Tag: เอาตัวรอด

  • วิธีแก้เมื่อพบเจอกับ 11 สถานการณ์อันตราย ต้องทำอย่างไรถึงเอาชีวิตรอดได้!!?

    วิธีแก้เมื่อพบเจอกับ 11 สถานการณ์อันตราย ต้องทำอย่างไรถึงเอาชีวิตรอดได้!!?

    ในชีวิตของคนเราอาจจะต้องพบเจอปัญหาต่างๆ ที่ทำให้เราต้องบาดเจ็บและเสี่ยงต่ออันตราย ซึ่งวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์เสี่ยงอันตรายนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากหากจำได้ แต่หลายๆ คนนั้นหลงลืมและมองข้ามไป วันนี้เราจึงขอเสนอ วิธีแก้ไขเมื่อพบกับ 11 สถานการณ์อันตราย เมื่อใดที่ร่างกายบาดเจ็บหรือเจออุปสรรคเราก็สามารถนำวิธีเหล่านี้มาใช้ได้ยังไงล่ะ   1. กระแสน้ำย้อนกลับ   เมื่อเราลงเล่นน้ำในทะเล ถึงแม้ว่าจะเป็นบริเวณชายหาด แต่มันก็อาจจะเกิดกระแสน้ำที่พัดตัวเราออกจากฝั่งได้ กระแสน้ำนี้เรียกว่า กระแสน้ำย้อนกลับ ซึ่งทำให้ผู้คนต้องจมน้ำกันมานักต่อนักแล้ว โดยปกติกระแสน้ำย้อนกลับจะเกิดขึ้นเป็นบริเวณแคบๆ ฉะนั้น หากพบเจอ ควรรีบว่ายไปยังกระแสน้ำนิ่งโดยการว่ายขนาบไปกับแนวชายหาด โดยพยายามอย่าว่ายสวนกระแสน้ำย้อนกลับมันทำให้เสียแรงเปล่า เมื่อว่ายออกจากจุดอันตรายได้แล้วจึงค่อยว่ายกลับขึ้นฝั่ง ที่มา: https://www.nytimes.com/2017/07/31/us/riptide-rip-current-drowning-safety.html   2. อาหารติดคอ   ปกติถ้าเพื่อนของเรามีอาการอาหารติดคอเราอาจจะเอามือตบหลัง แต่ที่จริงแล้วมันมีวิธีที่ดีและปลอดภัยกว่านั้น ลองวิธีนี้ดู ให้ไปยืนข้างหลังเพื่อนที่มีอาหารติดคอ โอบกอดจากด้านหลัง สองมือจับกันไว้ โดยที่มือข้างหนึ่งต้องยกนิ้วโป้งขึ้นมาดังภาพด้านล่างซ้าย ค่อยๆ กดลงพร้อมดึงขึ้นที่บริเวณหน้าท้องของเพื่อนอย่างรวดเร็ว ทำซ้ำๆ จนกว่าอาหารที่ติดคอจะหลุดออก   ที่มา: https://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-choking/basics/art-20056637   3. ถูกไฟช็อต   อย่างที่เราทราบกันดีว่าเมื่อเพื่อนถูกไฟฟ้าช็อต เราไม่ควรไปจับตัวหรือดึงเพื่อนออกมาด้วยมือเปล่า เพราะกระแสไฟฟ้าอาจทำอันตรายให้กับเราอีกทอดหนึ่งได้ ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ให้รีบถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าออก ใช้สิ่งของไม่นำไฟฟ้าผลักตัวเพื่อนที่ถูกไฟฟ้าช็อตออกห่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้า (ใช้ไม้หรือพลาสติก เช่น…

  • ลุ้นระทึก!! เด็กสาววัย 12 ปี โดดลงมาจากตึก 4 ชั้น หนีจากการถูกข่มขืน สุดท้ายรอดชีวิต

    ลุ้นระทึก!! เด็กสาววัย 12 ปี โดดลงมาจากตึก 4 ชั้น หนีจากการถูกข่มขืน สุดท้ายรอดชีวิต

    บางคนอาจเคยต้องตกอยู่ในวินาทีแห่งการเอาตัวรอด หนีจากอันตรายที่พยายามเข้ามาหาเรา เช่นเดียวกับเด็กสาววัย 12 ปีคนนี้ที่เธอถึงกับเสี่ยงชีวิตให้ตัวเองรอดจากการถูกข่มขืน วันที่ 6 เมษายน 2018 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Daily Mail ได้รายงานเกี่ยวกับคลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณรอบนอกของเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย เมื่อเด็กสาวคนดังกล่าวตัดสินใจกระโดดลงมาจากตึก 4 ชั้น โดยมีผู้เห็นเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก   เด็กสาวนั่งอยู่บนตึกสูง 4 ชน   ชาวบ้านเริ่มสังเกตเห็นว่าเธอขึ้นไปอยู่บนนั้นก็ตอนที่รองเท้าข้างหนึ่งของเด็กสาวตกลงมาใกล้ๆ ทำให้ช่างซ่อมรถที่กำลังทำงานอยู่แหงนหน้าขึ้นไปมองเห็นเด็กสาวนั่งอยู่ตรงบริเวณชั้น 4 ทำท่าเหมือนจะโดดลงมา ในตอนแรกสุดนั้นไม่มีใครรู้ว่าเธอต้องการจะทำอะไร บางคนคิดว่าเธอต้องการจะฆ่าตัวตาย แต่ถึงอย่างนั้นชาวบ้านทุกคนก็รีบช่วยกันนำเอาผ้าคลุมรถมามัดรวมกัน ขึงเป็นผ้ารองรับเด็กสาวที่จะโดดลงมา     แล้วเธอก็ตัดสินใจโดดลงมาที่บริเวณผ้าที่ขึงเอาไว้ แต่ว่าเนื่องจากมันไม่มีความหนาหรือแข็งแรงมากพอ จึงทำให้ร่างของเด็กสาวทะลุลงไปกระแทกกับพื้น จนกระดูกบริเวณหลังของเธอหัก อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเด็กสาวก็รอดชีวิตมาได้และถูกนำตัวเข้ารับการรักษาต่อไป     หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนและสอบถามกับเด็กสาวคนนั้นเกี่ยวกับสาเหตุที่เธอโดดลงมาจากตึกสูงถึง 4 ชั้น ทำให้ทราบเรื่องราวว่าก่อนหน้านี้เธอถูกผู้ชายคนหนึ่งมาถามทาง และหลอกให้เธอนำทางเขาไปยังตึกที่กำลังก่อสร้างอยู่ เมื่อไปถึง ชายหนุ่มคนนั้นก็พยายามที่จะขืนใจเธอ เด็กสาวจึงรีบหนีจากการถูกคุกคามทางเพศ และตัดสินใจโดดลงตึก 4 ชั้นเพื่อไม่ให้ชายคนดังกล่าวตามเธอมาได้   คลิปเหตุการณ์ที่ถูกถ่ายเอาไว้…

