คนใกล้ชิดเผยแรงจูงใจมือปืนวัย 18 ผู้กราดยิงในเท็กซัส เคยถูกบูลลี่-ต่อต้านสังคม-ชอบยิงปืน

Date:

ในวันนี้ 25 พฤษภาคม 2022 ได้เกิดข่าวช็อคในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา เมื่อสื่อได้ออกมารายงานเหตุการณ์หนุ่มวัย 18 ปี ถือปืนไรเฟิลกราดยิงในโรงเรียนประถม จนเป็นเหตุทำให้หลายคนต้องเสียชีวิต

ช่วงเที่ยงวัน Salvador Ramos วัย 18 ปี ทะเลาะกับคุณยายของเขาในบ้านพักและใช้ปืนยิงเธอ (ตอนนี้อาการสาหัส) ก่อนจะขับรถมายังโรงเรียนประถมร็อบบ์ที่อยู่ห่างจากบ้านไม่กี่กิโลเมตร

ตามรายงานของตำรวจเผยว่า Ramos จอดรถทิ้งไว้ตรงทางเข้าโรงเรียน เดินถือปืนที่คาดว่าเป็นปืนไรเฟิล พร้อมสวมเสื้อเกราะ จากนั้นก็เริ่มกราดยิงทุกคนที่ขวางทาง ทำให้เบื้องต้นมีเด็กเสียชีวิตไปทั้งหมด 19 คน และผู้ใหญ่เสียชีวิตไปอีก 2 คน

 

 

เหตุการณ์นี้ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียนที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำให้หลายคนต่างพากันก่นด่าและตั้งคำถามว่าเหตุใดทำไม Ramos ถึงทำแบบนี้

ซึ่งล่าสุดได้มีการรายงานคำให้การของเหล่าเพื่อนร่วมชั้นจากโรงเรียนมัธยมยูวัลดีที่ออกมาเผยว่า Ramos เป็นเด็กที่มีนิสัยเกรี้ยวกราด และเคยถูกเพื่อนๆ กลั่นแกล้งเป็นประจำ

Ramos มักจะตกเป็นเป้าบูลลี่ เพราะตัวเขาชื่นชอบสไตล์อีโม ชอบกรีดอายไลน์เนอร์ ในขณะเดียวกันยังถูกบูลลี่ว่าเป็นเกย์ มีการล้อเลียนเสื้อผ้าและฐานะทางบ้านที่ยากจนของเขา

ด้วยเหตุนี้ช่วงหลังๆ จึงทำให้ Ramos เริ่มไม่มาโรงเรียน และเก็บตัวมากขึ้น

 

 

เพื่อนคนหนึ่งที่อ้างว่าเป็นเพื่อนสนิทของ Ramos ได้ออกมาเล่าว่า Ramos กับเขาเล่นเกมด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง และ Ramos เป็นแฟนเกมยิงปืน หรือเกมเอาตัวรอดในสนามรบอย่าง Call of Duty

ครั้งหนึ่ง Ramos เคยออกมาแชร์ภาพปืนไรเฟิล AR15 บนอินสตาแกรมของตนเอง เพียงแค่ 3 วันก่อนก่อเหตุในโรงเรียนประถมร็อบบ์ ในขณะเดียวกันไบโอบน TikTok ของเขาได้เขียนเอาไว้ว่า “Kids be scared irl (เด็กๆ จะต้องหวาดกลัวกันในชีวิตจริง)”

มีการรายงานว่าเขาซื้อปืนไรเฟิลมา 2 กระบอกในวันเกิดอายุครบ 18 ปีของตนเอง และบนอินสตาแกรมของเขายังเต็มไปด้วยภาพปืนไรเฟิล

 

 

ด้านเพื่อนร่วมงานพาร์ทไทม์ในร้าน Wendy’s ก็ได้ออกมาเผยว่า Ramos เป็นคนมีพฤติกรรมก้าวร้าว และบางครั้งจะส่งข้อความไม่เหมาะสมให้กับพนักงานหญิง รวมถึงนิยามว่าเขาเป็นคน “เงียบๆ” และ “ต่อต้านสังคม”

