Tag: ดูถูก

  • กรณีซ้ำซ้อน!? ผู้จัดการฟิตเนสเรียกตำรวจจับชายผิวสีที่ใช้พาสชั่วคราวจนตนโดนไล่ออกเอง

    กรณีซ้ำซ้อน!? ผู้จัดการฟิตเนสเรียกตำรวจจับชายผิวสีที่ใช้พาสชั่วคราวจนตนโดนไล่ออกเอง

    การเหยียดสีผิวยังคงมีอยู่ในสังคมมนุษย์เราในปัจจุบัน ถึงแม้จะมีการเปิดกว้างเปิดแนวคิดใหม่ๆ แล้วก็ตาม สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นปัญหาที่ฝังรากลึก และไม่อาจทำให้หายไปได้เสียที… อย่างในกรณีล่าสุดก็คือ พนักงานสตาร์บักส์แจ้งตำรวจจับ 2 ชายผิวสีในร้าน เหตุเพราะขอเข้าห้องน้ำ แต่ไม่สั่งกาแฟ และตามมาด้วยผู้จัดการฟิตเนสแห่งหนึ่ง แจ้งตำรวจมาจับชายผิวสีที่ทำทีเข้ามาหาเพื่อนด้วยพาสชั่วคราว…     เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2018 มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของผู้จัดการฟิตเนสของบริษัท L.A. Fitness ในเมือง Secaucus รัฐนิวเจอร์ซีย์ ทำการโทรเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้มารวบตัวชายผิวสีสองราย โดยให้เหตุผลว่าทั้งสองไม่ได้เป็นสมาชิกของฟิตเนสอย่างถูกต้อง ทั้งๆ ที่หนึ่งในนั้นคือ สมาชิกที่ใช้บริการมานานต่อเนื่องถึง 8 ปี และอีกคนหนึ่งก็ใช้พาสเข้าใช้งานฟิตเนส 4 วัน ตามกฎระเบียบของฟิตเนส   เพื่อนผู้เป็นสมาชิกฟิตเนสมา 8 ปี (ซ้าย) และนาย Tshyrad Oates (ขวา)   นาย Tshyrad Oates คือผู้ที่ถูกกล่าวหาจากผู้จัดการฟิตเนส เผยให้เห็นว่าพาส 4 วันที่เขาใช้งานนั้นถูกต้องตามกฎ เพื่อที่จะเข้ามาออกกำลังกายพร้อมกับเพื่อนผู้ที่เป็นสมาชิกของฟิตเนสแห่งนี้มาอย่างยาวนาน…

  • หนุ่มออทิสติกโดนเทรนเนอร์ดูถูก ไปเรียนกฎหมาย 2 ปี กลับมาฟ้องร้องจนชนะคดี!!

    หนุ่มออทิสติกโดนเทรนเนอร์ดูถูก ไปเรียนกฎหมาย 2 ปี กลับมาฟ้องร้องจนชนะคดี!!

    การถูกแบ่งแยก (Discrimination) ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ในสังคมตะวันตก เพราะถือว่าเป็นการลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ (Dehumanization) ดังนั้นผู้ที่ดูถูกหรือเหยียดผู้อื่น อาจถูกกฎหมายลงโทษจนทำให้เสียทั้งงาน เสียทั้งเงินเลยทีเดียว อย่างเช่นเรื่องราวของหนุ่มคนนี้ ชายหนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Ketan Aggarwal จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เหตุเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2015 เขาได้สมัครเป็นสมาชิกของฟิตเนส Virgin Active เพื่อมาออกกำลังกายเช่นคนทั่วไป ด้วยความที่เขามีอาการออทิสติก ทำให้เขามีการตอบสนองค่อนข้างช้า แต่ด้วยความหงุดหงิดหรือเหตุอันใดไม่ทราบได้ ดันมีผู้ฝึกสอนคนหนึ่งด่าเขาว่า “โง่” หลายต่อหลายครั้ง…     เมื่อเขาได้ยินดังนั้น เขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงได้ทำการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวไปยังบริษัทแม่ของ Virgin Active แต่ทางบริษัทกลับมองข้ามคำร้องเรียนของเขา ดังนั้นจึงเป็นเหตุทำให้เขารู้สึกว่าจะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้บ้าง…     หลังจากเหตุการณ์นั้น เขาก็ได้ใช้เวลา 2 ปีในการศึกษากฎหมายด้วยตนเอง ผ่านการอ่านหนังสือกฎหมายในห้องสมุดและเรียนรู้เพิ่มเติมจากตำราออนไลน์ เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว Ketan Aggarwal ก็ได้ทำการยื่นฟ้องร้องกรณีของเขาต่อศาลทันที…     เขาได้ใช้ความรู้ทางกฎหมายของเขา พิสูจน์ความผิดของพนักงานดังกล่าวต่อศาลได้สำเร็จ   สุดท้ายทาง Virgin Active ต้องจ่ายค่าปรับให้กับเขาเป็นเงิน 1,390…

