เปิดประวัติ “ชีส” อาหารจานเด็ดที่อาจอยู่คู่กับมนุษย์ มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์

Date:

มันเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบัน “ชีส” ได้กลายเป็นหนึ่งในอาหารยอดนิยมที่สามารถพบได้แทบจะทั่วโลกไปแล้ว เพราะด้วยรสชาติและความหลากหลายของมัน หลายๆ คนก็หลงใหลในชีสจนถอนตัวไม่ขึ้นไปแล้ว

แต่เคยสงสัยกันไหมว่าเจ้าชีสที่เราทานกันนั้น มันมีที่ไปที่มาอย่างไร ทำไมจู่ๆ มนุษย์ถึงเปลี่ยนนมให้กลายเป็นชีสได้ และเชื่อหรือไม่ว่ามนุษย์เราอาจทานชีสกันมาตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์เลย

 

 

น่าเสียดายที่จุดเริ่มต้นและสถานที่กำเนิดของชีสของชีสนั้น แม้ในปัจจุบันก็ยังคงเป็นคำถามที่นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่จากการที่เรามีบันทึกเกี่ยวกับชีสตั้งแต่ช่วงอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุด

นักวิทยาศาสตร์ก็คาดว่าชีสน่าจะเกิดขึ้น ในช่วงเวลาประมาณ 7,000-8,000 ปีก่อนคริสตกาล ในสมัยที่สัตว์ถูกมนุษย์เลี้ยงเป็นในช่วงแรกๆ

โดยมันเป็นไปได้ว่า คนในอดีตจะเอานมไปใส่ในกระเพาะสัตว์ (ซึ่งในช่วงนั้นมนุษย์มักใช้เป็นกระติกน้ำ) ทิ้งมันไว้ในระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะพบว่าน้ำนมได้จับตัวกันเป็นลิ่มน้ำนม (Curd)

เนื่องจากในกระเพาะวัวมักมีเอนไซม์ “เรนนิน” ที่ทำให้น้ำนมจับตัวกันเป็นก้อนอยู่

 

 

เมื่อเห็นของแปลกๆ แบบนี้ มันจึงเป็นธรรมดาที่สักวันคนในอดีตจะลองชิมลิ่มน้ำนมที่ว่าดู และพบว่ามันทานได้ และพบว่ามันทำให้นมที่มักจะเสียไวเก็บได้นานขึ้นไปด้วย เกิดเป็นการผลิตชีสในยุคแรกๆ ไป

นับตั้งแต่วันนั้นมาชีสก็กลายเป็นหนึ่งในอาหารที่มีความสำคัญมากกับสังคมมนุษย์ โดยเรามีหลักฐานการพบชีสในแทบทุกวัฒนธรรมโบราณ ตั้งแต่ที่เมโสโปเตเมีย อียิปต์ กรีก และโรมันเลย

แถมเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ผู้คนจากแทบทุกยุค (ซึ่งไม่รู้ส่วนใหญ่มักเป็นเหล่านักบวช) ก็เริ่มพัฒนาชีสรูปแบบใหม่ๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ เช่น

– Cheddar ในช่วงปี 1500

– Parmigiano-Reggiano ในช่วงปี 1597

– Gouda ในช่วงปี 1697

– Camembert ในช่วงปี 1791

 

 

อย่างไรก็ตามชีสที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบันนั้น โดยมากแล้วจะเป็นผลพวงมาจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ที่ชีสส่วนใหญ่กลายเป็นสินค้าที่ผลิตจากโรงงาน มากกว่าผู้ผลิตรายย่อยที่ผลิตชีสด้วยมือไป

ซึ่งแม้ว่าการปฏิวัตินี้จะทำให้ชีสแพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้ช่างฝีมือผู้ผลิตชีสหลายรายต้องเลิกกิจการไปเช่นกัน

