คุณพ่อชาวเวียดนามส่งอีเมลสมัครงาน ฝ่ายบุคคลตอบกลับ ‘ถ้าไม่พูดอังกฤษ จะไล่ส่งกลับบ้าน’

เมื่อไม่นานมานี้มีสาวชาวเน็ตคนหนึ่งโพสต์บนทวิตเตอร์ถึงเรื่องที่พ่อของเธอโดนเหยียดเชื้อชาติทางอีเมลจากบริษัทที่เขาไปสมัครงานไว้ คำพูดในอีเมลนั้นทำเอาชาวเน็ตที่ได้อ่านอารมณ์ร้อนเป็นไฟเลยทีเดียว

ในวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมานี้ Emily Huynh สาวจากเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ทวีตอีเมลล์ฉบับหนึ่งที่พ่อเธอได้รับจากแผนกบุคคลของบริษัท Dash Delivery LLC

 

โพสต์ทวีตเตอร์ของ Emily Huynh

 

ในโพสต์มีใจความว่า “คนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ลำบากจริงๆ เลย พ่อของฉันก็เพิ่งได้รับอีเมลปฎิเสธการสมัครงานมา ในอีเมลเขียนว่า ‘ขอบอกไว้เลยนะ ถ้าคุณพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ก็กลับบ้านไปซะเถอะ’ แถมอีเมลทั้งหมดจากนาย Bruce คนนี้ก็หยาบคายและไม่เป็นมืออาชีพเอาซะเลย”

ทวีตของเธอได้รับความสนใจจากชาวเน็ตจำนวนมาก เพราะพวกเขาเองต่างก็ไม่เห็นด้วยกับการที่ฝ่ายบุคคลส่งอีเมลหยาบคายเช่นนี้ให้กับผู้สมัครงาน พวกเขาจึงให้กำลังใจเธอและพ่อ พร้อมทั้งร่วมกันโจมตีคนที่เขียนอีเมลฉบับนั้นด้วย

 

ทวีตที่ Emily โพสต์ต่อมา

 

จากนั้นเธอก็ทวีตต่ออีกว่า “ฉันเข้าใจดีว่างานนั้นต้องการคนที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ แต่เขาก็ควรจะตอบอีเมลให้มันเป็นทางการและสุภาพกว่านี้ อีเมลที่ส่งมาให้พ่อมันช่างน่ารังเกียจและต่ำทราม เขาไม่มีความจำเป็นที่ต้องเขียนอีเมลแบบนั้นเลย”

แต่ดูเหมือนว่าพ่อของเธอจะไม่ได้รู้สึกเจ็บใจกับอีเมลนั้นนัก เธอทวีตอีกว่า “พ่อของฉันไม่รู้สึกเจ็บ แค่เขาไม่เข้าใจว่าบริษัทไม่จ้างเขาเพราะเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ทั้งที่พ่อมีประกบการณ์เรื่องนี้มากกว่าใครแท้ๆ “

 

ทวีตของเธอที่บอกว่าพ่อไม่รู้สึกเจ็บปวด

 

ตัวลูกสาวยังบอกอีกว่า “ถึงพ่อของฉันจะไม่รู้สึก ‘เจ็บปวด’ ก็ตาม แต่นี่เป็นการเหยียดหยามที่พ่อแม่ผู้อพยพชาวเอเชียต้องเจออยู่ตลอดเวลา พวกเขาอาจจะไม่ใส่ใจเพราะว่าไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้ร้ายแรงแค่ไหน …

แต่การที่มีคนใช้คำพูดรุนแรงแบบนี้กับพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่เข้าใจนั้นมันเป็นเรื่องใหญ่มาก ฉันไม่อยากคิดเลยว่าถ้าในอนาคตประชาชนทุกคนยังทำแบบนี้อยู่อีกประเทศชาติจะเป็นยังไง ฉันล่ะรังเกียจเรื่องแบบนี้จริงๆ”

ชาวเน็ตที่ได้ทราบเรื่องราวของเธอก็รู้สึกสลดใจกับอีเมลที่พ่อของเธอได้รับเช่นกัน พวกเขาหลายคนจึงร่วมกันแสดงความเห็นในเชิงเห็นใจและให้กำลังใจเธอกับคุณพ่อ

 

ฉันอ่านแล้วใจสลายเลยค่ะ ฉันเข้าใจดีเพราะว่าพ่อของฉันก็สื่อสารภาษาอังกฤษไม่คล่องเหมือนกัน พ่อเลยต้องทนกับคำดูถูกจากพวกคนขาวรอบตัวเขา หึ ขอโทษด้วยนะที่พ่อของฉันไม่ได้มีโอกาสเรียนภาษาอังกฤษเพราะพวกเธอทำลายประเทศของเราจนเราต้องอพยพมาแบบนี้ไง