  • หญิงสาวบอกคนผิวขาว ให้เลิกรังแกและทักว่า ‘หนีห่าว’ กับชาวเอเชียทุกคนสักที

    หญิงสาวบอกคนผิวขาว ให้เลิกรังแกและทักว่า ‘หนีห่าว’ กับชาวเอเชียทุกคนสักที

    หลายคนอาจต้องการไปเรียนเมืองนอกในแถบประเทศตะวันตก หรือบางคนอาจกำลังเรียนอยู่ในแถบนั้น แต่แน่นอนว่าทุกที่ย่อมมีทั้งคนที่ดีกับเราและคนที่ไม่ชอบเรา กลายเป็นว่าเราถูกรังแกจากคนในประเทศนั้นและมันอาจทำให้เรารู้สึกไม่พอใจ จนต้องระเบิดออกมาเหมือนอย่างหญิงสาวคนนี้ นักเขียนชาวเอเชียที่ชื่อว่า Jin Hyun ได้ออกมาบอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับการที่เธอเรียนอยู่ในประเทศอังกฤษ โดยสิ่งสำคัญที่เธอพูดถึงคือการถูกรังแกจากคนผิวขาวบางกลุ่ม ซึ่งคนเหล่านั้นมักจะทักทายเธอด้วยคำว่า “หนีห่าว” (คำทักทายภาษาจีน) หรือ “Ching Chong Ling Long” (เป็นเหมือนกับคำเยาะเย้ยคนจีน) อยู่เสมอ     เธอบอกว่าชายผิวขาวบางคนถึงกับขว้างบางอย่างมาใส่เธอ หรืออาจพยายามเดินเข้ามาคุกคามเธอ ก่อนที่จะจากไปพร้อมกับหัวเราะกับเพื่อน พูดเยาะเย้ยเป็นภาษาอังกฤษ ทำเหมือนกับว่าเธอไม่เข้าใจ ในช่วงปีแรกที่เธอได้มาเรียน เธอจะพยายามไม่สนใจกับการโดนดูถูกผ่านคำพูดหรือการกระทำหลายๆ อย่าง เธอจะพยายามคิดว่าตัวเองแค่เป็นคนที่โชคร้ายมากๆ เท่านั้นเอง แต่เมื่อเธอได้เริ่มเรียนในชั้นปีที่สองและสาม ถึงได้รู้ว่าไม่ได้มีแค่เธอที่ต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้     หญิงสาวได้เจอกับเพื่อนที่เป็นชาวเอเชียตะวันออกเหมือนๆ กันจากหลากหลายประเทศ ตัวเธอนั้นเป็นคนเกาหลี เพื่อนคนอื่นๆ ก็มีทั้งชาวมาเลเซีย ชาวเวียดนาม หรือชาวญี่ปุ่น แต่ถึงแม้ว่าพวกเธอจะมาจากประเทศที่ต่างกันไป กลับมีสิ่งหนึ่งที่ต้องโดนเหมือนกันนั่นคือการถูกมองและถูกกระทำเหมือนกับว่าพวกเธอทุกคนเป็นคนจีน ทำให้พวกเธอต้องถูกรังแกมาสารพัด Jin ถึงกับบอกว่าเพื่อนทุกคนของเธอต้องเคยเจอการถูกคุกคามในลักษณะนี้มาอย่างน้อยหนึ่งครั้ง และประโยคที่มักจะเจอเป็นประจำคือการถูกทักทายและหัวเราะเย้ยหยันด้วยคำว่า “หนีห่าว”     เมื่อเธอนำเรื่องนี้ไปปรึกษาเพื่อนนักเรียนที่เป็นคนผิวขาว คำตอบที่เธอได้กลับมาคือ “แล้วยังไง?”…

  • สาวเจ้าเนื้อถูกถากถาง ‘ไม่คู่ควรกับสามีหน้าท้องงาม’ เธอจึงตอกกลับชาวเผือก ด้วยวลีสุดกินใจ…

    สาวเจ้าเนื้อถูกถากถาง ‘ไม่คู่ควรกับสามีหน้าท้องงาม’ เธอจึงตอกกลับชาวเผือก ด้วยวลีสุดกินใจ…

    คนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะเป็นได้ ไม่ว่าจะในรูปแบบไหนก็ตาม การเป็นตัวตนของตัวเองนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว นั่นก็เป็นเพราะว่าเราไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่เราทำเพื่อความสุขของตัวเอง ซึ่งชีวิตของแต่ละคนนั้น ก็ดำเนินไปตามวิถีของตน แต่ทว่าบนโลกใบนี้มักจะมีบุคคลประเภทหนึ่งที่ชอบมาเข้ามายุ่งและปั่นหัวผู้อื่น ด้วยการใช้ข้อความหยาบคายและทำร้ายจิตใจฝ่ายตรงข้าม เพื่อกดให้อีกฝ่ายอยู่ในขั้นที่ต่ำกว่าตัวเอง และตกเป็นเหยื่ออารมณ์   Jenna Kutcher   อย่างเช่นในช่วงชีวิตของ Jenna Kutcher อินสตาแกรมเมอร์และนักจัดรายการออนไลน์ ได้แต่งงานกับสามี Drew มาร่วม 11 ปี ทั้งสองต่างมีชีวิตคู่ที่สุขสม เธอสวย สุขภาพดีและประสบความสำเร็จในชีวิต และ Drew เองก็เป็นสามีที่ดี มีหน้าที่เป็นเทรนเนอร์ดูแลสุขภาพ   Drew ผู้เป็นสามีและแต่งงานกับเธอมา 11 ปีแล้ว .   แต่แล้วเธอก็ได้รับข้อความถากถาง จากผู้ไม่ประสงค์ดีรายหนึ่ง ที่ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่มีร่างกายแบบเธอนั้น แต่งงานกับสามีผู้มีหุ่นอันเร่าร้อนขนาดนี้ได้ ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร แต่พยายามอธิบายให้ทุกคนได้เห็นว่า ‘ความรักนั้นเป็นอะไรที่มากกว่ากายหยาบ’     “ใครบางคนส่งข้อความหลังไมค์มาและบอกกับฉันว่า แทบไม่อยากจะเชื่อว่าฉันคบกับผู้ชายคนนี้ได้ แต่ฉันจะบอกอะไรให้ฟัง…   ผู้ชายคนนี้ยอมรับทุกส่วนโค้ง ทุกลักยิ้ม ทุกน้ำหนัก…

