Tag: ภาษา

  • 18 ตัวอย่างคำศัพท์ “ชวนสับสน” ระหว่างภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน VS แบบบริทิช!

    18 ตัวอย่างคำศัพท์ “ชวนสับสน” ระหว่างภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน VS แบบบริทิช!

    ภาษาอังกฤษนั้นแม้จะไม่ใช่ภาษาที่ยาก แต่ก็ไม่สามารถพูดว่า “ง่าย” ได้เต็มปากเช่นกัน เพราะภาษาอังกฤษนั้นถูกใช้ในหลายๆ ประเทศบนโลก ทำให้มีภาษาอังกฤษหลายสไตล์และแต่ละสไตล์ก็จะมีคำศัพท์เฉพาะของตัวเองอีกด้วย รูปแบบภาษาอังกฤษที่ใช้กัน 2 รูปแบบใหญ่ๆ ก็คือ อังกฤษแบบอเมริกัน (American English) และ อังกฤษแบบบริทิช (British English) โดยทั้งสองแบบนี้หลายครั้งมันก็ก่อความสับสนให้ผู้ใช้เพราะว่า คำบางคำดันมีความหมายคนละแบบกันเสียนี่ วันนี้ เราจะพาเพื่อนๆ ไปชม 18 ตัวอย่างคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่มีความแตกต่างกันระหว่างแบบอเมริกันกับแบบบริทิช แล้วจะรู้เลยว่าภาษาอังกฤษมันไม่ง่ายอย่างที่คิด   1. Pants อเมริกัน: กางเกง บริทิช: กางเกงชั้นใน   2. Stuffed อเมริกัน: อิ่ม บริทิช: เซ็กส์   3. Fanny อเมริกัน: ก้น บริทิช: จิ๊มิ   4. Buff อเมริกัน: คนกล้ามโต บริทิช: คนโป๊เปลือย   5.…

  • หนังสือ “ตัวอักษร” ภาษาอังกฤษ กับตัวอย่างศัพท์ ‘โคตรยาก’ เด็กที่ไหนมันจะไปจำได้แว๊!?

    หนังสือ “ตัวอักษร” ภาษาอังกฤษ กับตัวอย่างศัพท์ ‘โคตรยาก’ เด็กที่ไหนมันจะไปจำได้แว๊!?

    สำหรับหนังสือหรือบทเรียนตัวอักษรของไทยเรานั้น เราอาจจะคุ้นชินกับคำว่า “ก.ไก่ ข.ไข่ …” อะไรทำนองนี้ เพราะเราหัดแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ โดยในเวอร์ชันภาษาอังกฤษก็ไม่ต่างกันนัก ที่เราคุ้นๆ กันก็น่าจะเป็น “A. ant B. bird C. cat …” จะเห็นว่าเป็นคำง่ายๆ สั้นๆ เพื่อให้เด็กเกิดการเรียนรู้ได้เร็วและจดจำได้แม่น แต่วันนี้ หนังสือบทเรียนตัวอักษรภาษาอังกฤษเล่มหนึ่งกลับทำให้แม้แต่ผู้ใหญ่ยังต้องน้ำตาไหล เพราะ ความยาก ของมันนั่นเอง     หนังสือเล่มดังกล่าวมีชื่อว่า The Worst Alphabet Book Ever ซึ่งเป็นหนังสือตัวอักษรพร้อมภาพประกอบน่ารักๆ แต่คำศัพท์ที่หนังสือเล่มนี้ใช้ยกตัวอย่างกลับยากเกินกว่าที่เด็กๆ จะเข้าใจได้ง่าย เราลองไปชมตัวอย่างเนื้อหาภายในหนังสือเล่มนี้กันเลย…   P – Pterodactyl (ไดโนเสาร์เทอโรแดกทิล หรืออีกชื่อหนึ่ง เทอร์โรซอร์) เด็กๆ จะไปทำไมล่ะเนี่ย!   K – Knight (อัศวิน) เป็นตัว K แต่ดันยกตัวอย่างคำที่ออกเสียงเป็น N…

  • ลูกค้าหน้าแหก นินทาแคชเชียร์สาวฝรั่งเป็น ‘ภาษาจีน’ โดยไม่รู้เลยว่าเธอเข้าใจมันทุกคำ!

    ลูกค้าหน้าแหก นินทาแคชเชียร์สาวฝรั่งเป็น ‘ภาษาจีน’ โดยไม่รู้เลยว่าเธอเข้าใจมันทุกคำ!

    ตามคำพูดที่ว่า “อย่าตัดสินคนที่ภายนอก” นั้นก็ออกจะใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เพราะการที่เราตัดสินคนที่ภายนอกหลายครั้งมันอาจนำมาซึ่งความเสียหายแก่ตัวเราเอง อย่างเช่นเรื่องราวของพนักงานคิดเงินในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอระบุตัวว่าเป็น หญิงตะวันตกผิวขาว และได้ออกมาเล่าถึงเหตุการณ์ที่เธอถูกลูกค้าชาวจีนว่ากล่าวนินทา “เป็นภาษาจีน” ผ่านเว็บไซต์ Tumblr     เธอเล่าว่า… “ฉันเป็นหญิงตะวันตกผิวขาว ฉันพูดภาษาอังกฤษแต่ฉันใช้ภาษาจีนกลางได้คล่องเช่นกัน ถ้าเพียงแค่มองคุณจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าฉันเองก็พูดภาษาจีนได้ และนั่นทำให้ฉันได้พบกับเหตุการณ์นี้ วันหนึ่งมีคู่รักชาวจีนเดินมาต่อแถวตรงหน้าฉัน จากนั้นฉันก็ถามคำถามต่างๆ กับพวกเขาเป็นภาษาอังกฤษ เช่น รับถุงพลาสติกไหม? หรือ มีบัตรสะสมแต้มไหม? เป็นต้น ขณะที่ฉันกำลังหยิบของใส่ถุงพลาสติก ฉันได้ยินฝ่ายภรรยาบอกกับสามีของเธอเป็นภาษาจีนว่า ‘บอกนางหน่อยว่าอย่าทำกล้วยช้ำ’ ตอนนั้นฉันก็เงียบ แต่อีกประโยคที่ตามมาก็คือ ‘บอกนังโง่นี่ทีว่าให้เร็วกว่านี้‘ แต่ฉันก็ยังยิ้มให้เธอราวกับว่าฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอพูดคืออะไร”     “จากนั้นฝ่ายภรรยาก็วิจารณ์ฉันเป็นภาษาจีนยกใหญ่ เช่นบอกว่าผมของฉันเหมือนกับผู้ชาย (ฉันตัดผมสั้น แต่ก็ไม่ได้สั้นขนาดนั้น) แล้วก็ประชดว่าปู่ของเธอน่าจะตายก่อนที่ฉันจะจัดของใส่ถุงเสร็จอะไรประมาณนี้ จากนั้นเธอก็พูดเป็นภาษาจีนอีกว่า ‘บอกนางด้วยนะว่าอย่าลืมน้ำเปล่า’ จังหวะนี้แหละ ฉันก็ตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษเลยว่า ‘I won’t forget the water’ (ฉันไม่ลืมน้ำเปล่าหรอกค่ะ) ความสนุกอยู่ตรงที่ได้เห็นสีหน้าซีดเผือดของเธอ เพราะเธอรู้แล้วว่าทุกอย่างที่เธอพูดเป็นภาษาจีนฉันสามารถเข้าใจมันได้ทั้งหมด เธอเอาแต่ยืนนิ่งอ้าปากค้างอยู่แบบนั้น ขณะเดียวกันสามีก็พูดเป็นภาษาจีนกับเธอว่า ‘นี่แหละเหตุผลที่ไม่ควรพูดจาไม่ดีต่อหน้าคนอื่น’ จากนั้นพวกเขาก็จ่ายเงิน ส่วนฝ่ายสามีก็กล่าวขอโทษแล้วจากไปปล่อยให้ฉัน…

  • 14 คำศัพท์เก๋ๆ จาก “ภาพยนตร์” บัญญัติขึ้นใหม่โดย Oxford Dictionary เชียวนะ!!

    14 คำศัพท์เก๋ๆ จาก “ภาพยนตร์” บัญญัติขึ้นใหม่โดย Oxford Dictionary เชียวนะ!!

    เมื่อโลกเปลี่ยนไปอะไรๆ ก็ต้องเปลี่ยนตาม อย่างเช่น ภาษา ที่ต้องปรับตัวตามสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ขณะที่ ภาพยนตร์ ก็กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มักอยู่ในบทสนทนาของผู้คนทั่วโลก และภาพยนตร์เองก็มีการนำเสนอความแปลกใหม่อยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น ภาษาโดยเฉพาะคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เป็นภาษาสากลนั้น ก็จะต้องมีการบัญญัติศัพท์บางคำเพื่อให้ประเด็นทางภาพยนตร์มีการสื่อสารที่เข้าใจได้มากขึ้นนั่นเอง และล่าสุดทาง Oxford Dictionary ก็ได้บัญญัติศัพท์ใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจาก “ภาพยนตร์” ลองไปชมคำศัพท์บัญญติใหม่ที่น่าสนใจเหล่านี้กันหน่อยดีกว่า   1. Altmanesque (Adj.) คำแปล: ลักษณะภาพยนตร์ที่นำเสนอตามแบบฉบับของ Robert Altman ซึ่งส่วนมากจะมีความเป็นธรรมชาติสูง แต่จะแฝงมุมมองแปลกๆ และการหักมุมที่สุดโต่งเอาไว้   2. Dutch Angle (N.) คำแปล: มุมกล้องแบบหนึ่งที่เส้นแนวตั้งของภาพจะเอียงออกข้างไปด้านใดด้านหนึ่ง คล้ายกับว่าเป็นภาพที่ผู้มองกำลังเอียงศีรษะอยู่   3. Giallo (N.) คำแปล: ประเภทหนึ่งของภาพยนตร์ที่มีความสยองขวัญและกามารมณ์สูงโดยเฉพาะรูปแบบของ “การถ้ำมอง” ศัพท์คำนี้ได้มาจากภาพยนตร์ฆาตกรรมลึกลับสะเทือนขวัญสัญชาติอิตาลีที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและมีเส้นบางๆ กั้นอยู่ระหว่างงานศิลปะและการแสวงหากำไร   4. Groundhog Day (N.) คำแปล: สถานการณ์หนึ่งที่มีเรื่องราวน่าเบื่อหรือไม่น่าพอใจเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในแบบเดิมๆ   5.…

  • ปัญหาโลกแตก กับการใช้ “ค่ะ/คะ/นะคะ” ของคนไทย ปัญหาใหญ่จนแชร์ว่อนอินเทอร์เน็ต

    ปัญหาโลกแตก กับการใช้ “ค่ะ/คะ/นะคะ” ของคนไทย ปัญหาใหญ่จนแชร์ว่อนอินเทอร์เน็ต

    เป็นปัญหาโลกแตกในช่วงไม่กี่ปีมานี้จริงๆ สำหรับการใช้ภาษาไทยขั้นพื้นฐานอย่างคำลงท้าย เช่น คะ, ค่ะ, นะคะ หรือ น่ะค่ะ คำเหล่านี้เป็น หางเสียง ที่ผู้หญิงใช้ประกอบการพูดประโยคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประโยคบอกเล่า ประโยคคำถาม หรือการตอบรับ ที่ต้องใช้ “ค่ะ/คะ” ให้ถูกก็เพื่อแยกจุดประสงค์ของประโยคให้ถูกต้องนั่นเอง ทีแรกหลายคนคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรกับแค่การพิมพ์ “ค่ะ/คะ” ไม่ถูกต้อง แต่นับวันปัญหานี้ก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น กลายเป็นปัญหาใหญ่แบบไม่ไหวที่จะเคลียร์ บางกรณีก็เกินเยียวยาแล้วจริงๆ ชาวทวิตเตอร์จึงพากันแชร์ตัวอย่างการใช้ที่ผิด พร้อมแชร์ความรู้ที่เป็นสาระเพื่อให้ผู้อ่านมีการใช้ “ค่ะ/ค่ะ” ได้ถูกต้องขึ้นอีกด้วย จะเป็นอย่างไรบ้าง ไปชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่า…   ก่อนอื่นอ่านทำความเข้าใจการใช้ “ค่ะ/คะ” ที่ถูกต้องก่อนก็แล้วกันนะคะ   ถ้ายังสงสัยอยู่ลองอ่านภาพนี้เพิ่มเติมก็ได้ค่ะ   โมเมแนะนำ “ค่ะ”!!!   งงสิคะแบบนี้   ความเข้าใจกลับตาลปัตรไปหมดแล้วนะคะเนี่ย   ภาพนี้ผิดตรงไหน เชิญท่านผู้อ่านตัดสินเอง “เลยค่ะ”   ข้อนี้ใช้ “ค่ะ” หรือ “คะ” ตอบ!!!   บางคนเข้าใจการใช้เป็นอย่างดี…

  • ชาวเน็ตต่างชาติพากันเขียนคำว่า “Pregnant” ผิดไปหมด ปวดหัวเลย เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย??

