Tag: เยียวยา

  • มาร์เวลเปิดบูทให้คำปรึกษา เยียวยาจิตใจแฟนๆ ผู้มีอาการสาหัสจาก Infinity Wars

    มาร์เวลเปิดบูทให้คำปรึกษา เยียวยาจิตใจแฟนๆ ผู้มีอาการสาหัสจาก Infinity Wars

    คนที่รู้สึกอินกับอะไรมากๆ มักจะมีอาการที่เรียกว่าซึมหนัก หลังจากที่ได้เจอกับเหตุการณ์ร้ายแรงครั้งใหญ่หลวง กับการฝ่าฟันชะตากรรมที่ไม่อาจยอมรับได้ รู้สึกเจ็บปวดจนไม่สามารถทำอะไรได้อีก อย่างเช่นแฟนเดนตายของจักรวาลมาร์เวล ที่เพิ่งจะผ่านพ้นศึกหนัก Infinity Wars ไปได้ไม่นาน แม้จะมีมนุษย์มดมาช่วยเยียวยา แต่แผลภายในใจยังฝังลึกกับความสูญเสียอยู่ดี     ความจริงก็ไม่ใช่อะไรขนาดนั้นหรอก ฮร่าาา เป็นเหมือนกับการจัดมีตติ้งดารานำมาร์เวลพบปะประชาชนแฟนคลับ ในงาน San Diego Comic-Con 2018 มาในรูปแบบของการเยียวยาสภาพจิตใจ ด้วยการให้ดารานำมาพูดเกี่ยวกับความทรงจำดีๆ ในจักรวาลมาร์เวลให้กับแฟนคลับได้ฟัง     ภายในนั้นจะมีโดนัทแจกให้ฟรี ได้ดูฉากที่ถูกตัดใน Infinity War ระดับบลูเรย์ แถมยังได้เสื้อเชิ้ตไปอีกตัวตอนขาออกด้วย โดยในระหว่างทางเดินจะมีโปสเตอร์พร้อมคำให้กำลังใจกับแฟนคลับที่บาดเจ็บทางใจ ค่อยๆ เยียวยากันไปเดี๋ยวก็ดีขึ้น   พวกเราคือกรูทททททท!!   คุณแกร่งกว่าไวเบรเนียมเสียอีก   มีฮัลค์อยู่เสมอนะ   คุณทำได้หน่าาา (เดินวนตลอดทั้งวัน)   คุณเป็นมากกว่าแผน 12% ของตาปีเตอร์นะ (จาก GOTG)   นอกจากจะมีการพูดคุยเรื่องราวความทรงจำแล้ว ยังจะมีการเยียวยากอดกลุ่ม Group…

  • ลิงมีแผลใจ กลัวทุกสิ่งเลยไม่ยอมออกกรง จนกระทั่งเจอเจ้าหมาที่เปลี่ยนโลกมัน

    ลิงมีแผลใจ กลัวทุกสิ่งเลยไม่ยอมออกกรง จนกระทั่งเจอเจ้าหมาที่เปลี่ยนโลกมัน

    ลิงไม่ได้เข้ากับกลุ่มได้ทุกตัว บางครั้งก็มีลิงที่ไม่เป็นที่ยอมรับของฝูง จนมันโดดรุมรังแก เหมือนกับเจ้าลิง Boknam มันถูกฝูงรังแกจนกลายเป็นแผลเป็นในใจ ทุกวันนี้ไม่กล้าออกไปนอกกรงของตัวเองเลย มันเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว จนอาสาสมัครเป็นห่วงว่ามันจะไม่มีความสุขสักที ก็เลยพาเพื่อนที่น่าจะช่วยมันได้มา ซึ่งก็คือเจ้าหมา Sarang เรามาลุ้นกันดูว่าเจ้าหมาจะช่วยมันได้ไหม   นี่คือเจ้าลิง Boknam   มันถูกฝูงลิงทำร้ายมาก่อน เลยฝังใจจนกลัวทุกสิ่ง   มันเลยหลบอยู่ในกรงไม่ยอมออกไปไหน   และบางครั้งมันก็จะคลั่งจนทำร้ายตัวเองในกรงด้วย   ทุกครั้งที่คนดูแลพยายามจะเอามันออกไปข้างนอก มันก็จะเกาะกรงไว้ เพราะไม่อยากออกไป   และแม้จะพามันออกมาจากห้องได้ มันก็จะมองหามุมที่จะเข้าไปซุกตัวได้อย่างปลอดภัย แล้วก็อยู่นิ่งไม่ไปไหนเลย   พวกเขาเลยต้องปล่อยให้มันอยู่ในกรง ซึ่งเป็นที่ที่มันอยู่แล้วสบายใจที่สุดต่อไป   แม้วันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เจ้าลิงก็ไม่มีท่าทีดีขึ้นเลยสักนิด   คนดูแลเคยได้ยินว่ามีลิงอุรังอุตังที่มีอาการคล้าย Boknam อยู่ และมันก็หายจากอาการซึมเศร้าได้หลังจากเป็นเพื่อนกับแมวตัวหนึ่ง   พวกเขาเลยพาเจ้าหมา Sarang มาอยู่เป็นเพื่อนลิงขี้กลัว   ตอนแรกพวกมันก็ทำตัวไม่ถูก เพราะเจ้าหมาไม่รู้จะเข้าหาลิงยังไง   มันก็เลยนั่งอยู่ข้างกรง เป็นเพื่อนมันเฉยๆ   จนกระทั่งคนดูแลเห็นว่าในที่สุด Boknam ก็เริ่มเข้าหาเจ้าหมาเอง  …

  • ความสะเพร่าของโรงพยาบาล ทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาตครึ่งตัว ไม่เยียวยาและไม่รับผิดชอบ…

    ความสะเพร่าของโรงพยาบาล ทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาตครึ่งตัว ไม่เยียวยาและไม่รับผิดชอบ…