  • หญิงผิวขาวเหยียดรุนแรง ด่ากราดลูกครึ่งเอเชียอเมริกัน ลั่นวาจาไล่ “กลับประเทศบ้านเกิด”

    หญิงผิวขาวเหยียดรุนแรง ด่ากราดลูกครึ่งเอเชียอเมริกัน ลั่นวาจาไล่ “กลับประเทศบ้านเกิด”

    แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการรณรงค์ความคิดยุคใหม่ในเรื่องของ ‘การเหยียดเชื้อชาติ’ แต่ทว่าปัญหาดังกล่าวยังคงไม่จางหายไป เพราะประเด็นของการถกเถียงในเรื่องเลือดแท้หรือเลือดผสมนั้น ยังมีความรุนแรงในประเทศเสรีอย่างสหรัฐอเมริกาอยู่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับ Tony Kao และครอบครัวในเมืองลองบีช รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อพวกเขาได้พูดคุยกับหญิงผิวขาวรายหนึ่ง โดยเป็นคลิปเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ ต่างฝ่ายต่างโต้เถียงกันในเรื่องของความไม่เข้าใจเรื่องเชื้อชาติ และมีการดูถูกเหยียดหยาม…     ใจความระหว่างสองฝ่ายได้พูดคุยกันนั้น กล่าวถึงประเด็นที่ว่าทำไมหญิงรายนี้ต้องลั่นวาจาไล่เขากลับประเทศ ทั้งๆ ที่เขาก็เกิดและเติบโตในสหรัฐอเมริกา… Tony: “ผมก็แค่อยากจะให้คุณบอกกับทุกคนว่า ทำไมคุณถึงบอกให้เรากลับประเทศบ้านเกิดล่ะ” หญิงผิวขาว: “คุณต้องกลับไปที่ประเทศของตัวซะ” Tony: “แทบไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดในช่วงนี้เลย ทั้งๆ ที่เราเกิดและโตในสหรัฐฯ และคุณบอกให้ผมกลับบ้านเกิดเนี่ยนะ?” หญิงผิวขาว: “ฉันจะไม่มีวันบอกคุณหรอก”     ทางด้าน Tony ได้ชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ว่า “เราเจอกับคนแบ่งแยกเชื้อชาติ ในย่านที่พักอาศัยของเรา ระหว่างที่กำลังเดินเล่นช่วงบ่ายกับภรรยาและลูกสาว จนมาพบกับหญิงผิวขาวที่เดินผ่านมาพร้อมกับพูดแบบนี้โดยที่ไม่หยุดเลย ผมอยากจะขอโทษภรรยาและลูกสาวที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ครั้งแรก คุณอาจจะเคยได้ยินเรื่องการเหยียดในสังคมของเรามาบ้าง… แต่เมื่อคุณได้เจอเข้าจริงๆ เป็นครั้งแรกพร้อมกับคนที่คุณรัก มันทำให้ทั้งวันของคุณพังได้ในพริบตา แทบไม่อยากจะเชื่อว่าความคิดแบบนี้ยังมีอยู่ในสหรัฐ และเมืองที่เปิดกว้างทางความหลากหลายและวัฒนธรรม”   หลังจากที่คลิปถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างก็รู้สึกไปในทำนองเดียวรู้สึกช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้น   แทบไม่อยากจะเชื่อ รู้สึกภูมิใจกับคุณนะ Tony คุณควบคุมสถานการณ์ด้วยความนอบน้อม…

  • หนุ่มผิวสีถูกร้านกักตัว กล่าวหาว่าขโมยเสื้อกันหนาว แม้บริสุทธิ์แต่ไม่มีคำขอโทษสักคำ!?

    หนุ่มผิวสีถูกร้านกักตัว กล่าวหาว่าขโมยเสื้อกันหนาว แม้บริสุทธิ์แต่ไม่มีคำขอโทษสักคำ!?

