Tag: ไล่ออก

  • สาวตั้งกระทู้ถาม ทางบริษัทกำลังจะไล่เธอออก เพราะเธอมัก “กลับบ้านตรงเวลา” เป็นประจำ…

    สาวตั้งกระทู้ถาม ทางบริษัทกำลังจะไล่เธอออก เพราะเธอมัก “กลับบ้านตรงเวลา” เป็นประจำ…

    สำหรับการทำงานในแต่ละวัน กว่าจะผ่านมันไปได้มันก็ยากลำบากมากอยู่แล้ว ไหนจะต้องกลับไปใช้ชีวิตส่วนตัวอีก ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ คงไม่มีใครอยากทำงานต่อยามที่เวลาเลิกงานมาถึง จริงไหมล่ะครับ… แต่หัวหน้างานหรือผู้บริหารบางคนกลับมองว่า การทำงานล่วงเวลา เป็นคุณสมบัติที่ดีของพนักงานซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเทที่มีให้กับงานของพวกเขาและของบริษัท และความคิดแบบนี้ก็ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับพนักงานที่มัก เลิกงานตรงเวลา เช่นหญิงสาวเจ้าของกระทู้ต่อไปนี้ ที่ออกมาเล่าว่าเธอกำลังจะ “ถูกไล่ออก” เพียงเพราะเธอเลิกงานและกลับบ้านตรงเวลาอยู่เสมอ   กระทู้ “เลิกงานกลับบ้านตรงเวลามันผิดมากเหรอคะ? เป็นหนึ่งในเหตุผล ถึงกับต้องเชิญออกเลยเหรอคะ”   เจ้าของกระทู้เล่าว่า ตัวเธอเองเลิกงานและกลับบ้านตรงเวลา 18.00 น. ทุกวัน แต่ถูกเชิญออกเพราะเจ้านายมองว่าไม่ทุ่มเทให้กับงาน   เราลองไปดูคอมเมนต์ของชาวเน็ตที่เข้ามาตอบกันดีกว่า เผื่อจะเป็นแนวทางแก้ปัญหาสำหรับใครหลายคนที่เจอสถานการณ์แบบเดียวกับเจ้าของกระทู้   บทพูดจากซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่องหนึ่ง กล่าวว่า “งานล่วงเวลา เป็นงานสำหรับคนที่ทำงานช้า และเงินเดือนไม่พอใช้ค่ะ มันไม่ได้แสดงถึงการทุ่มเท แต่มันคือความไม่เอาใจใส่งานต่างหาก”   คนนี้ถามว่าเจ้าของกระทู้ว่า หัวหน้างานเลิกจ้างหรือบังคับให้เขียนใบลาออก เพื่อจะแนะแนวทางให้ในฐานะ ฝ่ายบุคคล   เจ้าของกระทู้ก็มาตอบว่า จะให้เซ็นลาออก ไม่ได้จะเลิกจ้าง   คนเดิมก็มาตอบว่า ไม่ต้องเซ็นลาออกให้แจ้งแรงงานพื้นที่แล้วหาพยานมาให้การว่าถูกบังคับให้เซ็นลาออก ซึ่งอาจจะทำให้ได้รับเงินชดเชย   แต่ว่าวิธีนี้ใช้ได้ในกรณีถูกบังคับให้เขียนใบลาออกด้วยเหตุผลกลับบ้านตรงเวลาเท่านั้น หากมีความผิดอื่นๆ ก็อีกเรื่อง…

  • ครูใหญ่โรงเรียนจีนถูก “ไล่ออก” หลังพบว่าใช้ไฟฟ้าโรงเรียนในการ ‘ปั๊ม’ เงินดิจิทัล

    ครูใหญ่โรงเรียนจีนถูก “ไล่ออก” หลังพบว่าใช้ไฟฟ้าโรงเรียนในการ ‘ปั๊ม’ เงินดิจิทัล

    ครูใหญ่ในโรงเรียนแห่งหนึ่งของมณฑลหูหนานประเทศจีนถูกไล่ออกเพราะมีคนจับได้ว่าแอบใช้ไฟฟ้าของโรงเรียนในการสร้างห้อง “ปั๊ม” เงินดิจิทัล Cryptocurrency      Lei Hua อาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนมัธยมต้นในเมืองเฉินโจว ทุ่มเงินกว่า 10,000 หยวน (กว่า 47,000 บาท) ในการซื้ออุปกรณ์สำหรับกอบโกย Cryptocurrency โดยที่เขานั้นไม่รู้เลยว่าการกระทำดังกล่าวทำให้มีค่าใช้จ่ายสำหรับไฟฟ้าสูงขึ้นมาก สูงกระทั่งเขาไม่สามารถจ่ายมันได้ด้วยตัวเอง เขาจึงตัดสินใจย้ายอุปกรณ์ทั้งหมดมาไว้ที่โรงเรียน โดยจัดวางในห้องควบคุมไฟฟ้า เขาใช้ทั้งไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตของโรงเรียนเพื่อกอบโกยเงินดิจิทัลสกุล Ethereum อย่างต่อเนื่อง     การกระทำของครูใหญ่ทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าไม่พอและอินเทอร์เน็ตช้าลงจนทำให้เกิดปัญหา ทั้งเด็กนักเรียนทั้งครูผู้สอนต่างพากันบ่นอย่างไม่พอใจ เมื่อมีคนมารายงานปัญหาเรื่องค่าไฟฟ้าให้ครูใหญ่ Hua ฟัง เขาก็กลับปัดความรับผิดชอบโดยการอ้างว่าน่าจะเป็นเพราะอากาศร้อน แต่ภายหลังเสียงการทำงานของเครื่องปั๊มเงินของครูใหญ่ก็ดังจนไม่อาจเก็บซ่อนเอาไว้ได้ กระทั่งถูกค้นพบในที่สุด พอนับมูลค่าความเสียหายรวมของโรงเรียนแล้ว คิดได้เป็นเงิน 14,714 หยวน (เกือบ 70,000 บาท)     นั่นทำให้ครูใหญ่ Hua ถูกไล่ออก เพราะประเทศจีนนั้นยังไม่อนุญาตให้ผู้คนมีการข้องเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin หรือ Ethereum จนกว่าทางการจะสามารถแนะแนวการใช้งานที่เหมาะสมได้   ที่มา: nextshark และ Xinhua