  • ชายผู้เติบใหญ่ได้ เพราะหมาป่าช่วยเลี้ยงดูถึง 12 ปี พอกลับมาอยู่กับคน ดันรู้สึกใช้ชีวิตยาก…

    ชายผู้เติบใหญ่ได้ เพราะหมาป่าช่วยเลี้ยงดูถึง 12 ปี พอกลับมาอยู่กับคน ดันรู้สึกใช้ชีวิตยาก…

    ช่วงวัยเจริญเติบโตนั้น สิ่งแวดล้อมและการรับรู้ถือว่าเป็นส่วนสำคัญ ที่จะช่วยพัฒนาความคิดและทักษะการใช้ชีวิตให้แก่บุคคลนั้นๆ ต่อไป แต่สำหรับนาย Marcos Rodríguez Pantoja เขาไม่ได้เติบโตท่ามกลางครอบครัวที่อบอุ่น ไม่ได้เติบโตในสังคมของมนุษย์ เพราะเขาดันไปคลุกคลีกับเหล่าหมาป่ามานานถึง 12 ปีเลยทีเดียว     ย้อนไปเมื่อปี 1946 ในเมืองกอร์โดบา ประเทศสเปน นาย Marcos Rodríguez Pantoja สูญเสียแม่ไปเมื่ออายุเพียงแค่ 3 ขวบ และถูกพ่อทิ้งอย่างไม่ใยดี แถมส่งไปให้ผู้หญิงอื่นเลี้ยงดูในเมืองใกล้เคียง และด้วยความที่เขายังเป็นเด็ก ก็เลยถูกส่งตัวขึ้นไปบนภูเขาสูง เพื่อไปทำหน้าที่แทนคนเลี้ยงแกะกว่า 300 ตัว แทนชายแก่คนเก่า เขาจำความได้ว่าชายแก่สอนวิธีการใช้อุปกรณ์ต่างๆ สอนก่อไฟให้ จนในปี 1954 ชายแก่ก็ได้เสียชีวิตลง ในขณะที่ Marcos ยังมีอายุไม่ถึง 8 ขวบ และเขาต้องใช้ชีวิตต่อไปเพียงลำพัง     ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า Marcos นั้นใช้ชีวิตอยู่รอดท่ามกลางฝูงหมาป่าได้อย่างไร จนเมื่อเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนเจอกับเขา ในเวลา 12 ปีให้หลัง คำพูดของเขาก็เปล่งเสียงออกมาคล้ายกับสัตว์…