    ชาวเน็ตต่างชาติพากันเขียนคำว่า “Pregnant” ผิดไปหมด ปวดหัวเลย เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย??

    หลายคนอาจรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อเขียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษแบบผิดๆ ถูกๆ แต่จะบอกอะไรให้ว่าไม่ต้องกังวลไปหรอกเพราะศัพท์บางคำมันก็เขียนยากจริงๆ ต้องอาศัยความจำและการใช้จนชินตาเท่านั้นแหละนะ ตัวอย่างในวันนี้ก็คือคำว่า “Pregnant” อ่านอย่างง่ายๆว่า เพร็กแน็นท์ แปลว่า ตั้งครรภ์ สำหรับบางคนอาจคิดว่าก็เป็นคำง่ายๆ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะชาวเน็ตนานาประเทศพากันเขียนคำนี้ผิดไปหมดเลย   วันนี้ขอเสนอศัพท์คำว่า Pregnant (‘เพรกเนินท) แปลว่า ตั้งครรภ์   จากการสำรวจกระทู้ใน Yahoo Answers พบว่าชาวเน็ตหลายๆ ประเทศ (รวมถึงประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก) มีการใช้คำว่า Pregnant หรือ เพรกเนินท ได้ผิดจนไม่น่าให้อภัยเลยทีเดียว จะผิดขนาดไหนลองไปดูกันเอาเองเลยจะดีกว่า   แพรกเน็นท์? (เพร็กแน็นท์ต่างหางเล่า)   พาร์แก็นท์? (เพร็กแน็นท์!!)   เกร็กแนนท์?? (เพร็กแน็นท์ Pregnant เขียนอย่างงี้ๆๆๆๆๆ)   เพ็กเนต??   เพ็กเรนท์…   เพรกเกแน็นท์???   เพร็กโกเนต…   เพรนแกน…   เพร็กกันเต้…   เพอร์เกิร์ต?? (เพร็กแน็นท์ว้อยย)   เพ็กแน็ต…

  • สาวเที่ยวเกาหลี แต่ไม่รู้ภาษา ปวดอึจน “ข้าศึกทะลัก” เพราะไม่รู้จะถามหาห้องน้ำยังไง…

    สาวเที่ยวเกาหลี แต่ไม่รู้ภาษา ปวดอึจน “ข้าศึกทะลัก” เพราะไม่รู้จะถามหาห้องน้ำยังไง…

    (บทความมีภาพไม่พึงประสงค์ อาจทำให้เกิดความสะอิดสะเอียนได้)   การท่องเที่ยวต่างประเทศคงเป็นความใฝ่ฝันของใครหลายๆ คน แต่การจะเดินทางไปจริงๆ นั้นก็ไม่ง่ายเลย ไหนจะต้องเตรียมตัว ศึกษาสถานที่ วัฒนธรรม รวมไปถึงภาษาและการสื่อสารด้วย! การท่องเที่ยวในต่างแดนนั้นจำเป็นต้องสื่อสารกับคนอื่นๆ ในการถามทางหรือข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็น ซึ่งถ้าหากว่าภาษาที่เราใช้ ไม่สามารถสื่อสารกับคนในประเทศนั้นๆ ได้ รับรองเลยว่า “วุ่นวายแน่ๆ”     ขอยกตัวอย่างเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งแชร์ต่อกันอย่างแพร่หลายบนโลกอินเทอร์เน็ต ที่เมื่ออ่านแล้วคุณจะรู้ได้เลยว่า ภาษานั้นสำคัญขนาดไหนในการไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศ หญิงสาวชาวฮ่องกงคนหนึ่งได้เดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศเกาหลีใต้พร้อมกับเพื่อนและพี่สาวของเธอ จู่ๆ เธอก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนท้องไส้จะปั่นป่วนอย่างไรไม่รู้ เพื่อนของเธอก็เริ่มทำการเก็บภาพเอาไว้     ไม่รู้ว่าสาวๆ เหล่านี้ไปกินอะไรกันมา จนทำให้สาวเจ้าของเรื่องเกิดอาการ “ปวดอุจจาระ” ขึ้นมาในทันใด ด้วยความไม่มีภาษาที่จะสื่อสารกับคนเกาหลีได้ เธอจึงไม่สามารถสอบถามได้ว่า ห้องน้ำอยู่ที่ไหน พวกเธอตัดสินใจโบกแท็กซี่เพื่อกลับโรงแรมที่พัก ขณะนั่งอยู่ในรถเองเธอก็เริ่มที่จะทนต่อไปไม่ไหว มีกลิ่นตุๆ ออกมาชนิดที่ว่าคนขับแท็กซี่ต้องเปิดกระจกเพื่อเอาชีวิตรอด     เมื่อลงจากรถมาพวกเธอจ่ายค่าแท็กซี่ไป 10,000 วอน (ประมาณ 300 บาท) เพื่อเป็นการขอโทษ แต่สิ่งที่แย่กว่านั้นก็คือ ข้าศึกมันมาแล้ว ภายใต้กางเกงขาสั้นของหญิงสาวมีวัตถุอุ่นๆ…

  • 20 ภาพอธิบาย “คำพ้องเสียง” ในภาษาอังกฤษได้อย่างดี มีความสร้างสรรค์อีกด้วย!!

    20 ภาพอธิบาย “คำพ้องเสียง” ในภาษาอังกฤษได้อย่างดี มีความสร้างสรรค์อีกด้วย!!

    วันนี้เรามาเรียนภาษาอังกฤษแบบเบาสมองกันหน่อยดีกว่า ที่ต้องบอกว่าเบาสมองนั่นก็เพราะว่า ถ้าพูดว่าเรียนภาษาอังกฤษแล้วล่ะก็ หลายคนอาจจะกลัวจนไม่อยากอ่านเลยก็เป็นได้ อีกอย่างเนื้อหาในวันนี้ไม่ได้เป็นคอร์สเรียนภาษาอังกฤษเข้มข้นอะไรแบบนั้น เราเพียงนำเสนอคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ ออกเสียงเหมือนกัน แต่ต่างความหมายเท่านั้นเอง เพื่อนๆ จะได้นำไปใช้ได้ถูกต้องยังไงล่ะ ผลงานภาพของ Bruce Worden เจ้าของบล็อกที่ชื่อว่า Homophones ได้ทำภาพสุดเจ๋งขึ้นมา เป็นภาพสองภาพสองความหมายที่มันดันออกเสียงเหมือนกัน แถมแต่ละภาพยังเกี่ยวโยงกันอีกด้วย แหม แต่พูดคงไม่เห็นภาพ เราไปชมกันเลยดีกว่า…   1. Peace, Piece อ่านว่า “พีซ” Peace แปลว่า ความสงบ ส่วน Piece แปลว่า ชิ้น   2. Bare, Bear อ่านว่า “แบร์” Bare แปลว่า เปลือย, เปล่า ส่วน Bear แปลว่า หมี   3. Hole, Whole อ่านว่า “โฮล” Hole แปลว่า หลุม, รู…

  • ภาษาดอก….ไม้ 10 ความหมายของดอกไม้แต่ละประเภท คุณก็จะกลายเป็นคนโรแมนติกได้ง่ายๆ

    ภาษาดอก….ไม้ 10 ความหมายของดอกไม้แต่ละประเภท คุณก็จะกลายเป็นคนโรแมนติกได้ง่ายๆ

    ภาษาดอกไม้ (Language of Flowers) หรือ Floriography คือการสื่อสารแบบเข้ารหัสที่มีการใช้ดอกไม้ต่างๆ เป็นตัวกลาง เชื่อกันว่าภาษาดอกไม้เกิดขึ้นที่ที่เมืองคอนสแตนติโนเปิลของกรุงโรม ที่ประเทศอิตาลีในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 แต่มาดังในยุโรปเมื่อปี 1717 โดยการนำเข้ามาใช้ในอังกฤษของ Mary Wortley Montagu และการนำไปใช้ในสวีเดนของ Aubry de La Mottraye อย่างไรก็ตามหนังสือเล่มแรกที่มีการรวบรวมภาษาดอกไม้เอาไว้นั้น มีชื่อว่า Dictionnaire du language des fleurs ซึ่งเขียนโดย Joseph Hammer-Purgstall ในปี 1809 โดยมีการรวบรวมความหมายของดอกไม้ไว้มากกว่า 8,000 อย่าง ซึ่ง #เหมียวศรัทธา ได้คัดเลือกชื่อที่น่าสนใจ และเกี่ยวข้องกับพวกเรามาแล้วดังนี้   ดอกกุหลาบ (Rose) ดอกกุหลาบสีแดง หมายถึง ฉันรักคุณ ฉันต้องการคุณ ดอกกุหลาบขาว หมายถึง เสน่ห์ และความไร้เดียงสา ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึง ความอิจฉา ดอกกุหลาบไร้หนาม หมายถึง รักแรกพบ   ดอกทิวลิป (Tulip) ดอกทิวลิป หมายถึง ความรักและการอดทน…

  • หนุ่มพยายามหยอดคำหวานเพื่อชนะใจ นร. สาวแลกเปลี่ยน งัดทุกคำที่รู้ออกมาใช้ให้หมด!!

    หนุ่มพยายามหยอดคำหวานเพื่อชนะใจ นร. สาวแลกเปลี่ยน งัดทุกคำที่รู้ออกมาใช้ให้หมด!!

    ความมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เลยนะ แม้ว่าการที่จะพยายามเริ่มความสัมพันธ์ในรูปแบบไหนก็ตาม หากเรามีความรู้สึกดีๆ อยากจะบอกกับอีกฝ่าย ต่อให้เป็นการใช้ภาษาต่างประเทศก็ถือว่าเป็นหนึ่งในการฝึกฝนเช่นกัน อย่างนักเรียนชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่ต้องการจะใช้ทักษะทางด้านภาษาอังกฤษให้เกิดประโยชน์ เพื่อหยอดคำหวานเกี้ยวสาวนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวเยอรมันที่มาอยู่ในคลาสเดียวกัน ฮร่าาาา     เรื่องราวของ Carolin Marie ยูทูบเบอร์ ช่างภาพ และนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวเยอรมันวัย 18 ปี ได้มีโอกาสแวะไปในห้องเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น และแนะนำตัวให้กับเพื่อนๆ ในห้องได้รู้จัก ซึ่งก็จะมีช่วงเวลาที่ให้เพื่อนๆ ได้ถามคำถามเธอด้วย แต่แล้วก็มีนักเรียนชายผู้กล้า ลุกขึ้นถามเธอในสิ่งที่แตกต่างจากเพื่อนคนอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง ใช้วิถีความเซียนในการเนียนจีบเธอแบบน่ารักสุดๆ     “ผมขอถามคุณหน่อยได้มั้ย?” เขาเริ่มต้นบทสนทนา และเธอก็ตอบ “ได้สิ” จากนั้นก็เริ่มด้วยการบอกว่า “เนี่ย มีคนดีๆ อยู่นะ” พร้อมกับชี้ไปที่เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ   ก่อนที่จะชี้กลับมาที่ตัวเองว่า “โดยเฉพาะตัวผม” แหม๊… หมอนี่มันร้ายกาจจริงๆ “แล้วถ้าคุณมีแฟนในห้องนี้ คนไหนจะเหมาะสมที่สุด?” .   ด้วยความเขินก็ทำได้แค่เพียงบอกว่า “ทุกคนน่ารักมากๆ เลย ฉันตัดสินใจไม่ได้จริงๆ”   ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโมเม้นท์น่ารักๆ จากประเทศญี่ปุ่น…

  • จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหมาจากคนละประเทศมาเจอกัน พวกมันจะคุยกันรู้เรื่องรึเปล่า!?

    จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหมาจากคนละประเทศมาเจอกัน พวกมันจะคุยกันรู้เรื่องรึเปล่า!?

    เท่าที่เราเคยเห็นเจ้าหมามา มันไม่มีภาษาพูดเป็นของตัวเองเลย จะมีก็แค่เสียงเห่าเสียงครางเท่านั้น เราก็เลยเกิดความสงสัยขึ้นว่าพวกมันจะคุยกับหมาต่างประเทศรู้เรื่องหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นคนเราล่ะก็แค่อยู่คนละประเทศภาษาก็ไม่เหมือนกันแล้วนะ เพื่อทำให้ความสงสัยนี้กระจ่างขึ้น เราก็เลยลองหาข้อมูลเกี่ยวกับพวกมันดู แล้วก็มาแบ่งให้เพื่อนๆ ได้รู้กันด้วยว่าหมาจากคนละฟากโลกมันสื่อสารกันได้ไหม     ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าหมาแต่ละประเทศมีเสียงเห่าไม่เหมือนกัน อย่างที่คนไทยเรามักจะติดว่าหมาเห่า ‘โฮ่งๆ’ แต่ฝรั่งจะได้ยินมันเห่าว่า ‘วูฟๆ’ นั่นแหละ เพราะสภาพแวดล้อมที่มันเกิดมีผลต่อสำเนียงการเห่าด้วย นอกจากนี้หมาต่างสายพันธุ์และต่างขนาดก็ยังมีเสียงเห่าที่แตกต่างกันออกไปอีกต่างหาก แล้วเสียงก็อาจจะต่างกันไปตามช่วงวัยอีกด้วย เรียกได้ว่าพวกมันมีเสียงการเห่าที่หลากหลายและไม่ค่อยเหมือนกันนักหรอก     ยังไงก็ตามถึงสำเนียงจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่ Stanley Coren ผู้เขียนหนังสื่อเกี่ยวกับการสื่อสารของสุนัข ก็บอกว่าพวกมันมีภาษาที่ใช้สื่อสารกันนั้นเหมือนกันหมดทั้งโลก เขาชี้แจงว่าเสียงที่ใช้สื่อสารของพวกมันนั้นแบ่งเป็นประเภทหลักๆ ได้เช่น เสียงเห่า เสียงคราง เสียงขู่ และเสียงหอนเป็นต้น ถึงสำเนียงจะไม่เหมือนกันแต่ก็จะเป็นเสียงในประเภทพวกนี้เท่านั้น พวกมันก็เลยเข้าใจตรงกันว่าหมาอีกตัวรู้สึกยังไง     ยกตัวอย่างเช่น เสียงขู่จะใช้ตอนที่ต้องการเตือนให้อีกฝ่ายออกไปห่างๆ เสียงเห่าใช้เพื่อเรียกหาสุนัขตัวอื่น และเสียงหอนมีความหมายว่ามันกำลังรู้สึกเหงาหงอย แล้วก็ยังมีการใช้เสียงต่ำและเสียงสูงในการสื่อสารเพิ่มเติมด้วย หมาทุกตัวจะเข้าใจว่าถ้าอีกฝ่ายใช้เสียงสูง แปลว่าพวกมันอยากผูกมิตรด้วย ในทางกลับกันเสียงโทนทุ้มต่ำจะใช้ในการข่มขู่หมาตัวอื่น อีกอย่างหนึ่งก็คือพวกมันจะใช้การดมกลิ่น และภาษากายที่คล้ายคลึงกัน เพื่อช่วยในการสื่อสารอีกทางหนึ่งด้วย จึงทำให้พวกมันเข้าใจกันได้ไม่ยากเลย     แต่พวกมันจะไม่สามารถเข้าใจภาษาของมนุษย์จากต่างประเทศได้ เพราะพวกมันเรียนรู้คำพูดของมนุษย์ด้วยการจำเสียง ทำให้มันไม่เข้าใจมนุษย์ที่ใช้คำต่างกันตามภาษาของประเทศต่างๆ ได้…

  • 9 ประสบการณ์เปิ่นๆ ฮาๆ ของคนพูดภาษาถิ่น ไปกันให้ทั่วทั้งภาคเหนือ อีสาน ใต้

    9 ประสบการณ์เปิ่นๆ ฮาๆ ของคนพูดภาษาถิ่น ไปกันให้ทั่วทั้งภาคเหนือ อีสาน ใต้

    ภาษาเกิดขึ้นมาเพื่อการสื่อสาร เคยมีความเชื่อว่าเดิมทีนั้นมนุษย์เราพูดภาษาเดียวกันทั้งโลก มันอ้างจะฟังดูดีในแง่ของการสื่อสารที่เป็นหน้าที่หลักของภาษา แต่หากมองตามความงามของแต่ล่ะภาษาแล้ว เราจะเสียภาษาที่สวยงามกันไปมากมายเลยทีเดียว ความต่างขอภาษานั้นอาจจะทำให้คนเราเข้าใจผิดกันอยู่บ่อยๆ ก็จริง แต่ถ้าไม่มีมัน เราก็อาจจะไม่ได้เห็น เรื่องสุดฮา ที่เกิดขึ้นมาจากความต่างของภาษา ต่อไปนี้ก็ได้นะ   ภาษาเหนือ   Eซาว สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กุขับรถเครื่อง (รถมอเตอร์ไซค์) แวะปั๊มข้างมอกับเพื่อน เด็กปั๊ม: เติมอะหยังคับปี้ กุ : 91 60น้อง เด็กปั๊ม: 91 บ่มีแล้วคับปี้ บะเด่วนี้เขาเติม “Eซาว” ละคับ กุ+เพื่อน : อะไรวะ?? ….อ่อ E20 นี่เอง ซาวภาษาเหนือแปลว่า 20 โดย คุณเตาผิง   “ล่น” รับน้องค่ะ ด้วยความที่จะมีการรับน้องปีหนึ่ง รุ่นพี่ก็เรียกๆๆๆๆ เราไปยืนรวมๆกัน แล้วสั่งให้กลับหอค่ะ แต่นางตะโกนว่า “ขะใจ๋ล่นแล่!!!!” ลองคิดถึงคนภาคกลางสิคะ ตีความไม่ออกซักคำ!! ทำไงละทีนี้ เดาค่ะ หลักการเดาคำศัพท์เป็นสิ่งที่คนเรียนภาษาจำเป็นต้องงัดมาใช้ อาการ…

  • หลานสาวปลื้มใจ… ยายตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษ 5 ชั่วโมงทุกวัน เพื่อที่จะคุยกับหลานตัวเอง

    หลานสาวปลื้มใจ… ยายตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษ 5 ชั่วโมงทุกวัน เพื่อที่จะคุยกับหลานตัวเอง

    อุปสรรคทางด้านภาษานั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ยากสำหรับใครหลายๆ คน แต่ทว่าถ้าหากเราลองเปิดใจที่จะเรียนรู้ หมั่นฝึกฝนอยู่ตลอดเวลา ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเองและคนอื่นด้วยนะ… อย่างเช่นเรื่องราวน่ารักของคุณยายชาวเวียดนามท่านหนึ่ง ที่ถูกเปิดเผยออกมาจากใจหลานสาวให้ชาวเน็ตได้ชื่นชม กับความพยายามเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยตัวเองทุกวัน เพื่อจะคุยกับหลานสาวให้ได้     Tracy Vu ได้ทำการทวีตข้อความพร้อมรูปภาพของคุณยายในวันที่ 25 มีนาคม 2018 เธออาศัยอยู่ในเมืองแดลลัส รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ด้วยใจความว่า… “คุณยายของฉันใช้เวลา 4 ถึง 5 ชั่วโมงต่อวันในการเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อที่จะคุยกับฉันได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ถ้านี่ไม่ใช่ความรัก ฉันก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้วล่ะ”     Tracy Vu นั้นมีเชื้อสายเวียดนามก็จริง เธอเติบโตในสหรัฐอเมริกา และพบว่าภาษาเวียดนามนั้นยากเกินไปสำหรับเธอ แม้จะพยายามพูดและเรียนรู้ แต่ก็ยังไม่รู้คำศัพท์และวลีอีกหลายตัว     ทางฝั่งคุณยายนั้น กลับจดโน๊ตแทบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นคำศัพท์ วลี และประโยคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาเวียดนาม   .   แบบว่าจดได้โหดมากๆ ตั้งใจเรียนอย่างจริงจัง!!   เมื่อชาวเน็ตเห็นความน่ารักของคุณยายขนาดนี้ ต่างก็รู้สึกอมยิ้มในความน่ารัก และหลงรักคุณยายเข้าไปแล้ว…  …

