Tag: คนแปลกหน้า

  • คุณพ่อช่วยเปิดประตูให้ ‘หญิงแปลกหน้า’ เธอตอบแทนด้วยความใจดีที่หาที่ไหนไม่ได้!!

    คุณพ่อช่วยเปิดประตูให้ ‘หญิงแปลกหน้า’ เธอตอบแทนด้วยความใจดีที่หาที่ไหนไม่ได้!!

    บางครั้งการทำอะไรบางอย่างเล็กๆ น้อยๆ จะถูกยกย่องให้กลายเป็นฮีโร่ในสายตาของคนอื่น และได้รับการตอบแทน…   เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของคุณพ่อ Rob Edwards ที่เดินทางไปทำธุระที่ธนาคาร ในวันนั้นเป็นวันที่ลูกชายของเขาเรียนจบไฮสคูลพอดี ในระหว่างที่เดินเข้าเข้าไปในธนาคารอย่างภาคภูมิใจในวันที่พิเศษ เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาด้านหลัง แน่นอนว่าปกติทั่วไปแล้วใครที่เจอสถานการณ์แบบนี้ก็ต้องเปิดประตูให้     แต่คุณพ่อกลับเปิดประตูให้อย่างอารมณ์ดี พร้อมกับบอกว่า “เข้าไปก่อนได้เลยคร๊าบบบบ วันนี้ลูกชายของผมเรียนจบ ก็เลยจะทำอะไรให้มันช้าลงหน่อย เพื่อลิ้มรสความสุขนี้ให้นานๆ หน่อย”     มีการพูดคุยกันเกิดขึ้นต่อจากนั้นเล็กน้อย แต่การคุยนั้นเต็มไปด้วยความสนุกสนาน หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำธุระในธนาคาร     หลังจากที่คุณพ่อ Rob ทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาพบบางสิ่งบางอย่างอยู่ใต้โต๊ะใกล้ๆ กับแขนของเขา เป็นกระดาษเขียนว่า “ยินดีด้วยนะ ฉันดีใจกับคุณมากจริงๆ” เพื่อใหม่เขียนบอกเขาแบบนั้น พร้อมกับเงินอีกจำนวน 50 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 1,600 บาท     พอทราบดังนั้นเขาก็รีบวิ่งออกไปหน้าธนาคารเพื่อตามหาเธอ และก็พบว่าเธออยู่อีกฟากของที่จอดรถ คุณพ่อตะโกนบอกว่า “ผมรับมันไว้ไม่ได้!” ผู้หญิงคนนั้นก็ตอบกลับมาว่า “เวลาคุณพูดถึงลูกชายของคุณ คุณดูเปล่งประกายมาก คุณอยากจะมอบความสุขให้กับเขา ฉันเองก็อยากจะให้ความสุขกับเขาเช่นกัน”  …

  • คนแปลกหน้าโลกโซเชียล ลงทุนหอบยามาช่วย “เด็กสาว” ที่กำลังจะตายด้วยโรคมะเร็ง

    คนแปลกหน้าโลกโซเชียล ลงทุนหอบยามาช่วย “เด็กสาว” ที่กำลังจะตายด้วยโรคมะเร็ง

    เราอาจเคยมีความคิดว่าคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน คงไม่เข้ามาช่วยเหลือเราง่ายๆ หรอก แต่เหตุการณ์นี้จะช่วยเปลี่ยนความคิดนั้นไปโดยปริยาย เพราะเด็กสาวคนหนึ่งในประเทศจีนที่กำลังจะจากโลกนี้ไป กลับได้รับการช่วยเหลือจากชาวเน็ตที่ไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนที่ Song Shurui เด็กสาววัย 17 ปีในเมืองเฉิงตู ประเทศจีน กำลังเผชิญกับความเจ็บปวดแสนสาหัสจากอาการปอดติดเชื้อภายหลังการปลูกถ่ายไขกระดูกเพื่อรักษา โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลูคีเมีย) ในช่วงเดือนธันวาคม 2017     สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด คุณหมอถึงกับบอก Dai Qinjia แม่ของเธอไว้ก่อนเลยว่า มีโอกาสน้อยมากที่ Song จะเยียวยากลับมาหายเป็นปกติได้ เธออยู่ในจุดที่อาจจะจากโลกนี้ไปได้ทุกเมื่อ คนเป็นแม่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เธอเฝ้าดูแลลูกสาวอยู่ข้างเตียงไม่ห่างไปไหนนานเป็นเวลานับสัปดาห์ เธอบอกว่า “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลูกสาวฉันกำลังจะตาย ฉันจะทำทุกหนทางเพื่อช่วยเธอด้วยทุกอย่างที่ฉันมี”     ในตอนนั้นยาเพียงตัวเดียวที่จะสามารถช่วยเหลือเด็กสาวได้คือยาที่มีชื่อว่า Cidofovir แต่ว่ายาตัวนี้กลับไม่สามารถหาได้ในพื้นแผ่นดินใหญ่ของประเทศจีนที่พวกเธออาศัยอยู่ ถึงอย่างนั้นคุณแม่ก็ไม่ย่อท้อ Dai ตัดสินใจโพสต์ขอความช่วยเหลือลงไปในโลกโซเชียล หวังให้มีพลเมืองดีซักคนหยิบยื่นโอกาสให้ลูกสาวของเธอได้กลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง แล้วในที่สุดสวรรค์ก็มีตา คุณแม่ได้รับการตอบกลับจากชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เธอจึงรีบโทรติดต่อหาเขาในทันที   ข้อความจากชาวเน็ตหลายๆ คน   ชายผู้ไม่เอ่ยนามคนนี้เล่าว่า “ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตี 2 Dai โทรมาสอบถามถึงข้อมูลตัวยาดังกล่าว…

  • สาวใช้ “แอปหาคู่” นัดผู้ชายมาถ่ายภาพธีม “ความรักแท้” ที่หาได้ยากในสังคมหลอกฟัน

    สาวใช้ “แอปหาคู่” นัดผู้ชายมาถ่ายภาพธีม “ความรักแท้” ที่หาได้ยากในสังคมหลอกฟัน

    แอปหาคู่ และสังคมออนไลน์ มักจะมีชื่อเสีย(ง)ในแง่ลบ ถึงความหลอกลวง ความไม่จริงใจ การพบเพื่อเพียงผ่าน และจากกันไปอย่างฉาบฉวยเพียงเท่านั้น… แต่นั่นเป็นสิ่งที่ช่างภาพสาววัย 24 ปี Marie Hyld มองว่า มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถเติมเต็มความรู้สึกได้อย่างแท้จริง เธอจึงจับกล้องออกไปหาคำตอบของสิ่งที่เธอต้องการ เธอได้สร้างโปรเจกต์ที่ชื่อว่า Lifeconstruction โดยใช้ตัวเองเป็นช่างภาพและนางแบบในเวลาเดียวกัน เธอเดินออกจากโลกโซเชียลไปเผชิญหน้ากับคนที่เธอไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เพื่อใช้เวลาร่วมกันราวกับคนรักกัน ก่อนที่เธอจะถ่ายรูปเก็บช่วงเวลานั้นเอาไว้   มุมซ้ายล่างของแต่ละภาพ คือระยะเวลาที่เธอได้เจอกับคนคนนั้นก่อนที่จะถ่ายรูปเหล่านี้เก็บไว้   Hyld บอกว่าตัวเองรู้สึกเหนื่อยหน่ายที่ต้องมาเห็นโพสต์เดิมๆ ภาพเดิมๆ หรือการอัปเดตเรื่องเดิมๆ ของคนในโลกโซเชียล เธอจึงรับรู้ได้ทันทีว่าเธอต้องการอะไรซักอย่างที่มันจริงมากกว่านี้ เธอจึงหยิบกล้องออกมาตามหาสิ่งๆ นั้น เธอใช้แอป Tinder ในการตามหาคนแปลกหน้าที่ต้องการจะลองเข้ามาเป็นคนรักและเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์นี้ ซึ่งเธอได้เขียนอธิบายไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอต้องการที่จะจับคู่และถ่ายรูปกับคนที่ต้องการเป็นคู่รักกับเธอ และบอกทุกคนเอาไว้ก่อนแล้วว่ารูปเหล่านั้นจะถูกจัดแสดงในที่สาธารณะ     หลังจากนั้นมีคนมากมายให้ความสนใจกับคำขอของเธอ พวกเขาเหล่านั้นหลงใหลไปกับโปรเจกต์ที่เธอสร้างขึ้นมา ช่างภาพสาวเลยจับคู่ได้เกือบทุกคนภายในแอป การที่เธอสามารถเข้าถึงผู้คนได้ง่ายขนาดนี้ เป็นสิ่งที่เธอหวังเอาไว้กับแอป Tinder เพราะเธอคิดว่าแอปนี้เป็นสิ่งที่ช่วยให้ทุกคนเข้าหากันได้ง่ายมากจริงๆ ทำให้เธอได้เจอกับคนที่เปิดกว้างต่อจินตนาการของตัวเอง Hyld ยังบอกอีกว่าเธอได้พบแฟนของตัวเองที่คบกันมานาน 4 ปีเล่นแอปนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่นเป็นช่วงเวลา 1 ปี…