  • จะทำยังไงหากตกจากที่สูง?? รู้วิธีการรับมือเมื่อตกจากที่สูง เพิ่มโอกาสรอดชีวิต

    จะทำยังไงหากตกจากที่สูง?? รู้วิธีการรับมือเมื่อตกจากที่สูง เพิ่มโอกาสรอดชีวิต

    มีใครเคยคิดบ้างว่าหากตกที่สูง ต้องทำอย่างไรถึงจะรอดได้? แต่กระโดดลงมาจากโต๊ะก็เจ็บจะแย่แล้ว นึกไม่ออกเลยว่าถ้าตกจากเครื่องบินจะเป็นยังไง ถึงแม้จะฟังดูเป็นไปได้ยาก แต่ก็มีพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเคยรอดชีวิตจากการตกจากเครื่องบิน เมื่อเครื่องบินถูกผู้ก่อการร้ายปล้นและระเบิดเครื่องบินกลางอากาศ ถึงเธอจะบาดเจ็บสาหัส แต่เธอก็ยังตัดสินใจกลับไปทำหน้าที่เดิมเมื่ออาการดีขึ้นแล้ว ถ้ารู้วิธีที่ถูกต้องก็อาจช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด แต่ก็หวังว่าคงจะไม่มีโอกาสให้เราได้นำไปใช้จริงๆ หรอกนะ   ถ้าตกจากหน้าต่าง เมื่อคุณตกจากหน้าต่าง พยายามหาอะไรที่สามารถยึดเกาะได้ให้มากที่สุด เพราะจะทำให้ความเร็วในการหล่นลงมาลดลง หรือถ้ามีหลังคาพลาสติกหรือกระจกที่ยื่นออกมาก็ถือว่าโชคดีขึ้นมาหน่อยนึง เพราะมันจะช่วยทำให้เราไม่ตกลงไปที่พื้น     ถึงแม้ว่าจะฟังดูเป็นเหมือนกับมุกตลก แต่พยายามผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ชิดขาทั้งสองเข้าด้วยกันและงอเข่าไม่มากจนเกินไป เมื่อกระทบกับพื้นจะทำให้แรงกระแทกลดน้อยลง ห้ามเหยียดขาตรงเด็ดขาดเพราะจะทำให้กระดูกขอคุณหักแน่นอนหากกระแทกตรงๆ     เมื่อตกลงมาให้ยกแขนขึ้นมาป้องกันศีรษะ เผื่อว่าตกลงมาบนพื้นปูน เมื่อถึงพื้นแล้วพยายามล้มตัวไปด้านข้าง การที่ยกแขนขึ้นมาป้องกันศีรษะนั้นเพื่อไม่ให้ศีรษะกระแทกกับพื้นตรงๆ นั่นเอง ถ้าคุณรอด แสดงว่าคุณโชคดี หลังจากนั้นห้ามขยับตัวจนกว่าจะมีคนมาช่วยเหลือ     ถ้าตกจากเครื่องบิน หากตกจากเครื่องบินจากความสูงประมาณ 10 กิโลเมตร จะใช้เวลาประมาณ 3-6 นาทีกว่าจะตกถึงพื้นด้วยความเร็ว 19 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โชคไม่ดีที่โอกาสรอดนั้นน้อยมาก แต่ก็ถือว่ายังมีโอกาสอยู่นิดนึง ซึ่งคนที่มีโอกาสรอดที่สุดคือคนที่นั่งอยู่ส่วนท้ายของเครื่องบิน ถ้าเครื่องบินเกิดระเบิดหรือเกิดแยกชิ้นส่วนกลางอากาศ คุณจะได้ยินเสียงลมดังสนั่นหวั่นไหว และการที่มีปริมาณออกซิเจนน้อยบนความสูงขนาดนี้ก็อาจจะทำให้คุณหมดสติ แต่อย่างไรก็ตามหากคุณร่วงลงมาในชั้นบรรยากาศล่างๆ คุณอาจได้สติกลับคืนมา…

  • วิธีรอดพ้นภัยหนาวน่ารักๆ ของ ‘อัลลิเกเตอร์’ โผล่จมูกตุ๊บป่องไว้หายใจ ก่อนแม่น้ำเป็นน้ำแข็ง!?

    วิธีรอดพ้นภัยหนาวน่ารักๆ ของ ‘อัลลิเกเตอร์’ โผล่จมูกตุ๊บป่องไว้หายใจ ก่อนแม่น้ำเป็นน้ำแข็ง!?

    จระเข้อเมริกัน (อัลลิเกเตอร์) นั้น ดำรงชีวิตอยู่บนโลกมากว่า 150 ล้านปี เป็นผู้รอดชีวิตมาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์จนถึงยุคปัจจุบัน บอกได้เลยว่า พวกมันมีทักษะการเอาตัวรอดที่สุดยอดเลยทีเดียว แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พายุบอมบ์ไซโคลน ที่ได้นำพาฤดูหนาวมาสู่พื้นที่แถบตะวันออกส่วนมาก ทำให้เห็นถึงวิธีการเอาตัวรอดนี่น่าทึ่งของเจ้าพวกอัลลิเกเตอร์เหล่านี้     Shallotte River Swamp Park ที่รัฐนอร์ธแคโรไลน่า เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของอัลลิเกเตอร์ที่ได้รับการช่วยเหลือจากการถูกจับ จากเหตุการณ์ที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ผ่านมายังพื้นที่ แหล่งน้ำที่เป็นที่อยู่อาศัยของพวกมันจึงกลายเป็นน้ำแข็ง แต่แทนที่พวกมันจะติดอยู่ใต้น้ำแข็งนั้น พวกมันกลับโผล่จมูกขึ้นมาจากผิวน้ำแข็งแทน ทำให้สามารถหายใจได้ ในขณะส่วนที่เหลือของร่างกายนั้นจมอยู่ใต้น้ำ     George Howard ผู้จัดการทั่วไปของสวนแห่งนี้ ได้บันทึกวีดิโอ และบรรยายอัลลิเกเตอร์เหล่านี้ว่าเป็น “วิธีการเอาตัวรอด” “อัลลิเกเตอร์โตเต็มวัยนั้นสามารถมีชีวิตอยู่รอดใต้น้ำแข็งได้ พวกมันทำตัวให้จม แต่โผล่จมูกขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ถึงแม้ว่าน้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง พวกมันก็ยังสามารถหายใจได้ ถือว่าเป็นตัวอย่างการเอาชีวิตรอดที่สุดยอดเลยทีเดียว”     การใช้เทคนิคนี้ ไม่ใช่เป็นแค่วิธีเดียวที่เหล่าสัตว์พวกนี้รับมือกับอากาศหนาว เหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เข้าสู่ภาวะจำศีล เมื่ออุณภูมิต่ำลง พวกมันก็เข้าสู่ภาวะ Brumation ที่คล้ายๆ กับจำศีล โดยการทำให้ร่างกายเผาผลาญช้าลง เพื่อประหยัดพลังงานไว้ แต่โชคดีที่อัลลิเกเตอร์พวกนั้นไม่ได้อยู่ใต้น้ำแข็งนานเกินไป เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทางสวน Shallotte River…