  • “3 วิธีการพูด” ที่เป็นสัญญาณว่าคุณมีแนวโน้มของ “โรคซึมเศร้า” ลองไปสังเกตกันดู…

    “3 วิธีการพูด” ที่เป็นสัญญาณว่าคุณมีแนวโน้มของ “โรคซึมเศร้า” ลองไปสังเกตกันดู…

    ในสังคมปัจจุบันนี้เราสามารถพบเห็นผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้มากกว่าในสมัยก่อน โดยผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะไม่เหมือนกับความรู้สึกเศร้าของคนทั่วไปที่เกิดขึ้นและหายไปเป็นครั้งคราว พวกเขาจะรู้สึกซึมเศร้าเป็นประจำและแต่ละครั้งก็ยาวนานกว่าปกติ แถมบ่อยครั้งยังไม่รู้สาเหตุของความเศร้าด้วย อย่างไรก็ตามการที่จะสังเกตว่าเราหรือคนรอบตัวเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก บางคนก็เป็นโรคซึมเศร้าโดยที่ไม่รู้ตัว หากอยากทราบแน่ชัดต้องไปให้จิตแพทย์วินิจฉัยเท่านั้น แต่ในวันนี้มีอีกหนึ่งวิธีสังเกตที่ได้ผ่านผลการรับรองจากนักวิจัยแล้ว ด้วยการสังเกตจากวิธีพูดของแต่ละคนนั่นเอง     งานวิจัยที่ว่านี้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ Clinical Psychological Science โดยทำการทดลองจากการอ่านบันทึก และฟังบทสนทนาจำนวนมากของคนที่เป็นโรคซึมเศร้า และคนที่ไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า จึงสังเกตเห็นว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้าจะมีการใช้ภาษาที่แตกต่างออกไปดังนี้   1. มักจะใช้สรรพนามบุคคลที่หนึ่งที่เป็นเอกพจน์   คนเป็นโรคซึมเศร้ามักจะใช้สรรพนามกล่าวถึงตัวเองเช่น ฉัน ผม หรือเรา(ในกรณีที่หมายถึงตัวเองคนเดียว) อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นตัวชี้ให้เห็นว่าพวกเขาไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นมากนัก อาจจะเป็นเพราะเพวกเขาชอบปลีกตัวมาอยู่คนเดียวมากกว่าจะอยู่คนจำนวนมากก็ได้ อีกทั้งการใช้สรรพนามแบบนี้ ยังทำให้เราเห็นว่าคนที่เป็นโรคซีมเศร้ามักจะให้ความสนใจกับตัวเองและแนวคิดของตัวเองมากเป็นพิเศษ และไม่ค่อยสนใจแนวคิดในแบบของคนอื่นมากนัก   2. พูดถ้อยคำที่มีความหมายในเชิงลบอยู่บ่อยครั้ง   เมื่อเปรียบเทียบกับคนทั่วไปแล้ว คนที่เป็นโรคซึมเศร้าจะใช้คำที่มีความหมายเชิงลบมากกว่า โดยคำพูดเหล่านั้นมักจะเกี่ยวกับอารมณ์ในเชิงลบเช่น เศร้า และเหงา เป็นต้น และยังรวมไปถึงคำพูดอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ของตัวเองด้วย แต่ผลการวิจัยก็ชี้ว่าการใช้สรรพนามบ่งบอกถึงโรคซึมเศร้าได้ดีกว่าการใช้คำพูดในเชิงลบอย่างเห็นได้ชัด   3. ภาษาที่ใช้มักจะมีความสุดโต่ง   เมื่อคนเราอยู่ในภาวะซึมเศร้าก็มักจะใช้ภาษาแบบสุดโต่ง (ถ้าไม่ขาวก็ดำไปเลย ไม่มีระหว่างกลาง) มากกว่าที่คิด อย่างเช่นคำว่า เป็นประจำ ไม่เคย เต็มไปหมด…

  • วากานด้าไม่มีจริง แต่ภาษา isiXhosa ในหนัง เป็นแอฟริกันขนานแท้ มาทำความรู้จักกันเถอะ!!

    วากานด้าไม่มีจริง แต่ภาษา isiXhosa ในหนัง เป็นแอฟริกันขนานแท้ มาทำความรู้จักกันเถอะ!!

    หลายคนที่ได้ไปดูหนังเรื่อง Black Panther คงจะรู้สึกชอบหรือไม่ชอบแตกต่างกันไป ส่วนตัว #เหมียวมู่ทู่ นั้นดูแล้วรักมากๆ ไม่ใช่เพราะเนื้อเรื่องที่ดี ตัวละครที่เด่น แต่กลับเป็นภาษาและวัฒนธรรมที่ตัวหนังนั้นใส่และผสมให้เข้าเทคโนโลยีในเรื่องได้อย่างลงตัว ซึ่งประเทศสมมุติในเรื่องอย่างวากานด้า แม้จะเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าโลกปกติไปเป็นร้อยๆ ปี แต่ว่าวัฒนธรรมในเรื่องยังคงไว้ซึ่งความเป็นชนเผ่า เป็นแบบเดิมที่ชาวแอฟริกันนั้นทำกันเช่นความเชื่อ เครื่องแต่งกาย ที่สำคัญคือภาษา     แน่นอนว่าภาษาในเรื่องหลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นภาษาที่ Marvel คิดขึ้นมาเอง แต่จริงๆ แล้วมันคือหนึ่งใน 11 ภาษาท้องถิ่นของประเทศแอฟริกาใต้จริงๆ โดยภาษาที่ใช้นั้นมีชื่อเรียกว่า isiXhosa แม้ว่าเราจะบอกว่ามีภาษาทางการที่ใช้ในประเทศแอฟริกาใต้มีถึง 11 ภาษา แต่ภาษา isiXhosa นั้นถือเป็นภาษาที่มีคนใช้อย่างแพร่หลายพอสมควรเลยทีเดียว เพราะมีคนจำนวนกว่า 8 ล้านคนหรือคิดเป็น 15 เปอร์เซ็นต์ของประเทศที่ใช้ภาษานี้เป็นภาษาหลัก     หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมภาษาดังกล่าวถึงถูกหยิบยกเข้าไปไว้ในหนัง นั่นก็เพราะภาษานี้ถือเป็นภาษาที่สื่อความเป็นแอฟริกันในช่วงที่ต้องสู้กับการล่าอนานิคมจากคนขาว เพราะชนเผ่า Xhosa คือชนเผ่าที่ต่อสู้กับชนชาติยุโรปอย่างถึงที่สุดในยุคล่าอาณานิคม จนกลายเป็น “สงครามร้อยปีแห่งแอฟริกา” อันโด่งดัง แม้สุดท้ายชนเผ่า Xhosa จะพ่ายแพ้และถูกผนวกเข้ากับจักรวรรดิอังกฤษ แต่ก็ถือว่าเป็นการต่อต้านเจ้าอาณานิคมที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา…

  • เฟมินิสต์หาว่าภาษาอังกฤษมีความ “เหยียดเพศ” นักภาษาศาสตร์เลยให้คำตอบแบบตาสว่าง

    เฟมินิสต์หาว่าภาษาอังกฤษมีความ “เหยียดเพศ” นักภาษาศาสตร์เลยให้คำตอบแบบตาสว่าง

    เป็นเรื่องขึ้นมาซะแล้ว เมื่อมีคนบอกว่า ภาษาอังกฤษนั้นมีความ “เหยียดเพศ” แฝงอยู่ และผู้ที่เริ่มต้นสังเกตเห็นว่ามันมีความเหยียดเพศก็คือผู้ใช้ Tumblr คนหนึ่งซึ่งเรียกตัวเองว่า Feminist Chewbacca  เริ่มจากการที่เธอต้องการค้นหาสาเหตุรากลึกของค่านิยม “ชายเป็นใหญ่” ในสังคมปัจจุบัน เธอจึงหันมาเริ่มจากการศึกษาภาษาอังกฤษที่เธอใช้ การวิเคราะห์ภาษาของเธอไม่อิงจากนักภาษาศาสตร์หรืออะไรทั้งนั้น เธอเลือกใช้คำง่ายๆ มาเป็นตัวอย่าง และนำมาแยกองค์ประกอบ เธอบอกว่า “ผู้ชายทำให้ตนเป็นเพศหลักเพื่อที่จะทดแทนความด้อยทางกายภาพและความไร้ประโยชน์”    Feminist Chewbacca ได้นำเสนอตัวอย่างคำที่สอดคล้องกับความเชื่อของเธอที่ว่า ในภาษาอังกฤษนั้นมีการเหยียดเพศแฝงอยู่ สังเกตได้จากคำศัพท์ต่างๆ ประกอบขึ้นจากคำที่แสดงถึงความเป็นชาย   และเมื่อมีคนออกมาพูดแบบนี้นักภาษาศาสตร์ย่อมไม่นิ่งเฉย จึงออกมาให้คำอธิบายจนกระจ่าง   นักภาษาศาสตร์ที่มีชื่อผู้ใช้ว่า mitosisisyourtosis ได้เข้ามาตอบว่า Feminist Chewbacca นั้นคิดผิดแล้ว เพราะพวกเขาในฐานะนักศึกษาภาษาศาสาตร์ มักพบเจอกรณีแบบนี้บ่อยครั้ง   ข้อ 1 เขาตอบว่า She (เธอ/หล่อน) มาจากคำว่า Seo/Heo ที่เป็นภาษาอังกฤษสมัยเก่าซึ่งพัฒนามาจากภาษาเยอรมันโบราณอีกทีหนึ่ง มันแปลว่า “นั่น/ที่นั่น”   ข้อที่ 2 คำว่า Man…

  • Richard Simcott ชายผู้ถูกเรียกว่าเป็น ‘Hyperpolyglot’ รู้และพูดได้ถึง 25 ภาษา!!

    Richard Simcott ชายผู้ถูกเรียกว่าเป็น ‘Hyperpolyglot’ รู้และพูดได้ถึง 25 ภาษา!!

    ส่วนใหญ่พวกเราเกิดมาจะสามารถใช้ได้แค่ภาษาเดียว ต่อมาก็จะได้เรียนภาษาที่สองและต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะคล่องกับภาษานั้นๆ แต่สำหรับเขาคนนี้กลับต่างออกไป เพราะเขาสามารถเรียนรู้ภาษาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว จนสามารถพูดได้ถึง 25 ภาษา ชายคนนี้มีชื่อว่า Richard Simcott จากเมืองเชสเตอร์ในประเทศอังกฤษ ที่อยู่ติดกับประเทศเวลส์ เขาคือผู้ได้รับฉายาว่า Hyperpolygot ซึ่งหมายถึงผู้ที่สามารถพูดได้หลากหลายภาษามากๆ   Richard ชายผู้สามารถพูดได้คล่องกว่า 25 ภาษา   เขาเล่าว่าการเรียนรู้ในเรื่องของภาษานั้นเริ่มมาตั้งแต่เขายังเด็ก คนส่วนใหญ่ในเมืองของเขานั้นมักจะพูดภาษาเวลส์ และยังมีภาษาโปแลนด์แว่วมาให้เขาได้ยินบ้างเป็นบางครั้ง Richard จึงเริ่มที่จะพูดในภาษาเหล่านั้นกับคนอื่นๆ และรับฟังมุมมองของคนเหล่านั้นอีกที ว่าภาษาที่เขาพูดไปนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเขาว่านี่เป็นการเริ่มต้นที่สำคัญสำหรับการใช้ภาษาท้องถิ่นที่หลากหลาย     เขาได้ออกเดินทางไปในหลากหลายประเทศเพื่อการศึกษาและทำงาน ในตอนที่เขาเรียนอยู่ในประเทศสวีเดน เขาได้เรียนรู้ภาษาเพิ่มขึ้นอีก 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาอาหรับ ภาษาญี่ปุ่น และภาษาสแกนดิเนเวีย อีกทั้งเขายังใช้เวลาทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาษาสโลวาเกียแค่สองสัปดาห์เท่านั้น โดยเขาบอกว่า มันเป็นอิทธิพลมาจากการที่เขาสามารถพูดภาษาเช็กและโปแลนด์ได้ และภาษานี้ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น บางภาษาก็เรียนรู้ได้ง่าย แต่บางภาษาก็เรียนรู้ได้ยาก อย่างเช่นภาษาใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นมา ภาษา Qureg ก็ทำให้เขาใช้เวลานานกว่า 1 ปีเลยทีเดียว    …

  • แผนที่แสดงให้เห็นว่าภาษาต่างๆ ในโลกต้องใช้เวลาเรียนเท่าไหร่ จึงจะสามารถสื่อสารกันได้!!

    แผนที่แสดงให้เห็นว่าภาษาต่างๆ ในโลกต้องใช้เวลาเรียนเท่าไหร่ จึงจะสามารถสื่อสารกันได้!!