  • พนง. โดนขู่หาคนมาแทน เหตุจะไปดูแลเมียป่วย เซย์โนแคร์เพราะ ‘ไม่มีใครแทนที่เมียได้’

    พนง. โดนขู่หาคนมาแทน เหตุจะไปดูแลเมียป่วย เซย์โนแคร์เพราะ ‘ไม่มีใครแทนที่เมียได้’

    เรื่องของการดูแลคู่ชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ แม้ว่าหน้าที่การงานจะต้องมาก่อนเสมอ แต่มองในอีกมุมหนึ่งแล้วคนที่คอยอยู่เคียงข้างนั้นจะอยู่สนับสนุนและกำลังใจในชีวิต ที่ใครก็ไม่อาจแทนที่ได้… และเป็นที่รู้กันว่าสภาพของสังคมการทำงานในญี่ปุ่น เหล่าพนักงานออฟฟิศ มนุษย์เงินเดือนฝ่ายชายส่วนใหญ่ จะต้องทำงานแบบถวายหัว จะมองงานมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยที่ทิ้งความรู้สึกของคนในครอบครัวเป็นอันดับรอง     แต่ทุกครั้งที่เกิดเรื่องสำคัญกับคนในครอบครัว มนุษย์เงินเดือนจะแปรเปลี่ยนไปได้หรือไม่? และเรื่องเล่าจาก @Rakshasa_JP ชาวเน็ตญี่ปุ่น ที่ได้แชร์เรื่องราวสามีของเพื่อนตนเองว่า เหล่ามนุษย์ออฟฟิศญี่ปุ่นไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไปหรอก เขาเล่าว่า วันหนึ่งฝ่ายสามีได้พูดคุยกับผู้จัดการว่า ‘ภรรยาของผมป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ เพราะฉะนั้นผมขอกลับบ้านก่อนเวลานะครับ’ ก็เพื่อที่จะได้ไปดูแลภรรยาที่กำลังนอนป่วยอยู่บ้าน แต่ทว่าฝั่งผู้จัดการไม่เห็นด้วยกับเหตุผลที่กล่าวมา พร้อมตอบกลับด้วยความโมโห ‘รู้มั้ยว่า… เราหาคนมาแทนที่แกได้ง่ายมากเลยนะ’ เป็นการพูดในเชิงว่าจะไล่เขาออก     ด้วยบทสนทนาที่ดูรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ฝ่ายสามีจึงตอบไป ‘เมียของผมจะหาใครมาแทนไม่ได้ทั้งนั้น ไอ้งั่ง’ ด้วยประโยคคำขาดเขาก็กลับบ้านไปทำหน้าที่สามีดูแลภรรยา และคิดว่างานในบริษัทครั้งนี้คงจบสิ้นแล้ว… ในตอนจบที่แท้จริง คุณ @Rakshasa_JP ได้เผยว่า ฝ่ายสามีไม่ถูกไล่ออก แต่กลับกันคือผู้จัดการคนดังกล่าวตกงานไปเรียบร้อย โดยที่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่า ทางบริษัทไล่ผู้จัดการออกด้วยเหตุผลอะไร อาจจะเพราะการใช้อำนาจโดยมิชอบ (ซึ่งที่ญี่ปุ่นกำลังตื่นตัวเรื่องมาตรการในการจัดการกับการคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment) และการใช้อำนาจในทางมิชอบ (Power Harassment) ในที่ทำงานอยู่) หรือประสิทธิภาพในการทำงานของตัวผู้จัดการเอง แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม…

  • ครูสาวโรงเรียนคาธอลิกถูกไล่ออก หลังแต่งงานกับเพศเดียวกัน อ้างขัดหลักความเชื่อ

    ครูสาวโรงเรียนคาธอลิกถูกไล่ออก หลังแต่งงานกับเพศเดียวกัน อ้างขัดหลักความเชื่อ

    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้มีคนเปิดรับและให้การสนับสนุนกลุ่ม LGBT หรือก็คือกลุ่มผู้มีความหลากหมายทางเพศมากขึ้น จึงมีหลายประเทศอนุญาตให้คนกลุ่มนี้แต่งงานกันได้แล้ว ที่รัฐไมอามีประเทศสหรัฐอเมริกาก็ให้กลุ่มรักร่วมเพศแต่งงานกันได้ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา แต่พอครูสาวในรัฐนั้นแต่งงานกับคู่รักเพศเดียวกัน เธอก็ถูกทางโรงเรียนไล่ออกเพราะเรื่องนี้ทันที โดยอ้างว่าขัดต่อความเชื่อของคาธอลิก   อดีตครูสาว Jocelyn Morffi   สาว Jocelyn Morffi อาศัยอยู่ในรัฐไมอามี ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอสอนหนังสือให้นักเรียนเกรด 1 (เทียบเท่าชั้นประถมศึกษาปีที่ 1) ในโรงเรียนคาธอลิก Saints Peter and Paul Catholic School มา 7 ปีแล้ว เธอเป็นคุณครูที่มีความสามารถและมีจิตใจดี เมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งแต่งงานกับคู่รัก Natasha Hass ที่หาด Florida Keys ในรัฐฟลอริด้า ทั้งคู่มีความสุขกันมาก แต่เมื่อเธอกลับมาทำงานทางโรงเรียนก็ไล่เธอออกโดยไม่บอกเหตุผล   เธอเพิ่งแต่งงานกับคู่รักไปเมื่อไม่นานนี้   เธอจึงโพสต์เล่าเรื่องราวลงในโซเชียลมีเดียว่า “เมื่อสุดสัปดาห์นี้ฉันเพิ่งแต่งงานกับคู่ชีวิตไป แต่โชคร้ายที่การแต่งงานครั้งนี้ทำให้ฉันถูกไล่ออก ในสายตาของพวกเขาฉันเลือกคู่ชีวิตที่ไม่ตรงตามความเชื่อของคาธอลิก …”   โพสต์ของครูสาวหลังจากเธอโดนไล่ออก   นอกจากตัวเธอเองแล้ว ผู้ปกครองหลายคนก็ได้รับจดหมายแจ้งข่าวจากทางโรงเรียนถึงการไล่ครูสาวออกเช่นกัน ผู้ปกครองส่วนมากรู้สึกไม่พอใจเลยกับการตัดสินใจของทางโรงเรียน เพราะในจดหมายไม่ได้แจ้งเหตุผลที่หนักแน่นพอให้ไล่เธอออก ในจดหมายมีใจความว่า…

