Tag: เอาชีวิตรอด

  • 5 เหตุผลว่าทำไมเกิดเหตุ “ซอมบี้” ให้เลือกคบสัตวแพทย์ ดีกว่าคบหมอคน!!

    5 เหตุผลว่าทำไมเกิดเหตุ “ซอมบี้” ให้เลือกคบสัตวแพทย์ ดีกว่าคบหมอคน!!

    เคยสงสัยกันไหมว่าในหนังซอมบี้อย่าง The Walking Dead เวลาพวกพระเอกไปเจอสมาชิกกลุ่มที่มีความสามารถพอที่จะรักษาคนอื่นได้ ทำไมคนๆ นั้นถึงมักที่จะเป็นสัตวแพทย์ไม่ใช่หมอธรรมดาๆ หลายคนอาจจะบอกว่ามันเป็นเพราะในหนังไม่ต้องการให้พวกพระเอกได้เปรียบจนเกินไป แถมยังทำให้การหาข้อมูลโรคไม่จำเป็นต้องตรงมากจริงๆ อะไรแบบนั้น แต่ถ้าหากว่าสัตวแพทย์มีเหตุผลที่ทำให้พวกเขาสามารถเอาชีวิตรอดในโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ได้ดีกว่าหมอคนล่ะ เมื่อมีคนถาม “สมาคมสัตวแพทย์” แห่งอเมริกาเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาก็ออกมาให้เหตุผลที่น่าสนใจ 5 ข้อ ดังต่อไปนี้     1. สัตวแพทย์มีโอกาสที่ดีกว่าในการรอดชีวิต ในกรณีที่มีซอมบี้อยู่เต็มโลกไปหมดนั้น ความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการตาย คือการกัดโดยผีดิบ ซึ่งนั่นทำให้สัตวแพทย์มีโอกาสรอดชีวิตมากกว่าหมอทั่วๆ ไป เพราะว่าหนึ่งในงานหลักของสัตวแพทย์นั้นก็คือ การที่จะต้องระวังไม่ให้โดน “ผู้ป่วย” กัดเอานั่นเอง   2. พวกเขาสามารถให้การดูแลทางการแพทย์ได้ แม้ว่าจะไม่เท่ากับ หมอคนแต่สัตวแพทย์ก็สามารถให้การดูแลทางการแพทย์ได้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำแผลเบื้องต้น หรือการเย็บแผล ไม่แน่ว่าบางคนอาจจะผ่าตัดได้ด้วยซ้ำ เพราะอย่าลืมว่าการรักษาสัตว์นั้นก็เป็นศาสตร์การรักษาเช่นเดียวกัน   3. พวกเขาสามารถดูแลสัตว์ได้ ในยุคที่ซอมบี้ระบาดนั้น ไฟฟ้าและน้ำมันจะหายากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในเวลาแบบนั้นคนเราจะหันไปพึ่งพาอะไรล่ะถ้าไม่ใช่สัตว์ (ในกรณีที่เชื้อซอมบี้ไม่ติดสัตว์ไปด้วยนะ) ไม่ว่าจะเป็นสุนัขหรือม้า แล้วคิดว่าใครล่ะที่จะดูแลสัตว์เหล่านั้นได้ดีไปกว่าสัตวแพทย์   4. พวกเขาสามารถตรวจสอบว่าอาหารของคุณปลอดภัยไหมได้ สัตวแพทย์จะมีประสบการณ์ในการตรวจสอบความปลอดภัยของอาหาร พวกเขาหลายคนได้ทำงานกี่ยวกับความปลอดภัยของอาหารที่โรงงานแปรรูป และศูนย์กระจายสินค้าด้วยซ้ำ โดยเฉพาะจากอาหารที่มาจากสัตว์   5. พวกเขาจะไม่อยู่ที่โรงพยาบาลในตอนที่ซอมบี้ระบาด แม้ว่าจะคล้ายกับข้อแรก แต่เรื่องนี้ก็สำคัญมากพอที่จะแยกออกมาเป็นอีกข้อ…