    บนโลกอันกว้างใหญ่ของเรามีประเทศอยู่นับร้อยนับพันประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศก็จะมีการสื่อสารที่แตกต่างกันออกไป ทั้งลักษณะท่าทาง มารยาท รวมถึง ‘ภาษา’ ที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ซึ่งก็มีทั้งประเทศที่ใช้ภาษาของตัวเอง และประเทศที่ใช้ภาษาสากลอย่างภาษาอังกฤษ นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว หากใครอยากหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับภาษาต่างๆ ในตอนนี้ทาง Foreign Service Institute ก็ได้จัดหมวดหมู่ภาษาต่างๆ ในโลกของเราว่าควรเรียนระยะเวลานานเท่าไหร่ เพื่อจะมีความเข้าใจในภาษานั้นๆ ได้อย่างถ่องแท้ อ้างอิงจากผู้ที่มีภาษาแม่เป็นภาษาอังกฤษ   ภาษาต่างๆ บนโลกที่มีการจัดอันดับระยะเวลาในการเรียน   และต่อมาผู้ใช้งานเว็บ Reddit คนหนึ่งที่ชื่อว่า Fummy ก็ได้นำข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ไปใส่ไว้ในแผนที่โลกเพื่อให้เราสามารถเข้าใจและเปรียบเทียบระยะเวลาในการเรียนภาษาประเทศนั้นๆ ได้อย่างง่ายดายขึ้นนั่นเอง   หมวกแรกยังชิวๆ เรียนแค่ 23-24 สัปดาห์ก็ฟัง พูด อ่าน เขียนได้คล่องปรื๋อ   กลุ่มแรกคือกลุ่มภาษาที่มีต้นกำเนิดหรือตระกูลภาษาใกล้ๆ กับภาษาอังกฤษก็อย่างเช่น ภาษาฮอลแลนด์ ภาษาเดนมาร์ก ภาษาสวีเดน ซึ่งมีความคล้ายคลึงราวกับว่าหากรู้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ก็เหมือนกับเรียนรู้ภาษาในประเทศเหล่านี้ไปแล้วกว่าครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว   เริ่มยากขึ้นมาหน่อย   ภาษาอินโดนีเซีย ภาษามาเลเซีย และภาษาสวาฮีลี ต้องมีการเรียนถึง 36 สัปดาห์เลยทีเดียว   44 สัปดาห์สำหรับภาษาเหล่านี้…

  • ไปดูคำว่า F**k You ในแต่ละประเทศทั่วโลก รู้เอาไว้ก็ดี แต่อย่าเอาไปทำตามนะจ๊ะ!!

    ไปดูคำว่า F**k You ในแต่ละประเทศทั่วโลก รู้เอาไว้ก็ดี แต่อย่าเอาไปทำตามนะจ๊ะ!!

    สำหรับใครที่มีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติ หรือมีโอกาสได้พูดคุยกับชาวต่างประเทศ พนันได้เลยว่าหนึ่งในสิ่งแรกๆ ที่คุณสอนให้พวกเขาได้รู้จักกันนั่นก็คือคำด่าใช่ไหมล่ะ!? ยอมรับมาซะดีๆ นะ ฮ่าๆ แน่นอนว่าคำหยาบนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมแน่ๆ หากจะพูดกับคนที่ไม่รู้จักหรือบางครั้งแม้แต่คนที่สนิทกันมากๆ ก็ไม่ควรพูดเช่นกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการใช้คำหยาบนั้นมีอยู่แทบจะทุกพื้นที่บนโลกใบนี้ ซึ่งถ้าหากใครที่เคยเล่นเกมออนไลน์นั้นก็คงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี อ่า… และเพื่อเป็นความรู้ไว้กันโดนชาวต่างชาติด่า วันนี้เราก็ได้นำคำว่า F**k You ในแต่ละภาษามาฝากกัน จะมีอะไรบ้างนั้นไปชมกันเลย…   1. ภาษาอาหรับ, ประเทศอียิปต์   2. ภาษาอาหรับ, ประเทศซีเรีย, รัฐปาเลสไตน์, เลบานอน, จอร์แดน   3. ภาษาอินโดนีเซีย   4. ภาษาพม่า   5. ภาษาจีนกวางตุ้ง, ประเทศจีน และฮ่องกง   6. ภาษาอังกฤษ แบบออสเตรเลีย   7. ภาษาฝรั่งเศส   8. ภาษาเยอรมัน   9. ภาษากรีซ   10.…

  • แผนผังความสัมพันธ์ของภาษารอบโลก ที่อาจจะทำให้การมองโลกของคุณเปลี่ยนไป…

    แผนผังความสัมพันธ์ของภาษารอบโลก ที่อาจจะทำให้การมองโลกของคุณเปลี่ยนไป…

    พวกเราเคยทราบกันมาก่อนรึเปล่าว่า ภาษาเกือบทั้งหมดที่เรารู้จักล้วนมีจุดต้นกำเนิดมาจากภาษาแม่ไม่กี่ภาษาเท่านั้น..!! และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ Minna Sundberg รู้สึกคลั่งไคล้ที่จะศึกษา และอธิบายมันออกมาผ่านภาพ Infographic ให้ชาวบ้านตาดำๆ อย่างเราเข้าใจกันได้ง่ายๆ   พุ่มไม้ที่ใหญ่กว่าแสดงให้เห็นถึงภาษาที่มีคนใช้เป็นภาษาแม่ (ชมภาพเต็ม)   โดยทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่อ้างอิงมาจากเว็บไซต์ Ethnologue และสำหรับภาพ Infographic ทั้งหมดนี้เธอจะเน้นไปที่ภาษาฝั่งยุโรปมากกว่า ส่วนภาษาฝั่งตะวันออกจะถูกจัดอยู่ในตระกูล Indo-European และ Uralic   จะเห็นได้ว่าภาษาฝั่งยุโรปได้แยกออกมาเป็น 3 กลุ่มใหญ่ได้แก่ Slavic, Romance และ Germanic   อีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่า Germanic คือภาษาแม่ของภาษาอังกฤษ   “สำหรับภาษาที่มีคนใช้กลุ่มน้อยมากๆ เราอาจจะไม่เห็นว่ามันปรากฎอยู่ในแผนภาพนี้ ซึ่งมันมีภาษาจากฝั่ง Indo-European อีกเยอะแยะมากมายไปหมด แต่ทั้งหมดนี้ก็ช่วยทำให้เราเข้าใจถึงความเป็นมาของภาษามากขึ้น” เจ้าของผลงานให้สัมภาษณ์   สำหรับภาษาฟินนิชก็เป็นหนึ่งในภาษาที่อยู่ในตระกูล Uralic   ในส่วนของกลุ่ม Indo-Iranian ก็มีความสัมพันธ์กับภาษาฮินดู และอักษรอูรดู อีกทั้งยังถูกพัฒนาเป็นภาษาพื้นเมืองต่างๆ ของชาวอินเดียอีกด้วย   นึกไม่ออกจริงๆ ว่าภาษาของคนสมัยก่อนเค้าจะพูดจากันยังไงนะ…

  • จดหมายลึกลับในศตวรรษที่ 17 เขียนโดยแม่ชีที่ถูกปีศาจครอบงำ เพิ่งได้รับการถอดรหัสบางส่วน…

    จดหมายลึกลับในศตวรรษที่ 17 เขียนโดยแม่ชีที่ถูกปีศาจครอบงำ เพิ่งได้รับการถอดรหัสบางส่วน…

    Maria Crocifissa della Concezione หรือเรียกสั้นๆ ว่า Maria เธอเป็นแม่ชีในศตวรรษที่ 17 โดยมีตำนานเล่าว่าเธอถูก Lucifer จอมมารแห่งนรกเข้าครอบงำ และในปี 1676 เธอก็ได้เขียนจดหมายลึกลับฉบับหนึ่งเอาไว้ที่สำนักนางชี Palma di Montechiaro จดหมายลึกลับที่ซาตานใช้ร่างของเธอเขียนเอาไว้ ไม่มีใครสามารถไขปริศนาได้จนกระทั่ง 341 ปีต่อมา กลุ่มนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชาวอิตาลี ก็ได้ทำการถอดรหัสคำแปลที่อยู่บนจดหมายออกมาได้ โดยใช้โปรแกรมถอดรหัสที่ได้ค้นพบบนเว็บไซต์สายมืด และได้พบว่าข้อความที่ปรากฏบนในจดหมายเป็นสิ่งที่เลวร้ายมาก เพราะมันได้อธิบายถึงพระเจ้า และพระเยซูว่าเป็น “ตัวถ่วง”     สำหรับ Maria เธอได้เข้ามาอยู่ในสำนักนางชีเมื่อตอนที่อายุ 15 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้เธอมีชื่อว่า Isabella Tomasi  โดยเช้าวันหนึ่งในปี 1676 เธอได้เผยว่า… เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับข้อความลึกลับที่ถูกเขียนลงบนจดหมาย โดยเธอได้บอกน้องสาวของเธอว่า เธอกำลังถูกซาตานครอบงำ และบอกให้เธอเขียนข้อความเหล่านี้ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานหลายปี ข้อความที่อยู่ในจดหมายก็ยังคงเป็นปริศนา และยังไม่มีแม่ชีคนไหนสามารถแปลข้อความลึกลับที่ Maria เขียนลงบนจดหมายได้เลย และเราก็ต้องขอขอบคุณทีมงานจากศูนย์วิทยาศาสตร์ Ludum ในคาตาเนีย ประเทศอิตาลี…

  • ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ “8 ภาษากาย” ที่คุณสามารถเรียนรู้ได้ และทำให้ตัวเองดูคูลขึ้นได้จริงๆ

    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ “8 ภาษากาย” ที่คุณสามารถเรียนรู้ได้ และทำให้ตัวเองดูคูลขึ้นได้จริงๆ

    ภาษาที่เราใช้สื่อสารนั้นมีอยู่มากมายทั่วโลก นอกจากภาษาที่เราใช้พูดกันแล้วนั้น “ภาษากาย” เป็นอีกสิ่งสำคัญที่สามารถสื่อสารได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ภาษากายมีความพิเศษอยู่หลายอย่าง มันสามารถเป็นตัวเสริมที่ทำให้ภาษาพุดของเรามีความน่าเชื่อถือ หรือในขณะเดียวกันมันก็สามารถที่จะลดความน่าเชื่อถือได้ ซึ่งคราวนี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญในสาขาอาชีพต่างๆ จะเป็นคนมาแนะนำ 8 ภาษากายที่คุณควรฝึกและนำไปใช้อย่างสม่ำเสมอนั่นเอง…   1. ลอกเลียนแบบท่าทางของอีกฝ่าย – Rosemary Haefner หัวหน้าฝ่ายบุคคล เว็บไซต์ CareerBuilder แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องลอกเลียนแบบให้เหมือนเสียทีเดียวนะ นั่นจะดูเป็นการล้อเลียนเกินไป การที่เราค่อยๆ “Mimic” อย่างช้าๆ จะเป็นการแสดงถึงความเห็นด้วย หรือเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้พวกเขารู้สึกคล้อยตามและถูกจูงใจได้   2. เดินอย่างมั่นใจ – อ้างอิง Scientific American การเดินหลังห่อ หรือไร้แรงเป็นการแสดงถึงความเศร้าและขาดแรงบันดาลใจ ลองเปลี่ยนมาเป็นการเดินแบบมีชีวิตชีวาสิ เดินหลังตรงส้นเท้าลงเต็มพื้น นี่คือการแสดงถึงความมั่นใจและการมีเป้าหมายซึ่งจะทำให้คุณกลายเป็นคนที่มีบุคลิกน่าเชื่อถืออีกด้วยนะ   3. การใช้สายตา – Leil Lowndes พยายามสบตาผู้พูดหรือคู่สนทนาเป็นประจำ แต่ไม่ใช่การจ้องเขม็งไปที่พวกเขานะ การสบตานอกจากแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจแล้ว ยังแสดงให้เห็นความสนใจในคู่สนทนาอีกด้วย สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยมั่นใจ สามารถฝึกง่ายๆ ด้วยการหมั่นสบตากับคู่สนทนาของคุณทุกคน อย่างตั้งใจและแสดงถึงความอบอุ่น คุณจะค่อยๆ พัฒนาทักษะนี้ไปใช้ในสถานการณ์อื่นๆ ได้   4.…

  • นักเรียนญี่ปุ่นไอเดียแหวก แปลทวิตเตอร์ Donald Trump เพื่อเรียนภาษาอังกฤษและสังคม