    โรงพยาบาลเปรียบได้เหมือนดั่งความหวังสุดท้าย ที่จะทำให้ร่างกายของคนเรากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง แต่ก็ยังคงมีในบางกรณีที่การรักษากลับทำให้ชีวิตของผู้ป่วยย่ำแย่ลงกว่าเดิม เรื่องราวของผู้ป่วยหญิงวัยรุ่นอายุ 15 ปี จากฮ่องกง ที่มีอาการปวดหัว ปวดคอ และรู้สึกว่าร่างกายด้านขวามีความอ่อนแรงผิดปกติ และเริ่มต้นเข้ารับคำแนะนำทางด้านการรักษากับทางโรงพยาบาล United Christian Hospital ในวันที่ 31 ตุลาคม 2017     จากนั้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2017 แพทย์ได้วินิจฉัยว่าเธอประสบกับอาการไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน อาจจะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งหรือเซลล์ประสาททั้งหมดที่ได้รับความเสียหาย และได้รับการรักษาด้วยสเตอรอยด์ในทันที แต่กลับไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ     แพทย์จึงแนะนำให้รับการรักษาด้วยวิธี Plasmapheresis (การฟอกเลือด) กระบวนการรักษาที่จะนำพลาสมาที่เป็นพิษออกจากร่างกาย ทำให้สะอาดหมดจนก่อนจะนำกลับเข้าสู่ ระบบการไหลเวียนเลือดในร่างกายอีกครั้ง ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2017 เธอเข้ารับการรักษาด้วยวิธีดังกล่าว และหลังจากที่แพทย์ได้ทำการสวมสายสวนหลอดเลือดไปที่ลำคอ เธอเกิดอาการช็อกส่งผลทำให้เลือดไหลไปกองอยู่ที่บริเวณหน้าอก     ทางทีมแพทย์ได้ทำการเอกซเรย์ และทำให้ครอบครัวของผู้ป่วยมั่นใจว่ายังอยู่ในระดับที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตามทีมแพทย์ได้ตัดสินใจย้ายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล Queen Elizabeth Hospital เพื่อรับการรักษาเลือดที่สะสมค้างอยู่ในบริเวณหน้าอกแทน ในขณะที่ทีมแพทย์ทีมใหม่จะทำการเจาะเส้นเลือดดำของผู้ป่วย กลับพบว่าเส้นเลือดแดงของเธอได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง จากการสวมสายสวนหลอดเลือดที่คอจากโรงพยาบาลแห่งแรก…

  • สิ่งประดิษฐ์สมัยใหม่ ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือผู้คน และบำบัดอาการ ‘ติดสมาร์ทโฟน’

    สิ่งประดิษฐ์สมัยใหม่ ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือผู้คน และบำบัดอาการ ‘ติดสมาร์ทโฟน’

    อาการเสพติดสมาร์ทโฟน หรือ สังคมก้มหน้า คือสิ่งที่เราสามารถพบเห็นกันได้โดยทั่วไปในสังคมทุกวันนี้ เพราะปัจจุบันเกือบทุกคนต้องรู้จักและมีสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเอง ซึ่งนั้นทำให้คนจำนวนมากใช้มันแทบจะตลอดเวลาไปแล้ว แต่อาการดังกล่าวสามารถเยียวยาได้ด้วยเจ้าสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ เจ้าสิ่งนี้มีชื่อว่า โทรศัพท์สำรอง เป็นฝีมือของดีไซเนอร์ชาวออสเตรีย Klemens Schillinger ซึ่งเขาได้ออกแบบมันมาเพื่อแก้ปัญหาของอาการดังกล่าวโดยเฉพาะ     ความพิเศษของมันก็คือมันสามารถให้เราได้ใช้นิ้วเหมือนกับที่เราทำบนหน้าจอสมาร์ทโฟนเราอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนหน้าจอ การซูมเข้าซูมออก หรือการสไลด์ขึ้นลงบนลูกปัดหินที่เปรียบเหมือนกับลูกกลิ้งเรียงตัวกันอยู่บนอุปกรณ์นี้ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าสิ่งนี้ยังมีขนาดและรูปร่างเหมือนๆ กับสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป ทำให้ความรู้สึกของเราเวลาได้มาเล่นมันแทนการเล่นสมาร์ทโฟนนั้นเหมือนจริงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย   มาพร้อมกับ 5 สไตล์ให้คุณเลือกได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนหน้าจอ การสไลด์ขึ้นลง หรือการซูมเข้าซูมออก   Klemens บอกว่า “ปัจจุบันพวกเราเล่นมือถือกันอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าที่ไหนก็ตาม หรือแม้แต่เวลาที่เราไม่ได้รับข้อความใดๆ เราก็จะควักมันขึ้นมาเล่นอยู่ดี และนั่นจึงทำให้ผมเกิดไอเดียสร้างสิ่งประดิษฐ์นี้ขึ้นมาเพื่อลดการเกิดพฤติกรรมดังกล่าว” เขาได้ยืนยันอีกว่าสิ่งนี้มีความแตกต่างกับ Fidget Spinner หรือ Fidget Cubes ตรงที่ว่ามันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ช่วยแก้ปัญหาเวลาเหงามือ แต่มันมีขึ้นเพื่อแก้การเสพติดสมาร์ทโฟนโดยตรง เพราะท่าทางการเลื่อนหน้าจอ หรือสไลด์หน้าจอเป็นสิ่งที่พวกเราติดจากการใช้สมาร์ทโฟนโดยตรง และนี่จึงเข้ามาเป็นสิ่งทดแทนในเรื่องนั้น     นอกจากนั้นเขาก็ได้ออกแบบโคมไฟที่จะมาช่วยแก้ปัญหาการใช้สมาร์ทโฟนเกินความจำเป็นอีกด้วย ซึ่งสิ่งประดิษฐ์ทั้งสองชิ้นเราก็คงต้องรอกันต่อไปว่าจะมีออกมาวางขายกันเมื่อไหร่   โคมไฟที่เราต้องนำมือถือไปใส่ไว้ในลิ้นชักเท่านั้น ไฟมันถึงจะติด…

