผู้ตายไปสู่สวรรค์…

    บนโลกที่แสนกว้างใหญ่ใบนี้มีความแตกต่างกันอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น ชาติพันธุ์ สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้เกิด ประเพณี ความเชื่อ ที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งมันก็ส่งผลไปถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่อยู่อาศัยในแต่ละพื้นที่ด้วย ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับพิธีกรรมงานศพของชาวธิเบตกัน ที่ช่างแตกต่างกับเมืองไทยซะเหลือเกิน จะเป็นอย่างไรบ้างลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…   พิธีศพแห่งท้องฟ้าเป็นพิธีศพที่ทำกันอย่างแพร่หลายในประเทศทิเบต ศพของผู้ตายจะถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปวางบนยอดเขาเพื่อให้อีแร้งบินลงมากิน   พิธีกรรมนี้ชาวธิเบตเรียกว่า Jhator หมายความว่า ‘การมอบทานให้แก่นก’   ชาวธิเบตส่วนใหญ่นั้นนับถือศาสนาพุทธ ทำให้พวกเขาเชื่อในเรื่องของ ‘โลกหน้า’ ร่างกายอันไร้วิญญาณของเราเป็นเพียงแค่ภาชนะอันว่างเปล่าเท่านั้น ฉะนั้นการที่นกจะมาจิกกิน หรือให้มันย่อยสลายไปตามธรรมชาติ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดต่อหลักจริยธรรมแต่อย่างใด แต่เนื่องจากพื้นดินในประเทศธิเบตนั้นมีความแข็ง ทำให้การขุดหลุมฝังศพนั้นกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบาก จึงทำให้รูปแบบงานศพออกมาเป็นพิธีศพแห่งท้องฟ้า   ในช่วงพิธีศพก็จะมีการประดับประดาธงรูปแบบอย่างที่เห็นนี้เอาไว้ เพื่อเป็นการสวดภาวนาขอให้ผู้ตายไปสู่สุขติ   สัปเหร่อจะเป็นผู้ทำพิธีผ่าศพ และจัดการทุกอย่างเกี่ยวกับศพ (ในภาพเขากำลังลับมีดอยู่)   พิธีศพของชาวธิเบตนั้นเริ่มต้นเมื่อช่วงศตวรรษที่ 7 เมื่อพิธีกรรมเริ่มขึ้นพื้นที่ที่ถูกจัดพิธีกรรมจะอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของธูปและกำยาน เพื่อเป็นการนำดวงวิญญาณของผู้ตายไปสู่สวรรค์ ศพของผู้ตายจะถูกวางเอาไว้ในสถานทำพิธี จากนั้นสัปเหร่อจะทำการหั่นศพให้เป็นชิ้นๆ ให้กับเหล่าอีแร้งที่ถูกเรียกว่า ‘เหยี่ยวศักดิ์สิทธิ์’ ชาวธิเบตเชื่อว่าอีแร้งเหล่านั้นจะช่วยพาร่างของผู้ตายขึ้นไปสู่สวรรค์ และสัปเหร่อก็จะได้รับค่าจ้างประมาณ 100…

  • การค้นหาร่างลูกสาวตลอด 5 ปี จากเหตุภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ของคุณพ่อผู้ไม่เคยสิ้นหวัง…

    การค้นหาร่างลูกสาวตลอด 5 ปี จากเหตุภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ของคุณพ่อผู้ไม่เคยสิ้นหวัง…

    เมื่อห้าปีก่อน โลกต้องเผชิญกับโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ นั่นก็คือเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ฟุกิชิมิ ประเทศญี่ปุ่น ความรุนแรงของแผ่นดินไหว ทำให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดยักษ์ซัดเข้าชายฝั่ง รวมทั้งทำให้เกิดภัยพิบัติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ แน่นอน ในภัยพิบัติครั้งนั้น มีหลายพันครอบครัวต้องสูญเสียสมาชิกอันเป็นที่รักไป รวมถึงคุณโนริโอะ คิมูระ วัย 50 ปี จากเมืองโอคุมะคนนี้ด้วยเช่นกัน     ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ที่แล้ว เขาสูญเสียคุณพ่อ ภรรยา และ ยูนะ ลูกสาววัย 7 ขวบไปจากคลื่นสึนามิที่ถาโถมเข้ามา หลังจากเหตุการณ์สงบลง ก็พบศพพ่อและภรรยาของเขา แต่ดูเหมือนว่ายูนะ ยังไม่มีทีท่าว่าจะเจอศพแต่อย่างใด   นับตั้งแต่นั้นมา เขาได้ฝ่าซากปรักหักพังและกัมมันตรังสีเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ พร้อมกับอุปกรณ์ขุดดิน และลงมือค้นหาร่างของยูนะด้วยตัวของเขาเอง   ในช่วงแรก เขาได้ทำการค้นหาเพียงลำพัง แต่เมื่อข่าวเผยแพร่ออกไป ก็มีอาสาสมัครมากมายเข้ามาร่วมช่วยค้นหา ซึ่งในแต่ละปี พวกเขาจะเข้ามายังพื้นที่ 30 วัน วันละ 5 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับกัมมันตรังสีมากเกินไปจนเป็นอันตราย   ล่าสุดหลักจากการค้นหากว่า 5 ปี แม้จะยังไม่เจอร่างของยูนะ…

