Tag: ปัญหาสังคม
-
เมื่อเด็กชายออทิสติก นำเครื่องอัดเสียงใส่กระเป๋าไปโรงเรียน ทำให้ครูถูกไล่ออกถึง 2 คน!!
เรื่องราวของเด็กชาย Camden Davis วัย 12 ปี จากรัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา ผู้เข้าเรียนในโรงเรียน Hope Academy ตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยสถานศึกษาแห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับสอนนักเรียนผู้ที่มีความต้องการเป็นพิเศษ จากคำโปรโมทหน้าเว็บไซต์ของโรงเรียนกล่าวถึง “การให้กำลังใจ ความสัมพันธ์เชิงบวก และจดจำความสำเร็จของนักเรียน” Camden Davis วัย 12 ปี โรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษ Hope Academy Camden เป็นเด็กที่ป่วยเป็นโรคออทิสติกอย่างหนัก และ Milissa ผู้เป็นแม่ของเขาก็ได้พาเข้าเรียนที่ Hope Academy แห่งนี้โดยหวังว่าทางโรงเรียนจะช่วยสนับสนุนและเข้าใจสิ่งแวดล้อม ที่จะผลักดันให้ลูกชายสามารถเรียนรู้ในทางของตัวเองได้ อย่างไรก็ตาม คุณแม่เริ่มสังเกตเห็นสัญญาแห่งความเครียดในตัว Camden หลังจากที่กลับมาจากโรงเรียน และนั่นทำให้เธอรู้ได้ว่าจะต้องมีอะไรผิดปกติแล้วแน่ๆ โดยปกติแล้วลูกชายจะมีความสุขและสดใสอยู่เสมอ จนช่วงหลังลูกชายเริ่มมีความฉุนเฉียวและปัสสาวะบนเตียงอยู่บ่อยครั้ง คุณแม่พยายามติดต่อไปยังทางผู้บริหารของโรงเรียน แต่กลับไร้วี่แววใดๆ ในวันหนึ่ง คุณแม่ตัดสินใจที่จะแอบใส่เครื่องบันทึกเสียงไว้ในกระเป๋าของลูกชาย เพื่อที่จะค้นหาต้นเหตุที่ทำให้ลูกชายรู้สึกไม่สบายใจ อย่างที่เขาไม่สามารถระบายออกมาเองได้ แล้วก็ได้พบกับความจริงที่ว่า…
-
เปิดบทลงโทษแท็กซี่ในประเทศต่างๆ หาก “ปฏิเสธผู้โดยสาร” ถูกปรับเท่าไหร่ รุนแรงแค่ไหน?
“ไม่ครับไปส่งรถ” “ไปเติมแก๊ส” “เส้นนั้นรถติดครับพี่” “ราคาเหมาได้ไหมครับ” และอีกสารพัดคำตอบอันหนักแน่นจากเหล่าแท็กซี่ผู้น่ารัก ที่เรามักจะได้ยินเวลาที่เราอยากจะโบกรถแท็กซี่แอร์เย็นๆ สักคันกลับบ้านไปพักผ่อน ด้วยปัญหาการที่แท็กซี่หลายๆ คันเลือกรับผู้โดยสาร และขอค่าโดยสารเป็นราคาแบบเหมาๆ ก็ยิ่งทำให้ผู้โดยสารอย่างเรารู้สึกท้อแท้ในการเรียกพี่ๆ ทั้งหลาย และถึงจะมีการจดป้ายทะเบียนแล้วนำไปร้องเรียนกับกรงขนส่ง แต่พวกพี่ๆ แท็กซี่จะก็ถูกปรับเพียง 1,000 บาทเท่านั้น ซึ่งดูจะไม่รุนแรงเท่าที่หลายๆ คนคาดหวังไว้ ภาพของพี่ๆ แท็กซี่ที่พากันปฏิเสธผู้โดยสารในวันฝนตกช่วงต้นเดือนเมษายน 2018 ที่ผ่านมา (อ่านข่าวเก่าได้ที่นี่) จากค่าปรับเพียง 1,000 บาทที่เราเห็น ก็เลยทำให้หลายๆ คนสงสัยกันมากว่าในต่างประเทศล่ะ มีบทลงโทษสำหรับการปฏิเสธผู้โดยสารยังไงบ้าง? และนอกจากการปฏิเสธผู้โดยสารแล้วมีกรณีไหนอีกไหมที่พวกเขาจะถูกปรับ? ลองมาไล่ดูกันไปเป็นข้อๆ เลย 1. เกาหลีใต้ อย่างกรณีแรกนี้เป็นเรื่องราวของกฎหมายใหม่ของแท็กซี่ในประเทศเกาหลีใต้ที่ปฏิเสธผู้โดยสาร ที่ออกมาเมื่อปี 2015 ที่ระบุว่าหากแท็กซี่คันไหนปฏิเสธผู้โดยสารจะต้องถูกปรับเป็นจำนวนเงิน 2 แสนวอน (ประมาณ 5,860 บาท) ถ้าหากแท็กซี่คันเดิมถูกจับได้อีกเป็นครั้งที่ 2 จะถูกจับปรับเป็นเงิน 4 แสนวอน (ประมาณ 11,723 บาท) ถูกพักใบขับขี่ไป…
-
หนุ่มถูกลงโทษจำคุก 3 เดือน จากการข่มเหงเพื่อนร่วมชั้น ทั้งทางวาจาและร่างกายตลอด 9 ปี
ทุกวันนี้การกลั่นแกล้ง การรังแกข่มเหงผู้อื่น ยังคงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในทุกประเทศ และไม่มีทีท่าว่าจะหายไปจากสังคมเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะในยุคที่มีสังคมออนไลน์เติบโตเป็นดอกเห็ด ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว การสร้างบัญชีปลอมขึ้นมากลั่นแกล้งใครสักคนจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่าย และป้องกันได้ยาก… กรณีของนาย Jiang Qi วัย 25 ปี ได้ทำการกลั่นแกล้งนางสาว Wang Jingjing ผู้เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนมาตั้งแต่ปี 2009 ในขณะที่เรียนอยู่ในช่วงชั้นมัธยมปลาย เธอได้รับความทุกข์ทรมานทั้งจากคำพูดวาจาเหยียดหยาม และการกระทำล่วงเกินทางร่างกายด้วย นอกเหนือจากนั้น การกลั่นแกล้งถูกแพร่กระจายสู่โลกออนไลน์ ปล่อยข่าวลือในแง่ลบเกี่ยวกับตัวเธอ โดยอ้างว่า Wang นั้นทำงานเป็นหญิงบริการ มีเงินใช้จ่ายไม่ขาดมือ จนถึงขั้นมีนักเรียนคนอื่นเข้าไปตบหน้าเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากที่ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียน . Wang ถึงขั้นประสบกับโรคซึมเศร้าหลังจากกลายมาเป็นเหยื่อความรุนแรง มีรายงานว่าเธอพยายามคิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตาม อดีตอันแสนโหดร้ายก็ยังคงตามหลอกหลอนเธออยู่ แม้จะเรียนจบระดับมัธยมปลายเข้าสู่รั้ววิทยาลัยแล้ว เพราะเพื่อนชายคนนี้ก็ยังตามหาจนเจอ และโพสต์คำพูดเหยียดหยามทั้งในกระทู้ออนไลน์และโซเชียลมีเดีย เพื่อทำลายชื่อเสียงของเธอ Wang ตัดสินใจที่จะตอบโต้กลับบ้าง เธอเก็บภาพหลักฐานในสิ่งที่นาย Jiang ทำการโพสต์ลงไปทั้งหมด 14 ภาพในเว็บไซต์โซเชียล Zhihu…
-
แฟนหนุ่มโกรธโดนบอกเลิก ทุบตี-บีบคอ-ลากแฟนสาวกับพื้น แต่รอดตายราวปาฏิหาริย์!?