    ในปัจจุบัน คนบางกลุ่มยังคงยึดถือในเรื่องของความแตกต่าง มองว่าตนเองอยู่เหนือกว่าผู้อื่นเพียงเพราะเรื่องของเชื้อชาติหรือสีผิว ทำให้เกิดการเหยียดคนที่เป็นเชื้อชาติอื่นๆ เหมือนอย่างเหตุการณ์ที่ชายคนนี้ต้องเจอเพียงเพราะว่าเขาเป็นคนผิวดำ เขาคนนี้มีชื่อว่า James Conley III วัย 29 ปี หนุ่มผิวสีที่เป็นลูกค้าประจำของแบรนด์เสื้อผ้า Old Navy แต่วันหนึ่งเขาก็ต้องเจอกับการโดนดูถูกจากร้านเสื้อผ้าที่ตนเองชื่นชอบ James ได้โพสต์สิ่งที่เกิดขึ้นลงในเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2018 เรื่องราวมีอยู่ว่าในวันนั้น เขาได้เข้าไปเลือกซื้อเสื้อผ้าของร้าน Old Navy สาขาหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า Jordan Creek รัฐไอโอวา สหรัฐอเมริกา ซึ่งในตอนนั้นเขาก็ใส่เสื้อแบรนด์เดียวกันไปด้วย   โพสต์ของเขาที่พูดถึงการโดนเหยียดสีผิว   จากนั้นเขาก็ถูกผู้จัดการร้านที่ชื่อ Beau Carter เรียกตัวไป เพื่อจะตรวจสอบเสื้อหนาวสีน้ำเงินตัวที่เขาใส่อยู่ เพราะเกิดการตั้งข้อสงสัยว่าเขาได้ขโมยเสื้อตัวนี้ไปหรือเปล่า ทั้งๆ ที่จริงเสื้อตัวนี้ James ได้มาเป็นของขวัญวันคริสต์มาสในปีที่ผ่านมานี่เอง   James (คนซ้าย) ถูกผู้จัดการร้านเรียกไปตรวจสอบว่าเสื้อที่เขาใส่คือตัวของทางร้านหรือเปล่า   ผู้จัดการร้านชี้แจงกับเขาว่า “เวลาที่มีลูกค้าใส่เสื้อของ Old Navy เดินเข้ามาในร้าน…

  • นักศึกษาผิวขาวจะไม่ทน ต้องป่าวประกาศ ‘ทวงคืนคนขาว’ เมื่อเห็นสาวผิวขาวจูบหนุ่มเอเชีย

    นักศึกษาผิวขาวจะไม่ทน ต้องป่าวประกาศ ‘ทวงคืนคนขาว’ เมื่อเห็นสาวผิวขาวจูบหนุ่มเอเชีย

    ในปัจจุบันที่โลกของเราพยายามจะเปิดรับความแตกต่างระหว่างบุคคลอย่างเท่าเทียม คนส่วนมากจึงต่อต้านแนวคิดการเหยียดเชื้อชาติ เหยียดสีผิว และการเหยียดเพศอีกด้วย ทว่าก็ยังมีคนส่วนหนึ่งที่ยังคงใช้ถ้อยคำดูถูกเหยียดเชื้อชาติอย่างโจ่งแจ้งอยู่ หนุ่มผู้ใช้เฟซบุ๊กคนนี้เองก็เช่นกัน เขาโจมตีคู่รักหญิงผิวขาวและชายเอเชียด้วยถ้อยคำรุนแรงบนเฟซบุ๊ก ทำให้ชาวเน็ตที่เห็นโพสต์นั้นพากันวิจารณ์เขายับเลย   โพสต์ในเฟซบุ๊กของหนุ่มผิวขาว   โพสต์ที่ว่านี้เขียนโดยหนุ่มที่ใช้ชื่อว่า Will Harrison เขาเขียนมันลงในกลุ่มเฟซบุ๊กของมหาวิทยาลัย University of California Irvine ที่ชื่อ UC Irvine (UCI) Class of 2020 ในโพสต์มีใจความว่า “ถึงสาวผิวขาวหน้าบ้านๆ ที่ผมเห็นเธอจูบกับหนุ่มน้อยเอเชียใกล้กับศูนย์นักศึกษาเมื่อวาน ไม่มีใครคิดว่าที่คุณทำอยู่มันเท่หรอกนะ แถมมันยังดูเหมือนคุณเสแสร้งแสดงเป็นพิเศษด้วย ใครๆ ก็รู้ว่าที่เธอคบกับหนุ่มน้อยชาวเอเชียคนนั้นเป็นเพราะว่าผู้ชายผิวขาวไม่มีใครอยากคบเธอต่างหาก แล้วก็อยากบอกกับหนุ่มน้อยเอเชียคนนั้นด้วยว่าถึงแกจะพยายามอย่างมากจนในที่สุดก็ได้คบกับสาวผิวขาวเสียที แต่สาวคนนั้นไม่ได้เซ็กซี่อะไรเลย เธอดูเหมือนพวกบ้าเห่อสตรีนิยมที่มีสีผมประหลาดแค่นั้นเอง”     “ในขณะเดียวกันสาวเอเชียน่ะก็ ‘ขึ้นชื่อ’ ว่าเป็นพวกบูชาผู้ชายผิวขาว ดูจากข้อมูลในแอปฯ หาคู่ก็รู้แล้ว แถมสถิติการแต่งงานของคนต่างสีผิวก็บอกแบบนั้นเหมือนกัน ลองแข่งกันเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ใน Tinder เป็นผู้ชายผิวขาวธรรมดาๆ ดูสิ แล้วมานับดูว่ามีสาวเอเชียอยากคุยกับพวกเธอมากแค่ไหน มันต้องเยอะพวกเธอตกใจมากแน่ๆ ยังไงซะก็ลองให้หนุ่มน้อยเอเชียคบกับสาวผิวขาวไปเถอะ คนเขารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่าคบกันไม่ยาวหรอก” โพสต์นั้นหยาบคายมากเสียจนเมื่อผู้ดูแลกลุ่มเห็นแล้วต้องรีบลบทิ้งทันทีเลย แต่ก็ไม่ทันชาวเน็ตมือไวทั้งหลายหรอก พวกเขาเก็บภาพโพสต์ของหนุ่มผิวขาวเอาไว้ได้ทัน และเริ่มแชร์ลงโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวางทันที พอโพสต์ถูกแชร์ไปคนก็เริ่มวิจารณ์หนุ่มคนนี้อย่างหนาหู…