  • คู่รักย้ายเข้าบ้านใหม่วาดฝันชีวิตไว้สวยงาม กลับโดนบุคคลปริศนาตามรังควานไม่หยุด

    คู่รักย้ายเข้าบ้านใหม่วาดฝันชีวิตไว้สวยงาม กลับโดนบุคคลปริศนาตามรังควานไม่หยุด

    การได้มีบ้านเป็นของตัวเองถือเป็นความสำเร็จก้าวใหญ่ก้าวหนึ่งในชีวิตทุกคน โดยเฉพาะกับคนมีครอบครัวแล้วการหาบ้านที่กว้างขวางพอสำหรับครอบครัวทุกคนและมีเพื่อนบ้านนิสัยดีด้วยถือเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งในฐานะของพ่อแม่เลย Jerry Rice และ Janic Ruhter ก็เพิ่งตัดสินใจซื้อบ้านใหม่ในชุมชน Carmel Valley เมืองซานดีเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา พวกเขารู้สึกพึงพอใจกับบ้านหลังใหม่นี้มาก   คู่รัก Jerry Rice และ Janic Ruhter   คู่รักตัดสินใจซื้อบ้านใหม่เพราะมีลูกด้วยกันคนหนึ่งแล้ว และกำลังตั้งท้องลูกคนเล็กอีกคนด้วย จึงต้องการบ้านที่ใหญ่ขึ้น โดยพวกเขาซื้อบ้านหลังนี้ผ่านทาง Renee Milton นายหน้าขายบ้านของชุมชนแห่งนี้ แถมเพื่อนบ้านรอบๆ ก็เป็นมิตรดีด้วย   บ้านหลังใหม่ของคู่รักใน Carmel Vally   แต่หลังจากอยู่กันอย่างสงบสุขได้เพียงเดือนเดียว พวกเขาก็ได้รับจดหมายติดต่อมาขอซื้อบ้านหลังนี้ ซึ่งคนส่งจดหมายยินดีจะจ่ายเงินให้มากถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.1 ล้านบาท) อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจจดหมายฉบับนี้นัก เพราะพวกเขาก็ชอบบ้านหลังนี้มากเหมือนกันจึงไม่ได้คิดจะขายมันเลยสักนิดเดียว   จดหมายจากคนแปลกหน้า   ในวันต่อมาคู่รักรู้สึกตกใจมากที่เห็นบ้านของพวกเขาถูกประกาศขายในเว็บไซต์อสังหาริมทรัย์ที่โด่งดังอย่าง Zilow ทั้งคู่ก็เลยรีบติดต่อไปสอบถามคนที่ขายบ้านให้พวกเขาทันที แต่ก็พบว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับประกาศขายนั้นเลย นอกจากนี้พวกเขายังได้รับนิตยสารจำนวนมากที่ไม่ได้สั่งไว้ด้วย ทำให้พวกเขาต้องมีค่าใช้จ่ายจากการสั่งซื้อนิตยาสารเหล่านี้เป็นมูลค่ากว่า 1,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 31,000 บาท)…

  • ชายผู้คุยกับคนแปลกหน้า หวังอยากให้พวกเขาลดความสนใจจากสื่อในสมาร์ตโฟนบ้าง

    ชายผู้คุยกับคนแปลกหน้า หวังอยากให้พวกเขาลดความสนใจจากสื่อในสมาร์ตโฟนบ้าง

    “มันเหมือนกับการสารภาพรักกับใครซักคนที่คุณแอบชอบ” นี่คือความรู้สึกของ Leung Cheuk-lam ชายหนุ่มชาวฮ่องกงวัย 27 ปี ที่ออกไปพูดคุยกับคนแปลกหน้าครั้งแรกในปีที่แล้ว การพูดคุยกับคนแปลกหน้าในทุกๆ วันนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งในโปรเจกต์ ChatToStranger ของ Leung การพูดคุยกับคนแปลกหน้าแบบตัวต่อตัวถือเป็นหนึ่งในไอเดียของโปรเจกต์นี้ ซึ่งชายหนุ่มบอกว่าการพูดคุยแบบนี้มักจะพบเห็นได้ยากในยุคที่การสื่อสารมีการพัฒนาไปมาก Leung ได้พูดคุยกับคนแปลกหน้ามากกว่า 300 คน และเก็บข้อมูลของแต่ละคนไว้ในแฟนเพจของเขา ซึ่งขณะนี้มีผู้ติดตามมากกว่า 10,000 คนแล้ว     “ผมได้ยินผู้คนมากมายพูดถึงความเฉยชาของชาวฮ่องกง และผมหวังว่าผมจะเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นได้” Leung ผู้กำกับอิสระและนักตัดต่อวิดีโอกล่าว การเริ่มต้นพูดคุยกับคนแปลกหน้านั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับชายหนุ่ม เขาเริ่มกล่าวคำทักทายง่ายๆ อบ่าง “สวัสดี” ก่อนที่จะเริ่มบทสนทนา “มันเหมือนกับการพูดคุยกับผู้หญิงที่คุณชอบ และในขณะเดียวกันคุณก็กำลังกลัวเพราะคุณไม่รู้ว่าเธอจะคิดเหมือนคุณหรือเปล่า” Leung ให้สัมภาษณ์ จุดเริ่มต้นของการพูดคุยกับคนแปลกหน้าของชายหนุ่มเริ่มต้นขึ้นหลังจากที่เขาเริ่มพูดคุบกับผู้โดยสารบนรถบัสระหว่างทางกลับบ้าน เนื่องจากเขาไม่อยากจะปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ และการได้พูดคุยกับคนแปลกหน้าก็ทำให้เขาได้เรียนรู้หลายอย่างมากขึ้น     แต่สิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มสังเกตเห็นก็คือ ผู้คนส่วนมากมักจะจดจ้องอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ของพวกเขา และมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ยอมพูดคุยกับเขา ในมหานครอื่นๆ ที่คล้ายกับฮ่องกง Leung บอกว่าผู้คนส่วนมากมักจะใช้เวลาทำงานอย่างยาวนาน ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาเองแทบจะไม่มีแรงหรือเวลาในการพูดคุยเลย ซึ่งนั่นทำให้การเริ่มคุยกับคนแปลกหน้าในช่วง 2-3 นาทีแรกเป็นไปได้ค่อนข้างยาก     ถึงแม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นบ้าง แต่ชายหนุ่มก็บอกว่ามันทำให้เขารู้สึกสนุก และมีความสุขที่ได้พูดคุยกับผู้คนมากมาย “หลังจากที่ได้พูดคุยกับคนแปลกหน้ามาเป็นเวลากว่า 1…

  • แค่การจ่ายค่ากาแฟให้กับคนที่ไม่รู้จักกัน แต่กลับสามารถช่วยต่อพลังชีวิตให้กับอีกคนได้

    แค่การจ่ายค่ากาแฟให้กับคนที่ไม่รู้จักกัน แต่กลับสามารถช่วยต่อพลังชีวิตให้กับอีกคนได้