  • อวยเกม Frostpunk เกมดีๆ ที่อยากให้คุณได้ลองเล่น ขายได้กว่า 250,000 ชุดใน 3 วัน

    อวยเกม Frostpunk เกมดีๆ ที่อยากให้คุณได้ลองเล่น ขายได้กว่า 250,000 ชุดใน 3 วัน

    ในปี 1886 ได้เกิดพายุหิมะลึกลับพัดไปทั่วโลก… แม้ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน แต่มันก็ทำให้อุณหภูมิโลกตกลงต่ำกว่าจุดเยือกแข็งไปตลอดกาล… พวกเราออกเดินทางขึ้นไปทางเหนือ ด้วยความหวังของการอยู่รอด ที่นั่นเอง เมืองซึ่งเป็นความหวังสุดท้ายของมนุษย์ชาติก็ถูกสร้างขึ้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมืองนี้ต้องอยู่รอดต่อไป     Frostpunk เป็นเกมสร้างเมืองแบบสตรีมพังค์ และเอาชีวิตรอดหลังวันสิ้นโลก ซึ่งมีเนื้อเรื่องอยู่ในจักวาลคู่ขนานที่โลกของเราจะปกคลุมด้วยหิมะ และความหนาวเย็นตลอดเวลา Frostpunk ได้รับการพัฒนาขึ้นโดย 11-bit Studios เจ้าของผลงานเกมบอกเล่าชีวิตเหยื่อสงครามยอดเยี่ยมอย่าง This War of Mine  ในเกมนี้ คุณจะได้รับบทบาทเป็นผู้นำที่ได้รับการไว้วางใจจากประชาชนให้ควบคุม และดูแลเมืองแห่งสุดท้ายของมนุษยชาติ โดยที่นอกจากการที่คุณจะต้องดูแลทรัพยากรต่างๆ และสร้างเมืองที่เหมาะสมกับความต้องการของประชาชนเหมือนกับเกมสร้างเมืองทั่วๆ ไป     ใน Frostpunk คุณยังต้องดูแลเครื่องทำความร้อนที่เป็นศูนย์กลางของเมืองให้ทำงานอยู่ตลอดเวลาไม่อย่างนั้นผู้คนทั้งเมืองจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ และยังต้องค่อยรักษาระดับ “ความหวังในการใช้ชีวิต” ของผู้คนในเมืองอีกด้วย… เพราะเพื่อที่จะให้เมืองสามารถอยู่รอดต่อไป ความหวังของผู้คนจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด     คุณจะต้องเลือกระหว่างการใช้แรงงานเด็ก กับการที่เด็กได้อยู่อย่างมีความสุขแต่เมืองต้องขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก การฝังศพอย่างถูกต้องตามศาสนา หรือการเก็บศพไว้ใช้งานต่อไป แต่ขอให้จำไว้ว่าไม่ว่าคุณจะทำอะไรลงไป ทุกสิ่งล้วนแต่จะมีผลกระทบเข้าสักวัน     Frostpunk นั้นได้รับคะแนนในระดับสูงจากนักวิจารณ์เกมหลากหลายเจ้า ด้วยเนื้อหาเกมที่หนัก กดดัน และท้าทายผู้เล่น…

  • จะทำยังไงหากตกจากที่สูง?? รู้วิธีการรับมือเมื่อตกจากที่สูง เพิ่มโอกาสรอดชีวิต

    จะทำยังไงหากตกจากที่สูง?? รู้วิธีการรับมือเมื่อตกจากที่สูง เพิ่มโอกาสรอดชีวิต

    มีใครเคยคิดบ้างว่าหากตกที่สูง ต้องทำอย่างไรถึงจะรอดได้? แต่กระโดดลงมาจากโต๊ะก็เจ็บจะแย่แล้ว นึกไม่ออกเลยว่าถ้าตกจากเครื่องบินจะเป็นยังไง ถึงแม้จะฟังดูเป็นไปได้ยาก แต่ก็มีพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเคยรอดชีวิตจากการตกจากเครื่องบิน เมื่อเครื่องบินถูกผู้ก่อการร้ายปล้นและระเบิดเครื่องบินกลางอากาศ ถึงเธอจะบาดเจ็บสาหัส แต่เธอก็ยังตัดสินใจกลับไปทำหน้าที่เดิมเมื่ออาการดีขึ้นแล้ว ถ้ารู้วิธีที่ถูกต้องก็อาจช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด แต่ก็หวังว่าคงจะไม่มีโอกาสให้เราได้นำไปใช้จริงๆ หรอกนะ   ถ้าตกจากหน้าต่าง เมื่อคุณตกจากหน้าต่าง พยายามหาอะไรที่สามารถยึดเกาะได้ให้มากที่สุด เพราะจะทำให้ความเร็วในการหล่นลงมาลดลง หรือถ้ามีหลังคาพลาสติกหรือกระจกที่ยื่นออกมาก็ถือว่าโชคดีขึ้นมาหน่อยนึง เพราะมันจะช่วยทำให้เราไม่ตกลงไปที่พื้น     ถึงแม้ว่าจะฟังดูเป็นเหมือนกับมุกตลก แต่พยายามผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ชิดขาทั้งสองเข้าด้วยกันและงอเข่าไม่มากจนเกินไป เมื่อกระทบกับพื้นจะทำให้แรงกระแทกลดน้อยลง ห้ามเหยียดขาตรงเด็ดขาดเพราะจะทำให้กระดูกขอคุณหักแน่นอนหากกระแทกตรงๆ     เมื่อตกลงมาให้ยกแขนขึ้นมาป้องกันศีรษะ เผื่อว่าตกลงมาบนพื้นปูน เมื่อถึงพื้นแล้วพยายามล้มตัวไปด้านข้าง การที่ยกแขนขึ้นมาป้องกันศีรษะนั้นเพื่อไม่ให้ศีรษะกระแทกกับพื้นตรงๆ นั่นเอง ถ้าคุณรอด แสดงว่าคุณโชคดี หลังจากนั้นห้ามขยับตัวจนกว่าจะมีคนมาช่วยเหลือ     ถ้าตกจากเครื่องบิน หากตกจากเครื่องบินจากความสูงประมาณ 10 กิโลเมตร จะใช้เวลาประมาณ 3-6 นาทีกว่าจะตกถึงพื้นด้วยความเร็ว 19 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โชคไม่ดีที่โอกาสรอดนั้นน้อยมาก แต่ก็ถือว่ายังมีโอกาสอยู่นิดนึง ซึ่งคนที่มีโอกาสรอดที่สุดคือคนที่นั่งอยู่ส่วนท้ายของเครื่องบิน ถ้าเครื่องบินเกิดระเบิดหรือเกิดแยกชิ้นส่วนกลางอากาศ คุณจะได้ยินเสียงลมดังสนั่นหวั่นไหว และการที่มีปริมาณออกซิเจนน้อยบนความสูงขนาดนี้ก็อาจจะทำให้คุณหมดสติ แต่อย่างไรก็ตามหากคุณร่วงลงมาในชั้นบรรยากาศล่างๆ คุณอาจได้สติกลับคืนมา…