  • บอสส่งข้อความไล่ลูกน้องออกทั้งหมด ก่อนที่จะประกาศยกเลิกกิจการ เจอแบบนี้ก็เหวอดิ

    บอสส่งข้อความไล่ลูกน้องออกทั้งหมด ก่อนที่จะประกาศยกเลิกกิจการ เจอแบบนี้ก็เหวอดิ

    เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2017 สำนักข่าว BBC ได้รายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์การปิดกิจการแบบกะทันหันของบริษัท Nippy Bus บริษัทเดินรถที่ดำเนินการอยู่ในทางตอนใต้ของเมืองซัมเมอร์เซต ประเทศอังกฤษ พนักงานของบริษัทนี้บอกว่าพวกเขาได้รับข้อความจากผู้ว่าจ้างเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าพวกเขาถูกปลดออกจากการเป็นพนักงาน โดยมีผลเริ่มตั้งแต่วันจันทร์และจะมีการปิดกิจการบริษัทในทันที     เรื่องนี้ทำเอาพนักงานบริษัทเกิดอาการโมโหทันที เพราะอยู่ดีๆ ก็ถูกไล่ออกแบบกะทันหันแบบนี้ แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงยอมรับและดำเนินชีวิตต่อไป การปิดกิจการในครั้งนี้นอกจากจะส่งผลโดยตรงต่อพนักงานแล้ว ก็ยังส่งผลต่อนักเรียนกว่า 300 คนที่ใช้บริการรถบัสบริษัทนี้     บริษัทแห่งนี้เริ่มมีปัญหามาตั้งแต่มีหัวหน้าคนใหม่เข้ามาบริหารงาน การจัดการที่ผิดพลาด ทำให้บริษัทต้องยกเลิกเส้นทางหลายสายและมีคนขับรถที่ทนพฤติกรรมของเขาไม่ไหวจนต้องลาออกไปก่อนหน้านี้ถึง 2 คน นอกจากนี้หัวหน้าคนใหม่ยังชอบออกไปเที่ยวในเวลางาน และทิ้งภาระหน้าที่ไว้ให้คนอื่นจัดการ แต่พอมีปัญหาก็เลือกที่จะหนีทุกครั้ง   .   แถมเรื่องการบริการที่แย่ลงทั้งออกรถไม่ตรงเวลา หรือบางทีก็งดเดินเส้นทางเอาดื้อๆ ทำให้กิจการแย่ลงๆ จนต้องปิดตัวลงไป     การมีเจ้านายและเพื่อนร่วมงานที่ดีก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พนักงานทำงานออกมามีประสิทธิภาพ แต่ถ้าเจอเรื่องแย่ๆ แบบนี้ไม่ว่าใครก็คงต้องขอบาย   ที่มา bbc, ladbible, dailymail

  • แบบนี้ก็ได้!? พนักงานซุปเปอร์มาร์เก็ตถูกไล่ออก หลังจากที่เขาทำงานหนักและมาเช้าจนเกินไป…

    แบบนี้ก็ได้!? พนักงานซุปเปอร์มาร์เก็ตถูกไล่ออก หลังจากที่เขาทำงานหนักและมาเช้าจนเกินไป…

    ว่ากันว่าคนที่ทำงานพนักและทำอย่างตั้งใจมักจะเป็นที่รักขององค์กรเสมอนั้น ดูท่าจะเป็นนิยามที่ดูจะไม่ค่อยจริงสำหรับเรื่องราวในครั้งนี้สักเท่าไหร่ เพราะพนักงานคนนี้ดันถูกไล่ออกจากงานเพราะตั้งใจทำงานมากเกินเนี่ยสิ งงไหม Jean P. ผู้จัดการของซุปเปอร์มาร์เก็ต Lidl ในสเปนได้ถูกเจ้านายไล่ออกหลังจากทำมานานถึง 12 ปี ด้วยเหตุผลที่ว่า เขานั้นตั้งใจทำงานหนักและมาเข้างานเช้าจนเกินไป และเมื่อเรื่องนี้เผยแพร่ออกไปก็กลายเป็นที่พูดถึงกันยกใหญ่เลยทีเดียว     โดยเขาจะเป็นคนที่มาเข้างานก่อนปกติราวๆ 1 ชั่วโมงเพื่อเช็คชั้นสินค้า เช็คความเรียบร้อยเพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าพร้อมที่จะเปิดขายแล้วจริงๆ แต่ว่าทางหัวหน้าใหญ่ก็บอกว่าการทำแบบนี้มันเป็นการล่วงระเมิดกฎของบริษัท เพราะเขามักจะมาก่อนและทำอะไรคนเดียวลับๆ ซึ่งตัวหัวหน้ามองว่าการทำแบบนี้ยังไงก็ผิดเพราะถือเป็นการทำงานล่วงเวลาที่บริษัทไม่ได้จ่ายนั่นเอง     และเมื่อเรื่องนี้มันไปถึงชั้นศาล ก็มีการฟ้องกันยกใหญ่ แต่ทางศาลก็ได้ยกขึ้นมาว่าทาง Lidl นั้นยอมรับว่าพวกเขาไม่เคยบอกกับ Jean ว่าห้ามมาทำงานก่อนเวลาเลย ฉะนั้นการมาทำงานก่อนของเขาจึงไม่มีข้อผิดพลาดอะไร ด้านนาย Jean ก็ยังบอกอีกว่า การมาทำงานล่วงเวลาของเขาไม่ได้รับค่าตอบแทนอะไรจากบริษัทหรือหาเงินจากช่องโหว่ของกฎเลยด้วยซ้ำ เขาแค่ต้องการให้ร้านค้าของเขาเปิดบริการได้อย่างปกติเท่านั้น     นอกจากนั้นตัวทนายยังยืนยันว่าเพราะลูกความของเขาต้องอยู่ในความกดดันจากการทำยอดขายและโปรแกรมควบคุมคุณภาพพนักงาน ทำให้เขาต้องรีบมาทำงานแต่เช้า เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด สุดท้ายแล้วผลสรุปของเรื่องราวนี้จะจบยังไงก็ไม่มีใครรู้ เพราะการสอบสวนและฟ้องร้องยังคงดำเนินต่อไป ยังไงก็ตามบางครั้งการหวังดีกับบริษัทที่ไม่ได้รักพนักงานจริงๆ ก็อาจจะเกิดผลเสียกับตัวคุณได้นั่นเอง ที่มา mirror