    บางคนอาจคิดว่าการทำความดีเล็กๆ น้อยๆ คงไม่สามารถช่วยอะไรใครได้มากนัก แต่ความเป็นจริงแล้ว นั่นอาจเป็นแรงใจที่ทำให้คนๆ สามารถใช้ชีวิตต่อไป ด้วยความช่วยเหลือเล็กๆ ที่เขาได้รับจากเรา เช่นเดียวกับเหตุการณ์ต่อไปนี้ ในวันที่ 18 กรกฎาคม 2017 คนคนหนึ่งตั้งใจให้วันนั้นเป็นวันสุดท้ายของชีวิต และก่อนที่จะฆ่าตัวตายเขาได้ขับรถไปใช้บริการร้านไดรฟ์ทรูชื่อว่า Tim Hortons ที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ     เขาได้สั่งซื้อกาแฟและมัฟฟินของทางร้าน จากนั้นพอขับต่อไปยังช่องชำระเงิน พนักงานร้านกลับบอกเขาว่า “ชายนิสัยดีคนหนึ่งจ่ายค่ากาแฟให้คุณทั้งหมดแล้ว และเขาฝากมาบอกว่า ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีของคุณนะ” ในตอนนั้นเขารู้ทันทีเลยว่าชายคนดังกล่าวก็คือคนที่ขับรถ SUV อยู่ด้านหน้าเขานี่เอง เขาเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า “ทำไมชายคนนั้นถึงยอมซื้อกาแฟให้คนแปลกหน้า ทำไมต้องเป็นเรา? แล้วทำไมถึงต้องเป็นวันที่ฉันกำลังจะฆ่าตัวตายด้วย? ฉันรู้สึกนี้คือสัญญาณบางอย่างที่บอกกับฉันในวันนี้อย่างแน่นอน” จากนั้นความคิดก็เปลี่ยนไป เขาขับรถกลับบ้านพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา เปลี่ยนแผนทุกอย่างในวันนั้นและเลือกจะทำสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่น เมื่อถึงบ้านแทนที่จะฆ่าตัวตาย เขากลับเข้าไปช่วยเพื่อนบ้านยกของลงจากรถ และนั่นทำให้เขารับรู้ได้ถึงคุณค่าของชีวิตและก้าวเดินต่อไปได้อย่างมีความสุข   ร้านไดรฟ์ทรู Tim Hortons   เรื่องราวทั้งหมดนี้ถูกบอกเล่าผ่านจดหมายที่ทางสำนักข่าว Pickering News Advertiser ได้รับมา ก่อนที่พวกเขาจะนำมันออกเผยแพร่ให้กับสาธารณะ จนทำให้ชายหนุ่มผู้ช่วยชีวิตคนคนนั้นเอาไว้ปรากฏตัวขึ้นมา Glen Oliver…

  • จากที่คุณยายชวนหลานผิดคน ปีนี้หลานชายแปลกหน้าคนนั้นก็กลับไปร่วมกินข้าวกับคุณยายอีกครั้ง

    จากที่คุณยายชวนหลานผิดคน ปีนี้หลานชายแปลกหน้าคนนั้นก็กลับไปร่วมกินข้าวกับคุณยายอีกครั้ง

    วันขอบคุณพระเจ้า คืออีกหนึ่งเทศกาลวันหยุดที่สามารถพบเห็นได้ในหลายประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์เป็นหลัก โดยเป็นวันที่คนในครอบครัวจะได้กินข้าวร่วมกันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่สำหรับหนุ่มวัย 18 ปีในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา เขากลับถูกเชิญให้ไปกินข้าวกับคนแปลกหน้าซะอย่างนั้น เรื่องราวนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2016 เมื่อคุณยายท่านหนึ่งเข้าใจผิดไปดึงเอาหนุ่มแปลกหน้าเข้ากลุ่มแชท พร้อมกับชวนเขาไปทานข้าวด้วยกันที่บ้านของตัวเอง   เมื่อปี 2016 นาย Jamal Hinton (ด้านซ้าย) ถูกลากเข้ากลุ่มแชทกลุ่มหนึ่ง โดยที่เขาไม่ทราบว่าเป็นกลุ่มของใคร   จากนั้นเขาก็ถูกคนที่อ้างตัวว่าเป็นคุณยายของเขาชวนให้ไปกินข้าวด้วยกันที่บ้าน ในวันขอบคุณพระเจ้า   แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่านั่นเป็นยายเขาจริงหรือเปล่า จึงขอให้เธอถ่ายรูปมาให้ดู จนทำให้เขารู้ว่านั่นมันไม่ใช่ยายของเขาซักหน่อย   เขาจึงถ่ายรูปส่งกลับไป พร้อมกับถามว่า “แม้คุณจะไม่ใช่ยายของผม แต่ผมยังไปกินข้าวด้วยได้อยู่มั้ย?” คุณยายท่านนั้นก็ตอบกลับมาว่า “ได้อยู่แล้ว นั่นเป็นสิ่งที่คุณยายทำ.. การทำอาหารให้กับทุกคนได้กิน”   ความน่ารักของคุณยาย Wanda คนนี้ได้ถูกโพสต์ลงไปในทวิตเตอร์ของชายหนุ่ม และกลายเป็นกระแสให้ผู้คนเข้ามาแชร์ข้อความของเขาออกไปเป็นจำนวนมาก พร้อมกับกล่าวชื่นชมความน่ารักของคุณยาย   1 ปีผ่านไป เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2017 เด็กหนุ่มก็ยังคงไปกินข้าววันเลี้ยงขอบคุณพระเจ้ากับคุณยายคนนี้ และโพสต์ลงในทวิตเตอร์จนกลายมาเป็นกระแสอีกครั้งหนึ่ง   เขาบอกว่ายังคงติดต่อกับคุณยายมาตลอด เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้เจอกันบ่อยนัก…

  • หญิงตัดสินใจช่วยคนไร้บ้านที่กำลังร้องไห้กับความทุกข์ แม้ทั้งคู่จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็ตาม…

    หญิงตัดสินใจช่วยคนไร้บ้านที่กำลังร้องไห้กับความทุกข์ แม้ทั้งคู่จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็ตาม…

    ปกติแล้วเวลาที่เราเห็นคนแปลกหน้าที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนนั่งร้องไห้อยู่ เป็นเราจะทำยังไง จะเดินไปปลอบเขาคนนั้น หรือจะทำแค่มองแล้วก็คิดว่าเขาเจอกับอะไรมาถึงได้ร้องไห้กัน… โดยปกติแล้ว เราก็คงเลือกที่จะไม่เข้าไปยุ่งเพราะเราคงไม่อยากจะมีปัญหาตามมาหรือถูกมองว่าไปยุ่งเรื่องของเขา แต่กลับกันในเรื่องนี้การเข้าไปถามคนๆ หนึ่งว่าโอเคไหมต้องการอะไรหรือเปล่า กับทำให้เรื่องอบอุ่นหัวใจก่อตัวขึ้น… Katy Hurst หญิงคนหนึ่งที่ตั้งใจจะไปซื้ออาหารที่ร้านเบอร์เกอร์คิง ในเมืองอินดิเพนเดนซ์ รัฐมิสซูรี แต่แล้วเธอก็มองไปเห็นชายคนหนึ่งริมหน้าต่างกำลังนั่งร้องไห้ พร้อมกับเอามือกุมขมับอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าเธอไม่รู้จักชายคนดังกล่าวหรอก     แต่ในเวลาไม่นาน เธอก็จำได้ว่าชายคนนั้นคือชายไร้บ้านที่เธอมักจะเห็นบ่อยๆ ในชุมชนของเธอ ซึ่งเขามักไปไหนมาไหนพร้อมกับจักรยานที่มีตระกร้าอยู่ข้างหลังเสมอ ด้วยความที่เธอเป็นคนใจดี Katy เลยตัดสินใจเข้าไปพูดคุยกับชายแปลกหน้าว่าเขาเป็นอะไร ทำไมถึงร้องไห้ ซึ่งนั่นทำให้เธอได้รู้ว่าชายคนนี้ผู้คนเรียกเขาว่า Pops อายุ 57 ปี และเขาก็กำลังตัดสินใจจะฆ่าตัวตาย     พอได้ยินแบบนั้นด้าน Katy ก็คงจะยอมไม่ได้ เธอจึงเสนอให้ Pops ไปที่บ้านเธอ เธอจะช่วยให้เขารู้สึกอยากมีชีวิตอีกครั้ง เธอได้เสนอผ้าอุ่นๆ อาหารอร่อยๆ ที่พักดีๆ ให้กับชายไร้บ้านคนดังกล่าว Pops ได้บอกไว้ว่า เขาอยากจะจบชีวิต เขาอยากจะให้มันผ่านไปเสียที แต่ Katy ก็ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น เธอเริ่มดูแลเขาทีละอย่างตั้งแต่อาหารการกิน ที่พัก ไปจนถึงการเป็นอยู่และเข้าตรวจสุขภาพ…

  • ช่างภาพสาว โชว์ภาพถ่ายคนแปลกหน้าที่แสดงท่าทางแตกต่างกันก่อนกับหลังโดนเธอจูบ!!?

    ช่างภาพสาว โชว์ภาพถ่ายคนแปลกหน้าที่แสดงท่าทางแตกต่างกันก่อนกับหลังโดนเธอจูบ!!?

