ตำนานลุงฟลอริด้า ผู้ไม่ยอมขายบ้านหลังน้อย 30 ล้าน แม้มีห้าง-โรงแรม-คอนโด ล้อมรอบ

หลายคนน่าจะเคยได้ชมภาพยนตร์อนิเมชัน UP แล้วก็จดจำความสวยงามของบ้านหลังน้อย ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางการพัฒนาโครงการก่อสร้างรอบๆ จนแทบจะรายล้อมไปด้วยตึกสูงแทบทั้งหมด

บางที คุณอาจจะคิดว่าการที่คนปฏิเสธข้อเสนอด้วยเงินก้อนโต ไม่ยอมขายที่ดิน ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ท่ามกลางตึกสูงล้อมรอบ จะมีแค่ในภาพยนตร์เท่านั้น

แต่นี่คือเรื่องราวของ Orlando Capote ชายชาวฟลอริด้า ซึ่งยังคงยืนยันจะไม่ขายบ้านขนาด 120 ตร.ม. หลังน้อยหลังนี้ แม้จะมีข้อเสนอสูงถึง 30 ล้านบาทก็ตาม

เพราะบ้านหลังนี้ คือเรื่องราวและความทรงจำ..

ย้อนกลับไปในปี 1989 คุณพ่อของเขาที่เป็นผู้อพยพจากคิวบา ย้ายมาอยู่สหรัฐอเมริกาเกือบ 30 ปี สามารถทำงานเก็บรวบรวมเงิน จนสามารถซื้อบ้านขนาด 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำหลังนี้ได้

“มันคือบ้านในฝันของพ่อ”

“พ่อต้องเก็บเงินตั้ง 20 กว่าปี จนกว่าจะได้เป็นเจ้าของมัน ผมก็อยู่อาศัยและเติบโตมาที่นี่ ผมสัมผัสได้ถึงประสบการณ์สุดพิเศษ ที่จะหาไม่ได้จากบ้านหลังอื่น

พ่อของเขาเสียชีวิตไปในปี 2005 และบ้านก็กลายมาเป็นมรดกตกทอดถึงครอบครัว Orlando ซึ่งปัจจุบันมีอายุ 63 ปี แล้ว

ก่อนหน้านี้ พื้นที่รอบข้างถูกซื้อเพื่อพัฒนาเป็นโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยคอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้า ออฟฟิศ และโรงแรมหรู 242 ห้อง

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่แม่จะเสียชีวิตในปีที่แล้ว แม่ที่พยายามเรียกร้องให้ทางการของเมือง Coral Gables ล้มเลิกการพัฒนาที่ดินตรงนี้ ได้สั่งเสียเอาไว้ไม่ให้เขา “ขายบ้าน”

ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้ เขาก็ปฏิเสธข้อเสนอต่างๆ ไปแล้วกว่า 60 ครั้ง โดยข้อเสนอสูงสุดนั้นมีมูลค่าราว 30 ล้านบาทเลยทีเดียว

ภาพถ่ายดาวเทียมจากในอดีต เทียบกับปัจจุบัน

มุมหน้าบ้าน จากในอดีต

หลายปีที่ผ่านมา ครอบครัว Capote พยายามต่อสู้และฟ้องเมือง Coral Gables ที่ปล่อยให้มีการซื้อที่ดินและพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นโครงการอสังหาฯ ขนาดใหญ่ เพราะก่อนหน้านี้มันเคยเป็นบ้านเรือนทั่วไปมาก่อน

“ทางการนั้นละเมิดข้อกฎหมายของตัวเอง พวกเขาเอาใจนักพัฒนา แทนที่จะปกป้องสิทธิ์ของเจ้าของบ้าน”

“พื้นที่ตรงนี้มันเคยเป็นบ้านที่คนอยู่อาศัย แต่ตอนนี้มันกลายเป็นหายนะไปแล้ว”

อย่างไรก็ตาม ทางโครงการ Plaza Coral Gables ซึ่งสร้างอยู่ ก็ยืนยันว่าโครงการของพวกเขาจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชน

และยังเป็นพื้นที่เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ ส่งเสริมการทำกิจกรรมร่วมกัน ส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรม และมีประโยชน์อีกด้วย

ตามรายงานจากสื่อท้องถิ่น ระบุว่าโครงการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว มีมูลค่ากว่า 18,000 ล้านบาท และจะกลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของเมือง หากพัฒนาได้เสร็จสิ้น