  • ถ้ามีจริงอ่ะนะ…รวม 10 ศาตราจารย์ใน ‘โรงเรียนฮอกวอตส์’ ที่ควรถูกไล่ออกไปนานแล้ว!!

    ถ้ามีจริงอ่ะนะ…รวม 10 ศาตราจารย์ใน ‘โรงเรียนฮอกวอตส์’ ที่ควรถูกไล่ออกไปนานแล้ว!!

    หลายคนที่ได้ดูแฮร์รี่ พอตเตอร์คงจะรู้สึกว่า อ่าห์…ฉันอยากจะไปเรียนที่โรงเรียนเวทย์มนต์แห่งนี้ซะเหลือเกิน จนลืมคิดไปว่าถ้าในความเป็นจริงแล้วเรามีโรงเรียนแบบนี้ มีอาจารย์แบบในหนังแต่ทุกอย่างเป็นชีวิตจริงๆ มันจะเป็นยังไงนะ   แน่นอนใครก็อยากไปโรงเรียนเวทย์มนต์   โดยเฉพาะอาจารย์ประจำโรงเรียน ถ้าเราลองมองว่าในโลกจริงนั้นเวลาอาจารย์ทำอะไรผิด ก็จะถูกลงโทษไม่ก็โดนไล่ออกทันที แต่ในแฮร์รี่ พอตเตอร์อาจารย์ทุกคนก็อยู่ดีมีสุข แถมโทษที่พวกเขาทำมันร้ายแรงกว่าอาจารย์ในชีวิตจริงเสียอีก… ฉะนั้นเราลองมาดูกันว่า ถ้าแฮร์รี่ พอตเตอร์เกิดขึ้นในยุคปัจจุบันและมีอยู่จริง อาจารย์คนไหนสมควรจะโดนไล่ออกกันบ้าง   แต่ละคนในภาพข้างล่างนี่น่าจะโดนไล่ออกกันทุกคนเลยนะ ฮร่าๆ   เริ่มกันที่คนแรกก่อนเลยกับศาสตราจารย์สเนป ที่เราคงจะรู้กันดีว่าพี่แกนั้นเป็นคนดีมาตลอด แต่ถ้ามองจริงๆ สิ่งที่เขาทำไม่น่าจะอยู่รอดสอนจนอยู่ฆ่าดัมเบิลดอร์ได้เลยนะ   ด่าบ้าง ตบหัวบ้าง ขู่ถึงตายบ้าง นู่นนี่นั่นเยอะแยะไปหมด แต่กลับไม่โดนด่าโดนไล่ แถมยังได้เลื่อนขั้นอีก!! โห่วจารย์…   ต่อกันที่ศาสตราจารย์ซีบิลล์ ทรีย์ลอว์นีย์ ซึ่งเธอเป็นอาจารย์แท้ๆ สอนอะไรก็ไม่สอน ดั๊นชอบทำนายว่านักเรียนตัวเองจะต้องตายอีก ทำไมป้าแกไม่โดนลงโทษกันนะ   อ่าห์ ในที่สุดก็มีคนรู้งาน นั่นก็คือศาสตราจารย์อัมบริดจ์นั่นเอง แบบนี้ต้องมอบถ้วยรางวัลแล้ว   อ๊ะๆ เดี๋ยวก่อน ถึงเจ๊อัมบริดจ์จะทำถูกในเรื่องข้างบน ก็ไม่ได้ความว่าอาเจ๊จะไม่ติดในรายชื่อนะ เพราะศาสตราจารย์อัมบริดจ์คนนี้จะเรียกว่าโหดสลัดรัสเซียสุดๆ เลยก็ว่าได้ วิธีการลงโทษกับการตั้งกฎแต่ละทีเอาแต่ใจสุดๆ…

  • สาวถูกทางบริษัทไล่ออกจากงาน เหตุเพราะถ่ายภาพพรีเวดดิ้งอวดเรือนร่างโดยไม่แคร์สื่อ