  • ช่างสักหนุ่มปกปิด ‘รอยแผลเป็นอันเลวร้าย’ ให้หญิงสาวกลับมามีความสุขอีกกครั้ง

    ช่างสักหนุ่มปกปิด ‘รอยแผลเป็นอันเลวร้าย’ ให้หญิงสาวกลับมามีความสุขอีกกครั้ง

    แทบทุกคนมีสิ่งที่ต้องการจะลืมหรือทิ้งมันไว้ให้กลายเป็นอดีต แต่หลายๆ ครั้งเราก็ไม่สามารถทำได้เพราะยังคงมีสิ่งที่ทำให้เรานึกถึงช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดนั้นอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับเธอคนนี้ เพราะบาดแผลที่เธอได้สร้างเอาไว้มันกลับติดตรึงอยู่บนร่างกายของเธอจนไม่อาจหลุดพ้นจากความทุกข์ไปได้ หญิงสาวคนนี้มีชื่อว่า Aoife Lovett ชาวไอริชวัย 19 ปี เธอเคยสร้างบาดแผลเอาไว้ที่แขนของตัวเองด้วยการกรีดข้อมือ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอรู้สึกว่าแผลเป็นนั้นทำให้เธอนึกถึงช่วงเวลาร้ายๆ ในอดีต เธอจึงอยากลบมันออกไป ซึ่งเธอได้รับความช่วยเหลือจากช่างสักหนุ่มผู้มีจิตอาสา   Aoife Lovett หญิงสาวผู้ไม่อาจหลุดพ้นจากความทุกข์ไปได้ เพราะแผลเป็นของเธอ   เรื่องราวนี้ถูกแชร์ในเว็บไซต์ Boredpanda วันที่ 13 พฤศจิกายน 2017 โดย Aoife บอกว่าในสมัยก่อนเธอเคยมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่อย่างมากจนทำให้เธอใช้ของมีคมกรีดเข้าไปที่บริเวณแขนของตัวเองหลายต่อหลายครั้ง พอเวลาผ่านมาจนถึงตอนนี้จิตใจของเธอก็ได้ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง แต่แผลที่เคยสร้างไว้ก็ยังคงปรากฎให้เห็นเป็นรอยแผลเป็นบนแขนของเธอ และสิ่งนี้เองที่ทำให้เธอยังคงรู้สึกถึงช่วงเวลาอันเจ็บปวดในตอนนั้นอยู่เสมอ   แผลเป็นที่เกิดขึ้นจากความทุกข์และความเศร้า ยังคงติดตรึงจนทำให้เธอย้อนไปคิดถึงอดีตที่เลวร้ายอยู่ทุกครั้งที่ได้เห็น   Aoife บอกว่า “มันเป็นเรื่องที่ยากมากในการเยียวยาตัวเองตลอด 2 ปีที่ผ่านมา แต่ทุกครั้งที่ฉันเห็นสิ่งนี้ ความเจ็บปวดในอดีตก็จะกลับมาหลอกหลอนฉันเสมอ เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปและความรู้สึกนี้ก็จะรุนแรงมากๆ ตอนที่ฉันอยู่กับคนในครอบครัว” นั่นจึงทำให้เธอต้องการสักทับรอยแผลนั้นเอาไว้เพื่อปกปิดไม่ให้ได้นึกถึงมันอีก แต่เมื่อเธอไปหาช่างสักคนไหนกลับไม่มีใครยอมรับงานจากเธอเลยแม้แต่คนเดียว ในขณะที่กำลังหมดสิ้นหนทาง แม่ของเธอก็ได้ไปเจอเข้ากับช่างสักหนุ่มคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Ryan Kelly เจ้าของโปรเจกต์ Scars Behind Beauty เป็นโครงการที่เขาสักลายทับบนแผลเป็นให้กับคนที่ต้องการแบบฟรีๆ   Ryan…

  • รู้จักอาการปวดหัวทั้ง 4 รูปแบบ และเราจะบรรเทาอาการให้เหมาะสมได้อย่างไรบ้าง!?

    รู้จักอาการปวดหัวทั้ง 4 รูปแบบ และเราจะบรรเทาอาการให้เหมาะสมได้อย่างไรบ้าง!?

    อาการปวดหัวคือสิ่งที่ทุกคนเคยเป็น แต่เราเคยสงสัยกันบ้างมั้ยว่าอาการที่เราเป็นอยู่นั้นเกิดจากสาเหตุใดและจะสามารถบรรเทาอาการเหล่านั้นได้อย่างไรบ้าง? วันนี้เรามีคำตอบให้กับเพื่อนๆ ทุกคนแล้ว นี่เป็นเกร็ดความรู้จากเพจเฟซบุ๊กที่ชื่อ Goodful โดยพวกเขาได้โพสต์คลิปวิดีโอเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2017 เพื่ออธิบายประเภทของอาการปวดหัว สาเหตุ และวิธีการบรรเทาอาการนั้นแบบง่ายๆ ที่สามารถทำเองได้ในทุกที่ทุกเวลา ว่าแล้วก็ไปดูกันเลยยย   อาการปวดหัวประเภทที่ 1 : การปวดหัวที่เกิดจากความตึงเครียด สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดขึ้นคือความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ ความหิว ความหดหู่ และความเครียด เรียกได้ว่าเป็นอาการปวดหัวขั้นพื้นฐานที่สามารถเป็นกันได้ค่อนข้างง่าย   อาการปวดที่เกิดขึ้นจะอยู่ที่บริเวณหน้าผาก คอ และด้านหลังศีรษะ   อาการปวดหัวประเภทที่ 2 : ปวดไมเกรน การปวดไมเกรนสามารถเกิดขึ้นได้จากอาหารและเครื่องดื่มบางชนิด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน มีอะไรไปกระตุ้นกับประสาทสัมผัส และการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม   การปวดหัวประเภทนี้ในตอนแรกจะปวดแค่ข้างเดียวก่อน   แต่หากปล่อยไว้ก็จะปวดบริเวณขมับ ดวงตา หรือบริเวณหลังหัวเพิ่มเติม   อาการปวดหัวประเภทที่ 3 : ปวดไซนัส เกิดขึ้นได้เวลาที่มีน้ำมูกไหล หูอื้อ เป็นไข้ หรือเป็นตอนที่หน้าบวมขึ้น   โดยจะปวดบริเวณกระดูกแก้ม…

  • ชวนฟังเพลงที่นักประสาทวิทยาคอนเฟิร์ม ช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวลได้มากถึง 65% โค๊ววว!!