  • เก่งเกิ๊น!! วัวหนีตายกระโดดจากรถที่กำลังไปโรงเชือด ว่ายน้ำหนีไปอยู่เกาะสบายใจเฉิบ

    เก่งเกิ๊น!! วัวหนีตายกระโดดจากรถที่กำลังไปโรงเชือด ว่ายน้ำหนีไปอยู่เกาะสบายใจเฉิบ

    ไม่ว่าใครๆ ต่างก็รักชีวิตตัวเองกันทั้งนั้นไม่ว่าเป็นคนหรือสัตว์ และถ้าหากรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะตกอยู่ในอันตรายล่ะก็ มีหรือที่จะยอมอยู่เฉยๆ ได้ เหมือนกับเจ้าวัวตัวนี้ที่รู้ตัวว่ากำลังจะต้องเดินทางไปโรงฆ่าสัตว์ มันเลยกระโดดออกจากรถแล้วว่ายน้ำหนีเข้าไปอยู่บนเกาะ แล้วยึดเอาเป็นของมันแต่เพียงผู้เดียวซะเลย โดยการหลบหนีของวัวแสนรู้ตัวนี้เกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2018 ที่ผ่านมา เมื่อรถบรรทุกขนวัวคันหนึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังโรงฆ่าสัตว์ แต่ว่าในระหว่างทางนั้นเองก็มีวัวตัวหนึ่งที่เหมือนจะรู้ชะตากรรมของตัวเองว่า กำลังจะกลายเป็นเนื้อสเต็กแสนอร่อยให้คนกินกัน ด้วยความรักตัวเองมันจึงตัดสินใจกระโดดลงจากรถทั้งๆ ที่รถยังแล่นอยู่     จากนั้นเมื่อลงจากรถสำเร็จ มันก็ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำ Nysa ที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศโปแลนด์ เพื่อจะหนีเอาชีวิตรอดจากการตามจับ และในที่สุดแล้วมันก็ไปพบกับเกาะแห่งหนึ่งเข้า เลยตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ที่เกาะที่ว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อเรื่องนี้ไปถึงหูของนาย Lukasz เจ้าของวัวดังกล่าว เขาก็พยายามที่จะนำตัววัวตัวนี้กลับมาให้ได้ แต่ไม่ว่าจะทำยังไงหรือวิธีการไหนก็ไม่สามารถเอาตัวมันกลับมาจากเกาะได้ เขาเลยยอมแพ้และเลือกที่จะเอาอาหารไปให้มันแทน เพื่อเห็นแก่ความรักชีวิตของเจ้าวัวมหัศจรรย์ตัวนี้ หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งพวกเขาบอกว่าระยะทางจากฝั่งไปยังเกาะที่วัวอาศัยอยู่นั้นเป็นระยะทางถึง 50 เมตรเลยทีเดียว     เมื่อเข้าไปตรวจดูแล้วก็พบว่าวัวตัวดังกล่าวมีสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการหลบหนี จากการบอกเล่าของ Pawel Gotowski รองผู้บัญชาการหน่วยดับเพลิงประจำเมือง และเหมือนกับว่าจะเป็นบุญของวัวตัวนี้ ที่นอกจากจะหนีรอดออกมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว ในตอนนี้ก็ยังมีนักการเมืองชื่อว่า Pawel Kukiz ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กบอกว่า เขาจะเป็นผู้ส่งเสียเงินเพื่อเลี้ยงดูวัวตัวนี้เอง “ผมก็ไม่ใช่มังสวิรัติหรอกนะ ผมก็กินเนื้อเหมือนคนทั่วๆ ไปนี่แหละ แต่ผมเห็นถึงความอดทนและความตั้งใจในการหนีเอาชีวิตรอดของมัน ทั้งหนีลงจากรถ ว่ายน้ำไปอยู่บนเกาะ ผมเลยคิดเอาไว้ว่าควรจะทำอะไรให้เป็นรางวัลสำหรับมันสักหน่อย” Pawel เขียนเอาไว้ในเฟซบุ๊กของเขา  …