  • หลอนสุด!! หนุ่มนอนบนเตียงตัวเอง ที่พยายามซ่อน “ศพ” อยู่ข้างใต้นานถึง 3 สัปดาห์

    หลอนสุด!! หนุ่มนอนบนเตียงตัวเอง ที่พยายามซ่อน “ศพ” อยู่ข้างใต้นานถึง 3 สัปดาห์

    ปกติแล้วเรื่องแบบนี้เราจะพบได้จากในหนังเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับหนุ่มจากเพนซิลวาเนียคนนี้ต้องถูกจับหลังพยายามซ่อนศพไว้ใต้เตียงของตัวเองและพยายามจะทำลายทิ้ง ตำรวจได้รับแจ้งเกี่ยวกับศพที่บ้านของชายหนุ่มที่ชื่อว่า Donald Teaford และเมื่อตำรวจไปถึง เขาก็พบว่าบ้านหลังนี้มีหน้าต่างสองบานที่เปิดอยู่ พร้อมกับกลิ่นน้ำหอมที่ฉุนเกินจะบรรยาย     เจ้าหน้าที่เล่าว่าเมื่อพวกเขาลองเข้าไปดูที่ใต้เตียงแล้วก็พบถุงขยะใบหนึ่งพร้อมกับรองเท้าบูทที่ห้อยอยู่ข้างนอก อีกทั้งยังมีมีดวางอยู่ข้างๆ ถูกปกปิดด้วยกล่องดีวีดีจำนวนหนึ่งและกระเป๋าเพื่อไม่ให้ดูแปลกตา ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานว่า Teaford ได้ทำการยกเตียงขึ้นเพื่อที่จะพยายามซ่อนศพนี้ไว้ใต้เตียง โดยคนที่แจ้งเบาะแสไปกับตำรวจเล่าว่า Teaford นั้นได้นอนบนเตียงนี้กับศพใต้เตียงเป็นเวลากว่า 3 สัปดาห์ โดยที่สื่อท้องถิ่นสืบทราบมาว่าผู้ตายคือ Justin Cogan วัย 34 ปี พยานเล่าว่า Teaford และผู้ตายได้ใช้เฮโรอีนด้วยกัน ซึ่งก่อนหน้านี้แฟนสาวของ Teaford ก็เพิ่งเสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาดไปบนเตียงแห่งนี้เช่นเดียวกัน     ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการชันสูตรศพ ส่วนนาย Teaford ถูกจับและต้องใช้เงินประกันตัวสูงถึง 3,500,000 บาท โดยที่เขานั้นเป็นที่รู้จักของคนในละแวกนว่าเป็นขอทานและคนไร้บ้าน ที่มา buzzfeed