และปัญหานี้ก็ดูจะรุนแรงขึ้นในช่วงสงครามโลกถึงขนาดที่ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ชีสทำมือแทบจะสูญพันธุ์ไปเลยด้วย

 

 

นับว่าเป็นโชคดีมากที่ในช่วงยุค 70 ผู้คนเริ่มมีกระแสกลับมารักในสินค้าจากผู้ผลิตรายย่อยกันอีกครั้ง ชีสทำมือที่เกือบจะสูญพันธุ์ จึงสามารถกลับมาตั้งตัวได้อีกครั้ง

ซึ่งเมื่อบวกกับการที่หลายประเทศในยุโรปมีการออกกฎหมายคล้าย Appellation d’Origine Contrôlée (AOC) ของฝรั่งเศส ซึ่งรับรองผลิตภัณฑ์อาหารในภูมิศาสตร์แบบเฉพาะ ไม่ให้ถูกลอกเลียนแบบ

ชีสทำมือก็ค่อยๆ มีบทบาทขึ้นเรื่อยๆ ตลอดช่วงปี 80-90 และกลายเป็นภาพลักษณ์ของชีสสุดหรู ที่มักจะขายน้อย และราคาสูงกว่าปกติ แต่เน้นคุณภาพอัดแน่น (ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงชีส Parmigiano-Reggiano ที่กิโลละพันนิดๆ ไว้) อย่างที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนั่นเอง

 

 

ที่มา Weird History, gourmetcheesedetective

Share post:

Subscribe

spot_imgspot_img

Popular

More like this
Related

ความหมายของคำว่า Doctor of Philosophy ที่ไม่ได้หมายความว่า จบปริญญาเอกวิชาปรัชญา แต่เพื่อยกย่องคนที่เรียนจบหลักสูตรมหาวิทยาลัยขั้นสูงสุด

อ่ะ อันนี้เป็็นเรื่องที่ "บางคน" อาจจะไม่เคยรู้มาก่อน และเพิ่งจะมารู้เมื่อเร็ว ๆ นี้จากประเด็นข่าวของ 9arm นี่่แหละ   อ่านข่าวได้ที่นี่...

เหมือนไทยเลยจ้า! บัณฑิตหนุ่มมาเลย์ ใส่วิกผมสั้น ผู้ชายผมยาว รับปริญญาไม่ได้

กำลังเป็นคลิปไวรัลบน  Tiktok เมื่อหนุ่มมาเลย์ เผยคลิปใส่วิกผมสั้นเพื่อเข้าร่วมงานรับปริญญา ในขณะที่เจ้าตัวไว้ผมยาวและทำไฮไลท์แบบสวยจัด ผู้ใช้บัญชี @enciksidai ซึ่งเป็นบัณฑิตป้ายแดงจาก Universiti Teknologi...

ที่นี่บราซิล!! หนุ่มปรี๊ดจัด คว้ามงกุฏปาทิ้ง เหตุเพราะ แฟนสวยแต่มงไม่ลง!

เป็นจังหวะที่ทำให้ตะลึงกันไปทั้งฮอลล์ เมื่อหนุ่มบราซิล ขึ้นมาบนเวทีนางงาม แล้วคว้ามงกุฏผู้ชนะไปปาทิ้ง!! เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เวลาทีการประกวด Miss Gay Mato Grosso 2023...

“มินามิ ฮามาเบะ” คว้าตำแหน่ง ดาราสาวฮอตแห่งปี 2023 นางเอก ชิน มาสค์ไรเดอร์

กลายเป็นขวัญใจของเหล่าแฟนหนังในญี่ปุ่น ซึ่งล่าสุดก็ถึงขั้นขึ้นแท่นเป็น “ดาราสาวที่ฮอตและเซ็กซี่ที่สุด” ประจำปี 2023 ไปแล้ววว!! เธอคนนี้ก็คือ “มินามิ ฮามาเบะ” (浜辺美波)...