หนึ่งในปัญหาสังคมของประเทศเกาหลีใต้ที่ไม่อาจแก้ไขให้หมดไปได้ แม้ภาพลักษณ์ของผู้ชายเกาหลีใต้ที่เห็นผ่านสื่อละครซีรีส์ต่างๆ ในมาดสุภาพบุรุษชายชาตรี ความเป็นจริงกลับตรงกันข้ามกันเสมอ… เว็บไซต์ AllKPop ทำการรายงานเหตุทำร้ายร่างกายแฟนสาวโดยหนุ่มวัย 19 ปีรายหนึ่ง จนทำให้เธอได้รับบาดเจ็บหลายส่วน สถานีตำรวจปูซานได้ทำการจับกุมนาย A ในข้อหาทำร้ายร่างกายนางสาว B โดยที่เหตุก่อนหน้านั้นถูกจุดให้ระอุขึ้น จากการที่นาย A เริ่มทุบตีเธอในรถระหว่างไปเที่ยวบนภูเขา จับหัวโขกกับพวงมาลัยและตบหน้าเธออย่างไม่ยั้ง จากความรุนแรงภายในรถ นาย A จึงได้ลากตัวนางสาว B ไปยังที่บ้านของตนพร้อมจับเธอขังเดี่ยวอยู่ในบ้านเป็นเวลา 1 วัน และจะได้ออกมาก็ต่อเมื่อให้สัญญากับนาย A ว่าจะกลับมาที่บ้านของเขาทันที หลังจากที่เข้าเรียนเสร็จแล้ว ภาพจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นว่านาย A กำลังลากตัวนางสาว B ไปกับพื้น แต่นางสาว B รู้สึกกลัวเกินกว่าจะที่จะรับนาย A ได้ไหว เธอจึงส่งข้อความเพื่อขอเลิกกับนาย A ซึ่งในตอนแรกเขายังยื้อเอาไว้ แต่ภายหลังดูเหมือนว่าจะยอมเลิกและบอกกับเธอว่า จะนำของใช้ส่วนตัวของเธอไว้ในกล่องจดหมาย เพื่อให้เธอกลับมาเก็บเอง นางสาว B ใช้เวลาทำใจนานถึง…
-
คุณแม่ใจสลายหน้าโลงศพลูกชาย ที่จบชีวิตตัวเองเพราะถูกล้อเป็นไบเซ็กชวล
ในช่วงชีวิตของเด็กวัยกำลังเติบโต ต้องเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวมากมาย แต่การไม่เปิดใจยอมรับรวมไปถึงก้าวก่ายชีวิตของผู้อื่นด้วยวาจาและการกระทำ อาจส่งผลขั้นร้ายแรงต่อจิตใจจนนำไปสู่ความตาย… เรื่องราวของเด็กชาย Andrew Michael Leach วัย 12 ปี จากรัฐมิสซิสซิปปี ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้เลือกจบชีวิตของตนเอง จากความทุกข์ทรมานที่ถูกล้อเลียนจากรสนิยมทางเพศของเขา และผู้เป็นแม่ไม่อาจทำใจยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ภาพโลงศพของเด็กชาย Andrew Michael Leach เหยื่อของการถูกกลั่นแกล้ง สู่การจบชีวิตตนเอง Cheryl Hudson ผู้เป็นแม่ได้ทำการโพสต์รูปภาพโลงศพของลูกชาย เพื่อให้ผู้อื่นได้รับรู้ว่าผลของการกลั่นแกล้ง ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิตผู้อื่นมากแค่ไหน… ข้อความจากจดหมายลาตายเผยให้รู้ได้ว่า Andrew เลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง หลังจากถูกล้อเลียนในโรงเรียน Southaven Middle School ต้องเจอความทุกข์ทุกวันและต้องคอยหลบซ่อนอยู่ในห้องน้ำ จนไม่กล้าออกไปเรียน Andrew และคุณแม่ Cheryl Hudson ทางด้าน Matt Leach ผู้เป็นพ่อเผยว่า เพื่อนร่วมห้องได้ทำการทรมานจิตใจเขาทางวาจา เมื่อรู้ว่าลูกชายของเขาเป็นไบเซ็กชวล (รักร่วมสองเพศ) “เขาพยายามดิ้นรนค้นหาเกี่ยวกับการปรับตัวทางเพศในตัวเอง จนกระทั่งรับรู้ได้ว่าตัวเองเป็นไบเซ็กชวลจากข้อมูลในโรงเรียน ผมคิดว่านั่นคือสาเหตุที่ทำให้เกิดการถูกล้อและกลั่นแกล้ง”…