    ตามปกติแล้ว เวลาที่เราเจอคนแปลกหน้า เราก็มักจะไม่ค่อยเผยความเป็นตัวเองออกมา บางครั้งเราก็มักจะวางมาดให้ดูเคร่งขรึม ซึ่งมันก็เป็นปกติที่เราจะทำกันแบบนี้ เพราะเราไม่รู้ว่าคนที่เข้ามาเขาเป็นคนยังไงต้องการอะไร… ด้วยเหตุนี้ช่างภาพสาว Johanna Siring จึงอยากจะทดสอบคนแปลกหน้าที่พึ่งเคยเจอว่า ถ้าเธอไปลองขอถ่ายภาพพวกเขา คนเหล่านี้จะแสดงออกมายังไง ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเธอลองจูบพวกเขาดูล่ะ สีหน้าความรู้สึกจะเปลี่ยนไปไหม?   คนแปลกหน้าคนแรก ที่ดูเป็นคนร่าเริงเฟลนลี่แต่แรก พอโดนจูบไปก็เขินเล็กๆ ทำเป็นจิบเบียร์เบาๆ   Johanna ได้เดินทางไปยังงาน Roskilde Festival ซึ่งเป็นงานดนตรีที่จัดขึ้นในประเทศเดนมาร์ค และเธอก็จัดการทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เข้าไปพูดคุยกับคนแปลกหน้า ทำตัวให้เป็นมิตรและขอถ่ายรูป แน่นอนว่าก่อนจูบก็ต้องขออนุญาตก่อน… ด้านเหตุผลที่เธอต้องจูบปิดท้ายนั้นก็เพราะว่า “การจูบมันจะกระตุ้นเส้นเลือดในริมฝีปากให้ตื่นตัวขึ้นมา โดยช่วงเวลาที่จูบร่างกายจะปล่อยสาร dopamine และกระตุ้น oxytocin เพื่อลดความเครียดที่จะเกิดขึ้น และทำให้เกิดความสัมพันธ์แก่คนสองคน”    เธอจูบทุกคนไม่ว่าจะชายหรือหญิง เพราะมันเป็นการจูบแบบเพื่อนยังไงล่ะ   หนุ่มคนนี้ดูเป้นมิตรแต่แรก แต่พอจูบเข้าไปยิ้มแฉ่งเชียว อิอิ   แม่สาวคนนี้ก็ดูจะเขินๆ ไม่รู้ว่าเคยจูบผู้หญิงด้วยกันมาก่อนหรือเปล่านะ   ตาคนนี้ดูเคร่งขรึม แต่เจอสาวจูบเท่านั้นแหละเขินใหญ่   ตาคนนี้อีกคน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลย   สาวคนนี้ดูหน้าตอนแรกเธอดูดุมากเลยนะ แต่พอได้รับการจูบก็ดูจะมีความสุขเล็กๆ  …

  • คุณแม่ได้รับจดหมายปลอบใจจากคนแปลกหน้า ช่วยเยียวยาหัวใจหลังสูญเสียลูกชาย

    คุณแม่ได้รับจดหมายปลอบใจจากคนแปลกหน้า ช่วยเยียวยาหัวใจหลังสูญเสียลูกชาย

    กำลังใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนที่เสียใจ หมดหวัง หรือท้อแท้ แต่ไม่ว่ากำลังใจนั้นจะมาจากใครก็ตาม มันก็คือสิ่งที่ช่วยเยียวยาจิตใจได้ Tricia Belstra กำลังเดินทางไปยังชิคาโก เพื่อไปจัดงานศพให้ลูกชาย Kyle วัย 25 ปี ที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควร เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา แน่นอนว่าหัวอกคนเป็นแม่นั้นต้องเสียใจมากเมื่อมาเจอเรื่องแบบนี้ แต่เมื่อเครื่องลงจอดเธอก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากคนแปลกหน้า     ตอนที่ได้รับข่าวร้ายของลูกชายนั้น Tricia กำลังอยู่ที่บ้านในโคโลราโด เธอบอกกับสำนักข่าว BBC ว่า “มันเป็นวันที่เลวร้ายที่สุด ฉันจมอยู่กับความทุกข์ทรมานใจตลอดทั้งอาทิตย์นั้นเลย” จากนั้นเธอพร้อมลูกสาวและสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ จึงได้เดินทางไปยังเซาธ์เบนด์ รัฐอินเดียนา เพื่อจัดงานศพให้กับลูกชายที่จากไป ตอนที่อยู่บนเครื่อง Tricia นั่งอยู่ระหว่างคนแปลกหน้าสองคน และเธอก็ถุงอ้วกอยู่ระหว่างขา จากนั้นก็มีพนักงานเดินเข้ามาถามว่าเธอโอเคมั้ย คุณแม่บอกว่าตอนนี้เธอรู้สึกแย่ เพราะกำลังเดินทางไปจัดงานศพให้กับลูกชาย ซึ่งจะมีขึ้นในวันถัดไป     ไม่ใช่แค่จิตใจที่บอกช้ำ ตอนนี้ร่างกายของ Tricia อ่อนโรยริน และมือของเธอก็สั่นตลอดเวลา แม้แต่การเทน้ำใส่แก้วก็ดูจะลำบาก จนผู้โดยสารที่นั้งข้างๆ อาสาเทให้ จนกระทั่งเครื่องลงจอด พนักงานก็นำกระดาษโน๊ตใบหนึ่งมากับให้ Tricia เธอรับมันไว้แล้วขอบคุณก่อนจะลงจากเครื่องไป ขณะที่ออกจากเครื่องแล้วเดินทางตามทางเดิน คุณแม่ก็หยิบกระดาษใบนั้นออกมาดู แล้วเธอก็ถึงกับร้องไห้ออกมาทันที    …

  • คนแปลกหน้าและเหล่าไบค์เกอร์ ร่วมจัดงานพรอมให้หญิงสาว ที่ถูกกลั่นแกล้งจนไม่กล้าไปงาน

    คนแปลกหน้าและเหล่าไบค์เกอร์ ร่วมจัดงานพรอมให้หญิงสาว ที่ถูกกลั่นแกล้งจนไม่กล้าไปงาน

    เมื่อไม่นานมานี้ #เหมียวขี้ส่อง ได้นำเสนอเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่โดนเพื่อนแกล้งจนไม่กล้าไปงานพรอม ทั้งๆ ที่เธอก็เตรียมชุดสวยๆ รอไว้แล้ว หลังจากที่เรื่องราวนี้ถูกแชร์ไปโลกออนไลน์ ปรากฎว่าทั้งเพื่อนบ้าน ครอบครัว และคนแปลกหน้าต่างรวมตัวกันเพื่อที่จะมาจัดให้งานพรอมให้เธอ     Shannon Purcifer นักเรียนสาววัย 16 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่าลำไส้ใหญ่บวมจนเป็นแผล เนื่องจากลำไส้อักเสบเมื่อ 2 ปีก่อน แต่เพื่อนๆ ที่โรงเรียนไม่เชื่อว่าเธอป่วยจริง พวกเขาบอกว่าเธอแค่แสร้งทำเป็นป่วย จนถูกล้อเลียนและถูกแกล้งให้ได้รับความอับอายสารพัด ถึงขั้นที่เธอไม่กล้าไปงานพรอมเลย     ดังนั้นเมื่อถึงวันที่ผู้คนมาจัดงานพรอมให้ Shannon ที่บ้าน ปรากฏว่าได้มีเพียงแค่คนในครอบครัว เพื่อนบ้าน เพื่อนสนิทเท่านั้น แต่ยังมีคนแปลกหน้าและชาวไบค์เกอร์อีก 120 คน มาร่วมจัดงานให้เธอด้วย Shannon บอกว่า “มันเป็นงานพรอมที่วิเศษมาก มันเยี่ยมกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีกและน่าจะดีกว่างานพรอมที่โรงเรียนจัดด้วย ฉันเดินทักทายทุกคนในงานและขอบคุณพวกเขาสำหรับงานนี้”     และจุดที่ทำให้หญิงสาวตื่นเต้นที่สุดคือ ตอนที่เสียงรถมอเตอร์ไซต์ของเหล่าไบค์เกอร์แห่มาเป็นขบวนที่หน้าบ้านของเธอ ซึ่งเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มาก เพราะเธอไม่รู้มาก่อนว่าพวกเขาจะมา     บรรยากาศภายในงานอบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความสุข ทุกคนได้เห็นรอยยิ้มของ Shannon ตลอดงาน เธอดูมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน     หลังจากนี้หวังว่าเพื่อนๆ ที่ชอบแกล้งเธอคงจะรู้สึกผิดได้บ้างนะ…

  • กระดาษโน้ตจากคนแปลกหน้า ที่ทำให้รู้ว่ามีแมวน้อย 3 ตัวติดใต้ท้องรถ และต้องการความช่วยเหลือ

    กระดาษโน้ตจากคนแปลกหน้า ที่ทำให้รู้ว่ามีแมวน้อย 3 ตัวติดใต้ท้องรถ และต้องการความช่วยเหลือ