    นักเรียนญี่ปุ่นไอเดียแหวก แปลทวิตเตอร์ Donald Trump เพื่อเรียนภาษาอังกฤษและสังคม

    การเปลี่ยนผ่านอำนาจจาก Barack Obama มาสู่ Donald Trump ดูจะเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจมาก เพราะทุกๆ การตัดสินใจของสหรัฐจะส่งผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่งไปยังประเทศต่างๆ รอบโลก ฉะนั้นนักข่าวและผู้คนทั่วโลกจึงต้องจับตามองทุกๆ ความเคลื่อนไหวของ Trump ว่ากำลังคิดหรือเตรียมจะตัดสินใจเรื่องใดต่อไป โดยเฉพาะทางทวิตเตอร์ @realDonaldTrump ที่เขามักจะทวีตความคิดของตัวเองออกมา     แต่คนที่ติดตาม Trump เองใช่ว่าจะมีแต่คอการเมืองเท่านั้น คนที่สนใจเรื่องการศึกษาและภาษาอังกฤษก็ติดตามเขาอยู่เหมือนกันนะ บางคนอาจงงว่าติดตามดูประธานาธิปดีแล้วจะได้การศึกษายังไง? งั้นเรามาดูข่าวนี้กัน เมื่อไม่นานมานี้เราได้ไปเจอเข้ากับทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า @DonaldTrumpJPN เป็นทวิตเตอร์ที่จะหยิบเอาข้อความต่างๆ จาก @realDonaldTrump มาแปลจากอังกฤษเป็นญี่ปุ่น เพื่อช่วยให้คนญี่ปุ่นสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษและเข้าใจสิ่งที่ผู้นำสหรัฐผู้นี้ทวีตออกมานั่นเอง     ทวิตเตอร์ @DonaldTrumpJPN ถูกสร้างขึ้นมาด้วยสโลแกนว่า Make English-learning Great Again (ทำให้การเรียนรู้ภาษาอังกฤษกลับมายอดเยี่ยมอีกครั้ง) ซึ่งเป็นการล้อข้อความของ Trump ตอนหาเสียง Make America Great Again (ทำให้อเมริกากลับมายอดเยี่ยมอีกครั้ง) เพราะอย่างที่รู้กันว่าชาวญี่ปุ่นนั้นไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษ การสื่อสารส่วนใหญ่จึงมีแต่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น การสร้างทวิตเตอร์นี้จึงเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ดีทางหนึ่งเลย     บัญชีทวิตเตอร์นี้ดำเนินการโดยแอดมินที่ใช้นามแฝงว่า K・T-san วัย 17 ปี เขาจะแปลทุกๆ ข้อความที่ Trump ทวีตออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นเพื่อให้คนเข้าใจ ปัจจุบันทวิตเตอร์ @DonaldTrumpJPN มีผู้ติดตามแล้วกว่า…

  • ห๊ะ!? ชาวเน็ตแซะ ชมพู่ อารยา ‘ลูกครึ่งสำเนียงบ้านๆ’ จากการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ

    ห๊ะ!? ชาวเน็ตแซะ ชมพู่ อารยา ‘ลูกครึ่งสำเนียงบ้านๆ’ จากการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ

    เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งเมื่อมีดาราคนดังจากประเทศไทยเรา ไปเป็นตัวแทนบนพรมแดงงานระดับโลก อย่าง ชมพู่ อารยา ที่ทุกๆ ท่านได้เห็นกันไปแล้ว ซึ่งนอกจากการได้ไปร่วมงานแล้วก็ต้องมีการสัมภาษณ์กันเล็กๆ น้อยๆ เป็นปกติธรรมดา   คลิปสัมภาษณ์ก็ตามที่เห็นนี้เลย…   จากคลิปข้างต้นนั้น ชมพู่ อารยา ได้ให้สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษได้อย่างดีเยี่ยมเลยล่ะ แต่สุดท้ายไม่วายชาวเน็ตไทยที่มักจะจับจ้องทุกรูขุมขน มีการจิก แซะ ว่าเป็นลูกครึ่งแต่สำเนียงไม่ได้เหมือนกับเจ้าของภาษาเลย (สำเนียงบ้านๆ)     ซึ่งนั่นก็เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าหากเรามองในอีกด้านก็คือ ชมพู่ อารยา เติบโตที่เมืองไทย จึงใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลัก ภาษาอังกฤษจึงอาจจะตกหล่นไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่โอเค เอาเป็นว่าเรามาดูความคิดเห็นของอาจารย์อดัมกับกรณีแซะนี้บ้าง   มันก็ย้อนกลับมาที่สังคมไทยเราตรงที่ว่า การที่ซักคนหนึ่งจะพูดภาษาอังกฤษ จำเป็นที่จะต้องมีสำเนียงที่เป๊ะ แต่ถ้าเป๊ะมากก็จะถูกหาว่าดัดจริต จนกลายเป็นความรู้สึกกลัวที่จะพูดภาษาอังกฤษ ซึ่งไม่ใช่กลัวที่จะพูดกับชาวต่างชาติ แต่กลัวที่จะถูกคนไทยด้วยกันด่าจิกและล้อเลียนแทน ที่มา : อาจารย์ อดัม, ThaiCh8

  • 20 “เสื้อภาษาอังกฤษ” ที่ฝรั่งยังไม่กล้าใส่ แต่คนเอเชียใส่ซะเป็นเรื่องปกติ!!

    20 “เสื้อภาษาอังกฤษ” ที่ฝรั่งยังไม่กล้าใส่ แต่คนเอเชียใส่ซะเป็นเรื่องปกติ!!

    ภาษาเป็นสิ่งที่งดงาม ในแต่ละประเทศก็จะมีภาษาที่แตกต่างกัน ในภาษานั้นก็มีโครงสร้างที่ยิบย่อยแตกต่างออกไปด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็บอกถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ได้เลย ถ้าเราศึกษาดีๆ แต่ว่าบางทีเราก็ไม่รู้จักภาษาอื่น แต่อาจจะเคยเห็นผ่านตามาบ้าง แต่ไม่รู้ความหมาย แต่บังเอิญว่าไปเห็นมันอยู่บนเสื้อแล้วคิดว่าเท่ดีก็เลยหยิบมาใส่ จนบางครั้งเจ้าของภาษามาเห็นถึงกับเอามือทาบอกเลยว่า “ทาม มาย ยูว ถึง กล้า ส่าย เสื้อ บาบ เน้ ด้าย” เราไปดูกันว่าแต่ละคนนั้นจะใส่เสื้อได้โหดแค่ไหน   1.   2.   3.   4.   5.   6.   7.   8.   9.   10.   11.   12.   13.   14.   15.   16.   17.…

  • โรงเรียนสอนภาษาไอเดียเจ๋ง ทำ “เส้นสีบอกทาง” ไปที่ห้อง เหมือนกับอยู่โลกอนาคต!!

    โรงเรียนสอนภาษาไอเดียเจ๋ง ทำ “เส้นสีบอกทาง” ไปที่ห้อง เหมือนกับอยู่โลกอนาคต!!

    ปัจจุบันนี้สถานที่ประกอบการก็ต้องทำออกมาให้น่าดึงดูด ดังนั้นการออกแบบภายในจึงเป็นเรื่องจำเป็น ไว้เว้นแม้แต่โรงเรียนสอนภาษาด้วย สถาปนิกชื่อว่า Emil Dervish ได้ทำการออกแบบโรงเรียนสอนภาษาแห่งหนึ่งชื่อว่า Underhub ที่เมือง Kiev ประเทศยูเครน โดยได้แรงบันดาลใจมาจากสถานีรถไฟใต้ดินลอนดอน แต่เขาก็เอามาปรับปรุงใหม่โดยให้เส้นมันหนาขึ้น พร้อมกับเพิ่มสีสันเข้าไปอีก     แต่ละเส้นนั้นก็จะมีชื่อของสถานีในลอนดอนเพื่อนำนักเรียนไปยังจุดหมายซึ่งก็คือห้องเรียน เช่น Westminster, Piccadilly, และ Paddington และเมื่อนักเรียนเดินไปถึงห้องเรียน ก็จะมีจุดสิ้นสุดอยู่บนประตู นั่นก็หมายความว่าถึงที่หมายแล้ว     ถือเป้นไอเดียที่ดีมากๆ เลยในการทำให้นักเรียนรู้สึกสนุกไปกับการออกแบบภายในที่ดูเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยลูกเล่นมากมาย เห็นแล้วก็อยากไปเรียนเลยนะเนี่ย ที่มา designyoutrust

  • วิทยาศาสตร์แบบแมวๆ พวกมันพยายามบอกอะไรให้มนุษย์ได้รับรู้ หรือว่าไม่ได้คิดอะไรเลย!?

    วิทยาศาสตร์แบบแมวๆ พวกมันพยายามบอกอะไรให้มนุษย์ได้รับรู้ หรือว่าไม่ได้คิดอะไรเลย!?

    การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นนั้นถือว่าเป็นเรื่องพื้นฐานของการสื่อสารและอยู่ร่วมกันเป็นสังคม ไม่ว่าจะเป็นทั้งการแสดงท่าทางและการออกเสียงมาเป็นภาษาพูด สำหรับสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันจะเข้าใจได้ทันที แต่ทว่าสำหรับต่างสายพันธุ์ล่ะ อย่างมนุษย์กับสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมว? สำหรับสุนัขแล้ว การสื่อสารของพวกมันกับมนุษย์จะส่งผ่านการแสดงท่าทาง การส่ายหาง สายตา และเสียงเห่า เพื่อตอบสนองต่อฝ่ายตรงข้าม และมีความเชื่อที่ว่าแมวก็จะเป็นเช่นเดียวกัน เพื่อตอบสนองให้รับรู้ถึง ความกลัว ความหิว หรือแม้กระทั่งความต้องการที่จะไปปัสสาวะ     ความเชื่อที่ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ นักวิจัยด้านสัทศาสตร์ชาวสวีเดนและเป็นผู้หลงใหลแมวเลี้ยงไว้ถึง 3 ตัว นามว่า Suzanne Schötz จาก Lund University จึงได้ทำการศึกษาหาข้อเท็จจริงในการสื่อสารของแมว     จากทดสอบนั้นได้ขออาสาสมัครจากหลากหลายที่ในประเทศสวีเดนพร้อมกับแมวคู่ใจมาด้วย ซึ่งแต่ละคนก็มาจากคนละท้องถิ่นและมีภาษาเป็นของตัวเอง โดยจะสังเกตว่าแมวที่มาด้วยนั้นอาจจะมีภาษาถิ่นเป็นของตัวเองเหมือนกับเจ้าของมันด้วยหรือไม่ อีกทั้งเพื่อหาข้อพิสูจน์การร้อง ‘เมี๊ยว’ นั้นอาจจะมีหลากหลายความหมาย จากการตอบสนองต่อการที่มนุษย์สื่อสารกับมัน     ทำไมแมวต้องร้อง ‘เมี๊ยว’ ด้วยล่ะ? – เพราะแมวต้องใช้ทั้งการมองเห็นและเสียงในการสื่อสารกับมนุษย์ โดยทำการส่งเสียงเพื่อเรียกร้องความสนใจจากมนุษย์เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่เพื่อเป็นการเรียกแมวตัวอื่นแต่อย่างใด ทั้งนี้แมวเป็นจำนวนมากและมนุษย์คู่ใจมักจะพัฒนาการสื่อสารอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกันและกันขึ้นมา เพื่อให้เข้าใจกันมากขึ้น     แล้วมนุษย์พูดคุยกับสัตว์เลี้ยงแตกต่างกับการสื่อสารกับคนด้วยกันเองหรือไม่? – ผู้คนส่วนใหญ่มักจะสื่อสารออกเสียงกับแมวหรือสัตว์เลี้ยงในรูปแบบเดิมๆ เช่นเดียวกันอย่างการสื่อสารกับเด็กเล็ก โดยมักจะออกเสียงโทนสูงมากกว่าปกติ และจะมีรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว…

  • ไขข้อข้องใจ สุนัขมีความเป็น ‘ต่างชาติ’ บ้างหรือไม่ หลากพันธุ์แต่แตกต่างกันที่ภาษาเห่า!?