  • คุณพ่อชาวเวียดนามส่งอีเมลสมัครงาน ฝ่ายบุคคลตอบกลับ ‘ถ้าไม่พูดอังกฤษ จะไล่ส่งกลับบ้าน’

    คุณพ่อชาวเวียดนามส่งอีเมลสมัครงาน ฝ่ายบุคคลตอบกลับ ‘ถ้าไม่พูดอังกฤษ จะไล่ส่งกลับบ้าน’

    เมื่อไม่นานมานี้มีสาวชาวเน็ตคนหนึ่งโพสต์บนทวิตเตอร์ถึงเรื่องที่พ่อของเธอโดนเหยียดเชื้อชาติทางอีเมลจากบริษัทที่เขาไปสมัครงานไว้ คำพูดในอีเมลนั้นทำเอาชาวเน็ตที่ได้อ่านอารมณ์ร้อนเป็นไฟเลยทีเดียว ในวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมานี้ Emily Huynh สาวจากเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ทวีตอีเมลล์ฉบับหนึ่งที่พ่อเธอได้รับจากแผนกบุคคลของบริษัท Dash Delivery LLC   โพสต์ทวีตเตอร์ของ Emily Huynh   ในโพสต์มีใจความว่า “คนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ลำบากจริงๆ เลย พ่อของฉันก็เพิ่งได้รับอีเมลปฎิเสธการสมัครงานมา ในอีเมลเขียนว่า ‘ขอบอกไว้เลยนะ ถ้าคุณพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ก็กลับบ้านไปซะเถอะ’ แถมอีเมลทั้งหมดจากนาย Bruce คนนี้ก็หยาบคายและไม่เป็นมืออาชีพเอาซะเลย” ทวีตของเธอได้รับความสนใจจากชาวเน็ตจำนวนมาก เพราะพวกเขาเองต่างก็ไม่เห็นด้วยกับการที่ฝ่ายบุคคลส่งอีเมลหยาบคายเช่นนี้ให้กับผู้สมัครงาน พวกเขาจึงให้กำลังใจเธอและพ่อ พร้อมทั้งร่วมกันโจมตีคนที่เขียนอีเมลฉบับนั้นด้วย   ทวีตที่ Emily โพสต์ต่อมา   จากนั้นเธอก็ทวีตต่ออีกว่า “ฉันเข้าใจดีว่างานนั้นต้องการคนที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ แต่เขาก็ควรจะตอบอีเมลให้มันเป็นทางการและสุภาพกว่านี้ อีเมลที่ส่งมาให้พ่อมันช่างน่ารังเกียจและต่ำทราม เขาไม่มีความจำเป็นที่ต้องเขียนอีเมลแบบนั้นเลย” แต่ดูเหมือนว่าพ่อของเธอจะไม่ได้รู้สึกเจ็บใจกับอีเมลนั้นนัก เธอทวีตอีกว่า “พ่อของฉันไม่รู้สึกเจ็บ แค่เขาไม่เข้าใจว่าบริษัทไม่จ้างเขาเพราะเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ทั้งที่พ่อมีประกบการณ์เรื่องนี้มากกว่าใครแท้ๆ “   ทวีตของเธอที่บอกว่าพ่อไม่รู้สึกเจ็บปวด   ตัวลูกสาวยังบอกอีกว่า “ถึงพ่อของฉันจะไม่รู้สึก ‘เจ็บปวด’ ก็ตาม แต่นี่เป็นการเหยียดหยามที่พ่อแม่ผู้อพยพชาวเอเชียต้องเจออยู่ตลอดเวลา…

  • ร้าน H&M ในแอฟริกาใต้ถูกถล่มจนเละ หลังจากมีดราม่าเสื้อที่มีคำพูดเชิงเหยียดเชื้อชาติ

    ร้าน H&M ในแอฟริกาใต้ถูกถล่มจนเละ หลังจากมีดราม่าเสื้อที่มีคำพูดเชิงเหยียดเชื้อชาติ