-
อนาคตดับ… นักการเมืองเกาหลีใต้ ถูกแฉว่าข่มขืนเลขาฯ รับผิดลาออกไม่รอไต่สวน
จากที่ #เหมียวเลเซอร์ ได้นำเสนอข้อมูลอีกด้านภายในสังคมเกาหลีใต้ (ข่าวเก่า) ที่ผู้หญิงมักจะตกเป็นเหยื่อของสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ ใช้กำลังข่มเหงและกดขี่อย่างรุนแรง จนแทบจะมีสถานะไม่ต่างไปจากทาสเลย… และแล้วก็มีประเด็นใหญ่โตเกี่ยวกับด้านดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้รายงานว่า นักการเมืองรุ่นใหญ่ของเกาหลีใต้ มีดีกรีเป็นเป็นถึงอันดับสองในพรรครัฐบาลปัจจุบัน และเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดชุงช็องใต้ ถูกแฉว่าเขาได้ ‘ทำการข่มขืน’ จากเลขานุการส่วนตัวของเขาเอง Ahn Hee-jung นักการเมืองเกาหลีใต้อันดับสองของพรรครัฐบาลปัจจุบัน และผู้ว่าราชการจังหวัดชุงช็องใต้ นาย Ahn Hee-jung ออกมายอมรับผ่านสื่อโซเชียลมีเดียผ่านเพจของตนเอง ด้วยใจความดังต่อไปนี้… “ผมขอโทษทุกๆ คน ก่อนอื่น ผมทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวด ผมขอโทษสำหรับ Kim Ji-Eun (เลขา) ผมอยากจะขออภัยสำหรับการกระทำอันโง่เขลา… กับความสัมพันธ์ของเลขานุการที่ไม่ถูกต้องตามข้อตกลง มันเป็นความผิดของผมเพียงฝ่ายเดียว ผมขอรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง และหยุดเคลื่อนไหวทางการเมืองทุกอย่าง ผมขอโทษอีกครั้งจากใจ… นาย Ahn Hee-jung” โพสต์แถลงขอโทษและลาออกจากตำแหน่ง ข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้น เริ่มต้นมาจากอดีตเลขานุการส่วนตัว Kim Ji-eun ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการข่าวของสถานีโทรทัศน์ JTBC ในช่วงเย็นของวันจันทร์ที่ 5 มีนาคม 2018…
-
สาวญี่ปุ่นถูกลวนลามบนรถไฟมาตั้งแต่เธออายุ 12-18 ปี บอกเล่าความรู้สึกผ่านหนังสือที่เธอเขียน
ทุกครั้งที่เราพูดถึงการลวนลามบนรถไฟ เหล่าท่านชายหลายคนก็คงจะคิดถึงพล็อตหนังผู้ใหญ่ที่มักจะเจอกันบ่อยๆ จากแดนอาทิตย์อุทัยใช่ไหมละ หรืออาจจะพูดกันติดตลกไปตามภาษา แต่เรารู้กันหรือไม่ว่าในชีวิตจริงมันกลับตลกไม่ออกเลย ปัญหาการลวนลามทางเพศในบนรถไฟในประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน ซึ่งแม้ทางรัฐจะหาทางออกยังไงมันก็ไม่หมดไปเสียที ด้วยเหตุนี้ Kumi Sasaki หญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อของเหล่าโรคจิตบนรถไฟ จึงได้เขียนหนังสือพร้อมบอกเล่าถึงประสบการณ์อันเลวร้ายที่เธอต้องถูกลวมลามมาตั้งแต่อายุ 12 ขวบ หนังสือของเธอนั้นมีชื่อว่า Tchikan ซึ่งบอกเล่าเหตุการณ์ที่เธอต้องเจอมาตลอดระยะเวลาเกือบ 7 ปี โดยในหนังสือได้เล่าถึงประสบการณ์แรกที่เธอถูกลวนลามบนรถไฟเมื่อตอนอายุ 