    ไขข้อข้องใจ สุนัขมีความเป็น ‘ต่างชาติ’ บ้างหรือไม่ หลากพันธุ์แต่แตกต่างกันที่ภาษาเห่า!?

    ทุกวันนี้มีการแบ่งแยกเชื้อชาติตามภูมิประเทศที่เกิด นั่นคือเรื่องของเชื้อชาติเผ่าพันธ์ุของมนุษย์ อ้าว!? แล้วสุนัขล่ะ มันก็มีหลายพันธ์ุเหมือนกันนะ เออ แล้วที่นี้จะมีการแยกความเป็น ‘ต่างชาติ’ เหมือนกับมนุษย์บ้างรึเปล่า มันจะเข้าใจกันมั้ย เมื่อมาจากต่างถิ่น จะเห่าคนละภาษารึเปล่า?     อ่ะ มันก็เป็นเรื่องที่น่าคิดเหมือนกันนะเนี่ย อย่างมนุษย์ก็จะแยกเป็นชาวโน่นนี่นั่น พูดกันคนละภาษา หากไม่เคยเรียนรู้มาก่อนก็จะพูดจะคุยกันไม่รู้เรื่อง แล้วสุนัขล่ะ ที่มันเห่า โฮ่ง – โฮ่ง ใส่กัน มันรู้เรื่องหรือ? ซึ่งถ้าหากมามองกันจริงๆ ก็คือ สุนัขไม่ว่าจะมาจากไหน จะเป็นพันธุ์อะไร มันก็สามารถเข้าใจซึ่งกันและกันได้ เพราะภาษาสุนัขมีเพียงแค่ภาษาเดียวเท่านั้น ตามรายงานของ Psychologytoday     ไม่มีการแบ่งแยกความเป็นต่างชาติสำหรับสุนัขเลย ถือว่าเป็นสิ่งที่สากล แต่มันจะแตกต่างกันที่ภาษาถิ่นของมนุษย์ และทำการสร้างคำมาจากเสียงเห่าของสุนัขตามภาษาของตน จึงทำให้ได้ยินเสียงเห่าของสุนัขที่แตกต่างกันไป อย่างเช่นภาษาไทยก็จะเป็น ‘โฮ่ง – โฮ่ง; บ๊อก – บ๊อก’ ส่วนภาษาอังกฤษก็จะเป็น ‘woof-woof; ruff-ruff; arf-arf; bow-wow’ ภาษาฝรั่งเศส ‘wouaff-wouaff;…

  • ไปฟัง “เจ้าหญิงดิสนีย์” ร้องเพลงตัวเองตามภาษาท้องถิ่นในเรื่อง แปลกหูดีไม่น้อยเลย!!

    ไปฟัง “เจ้าหญิงดิสนีย์” ร้องเพลงตัวเองตามภาษาท้องถิ่นในเรื่อง แปลกหูดีไม่น้อยเลย!!

    ปกติเราดูการ์ตูนดีสนีย์ เราก็จะเห็นว่าตัวละครนั้นมันจะพูดภาษาอังกฤษกันทั้งเรื่อง จนเราแทบไม่รู้เลยว่าในการ์ตูนเรื่องนี้แท้จริงแล้วมันเกิดขึ้นที่ประเทศอะไร วันนี้เหมียวก็เลยเอาคลิปคลิปหนึ่งมาฝาก เป็นการนำเอาเพลงของเจ้าหญิงดิสนีย์ที่เคยร้องไว้ในเรื่อง มาเปลี่ยนให้เป็นภาษาที่ตรงกับสถานที่ในเรื่องจริงๆเลย ตอนดูก็เพิ่งรู้ว่ามันเป็นที่นี่   The Little Mermaid เป็นภาษาเดนมาร์ก   มู่หลานเป็นภาษาจีน   Frozen เป็นภาษานอร์เวย์   อลาดิน เป็นภาษาอาราบิค   ราพันเซลเป็นภาษาเยอรมัน   เราไปฟังกันเลยว่าแต่ละเพลงจะเพราะแค่ไหน   ฟังแล้วก็รู้สึกแปลกหูดีเหมือนกันนะ หลายเรื่องเหมียวก็เพิ่งรู้ว่าเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศนั้นๆ ภาษาอังกฤษทำเราสับสนจริงๆ ที่มา Movie Munchies

  • หญิงสาวเฉียดถูก “ฟ้าผ่า” ที่ชายหาด คนอัดคลิปพีคสุด ร้องเสียงหลงจนซับอ่านไม่ออก!!

    หญิงสาวเฉียดถูก “ฟ้าผ่า” ที่ชายหาด คนอัดคลิปพีคสุด ร้องเสียงหลงจนซับอ่านไม่ออก!!

    เหตุการณ์ฟ้าผ่าแบบต่อหน้าต่อตานั้นไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆเลยนะ ต้องโชคดีจริงๆถึงจะได้เห็น แต่ถ้ามันผ่าลงที่เราก็เรียกว่าโชคร้ายแล้วล่ะ เหมือนอย่างเหตุการณ์ที่สองคนนี้ คาดว่าน่าจะเป็นชาวออสเตรเลียออกไปเล่นบริเวณชายหาดขณะที่เกิดฝนตกหนัก และคงคิดว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้น เพราะไม่มีฟ้าแลบหรือฟ้าร้องใดๆเลย   แต่ขณะที่ผู้หญิงกำลังวิ่งออกไปไกลๆ จู่ๆก็เกิดฟ้าผ่าลงอย่างจัง ห่างจากเธอไปประมาณ 30 เมตรได้   จุดพีคมันอยู่ที่หลังจากที่เกิดฟ้าผ่า แฟนของเธอก็ได้อุทานออกมามากมายเป็นภาษาอังกฤษนั่นแหละ แต่ด้วยนำเนียงออสเตรเลีย ทำให้เราฟังแทบไม่ออกกันเลยทีเดียว Should we remix the chick almost getting hit by lightning in Australia? Now with subtitles from Random Ads incase you couldn’t understand what he said! This wins the internet! Posted by Bombs Away on Wednesday, February 3,…

  • หยุดไม่อยู่แล้ว!! ลูกเทพเป็นลูกครึ่ง คุยกันไม่รู้เรื่อง ถึงขั้นต้องหาล่ามมาแปลภาษาให้ แต่ขอบายดีกว่า

    หยุดไม่อยู่แล้ว!! ลูกเทพเป็นลูกครึ่ง คุยกันไม่รู้เรื่อง ถึงขั้นต้องหาล่ามมาแปลภาษาให้ แต่ขอบายดีกว่า

    ไม่ว่าจะด้วยความเชื่อหรืออะไรก็ตาม ในตอนนี้กระแสของลูกเทพนั้นมาแรงแซงทุกอย่างไปหมด จะเห็นได้ว่าปัจจุบันร้านค้าต่างๆ ก็เริ่มมีโปรโมชชั่นพิเศษสำหรับลูกเทพทั้งหลายแล้ว และจะให้ล้ำไปกว่านั้นอีกก็คือลูกเทพของบางคน ดันเป็นลูกครึ่งซะด้วยสิ     ทีนี้ด้วยจินตนาการที่สำคัญกว่าความรู้หรืออาจจะเป็นไปด้วยเทพลิขิต เมื่อลูกเทพเป็นลูกครึ่งทีนี้ก็จะคุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นทางออกทางเดียวที่จะสามารถทำได้ ก็คือการไปจ้างล่ามแปลภาษามาช่วยแปลให้ ดั่งเช่นแชทไลน์ที่เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ของคุณ @TimehanaR มาถึงจุดนี้ได้ไงจุดที่มาจ้างกูเป็นล่ามให้ลูกเทพ นี่ลูกเทพเค้ามีแบบลูกครึ่ง? #ลูกเทพของมึงไม่ได้น่ารักสําหรับทุกคน pic.twitter.com/u63qFJjgwb — Hanar (@TimehanaR) 25 มกราคม 2016     เด็กผู้หญิงลูกครึ่งไม่น่ายาก แต่มันมายากตรงที่เป็นลูกเทพนี่แหละ!!     งานนี้ขอบายค่ะ!!   โอ้ยยยยยย!! ถ้าเจอแบบนี้ ใครที่เป็นล่ามอยู่จะรับงานกันมั้ยเนี่ย ให้ไปคุยและแปลภาษาของลูกเทพให้ฟัง มันน่าจะรู้สึกแปลกๆ นะ แหม่ ที่มา : @TimehanaR

  • สาวกตัวจริง!! เธอคนนี้ไล่ซื้อหนังสือ “แฮร์รี่ พอตเตอร์” เวอร์ชั่นทุกประเทศที่เธอไปเยือน

    สาวกตัวจริง!! เธอคนนี้ไล่ซื้อหนังสือ “แฮร์รี่ พอตเตอร์” เวอร์ชั่นทุกประเทศที่เธอไปเยือน

    “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ถือเป็นวรรณกรรมที่ครองใจคนทั้งโลกไปแล้ว ขนาดที่ว่ามีสวนสนุกเป็นของตัวเอง จนทำให้คนที่ไม่เคยดูมาก่อน กลับกลายเป็นสาวกแฮร์รี่ไปอีกมากมาย เธอคนนี้มีชื่อว่า Miriam Salzman วัย 24 ปี เป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบแฮร์รี่ พอตเตอร์มานาน ตอนนี้เธอทำงานเป็นฟรีแลนซ์เกี่ยวกับละครเวทีในนิวยอร์ค เธอนั้นเป็นแฟนแฮร์รี่ตั้งแต่อายุ 6 ขวบเลยก็ว่าได้ เริ่มจากครอบครัวของเธอได้ซื้อหนังสือแฮร์รี่มาอ่าน แล้ววันหนึ่งเธอก็หลงไปอ่านเข้า จึงเจอเวทมนตร์สะกดใจเข้าไปแต่จุดเริ่มต้นจริงๆนั้น เริ่มจากคุณพ่อคุณแม่เป็นคนอ่านให้เธอฟังก่อน ตั้งแต่เล่ม 1 ถึงเล่ม 4 แล้วหลังจากนั้นเธอก็ตามอ่านเองจนหมด   เธอเริ่มสะสมหนังสือแฮร์รี่เนื่องจากได้ไปต่างประเทศ แล้วพบว่าหนังสือของแต่ละประเทศออกแบบมาไม่เหมือนกัน เธอจึงตัดสินใจซื้อตั้งแต่เล่ม 1 ถึง 7 ครั้งแรกตอนที่เธอไปทัวร์ยุโรป   นอกจากนี้เธอยังมีแฮร์รี่ในภาษาฮิบรู ฮินดี อิตาลี สเปน และอีกมากมายที่เธอได้ซื้อมาระหว่างไปเที่ยวทวีปยุโรปและอเมริกา   และตอนนี้เธอมีหนังศือแฮร์รี่รวมกันถึง 37 เวอร์ชั่น รวมถึงหนังสือพิเศษอย่างควิชดิชในยุคต่างๆ, สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ และนิทานของบีเดิลยอดกวี แหม่ นี่มันแฟนพันธุ์แท้ชัดๆ   ยังไงก็อย่าลืมตามมาซื้อที่เอเชียบ้างนะ แต่บ้านเรานี่ก็มีหนังสือหลายเวอร์ชั่นมากๆ อยากรู้ว่าเธอจะซื้อไปทั้งหมดเลยรึเปล่า อ่ะ สเนปปรบมือให้…

  • สุดยอดเครื่องแปลภาษา “ili” พูดปุ๊บ แปลปั๊บ การสนทนาลื่นไหลราวกับพูดเป็น!!

    สุดยอดเครื่องแปลภาษา “ili” พูดปุ๊บ แปลปั๊บ การสนทนาลื่นไหลราวกับพูดเป็น!!