  • หญิงสาวเล่าประสบการณ์ ถูกชายแปลกหน้า ‘ลักพาตัวไปข่มขืน’ สุดท้ายก็รอดมาได้

    หญิงสาวเล่าประสบการณ์ ถูกชายแปลกหน้า ‘ลักพาตัวไปข่มขืน’ สุดท้ายก็รอดมาได้

    เรื่องราวที่จะนำมาเสนอให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกันในวันนี้คือเรื่องราวอันแสนอัศจรรย์เกี่ยวกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งถูก ‘ลักพาตัวไป อีกทั้งยังโดนข่มขืน’ และยังไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรอีก แต่เธอกลับหนีรอดมาได้ด้วยไหวพริบของเธอที่เฉียบแหลม เรื่องราวนั้นจะเป็นอย่างไรเชิญไปรับชมกันได้เลยครับ     เหตุการณ์มีอยู่ว่า… ในวันที่ 4 กันยายน 2017 เวลา 23.30 น. Jaila Gladden นักศึกษาของ มหาวิทยาลัยเวสต์จอร์เจีย ได้ออกไปข้างนอกบ้านเพื่อไปซื้อยาและชาที่ร้านขายของในเมือง คาร์โรลตัน รัฐจอร์เจีย ซึ่งอยู่ห่างจาก รัฐแอตแลนตา ราว 80 กิโลเมตร เมื่อเธอซื้อของเสร็จแล้ว ขณะเดินกลับไปยังรถของเธอ ปรากฏว่ามีชายแปลกหน้าเข้ามาขอยืมไฟแช็กจากเธอ ซึ่งเธอเองก็ตอบปฏิเสธและเดินต่อเพื่อจะขึ้นรถ จากนั้นเองเธอก็เห็นว่าชายคนดังกล่าวนำมีดมาจ่ออยู่ที่ช่วงท้องของเธอ พร้อมกับบังคับให้เธอขึ้นไปนั่งบนรถ เพื่อพาเขาไปแอตแลนตา ชายคนดังกล่าวขับรถของเธอเพื่อไปยังแอตแลนตา จนกระทั่งเขาจอดรถที่โบสถ์ร้างแห่งหนึ่ง และบอกให้เธอถอดเสื้อผ้าออก เธอเองก็พยายามอ้อนวอนแล้ว แต่เขากลับบอกว่า “จะร้องไห้ทำไมวะ” จากนั้นเขาก็ข่มขืนเธอในรถ เมื่อเสร็จกิจแล้ว เขาก็ออกเดินทางต่อ    ลองชมคลิปต่อไปนี้ประกอบ   วิธีที่เธอใช้เพื่อเอาตัวรอด… ชายหนุ่มบอกว่าเขาต้องการเงิน และวางแผนจะปล้นปั๊มน้ำมัน จากนั้นก็เดินทางไปยังรัฐมิชิแกน ในฐานะที่เธอเป็นชาวรัฐจอร์เจีย เธอจึงรู้ดีว่าส่วนใหญ่ปั๊มน้ำมันในแอตแลนตาจะต้องเก็บเงินไว้ในลูกกรงที่เอาไว้ป้องกันการขโมย Jaila กล่าวว่า “ตั้งแต่เขาพาฉันมา ฉันก็คอยดูตลอดว่าเขาจะขับไปไหน เขาไม่ละสายตาจากถนนเลยสักนิด” เมื่อเห็นอย่างนั้น เธอจึงบอกเขาว่าเธอไม่สามารถบอกทางไปปั๊มน้ำมันได้ จนกว่าเธอจะสามารถใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อดูแผนที่ได้ จากนั้นเมื่อเธอได้มือถือของเธอคืนมา เธอจึงลดแสงหน้าจอลงและแอบส่งพิกัดของเธอไปให้ Tamir Bryant แฟนหนุ่มของเธอ…

  • 2 แม่ลูกหลงป่านาน 10 วัน แต่รอดมาได้เพราะอาศัยวิธีเอาตัวรอดจากสารคดีของ “แบร์ กริล”

    2 แม่ลูกหลงป่านาน 10 วัน แต่รอดมาได้เพราะอาศัยวิธีเอาตัวรอดจากสารคดีของ “แบร์ กริล”

    วันที่ 14 ตุลาคม 2560 เว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า Michelle Pittman และ Dylan ลูกชายวัย 9 ขวบ ได้หายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อวันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ทั้งคู่ได้พากันออกไปเดินเที่ยวป่าที่อุทยานแห่งชาติ Mount Royal National Park ทางเหนือของเมือง Singleton ประเทศออสเตรเลีย ด้วยเหตุนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมหน่วยบริการเหตุฉุกเฉินต่างๆ จึงได้ช่วยกันออกตามหา จนกระทั่ง 10 วันต่อมา พวกเขาก็ได้พบกับสองแม่ลูกที่อยู่ในสภาพย่ำแย่และขนาดน้ำ อีกทั้งร่างกายก็เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและแมลงกัดต่อย แต่น่าแปลกที่ทั้งคู่กลับอยู่ในสภาพจิตใจที่เข้มแข็ง     ทางด้าน Rob Post รักษาการผู้บังคับการตำรวจพื้นที่ Hunter Valley ได้ออกมากล่าวว่า “มันเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากที่พวกเขาสามารถรอดมาได้ทั้งๆ ที่หายตัวไปเป็นเวลานานขนาดนั้น… แต่ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าก็คือเด็กชาย Dylan อายุ 9 ขวบดูเหมือนจะแข็งแรงดี ในขณะที่ Michelle ผู้เป็นแม่อยู่ในสภาพที่อ่อนแอ ซึ่งเธอก็ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อพักรักษาตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”     “Michelle…

  • Violet Jessop พยาบาลสาวดวงแข็ง ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่ม ได้ถึง 3 ครั้ง 3 ครา!?