12 ปี ว่า “ตอนนั้นฉันอยู่บนบนรถไฟสายยะมะโนะเตะ ซึ่งฉันรู้สึกว่าเหมือนมีมือใครบางคนมาสัมผัสบริเวณบั้นท้าย ในตอนแรกฉันก็คิดว่ามันเป็นเพราะรถไฟที่แน่นคนเลยบังเอิญมาโดน แต่เอาเข้าจริงๆ มันไม่ใช่ และก็ไม่มีท่าทีจะหยุดด้วย มือดังกล่าวลูบมาที่หลังของฉัน มาที่เอวและก้น ยิ่งนานไปมือนั้นก็ล้วงเข้าไปถึงในกระโปรง ด้วยความที่ตอนนั้นฉันยังเด็ก ความกลัวและความตกใจมันทำให้ฉันทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะหาทางรับมืออย่างไร” หลังจากเรื่องราวดังกล่าวเธอคิดว่ามันจะจบลง แต่ไม่เลย ปัญหาดังกล่าวนั้นยังคงดำเนินต่อไปและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ บางวันถึงกับมีชายวัยกลางคนแอบตามเธอมาถึงบ้านเลยก็มี หนักหน่อยก็มีชายที่แต่งงานแล้วมาบอกให้เธอมีลูกกับเขา ปัญหาดังกล่าวมันหนักขึ้นมากจนทำให้ Kumi คิดฆ่าตัวเลยทีเดียว แต่ก็ต้องขอบคุณเพื่อนของเธอที่เป็นกำลังใจและช่วยเหลือให้เธอผ่านมันมาได้ ซึ่งปัจจุบันเธออายุเข้าเลข 3 แล้วและตัดสินใจอาศัยอยู่นอกเขตตัวเมือง เพราะทุกครั้งที่ขึ้นรถไฟเธอยังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์เดิมๆ นั่นเอง…
-
ศิลปินวาดภาพ “เสียดสีสังคม” สะท้อนปัญหาของมนุษย์ที่อยู่ภายใต้ค่านิยมของยุคปัจจุบัน
ทุกวันนี้มีปัญหาเกิดขึ้นในสังคมมากมายและเราต่างก็รู้อยู่แก่ใจ แต่หลายคนไม่ได้ตระหนักถึงปัญหาเหล่านั้น จนกลายเป็นคนทุกคนอยู่กับปัญหาสังคมด้วยความเคยชิน ด้วยเหตุนี้ศิลปิน Gunduz Aghayev จึงได้วาดภาพที่มุ่งเน้นให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหาสังคมอย่างจริงจัง และแสดงให้เห็นถึงความจริงของสังคมที่เราปฏิเสธไม่ได้ โดยเฉพาะการตกอยู่ภายใต้ค่านิยมของสังคม!! Attractive TV The last Oasis Miracle travel Hate Terror order Applause Rescue Destroying alternative Execution of Sofia For The International Day of the Girl Child Trump’s toy Wall Modern Human Policitial Prisoners Happy…
-
ช่างภาพนำเจ้าหญิงดิสนีย์ จัดฉากเข้าเผชิญ ‘ความจริงอันโหดร้าย’ ที่เกิดขึ้นในสังคม
เมื่อเรื่องราวของการ์ตูนดิสนีย์ได้จบลง เรามักจะคิดว่าตัวละครเหล่านั้นคงจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป ซึ่งมันเป็นภาพรวมที่ดูสมบูรณ์แบบของนิยายที่ถูกแต่งขึ้นมาเพื่อให้กำลังใจผู้คน แต่ถ้าหากมาลองคิดในแง่ของความเป็นจริง มันอาจจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราเห็นในโลกการ์ตูนก็เป็นได้ เพราะถ้าหากตัวละครเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในโลกนิทานที่ถูกแต่งขึ้น มันคงจะจบไม่สวยแน่ๆ Shannon Dermody ช่างภาพสาวชาวอเมริกาวัย 20 ปี ที่อาศัยอยู่นิวยอร์ก ได้นำเอาตัวละครเจ้าหญิงดิสนีย์ ไม่ว่าจะเป็น Belle, Ariel หรือ Tiana