    ชวนฟังเพลงที่นักประสาทวิทยาคอนเฟิร์ม ช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวลได้มากถึง 65% โค๊ววว!!

    อาการวิตกกังวลเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน สาเหตุอาจเกิดจากความหวาดกลัว ระแวง หรือกังวลถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งหากคุณมีอาการดังกล่าวบ่อยครั้งหรือกังวลอย่างหนัก ก็อาจทำให้คุณป่วยเป็นโรควิตกกังวลได้เลย โรคดังกล่าวนอกจากจะทำให้รู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องต่างๆ แล้ว มันยังส่งผลต่อไปถึงร่างกายของเราได้อีกด้วย เช่น เจ็บหน้าอก ชาตามร่างกาย เวียนหัว หรือท้องไส้ปั่นป่วน หลายคนที่เป็นอาจเลือกรักษาด้วยการกินยา ซึ่งแน่นอนว่าการรับสารเคมีเข้าไปในร่างกายต้องได้รับผลกระทบบางอย่างอยู่ แต่ตอนนี้ผลการวิจัยล่าสุดออกมาแล้วว่ามีอยู่เพลงหนึ่งที่สามารถช่วยลดความกังวลได้มากถึง 65 เปอร์เซ็นต์!!     นักประสาทวิทยาจาก Mindlab International ในสหราชอาณาจักร ได้ร่วมกันวิจัยเพื่อหาคำตอบว่าเพลงแนวไหนที่สามารถลดความวิตกกังวลได้มากที่สุด จากการสังเกตเรื่องการทำงานของสมอง อัตราการเต้นของหัวใจ ความดันเลือด และอัตราการหายใจของผู้เข้าทดสอบที่ฟังเพลงหลายๆ แนว ทางทีมวิจัยก็ได้นำผลลัพธ์ส่งต่อให้นักดนตรีและนักบำบัดด้วยเสียง ให้พวกเขาช่วยกันแต่งเพลงขึ้นมา ทำให้ออกมาเป็นเพลงที่ชื่อว่า Weightless ของ Marconi Union โดยจากการทดสอบเพลงนี้สามารถลดความวิตกกังวลได้มากถึง 65 เปอร์เซ็นต์ และช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายมีอัตราการพักผ่อนเพิ่มขึ้น 35 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพของเราจริงๆ เพื่อนๆ ลองไปฟังกันดูเลยยย   บทเพลงแห่งความผ่อนคลาย ช่วยลดความวิตกกังวลได้เป็นอย่างดี   นอกจากการฟังเพลงนี้แล้ว เพื่อนๆ ก็อย่าลืมหากิจกรรมอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อผ่อนคลายตัวเองจะได้ไม่เครียด  …

  • นักจิตวิทยาแนะนำ 12 เทคนิคแก้ปัญหา Impostor Syndrome โรคที่ “คิดว่าตัวเองด้อยค่า”

    นักจิตวิทยาแนะนำ 12 เทคนิคแก้ปัญหา Impostor Syndrome โรคที่ “คิดว่าตัวเองด้อยค่า”

    บางคนที่ทำงานมาอย่างหนักและประสบความสำเร็จมาโดยตลอด แต่กลับไม่รู้สึกยินดีกับสิ่งนั้น มองว่าตัวเองไม่คู่ควรกับสิ่งที่ได้มา คิดว่าตัวเองไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเลย หากว่าเป็นอย่างนั้นหมายความว่าคุณอาจกำลังมีอาการของ Imposter Syndrome อยู่ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่มองตัวเองในแง่ลบและรู้สึกด้อยค่า จนบางครั้งมันอาจกระทบเข้ากับการทำงาน การเรียน หรือการใช้ชีวิตของคุณได้ ดังนั้นวันนี้เราจึงจะมาพูดถึงแนวทางการแก้ไข เพื่อให้ทุกคนที่ป่วยเป็นอาการนี้สามารถกลับมาดีขึ้นได้อีกครั้ง เราลองไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง   เขียนบันทึกไดอารี่สำหรับงานหรือสิ่งที่ได้ทำลงไป เขียนสิ่งที่ได้ทำสำเร็จและเป้าหมายที่เราสามารถก้าวไปถึงแล้วลงไปในสมุดซักเล่ม เพราะบางครั้งคุณอาจปล่อยให้ความรู้สึกแง่ลบในตัวครอบงำ จนไม่สามารถรับรู้ได้ว่าในวันนั้นคุณทำสิ่งดีๆ อะไรลงไปบ้าง   พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องงาน พยายามหาโอกาสที่เหมาะสมพูดคุยกับเพื่อนในที่ทำงานเดียวกันในเรื่องงานที่ได้ทำ เพราะการพูดอย่างตรงไปตรงมาถึงข้อบกพร่อง ความท้าทาย หรือความสำเร็จของแต่ละคน อาจทำให้รับรู้ได้เองว่าความสามารถและสิ่งที่ต้องเจอของคุณ ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนทั่วไปเลย   วางเป้าหมายที่ต้องการจะเป็นในอนาคต การวางแผนเอาไว้ว่าในอนาคต 2 ปี, 5 ปี และ 10 ปีข้างหน้าตัวคุณอยากให้มันเป็นอย่างไร จะช่วยบรรเทาความวิตกกังวลได้ สามารถรู้ได้แล้วว่าสิ่งที่ต้องทำเพื่อไปให้ถึงแผนที่วางไว้ในอนาคตอันใกล้ต้องทำอะไรบ้าง แผนอีก 10 ปีข้างหน้าที่คุณต้องค่อยเป็นค่อยไปก็จะทำให้คุณไม่รู้สึกว่าตัวเองตกต่ำ ในเมื่อมันต้องใช้เวลาและคุณก็ยังไม่สามารถทำอะไรกับมันได้มากนัก จงพยายามและประสบความสำเร็จไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน   อย่าคิดว่าไม่สามารถเปลี่ยนแผนที่วางไว้ได้ เพราะจะกลายเป็นการทรมานตัวเอง เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกว่าแผนที่วางเอาไว้และดำเนินการอยู่ไม่สามารถทำให้ไปถึงเป้าหมายที่ต้องการได้ ก็จงกล้าตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงมันใหม่ เพราะสิ่งนั้นแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนมีวุฒิภาวะ การวางแผนสำหรับมาทดแทนอันเดิมจะช่วยให้การตัดสินใจของคุณนั้นง่ายขึ้น   ถามหาคำติชม ความรู้สึกไม่แน่ใจกล้าๆ…

  • วิทยาศาสตร์เผย… การไปชมคอนเสิร์ต เสพดนตรีสด ส่งผลให้ระดับความสุขของชีวิตเพิ่มขึ้นได้!!