    Violet Jessop พยาบาลสาวดวงแข็ง ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่ม ได้ถึง 3 ครั้ง 3 ครา!?

    ความโชคดีที่เราได้เจอในนการใช้ชีวิตนั้นคุณเคยรู้สึกอย่างนั้นกันมากี่ครั้งแล้ว ? แต่สำหรับเรื่องราวของเธอคนนี้นั้นเธอมีความโชคดีที่สูงมาก มากซะจนทำให้เธอรอดตายจากอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นถึง 3 ครั้งเลยทีเดียว หากคุณกำลังคิดว่าอุบัติเหตุนั้นมันจะใหญ่สักแค่ไหน บอกได้ว่ามี 1 เหตุการณ์ที่ดังกระฉ่อนไปทั่วโลกด้วย แต่ก่อนที่จะไปถึงเรื่องนั้น เราลองมาทำความรู้จักกับหญิงสาวที่มีชื่อว่า Violet Jessop กันเสียก่อน Violet Jessop เกิดในปี 1887 ประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งเกิดมาเธอก็ได้ท้าทายความตายเป็นครั้งแรกกับการที่เธอป่วยเป็นวัณโรค แต่ถึงแม้ว่าแพทย์จะคิดว่าคงไม่สามารถช่วยเธอไว้ได้ แต่สุดท้ายเธอก็รอดมาใช้ชีวิดได้ตามปกติ     หลังจากที่พ่อเธอเสียชีวิตตอนที่เธออายุได้ 16 ปี เธอและครอบครัวก็ได้ย้ายไปอยู่ประเทศอังกฤษ เธอต้องเรียนและดูแลน้องไปด้วยเพราะแม่ของเธอได้ขึ้นไปทำงานบนเรือ จึงทำให้มีเวลาอยู่ด้วยกันได้น้อยเพราะต้องเดินทางตลอด จนเมื่อแม่เธอป่วยจึงต้องออกโรงเรียนมาทำงานบนเรือแทนแม่ ซึ่งในตอนนั้นเธออยู่บริษัท Royal Mail Steam Packet และถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้แต่งตัวดีๆ แต่งหน้าแต่งตา แต่เธอก็ได้รับการขอแต่งงานถึง 3 ครั้งในตอนที่ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่บนเรือ แม้ว่าจะสนุกกับงานที่ทำแต่ด้วยเงินเดือนอันน้อยนิด เธอก็ได้ย้ายไปทำให้กับบริษัท White Star Line ในปี 1910 และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความโชคดีที่ทำให้เธอรอดตายมาได้ถึง 3 ครั้งจากการทำงานในบริษัทนี้   ภาพความเสียหายของเรือ Olympic…

  • นี่คือวิธีที่ถูกต้องของการเอาชีวิตรอด หากคุณพลาดตกลงไปใน “รางรถไฟใต้ดิน”

    นี่คือวิธีที่ถูกต้องของการเอาชีวิตรอด หากคุณพลาดตกลงไปใน “รางรถไฟใต้ดิน”

    สถานีรถไฟใต้ดิน ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่อันตราย เพราะถึงแม้ว่าทางสถานีจะหามาตรการป้องกันเพื่อรับประกันความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกคนแล้วก็ตาม แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอยู่เสมอ แถมยังสามารถเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายในเวลาที่เร่งด่วนอีกด้วย ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เราจึงต้องขอมานำเสนอวิธีการเอาตัวรอด หากคุณตกลงไปในรางรถไฟใต้ดิน เพราะหากคุณรู้วิธีการเบื้องต้นเหล่านี้ บางทีมันอาจจะช่วยชีวิตคุณไว้ก็ได้ และโอกาสที่จะนำไปสู่ผลเลวร้ายก็อาจจะเกิดขึ้นน้อยลง   สิ่งที่คุณไม่ควรทำ หากตกลงไปในรางรถไฟ หากตกลงไปในลางรถไฟ อย่าพยายามที่จะปีนขึ้นไป เพราะใต้แพลตฟอร์มมีกระแสไฟฟ้าแรงสูงอยู่ หากคุณไปสัมผัสมันเข้าอาจจะถูกช็อตทันที   สิ่งที่คุณควรทำ หากตกลงไปในรางรถไฟ เมื่อตกลงไปแล้ว คุณควรจะมองดูก่อนว่ามีรถไฟมาหรือไม่ หากไม่มีก็เข้าไปยืนอยู่ตรงกลางรถไฟ ในขณะเดียวกันคุณสามารถร้องขอความช่วยเหลือได้ เพื่อให้ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นแจ้งพนักงานของสถานีรถไฟใต้ดิน   แต่ถ้าหากคุณดันตกลงไปในขณะที่รถไฟกำลังวิ่งมาพอดี ให้นอนหมอบลงบนช่องระหว่างรางและใช้มือคลุมหัวเอาไว้ ซึ่งระยะห่างระหว่างช่องว่างตรงกลางนั้น จะมีระยะห่างจากรถไฟประมาณ 0.5 เมตร ดังนั้นหากคุณนอนราบลงไปมันอาจจะช่วยให้คุณพ้นจากความอันตรายได้   ทั้งหมดนี้คือวิธีการเอาตัวรอดหากคุณตกลงไปในรางรถไฟ แม้ว่าหลายคนอาจจะคิดว่ามันคงไม่เกิดขึ้นกับตัวเองหรอก แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งหากคุณมีความจำเป็นในการขึ้นรถไฟ และบังเอิญกำลังตกอยู่ในสถานการณ์นั้นพอดี วิธีเหล่านี้อาจจะช่วยให้คุณรอดชีวิตได้ ที่มา : brightside

  • นักวิทย์ฯ เผย ‘วิธีการเอาตัวรอด’ ถ้าหากโลกของเรา เต็มไปด้วยเหล่าซอมบี้หิวสมอง!!