มาถ่ายภาพเพื่อสร้างผลงานตีแผ่ปัญหาของสังคม และกระตุ้นให้ทุกคนได้มองโลกแห่งความเป็นจริง โดยแต่ละคนมาในสภาพที่บอบช้ำ และไม่ได้สวยงามเหมือนในโลกนินานที่เราเคยเห็น แม้ว่ามันอาจจะดูทำร้ายจิตใจของบางคนไปบ้าง แต่ต้องยอมรับนะว่านี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในสังคม ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ปัญหาขยะและมลพิษ ความโหดร้ายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โรคพิษสุราเรื้อรัง ปัญหาการข่มขืน ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ผลงานส่วนหนึ่งของเธอเท่านั้น และนั่นก็แสดงให้เราได้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่า บางทีโลกอาจไม่สวยหรูอย่างที่คิด อีกทั้งภายในสังคมก็เต็มไปด้วยปัญหามากมายที่ยากเกินจะแก้ไข ซึ่งเราก็ได้แต่รอวันที่มันจะได้รับการเยียวยาให้ลดน้อยลงไปบ้าง คุณสามารถเข้าไปรับชมผลงานอื่นๆ ของเธอได้เลยที่เฟสบุ๊ค SDermodyPhotos ที่มา : huffingtonpost
-
หญิงสาวออกไอเดีย ‘ตู้กับข้าวฟรี’ ให้คนมาบริจาคของ เพื่อคนยากไร้มาหยิบไปได้เลย
หากมองดูรอบๆ ตัวจะเห็นว่า มีอีกหลายคนที่ไม่มีบ้านอยู่ ยากจน และไม่มีคนช่วยเหลือ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ คือปัญหาสังคมอย่างหนึ่งที่เราต้องช่วยกันแก้ แค่มีส่วนร่วมเล็กน้อยก็ยังดี Jessica Mcclard เป็นหนึ่งในคนที่อยากเห็นสังคมดีขึ้น อยากช่วยเหลือคนไร้บ้าน ดังนั้น เมื่อเธอไปเจอห้องสมุดเล็กๆ แห่งหนึ่งเป็นเปิดบริการฟรี เธอจึงเกิดไอเดีย และคิดได้ว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ แล้วเธอก็ตัดสินใจทำตู้กับข้าวเล็กๆ โดยใส่อาหาร ข้าวของ เครื่องใช้ในนั้น แล้วเอาไปตั้งไว้เพื่อให้คนยากไร้ได้มาหยิบไปแบบฟรีๆ นี่เป็นตู้กับข้าวที่เธอลงมือทำด้วยตัวเอง โดยได้รับเงินสนับสนุนจำนวนเกือบ 9,000 บาท ตู้กับข้าวอันแรกที่ทำนั้น เอาไปตั้งไว้ถัดจากโบสถ์ Good Shepherd Lutheran ใน Fayetteville หลังจากนั้นก็มีจิตอาสาคนอื่นๆ เอาอาหารมาใส่ในตู้นี้เช่นกัน ตอนนี้โปรเจคนี้มีแฟนๆ ติดตามมากกว่า 10,000 คนแล้วใน Facebook และมีการติดตั้งตามจุดต่างๆ เพิ่มขึ้นด้วย มีทั้งเนย ถั่ว เยลลี่ และยังมีของใช้ผู้หญิงรวมทั้งผ้าอ้อมเด็ก ทั้งหมดนี้ได้ทำเพื่อคนไร้บ้าน และช่วยแก้ปัญหาสังคมด้วย มีกล่องหนึ่งตั้งอยู่ใกล้กับโรงเรียน ดังนั้น…
-
หมี่เหลือง!! หนุ่มถึงกับงง มารอเพื่อนกินข้าวอยู่ดีๆ โดนหาเรื่องใช้ตะเกียบแทงที่คอหน้าตาเฉย