    สาวถูกทางบริษัทไล่ออกจากงาน เหตุเพราะถ่ายภาพพรีเวดดิ้งอวดเรือนร่างโดยไม่แคร์สื่อ

    เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หลายคนคงจะได้เห็นภาพถ่ายพรีเวดดิ้งของคู่รักต่างไซส์รักหว่าง Stephanie และ Arryn โดย Bria Terry ช่างภาพจากสตูดิโอ Wolf & Rose Photography ผ่านตากันมาบ้างแล้ว ซึ่งผลงานภาพถ่ายที่ออกมานั้นก็ได้กลายเป็นประเด็นฮอตที่โดนใจชาวเน็ตอย่างมาก เพราะฝ่ายเจ้าสาวร่างอวบ อยากถ่ายภาพพรีเวดดิ้งของตัวเองโดยที่ไม่จำเป็นต้องรีทัชเหมือนภาพถ่ายทั่วๆ ไป เพราะเธอรู้สึกพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น     สำหรับภาพถ่ายเซตดังกล่าวได้กลายเป็นกระแสไวรัลที่โด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว เพราะมันได้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจและการโชว์เรือนร่างเปลือยท่อนบนของพวกเขา ที่ดูแล้วเต็มไปด้วยอารมณ์รักสุดเร่าร้อน   เมื่อมองเป็นศิลปะมันก็คือฉากรักที่แสนโรแมนติกและงดงาม   แม้ว่าภาพถ่ายเซตนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมากมาย แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันอาจไม่เป็นที่ถูกใจสำหรับทุกคนเสมอไป เพราะล่าสุด (29 กันยายน 2560) ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า หลังจากที่ภาพพรีเวดดิ้งของ Stephanie และคู่หมั้นของเธอได้ถูกเผยแพร่ลงบนอินเตอร์เน็ตจนโด่งดังไปชั่วข้ามคืน เธอก็ถูกทางบริษัทที่ทำงานอยู่ไล่ออกด้วยเหตุผลที่ว่าภาพถ่ายพรีเวดดิ้งเปลือยท่อนบนโชว์เรือนร่างกับคู่หมั้นแบบไม่แคร์สื่อนั้นมันดู “ไม่เหมาะสม”     ทางด้าน Stephanie ได้ออกมาเผยว่า Austin Bank เจ้านายของเธอรู้สึกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้คนที่เห็นภาพถ่ายของเธอและมันก็อาจจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อทางบริษัทได้     “พวกเขาบอกว่ามันดูโป๊เปลือยและไม่เหมาะสมอย่างมาก เพราะทางบริษัทได้มุ่งเน้นไปที่ครอบครัว ฉันทำงานกับบริษัทมามากกว่า 1 ปี และทำงานหนักมาโดยตลอด…

  • แอร์โฮสเตสสาวถูกสั่งเด้ง หลังอัดคลิปเหยียดผู้โดยสารไนจีเรีย ว่าหรรมส์ใหญ่จนต้องขออัพเกรด..!!

    แอร์โฮสเตสสาวถูกสั่งเด้ง หลังอัดคลิปเหยียดผู้โดยสารไนจีเรีย ว่าหรรมส์ใหญ่จนต้องขออัพเกรด..!!

    กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์ หลังจากที่แอร์โฮสเตสสาวประจำสายการบิน British Airways ได้อัดวิดีโอผ่านแอพฯ SnapChat โดยมีประเด็นเหยียดสีผิว และพาดพิงถึงผู้โดยสารชาวไนจีเรีย หลังจากเรื่องนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ทางสายการบินเองก็ได้ออกมาชี้แจงว่า Joanne Wickenden พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินวัย 23 ปี ถูกปลดออกจากการเป็นพนักงานของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   Joanne Wickenden   โดยคลิปวิดีโอนี้ถูกอัดขึ้นก่อนหน้าที่เธอจะมีไฟลท์ต้องเดินทางไปยังประเทศไนจีเรีย   ทว่าข้อความ คำพูด และท่าทางต่างๆ ของเธอ ที่สื่อผ่าน SnapChat กลับชวนให้ลูกค้าที่มีเชื้อสายแอฟริกันรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก โดยในคลิปวิดีโอเผยให้เห็นถึงคำพูดเชิงถากถาง และเหยียดชาติพันธุ์ ทำนองว่า… “เอาล่ะ!! ได้เวลาคืนวันศุกร์ที่เราต้องทำงานกันอย่างเต็มที่ เตรียมตัวเสิร์ฟน้ำให้พร้อมนะจ๊ะ และตอนนี้ฉันก็พร้อมที่จะไปทำหน้าที่แล้วล่ะ ใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีเหลืองโง่ๆ ซักอัน ชี้ไปที่ประตูทางออกฉุกเฉิน จากนั้นก็เอาไก่หรือไม่ก็เนื้อไปเสิร์ฟให้ผู้โดยสาร เฮ้อ…นี่มันวันศุกร์ประเภทไหนกันว่ะเนี่ย!?”     “จากนั้นเดี๋ยวฉันก็จะได้เจอกับพวกผู้โดยสารชาวไนจีเรียที่แบบว่าเอิ่มม… เดี๋ยวก็เรียกร้องขอน้ำโค้ก เดี๋ยวก็ขอเนื้อ ขอโน้น ขอนี่ ทำไมไม่มีนู้นล่ะ ทำไมไม่มีนี่ล่ะ และฉันก็ต้องทำหน้าเจื่อนๆ แบบว่า ขอโทษนะคะเนื้อหมดแล้วจริงๆ อะไรทำนองนั้น แต่สิ่งที่ทำให้ฉันเซ็งมากที่สุดก็คือ ผู้โดยสารชาวไนจีเรียพวกนี้ชอบเรียกร้องขออัพเกรดที่นั่งอยู่เรื่อยเลย…

  • ครอบครัวจีนปฏิเสธไม่ยอมย้ายบ้าน นายทุนจึงส่งคนมาทำร้าย และจับโยนออกจากบ้าน!!

    ครอบครัวจีนปฏิเสธไม่ยอมย้ายบ้าน นายทุนจึงส่งคนมาทำร้าย และจับโยนออกจากบ้าน!!