    วิทยาศาสตร์เผย… การไปชมคอนเสิร์ต เสพดนตรีสด ส่งผลให้ระดับความสุขของชีวิตเพิ่มขึ้นได้!!

    ‘ดนตรี’ ไม่ได้แค่ช่วยทำให้เราผ่อนคลายเท่านั้น เพราะล่าสุดวิทยาศาสตร์เผยว่าการชมการแสดงสดก็ช่วยให้ความสุขเพิ่มขึ้นได้เหมือนกันนะ โดยทีมวิจัยจากออสเตรเลียได้เข้าไปเก็บข้อมูลและสำรวจพฤติกรรมจากคน 1,000 คน ประกอบไปด้วยคนที่ชื่นชอบการไปชมคอนเสิร์ตเรื่อยๆ และคนที่เคยไปแต่น้อยครั้งมากๆ     จากการสำรวจพฤติกรรมและระดับความสุขในสมอง ก็ได้พบถึงความเชื่อมโยงระหว่างพฤติกรรมการเสพดนตรีสด ที่สอดคล้องกับคุณภาพความสุขในการเป็นอยู่ของชีวิต “จากงานวิจัยเราพบว่าพฤติกรรมการเสพดนตรีสดไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่คอนเสิร์ตใหญ่ ศิลปินเปิดหมวกข้างถนน หรือแม้แต่วงดนตรีในบาร์เหล้า สิ่งเหล่านี้ล้วนสร้างประสบการณ์ด้านความสุขให้กับสมองของเรา     และสิ่งที่สำคัญที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของการได้ดื่มด่ำกับความเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่การแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินในดวงใจ ผู้คนจะได้แสดงออกความสนุกสนานไปพร้อมๆ กับเพื่อนร่วมโลกคนอื่นๆ นี่แหละคือความพิเศษอย่างหนึ่งของการเป็นมนุษย์” หัวหน้าทีมวิจัยกล่าว     ซึ่งอันที่จริงไม่จำเป็นต้องมีงานวิจัยออกมารองรับ เราทุกคนต่างก็ดีอยู่แล้วว่าการได้ไปชมการแสดงสดช่วยทำให้เราลืมเรื่องเครียดๆ ไปได้จริง ไม่ว่าจะเป็นอกหัก รักคุด โดนตุ๊ดทิ้ง หรือแม้แต่ถูกหวยรับประทาน ลึกๆ แล้วเราทุกคนต่างก็มีจิตใจที่เปราะบางและอ่อนไหวไปกับสิ่งต่างๆ รอบตัว และการไปชม ‘คอนเสิร์ต’ ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้เราได้ออกไปเจอผู้คนที่ชื่นชอบแนวทางเดียวกัน สนใจอะไรคล้ายๆ กัน อีกทั้งเรายังได้ปลดปล่อยไปกับแสงสีเสียงที่ถูกสาดเข้ามาอีกด้วย     สรุปได้ง่ายๆ ว่า การชมคอนเสิร์ต ก็ถือเป็นอีกสิ่งที่ช่วยลดระดับความเครียด และสร้างความสุขให้เราได้เยอะเลย ที่มา: Noisey

  • เด็กน้อยต้องถูกตัดขาจากโรคร้าย ได้รับความสุขจากเจ้าสุนัขที่มีความพิการเช่นเดียวกับเธอ

    เด็กน้อยต้องถูกตัดขาจากโรคร้าย ได้รับความสุขจากเจ้าสุนัขที่มีความพิการเช่นเดียวกับเธอ

    เวลาที่เราเจ็บไข้ได้ป่วยและต้องเข้ารับการรักษาในช่วงระหว่างนั้นเราก็อยากจะได้มีใครสักคนมาอยู่ให้กำลังใจเอาใจใส่ดูแลเรา แต่สิ่งที่จะช่วยเยียวยาให้กับเด็กคนนี้ได้มากขึ้นนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นคนเสมอไปหรอกนะ เมื่อเด็กสาวชื่อว่า Tessa Puma วัย 6 ขวบที่ต้องสูญเสียขาของเธอไปในเดือนเมษายนที่ผ่านมาเพื่อการรักษาโรคร้ายที่เธอเป็นอยู่ โดยโรคดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเพียง 1 ในล้านคนของเด็กในแต่ละปี     โรค Necrotizing Fasciitis ที่เกิดจากแบคทีเรียนั้นได้ทำให้เธออาการอักเสบบริเวณลำคอ หลังจากนั้นก็มีอาการเจ็บบริเวณแขนขาและมีไข้ จนกระทั่งเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดและเยื่อหุ้มเซลล์ สุดท้ายก็ทำลายเนื้อเยื่อของเธอไป จนเมื่อแพทย์ตรวจพบว่าไม่เจอชีพจรบริเวณขาซ้ายของเธอแล้ว จึงตัดสินใจตัดขาข้างนั้นของเธอ จากจุดนั้นเองก็ทำให้เธอได้มารู้จักกับ Gracie และ Rudy เจ้าหมาที่มีเพียงแค่สามขา   Gracie ซ้าย Rudy ขวา .   เจ้า Gracie นั้นถูกตัดขาเพื่อการรักษาตอนมีอายุเพียง 1 ปีแต่ก็สามารถเดินได้อย่างไม่เป็นปัญหา ในขณะที่ Rudy นั้นพิการมาตั้งแต่เกิดและต้องใช้ขาเทียมเวลาเดิน เธอได้เข้ามาที่โรงพยาบาลเด็ก Akron ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่นั่นเชื่อว่าการที่มีสัตว์มากมายรายล้อมจะสามารถช่วยเยียวยาอาการป่วยของเธอ และเธอก็จะได้เริ่มใช้ขาเทียม   .   เธอได้เริ่มเรียนรู้ที่จะเดินอีกครั้งกับเจ้าสุนัขทั้งสองตัว ซึ่งพวกมันก็ได้ช่วยให้เธอสามารถเรียนรู้และฟื้นฟูจากการผ่าตัดได้เป็นอย่างดี เธอสนุกกับการที่ได้ออกไปเดินเล่นกับพวกมันเพื่อเพิ่มในเรื่องของความสมดุลขณะเคลื่อนไหวและกำลังกายของเธอ   .  …