  • โอ้โห… ชีวิตติดเกาะไม่มีอะไรก่อไฟ แต่ถ้ามีถุงพลาสติกติดตัว จะช่วยเสกไฟให้ลุกโชนได้

    โอ้โห… ชีวิตติดเกาะไม่มีอะไรก่อไฟ แต่ถ้ามีถุงพลาสติกติดตัว จะช่วยเสกไฟให้ลุกโชนได้

    ถ้าหากว่าวันหนึ่งเราดันโชคร้ายไปติดเกาะเข้าล่ะก็ “ไฟ” คงจะเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่จะทำให้มีชีวิตรอดได้เลยล่ะ จะถือว่าในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีเลย ถ้าหากเราบังเอิญพกอุปกรณ์ที่สามารถจุดไฟได้ติดตัวไปด้วย แต่ถ้าไม่ได้พกไปก็เรียกได้ว่าซวยในซวยเลยทีเดียว     แต่ถ้าเรามีถุงพลาสติกสักใบหนึ่งก็อาจจะช่วยให้สามารถจุดไฟได้นะ ว่าแต่มันใช้ได้จริงเหรอ แล้วมันทำอย่างไรถึงสามารถจุดไฟได้ล่ะ เอาเป็นว่าคำตอบมันอยู่ที่ชายชาวสเปน Alvaro Cerezo คนนี้ ไปฟังเขาอธิบายกันเลยดีกว่า     Alvaro Cerezo วัย 36 ปี ได้เดินทางไปยังสถานที่ห่างไกลกว่า 400 แห่ง เพื่อแลกเปลี่ยนวิถีการเอาชีวิตรอดของแต่ละพื้นที่ เขาใช้ชีวิตด้วยการไปอาศัยอยู่ยังเกาะร้างต่างๆ เป็นเวลานับสัปดาห์ เพื่อทดสอบสถานที่ที่ปลอดภัยและไม่น่าไว้วางใจด้วยตัวเอง ครั้งนี้เขาอยู่ที่เมืองมาลากาในสเปน และเขาได้แสดงวิธีการใช้ถุงพลาสติกบรรจุน้ำใช้เป็นเครื่องมือจุดไฟในวิดีโอของเขา โดยวิธีการนั้นแสนง่ายเพียงแค่ให้ถุงพลาสติกที่บรรจุน้ำทำหน้าที่เป็นเหมือนแว่นขยายที่รวมแสงอาทิตย์มายังจุดเดียว จากนั้นจึงนำกาบมะพร้าวมาไว้ตรงจุดรวมแสง เมื่อเกิดการรวมแสงก็จะเกิดความร้อนและทำให้ไฟติดที่กาบมะพร้าวนั่นเอง     Alvaro กล่าวว่า “ผมใช้วิธีนี้จุดไฟบ่อยครั้ง ผมบอกผู้คนว่าผมจุดไฟโดยใช้ถุงพลาสติกได้แต่ส่วนมากมักไม่มีใครเชื่อ” “หากคุณไม่ได้นำถุงมาด้วย มันก็มักจะมีถุงพลาสติกที่น้ำพัดพามาติดที่เกาะอยู่เสมอๆ แต่ปัญหาก็คือถุงเหล่านั้นส่วนใหญ่จะขาดเป็นรูทำให้น้ำรั่วมาโดนกาบมะพร้าวจนเปียกและไม่สามารถจุดไฟให้ติดได้ เพราะเหตุนี้คุณจึงจำเป็นต้องมีถุงที่สมบูรณ์ และโปร่งใสด้วย” เขาอธิบายต่อว่า “เมื่อคุณเติมน้ำใส่ถุงแล้ว ควรทำให้มันเป็นทรงกลมโดยการกดมุมด้านข้างมันเข้าไป เพียงเท่านี้มันก็จะทำหน้าที่เหมือนเป็นแว่นขยายแล้ว”     ในปี 2003 Alvaro ได้ก่อตั้งบริษัทเป็นของตัวเองชื่อว่า Docastaway แต่หลังจากที่เขาไปใช้ชีวิตอยู่ที่หมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ของอินเดียที่ทำให้เขารู้สึกว่าการทำงานในสำนักงานไม่ใช่ทางของเขา…