    ในขณะที่คุณกำลังรู้สึกแย่ วันนี้เราจะขอนำเสนอเรื่องราวสุดประทับใจเกี่ยวกับเจ้าเหมียว ที่เชื่อว่าอย่างน้อยมันอาจจะทำให้คุณยิ้ม และมีความสุขได้บ้าง และนี่คือภาพภารกิจการช่วยชีวิตของ 3 ลูกแมวตัวน้อยๆ ที่หลบอยู่ในรถยนต์คันหนึ่ง ซึ่งทาง Nur Izzah Zabidi จากประเทศมาเลเซีย ได้นำเรื่องราวการช่วยชีวิตพวกมันมาโพสต์ลงใน Facebook โดยเผยว่า “หลังจากที่แม่ของเธอได้กลับไปที่รถ ก็ได้พบกับโน้ตแจ้งเตือนแผ่นหนึ่ง… ซึ่งภายในโน้ตแผ่นนั้น ได้เขียนข้อความทิ้งไว้ว่า “เรียนผู้ที่เกี่ยวข้อง มีเสียงของลูกแมวตัวน้อยๆ อยู่ข้างใต้รถของคุณ ขอความกรุณาช่วยตรวจสอบก่อนที่คุณจะสตาร์ทรถด้วย ขอบคุณมาก”     ด้วยเหตุนี้ คุณแม่ของ Nur Izzah จึงได้โทรเรียกพนักงานดับเพลิง เพื่อให้มาช่วยค้นหาเจ้าเหมียวทันที แต่ในขณะนั้นมีกลุ่มวัยรุ่นนักเรียน 2-3 คนได้ผ่านมาทางนั้นพอดี และนั่นก็ทำให้พวกเขารีบเข้าไปช่วยเหลือเธอ     ด้วยความช่วยเหลือจากเด็กหนุ่มพลเมืองดี พวกก็เขาสามารถนำลูกแมวน้อย 3 ตัวที่ติดอยู่ใต้ท้องรถออกมาได้ ซึ่งเจ้าแมวน้อยทั้ง 3 ตัว คาดว่าจะมีอายุไม่เกิน 1 สัปดาห์ด้วย นอกจากจะรอดชีวิตราวกับปาฏิหาริย์แล้ว เจ้าเหมียวน้อยทั้ง 3 ยังโชคดีสุดๆ เพราะมันได้เข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหม่ และครอบครัวใหม่ของมันทันที…

  • หญิงสาวได้รับ “ดอกไม้-ข้อความสุดซึ้ง” จากเพื่อนร่วมหอพัก หลังจากร้องไห้ทั้งคืนเพราะอกหัก!?

    หญิงสาวได้รับ “ดอกไม้-ข้อความสุดซึ้ง” จากเพื่อนร่วมหอพัก หลังจากร้องไห้ทั้งคืนเพราะอกหัก!?

    เรื่องราวที่ทำให้รู้ว่า ในเมืองใหญ่ สังคมสมัยใหม่ที่ต่างคนต่างอยู่มากขึ้น ก็ยังมีน้ำใจของเพื่อนมนุษย์ให้เห็นอยู่เสมอ…   ปกติแล้วเวลาที่เราอกหัก หรือร้องไห้  ถ้าโชคดีหน่อยก็ยังมีคนข้างๆ หรือเพื่อนฝูงที่คอยปลอบใจเรา แต่ถ้าใครโชคร้ายก็อาจจะไม่มีใครมาคอยเป็นห่วงเป็นใยหรือที่ปรึกษา และคงไม่มีใครคิดว่าเราจะได้รับการปลอบใจจาก “คนแปลกหน้า” ด้วยเช่นกัน เรื่องนี้เกิดขึ้นกับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเธอได้แชร์เรื่องนี้ผ่านทวิตเตอร์ของเธอที่ชื่อว่า @egyptique       เธอเล่าว่าคืนหนึ่งเธอเพิ่งถูกแฟนหนุ่มหักอก จึงกลับมายังที่พักในสภาพของคนที่ไร้หนทาง เธอไม่มีแรงจะไปให้ถึงห้องด้วยซ้ำ จึงร้องไห้คนเดียวอยู่ตรงทางเดินของตึกนี้ ในระหว่างที่เธอร้องไห้ มีหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งน่าจะพักอยู่ตึกเดียวกันเดินผ่านมา หญิงคนนั้นไม่ได้เข้ามาปลอบใจและปล่อยเธอร้องต่อไป เธอก็คิดว่าเป็นคนแปลกหน้าเดินผ่านมาเท่านั้น แต่รุ่งเช้า กลับพบช่อดอกไม้ และข้อความจากหญิงสาวคนนั้นส่งมาให้เธอโดยเฉพาะ ข้อความระบุว่า… “การร้องไห้เพราะเสียใจมันก็แย่อยู่แล้ว แต่การต้องเสียน้ำตาเพราะผู้ชายมันกลับแย่ยิ่งกว่า และฉันก็หวังว่าช่อดอกไม้นี้จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นนะ”   หลังจากที่ภาพของเรื่องราวนี้ได้เผยแพร่ออกไปก็มีกระแสตอบรับที่ดีมากๆ พร้อมกับมีคนรีทวีตมากถึง  34,000 ครั้ง และมีคนกดชอบมากกว่า 140,000 ครั้ง แถมยังมีข้อความชื่นชมและร้องไห้กับเรื่องราวนี้เช่นกัน   ฉันว่าผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นเพื่อนสาวที่ดีที่สุดได้เลยนะ   นี้และผู้หญิงในแบบที่พวกเราต้องการ   ฉันอยากจะร้องไห้เลย นี่มันคือความดีบริสุทธิ์ที่แท้จริง ขนาดเป็นคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่หญิงสาวแปลกหน้าคนนั้นก็แสดงให้เห็นถึงน้ำใจแบบที่เพื่อนมนุษย์ร่วมโลกมีให้กัน มันเป็นแรงผลักดัน ให้เราใส่ใจคนรอบข้างมากขึ้น เพราะบางครั้งคนเข้มแข็งก็มีช่วงเวลาที่อ่อนแอ และเขาอาจจะต้องการแค่ใครสักคนมาทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นก็ได้นะ…  …

  • สองหนุ่มนักเดินทาง พบสองลูกสุนัขกลางถนน ตกหลุมพรางความน่ารัก พาไปดูแลหมดเลย!!

    สองหนุ่มนักเดินทาง พบสองลูกสุนัขกลางถนน ตกหลุมพรางความน่ารัก พาไปดูแลหมดเลย!!

    นี่ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ที่หลายคนได้อ่านแล้วอาจจะรู้สึกแฮปปี้ และยิ้มได้ทั้งวันก็ได้ เมื่อ Briggs LocHaven และ Chris Vanness ผู้เป็นพี่ชาย กำลังขับรถออกจากแอริโซนาไปยังโคโลราโดนั้น ระหว่างทางพวกเขาก็ได้พบกับสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ที่กำลังวิ่งอยู่บนท้องถนน   สำหรับเจ้าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักกันดี และพวกมันก็คือ เจ้าหมาน้อย นั่นเอง   ทางด้านหนุ่ม Chris ได้ออกมาเผยว่า “ในตอนแรกเราคิดว่าพวกมันเป็นสุนัขป่า หลังจากนั้นเราก็ได้เขาไปดูมันใกล้ๆ และพบว่าพวกมันเป็นมิตรมาก แต่ที่น่าตกใจคือพวกมันขาดน้ำอย่างรุนแรง แถมยังมีสภาพที่หิวโหย” ซึ่งคาดว่าการที่ลูกสุนัขเหล่านี้โผล่มากลางถนนได้นั้น จะต้องถูกมนุษย์นำมาทิ้งไว้อย่างแน่นอน   หลังจากนั้น สองหนุ่มก็ได้พาเจ้าหมาน้อยขึ้นรถ ซึ่งพวกเขาเพียงแต่คิดว่าเจ้าหมาน้อยควรที่จะกินอาหาร กินน้ำ และได้รับอาบน้ำ     เป็นเวลานานกว่า 24 ชั่วโมง ที่พวกเขายังคงให้อาหารแก่พวกมัน ตลอดการเดินทางร่วมกันทั้ง 4 ชีวิต และหลังจากนั้นประมาณ 10 ชั่วโมง เจ้าสุนัขตัวน้อยก็เริ่มกลับมาแข็งแรงขึ้น บรรดาหมาน้อยโชคดีเหลือเกินที่มันได้รับความช่วยเหลือจากมนุษย์ใจดี ถ้าหากพวกเขาไม่หยุดรถเพื่อช่วยมัน ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง   จนในที่สุดสองพี่น้องก็ได้บ้านใหม่ มีพี่เลี้ยงคนโตที่พร้อมจะดูแลด้วยแหละ…

  • การทดลองนำคนแปลกหน้า ทั้งชายและหญิง ‘แก้ผ้ากอดกัน’ หวังเพิ่มความผ่อนคลาย!?

    การทดลองนำคนแปลกหน้า ทั้งชายและหญิง ‘แก้ผ้ากอดกัน’ หวังเพิ่มความผ่อนคลาย!?