  • ประเพณี Ma’nene ขุดศพญาติผู้ใหญ่ขึ้นมาตกแต่งให้สวยงาม เป็นประจำทุกๆ 3 ปี

    ประเพณี Ma’nene ขุดศพญาติผู้ใหญ่ขึ้นมาตกแต่งให้สวยงาม เป็นประจำทุกๆ 3 ปี

    ความเชื่อที่มีอย่างยาวนานและยังคงสืบต่อกันมาเป็นประจำของชนเผ่า Toraja แห่งประเทศอินโดนีเซียอาจจะเป็นเรื่องแปลกในสายตาของคนนอก แต่สำหรับพวกเขาแล้วมันคือสิ่งที่ช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นการแสดงความเคารพให้กับญาติผู้ใหญ่ที่เสียชีวิตไปแล้ว   เป็นเวลาประจำทุกๆ 3 ปี บนเกาะซูลาเวซี ชนเผ่า Toraja ก็จะทำการขุดหลุมฝังศพญาติผู้ใหญ่ของพวกเขาขึ้นมา ทำการสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ พร้อมกับการตกแต่งศพเพื่อให้ดูสวยงาม นอกจากนี้ยังมีการร่วมถ่ายรูปกับครอบครัวอันเป็นประเพณีที่ชื่อว่า Ma’nene หรือแปลได้ว่า พิธีการทำความสะอาดศพ ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องหลายศตวรรษแล้ว   หลานชายกำลังหวีผมให้กับร่างของคุณปู่คุณย่าในระหว่างการทำพิธี   ประเพณีนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งพิธีการที่สำคัญเป็นอย่างมากสำหรับชนเผ่า Toraja ซึ่งถ้าหากว่ามีคนในครอบครัวเสียชีวิต พวกเขาก็จะทำการห่อผ้าหลายชั้นเพื่อป้องกันการย่อยสลายของศพ ลักษณะคล้ายกับการห่อมัมมี่ และร่างของผู้เสียชีวิตจะถูกนำไปฝังตามวิธีที่ทำกันมาอย่างยาวนาน เมื่อผ่านพ้นระยะเวลาไปได้ 3 ปี ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตก็จะทำการขุดหลุมฝังศพและนำร่างของผู้เสียชีวิตขึ้นมาตกแต่งใหม่ สวมเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ ซึ่งสิ่งที่สำคัญอีกเช่นกันก็คือการเปลี่ยนหรือซ่อมแซมโลงฝังศพให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ   เหล่าญาติค่อยๆ พยุงและสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ให้กับร่างของบรรพบุรุษ   ตามความเชื่อของพวกเขานั้น วิญญาณของผู้ตายจะกลับมาสู่บ้านเกิดของตน หลังจากการเดินทางอันแสนยาวนานตามเส้นทางของจิตวิญญาณ โดยที่ไม่สามารถพาร่างของตนเองเดินทางตามไปด้วยได้ และถ้าหากว่ามีคนในชนเผ่าเสียชีวิตภายนอกหมู่บ้าน ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตก็จะตามไปถึงสถานที่เหล่านั้น และพาร่างของผู้เสียชีวิตกลับมาฝังที่บ้านเกิด   สภาพร่างของอดีตทหารผ่านศึกผู้เสียชีวิตมานานกว่า 10 ปีแล้ว   L Sarungu อดีตทหารผ่านศึกผู้เสียชีวิตมานานกว่า 10 ปี…

  • การแพทย์สุดสะพรึงในอดีต… ความเชื่อเรื่องกิน ‘ซากศพ’ สามารถช่วยรักษาโรคต่างๆ ได้!!!

    การแพทย์สุดสะพรึงในอดีต… ความเชื่อเรื่องกิน ‘ซากศพ’ สามารถช่วยรักษาโรคต่างๆ ได้!!!

    ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์นั้นพัฒนาไปอย่างมาก ทั้งในเรื่องของยารักษาโรค และอุปกรณ์ต่างๆ แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่ากว่าจะมาเป็นอย่างทุกวันนี้ได้ก็ต้องมีการทดลองลองผิดลองถูกกันมามากมาย และมีครั้งหนึ่งที่มีความเชื่อว่า ‘การกินเนื้อมนุษย์’ เป็นหนึ่งวิธีในการรักษาโรคอีกด้วย!! เอาล่ะจะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้นตาม #เหมียวหง่าว ไปชมพร้อมๆ กันได้เลยยย…   ย้อนกลับไปในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ถึง 17 วิทยาการทางด้านการแพทย์ในสมัยนั้นค่อนข้างที่จะโบราณอยู่ก็ว่าได้ จากการศึกษาของ Richard Sugg พบว่าในช่วงกว่า 100 ปีนี้หลายๆ ชาติในยุโรปมีการใช้ส่วนต่างๆ ในร่างกายของมนุษย์มาทำเป็นยารักษาโรค ยกตัวอย่างเช่น กระดูก, เลือด, และไขมัน สามารถนำมารักษาอาการปวดศีรษะและโรคลมบ้าหมูได้   ด้วยความเชื่อนี้ทำให้ศพมัมมี่มากมายถูกขโมยไปจากสุสานของชาวอียิปต์ นอกจากนี้ยังมีการขโมยกระโหลกอีกจำนวนมากไปจากที่ฝังศพของชาวไอริช ซึ่งผลงานเหล่านี้เป็นฝีมือของ ‘นักขุดศพ’ (เป็นอาชีพเถื่อนที่หารายได้จากการขุดศพไปขาย) ต้องบอกเลยว่าในยุคนั้นคำถามที่ว่า ‘เคยกินเนื้อมนุษย์รึเปล่า?’ เป็นคำถามที่เด็กๆ ไปเลย เพราะควรจะถามว่า ‘คุณเคยกินเนื้อมนุษย์แบบไหน?’ มากกว่า Sugg กล่าว   เทคโนโลยีการทำศพของชาวอียิปต์นั้นช่วยรักษาเนื้อเยื่อและกระดูกได้เป็นอย่างดี จึงทำให้มัมมี่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะส่วนกระโหลกจะถูกนำมาป่นเป็นผงเพื่อใช้ในการรักษาอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวกับศีรษะ Thomas Willis ผู้คิดค้นวิธีในการนำผงกระโหลกมาผสมกับช็อคโกแลตทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อรักษาโรคลมชัก และใช้ห้ามเลือด   พระราชา…

