การจำลองพบ แค่เอเลี่ยนมีเทคโนโลยีสูงกว่าเราเล็กน้อย พวกเขาก็ยึดกาแล็กซีได้ง่ายๆ แล้ว

Date:

เชื่อว่าสำหรับคอหนังไซไฟ หลายๆ คนก็คงจะเคยเห็นภาพยนตร์ที่นำเสนอเรื่องราวของมนุษย์ที่ต้องต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตต่างดาวกันมาสักเรื่องสองเรื่อง ไม่ว่าการต่อสู้ที่ว่าจะเป็นสเกลที่ไม่ใหญ่มากอย่างพรีเดเตอร์ หรือสงครามเต็มรูปแบบอย่าง Independence Day

แต่เคยลองคิดกันเล่นๆ ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากวันหนึ่งมีเอเลี่ยนที่มีเทคโนโลยีสูงกว่าเรา เกิดนึกอยากจะยึดจักรวาลขึ้นมาจริงๆ นั่นเพราะจากจำลองสถานการณ์ของสมาคมนักดาราศาสตร์อเมริกัน

ดูเหมือนว่าแม้พวกเขาจะมีเทคโนโลยีที่สูงกว่าเราแค่ “2 ระดับ” พวกเขาก็จะสามารถยึดกาแล็กซีแบบทางช้างได้แบบง่ายๆ เลย

 

 

อ้างอิงจากรายงานที่ออกมาทีมนักดาราศาสตร์ที่นำทีมโดยคุณ Jason T. Wright พวกเขานั้นได้ทำการตรวจสอบระดับอารยธรรมของสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาในจักวาลอ้างอิงจากแนวคิด “Kardashev scale” ของนักดาราศาสตร์ชาวรัสเซีย Nikolai Kardashev และพบว่า

ในบรรดาระดับอารยธรรมของสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาทั้ง 4 ระดับ ซึ่งวัดจากการใช้พลังงานที่อารยธรรมนั้นๆ ดึงมาใช้ประกอบด้วย

1. “Type I” ที่ใช้พลังงานทั้งหมดที่ดวงอาทิตย์หรือดาวฤกษ์ส่งมายังดาวที่อาศัยอยู่ได้ (มนุษย์เรา “กำลังจะไปถึง” ระดับนี้)

2. “Type II” ที่ใช้พลังงาน “ทั้งหมด” จากดวงอาทิตย์หรือดาวฤกษ์โดยตรงได้

3. “Type III” ที่ใช้พลังงานจากกาเล็กซี่ทั้งอัน เช่นดาวหลายดวงหรือ พลังงานจากหลุมดำ

4. “Type IV” ที่ใช้พลังงานในระดับจักรวาล (ซึ่งแม้แต่ Kardashev ก็มองว่าเป็นไปไม่ได้)

 

 

มนุษย์ต่างดาวที่มีการใช้พลังงานแบบ Type II ของมาตราวัดความเจริญ  จะต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนพลังงานในสักวัน ซึ่งอาจทำให้พวกเขาออกเดินทางยึดครองกาแล็กซี่ของตัวเอง หรือกาแล็กซี่อื่นๆ เพื่อแหล่งพลังงานที่มากขึ้น และก้าวสู่การเป็น Type III ได้

พวกเขาพบว่าต่อให้มนุษย์ต่างดาวกลุ่มนี้มียานอวกาศที่เร็วกว่ามนุษย์ไม่มาก (ไม่ถึงระดับความเร็วเหนือแสง) พวกเขาก็จะต้องตามหาดาวฤกษ์ดวงใหม่ๆ ทุกๆ 100 ล้านปีก่อนที่ดาวดวงเก่าจะตายจากไป

จากความเป็นไปได้นี้พวกเขาน่าจะส่งยานตั้งถิ่นฐานทุกๆ 100,000 ปี ซึ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 10 กิโลเมตร ต่อวินาที โดยเดินทางเข้าไปยังใจกลางของกาแล็กซี่เรื่อยๆ และเดินทางน้อยกว่า 10 ปีแสงจากแหล่งกำเนิดดั้งเดิม

 

 

ปัญหาหรือต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ตามทันทีที่พวกเขาเดินทางไปถึงกระจุกดาวที่ในกลางทางช้างเผือกการขยายถิ่นฐานของพวกเขาก็จะเริ่มเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากดาวอยู่ใกล้กันมากขึ้น แม้ดาวฤกษ์รอบนอกของกาแล็กซี่ จะถูกปล่อยไว้เฉยๆ ก็ตาม

ดังนั้นโดยรวมแล้วพวกเขาจะใช้เวลาราว 1 ล้านล้านปีในการยึดกาแล็กซีแบบทางช้างเผือก และก้าวสู่การเป็นระดับอารยธรรมแบบ Type III ซึ่งถือว่าไม่มากเลยหากเรามองว่าการเดินทางนี้ไม่มีระบบความเร็วเหนือแสงมาเกี่ยวข้อง