    ถ้าใครเคยดูโดราเอม่อนแล้ว คงรู้จักกับของวิเศษอย่างหนึ่งนั่นก็คือวุ้นแปลภาษา ถือเป็นสิ่งที่หลายคนอยากได้มากๆ เพราะมันมีประโยชน์ในการสื่อสารกับชาวต่างชาติ แต่แล้วโลกมันก็มาถึงยุคที่มีเครื่องแปลภาษาที่คล้ายกับวุ้นแปลภาษาแล้ว!!   เจ้าสิ่งนี้มีชื่อว่า ili (อีลิ) ผลิตโดยบริษัท LogBar เป็นเครื่องแปลภาษาแบพกพาที่มีฟังก์ชั่นการทำงานที่แสนสะดวกสบาย เพียงแค่คุณพูดประโยคเข้าไป มันก็จะเปลี่ยนเป็นภาษาที่คุณต้องการได้ทันที ไม่ต้องรอโหลดแต่อย่างใด     ด้วยขนาดเล็กมากๆ สามารถเอามาห้อยคอได้เลย ทำให้การสื่อสารของคุณนั้นไม่เป็นอุปสรรค เพียงแค่กดปุ่มบนเครื่องแล้วพูดใส่ เครื่องก็จะแปลมาให้โดยไม่จำเป็นต้องต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตแต่อย่างใด มันสามารถทำงานของมันเองได้ทั้งหมด เพราะคำศัพท์ต่างๆ นั้นเราต้องทำการโหลดมาใส่ก่อนที่จะเอามาใช้งานแล้ว     แต่ตอนนี้เครื่องนี้ยังรองรับแค่ภาษาอังกฤษ จีน และญี่ปุ่น และในอนาคตในเวอร์ชั่นต่อๆ ไป ก็จะมีภาษาเกาหลี ฝรั่งเศส รวมถึงไทยด้วยนะเออ   คลิปการนำเสนอกระบวนการทำงานอันแสนวิเศษของเครื่องแปลภาษาพกพา   เราไปชมคลิปการทำงานของเจ้าเครื่องนี้กันเลยดีกว่า เป็นการทดสอบการใช้งานเครื่องแปลภาษาพกพา ili มุ่งตรงสู่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น   ส่วนเรื่องราคานั้นยังไม่เปิดเผยออกมา แต่คาดว่าน่าจะไม่แพงมากนัก และเครื่องนี้เริ่มจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา เดือนมิถุนายน 2017 นี้ ใครสนใจก็อย่าลืมติดตามข่าวให้ดีนะจ๊ะ ที่มา iamili

  • เรียนรู้ภาษาจีนได้ง่ายๆ จากภาพวาดตัวอักษรสุดน่ารัก เหมาะแก่การเริ่มต้นภาษาจีนที่สุด!!

    เรียนรู้ภาษาจีนได้ง่ายๆ จากภาพวาดตัวอักษรสุดน่ารัก เหมาะแก่การเริ่มต้นภาษาจีนที่สุด!!

    การเรียนรู้ทางด้านภาษาอื่นๆ นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะเนื่องจากโลกของเราเปลี่ยนแปลงไปมาก การติดต่อสื่อสารกับประเทศอื่นๆ ได้ก็จะทำให้เราสามารถทำอะไรๆ ได้สะดวกมากขึ้น แถมยังสามารถสร้างความประทับใจใช้ต้อนรับเจ้าของภาษาในประเทศของเราในฐานะเจ้าบ้านได้อีกด้วย     ซึ่งนอกจากภาษาอังกฤษที่เราเรียนรู้กันเป็นภาษาที่สองแล้ว ตอนนี้ภาษาจีนก็ถือว่ามาแรงไม่แพ้กัน มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวในไทยมากมาย และมีคนไทยจำนวนไม่น้อยไปอยู่ที่ประเทศจีน ทั้งในด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจต่างๆ แต่เนื่องจากตัวอักษรจีนที่มีจำนวนมากถึง 20,000 ตัว อาจจะทำให้รู้สึกยากต่อการจำ จนถอดใจไม่เรียนเอาซะดื้อๆ     เอาเป็นว่าหากใครสนใจที่อยากจะเรียนรู้ภาษาจีน ภาพการ์ตูนตัวอักษนจีนนี้ถือว่าเหมาะแก่การเริ่มต้นมากๆ เลย และใครที่กำลังเรียนอยู่ก็น่าจะช่วยให้จดจำตัวอักษรได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอน                               ลักษณะคล้ายๆ กับภาษาญี่ปุ่นที่เหมียวเรียนมาเหมือนกันนะเนี่ย นำตัวอักษรมาวาดให้เป็นรูปที่มีลักษณะคล้ายกับสิ่งของต่างๆ ทำให้ง่ายต่อการจำนั่นเอง ที่มา : mymodernmet

  • 15 คำหวานละมุนบอกแทน “ความรัก” ในรูปแบบภาษาต่างๆ ที่ยังไม่มีนิยามในภาษาอังกฤษ

    15 คำหวานละมุนบอกแทน “ความรัก” ในรูปแบบภาษาต่างๆ ที่ยังไม่มีนิยามในภาษาอังกฤษ

    ความรู้สึกดีๆ ในเรื่องของความรัก หากจะพูดออกมาเป็นภาษาสากลที่ใช้กันทั่วโลกก็คือคำว่า Love ในภาษาอังกฤษนั่นแหละ แต่จะว่าไปแล้วความรู้ดีๆ แบบนี้บางครั้งก็ไม่อาจจะบอกได้ตรงๆ ว่ามันคือความรักแบบ Love รึเปล่า     เพราะความรู้สึกดีๆ ที่มีให้นั้นมันมีเยอะแยะมาก ซึ่งในภาษาอังกฤษเองก็ยังไม่มีคำนิยามเลย แต่ในภาษาอื่นๆ นั้นกลับมีความหมายที่หวานละมุนสุดๆ โดยภาพวาดชุดนี้เป็นผลการของ Emma Block ร่วมกับเว็บไซต์ vashi ในภาพชุด คำหวานละมุนจากภาษาอื่นๆ ทั่วโลก (ที่ไม่มีนิยามตรงตัวในภาษาอังกฤษ)   1. Dor จากภาษาโรมาเนีย ความรู้สึกห่วงหาเมื่อห่างจากคนรักเป็นเวลานาน   2. Merak จากภาษาเซอร์เบีย ความรู้สึกพึงพอใจที่สร้างได้ง่ายๆ เมื่อได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา   3. Cafune จากภาษาโปรตุเกส ความรู้สึกของการได้ลูบบนเส้นผมนุ่มๆ ของผู้เป็นที่รัก   4. Firgun ภาษาฮิบรู ความสุขอันเรียบง่ายเมื่อเห็นสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับผู้อื่น   5. Koi No Yokan จากภาษาญี่ปุ่น…

  • เมื่อภาพยนตร์ชื่อดังถูกแทนที่ชื่อบางส่วนด้วยคำว่า ‘จิมิ’ ความหมายก็เปลี่ยนไปทันที!!

    เมื่อภาพยนตร์ชื่อดังถูกแทนที่ชื่อบางส่วนด้วยคำว่า ‘จิมิ’ ความหมายก็เปลี่ยนไปทันที!!

    การนำคำเพียงแค่คำเดียวมาแทนคำบางส่วนในชื่อภาพยนตร์นั้น อาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย แต่มันสามารถสร้างความตลกได้อย่างมหาศาลเลยล่ะ อย่างเช่นการนำคำว่า ‘Vagina’ แปลเป็นไทยว่า ‘จิมิ’ ของหญิงสาว มาแทนคำสำคัญในชื่อภาพยนตร์ ความหมายของแต่ละเรื่องก็ฮาลั่นเลยล่ะ!!   1. How to Train your Vagina : อภินิหารไวกิ้ง พิชิตจิมิ   2. 28 Vaginas Later : 28 วันให้หลัง จิมิเขมือบคน   3. A Few Good Vaginas : จิมิเกียรติยศ   4. The Curious Vagina of Benjamin Button : เบนจามิน บัตตัน อัศจรรย์จิมิโลกไม่เคยรู้   5. Buffy The Vagina Slayer…

  • ถึงใจรึเปล่า!? สงสัยกันบ้างมั้ยว่า ‘คำด่า’ ในแต่ละประเทศจะเป็นแบบไหนบ้าง ของไทยจัดเต็มมาก

    ถึงใจรึเปล่า!? สงสัยกันบ้างมั้ยว่า ‘คำด่า’ ในแต่ละประเทศจะเป็นแบบไหนบ้าง ของไทยจัดเต็มมาก

    เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่มักจะมีอารมณ์ขึ้นลงตามสภาพแวดล้อมต่างๆ ซึ่งถ้าหากว่าเกิดอาการไม่พอใจในสิ่งที่ผู้อื่นกระทำ ก็จะลงเอยด้วยการสบถออกมาเป็นคำด่าที่หยาบคาย ซึ่งเหมียวเองก็ไม่ได้ส่งเสริมให้ด่าผู้อื่นนะจ๊ะ     เพียงแต่ว่าสิ่งที่อยากจะนำเสนอก็คือในแง่ของภาษาที่ใช้กัน เคยสงสัยกันบ้างมั้ยว่าประเทศอื่นๆ เวลาเขาด่ากันเนี่ย จะมีคำไหนบ้าง และความหมายของมันจะเจ็บแสบแค่ไหน ปล.ของประเทศไทยนี่สามารถนำทุกสิ่งมาด่าได้จริงๆ นะเออ ฮ่าฮ่า!!   อย่างคุณฝนสาวไทยจากกรุงเทพฯ ยกตัวอย่างคำว่า ‘คุณแม่เสียชีวิต’ มาให้ฟังด้วยแหละ   แต่ละภาษาก็ออกเสียงคล้ายๆ กันอยู่บ้าง แต่จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป น่าสนใจดีเหมือนกันแฮะ ที่มา : fooyoh

  • ไปฟังประโยคเด็ด “I am your father” จาก Star Wars ทั้ง 20 ประเทศ อันไหนโหดที่สุด!!?

    ไปฟังประโยคเด็ด “I am your father” จาก Star Wars ทั้ง 20 ประเทศ อันไหนโหดที่สุด!!?

    สาวกภาพยนตร์มหากาพย์อย่าง Star Wars หรือไม่ใช่สาวกก็ตามก็คงจะรู้จักประโยคเด็ดในหนังซึ่งปรากฏออกมาใน Episode ที่ 5 ซึ่งเป็นฉากที่ Darth Vader เปิดเผยตัวอย่างว่าเป็นพ่อของ Luke Skywalker หลังจากนั้นไม่นาน เสียงของ James Earl Jones ผู้ให้เสียง Darth Vader ก็เป็นที่โด่งดังขึ้นมาทันที   เมื่อไหร่ที่ได้ยินประโยคนี้ หลายคนก็คงนึกถึงฉากนี้เสมอ แต่จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ถ้าประโยคนี้มันไม่ได้เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาไทยเหมือนที่เราคุ้นเคยกัน   วันนี้เหมียวเลยพาทุกท่านมาดูฉากเด็ดพร้อมกับประโยคดังทั้ง 20 ภาษาจากทั่วโลกมาให้ทุกคนตัดสินกันว่าประเทศไหนน่ากลัวที่สุด มีของไทยด้วยนะจ๊ะ ไปฟังกันเลย!!   ความคลาสสิกเหมียวยกให้อังกฤษกับไทยเลย แต่ถ้าเป็นสายโหดจะให้เยอรมัน แต่ความแบ๊วนี่ต้องยกให้ฮิบบรูเลย โดดเด่นมากกก ปิดท้ายด้วยรูปคลาสสิกอีกเช่นกัน ที่มา Matteo Di pastena