    นักวิทย์ฯ เผย ‘วิธีการเอาตัวรอด’ ถ้าหากโลกของเรา เต็มไปด้วยเหล่าซอมบี้หิวสมอง!!

    เคยคิดกันเล่นๆมั้ยว่า เราจะทำอะไรเป็นอย่างแรกถ้าเกิดว่าวันหนึ่งเราตื่นนอนขึ้นมา มองออกไปหน้าต่างบานเดิม และพบว่ามีแต่ซอมบี้เดินเซไปเซมาเต็มท้องถนน ยั๊วเยี้ยไปหมด บางคนอาจเลือกที่จะยอมให้มันกัด และกลายเป็นพวกเดียวกับมันไปซะเลยให้รู้แล้วรู้รอด แต่บางคนอาจเลือกที่จะสู้อย่างสุดความสามารถ พยายามเอาตัวรอดให้ได้เหมือนกับพระเอกในหนังดังทั้งหลาย   เค้าเองไงจะใครล่ะ แฮร่!!   ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Leicester ได้คิดคำนวณอย่างถี่ถ้วน และพบตำตอบว่า หลังจากที่มีผู้ติดเชื้อรายแรกเกิดขึ้นบนโลกเราแล้ว ในระยะเวลา 100 วัน โลกทั้งใบจะเหลือผู้รอดจากการติดเชื้อเพียงแค่ 100 คนเท่านั้น!! คำถามคือ เราจะทำยังไงให้ตัวเองได้เป็นผู้อยู่รอด สามารถหลีกหนีจากความหิวโหย และไม่ถูกเหล่าซอมบี้กัดหัวจนกลายเป็นพวกเดียวกับมันได้     นักวิทยาศาสตร์จึงได้ออกมาเผย 5 เทคนิคสำคัญที่เราควรรู้ไว้ เพื่อต่อกรกับผู้ป่วยติดเชื้อ ‘CDHD’ ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้มีนิสัยเหมือนกับซอมบี้ในหนังนั่นแหละ โดยคำแนะนำมีทั้งหมดดังนี้ ห้ามสู้: เชื่อกันว่าใครที่เปลี่ยนเป็นซอมบี้แล้ว พวกมันจะไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกใดๆได้อีกต่อไป พวกมันจะไม่รู้สึกเจ็บ เพราะฉะนั้นแล้ว อย่าเสียเวลาไปสู้กับมันเหมือนในหนังเลย เพราะจะกลายเป็นดึงความสนใจจากตัวอื่นๆ ให้มารุมที่เรามากกว่าเดิม อยู่ให้เงียบ: ซอมบี้ที่ติดเชื้อ ‘CDHD’ จะมีความทรงจำ และสมาธิที่สั้นยิ่งกว่าเด็กไฮเปอร์ ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญจึงขอแนะนำให้เราหาที่ซ่อน และอยู่อย่างเงียบๆ น่าจะดีกว่า ดึงความสนใจจากพวกมัน: ดูเหมือนว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสมองของผู้ติดเชื้อ จะทำให้พวกเขาเพ่งความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นล่าสุดเป็นหลัก ลองใช้เสียงจากประทัดเพื่อดึงความสนใจจากพวกมัน และช่วยเคลียร์ทางให้เราแอบหลบหนีออกมาได้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น  …

  • 19 เรื่องจริงที่ทุกคนควรรู้ไว้ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ หรือเอาตัวรอดแม้ในยามคับขัน!!

    19 เรื่องจริงที่ทุกคนควรรู้ไว้ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ หรือเอาตัวรอดแม้ในยามคับขัน!!