  • หมอสหรัฐฯ นิยมสั่งยาแบบใหม่ “หยุดงานแล้วไปเดินป่า” ให้ธรรมชาติเยียวยาสุขภาพผู้ป่วย

    หมอสหรัฐฯ นิยมสั่งยาแบบใหม่ “หยุดงานแล้วไปเดินป่า” ให้ธรรมชาติเยียวยาสุขภาพผู้ป่วย

    โดยปกติแล้ว ผู้ป่วยมักจะได้รับใบสั่งยาจากแพทย์ โดยจะมีทั้งยาแบบเม็ด แบบน้ำ รวมถึงยาทา และจะต้องมีการกำหนดเวลาไว้ว่าควรทานช่วงไหนบ้าง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติที่เรามักจะเจอกันอยู่เป็นประจำ แต่สำหรับแพทย์ในรัฐเซาท์ดาโคตา ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กำหนดใบสั่งยาแบบใหม่ที่เจ๋งไปกว่านั้น โดยที่ไม่ต้องกินหรือไม่ต้องทา เพียงแค่มีจุดมุ่งหมายให้ผู้ป่วยได้ “ไปเดินป่า” เท่านี้ก็ช่วยเยียวยาได้แล้ว!?     สำหรับใบสั่งยาจากแพทย์ในรัฐเซาท์ดาโคตา ที่เขียนสั่งยาทุกอย่างตั้งแต่ยาแก้ปวดไปจนถึงขี้ผึ้ง แต่ในปีนี้ทางแพทย์ได้มีทางเลือกใหม่ในการเลือกจ่ายยาตัวใหม่นั่นคือ “ParkRx” แทน ใบสั่งยาดังกล่าว จะให้ผู้ป่วยหยุดงาน 1 วัน เพื่อไป “สวนสาธารณะ หรือพื้นที่นันทนาการใดๆ ก็ได้ในรัฐเซาท์ดาโคตา โดยใบสั่งจะมาพร้อมกับสัญลักษณ์ “Rx” บนมุมกระดาษ     โครงการ ParkRx ได้ถูกดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2015 โดย Game Fish & Parks Department และกรมสุขภาพของรัฐเซาท์ดาโคตา ซึ่งเป็นการเชิญชวนแพทย์ของรัฐมาจ่ายยาให้ผู้ป่วยในรูปแบบใหม่ เพื่อเป็นการช่วยฟื้นฟูสุขภาพจิตใจของผู้ป่วย ด้วยการไปสัมผัสกับบรรยากาศอันร่มรื่นที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ทางด้าน Nikki Prosch ผู้ประสานงานโครงการ ได้ออกมากล่าวว่า “เราได้แรงผลักดันมากขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยมีการโฆษณา…

  • ใครจะไปเชื่อว่า วิธีรักษาด้วย ‘การสัก’ เปลี่ยนสาวถูกน้ำร้อนลวกหน้าเละ กลับมายิ้มได้อีกครั้ง…

    ใครจะไปเชื่อว่า วิธีรักษาด้วย ‘การสัก’ เปลี่ยนสาวถูกน้ำร้อนลวกหน้าเละ กลับมายิ้มได้อีกครั้ง…

    ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์พัฒนาไปไกลมาก จนสามารถช่วยชีวิตผู้คนที่ป่วยจากโรคต่างๆ และอุบัติเหตุให้หายกลับมาจนสามารถกลับมาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นปกติ ซึ่งแน่นอนว่าการรักษานั้นไม่ได้มีเพียงแค่การทานยา ผ่าตัด เย็บแผล แต่เียงเท่านั้น การเยียวยารักษา ‘ใจ’ เองก็เป็นสิ่งที่สำคัญ มีคนที่ได้รับอุบัติเหตุที่ได้รับการรักษาจนมีชิตรอด แต่สูญเสียบางอย่างในร่างกายไปจนทำให้กลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมไม่ได้ ซึ่งเขาก็ต้องได้รับการรักษาและเยียวยาจิตใจเพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเขาอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปในสังคม   เหมือนกับเรื่องราวของหญิงสาวชาวต่างชาติชื่อว่า Samira Omar อายุ 17 ปี โดยเธอเป็นนักเรียนอยู่ที่อังกฤษ แต่ช่างโชคร้ายเหลือเกินที่เธอมีเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่มีนิสัยแย่เอาซะมากๆ   เธอถูกเพื่อนร่วมชั้นแกล้งด้วยการราดน้ำร้อนใส่ จนทำให้ใบหน้าและร่างกายของเธอเกิดแผลฉกกรรจ์ ซึ่งแพทย์และผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังได้บอกว่าผิวหนังของเธอจะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว   จน Omar ได้มาพบกับผู้เชียวชาญทางด้านการสักเพื่อการรักษา Basma Hameed ชาวอิรักซึ่งเคยได้รับประสบการณ์เดียวกันกับเธอ   โดยตอนเด็กๆ Hameed เล่าว่าเธอเคยถูกน้ำมันร้อนๆ ลวกในห้องครัว จนทำให้เธอได้รับแผลฉกรรจ์ หลังจากที่ได้รับความเจ็บปวดจากการเข้ารับการรักษาหลายครั้ง หมอก็บอกเธอว่าพวกเขาไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้อีกแล้ว     กลับกัน Hameed ได้ทำการศึกษาในเรื่องของการสักเพื่อความสวยงาม  โดยเธอได้สร้างมูลนิธิ Basma Hameed Survivors Foundation ของตัวเองขึ้นมาด้วย เพื่อช่วยเหลือคนที่มีปัญหาเรื่องผิวหนังให้กลับมาดูเหมือนเป็นปกติได้มากที่สุด   ซึ่ง Hameed ได้ผ่านการทำศัลยกรรม และเข้ารับการรักษาด้วยการยิงเลเซอร์หลายครั้งด้วยกัน แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลย…