สังคมไทยเดี๋ยวนี้เป็นอะไรกันไปหมด ผู้คนอารมณ์ร้อนยิ่งกว่าอุณหภูมิของแดดซะอีก ชนิดที่ว่ามองหน้ากันแค่แป๊บเดียวเท่านั้นก็เดือดยิ่งกว่าน้ำร้อนในกาเพื่อต้มมาม่า!! โดยที่เรื่องราวนี้มาจากคุณ ป๋อง ณ.คลองเตย เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2558 ในขณะที่เขาออกไปกินข้าวนอกบ้าน และมาแวะที่ร้านข้าวหน้าเป็ดซอยปรีดี 31 มาพร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน โดยมีคู่กรณีตามมานั่งทีหลัง ช่วงแรก มื้อนี้อร่อยถ้ากูกินไวคงไม่โดน มานั่งรอกูคนเดียว บอกแล้วว่ากินข้าวช้าถึงไม่ชอบกินนอกบ้าน Posted by ป๋อง ณ.คลองเตย on Sunday, October 11, 2015 โดยในช่วงแรกๆ ก็นั่งทานข้าว ทานก๋วยเตี๋ยวกันไปตามปกติ สงบเรียบร้อยไม่มีปัญหาใดๆ จู่ๆ พ่อหนุ่มเสื้อเขียวก็หันหน้าไปทะเลาะกับโต๊ะด้านหลังตัวเอง ไม่รู้จักกันมาก่อนด้วย จ้องตากันแป๊บเดียว ไม่ทันไรก็คว้าตะเกียบที่ใช้ทานก๋วยเตี๋ยวแทงไปที่คอพ่อหนุ่มเสื้อดำทันที มื้อนี้อร่อย เพื่อนชวนผมกินข้าว Posted by ป๋อง ณ.คลองเตย on Sunday, October 11, 2015…
-
นักเรียนเกเรก่อเรื่องชกหน้านักเรียนผู้พิการทางสายตา ถูกตำรวจตามจับเรียบร้อยแล้ว!!
เมื่อไม่นานมานี้มีคลิปวิดีโอที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาสังคมกับการลดทอนความเป็นมนุษย์ อย่างเช่นการแกล้งและชกต่อยผู้ที่ไม่มีทางสู้ของนักเรียนผู้พิการทางสายตารายหนึ่ง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่โรงเรียน Huntingdon Beach High School เมื่อนักเรียนเกเรได้ทำการชกหน้า Austin นักเรียนผู้พิการทางสายตาถึง 2 ครั้ง และได้รับบทลงโทษจาก Cody ชกเข้าไปจนสลบ ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้อง Austin จากการถูกเกเร และในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก Huntingdon Beach, Southern California ก็ได้เข้ามาทำการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และได้ทำการจับกุมเด็กเกเรคนดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้วในข้อหาคดีทำร้ายร่างกาย ซึ่งเป็นความผิดทางอาญาด้วย ที่มา : unilad
-
สลดใจ!! ลูกชายโดนพ่อต่อว่าหนัก คว้าปืนยิงตัวเองดับต่อหน้าต่อตา
ปัญหาภายในครอบครัวนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม หากการกระทำของคนในครอบครัวส่งผลต่อจิตใจมากๆ อาจจะทำให้รู้สึกอ้างว้างไม่เหลือที่ยืนอีกแล้วก็เป็นได้ อย่างเช่นในกรณีของลูกชายดาบตำรวจรายหนึ่งในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ทั้งนี้ตามรายงานจากสำนักข่าวต่างๆ ได้เขียนเอาไว้ว่า ผู้เป็นพ่อที่เป็นตำรวจจราจร สภ.เมืองพัทยา ออกจากเวรสายตรวจและกลับมาที่บ้าน พบกับลูกชายเอาแต่เล่นเกมอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ช่วยแม่ปิดร้านขายของ ก็เกิดอาการไม่พอใจมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง พร้อมกับวางปืนพกที่ขึ้นลำไว้แล้วตรงหน้าโต๊ะที่ลูกชายนั่ง และแล้วเหตุการณ์ก็กลับแย่ยิ่งกว่าเดิม เมื่อลูกชายตัดสินใจคว้าปืนบนโต๊ะจ่อยิงเข้าที่ศีรษะของตัวเอง ต่อหน้าต่อตาผู้เป็นพ่อและแม่ เมื่อตั้งสติได้ผู้เป็นแม่จึงรีบนำปืนออกไปทิ้งบริเวณหน้าบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการยิงเกิดขึ้นอีก หลังจากที่ข่าวนี้เริ่มแพร่กระจายออกไปในวงกว้าง สำนักข่าวและสื่อต่างๆ ก็ได้รายงานข่าวออกไปในแนวทางที่โทษการเล่นเกมเป็นหลัก ทั้งที่จริงแล้วเกมอาจจะไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาดังกล่าวเสียทีเดียว อาจจะเป็นเรื่องของปัญหาภายในครอบครัวมากกว่า ทั้งนี้ ได้มีการถกเถียงในเรื่องของสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์นี้ มาจากเกมจริงๆ หรือไม่!? อะไรเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อวางปืนลงบนโต๊ะหน้าลูกชาย ลูกชายติดเกมไม่ช่วยแม่ปิดร้านจริง หรือ อาจมีการทะเลาะเบาะแว้งมาก่อนหน้านี้รึเปล่า จากคลิปกล้องวงจรปิดเราไม่อาจเดาบทสนทนาที่เกิดขึ้นได้เลย ก็ต้องติดตามความจริงกันต่อไปแล้วล่ะ เนื้อหาภายในคลิปวิดีโอมีความรุนแรงต่อจิตใจ โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม สลด! ตำรวจจราจรเมืองพัทยาต่อว่าลูกชายเพราะเล่นแต่เกม ลูกชายคว้าปืนจ่อขมับยิงตัวเองต่อหน้าต่อตาอ่านข่าวต่อได้ที่นี่ >> http://news.sanook.com/1868114/ Posted by เรารักด่านพัทยา on…
-
อะเมซิ่งไทยแลนด์ แดนมหัศจรรย์ ทางเท้ามีไว้ให้แม่ค้าตั้งขายของ ไม่ได้มีไว้ให้คนเดิน!!
การยึดทางเท้าเป็นพื้นที่ขายของนั้นถือว่าเป็นปัญหาที่เรื้อรังคู่สังคมไทยมาอย่างยาวนาน รวมไปถึงการที่รถจักรยานยนต์ใช้เป็นเส้นทางในการสัญจรด้วย ทำให้ผู้ที่เดินทางเท้านั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการเดินอยู่ริมถนน เสี่ยงอันตรายเป็นอย่างยิ่ง และประเด็นนี้ก็ถูกนำมาพูดถึงกันอีกครั้งเมื่อคุณ สมาชิกหมายเลข 2049595 จากเว็บไซต์พันทิปได้ตั้งกระทู้พร้อมกับโพสต์รูปภาพร้านอาหารข้างทาง ยึดที่ตั้งร้านแบบถาวร กินพื้นที่ทางเท้าทั้งหมด ไม่มีทางเดินเหลืออยู่เลย และสิ่งที่น่าสงสัยก็คือทำไมเทศกิจถึงไม่แก้ปัญหานี้ จากที่เป็นแผงลอยกลายร่างมาเป็นแผงถาวร หรือว่ามีการจ่ายค่าปรับไปแล้วถือว่าจบเรื่อง รวมไปถึงปัญหาที่ร้านค้าเหล่านี้ทิ้งขยะ และของเสียไว้บนถนน ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ ภายในซอยส่วนใหญ่ของเมืองกรุงเทพฯ นั้นก็ใช่ว่าจะใหญ่โต เป็นทางแคบๆ ที่มีรถยนต์และรถจักรยานยนต์สัญจรไปมาตลอดเวลา และมีจำนวนเยอะด้วย ทั้งนี้ผู้คนที่เดินทางเท้าต้องระมัดระวังตัวจากการเดินขอบทางเท้าและการข้ามถนนไปอีกฝั่ง และอีกประเด็นที่น่าสนใจก็คือถ้าหากว่าทางเทศกิจไล่แม่ค้าที่ยึดทางเท้าออกจากบริเวณ ก็จะถูกกล่าวหาว่ารังแกคนหาเช้ากินค่ำ รังแกคนจน และอีกหลายเหตุผลร้อยแปดที่จะนำมาปกป้องตัวเอง ความเห็นนี้โดนใจเหมียวมากๆ เลยล่ะ แล้วชาวเหมียวล่ะ มีความคิดเห็นกับประเด็นนี้อย่างไรบ้าง!? ที่มา : pantip