 

อ่านแล้วเจ็บใจจริงๆ ทุกวันนี้พ่อแม่ของเราถูกทำร้ายแบบนี้อยู่บ่อยครั้งจนหัวใจดวงน้อยๆ ของพวกเขาทนไม่ไหวแล้ว เธอช่วยใช้สิทธิของเธอต่อสู้กับความอยุติธรรมแบบนี้ทีเถอะ พวกเราจะรู้สึกซาบซึ้งมากเลย

 

คอมเมนต์จากชาวเน็ตอีกส่วนหนึ่งก็เขียนในทำนองที่ต้องการให้เธอรู้ว่า เธอสามารถเอาข้อความในอีเมลฉบับนั้นไปฟ้องร้องได้ และเธอก็ควรจะฟ้องร้องเพื่อสิทธิของพ่อเธอและตัวเธอเองด้วย

 

ฉันอยากให้เธอรู้ไว้ว่าข้อความนั้นมันผิดกฎหมายของสิทธิความเท่าเทียมลูกจ้างในอเมริกานะ ฉันจะลองติดต่อกับพวกเขาให้เธอดู แม้ว่าเขาจะทำงานแค่ที่สาขานั้นเท่านั้น แต่มันก็ช่างน่ารังเกียจเหลือเกินที่คนแบบนี้ทำงานเป็นฝ่ายบุคคลได้

 

แม่ของฉันก็พูดภาษาอังกฤษได้ไม่สมบูรณ์แบบเหมือนกัน ฉันรู้สึกเสียใจกับเธอด้วย เธอสามารถฟ้องเขาได้นะ แล้วเธอก็ควรจะฟ้องเขาด้วย

 

ผมไม่แน่ใจว่ากฎของบ้านผมเหมือนกับที่เธออยู่รึเปล่า แต่ในประเทศอังกฤษเราสามารถฟ้องพวกเขาข้อหาเหยียดเชื้อชาติได้นะ แล้วเธอยังมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยรับรองว่าฟ้องแล้วได้ค่าชดเชยสูงแน่นอน ฉันแนะนำให้เธอไปปรึกษาเพื่อนหรือทนายที่พร้อมจะช่วยเธอแล้วฟ้องหมอนั่นซะเถอะ

 

พ่อของเธอ Minh Huynh อพยพเข้ามาในประเทศสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 1995 แล้ว ในตอนแรกเขาเปิดร้านอาหารเองแต่ก็ไปไม่รอด จึงหันไปเป็นคนขับรถบรรทุกแทน แถมยังได้รางวัลคนขับรถที่ปลอดภัยที่สุดด้วย ทว่าเขาก็ต้องออกจากงานเพราะสอบใบอนุญาติทำงานบางอย่างไม่ทัน

Emily เล่าว่า “พ่อว่างงานมา 2 ปีแล้ว เขาได้แต่ทำงานพาร์ทไทม์ไปเรื่อยๆ พ่อมีปัญหาเรื่องการสมัครงานเพราะเขาต้องใช้ Google Translate ในการติดต่อกับบริษัทนายจ้าง แม้ว่าเขาจะให้ฉันกับพี่ชายช่วยแล้ว แต่เราก็ไม่ได้ช่วยพ่อบ่อยนักเพราะต้องไปโรงเรียน”

 

Minh Huynh พ่อของ Emily

 

พ่อของเธออพยพมาจากเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ส่วนแม่ของเธออพยพมาจากมณฑล Taishan ประเทศจีน พวกเขาทั้งคู่ตัดสินใจเข้ามาอยู่ในแถบชุมชนที่ยากจนของเมืองซีแอตเทิลด้วยความหวังว่าชีวิตจะดีขึ้น

ลูกสาวยังเล่าต่ออีกว่า “ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่พวกเขาต้องดิ้นรนเอาตัวรอดตลอดเวลา แม้ว่าบางคนจะบอกว่าการเข้ามาอยู่ในประเทศอเมริกาจะทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ แต่ผู้อพยพจำนวนมากก็ต้องดิ้นรนต่อสู้ในประเทศนี้ไม่ต่างจากชีวิตที่บ้านเกิดเลย”

พ่อและแม่ของเธอที่เป็นผู้อพยพต้องลำบากในการใช้ชีวิตมามากแล้ว แต่ก็ยังต้องมาทนกับการดูถูกเรื่องภาษาอังกฤษและการเหยียดเชื้อชาติอีก เธออยากให้ทุกคนเห็นใจพวกเขาแล้วเลิกดูถูกคนอื่นกันเสียที

 

 

ที่มา: NextShark

Comments

Leave a Reply