และที่น่าสนใจคือจากการจำลองที่ออกมา หากการเดินทางนี้ไม่เฉียดเข้ามาใกล้ระบบสุริยะ มันก็มีโอกาสที่มนุษย์จะไม่รู้ว่ามีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ

 

วิดีโอจำลองการขยายอาณานิคมในกาแล็กซี

 

นี่นับว่าเป็นอีกการวิจัยที่น่าสนใจเลยทีเดียว เพราะแม้ในการจำลองนักวิจัยจะไม่ได้คำนึงถึงการต่อต้านที่เกิดขึ้นระหว่างการเข้ายึดดาวต่างๆ (ซึ่งว่ากันตามตรง โอกาสจะเจอสิ่งมีชีวิตอื่นๆ รอบดาวที่ไปยึด มันก็มีไม่มากจริงๆ)

แต่มันก็แสดงให้เห็นได้เป็นอย่างดีว่าการเข้ายึดกาแล็กซี มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริงๆ และอาจจะไม่ได้ยากอย่างที่คิด ต่อให้ไม่มีเรื่องการเดินทางด้วยความเร็วเหนือแสง

ดังนั้นในปัจจุบันทีมนักวิจัยจึงกำลังลองจำลองสถานการณ์ที่มนุษย์ต่างดาวที่ว่ามีข้อจำกัดในการเดินทางน้อยลงอยู่เพื่อดูว่าพวกเขาจะสามารถเข้ายึดกาแล็กซีได้เร็วขึ้นแค่ไหนต่อไป

 

ที่มา iflscience, iopscience

Share post:

Subscribe

spot_imgspot_img

Popular

More like this
Related

นักวิทย์เตือน พบคลื่นความร้อนใต้ทะเล เปลี่ยนมหาสมุทรเป็น “อ่างน้ำร้อน” พังระบบนิเวศ เร่งปัญหาภาวะโลกร้อน

กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่กำลังสร้างความกังวลในหมู่นักวิทยาศาสตร์เลยครับ เมื่อไม่นานมานี้เอง องค์การบริหารมหาสมุทรศาสตร์และชั้นบรรยากาศ สหรัฐอเมริกา (NOAA) ได้ออกมาเปิดเผยว่า พวกเขาได้ค้นพบว่าคลื่นความร้อนสามารถเกิดขึ้นใต้ทะเลได้ด้วย และมันก็กำลังทำให้มหาสมุทรร้อนขึ้นจนกลายเป็นอ่างน้ำร้อนอยู่ จนอาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ที่นั่นได้ไม่ยากเลยด้วย โดยการค้นพบใหม่นี้ เกิดขึ้นจากการพัฒนาของเทคโนโลยี...

เรื่องแปลกแดนจิงโจ้ นักวิทย์พบ ที่ออสเตรเลีย “ทอง” งอก บนต้นไม้ ได้ เพราะราก ยูคาลิปตัส ดูดทองจากใต้ดิน

เมื่อพูดถึงการตามหาแร่ทอง ภาพในหัวของหลายๆ คนก็คงไม่พ้นการขุดเหมืองหาเป็นอย่างแรกๆ แต่สำหรับนักวิทยาศาสตร์ที่ออสเตรเลียแล้ว อีกหน่อยเราก็อาจจะได้ตามหาทองกันตามใบต้นยูคาลิปตัสก็ได้นะ นั่นเพราะตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมาพวกเขาก็ได้ค้นพบว่า ระหว่างที่ต้นไม้ยูคาลิปตัสบางสายพันธุ์ (เช่น Eucalyptus...

พบไบสันอายุ 8,000 ปีในเพอร์มาฟรอสต์ อาจมี DNA สมบูรณ์มากจนนักวิทย์อยากเอามาโคลน

กลายเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่กำลังเป็นที่สนใจในวงการวิทยาศาสตร์เลยครับ เมื่อไม่นานมานี้เองทีมนักวิทยาศาสตร์ในรัสเซียได้ ทำการชันสูตรซากไบซันอายุ 8,000 ปี ตัวหนึ่ง ก่อนจะพบว่ามันมีความสมบูรณ์สูงมาก จนพวกเขาเล็งที่จะทำการโคลนนิ่งมันเลย ไบซันตัวนี้ ถูกพบเป็นครั้งแรกในช่วงปี 2022...

อย่างโบ๊ะบ๊ะ!! คุณป้าท่านหนึ่ง ส่งโพยหวย ในไลน์กลุ่มแจ้งเหตุด่วน ที่ดูแลโดยตำรวจ ทำเลิ่กลั่กกันหมด

บอกเลยว่าเป็นเหตุการณ์ที่โบ๊ะบ๊ะจริง ๆ เลยล่ะฮะ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นใน ไลน์กลุ่ม "สมาร์ทเซพตี้โซน สภ.เมืองตราด" ซึ่งเป็นกลุ่มไลน์สำหรับแจ้งเหตุด่วน ในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.เมืองตราด...