    หลังจากที่มีข่าวว่า H&M แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดัง นำรูปเด็กชายผิวสีสวมเสื้อฮู้ดที่มีสโลกแกน ‘Coolest Monkey in the Jungle’ (ลิงที่เจ๋งที่สุดในป่า) ซึ่งสื่อถึงการเหยียดสีผิว ขึ้นบนเว็บไซต์ ชาวเน็ตก็ได้ออกมาต่อต้านกันมากมาย แม้ว่าล่าสุดทาง H&M จะนำรูปเสื้อตัวนั้นออกจากเว็บไซต์ และมีคำขอโทษออกมาแล้ว แต่การประท้วงต่อการเหยียดคนผิวสีนั้นยังคงดำเนินต่อไป และมทวีความรุนแรงมากขึ้น   รูปเด็กชายและเสื้อฮู้ดที่เคยอยู่ในเว็บไซต์ H&M ที่เป็นข่าวดังเรื่องเหยียดสีผิวในขณะนี้   ล่าสุด ผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งในประเทศแอฟริกาใต้ ได้บุกเข้าไปทำลายข้าวของในร้าน H&M ตามห้างสรรพสินค้ากว่า 6 แห่ง เนื่องจากไม่พอใจที่เสื้อตัวใหม่ของ H&M มีข้อความเหยียดสีผิวด้วย เหตุเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 13 มกราคาคมที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าการก่อเหตุรุนแรงขนาดใหญ่นี้ ได้มีการวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้ว โดยในคลิปวิดีโอหนึ่งที่บันทึกเหตุการณ์นี้ไว้ได้ จะเห็นว่ามีชายคนหนึ่งเข้ามากระโดดเตะราวเสื้อผ้าล้มระนาว จากนั้นก็มีคนอื่นๆ เข้ามาร่วมสมทบอีกด้วย     นอกจากร้านค้า H&M ที่ได้รับความเสียหายแล้ว ลูกค้าที่กำลังซื้อของในร้าน และคนที่อยู่ใกล้เคียงก็ได้รับความเดือดร้อนไปด้วยเช่นกัน กลุ่มผู้ประท้วงยังคงทำลายข้าวของในร้านค้าโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แม้ว่าตำรวจจะเข้ามาห้ามปรามไว้แล้วก็ตาม ทำให้ท้ายที่สุด ตำรวจจำเป็นต้องใช้กระสุนยางยิงผู้ประท้วงเหล่านี้ และจับกุมตัวไว้  …

  • อัปเดตภาพ Logan Paul จ้างบอดีการ์ดพิเศษ เฝ้าบ้านมูลค่า 200 ล้าน หลังเกิดดราม่าดัง

    อัปเดตภาพ Logan Paul จ้างบอดีการ์ดพิเศษ เฝ้าบ้านมูลค่า 200 ล้าน หลังเกิดดราม่าดัง

    หลังจากที่ถูกวิพากย์วิจารณ์อย่างหนังเกี่ยวกับกรณีทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อผู้เสียชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่น ล่าสุดหลังจากกลายเป็นกระแสดราม่าอย่างหนัก จากรายงานของ Daily Mail เผยว่า Logan Paul ได้จ้างบอดี้การ์ดในการดูแลความปลอดภัยของเขาที่บ้านหรูมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ภาพของรถรักษาความปลอดภัยที่จอดอยู่หน้าบ้านของยูทูบเบอร์หนุ่มวัย 22 ปี ถูกถ่ายภาพได้หลังจากมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของเขาที่ป่าอาโอกิกาฮาระเพียงแค่ไม่กี่วัน     รถของบริษัทรักษาความปลอดภัยทั้ง 4 คนที่จอดอยู่ในบ้านหรูของยูทูบเบอร์หนุ่มถูกถ่ายได้พร้อมกับการออกมาปรากฏตัวครั้งเป็นครั้งแรกของเขาหลังจากที่เกิดกระแสดราม่า แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดของเรื่องนี้แต่อย่างใด และทางด้านเซเลบหนุ่มก็ยังไม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในครั้งนี้     ภาพของรถจากบริษัทรักษาความปลอดภัยที่จอดอยู่หน้าแมนชั่นหรูของ Logan Paul   จากรายงานระบุว่าภาพของหนุ่ม Logan ในระหว่างออกกำลังกายในตอนเช้านั้นดูมีอาการวิตกกังวลหลังจากที่มีกระแสดราม่าของเขา พฤติกรรมการหัวเราะและพูดเรื่องตลกเกี่ยวกับศพในป่าอาโอกิกาฮาระนั้นได้รับการวิจารณ์อย่างหนักจากเล่าคนดัง และสื่อหลายสำนัก ยูทูบเบอร์หนุ่มได้ออกมาขอโทษต่อการกระทำดังกล่าวแล้วถึง 2 ครั้ง และเมื่อวันพุธที่ผ่านมาเขาก็ได้บอกว่าสิ่งที่ทำไปนั้นเพียงแค่อยากจะสร้างกระแสด้านบวกไม่ได้เป็นการดูถูกแต่อย่างใด     หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว หนุ่มวัย 22 ปีไม่ได้ปรากฏตัวอีกเลย จนกระทั่งเมื่อวันศุกร์ที่ 5 มกราคมที่ผ่านมามีคนพบเห็นเขาออกกำลังกายบนถนนใกล้กับบ้านหรูที่ลอสแองเจลิส     สีหน้าของยูทูบเบอร์หนุ่มที่ดูวิตกกังวลหลังจากถูกโจมตีอย่างหนัก .   ขณะนี้ช่องยูทูบของ Logan Paul กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยจากเดิมยอดผู้ติดตามใหม่ของเขาจะมีเพิ่มมากถึง 40,000 รายต่อวันลดลงเหลือเพียงแค่ 16,000 รายต่อวันเท่านั้น…