    ทุกวันนี้นายทุนส่วนใหญ่มักจะกว้านซื้อที่ดินเพื่อนำไปสร้างบ้านจัดสรร ทำห้าง หรือตึกสูง โดยใช้วิธีการให้เงินชดเชยบ้าง หรือบีบบังคับให้ออกบ้าง ส่วนคนที่ไม่ยอมขายที่หรือไม่ยอมย้ายออกไปก็จะถูกนายทุนข่มขู่ด้วยสารพัดวิธี บางรายรุนแรงถึงชีวิตเลยทีเดียว…เหมือนกับครัวนี้ที่ถูกทำร้ายยกครัวเพราะไม่ยอมออกจากพื้นที่ นี่เป็นเรื่องที่เกิดในประเทศจีนเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2017 โดยมีคลิปที่เผยแพร่โดย DW News รายงานว่า บ้านของครอบครัว Wu เป็นส่วนหนึ่งของโครงการฟื้นฟูเมืองในหมู่บ้าน Qianfeng เขต Xixiang เมือง Hanzhong     แต่เมื่อครอบครัวนี้ปฏิเสธที่จะรับเงินชดเชยจากสภานายทุนและไม่ยอมย้ายออกไป จึงโดนข่มขู่ด้วยการมัดแขนมัดขาทุกคนในครอบครัวรวมทั้งลูกน้อยอีก 2 คนด้วย ในคลิปจะเห็นว่าชายคนหนึ่งถูกพันรอบปากด้วยสก๊อตเทป ในขณะที่ชายอีกคนถูกมัดด้วยสายพลาสติกรอบตัว และทุกคนทั้งหมดก็ถูกจับโยนออกไปนอนอยู่บนถนน     Li ลูกเขยของครอบครัว Wu บอกว่า “มีผู้ใหญ่ 5 คนและเด็กอีก 2 คน ถูกลากออกจากบ้านและโดนจับโยนไปอยู่บนถนน แถมยังโดนทุบตีอย่างรุนแรงด้วย” ตามที่สำนักข่าว DW News รายงานว่า บ้านหลังดังกล่าวอยู่ในพื้นที่โครงการฟื้นฟู ดังนั้นจึงต้องถูกรื้อถอน โดยทางนายทุนได้เสนออพาร์ทเมนท์ให้ครอบครัว Wu ที่มี 4 ห้อง พร้อมกับให้เงินชดเชยอีกประมาณ 480,000 บาท    …

  • นายตำรวจในฟลอริด้า ถูกจับได้ว่าแอบเล่นจ้ำจี้ตำรวจสาวในเวลางาน โดนเด้งออกทั้งคู่!!

    นายตำรวจในฟลอริด้า ถูกจับได้ว่าแอบเล่นจ้ำจี้ตำรวจสาวในเวลางาน โดนเด้งออกทั้งคู่!!

    เรามักจะพบเห็นกันบ่อยๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เกินเลยในที่ทำงาน โดยอาจจะเกิดจากเพื่อนร่วมงานด้วยกัน หรืออาจจะเป็นลูกจ้างกับนายจ้าง ซึ่งถ้าทั้งคู่โสดและไม่มีกฎข้อบังคับในที่ทำงาน ก็คงจะไม่เกิดปัญหาตามมา แต่ส่วนใหญ่เรามักจะเจอกรณีที่ทำงานมีกฎห้ามเพื่อนร่วมงานมีสัมพันธ์เชิงชู้สาว ไม่ก็เป็นคนหนึ่งมีคู่ครองแล้วหรืออาจจะมีทั้งคู่เลย แน่นอนว่าการทำแบบนี้มันเป็นเรื่องที่ผิดแน่ๆ แต่แล้วก็ยังคงมีให้เห็นเป็นบทเรียนอยู่เสมอ     จ่า Amy Walling ตำรวจสาวจากรัฐฟลอริด้าวัย 43 ปี ได้มอบหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอลับความยาว 23 วินาที ซึ่งในวีดีโอที่ว่านั้นคือภาพของจ่า Amy และเพื่อนร่วมงานของเธอจ่า Jason VanSteenburgh ที่กำลังมีการเพศสัมพันธ์กันอยู่ในเวลางาน (ไม่ต้องขอวาร์ปนะ)     ทางกรมตำรวจ Jupiter Police Department ได้ยืนยันว่าทั้งคู่ได้มีเพศสัมพันธ์กันมาอย่างน้อยแล้ว 2 ครั้งในปี 2015 แถมตัวจ่า Jason ก็กำลังหมั้นหมายกับหญิงอื่นอยู่แล้ว ที่สำคัญเหตุการณ์ดังกล่าวยังอยู่ในจังหวะช่วงเวลาที่ทั้งคู่กำลังปฏิบัติหน้าที่อีกต่างหาก     Amy ได้ยื่นหลักฐานให้กับกรมตำรวจเป็นรูปภาพสุดอื้อฉาวของจ่า Jason ที่เป็นภาพของเขากำลังสวมชุดปฏิบัติการเต็มยศพร้อมกับรูดซิบลงแสดงให้เห็นอวัยวะเพศตัวเอง โดยเธอให้เหตุผลของการยอมรับเรื่องนี้ว่า เธอยอมให้เขาไปแต่งงานกับคนอื่นไม่ได้   นี่ก็คือภาพสุดอื้อฉาวของจ่า Jason ในชุดปฏิบัติหน้าที่เต็มยศ   แน่นอนว่าจ่า Jason…

  • แบบนี้ก็ได้เหรอ!! นักเรียนญี่ปุ่นฟ้องโรงเรียน 2 ล้าน เพราะถูกไล่ออกข้อหามีเซ็กส์กับแฟน

    แบบนี้ก็ได้เหรอ!! นักเรียนญี่ปุ่นฟ้องโรงเรียน 2 ล้าน เพราะถูกไล่ออกข้อหามีเซ็กส์กับแฟน