    ถ้าจู่ๆมีคนบอกให้เราไปกอดกับคนแปลกหน้า คงเป็นธรรมดาที่เราอาจจะเกิดความรู้สึกตะขิดตะขวงใจ เพราะส่วนใหญ่แล้วเราคงคุ้นเคยกับการกอดคนที่เรารัก หรือคนที่เราสนิทด้วยมากกว่าใช่ไหมล่ะ? ‘WatchCut Video’ แชนแนลหนึ่งในยูทูปได้ทำการทดลองโดยให้อาสาสมัครต่างเพศ ต่างวัย และต่างที่มา แน่นอนว่าทุกคนไม่มีใครรู้จักกัน แต่ทุกคนต้องแก้ผ้า และโอบกอดซึ่งกันและกัน!?   การทดลองครั้งนี้มีชื่อว่า ‘Skin to Skin’   สาเหตุที่ทางรายการจัดทำการทดลองนี้ขึ้นมา เพราะมีการศึกษาเชิงวิทยาศาสตร์ระบุไว้ว่า “มนุษย์เราเมื่อสัมผัสต้องตัวกัน สามารถช่วยลดความเครียด อีกทั้งยังช่วยให้รู้สึกเชื่อใจกันมากขึ้นได้จริง” ดังนั้นทางรายการจึงอยากจะรู้ว่า ถ้าหากนำเอาคนแปลกหน้ามาสัมผัสต้องตัวกัน จะสามารถช่วยทำให้พวกเขาต่างรู้สึกดีขึ้นได้จริงหรือไม่   มีทั้งคู่ที่เป็นชายสูงอายุ กับชายหนุ่มที่ยังเด็กกว่า   หลังจากที่อาสาสมัครพร้อมแล้ว ทางรายการก็ให้ทุกคนถอดเสื้อออก ซึ่งเท่ากับว่าไม่ว่าจะเป็นเพศไหนทุกคนต่างอยู่ในจุดที่เสมอภาคกันอย่างแท้จริง (ลืมเรื่องลามกไปได้เลย)   จากนั้นก็ให้อาสาสมัครเข้าโอบกอดซึ่งกันและกัน ทั้งๆที่พวกเขาเพิ่งจะมารู้จักกันตอนถ่ายทำเนี่ยแหละ   หลังจากที่อาสาสมัครได้โอบกอดกันแล้ว รายการก็ได้ถามว่าพวกเขาเกิดความคิด หรือความรู้สึกใดบ้าง จากการกอดคนแปลกหน้าในครั้งนี้ ซึ่งอาสาสมัครส่วนใหญ่ก็จะตอบว่า พวกเขาต่างรู้สึกสบายตัวมากขึ้น รู้สึกดีจากการได้กอดกัน และยังรู้สึกว่าหายวิตกกังวลจากตอนแรกอีกด้วย   มีการเปลี่ยนท่าให้โอบกอดจากด้านหลังด้วยนะ   มีงานวิจัยด้านจิตวิทยาได้กล่าวไว้ว่า “มนุษย์ในยุคดิจิตัล (ปัจจุบัน) จะรู้สึกดีมากขึ้นถ้าได้สัมผัสร่างกายของกันและกัน ส่วนหนึ่งมันช่วยลดพฤติกรรมความรุนแรง เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน…

  • 20 การพบเจอ “ฝาแฝด” โดยบังเอิญของเหล่า “คนแปลกหน้า” ที่ไม่ได้นัดกันมาก่อน

    20 การพบเจอ “ฝาแฝด” โดยบังเอิญของเหล่า “คนแปลกหน้า” ที่ไม่ได้นัดกันมาก่อน

    ว่ากันว่า พวกเราทุกคนล้วนมี “ฝาแฝด” หรือ “ด็อบเปลเกงเกอร์” ที่ไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดใช้ชีวิตอยู่ไม่มุมใดก็มุมหนึ่งบนโลก แน่นอนด้วยระยะทางที่ห่างไกลกัน ก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะได้เจอกัน แต่หลายๆ ครั้งโชคชะตาก็เล่นตลกด้วยการนำพา “ฝาแฝด” ที่อยู่กันคนละมุมโลกมาพบเจอกัน จนเกิดเป็นเหตุการณ์อันน่ามหัศจรรย์เหล่านี้   เจอฝาแฝดบนเครื่องบิน แถมไปบังเอิญเจอที่โรงแรมต่ออีก พอไปกินเบียร์ ก็เจอที่ผับอีก   หญิงสาวที่บังเอิญเจอกัน อะไรจะเหมือนขนาดนี้   ไปงานแต่งงานของลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง เจอคนหน้าเหมือนที่เป็นญาติของสามีของลูกพี่ลูกน้องคนนั้น แน่นอนว่าไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดใดๆ ทั้งสิ้น   คุณลุง Neil Richardson ย้ายบ้านเมืองเอสเซ็ก แต่พอไปถึงทุกคนเรียกเขาว่า John เพราะที่นั่นมีคนหน้าเหมือนเขาอยู่แล้ว   ชายคนนี้เจอฝาแฝดขณะไปเที่ยวเมื่อคืน   เจอฝาแฝดในงานปาร์ตี้   อันนี้ก็เจอในงานปาร์ตี้   เจอฝาแฝดในงานเทศกาลดนตรี  ขนาดใช้แอปสลับหน้า คุณยังดูไม่ออกเลยใช่มั้ยล่ะ   เจอฝาแฝดขณะไปเที่ยว จนคนในครอบครัวทักผิดหมด   เหมือนจนน่ากลัวจริงๆ   คุณพ่อของฉันเจอฝาแฝดในที่ทำงาน   ไปโรงเรียนวันแรก เจอแต่คนเรียกว่า “ไบรอั้น” ทั้งๆ…

  • รถไฟญี่ปุ่นช่วงหนาวเหน็บ กับน้ำใจอบอุ่นของคนแปลกหน้า ที่ฝากช่วยปลุกเมื่อถึงสถานี…

    รถไฟญี่ปุ่นช่วงหนาวเหน็บ กับน้ำใจอบอุ่นของคนแปลกหน้า ที่ฝากช่วยปลุกเมื่อถึงสถานี…

    ว่ากันว่าในยุคสมัยที่คนเรามักจะมองหาแต่ความสุขของตัวเอง จนลืมที่จะหยิบยืนความช่วยเหลือให้กับผู้อื่น แต่สำหรับชาวญี่ปุ่นหลายๆ คนแล้ว แม้จะเป็นเรื่องที่เล็กน้อยแค่ไหน ก็ไม่อาจจะมองข้ามไปได้เลย     เรื่องราวที่ #เหมียวเลเซอร์ กำลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้ เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา เมื่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ @ameni1952 ทำการโดยสารรถไฟเพื่อไปทำงานตามปกติ ซึ่งในช่วงเช้าตรู่ขนาดนั้น ก็ยังไม่ตื่นเต็มที่ ยังคงมีอาการง่วงอยู่บ้าง     ในระหว่างที่ใกล้จะหลับใหล เพราะยังไม่ถึงสถานีปลายทาง Kikuna ในเมืองโยโกฮามา เขาเว้าวอนให้ชายแปลกหน้าคนข้างๆ ช่วยปลุกหน่อย ถ้าหากว่ารถไฟถึสถานีปลายทางของเขาแล้ว เมื่อฝากให้ช่วยปลุกเรียบร้อย เขาก็ผลอยหลับไป   Kikuna Station หนึ่งในสถานีรถไฟของเมืองโยโกฮามา   หลังจากนั้นเพียงไม่นาน เขาก็ถูกปลุกให้ตื่นจากคนแปลกหน้าที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่ทว่าบุคคลดังกล่าวไม่ใช่คนที่เคยขอร้องช่วยปลุกไว้ ซึ่งอาจจะเกิดจากเหตุการณ์ที่ว่าคนที่เขาเคยขอช่วยปลุกไว้ในตอนแรก มีความจำเป็นที่จะต้องลงสถานีก่อนหน้านั้น และฝากหน้าที่ช่วยปลุกให้กับคนอื่นแทน   สภาพของหัวขบวนรถไฟที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ในช่วงปลายปี 2016   แม้จะไม่มีการยืนยันจากชายแปลกหน้าคนนั้นว่าเขาได้ฝากหน้าที่ช่วยปลุกให้กับคนอื่นหรือไม่ แต่ก็ถือว่าเขาทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเลย สิ่งเดียวที่ทำให้คุณ @ameni1952 รู้สึกไม่ดีก็คือเขาไม่สามารถกล่าวขอบคุณกับชายคนนั้นได้ด้วยตัวเอง     และหลังจากที่เรื่องดังกล่าวเริ่มแพร่กระจายออกไป ชาวเน็ตญี่ปุ่นก็ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ที่คล้ายๆ กัน…

  • คุณแม่ป่วยมะเร็งสุดซาบซึ้ง หลังได้รับน้ำใจที่คาดไม่ถึง คนแปลกหน้าแอบจ่ายค่าอาหารให้…