  • หญิงสาวตอกหน้าทุกคน ที่เคยดูถูกเธอว่า ‘โง่’ ด้วยการคว้าปริญญาตรีเกียรตินิยม

    หญิงสาวตอกหน้าทุกคน ที่เคยดูถูกเธอว่า ‘โง่’ ด้วยการคว้าปริญญาตรีเกียรตินิยม

    บางครั้งคำดูถูกก็อาจจะเป็นแรงผลักดันให้เราลุกขึ้นมาพิสูจน์ตัวเอง เพื่อเอาชนะคำสบประมาทเหล่านั้นให้ได้ และหญิงสาวชาวออสเตรเลียผู้นี้เองก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของคนที่สามารถเอาชนะคำดูถูกและตอกหน้าคนที่เคยทำร้ายจิตใจของเธอ     “เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ฉันโดนดูถูกมานานหลายปี แต่ฉันใช้มันเป็นแรงผลักดัน” หญิงสาวที่ชื่อว่า Phoebe ได้เขียนผ่านเฟซบุ๊กของเธอ หญิงสาวต้องทนต่อความอับอายที่หลายๆ คนบอกว่าเธอนั้นไม่ฉลาด เธอมีปัญหาด้านการเรียนรู้หลายๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นความบกพร่องในการอ่านหนังสือ (Dyslexia) ความบกพร่องทางการคำนวน (Dyscalculia) ความบกพร่องทางการเขียน (Dysgraphia) และโรคสมาธิสั้น หลังจากที่สามารถคว้าใบปริญญาพร้อมเกรียรตินิยมมาครองได้สำเร็จ Phoebe ก็เขียนระบายความในใจของเธอผ่านเฟซบุ๊กว่า     “ถึงครูที่เคยบอกกับพ่อแม่ของฉันว่าให้ควรให้ฉันเลิกเรียนเพราะฉันจะทำให้เกรดของเด็กคนอื่นๆ ตกไปด้วย ถึงอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ด่าฉันหน้าชั้นเรียนจนฉันแทบร้องไห้ เพียงเพราะว่าฉันสะกดคำผิด ถึงพ่อแม่ของนักเรียนคนอื่นที่เคยบอกครูประจำชั้นว่าอย่าให้ลูกๆ ของพวกเขานั่งใกล้ฉัน เพราะกลัวจะทำให้พวกเขาติดเชื้อโง่ไปด้วย ถึงระบบการศึกษาสุดห่วย ที่บอกว่าฉันมีคะแนน ATAR แค่ 49 (คะแนน ATAR เป็นระบบวัดความรู้ของเด็กนักเรียนออสเตรเลีย คนที่ได้คะแนนเยอะที่สุดในชั้นปีจะมีคะแนน 100 ถ้าได้ 49 คะแนน แปลว่าคุณได้คะแนน 49 เปอร์เซ็นของคนที่ได้เยอะที่สุด) หลังจากที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ฉันก็พบว่าตัวเองป่วยด้วยโรคหลายโรค แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็สามารถจบการศึกษาด้วยเกรดที่สูงที่สุดคนหนึ่งของคณะ สำหรับใครก็ตามที่ทำให้ฉันอับอาย เพราะฉันไม่เหมือนพวกคุณ ระวังให้ดีล่ะ เด็กพิการอย่างพวกเราก็สามารถเอาชนะพวกคุณได้ด้วยวิธีการของพวกเรา”      และแน่นอนว่าเรื่องราวของเธอนั้น กลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วอินเตอร์เน็ต และหลังจากที่เธอโพสต์ข้อความดังกล่าวลงบนโลกออนไลน์…

  • ชายเก็บขยะ ถูกแอบถ่ายพร้อมข้อความดูถูก ชาวเน็ตทนไม่ไหว พาเขาไปซื้อของที่หมายปอง!!

    ชายเก็บขยะ ถูกแอบถ่ายพร้อมข้อความดูถูก ชาวเน็ตทนไม่ไหว พาเขาไปซื้อของที่หมายปอง!!

    สำหรับคุณลุงพนักงานทำความสะอาดคนนี้ ก็ต้องบอกว่าโชคหล่นทับแล้วล่ะ…   Nazer al-Islam Abdul Karim วัย 65 ปี คือพนักงานเก็บขยะชาวบังคลาเทศที่ไปทำงานอยู่ใน Riyadh ประเทศซาอุดิอาระเบีย     เขาถูกถ่ายภาพได้ขณะที่เขากำลังมองไปยังเครื่องประดับแสนแพงอยู่ และมีชาวเน็ตนิสัยไม่ดีคนหนึ่งได้โพสต์ภาพนี้ ด้วยข้อความที่ว่า ‘ชายคนนี้ไม่สมควรมองไปที่เครื่องประดับสุดหรู เขาควรมองแค่ขยะก็พอ’   ภาพที่เขาถูกถ่ายไว้   เรื่องนี้ร้อนไปถึง Abdullah Al-Qahtani ซึ่งเป็นเจ้าของเพจ ‘Ensaneyat’ หรือกลุ่มสิทธิมนุษยชนในภาษาอาระบิก และเขาก็ได้แคปและแชร์โพสต์ดังกล่าวออกไป มีผู้ร่วมแชร์เรื่องราวที่เกิดขึ้นออกไปมากมาย จนมีการค้นหาตัวของเขา หลังจากพบตัวของเขาแล้วจึงทราบว่า Nazer al-Islam Abdul Karim เป็นพนักงานเก็บขยะ โดยเขาได้รับเงินเดือนในการทำความสะอาดราวๆ 187 เหรียญ หรือประมาณ 6,545 บาทเท่านั้น และเขาไม่ทราบเลยว่าเขาถูกถ่ายภาพนี้ไว้ และหลังจากพบตัวเขา ก็มีผู้เห็นใจส่งทั้งเงินและข้าวของมาให้เขามากมาย ทั้งถุงข้าว เงิน โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง (ไอโฟน 7 กับซัมซุงกาแล็กซี่) และนั่นยังไม่รวมถึงเครื่องประดับที่เขาเคยไปมองที่ห้างแห่งนั้นด้วย!?   ผู้คนแห่งส่งความช่วยเหลือไปถึงเขา   ‘ผมทำงานเป็นพนักงานเก็บขยะให้กับทางเทศบาลของเมือง…