  • ตัวอย่างหนัง Swiss Army Man ดูแล้วจะอุทาน “หนังเxี้ยไรเนี่ย โคตรน่าดู!!”

    ตัวอย่างหนัง Swiss Army Man ดูแล้วจะอุทาน “หนังเxี้ยไรเนี่ย โคตรน่าดู!!”

    ในช่วงที่ไม่รู้จะดูหนังอะไรดีแบบนี้ #เหมียวสามสี มีตัวอย่างหนังเด็ดๆ เรื่องหนึ่งมาให้ทุกท่านดู ซึ่งบอกเลยว่ามันน่าดูเป็นอย่างมาก หนังเรื่องนี้มีชื่อว่า Swiss Army Man เป็นภาพยนตร์แนวดราม่า ตลก กึ่งผจญภัยนิดๆ ของ 1 ชีวิตที่กำลังติดเกาะ และศพอีก 1 ร่างที่สามารถพูดได้ โดยทั้งคู่ได้พบเจอกันโดยบังเอิญที่ชายหาดขณะที่คนที่มีชีวิตนั้นกำลังจะฆ่าตัวตาย จนได้เกิดเรื่องราวมากมายขึ้น     ในเรื่องนี้จะได้พบกับการกลับมาของพ่อมดน้อย Daniel Radcliffe รับบทเป็นแมนนี่ (ศพพูดได้) และ Paul Dano รับบทเป็น แฮงค์ คนที่พยายามคิดจะฆ่าตัวตาย รวมไปถึงยังได้นางเอกสาว Mary Elizabeth Winstead จากเรื่อง 10 Cloverfield Lane อีกด้วย อย่ารอช้า เราไปชมตัวอย่างกันเลย!!   ถือเป็นหนังอีกเรื่องที่น่าจับตามองมากๆ เพราะแค่ตัวอย่างก็ถึงกับอุทานออกมาว่า What The F*ck แล้ว หวังว่าบ้านเราจะเอามาฉายด้วยนะ ส่วนที่ต่างประเทศหนังเข้าฉาย 17 มิถุนายนนี้ ที่มา A24

  • ชาวประมงในฟิลิปปินส์พบศพชาวเยอรมันที่หายสาบสูญ อยู่บนเรือในสภาพสมบูรณ์คล้ายมัมมี่!?

    ชาวประมงในฟิลิปปินส์พบศพชาวเยอรมันที่หายสาบสูญ อยู่บนเรือในสภาพสมบูรณ์คล้ายมัมมี่!?

