จากก่อนหน้านี้ ที่หลาย ๆ สื่อรายงานเรื่อง “หมาป่าไดร์วูล์ฟ” ที่มีบริษัทเอกชนออกมาประกาศถึงความสำเร็จ ว่าได้ฟื้นคืนชีพกลับมาได้อีกครั้ง จากการโคลนนิง
แต่ทว่าจากการสัมภาษณ์ของ หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ของบริษัท Colossal Biosciences ที่เป็นตัวต้นเรื่อง ยอมรับว่าพวกเขาไม่ได้ฟื้นคืนชีพ “หมาป่าไดร์วูล์ฟ” ให้กลับมามีชีวิตจริง ๆ
โดยบอกว่า “มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาสิ่งมีชีวิตสปีชีส์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้ง”
“สัตว์ของเรา (ที่เคลมว่าเป็นหมาป่าไดร์วูล์ฟฟื้นคืนชีพมาก่อนหน้านี้) คือหมาป่าสีเทา ที่ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรมจากสปีชีส์อื่น ๆ มากกว่า 20 ชนิด”
“และเราก็บอกไว้ตั้งแต่แรกแล้วด้วย ว่ามันไม่ใช่หมาป่าไดร์วูล์ฟ แต่ผู้คนก็ยังเรียกว่าหมาป่าไดร์วูล์ฟ ซึ่งมันทำให้หลายคนรู้สึกไม่พอใจ”
แต่เอาจริง ๆ นะ เหมือนเรื่องนี้อ่ะ นักวิทย์ในทีมเขาเหมือนจะเถียง ๆ กันอยู่ เกี่ยวกับการเรียกชื่อมัน ซึ่งก็มีฝั่งที่ภาคภูมิใจและเรียกว่าหมาป่าไดร์วูล์ฟได้แบบเต็มปากเต็มคำ โดยให้เหตุผลว่าสารตั้งต้นส่วนนึงมันก็มาจากยีนส์ของหมาป่าไดร์วูล์ฟด้วย รวมไปถึงลักษณะเด่น ๆ ต่าง ๆ ก็พยายามทำออกมาให้เหมือนที่สุด
ส่วนที่ไม่เห็นด้วย ก็ตอบแบบตรง ๆ แบบขวานผ่าซากเลย ว่ามันก็แค่หมาป่าสีเทา ที่เอามาตัดแต่งพันธุกรรมให้ดูเหมือน ไม่เกี่ยวกับหมาป่าไดร์วูล์ฟเลยสักนิด
ทั้งสองฝ่ายก็มีเหตุผลของตัวเอง และล่าสุดทางด้านโฆษกของ Colossal Biosciences ก็ออกแถลงการณ์มา 1 ฉบับ ใจความว่า
“ในการแถลงข่าวของเรา เราระบุไว้ชัดเจนว่าเราได้ทำการตัดแต่งยีนส์ทั้งหมด 20 ยีนส์ ของหมาป่าสีเทา และหมาป่าสีเทาก็เป็นสปีชีส์ที่ใกล้เคียงกับไดร์วูล์ฟมากที่สุด อย่างที่เราเขียนเอาไว้ในเปเปอร์”
“จากการตัดแต่งทั้งหมดนั้น เราทำให้ไดร์วูล์ฟกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เราใช้คอนเซปต์ของการทำให้สัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้งนึง (de-extinction) มาตั้งแต่แรก และเป็นสิ่งที่ Colossal ทำสำเร็จ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความจริง และไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
“นักวิทยาศาสตร์ท่านอื่นมีสิทธิ์ที่จะเห็นแย้ง และเรียกมันว่าอะไรก็ได้ ตามที่พวกเขาอยากเรียก แต่ท้ายที่สุดแล้ว Romulus และ Remus ก็คือไดร์วูล์ฟ ที่ยังมีชีวิตและเดินเล่นบนโลกใบนี้เป็นครั้งแรก ต่อจากเมื่อ 12,000 ปีที่แล้ว”
ก็ประมาณนี้แหละฮะ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับคนทั่วไปแบบเรา ๆ แล้วล่ะ ว่าจะเรียกมันว่าอะไร 555
#เหมียวหง่าว