    คุณแม่ป่วยมะเร็งสุดซาบซึ้ง หลังได้รับน้ำใจที่คาดไม่ถึง คนแปลกหน้าแอบจ่ายค่าอาหารให้…

    เรื่องราวของ Jerina Edwards คุณแม่ลูก 3 วัย 33 ปี ชาวเมืองทุลซา รัฐโอคลาโฮมา ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษามากมายเพราะป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2559 โดยหลังจากที่ทราบว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งนั้น Jerina ก็เข้ารับการฉายแสงไปแล้วเป็นจำนวนกว่า 33 ครั้ง รวมถึงการทำคีโม และผ่าตัดเต้านมทิ้ง อีกทั้งโรคที่เป็นก็ทำให้เธอต้องสูญเสียเส้นผมไปทั้งหมดอีกด้วย     แม้ว่าชีวิตของเธอจะต้องมาเจอกับโรคร้าย แต่ครั้งหนึ่ง Jerina ก็ยังได้พบกับเรื่องราวดีๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ซึ่งในวันนั้นเป็นวันที่เธอได้ไปรับประทานอาหารกับครอบครัวที่ร้านอาหารจีนแห่งหนึ่ง และหลังจากที่เธอและครอบครัวกำลังรอจ่ายเงินค่าอาหารอยู่นั้น ทางพนักงานของร้านจึงนำบิลค่าอาหารราคาราวๆ 1780 บาท ที่จ่ายเงินเรียบร้อยแล้วมาให้เธอ พร้อมกับมีข้อความระบุเอาไว้ว่า… “เมื่อ 5 ปีก่อน ภรรยาของผมได้จากไปด้วยโรคมะเร็ง ผมรู้ดีว่าการต่อสู้กับโรคนี้มันยากลำบากแค่ไหน สำหรับค่าอาหารมื้อนี้ ผมได้จ่ายให้คุณแล้ว เมอร์รี่คริสต์มาสครับ”     หลังจากอ่านข้อความจบ ก็ทำให้ Jerina รู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก และเธอก็ได้นำภาพบิลที่ถ่ายเอาไว้ไปโพสต์ลงในเฟสบุ๊ค เพื่อเล่าเรื่องราวดีๆ ที่เธอได้เจอในวันนั้น “การป่วยเป็นมะเร็งก็มีข้อดีเหมือนกัน เพราะมันทำให้ได้เห็นว่ายังมีคนจิตใจดี และห่วงใยผู้อื่นอยู่บนโลกใบนี้…

  • ช่างภาพใช้โปรแกรมสแกนใบหน้า ตามหาคนแปลกหน้าที่เขาถ่ายไว้ และรวบรวมออกมา…

    ช่างภาพใช้โปรแกรมสแกนใบหน้า ตามหาคนแปลกหน้าที่เขาถ่ายไว้ และรวบรวมออกมา…

    ใบหน้านั้นสามารถสืบสาวไปถึงตัวของคุณได้ และยุคนี้ความเป็นส่วนตัวของเราเหลือน้อยลงทุกที และล่าสุด Egor Tsvetkov ช่างถ่ายภาพชาวรัสเซียก็ได้มีข้อพิสูจน์ถึงเรื่องนี้ โดยการตามถ่ายภาพคนแปลกหน้าที่เขาพบเจอในสถานีรถไฟใต้ดินที่เขาเข้าไปใช้บริการ และหลังจากนั้น เขาก็ใช้ซอฟต์แวร์สแกนใบหน้า โดยใช้รูปภาพของคนแปลกหน้าที่ถ่ายมาได้ กับ VKontakte โซเชียลเน็ทเวิร์คที่ใหญ่ที่สุดในประเทศรัสเซีย และทำให้เขาสามารถรุบุตัวตนของเหล่าคนแปลกหน้าที่เขาถ่ายภาพมาได้   โดยอัตราความสำเร็จนั้นอยู่สูงถึง 70% เลยทีเดียว   ‘สิ่งที่ผมอยากจะพิสูจน์ก็คือเรื่องที่ว่าโลกออนไลน์ทุกวันนั้นสามารถหาข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายเหลือเกิน โดยเฉพาะข้อมูลส่วนตัวของคนๆ นั้น ยิ่งถ้าเราเปิดเผยสิ่งเหล่านี้มากเท่าไหร่ เหล่ามิจฉาชีพก็อาจนำประโยชน์ส่วนนี้ไปใช้กันได้ ละอย่างยิ่งในยุคโซเชียลมีเดียแบบนี้’ Egor Tsvetkov กล่าว   และถึงแม้ว่าภาพที่เขาถ่ายบางภาพพวกเขาตัวจริงนั้นไม่ค่อยเหมือนรูปโปรไฟล์มากเท่าไหร่ แต่อัตราการสำเร็จก็ถือว่าอยู่ในระดับสูงมากๆ เลยล่ะ   ภาพเหล่านี้เจ้าตัวอนุญาตให้เอามาทำในโปรเจ็คของเขา…                                           เพราะฉะนั้นต้องระวังนะจ๊ะในการใช้โลกออนไลน์และโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวเนี่ย หลีกเลี่ยงจะดีกว่า!!…

  • เรื่องสยองในโรงบาลสัตว์… เจ้าหมารอพบหมอ จู่ๆ มีวัตถุประหลาด กระโดดมาไล่งับหาง!?

    เรื่องสยองในโรงบาลสัตว์… เจ้าหมารอพบหมอ จู่ๆ มีวัตถุประหลาด กระโดดมาไล่งับหาง!?

    หากเพื่อนๆ หลายคนที่มีโอกาสได้ไป ‘โรงพยาบาลสัตว์’ แล้วก็จะรู้ว่าที่นี่เป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยสัตว์เลี้ยงนานาชนิดจากต่างเจ้าของมาอยู่ร่วมกัน บางครั้งก็อาจจะเกิดเหตุการณ์เขม่นกันเกิดขึ้นเล็กน้อย… แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมโมเม้นต์สุดน่ารักของเจ้าหมาที่นั่งอยู่เฉยๆ รอการตรวจในโรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่ง แต่จู่ๆ ก็มีวัตถุปริศนาตรงดิ่งเข้ามานอนเล่นจับหางของมัน โดยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน   เรื่องมีอยู่ว่าเจ้าหมาอารมณ์ดีตัวหนึ่งกำลังนั่งรอเรียกชื่อเพื่อเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่ง ระหว่างที่มันนั่งรอนั้นก็ส่ายหางไป-มา ที่แสดงให้เห็นว่ามันกำลังอารมณ์ดีอยู่   แต่แล้วก็มีวัตถุประหลาดที่พุ่งกระโจนมาจากไหนก็ไม่รู้ มานอนไล่งับหางของเจ้าหมาเล่น พอหันกลับมาดูอ้าว ไอ่เหมียวน้อยนี่หว่า!! ดูเหมือนว่ามันก็ถูกเจ้าของพามารักษาเหมือนกันนะเนี่ย แต่จู่ๆ เอ็งก็กระโดดเข้ามางับหางใครก็ไม่รู้แบบนี้ก็ได้เลยเหรอ? ซึ่งพี่หมาของเราก็ไม่มีท่าทีว่าจะหวงหางของมันปล่อยให้เจ้าเหมียวน้อยเล่นอย่างสบายใจเฉิบ (มันก็เล่นใหญ่ไปอีก!!)   ลองไปชมคลิปความน่ารักแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…   แหม่ ส่วนใหญ่ที่ #เหมียวหง่าว เคยเห็นเจ้าเหมียวที่ถูกพาไปโรงพยาบาลจะออกอาการกลัว และดูซึมๆ นะแต่เ้าเหมียวตัวนี้แลดูจะมีความสุขจริงๆ เลยนะเนี่ย ฮร่า (ขนาดไม่รู้จักกันนะ ถ้ารู้จักกันไม่โดดขึ้นไปงับหัวเลยมั้งน่ะ 555+) ที่มา : lifebuzz, broadburger

  • เตือนภัย!! เดินถนนอยู่ดีๆ อาจมีคนแปลกหน้า วิ่งเข้ามาต่อยอย่างไม่ยั้ง!!!

    เตือนภัย!! เดินถนนอยู่ดีๆ อาจมีคนแปลกหน้า วิ่งเข้ามาต่อยอย่างไม่ยั้ง!!!