    ถือเป็นเรื่องขนลุกสุดเหลือเชื่อเลยทีเดียว สำหรับเรื่องราวของหนุ่มเยอรมันรายหนึ่ง ที่หายตัวไปนานกว่าปีโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน แต่แล้ววันหนึ่งก็มีชาวฟิลิปปินส์พบศพของเขานอนเสียชีวิตอยู่บนเรือ แต่น่าแปลกที่ร่างของเขากลับไม่เน่าเปื่อย คล้ายกับมันมี่ยังไงยังงั้นเลย!!   เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า ชาวประมง 2 คนในเมือง Surigao del Sur  ประเทศฟิลิปปินส์ พบกับเรือยอทช์และศพของชายปริศนาที่อยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 64 กิโลเมตรโดยบังเอิญ จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ     จากการตรวจสอบพบว่าชายคนนี้มีชื่อว่านาย Manfred Fritz Bajorat วัย 59 ปี สภาพศพอยู่ในท่านั่งกับโต๊ะอย่างเรียบร้อย ไม่มีลักษณะของการถูกทำร้ายใดๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจเลยคาดการณ์กันว่าอาจจะเกิดจากปัญหาสุขภาพหรือโรคหัวใจกำเริบ   เพราะในบริเวณใกล้กันนี้พบโทรศัพท์วางอยู่ใกล้ๆ ตัวเขา เลยสันนิษฐานกันว่าเจ้าตัวน่าจะพยายามโทรติดต่อใครสักคนก็เป็นได้     ตามรายงานบอกว่าสาเหตุที่ร่างกายของนาย Manfred ไม่เน่าเปื่อยก็เพราะว่าร่างของเขาอยู่บนเรือที่มีลมทะเลโกรกอยู่ตลอดเวลา ซึ่งความเค็มของน้ำทะเลบวกกับสภาพอากาศแบบร้อนแห้ง ทำให้ร่างของเขายังคงอยู่ในสภาพดี คล้ายกับร่างของมัมมี่     นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบกระดาษข้อความตกอยู่ใกล้ๆ กับร่างของนาย Manfred ซึ่งเขียนถึง Claudia ภรรยาที่เสียชีวิตไปเมื่อปี 2010 มีใจความว่า “กว่า…

  • ประเพณีน่าสนใจ การล็อคคอศพด้วย ‘เคียว’ ในยุโรปยุคกลาง เพื่อไล่ปีศาจและการกลับมาเป็นแวมไพร์!!!

    ประเพณีน่าสนใจ การล็อคคอศพด้วย ‘เคียว’ ในยุโรปยุคกลาง เพื่อไล่ปีศาจและการกลับมาเป็นแวมไพร์!!!

    ถือว่าเป็นประเพณีและความเชื่อที่ค่อนข้างแปลกเลยทีเดียว แต่ก็เป็นสิ่งที่ผู้คนในสมัยนั้นเชื่อกัน สำหรับประเพณีการฝังเคียว ไว้กับศพ ของผู้คนในยุโรปสมัยยุคกลาง ที่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์และปีศาจกัน ล่าสุดก็มีการขุดค้นพบโครงกระดูกที่ถูกฝัง แต่ที่น่าแปลกคือ โครงกระดูกเหล่านั้นไม่ได้มีเพชรพลอยหรือเครื่องประดับอยู่ด้วย แต่กลับเป็นเคียวโบราณที่ถูกฝังร่วมกับศพของพวกเขาในสมัยก่อน   สถานที่ๆ ขุดค้นพบคือสุสาน Drawsko ในประเทศโปแลนด์   โดยลักษณะของเคียวที่พบกลับถูกปักยึดไว้ที่คอของศพ!!!   มีโครงกระดูกหนึ่งที่เหมือนใช้เคียวเพื่อเป็นอุปกรณ์สำหรับยึดศพไว้   นักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบได้สันนิษฐานว่า สาเหตุที่ทำแบบนี้ก็เพราะเป็นความเชื่อเรื่องการฟื้นขึ้นมาจากชีวิตหลังความตาย หรือ ‘การกลายเป็นแวมไพร์’   พอศึกษาลงลึกไปอีกก็พบว่า นอกจากจะเป็นประเพณีสำหรับป้องกันผู้ที่ตายฟิ้นคืนชีพกลับมาเป็นแวมไพร์แล้ว เคียวยังช่วยปัดเป่าวิญญาณร้าย เพราะมีความเชื่อกันว่า ‘เหล็ก’ สามารถไล่วิญญาณร้ายได้ เพราะว่าเหล็กนั้นถูกหลอมขึ้นมาโดยไฟ ซึ่งในยุโรปโบราณเชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านจากความตายสู่การกลับมามีชีวิต และการมีชีวิตกลับไปสู่ความตายเช่นกัน   ถึงนี่จะเป็นข้อสันนิษฐานแรกและการศึกษาเบื้องต้น แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นประเพณีที่แปลกตาและน่าขนลุกนิดๆ เหมือนกันนะเนี่ย   เป็นประเพณีที่แปลกมาก ในสายตาของคนสมัยนี้ โดยเฉพาะคนต่างชาติต่างถิ่นอย่างเราๆ แต่เหมียวเชื่อว่าประเพณีบ้านเราก็แปลกสำหรับชาวต่างชาติเช่นกันนั่นแหละ ^^ ที่มา: Viralnova