    กลายเป็นข่าวดังในวงการศึกษาของญี่ปุ่นเลยทีเดียว เมื่อนักเรียนคนหนึ่งเตรียมฟ้องโรงเรียนเป็นเงินกว่า 6 ล้านเยน หรือราว 2 ล้านบาท เนื่องจากไล่เขาออกจากโรงเรียนในข้อหามีเพศสัมพันธ์กับสาวที่คุยกันอยู่ เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เมื่อนักเรียนชายคนหนึ่งของโรงเรียนมัธยมปลายเซวะกาคุเอ็ง ในเมืองเซนได ถูกโรงเรียนไล่ออกเนื่องจากมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวที่กำลังคุยๆ กันอยู่ ซึ่งเป็นช่วงเพียง 1 สัปดาห์ก่อนจบการศึกษา     อย่างไรก็ตาม โรงเรียนได้ยื่นข้อเสนอให้เขาลาออกเอง ซึ่งแน่นอนว่าเขาเลือกที่จะลาออกเองแทนที่จะโดนไล่ออก แต่ผลก็คือเขาต้องออกจากโรงเรียนอยู่ดี เป็นที่ทราบกันดีว่า เด็กๆ ญี่ปุ่นส่วนมากถูกโรงเรียนกำหนดเส้นทางชีวิตไว้หมดแล้ว ว่าจะต้องไปเรียนต่อที่ไหนอะไรยังไง ฉะนั้นการต้องย้ายโรงเรียนในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตอย่างมัธยมปลาย อาจหมายถึงเส้นทางชีวิตที่เปลี่ยนไปตลอดกาล แม้ตอนนี้เขาจะได้เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแล้ว แต่เมื่อมองย้อนกลับไปเขารู้สึกเสียดายกับสิ่งที่เขาสูญเสียไปเป็นอย่างมาก ทำให้เขาตัดสินใจฟ้องร้องโรงเรียนเก่าของเขาเป็นจำนวนเงิน 6 ล้านเยนหรือราว 2 ล้านบาทเนื่องจากทำให้เขาเสียโอกาสในชีวิต     พิจารณาจากกฎระเบียบของกระทรวงการศึกษาแล้ว ไม่มีการระบุบทลงโทษที่ชัดเจนว่าต้องทำอย่างไร มีเพียงแค่ห้ามทำร้ายร่างกายเด็กเท่านั้น ส่วนโรงเรียนเอกชนสามารถกำหนดบทลงโทษได้เองตามวิจารณญาณ ส่วนครูใหญ่ของโรงเรียนเซวะ ได้กล่าวว่า พวกเขาเคยส่งจดหมายเตือนแก่นักเรียนทุกคนแล้วว่า จะไม่มีการปราณีต่อผู้ที่กระทำผิดทางเพศอย่างเด็ดขาด     เมื่อข่าวนี้เผยแพร่ออกไป ก็กลายเป็นที่โจษจันในสังคมเป็นอย่างมาก ชาวเน็ตหลายท่านแสดงความเห็นว่า นี่เป็นบทลงโทษที่รุนแรงเกินไปหรือเปล่า เพราะเรื่องเพศก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับเด็กวัยนี้ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข่าวฟ้องร้อง…

  • 19 ผู้ประสบความสำเร็จระดับโลก ที่แทบไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาถูกไล่ออกจากงานมาก่อน!!?

    19 ผู้ประสบความสำเร็จระดับโลก ที่แทบไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาถูกไล่ออกจากงานมาก่อน!!?

    เส้นทางชีวิตของคนเรานั้น มันไม่ได้ปูไว้ด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป ถ้าอยากประสบความสำเร็จล่ะก็แน่นอนว่าต้องแลกด้วยอะไรหลายๆ อย่าง แต่ที่สำคัญที่สุดคงไม่พ้นความพยายามและจิตใจที่แน่วแน่และไม่ยอมแพ้นี่แหละ ซึ่งจะว่าไปแล้ว วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีเรื่องราวชีวิตของ 19 ผู้ประสบความสำเร็จระดับโลก ที่แทบไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาถูกไล่ออกจากงานมาก่อน!!? มาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันล่ะ ลองมาฟังเรื่องราวของพวกเขาเลยดีกว่า…   Steve Jobs ถูกไล่ออกจากบริษัท Apple ที่เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง แต่สามารถกลับมาได้แบบยิ่งใหญ่กว่าเดิม!?   ตอนช่วงเขาอายุได้ 30 ปี บริษัทที่เขาสร้างมากับมือก็ไล่เขาออก!!? แทบจะเรียกได้ว่ากลายเป็นศูนย์ แต่ก็เหมือนนกฟีนิกส์ เขาลุกขึ้นมาจากเถ้าถ่านและเจิดจรัสกว่าเดิม จนหันไปหาบริษัท NeXT อีกบริษัทเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่เขาไปร่วมก่อตั้ง และได้สร้างสตูดิโอของ Pixar ขึ้นจนโด่งดัง เขากลับมา Apple อีกครั้งหลังถูกไล่ออกราวๆ 10 ปี พร้อมกับไอเดีย iPod, iPhone, และ iPad นวัตกรรมที่ทำให้ Apple ผงาดเป็นหนึ่งในเจ้าธุรกิจในโลกปัจจุบัน   Thomas Edison ถูกไล่ออกจากงานที่ Western Union เพราะเขาชอบแอบทำการทดลองลับๆ   เขามักจะชอบทำงานกะกลางคืนเสมอๆ ในที่ทำงาน เพราะจะได้แอบทำการทดลองลับๆ…

  • สาวรัสเซีย ถูกไล่ออกจากงานแบบไม่ทันตั้งตัว หลังเจ้านายเห็นภาพถ่ายแต่งเซ็กซี่จนเกินงาม

    สาวรัสเซีย ถูกไล่ออกจากงานแบบไม่ทันตั้งตัว หลังเจ้านายเห็นภาพถ่ายแต่งเซ็กซี่จนเกินงาม