    บางทีเราก็ไม่อาจจะคาดเดาได้เลยว่า จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างกับชีวิต อย่างเช่นในกรณีของชาวเมือง กทม. ที่เดินๆอยู่บนฟุตบาธแล้วตกท่อ ก็เคยมีมาแล้ว จากบทความของเว็บไซต์ BusinessInsider เค้าได้รวบรวม 19 เรื่องจริง (Fact) ที่ออกมาเปิดเผยโดยผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ผ่านเว็บไซต์ Quora และเป็นเรื่องที่ทุกคนควรจะรู้ไว้ เผื่อว่าวันหนึ่งเราจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด และอาจช่วยทำให้คุณเอาชีวิตรอดได้…   1. สมองเราไม่สามารถแยกแยะการเดินไปด้วย พร้อมเล่นมือถือไปด้วยได้ ในเวลาเดียวกัน จากงานวิจัยพบว่า สมองมนุษย์เราไม่สามารถที่จะโฟกัสสองอย่างได้ในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะการเล่นมือถือไปด้วย และดูทางเดินข้างหน้าไปด้วย เพราะฉะนั้นเลือกเอาสักทางเถอะนะ   2. จัดการกับมุมบอดระหว่างขับรถ ด้วยการปรับกระจกให้ถูกต้อง เสียเวลาไม่กี่วินาที ก่อนออกเดินทาง ปรับกระจกให้สามารถเห็นรถที่พุ่งตรงมาจากด้านหลังได้ ดีซะกว่ารีบร้อนแล้วเกิดอุบัติเหตุในภายหน้านะจ๊ะ เพราะสาเหตุนี้แหละที่ทำให้รถชนกันมานักต่อนักแล้ว   3. ความร้อนสามารถถ่ายเทผ่านของเหลวได้ดีกว่าอากาศ ถ้าเราต้องเผชิญกับสภาวะอากาศอันหนาวเหน็บละก็ ข้อแนะนำที่ดีที่สุดก็คือการทำให้ร่างกายเราแห้ง เพื่อรักษาอุณหภูมิความอบอุ่นในร่างกายแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องอาบน้ำก็ได้นะ   4. ห้ามกินหิมะ ถ้าร่างกายกำลังขาดน้ำอย่างรุนแรง ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ร่างกายเราต้องใช้พลังงานอย่างมากในการเปลี่ยนสารหนึ่ง ไปสู่อีกสารหนึ่ง ฉะนั้นแล้วถ้าร่างกายขาดน้ำจริงๆ พยายามอย่าเอาหิมะมากิน ยกเว้นแต่ว่ากำลังจะตายอยู่ตรงนั้นแล้วจริงๆ เพราะอาจทำให้ร่างกายเราสูญเสียความร้อนได้…

  • 18 เทคนิคดีๆ ที่ช่วยให้คุณรอดตายจากสถานการณ์คับขันได้ รู้ไว้สักหน่อยก็ดีนะ…

    18 เทคนิคดีๆ ที่ช่วยให้คุณรอดตายจากสถานการณ์คับขันได้ รู้ไว้สักหน่อยก็ดีนะ…

    หลายครั้งหลายคราที่เราได้เห็นหนังแนวเอาตัวรอด แล้วคิดไปว่าหากเป็นเราที่ต้องไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นจะรอดหรือไม่? อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับไหวพริบของแต่ละคนนะ หากใครดูสารคดีมาเยอะก็น่าจะมีความรู้เรื่องการเอาตัวรอดเยอะพอสมควร แต่หากคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเวลาหรือได้ดูอะไรแบบนั้น วันนี้ #เหมียวฟิ้น ได้ย่อยเอา 18 เทคนิคเล็กๆ ในการเอาตัวรอดมาไว้ให้อ่านแล้ว ลองไปดูกันว่าหากอยู่ในภาวะคับขัน คุณควรจะต้องทำตัวยังไง!?   1. ถ้าคุณต้องไปปีนเขา ไปตั้งแคมป์ หรือไปที่ไหนที่ห่างไกลผู้คน อย่าลืมบอกคนที่บ้านหรือเพื่อน ว่าจะกลับมาวันไหน อย่างน้อยให้พวกเขารับทราบ   2. การพกหมากฝรั่งไว้ช่วยได้ หากติดอยู่ในที่ที่มีอาหารจำกัด ให้เคี้ยวหมากฝรั่ง มันจะช่วยระงับความหิวของคุณได้ระดับหนึ่ง (อย่างน้อยก็ช่วยให้อาหารหมดช้าลงล่ะนะ)   3. หากต้องเข้าไปในตึกที่มีผู้คนเยอะๆ ให้ลองสังเกตดูทางออกฉุกเฉินไว้หน่อยก็ดีนะ เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมาคุณจะได้เอาตัวรอดได้ทันท่วงที   4. หากเดินบนถนนหรือที่ไหนก็ตาม พยายามอย่าก้มดูมือถือตลอดเวลา เพราะมันจะเบี่ยงเบนความสนใจของคุณจนไม่ทันมองสิ่งรอบข้าง เช่นขโมย รถ หรืออุบัติเหตุต่างๆ   5. อาจจะชวนอี๋ไปนิดนึง แต่ก็ต้องบอกว่าถุงยางอนามัยนั้นเป็นภาชนะเก็บน้ำที่ดีมากๆ (หากมันคับขันจริงๆ น่ะนะ)   6. หากเกิดไฟไหม้ ให้ก้มตัวให้ต่ำที่สุด เพราะออกซิเจนจะรวมตัวกันอยู่ที่ด้านล่าง แถมยังเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้คุณสำลักฝุ่นควันด้วย   7. หากคุณได้รับบาดแผลเล็กๆ และไม่สามารถหาอุปกรณ์ปฐมพยาบาลได้จริงๆ กาวร้อนก็พอจะช่วยสมานแผลได้นะ  …