  • ชาวปารากวัยพบซากมนุษย์ประหลาดเกยตื้น พากันลือว่าเป็นสัตว์ประหลาด ‘ชูปาคาบรา’

    ชาวปารากวัยพบซากมนุษย์ประหลาดเกยตื้น พากันลือว่าเป็นสัตว์ประหลาด ‘ชูปาคาบรา’

    กลายเป็นคลิปวิดีโอที่ต่างประเทศพากันฮือฮาพอสมควร สำหรับคลิปวิดีโอของศพประหลาด ที่มีลักษณ์คล้ายมนุษย์ผิวซีด แต่ดูยังไงก็ไม่ใช่มนุษย์ ชาวบ้านเชื่อ อาจเป็น “ชูปาคาบรา” สัตว์ในตำนานก็เป็นได้   เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่ามีการค้นพบซากศพประหลาด นอนเกยตื้นอยู่ที่บริเวณแม่น้ำแห่งหนึ่งในประเทศปารากวัย สภาพศพมีลักษณะคล้ายมนุษย์หรือลิง มีแขนขา ลำตัว และมีผิวซีด คาดกันว่าน่าจะเสียชีวิตมานานแล้ว     หลังจากที่มีการค้นพบศพ ชาวบ้านก็ได้นำศพดังกล่าวขึ้นมาจากน้ำเพื่อนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญอย่างนาย Javier Medina ตรวจสอบ โดยเขาได้ให้ความเห็นว่าสภาพของมันมีลักษณะคล้ายกับลิง แต่ก็ยากที่จะบอกว่ามันคืออะไรกันแน่ เพราะร่างกายเน่าเปื่อยไปมากแล้ว     ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนิติเวช Pablo Lemir ได้ร่วมให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “มันมีรูปร่างคล้ายลิงที่มีความเป็นมนุษย์ผสมอยู่ แต่ในความจริงแล้วบางส่วนของร่างกายของมันได้มีการเปลี่ยนแปลงจากการย่อสลายไปแล้ว”     ชมคลิปได้ที่ด้านล่าง   อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านในแถบนั้นได้มีการนำเอาเรื่องนี้ไปวิเคราะห์ และเชื่อกันว่าสัตว์ในตำนานที่ชื่อว่า ชูปาคาบรา แถบละตินอเมริกา เป็นที่รู้กันว่าพวกมันชอบดูดเลือดและฆ่าแกะนั่นเอง ที่มา duck , dailymail

  • สะเทือนขวัญ ตำรวจชาวออสเตรียพบศพผู้อพยพ 71 ราย ในรถบรรทุกสินค้าข้างทาง

    สะเทือนขวัญ ตำรวจชาวออสเตรียพบศพผู้อพยพ 71 ราย ในรถบรรทุกสินค้าข้างทาง

    กลายเป็นข่าวสุดสะเทือนขวัญของออสเตรียมไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเลยทีเดียว เพราะเมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจของออสเตรียได้พบรถบรรทุกคันต้องสงสัยคันหนึ่ง จอดทิ้งไว้บริเวณไหล่ทางใกล้กับเมืองปาร์นดอร์ฟ ทางตะวันออกของประเทศออสเตรีย ที่เชื่อมไปยังประเทศฮังการี   จากการตรวจสอบพบว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถบรรทุกสินค้าแช่แข็งจากบริษัทของฮังการี โดยมีหยดเลือดไหลออกมาจากภายใน แถมยังส่งกลิ่นเหม็นอบอวลไปทั่ว   และเมื่อตรวจสอบดูภายในก็พบว่ามีศพอยู่มากถึง 20-50 ศพ มีการคาดการณ์กันว่าอาจเป็นศพของผู้อพยพเข้าเมือง เพราะช่วงนี้ยุโรปกำลังประสบกับปัญหาที่ผู้อพยพลักลอบหนีเข้าประเทศเป็นจำนวนมาก   ล่าสุดสำนักข่าว BBC ได้รายงานว่าพบผู้เสียชีวิตทั้งหมด 71 ศพ เป็นผู้ชาย 59 ศพ หญิง 8 ศพ และเด็กอีก 4 ศพ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้ว 1-2 วัน โดยก่อนหน้านี้มีการรายงานว่าเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางที่นิยมใช้ลักลอบขนผู้อพยพข้ามแดนและมีการจับได้อยู่บ่อยครั้ง ที่มา dailymail , bbc , kapook