  • เรื่องราวสุดประทับใจ…เมื่อ ‘กระต่าย’ กลายมาเป็นผู้ช่วยในการเยียวยารักษาแผลใจของผู้ป่วย

    เรื่องราวสุดประทับใจ…เมื่อ ‘กระต่าย’ กลายมาเป็นผู้ช่วยในการเยียวยารักษาแผลใจของผู้ป่วย

    เพื่อนๆ หลายคนคงจะหลงใหลในความน่ารักของเจ้า ‘กระต่าย’ กันเป็นจำนวนมาก ทั้งแก้มที่ดูจะย้วยๆ และหูที่ยาวยืดออกไป ซึ่งความน่ารักของมันนี้ต่างก็ทำให้เหล่าผู้คนทั้งหลายต่างก็มีความสุขเมื่อได้พบเจอกับมัน Jenn Eckert หญิงสาวชาวต่างชาติจะมาเล่าเรื่องราวสุดประทับใจเกี่ยวกับพลังความน่ารักของเจ้ากระต่ายให้เพื่อนๆ ได้ฟังกัน…   เธอเสียแม่ของเธอไปเมื่อไม่นานมานี้ทำให้เกิดความซึมเศร้าเป็นอย่างมาก เธอก็เลยตัดสินใจรับเจ้ากระต่ายตัวน้อยเข้ามาเลี้ยงที่บ้าน เผื่อจะช่วยเยียวยารักษาอาการซึมเศร้านี้   โดยเธอตั้งชื่อเจ้ากระต่ายตัวนี้ว่า Betsy และมันก็กลายเป็นเพื่อนรักของเธอไปในทันที เป้าหมายในชีวิตของเธอเริ่มเปลี่ยนไป จากที่ต้องตื่นมาพบแต่ความอ้างว้างและโดดเดี่ยว เธอกลับต้องตื่นมาเพราะว่าไม่ต้องการให้เจ้า Betsy ทนหิว   เจ้า Betsy เหมือนจะเข้าใจความเจ็บปวดของ Jenn เป็นอย่างดี มันก็เลยอยู่ข้างๆ เธอตลอดเวลาไม่ไปไหน   ซึ่ง ณ ตอนนั้น Jenn ทำงานอยู่ที่ศูนย์ดูแลสุขภาพ Aurora Health Care ก็ทำให้เธอปิ๊งไอเดียดีๆ ในการช่วยเหลือผู้คนขึ้นมา…ในเมื่อเจ้า Betsy มันสามารถช่วยให้เธอหายจากอาการเศร้าได้ มันก็ต้องทำให้คนอื่นหายเศร้าได้ด้วยเหมือนกัน   หลังจากนั้นเจ้า Betsy ก็เลยกลายเป็นผู้ช่วยในเยียวยารักษาอาการเจ็บป่วยทางจิตใจให้กับผู้ป่วยที่ศูนย์สุขภาพ   หลังจากนั้นก็เริ่มเข้าไปช่วยเหลือยังโรงพยาบาลจิตเวช และก็โรงพยาบาลอื่นๆ บ้านพักคนชรา และมหาวิทยาลัยต่างๆ   หลังจากนั้นไม่นาน Jenn…

  • หนุ่มอ้วนโรครุมเร้าพลิกชีวิตให้กลับมาดีได้ จากคำแนะนำเพียงสั้นๆ ว่า ‘ให้หาสุนัขมาเลี้ยง’

    หนุ่มอ้วนโรครุมเร้าพลิกชีวิตให้กลับมาดีได้ จากคำแนะนำเพียงสั้นๆ ว่า ‘ให้หาสุนัขมาเลี้ยง’

    การเลี้ยงสัตว์ในมุมมองของคนทั่วไป อาจจะเป็นเพียงแค่ความรักความชอบหรืออาจจะช่วยในแง่ของสุขภาพจิต ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหนต่างก็มีประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น สำหรับใครที่ไม่เคยเลี้ยงหรือไม่เคยสนใจที่จะเลี้ยงเลยนั้น จะให้มองยังไงก็คงไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าซักวันหนึ่งได้เลี้ยงสัตว์ขึ้นมาอาจจะช่วยพลิกชีวิตของเราไปเลยก็ได้ อย่างเช่นในเรื่องราวของคุณ Eric หนุ่มอ้วนร่างท้วมที่มีน้ำหนักตัวรวมทั้งสิ้น 154 กิโลกรัม!! ซึ่งคุณหมอก็ได้วินิจฉัยร่างกายของเขาแล้ว พบว่ามีคอเลสเตอรอลสูง, มีความดันโลหิตสูง และเป็นโรคเบาหวานชนิดที่สองด้วย   ย้อนกลับไปในปีค.ศ. 2010 คุณหมอบอกว่าเขามีเวลาเหลืออยู่เพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น จากโรคต่างๆ ที่มีมากมายอยู่ภายในร่างกาย เวลาของเขาจึงมีไม่มากแล้ว   นอกจากน้ำหนักตัวที่มากถึง 154 กิโลกรัม เขาก็เป็นทั้งความดันสูง คอเลสเตอรอลสูง และเป็นโรคเบาหวาน   สิ่งที่ทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาได้นั้น เริ่มต้นมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเครื่องบิน   ในช่วงที่เตรียมความพร้อม เขาไม่สามารถรัดเข็มขัดนิรภัยได้ เจ้าหน้าก็พยายามหาสายรัดที่มีขนาดพอดีตัวกับ Eric แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหาให้ได้   ผู้โดยสารรายหนึ่งบนเครื่องเกิดอาการไม่พอใจ ตะโกนด้วยความรังเกียจว่า ทุกอย่างต้องล่าช้าเพราะความอ้วนของ Eric   แล้วจะปล่อยให้ความอ้วนมาฉุดรั้งตัวเองอีกต่อไปอย่างงั้นหรือ? Eric จึงตัดสินใจโทรไปหานักโภชนาการแล้วก็ได้รับคำแนะนำที่ว่า ‘ให้หาสุนัขมาเลี้ยงซักตัว’   แม้ฟังดูแล้วจะเป็นคำแนะนำที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ต้องการ Eric ก็ตัดสินใจไปที่สถานสงเคราะห์สัตว์ทันที  …

