มันเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยีในปัจจุบัน “การพิมพ์” ได้กลายเป็นทักษะสำคัญอีกชิ้นของโลกไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามเราก็ยังมีคนอีกหลายกลุ่มเช่นกันที่ต้องขาดทักษะในด้านนี้ไป เนื่องจากความพิการหรือปัญหาสุขภาพ
ดังนั้นนี่จึงอาจจะเป็นข่าวดีสำหรับหลายๆ คนเลย เพราะล่าสุดนี้เอง นักวิทยาศาสตร์จากสแตนฟอร์ด ก็เพิ่งจะออกมาประกาศความสำเร็จในการพัฒนาชิปฝังในสมองรุ่นใหม่ ที่จะช่วยให้คนสามารถพิมพ์ตัวอักษรได้เร็วถึง 90 ตัวอักษรต่อนาที โดยใช้แค่ความคิดเท่านั้น
อ้างอิงจากข้อมูลการเปิดตัวระบบในงานประชุมทางวิทยาศาสตร์ WE Summit ระบบพิมพ์ตัวอักษรด้วยความคิดในอดีตนั้น มักจะอาศัยการให้ผู้ป่วยขยับเคอร์เซอร์ไปยังอักขระที่ต้องการด้วยความคิด ทำให้การพิมพ์ออกมาช้ากว่าความสามารถจริงๆ ของผู้ใช้
อย่างไรก็ตาม ระบบรูปแบบใหม่ของพวกเขา ได้ทดลองเปลี่ยนขั้นตอนนี้ เป็นการให้ผู้ป่วยจินตนาการว่าตัวเองกำลังเขียนคำด้วยมือแทน และใช้ AI ถอดรหัสสัญญาณประสาท เป็นตัวอักษรและคำต่างๆ บนจออีกที
ซึ่งหลังจากการทดลองในเบื้องต้นทีมงานได้พบว่าระบบนี้จะทำให้ผู้พิการมือเป็นอัมพาตสามารถกลับมาพิมพ์ข้อความต่างๆ ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 90 คำต่อนาที และมีความแม่นยำถึง 94.5% เลยด้วย (99% หากใช้ระบบ Autocorrect ช่วย)
นี่นับว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานจากเทคโนโลยีที่น่าสนใจมาก เพราะมันไม่เพียงแต่จะใช้ช่วยเหลือเหล่าผู้พิการในการสื่อสารได้เท่านั้น แต่หากโชคดีมันยังอาจสามารถนำไปประยุกต์และพัฒนาเพื่อใช้งานในการพิมพ์ความเร็วสูงด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ระบบเช่นนี้ตามปกติแล้วก็จะต้องพบกับความท้าทายในการทำการค้าหรือหาทุนพัฒนาเสมอๆ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่มองว่าการฝังเซนเซอร์ในสมองปลอดภัย แถมการศัลยกรรมประสาทเทียมก็มักจะมีค่าใช้จ่ายสูงด้วย
ดังนั้นทีมวิจัยจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเขาจะโชคดีมีบริษัทเอกชนอยากลงทุนวิจัยและพัฒนาระบบของเขาต่อไป เพื่อที่ว่าสักวันหนึ่งเทคโนโลยีนี้จะกลายเป็นที่แพร่หลายอย่างแท้จริงเสียที
ที่มา
www.nature.com/articles/s41586-021-03506-2
futurism.com/neoscope/brain-implant-type-thinking
www.scmp.com/tech/tech-trends/article/3155327/brain-screen-scientist-ready-directly-turn-what-you-think-words
www.businessinsider.in/tech/news/brain-implant-allows-paralysed-man-to-type-up-to-90-characters-per-minute-by-just-thinking-about-them/articleshow/87640136.cms