  • นักศึกษาแพทย์ติดอยู่ในลิฟท์นาน 1 ชั่วโมง เลยทำบันทึกฮาๆ ของการเอาชีวิตรอดภายในนั้น

    นักศึกษาแพทย์ติดอยู่ในลิฟท์นาน 1 ชั่วโมง เลยทำบันทึกฮาๆ ของการเอาชีวิตรอดภายในนั้น

    การติดอยู่ในลิฟท์นับเป็นประสบการณ์ที่แสนเลวร้ายสำหรับใครหลายๆ คน เพราะมันเป็นช่วงชั่วโมงที่เต็มไปด้วยความระทึก ความกดดัน และต้องเสี่ยงอยู่ในอันตรายทุกวินาที แน่นอนว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ มันคงทำให้หลายคนรู้สึกวิตกกังวล และทำตัวไม่ถูก แต่สำหรับ Joseph หนุ่มนักศึกษาแพทย์รายนี้ เขากลับใช้ช่วงเวลาที่มีอยู่ขณะติดในลิฟท์ตลอดเวลานาน 60 นาที บันทึกเรื่องราวสุดฮาของการเอาชีวิตรอดอยู่ในนั้น และเมื่อเรื่องราวดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกออนไลน์ บรรดาชาวเน็ตต่างก็พากันเข้ามาชื่นชมในความกล้าหาญของเขากันยกใหญ่ เพราะเขาได้ทำในสิ่งที่สามารถทำให้ตัวเองรอดมาจากสถานการณ์นั้นได้มาอย่างชิลๆ และนี่คือบันทึกสุดฮาของเขาล่ะ   ในระหว่างที่ติดอยู่ในลิฟท์   วันที่ 1 นาทีที่ 10: นรกมันรู้สึกแบบนี้จริงเหรอ   วันที่ 1  นาทีที่ 15: ถ้ามีคนอื่นอยู่ที่นี่กับผม ผมคงกินเนื้อของพวกเขาไปแล้ว   วันที่ 1 นาทีที่ 20: เริ่มต้นหาทางออกทางเพดาน   วันที่ 1 นาทีที่ 25: ผมกำลังจะตัดแขนของตัวเองด้วยมีดพกพา ซึ่งมันไม่ได้ติดกับอะไรหรอก แค่คิดอะไรไม่ออกแล้วตอนนี้   วันที่ 1 นาทีที่ 28: ผมตั้งชื่อแล็ปท็อปว่าวิลสัน  …