  • ‘หมาป่า’ กับบทบาทนักล่าที่กลายมาเป็นผู้เยียวยาให้กับทหารผ่านศึกผู้บอบช้ำให้กลับมาหายดี

    ‘หมาป่า’ กับบทบาทนักล่าที่กลายมาเป็นผู้เยียวยาให้กับทหารผ่านศึกผู้บอบช้ำให้กลับมาหายดี

    ถ้าหากให้พูดถึงสัตว์นักล่าผู้น่าเกรงขามในป่าลึก ก็คงจะหนีไม่พ้น ‘หมาป่า’ นี่แหละ ด้วยความที่ไม่เหมือนหมาบ้านหรือสุนัขเลี้ยงที่คุ้นเคยกับมนุษย์ พวกมันมีสัญชาตญาณความเป็นนักล่าสูง ดุร้าย พร้อมที่จะจู่โจมได้ทุกเมื่อ แต่กลับกลายเป็นว่าหมาป่าที่ศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่าสงวนจากแคลิฟอร์เนีย ได้สลัดคราบนักล่าออกไปจนหมดสิ้น ได้รับมอบหมายหน้าที่ใหม่ในการเยียวยาจิตใจของเหล่าทหารผ่านศึกที่ประสบกับโรคความผิดปกติทางด้านความเครียด     น้องหมาป่าจากศูนย์อนุรักษ์ Lockwood รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมทำหน้าที่ใหม่กับทีมสัตวแพทย์ ที่ก่อตั้งโดยอดีตทหารเรือแห่งกองทัพสหรัฐฯ Matt Simmons กับนักจิตวิทยา Dr Lorin Lindner   โดย Dr Lorin Lindner นั้นได้กล่าวเอาไว้ว่าการที่นำหมาป่าที่ได้รับการช่วยเหลือมาจับคู่กับทหารผ่านศึก จะช่วยทำให้ทั้งสองสามารถปรับความเข้าใจกันได้ เพราะเป็นอาการที่ขาดความเชื่อใจ ยากที่จะสร้างความสัมพันธ์ใหม่ได้ เพราะฉะนั้นการที่ปล่อยให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน จะทำให้รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น     นอกจากจะช่วยบรรเทาอาการความเครียดของทหารผ่านศึกแล้ว ยังช่วยให้เหล่าหมาป่าได้รับการรักษาทางจิตใจเช่นเดียวกัน อย่างเช่น Jim Minick ได้กล่าวเอาไว้ว่า ‘พวกมันไม่ตัดสินคุณจากภายนอก ทำอะไรมาก่อน พวกมันแคร์เพียงแค่ว่าตอนนี้คุณเป็นแบบไหน และมันจะช่วยสานสัมพันธ์แบบพิเศษขึ้นมา’       ที่มา : unilad

  • โครงการเยียวยาจิตใจทั้งคนและสุนัข จับคู่นักโทษกับสุนัขที่ไม่มีเจ้าของ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน!!

    โครงการเยียวยาจิตใจทั้งคนและสุนัข จับคู่นักโทษกับสุนัขที่ไม่มีเจ้าของ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน!!

    ว่ากันว่าสุนัขเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ ประโยคนี้ก็ยังคงมีความหมายแบบนั้นอยู่เสมอ แต่ทว่าบางทีมนุษย์เองก็กลายมาเป็นเพื่อนที่แย่ที่สุดของสุนัขเมื่อทอดทิ้งพวกมันไป มนุษย์อาจจะไม่รู้สึกซักเท่าไหร่ แต่มันทำร้ายจิตใจของสุนัขที่รักมนุษย์อย่างรุนแรง     และด้วยเหตุนี้เองทีม Canine CellMates ได้จัดโครงการเยียวยาจิตใจทั้งคนและสุนัขขึ้นมา ด้วยความรู้สึกที่ไร้ค่าและรู้สึกโดนทอดทิ้งทั้งของตัวนักโทษเอง และสุนัขที่โดนเจ้าของทิ้งและอยู่ในระหว่างรอเจ้าของใหม่ โดยจับคู่ให้มาเจอกัน และอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง     โดยโครงการนี้จะช่วยทำให้สุนัขที่ถูกทอดทิ้งได้ทำการปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ และได้รับการฝึกฝนเพื่อพร้อมที่จะไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ในอนาคต     นอกจากจะมีประโยชน์ต่อสุนัขแล้ว อีกด้านหนึ่งก็มีประโยชน์ต่อตัวนักโทษเองด้วย ส่งผลทำให้สุขภาพจิตที่ดีขึ้น จากที่เคยรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า เมื่อได้รับความรักและความเชื่อใจจากสุนัขเหล่านี้ ทำให้ความคิดของพวกเขาเปลี่ยนไปในเชิงบวก หนึ่งในนักโทษก็ได้กล่าวเอาไว้ว่า ‘ความผูกพันระหว่างตัวผมกับเจ้า Fred, เรามาจากคนละที่ เจ้า Fred มาจากที่มันกำลังจะถูกฆ่า และผมก็มาจากสถานที่ที่เลวร้าย ถ้าเจ้า Fred มีโอกาสได้ไปอยู่บ้านใหม่และเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ มันก็ทำให้ผมอยากจะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่ผมอยู่ด้วยเช่นกัน’ ที่มา : unilad, CNN