  • ‘กระรอกน้อย’ โชว์ลีลาความพลิ้วยิ่งกว่าโรนัลโด้ กระโดดเอาตัวรอดจากเหยี่ยวผู้ล่า

    ‘กระรอกน้อย’ โชว์ลีลาความพลิ้วยิ่งกว่าโรนัลโด้ กระโดดเอาตัวรอดจากเหยี่ยวผู้ล่า

    ไม่ใช่แค่มนุษย์นะที่กลัวตาย สัตว์ก็เช่นกัน #เหมียวขี้ส่อง จะพาไปดู การเอาตัวรอดของเจ้ากระรอกตัวหนึ่ง ที่เห็นแล้วถึงกับต้องยกนิ้วให้เลย พูดแล้วจะหาว่าคุย ไปดูเองเลยดีกว่า   โดยวิดีโอนี้ถ่ายโดย John Dunstan ซึ่งเป็นเหตุการณ์การเอาตัวรอดของกระรอกจากเหยี่ยว ซึ่งเกิดขึ้นที่รัฐนิวเจอร์ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ในตอนแรกนั้น เจ้าเหยี่ยวตัวนี้ ได้ย่องลงไปหากระรอก แล้วก็เหมือนมันจะสู้กันนิดนึง จนหลายคนคิดว่า กระรอกต้องเสร็จเจ้านกตัวนี้แน่ๆ… แต่ช้าก่อน   เพราะงานนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ กับวิทยายุทธการเอาตัวรอดของกระรอก…   จะแดร๊กข้าหรอ  หึ… รู้จักข้าน้อยไปซะละ!!     โรนัลโด้เรียกพี่ เมสซี่เรียกอาจารย์   เป็นไงละ ถึงกับโงหัวไม่ขึ้นเลย   ไปละ บ๊ายยยย     เป็นยังไงละ กับลีลาการเอาตัวรอดของเจ้ากระรอกตัวนี้ สุดยอดไปเลยใช้มั้ยล๊าาาาา ที่มา: metro

  • ชมคลิปช้างน้อย กำลังถูกฝูงสิงโตไล่กัดกินอย่างหิวโหย แต่สุดท้ายมันกลับเป็นฝ่ายไล่สิงโตซะงั้น!!

    ชมคลิปช้างน้อย กำลังถูกฝูงสิงโตไล่กัดกินอย่างหิวโหย แต่สุดท้ายมันกลับเป็นฝ่ายไล่สิงโตซะงั้น!!

    นี่คือคลิปวีดีโอของลูกช้างตัวหนึ่ง ที่กำลังถูกฝูงสิงโตถึง 14 ตัว รุมกัดกินอย่างหิวโหย แต่เจ้าช้างกลับสู้สุดชีวิต และพยายามเอาตัวรอดจากฝูงสิงโตผู้ดุร้าย งานนี้ดูเหมือนว่าเจ้าสิงโตทั้งหลายคงจะไม่ได้กินช้างน้อยง่ายๆ แน่ โถๆๆๆ น่าสงสารจริงๆ พยายามเข้าเจ้าช้าง พวกเราเอาใจช่วยเอ็งอยู่ ว่าแต่…เจ้าช้างจะเอาชีวิดรอดจากฝูงสิงโตได้อย่างไร เรามาลุ้นไปพร้อมกันเลย เรียกได้ว่ากว่าจะสามารถเอาชีวิตรอดจากฝูงสิงโตมาได้ ทำเอาคนดูถึงกับลุ้นกันใจหายใจคว่ำกันเลยทีเดียว แต่ก็ถือว่าเจ้าช้างโชคดีสุดๆ ที่สามารถพ้นจากเขี้ยวอันแสนคมของฝูงสิงโตได้ ที่มา : CatersNewsAgency

  • เคล็ดลับเพื่อความปลอดภัยจากแท็กซี่ญี่ปุ่น หากต้องเผชิญหน้ากับ “ยากูซ่า”

    เคล็ดลับเพื่อความปลอดภัยจากแท็กซี่ญี่ปุ่น หากต้องเผชิญหน้ากับ “ยากูซ่า”

    ว่ากันว่าที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นยังมีองค์กรที่น่ากลัวแฝงอยู่ตามเมืองต่างๆ องค์กรที่อยู่เหนือกฏหมายและมีมาอย่างยาวนาน นั่นก็คือ “ยากูซ่า” นั่นเอง คนธรรมดาอย่างเราๆ ก็ไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่งหรอก เพียงแต่ว่าหากวันใดวันหนึ่งต้องเผชิญหน้ากันล่ะ จะทำอย่างไร?     โดยปกติทั่วไปแล้วก็อาจจะโทรศัพท์เรียกตำรวจทันที แต่รู้มั้ยว่ามีความลับที่ดียิ่งกว่านั้น…     โดยที่ความลับนี้เปิดเผยมาจากคนขับรถแท๊กซี่ญี่ปุ่น ซึ่งบอกเอาว่าไว้หากต้องเผชิญหน้ากับยากูซ่าโดยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้บอกไปว่า     “อยากจะพบกับหัวหน้ายากูซ่าแบบตัวต่อตัว พาไปพบกับเขาหน่อย”     ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้วยากูซ่าจะไม่เผยที่อยู่ที่ตัวเอง ไม่อาจเปิดเผยให้ใครรู้ได้เด็ดขาด หากยากูซ่านำตัวบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ในองค์กรของตัวเองเข้าไปในพื้นที่แล้ว ก็จะถูกลงโทษจากหัวหน้าทันที!!     นอกจากนี้คนขับแท๊กซี่ญี่ปุ่นก็ได้เปิดเผยอีกว่า มีอีกกรณีหนึ่งที่โดนยากูซ่าเบี้ยวค่าแท๊กซี่ 8,000 เยน โดยจ่ายเพียงแค่ 1,000 เยน ก็เลยพูดประโยคประมาณว่าอยากจะเจอหัวหน้าเอ็งซะเหลือเกิน     ยากูซ่าก็ตอบกลับมาว่า “เอ็งนี่มีกึ๋นดีเหมือนกันนะเนี่ย” ก็เลยทิ้งเงินจำนวน 10,000 เยนเอาไว้ให้แทน แต่ถึงอย่างไรก็ตามไม่ได้แนะนำว่าให้ไปลองเจอจริงๆ นะ ทางที่ดีก็ควรเรียกตำรวจไว้ก่อนจะดีกว่า ที่มา : rocketnews24