ก่อนเกิดเหตุไม่กี่ชั่วโมง Ramos ได้ทำการถ่ายรูปปืนลงบนสตอรี่อินสตาแกรม พร้อมแท็กหญิงสาวคนหนึ่งที่เธอแทบไม่รู้จักเขา แชทบอกทำนองว่าเขาจะทำอะไรบางอย่าง

พอหญิงสาวถาม เขาก็ตอบว่า “ผมจะบอกคุณก่อน 11 โมงนะ” จากนั้นก็เกิดเหตุกราดยิงขึ้นในเวลาเที่ยงวัน

นี่คือเหตุการณ์ทั้งหมด รวมถึงคำให้การของคนใกล้ชิดฆาตกรกราดยิงรายนี้ เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวจริงๆ ค่ะ

 

เรียบเรียงโดย #เหมียวนานะ

ที่มา: independent, dailymail, cnn

 

ติดตาม CatDumb ได้ในช่องทางอื่นๆ

Website: www.CatDumb.com

Youtube: www.youtube.com/c/CatDumbTV-Youtube

Instagram: www.instagram.com/catdumbnews/

TikTok: www.tiktok.com/@CATDUMBtv

Share post:

Subscribe

spot_imgspot_img

Popular

More like this
Related

คุณพ่อสักรอยเท้าลูกไว้ที่หน้าอก ชาวเน็ตเป็นห่วงกลัวลูกได้บาป ช่างสักบอก ก็รักลูกทำแบบนี้ไม่ดีตรงไหน?

ทำด้วยความรัก แต่เจอดราม่าจากชาวเน็ตซะงั้น!? คลิปนี้กำลังเป็นที่พูดถึงใน TikTok เลย เมื่อผู้ใช้งานรายหนึ่งได้โพสต์คลิปของคุณพ่อป้ายแดง ที่ตัดสินใจสักรูปรอยเท้าลูกคนแรกของครอบครัวไว้ที่หน้าอก "รักไม่มีข้อแม้...หวงเจ้าดั่งดวงใจ ความรักเป็นสิ่งสวยงามเสมอ รักรอยฝ่าเท้าลูก" ข้อความในแคปชัน ทีนี้พอคลิปถูกเผยแพร่ออกไปก็มีทั้งคนเข้ามาชื่นชม...

พรรคก้าวไกล เปิดตัว แคน แคน อดีต BNK48 ลง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ

วันนี้ (27 มี.ค. 66) ที่พรรคก้าวไกล มีการเปิดตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระบบบัญชีรายชื่อ โดยมีชื่อของน.ส.นายิกา ศรีเรียน หรือ...

พบ มัมมี่หัวแกะ จำนวนร่วม 2,000 หัว ถูกฝังไว้ใกล้ วิหารฟาโรห์แรเมซีสที่ 2 คาดใช้เป็นเครื่องบูชาเมื่อ 2,300 ปีก่อน

ถือเป็นข่าวการค้นพบที่น่าทึ่งอีกชิ้นของประเทศอียิปต์เลยครับ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2023 ที่ผ่านมากระทรวงการท่องเที่ยวและโบราณวัตถุของอียิปต์ได้ประกาศการค้นพบ หัวแกะตัวผู้จำนวนมากถึง 2,000 หัว ถูกฝังไว้ในลักษณะหลายมัมมี่...

หมีน้ำ ยังเทพได้อีก วิจัยพบเราสามารถ นำ “โปรตีน” จากตัวมัน ไปช่วย เก็บรักษายาบางตัว โดยไม่ต้องแช่เย็นได้

นับว่าเป็นอีกข่าวที่ช่วยเพิ่มความน่าทึ่งของสิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วแต่อึดสุดๆ ตัวหนึ่งของโลกอย่าง "หมีน้ำ" (Tardigrades) เลยครับ เพราะนอกจากมันจะทนถึงขนาดถูกส่งไปในอวกาศก็ไม่ตายเท่านั้น แต่ล่าสุดนี้เองนักวิทยาศาสตร์ยังพบด้วยว่าเราอาจใช้โปรตีนของมันในการช่วยเก็บรักษายา "โรคฮีโมฟีเลีย" (โรคเลือดออกไม่หยุด) โดยที่ไม่ต้องแช่เย็นอีกด้วย ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะที่ผ่านมายาโรคฮีโมฟีเลียนั้น...