  • ปาเกียวลั่นปากดูถูกเพศที่สาม ‘สัตว์ยังดีกว่า’ เพราะแยกแยะได้ ‘ไนกี้’ รีบตัดสัญญาทิ้งทันที!!

    ปาเกียวลั่นปากดูถูกเพศที่สาม ‘สัตว์ยังดีกว่า’ เพราะแยกแยะได้ ‘ไนกี้’ รีบตัดสัญญาทิ้งทันที!!

    เรื่องของเพศที่สามนั้นเป็นที่ยอมรับกันมากขึ้นในปัจจุบัน จากการต่อสู้และผลักดันมาอย่างยาวนาน ทั้งนี้รสนิยมทางเพศของแต่ละคนก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจทั้งนั้น ไม่ได้มีการบังคับแต่อย่างใด แต่ถึงแม้จะมีการยอมรับในวงกว้างแล้ว กระแสต่อต้านก็ยังคงมีอยู่เช่นกัน     จากคลื่นใหญ่โหมกระหน่ำชาวเพศที่สามในอดีต ตอนนี้ก็เป็นคลื่นใต้น้ำที่รอการกลับมาอีกครั้ง แต่ทว่าในคราวนี้กลับเป็น แมนนี่ ปาเกียว นักชกหมัดหนักผู้โด่งดังระดับโลกชาวฟิลิปปินส์ วัย 37 ปี ผู้นี้ จากการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ โดยมีการถามความคิดเห็นเกี่ยวกับเพศที่สาม   คลิปการให้สัมภาษณ์ของแมนนี่ ปาเกียว Manny Pacquiao on same-sex marriage“Mas masahol pa sa hayop.” Senatorial aspirant and Sarangani Rep. Manny Pacquiao had this to say when we asked him for his stand on same-sex marriage. #BilangPilipino Posted…

  • หนุ่มใจงามเจอวัยรุ่นกำลัง “ดูถูก” บ้านของลุงวัย 75 ปี เขาจึงเปลี่ยนโฉมบ้านลุงซะเลย!!

    หนุ่มใจงามเจอวัยรุ่นกำลัง “ดูถูก” บ้านของลุงวัย 75 ปี เขาจึงเปลี่ยนโฉมบ้านลุงซะเลย!!

    ชายหนุ่มจิตใจงามคนนี้มีชื่อว่า Josh Cyganik เขาได้บังเอิญไปได้ยินเด็กวัยรุ่น 2 คนที่กำลังพูดเชิงดูถูกบ้านของคุณลุง Leonard Bullock วัย 75 ปี ซึ่งบ้านหลังนี้ดูเก่าและทรุดโทรมเอามากๆ พอเขาได้ยินดังนั้นจึงคิดอะไรได้บางอย่าง แล้วโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เขาได้เล่ารายละเอียดว่าเด็กวัยรุ่น 2 คนนั้นพูดว่า “ดูบ้านพิลึกหลังนี้สิ คงต้องเผาทิ้งแล้วล่ะ”     นี่คือบ้านของคุณตอนที่ Josh ได้ยินเสียงวัยรุ่นพูด   คำพูดนั้นทำให้เขากลับมานั่งคิดว่า ต้องลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างแล้ว เขาก็เลยเชิญชวนเพื่อนๆ ในโลกออนไลน์ ที่ว่างในวันเสาร์มาช่วยการเปลี่ยนโฉมบ้านของคุณลุง และผลลัพท์ที่ได้มันทำให้เขาแทบไม่เชื่อสายตา เพราะจากโพสต์แค่อันเดียวมีคนอาสาถึง 95 คนด้วยกัน เขาจึงต้องหยุดไว้เพียงเท่านี้ แต่ดูเหมือนว่าทุกคนต้องการที่จะทำมันจริงๆ ซึ่งบางคนก็มาไกลทั้งจาก เท็กซัส วอชิงตัน และแคลิฟอร์เนีย เขาได้กล่าวกับสำนักข่าวเดลีเมล์ว่า “หลายคนอาจจะมองผมเป็นฮีโร่ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย ผมแค่ได้ยินอะไรที่มันกวนใจเท่านั้น”   แล้วเขาก็กลับไปโพสต์ที่เฟซบุ๊กให้คนมาช่วย   แล้วผู้คนก็หลั่งไหลกันมาช่วยมากมาย   เริ่มจะเห็นการเปลี่ยนแปลงแล้ว   และนี่คือภาพก่อนและหลังการตกแต่ง .   ไม่น่าเชื่อว่าพลังโซเชียล มีเดีย จะทำให้คนหลั่งไหลมาช่วยกันได้เยอะขนาดนี้ ที่มา aplus