  • ปาฏิหาริย์ยังมี… ชายหนุ่มติดอยู่ใน “ถ้ำใต้น้ำ” นาน 2 วัน อดทนฝ่าฟันจนรอดตาย

    ปาฏิหาริย์ยังมี… ชายหนุ่มติดอยู่ใน “ถ้ำใต้น้ำ” นาน 2 วัน อดทนฝ่าฟันจนรอดตาย

    คุณเคยจินตนาการว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานะการณ์คับขันชนิดเกือบเอาชีวิตไม่รอดกันบ้างไหม?? ในสถานะการณ์ดังกล่าว การควบคุมสติและไหวพริบในการเอาตัวรอดนั้นมีความสำคัญอย่างมาก และเรื่องราวของชายหนุ่มท่านนี้ก็เช่นกัน เมื่อเขาต้องตกอยู่ในสถานะการณ์ที่ยากลำบากใต้ท้องทะเล และต้องอยู่แบบไม่มีออกซิเจนนานถึง 2 วัน!!     ย้อนไปเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว คุณ Xisco Gràcia ต้องพบกับประสบการณ์ที่เสี่ยงตายที่เปรียบเสมือนฝันร้าย เมื่อเขาต้องติดอยู่ในถ้ำใต้ทะเล เพียงลำพังและไม่มีอุปกรณ์ยังชีพใดๆ เลย นานถึง 60 ชั่วโมง อาจารย์สอนธรณีวิทยา ผู้ชื่นชอบการดำน้ำเป็นชีวิตจิตใจ เขาและคู่หูได้เดินทางมายังเกาะมายอร์กา (Mallorca) สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของสเปน ที่นี่มีถ้ำใต้น้ำที่ใหญ่และคดเคี้ยวราวกับเขาวงกต ชายหนุ่มและเพื่อนของเขาหวังจะพิชิตถ้ำนี้ให้ได้     เมื่อวันที่ 15 เมษายน ชายหนุ่มและเพื่อนของเขาคุณ Guillem Mascaró ได้ดำลงไปสำรวจถ้ำใต้เขาวงกตทะเลที่ชื่อว่า Sa Piqueta ซึ่งมีความยาวจากปากถ้ำถึงส่วนที่เป็นเขาวงกตประมาณ 1 กิโลเมตร พวกเขาใช้เวลากว่ชั่วโมงในการดำน้ำเพื่อมายังถ้ำแห่งนี้ ในระหว่างการสำรวจ ทั้งสองแยกย้ายกันออกเก็บตัวอย่างของหิน แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ในระหว่างที่กำลังสำรวจถ้ำอยู่นั้นพวกเขาบังเอิญว่ายน้ำมาชนกันเข้า จึงทำให้ตะกอนที่อยู่ใต้ทะเลฟุ้งกระจายขึ้นมาและทำให้ทั้งสองมองไม่ห็นทาง     ทั้งสองพยายามจะกลับไปที่ปากถ้ำด้วยการตามเส้นเชือกที่ขึงเอาไว้ แต่โชคร้ายที่พวกเขาหามันไม่พบ ตอนนี้ทั้งคู่ตกอยู่ในสถานกาณ์ที่ยากลำบากแล้ว ทั้งสองมีออกซิเจนไม่เพียงพอสำหรับการว่ายออกไปยังปากถ้ำ และออกซิเจนสำรองของพวกเขาก็หมดแล้ว!! แต่แล้วคุณ Gràcia ก็นึกขึ้นได้ว่าเคยได้ยินนักดำน้ำคนอื่นๆ…

  • ตัวอย่างหนัง “47 Meters Down” ถ้าหากคุณจมอยู่ใต้ทะเล และมีแต่ฉลามอยู่เป็นเพื่อน?

    ตัวอย่างหนัง “47 Meters Down” ถ้าหากคุณจมอยู่ใต้ทะเล และมีแต่ฉลามอยู่เป็นเพื่อน?

    ไม่ว่ายุคสมัยไหนก็ตาม การหนีเอาชีวิตรอดจากฉลามก็ยังได้รับความนิยมในการนำมาทำเป็นภาพยนต์แนวสยองขวัญอยู่บ่อยๆ นับตั้งแต่หนังเรื่อง Jaws ในปี 1975 ที่ทำเอาหลายๆ คนไม่กล้าลงเล่นน้ำทะเลไปนานเลยทีเดียว และเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมาก็เพิ่งจะมีหนังการเอาชีวิตรอดจากฉลามที่แปลกใหม่และแหวกแนวไปจากเดิม อย่างเรื่อง The Shallow ที่ตัวเอกพยามจะเอาตัวรอดจากฉลามสุดคลั่ง ซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากแฟนหนังไปอย่างมากมาย และในปี 2017 นี้ ถ้าหากใครที่ติดใจการเอาชีวิตรอดจากมัจจุราชจากท้องทะเล เราขอแนะนำว่าคุณไม่ควรพลาดหนังเรื่องนี้เลย 47 Meters Down เรื่องราวการเอาชีวิตรอดจากฉลามขาวของ 2 นักท่องเที่ยวหญิง..     ในหนังพูดถึง 2 สาวพี่น้อง Lisa (รับบทโดย Mandy Moore จากซีรี่ส์ This Is Us) และ Kate (รับบทโดย Claire Holt จากซีรี่ส์ The Vampire Diaries) ที่มาเที่ยวพักผ่อนกันในเม็กซิโก ทั้งคู่ได้ใช้บริการดำน้ำดูฉลามขาวด้วยการหย่อนกรงลงไปในท้องทะเล และสัมผัสกับฉลามอย่างใกล้ชิด และระหว่างที่สองพี่น้องกำลังตื่นตาตื่นใจกับประสบการณ์ที่แปลกใหม่อยู่นั้น ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อโซ่ที่ยึดกรงพวกเธอเกิดมีปัญหา ทำให้กรงหล่นลงไปยังก้นทะเลลึกกว่า 47 เมตร Lisa และ Kate มีเวลา 1 ชั่วโมงก่อนที่ออกซิเจนจะหมด เพื่อเอาชีวิตรอดจากฝูงฉลามที่ดุร้าย  …

  • ‘ต้องรอด’ แนวคิดบ้านแบบใหม่ อยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อม และเอาตัวรอดจากภัยพิบัติธรรมชาติได้!!