    คงไม่เคยมีใครเคยถูกไล่ออกจากงานเพียงเพราะเหตุผลที่ว่า คุณเซ็กซี่เกินไปหรอกใช่ไหม ซึ่งมันฟังดูแล้วอาจไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ แต่ใครจะไปรู้ละว่าบางทีอาจจะเคยมีคนถูกไล่ออกจากงาน เหตุเพราะเซ็กซี่เกินไปก็ได้นะ     เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2558  ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยว่า Eleonora Verbitskaya สาวชาวรัสเซีย ผู้ที่มีอาชีพเป็นรับราชการชั้นผู้น้อยในกรมทรัพย์สินทางปัญญาคนนี้ ทำงานอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็โดนเด้งออกจากงานแบบสายฟ้าแลบซะอย่างนั้น     ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เธอถูกไล่ออกจากงานก็เพราะว่า เจ้านายของเธอได้ไปเจอรูปที่เธอได้ถ่ายไว้เพื่อการโปรโมทงานดีเจ ซึ่งภาพถ่ายของเธอมันดูเซ็กซี่จนเกินงาม และมันไม่เหมาะสมต่อต่อองค์กร ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเชิญ Eleonora ให้ออกจากงาน     งานนี้จึงทำให้ Eleonora ได้ตัดสินใจฟ้องร้องต่อศาลหลังจากที่เธอโดนไล่ออกจากงานแบบไม่ทันตั้งตัวยังไงละเหมียว     ซึ่งทางทนายความของเธอได้ระบุว่า หากว่ากันตามกฎหมายแล้ว เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิด เพราะถึงเธอจะทำงานดีเจควบคู่ไปด้วย แต่เวลาทำงานเธอก็ไม่ได้แต่งตัวไม่เหมาะสม นี่มันเป็นเรื่องของจริยธรรมมากกว่า     จริงๆ แล้วการทำงานในสถานบันเทิงโดยเฉพาะการเป็นดีเจนั้น ย่อมแต่งตัวเซ็กซี่อยู่แล้ว แล้วอีกอย่างเธอก็ไม่ได้แต่งตัวเซ็กซี่ไปทำงานราชการสักหน่อย แต่ก็นั่นแหละด้วยความที่ทางองค์กรกลัวว่าภาพลักษณ์จะเสียหาย งานนี้ก็เลยทำให้เธอซวยสุดๆ ถูกเด้งออกจากงานซะอย่างนั้น ที่มา : metro

  • ชายหนุ่มเงิบ ถูกไล่ออกจากงาน เพราะว่าตดเหม็นเกินไป!!!!

    ชายหนุ่มเงิบ ถูกไล่ออกจากงาน เพราะว่าตดเหม็นเกินไป!!!!

    การตดถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ใครบ้างไม่เคยตด แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าเพียงแค่การตด สามารถทำลายอนาคตของชายคนหนึ่งไปได้   Rich Clem พนักงานร้านขายส่งเนื้อแห่งหนึ่งในเมือง Trenton รัฐ New Jersey ถูกไล่ออกจากงาน เนื่องจากว่าเขาตดบ่อยและเหม็นเกินไป Louann Clem ภรรยาของ Rich ได้ฟ้องบริษัทดังกล่าวว่า พวกเขาได้ทำให้สามีของเธออับอาย โดยบริษัทได้ตำหนิเรื่องที่สามีของเธอปล่อยกลิ่นออกมาจนทำให้เหม็นไปทั้งออฟฟิศ และบังคับให้เขาทำงานที่บ้านเนื่องจากทนกลิ่นไม่ได้ Rich Clem เคยได้รับการผ่าตัดกระเพาะอาหาร หลังจากทุกข์ทรมานจากอาการมีแก๊สในกระเพาะอาหารมากเกินไปและท้องร่วง แต่ทางผู้บริหารของบริษัทก็ได้ออกมาตอบโต้ว่า ที่พวกเขาทำนั้นเป็นเรื่องจำเป็น พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้ออฟฟิศมีกลิ่นแบบนั้นได้ และมีการร้องเรียนเข้ามามากมายจากลูกค้า เรื่องกลิ่นของ Rich   แบบนี้ก็มีด้วย ทีหลังใครจะตด ก็ไปตดไกลๆเพื่อนร่วมงานหน่อยก็แล้วกัน ไม่งั้นอาจโดนไล่ออกแบบคนนี้ก็ได้นะ ฮาา ที่มา Metro

  • คุณยายวัย 75 โดนไล่ออกจากงานที่ทำมา 30 ปี เพราะใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น!!!!

    คุณยายวัย 75 โดนไล่ออกจากงานที่ทำมา 30 ปี เพราะใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น!!!!

      บางครั้งเทคโนโลยี ก็อาจนำความโชคร้ายไปสู่ใครบางคนได้ อย่างเช่นคุณยายคนนี้ ความไม่ถูกกับเทคโนโลยีของเธอ ต้องทำให้เธอตกงาน!   Jane Brooks วัย 75 ปีได้ช่วยงานในสถานสงเคราะห์ Dove House ในเมือง Cottingham มากว่า 30 ปี เธอทำงานเป็นพนักงานในร้านขายของในนั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนพวกเขาอยากได้ตำแหน่งนั้นคืน   จดหมายจากทางสถานสงเคราะห์ได้กล่าวว่า หน้าที่ของเธอไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว ทางสถานสงเคราะห์ขอขอบคุณความทุ่มเทที่เธอมีให้กับพวกเขามาเป็นเวลานาน   เธอเล่าให้กับ Hull Daily Mail ว่า “พวกเขาบอกฉันว่า ฉันต้องทำงานทุกอย่าง รวมถึงคอมพิวเตอร์ด้วย แต่ฉันตอบว่า ‘ไม่ ฉันไม่อยากยุ่งกับเทคโนโลยี’ ไม่กี่วันต่อมาฉันก็ได้ใบเชิญออกจากงานที่ฉันทำมา 28 ปี!! “ฉันบอกพวกเขาแล้ว ว่าให้ฉันทำอะไรก็ได้ อย่างเช่นจัดของ ทำความสะอาด ซึ่งฉันก็ทำเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ฉันไม่ถูกกับพวกเทคโนโลยีจริงๆ ฉันไม่มีโทรศัพท์มือถือด้วยซ้ำ”   แต่ทางกรรมการบริหารของสถานสงเคราะห์ Anna Wolkowski กล่าวว่า การไล่คุณยาย Jane Brooks ออกนั้นไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความสามารถทางเทคโนโลยี แต่เป็นเพราะ “พฤติกรรมทแย่ๆ…