    โลกเราชักจะอยู่ยากขึ้นทุกวันๆ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็อาจมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อย่างคลิปที่เหมียวนำมาเตือนภัยเพื่อนๆในวันนี้ เป็นคลิปจากคุณ Nom Nao โดยเป็นวีดีโอจากกล้องวงจรปิดบริเวณย่านลาดพร้าว ระหว่างซอยลาดพร้าว 122 ถึง 124 ช่วงเวลาประมาณ 8.30 น. ของวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา มีพนักงานออฟฟิสคนหนึ่งกำลังเดินไปทำงาน ระหว่างเดินอยู่นั้นเอง ก็มีชายคนหนึ่งสวมเสื้อสีขาว พุ่งเข้ามาชกหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว และชายชุดขาวคนนั้นก็ระดมหมัดใส่พนักงานออฟฟิสอย่างไม่ยั้ง เมื่อหนำใจแล้วชายชุดขาวก็เดินจากไปอย่างงงๆ   ภาพของชายชุดขาว   อยู่ดีๆก็ระดมหมัดใส่พนักงานออฟฟิสเสื้อเหลืองอย่างรุนแรง   ไปชมคลิปเหตุการณ์กันเลย คลิปแรก เหตุเกิด ที่ลาดพร้าว ระหว่างซอย ลาดพร้าว122-124 ช่วงเวลาประมาณ 8.30 น. พนักงานที่ออฟฟิต กำลังเดินเข้า ที่ บจก มีการทำร้ายร่างกาย วันที่13/10/2558 ขอให้ทุกคนเดินทางดูรอบๆตัวด้วยนะครับ Posted by Nom Nao on 13 ตุลาคม 2015   เมื่อชาวเน็ตเห็นวีดีโอดังกล่าว ก็เข้ามาแสดงความเห็นกันอย่างหลากหลาย…

  • ชายหนุ่มทำคลิปทำลองเปรียบเทียบขออาหารจาก “คนธรรมดา” กับ “คนไร้บ้าน”

    ชายหนุ่มทำคลิปทำลองเปรียบเทียบขออาหารจาก “คนธรรมดา” กับ “คนไร้บ้าน”

    การให้ ถือเป็นสิ่งที่เราควรทำ เพราะเหมือนเป็นการแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน การให้เพียครั้งเดียวอาจเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ด้วย เหมือนอย่างที่ชายคนนี้ได้ทำการทดลองอะไรบางอย่าง เขาได้ทดลองเดินไปขออาหารจากคนธรรมดาที่กำลังกินอาหารอยู่ในร้าน กับกลุ่มคนไร้บ้างที่กำลังนอนอยู่ ซึ่งก็ได้เสียงตอนรับที่แตกต่างกันออกไป จากในคลิปเราจะเห็นได้เลยว่าคนธรรมดาที่นั่งกินอยู่ในร้าน จะไม่ให้อาหารกับคนแปลกหน้า   เขาก็เลยลองให้เพื่อนไปมอบอาหารให้กับคนไร้บ้าน ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปขออาหาร   ซึ่งเขาก็ลองไปขออาหารดู ผลปรากฏว่าคนไร้บ้านได้แบ่งปันอาหารให้กับเขาด้วย   ไม่ใช่แค่เพียงอาหารเท่านั้น ยังมีเงินอีกด้วย เราไปดูในคลิปได้เลย ที่มา SpreadTheMessage

  • ชายคนนี้ทดลองไปเคาะประตูบ้าน เพื่อดูว่า “เด็ก” จะยอมให้คนแปลกหน้าเข้าบ้านหรือไม่

    ชายคนนี้ทดลองไปเคาะประตูบ้าน เพื่อดูว่า “เด็ก” จะยอมให้คนแปลกหน้าเข้าบ้านหรือไม่

    วัยเด็กถือเป็นวัยที่ขาดการคิดที่ไตร่ตรอง บางทีเราอาจจะเห็นเด็กทำอะไรลงไปโดยไม่ปรึกษาพ่อแม่ หรือบางทีก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ ซึ่งบางครั้งก็นำไปสู่เหตุการณ์ที่เลวร้ายได้ ชายคนนี้คือ JoeySalads เขาไดทำคลิปการทดลองบางอย่างขึ้นมา โดยการเตรียมกับพ่อแม่ของเด็กไว้ก่อนแล้ว ซึ่งพ่อแม่จะแกล้งทำเป็นไม่อยู่บ้าน ชายคนนี้ทำท่าทีเดินมาเคาะประตูบ้านแล้วขอเข้าไปข้างในบ้านเพื่อรอพ่อแม่กลับมา   เด็กหลายคนก็รู้สึกงงๆเมื่อมีชายแปลกหน้ามาหาพ่อแม่   แต่ไม่น่าเชื่อว่าเด็กแทบทุกคนปล่อยให้ชายแปลกหน้าเข้าไปในบ้านอย่างง่ายดาย   เราไปดูคลิปการทดลองกันเลยดีกว่า   ในตอนจบของทุกเคส เราก็คงได้เห็นว่าพ่อแม่ได้สอนลูกๆ เกี่ยวกับการปล่อยให่คนแปลกหน้าเข้ามาในบ้าน หลังจากนี้เด็กๆก็คงรู้แล้วว่าถ้ามีคนแปลกหน้ามาหา อย่าปล่อยให้พวกเขาเข้ามาในบ้านเด็ดขาด ที่มา JoeySalads

  • ทดสอบการหลอกนัดเด็กหญิงให้พบกับคนแปลกหน้า สะท้อนถึงความอันตรายของโลกโซเชียล!!

    ทดสอบการหลอกนัดเด็กหญิงให้พบกับคนแปลกหน้า สะท้อนถึงความอันตรายของโลกโซเชียล!!

    โซเชียลมีเดียในยุคสมัยชีวิตดิจิตอลแบบนี้ในด้านหนึ่งก็ดีที่สามารถเชื่อมคนทั้งโลกเอาไว้ด้วยกัน สามารถติดต่อกันได้สะดวกมากขึ้น แต่เมื่อลองมองกลับไปอีกด้าน ความร้ายกาจของมันสูงมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กๆ ที่ยังไม่รู้เท่าทันคน พ่อหนุ่ม Coby Persin ได้ทำการทดสอบให้เห็นถึงความอันตรายของโลกโซเชียล ที่ใครๆ ก็สามารถติดต่อกันได้ แม้ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าที่รู้จักกันเพียงผิวเผินเท่านั้น   เขาได้ทำการปลอม Facebook ขึ้นมาเป็นชายหนุ่มอายุ 15 ปีและได้ลองคุยกับเด็กสาวอายุ 14 13 และ 12 ปีตามลำดับโดยทำการขออนุญาตพ่อและแม่ของเด็กหญิงทั้งหมดแล้วก่อนที่จะทำการทดสอบนี้   การทดสอบใช้เวลาในประมาณ 3-4 วันเพื่อทำการพูดคุยผ่านโลกออนไลน์ให้เหยื่อรู้สึกคล้อยตามและสามารถทำการนัดออกมาพบนอกสถานที่ได้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมานั้นแทบไม่น่าเชื่อเลยว่า เด็กเหล่านี้ยอมออกมาจากบ้านเพื่อมาพบคนแปลกหน้าที่รู้จักกันเพียงแค่ในโลกออนไลน์!! ในโลกแห่งความเป็นจริงเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าคนที่จะเจอเป็นคนแบบไหน ซึ่งส่วนใหญ่เหตุคดีข่มขืนที่เกิดขึ้นนั้นล้วนมาจากการที่เด็กหญิงไว้ใจในการพบกับคนแปลกหน้า   อย่างกรณีของคุณพ่อรายนี้ที่แอบมาอยู่ในรถด้วย แล้วเขาก็ได้ทำการนัดแนะว่าจะไปหาที่หน้าบ้าน ถ้าหากว่าพ่อไม่อยู่แล้ว ซึ่งคุณพ่อเองก็ไว้ใจลูกสาวของตัวเองว่าจะไม่ทำการเปิดประตูรับคนแปลกหน้าเข้าบ้านอย่างแน่นอน!!   แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คุณพ่อคิด ถ้าหากว่าเป็นบุคคลอื่นที่ไม่ได้มาทำการทดสอบแบบนี้ เธอจะตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดีอย่างแน่นอน!!   เด็กสาวรายสุดท้ายถูกนัดขึ้นมาบนรถ พ่อและแม่ของเธอก็ร่วมสวมบทบาทเป็นผู้ร้ายก่อนที่จะเผยตัวตน และพบกับความจริงที่ว่าลูกสาวของพวกเขายังไม่ทันกลในโลกออนไลน์ที่มีความอันตรายสูงมากๆ โซเชียลมีเดียเป็นดาบสองคม ด้านประโยชน์ของมันก็มีมากมาย แต่อีกด้านร้ายๆ ก็มีเยอะเช่นกัน เพราะฉะนั้นดูแลบุตรหลานของท่านให้ดี ก่อนที่จะตกเป็นเหยื่อของบุคคลที่ไม่หวังดีต่อบุตรหลานของท่าน ด้วยความห่วงใยจากสำนักข่าวแมวเหมียว ที่มา : Coby…