    ‘ต้องรอด’ แนวคิดบ้านแบบใหม่ อยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อม และเอาตัวรอดจากภัยพิบัติธรรมชาติได้!!

    รู้สึกกันมั้ยว่าพักหลังมานี้ โลกของเรามักจะปรากฏเหตุการณ์ภัยพิบัติจากธรรมชาติ แทบจะทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะในเมืองใหญ่ หรือป่าเขาทึบ เอ๊ะ..หรือว่าวันสิ้นโลกจะมีจริงๆนะ? เพื่อเป็นการป้องกันภัย และเอาตัวรอด จะพาไปรู้จักกับ ‘Eartships’ แนวคิดของบ้านรูปแบบใหม่ ที่ภายอาจจะดูเหมือนบ้านที่หลุดมาจากดาวอังคาร หรือเอเลี่ยนใช้อาศัยกัน แต่ผู้คิดค้นเคลมว่า เมื่อไหร่ที่เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ บ้านราคาประมาณ 42 ล้านบาทนี้ จะทำให้เรารอด!!   ‘แบบบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และออกแบบมาเพื่อคนรุ่นต่อไป’ สโลแกนจากบริษัทผู้ผลิต   ซึ่งเชื่อว่าบ้านหลังนี้ สามารถทำให้เราอยู่รอดได้ด้วยตัวเอง และปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งหลาย   โครงสร้างส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นมาจากวัสดุเหลือใช้ เช่นกำแพงถูกสร้างจากยางรถยนตร์ และมันจะไม่มีทางถล่มเมื่อเกิดแผ่นดินไหว   บ้าน ‘ต้องรอด’ แบบนี้ไม่ได้มีแค่หลังเดียวนะ เพราะเค้าสร้างขึ้นมาเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในรัฐนิว เม็กซิโก ประเทศสหรัฐฯ   ไม่ใช่แผ่นดินไหวเท่านั้น แต่ยังป้องกันเหตุอัคคีภัย และวาตภัยได้ด้วย   ตัวอย่างภายในบ้านหลังหนึ่ง สังเกตุว่าการตกแต่งจะใช้วัสดุที่เหลือมาประยุกต์ทั้งนั้น   แนวคิดบ้านแบบล้ำสมัยนี้ คิดค้นขึ้นโดยบริษัท Eartship Biotecture   ภายในบ้านยังมีเรือนกระจก เพื่อใช้สำหรับเพาะปลูก สร้างอาหารให้ตัวเองได้อย่างยั่งยืน…

  • นักกู้ภัยแนะวิธีเอาตัวรอดจากการ ‘สำลักอาหาร’ เมื่ออยู่เพียงลำพัง ช่วยให้รอดชีวิตได้

    นักกู้ภัยแนะวิธีเอาตัวรอดจากการ ‘สำลักอาหาร’ เมื่ออยู่เพียงลำพัง ช่วยให้รอดชีวิตได้

    เชื่อเลยว่าเพื่อนๆ หลายคนคงเคยมีอาการ ‘อาการสำลัก’ กันมาก่อน ซึ่งเป็นอาการที่วัตถุบางอย่าง เช่นอาหาร น้ำ เข้าไปทางหลอดลมแล้วจึงเกิดการสำลักออกมา แน่นอนว่าถ้าหากมีอาหารชิ้นขนาดใหญ่เข้าไปติดอยู่ในหลอดลมแล้วเราไม่สามารถเอามันออกมาได้ทันการล่ำก็ จะทำให้ร่างกายของเราขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิตได้เลยล่ะ เพราะฉะนั้นการช่วยเหลือคนที่เกิดอาการสำลักง่ายๆ เลยก็คือ โอบกอดคนสำลักจากทางด้านหลัง แล้วก็วางมือของเราไว้บริเวณใต้ลิ้นปี่ จากนั้นก็รัดแบบกระแทกตรงบริเวณนั้นจนอาหาร หรือของที่เข้าไปติดอยู่ในหลอดลมหลุดออกมา     วิธีการดังกล่าวจะต้องใช้คน 2 คนขึ้นไป แต่จะเป็นอย่างไรถ้าเราเกิดสำลักในตอนที่อยู่คนเดียวล่ะ!? ในวันนี้ คุณ Jeff Rehman เจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ในการช่วยเหลือชีวิตคน กับการเป็นทีมกู้ภัยมากว่า 22 ปี ก็มีวิธีในการเอาตัวรอดในเวลาที่เกิดอาการสำลักด้วยเองมาฝากเพื่อนๆ กัน เผื่อเอาไว้ป้องกันไว้ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่คาดฝันขึ้นในตอนที่เราอยู่คนเดียว   เป็นหลักการง่ายๆ แบ่งออกเป็น 3 ข้อด้วยกัน ดังนี้   1. อย่าตื่นตกใจ พยายามควบคุมสติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้   2. คุกเข่าลงไป จากนั้นก็โน้มตัวลงไปด้านหน้าค้ำเอาไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างของตัวเอง   3. จากนั้นก็ยกแขนขึ้นไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ลำตัวของเราลงไปกระแทกพื้น   โดยแรงกระแทกจะสร้างแรงลมขึ้นมา และลมที่ว่านั้นก็จะช่วยดันให้เจ้าเศษอาหารนั้นหลุดออกมาจากหลอดลม จนทำให้เราสามารถกลับมาหายใจได้อย่างปกติ…

  • ลูกหมูเอาชีวิตรอด กระโดดหนีจากรถบรรทุกจนเกือบตาย… แต่ครอบครัวนี้ก็ให้ชีวิตใหม่กับมัน

    ลูกหมูเอาชีวิตรอด กระโดดหนีจากรถบรรทุกจนเกือบตาย… แต่ครอบครัวนี้ก็ให้ชีวิตใหม่กับมัน

    แน่นอนว่าในทุกๆวัน มีสัตว์จำนวนมากถูกฆ่าเพื่อเป็นอาหารให้กับเรา แต่เชื่อว่าลึกๆในใจของพวกมันคงไม่ได้รู้สึกยินดีกับการถูกทำให้เป็นอาหารซักเท่าไหร่ เช่นเดียวกับเจ้าลูกหมูน้อยตัวนี้ ถึงแม้ว่ามันจะยังเด็ก แต่มันกลับเลือกที่จะดิ้นรน เอาชีวิตรอด จนในที่สุดมันก็ได้มาเจอครอบครัวอันแสนอบอุ่น และดูแลมันอย่างดี     เจ้าหมูน้อยตัวนี้มันมีชื่อว่า ‘Charlotte’ เมื่อเช้าวันหนึ่ง มันและผองเพื่อนญาติพี่น้องชาวหมูอู๊ดๆ กำลังอยู่บนรถบรรทุก เพื่อส่งตัวไปยังโรงเชือด มันก็ได้ตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด มันดิ้นรนออกมาจากกระบะท้ายรถ ก่อนที่จะกระโดดหนีเพื่อเอาชีวิตรอด หลังจากที่มันกระโดดลงมา ท่ามกลางการจราจรที่แสนวุ่นวาย ครอบครัวหนึ่งซึ่งกำลังเดินทางไปห้างซูเปอร์มาเก็ต ได้พบมันนอนเจ็บอยู่ข้างถนน พวกเขาตัดสินใจที่จะจอดรถ และลงไปช่วยเหลือเจ้าชาร์ลอตต์ทันที     ด้วยแรงปะทะที่เจ้าหมูน้อยกระโดดลงมา แล้วฟาดกับพื้น ทำให้มันหมดสติ ไม่รู้สึกตัว แต่ยังคงหายใจได้อยู่ ครอบครัวที่มาพบ จึงช่วยนำมันไปส่งที่โรงพยาบาลรักษาสัตว์เล็ก เป็นเวลากว่า 2 อาทิตย์ เจ้าหมูไม่สามารถกิน หรือดื่ม ด้วยตัวเองได้ แต่ก็ด้วยกำลังใจจากทีมแพทย์ และครอบครัวผู้ช่วยเหลือ ที่คอยดูแลมันตลอดเวลา ก็ทำให้อาการของเจ้าหมูน้อยดีขึ้นตามลำดับ     ในที่สุดมันก็แข็งแรง และได้ย้ายเข้าไปอาศัยอยู่กับศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Poplar Spring Animal Sanctuary ณ เมือง…

  • วิธีการเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์ ‘รถตกน้ำ’ สิ่งสำคัญคือ ‘สติ’ และ ‘ความรวดเร็ว’

    วิธีการเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์ ‘รถตกน้ำ’ สิ่งสำคัญคือ ‘สติ’ และ ‘ความรวดเร็ว’

    เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถตกลงไปในคลองหรืออ่างน้ำผู้โดยสารและคนขับมักจะไม่รอด หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที เพราะน้ำทำให้ระบบไฟฟ้าภายในรถเสียหายจึงทำให้เปิดกระจกออกไม่ได้ ประตูเองก็เช่นกันเพราะถูกแรงดันน้ำดันไว้ วันนี้ #เหมียวหง่าว จะมาแนะนำวิธีการเอาตัวรอดจากการเกิดอุบัติเหตุ เมื่อรถของเพื่อนๆ ตกลงไปในน้ำมาให้เพื่อนๆ ได้เอาไปใช้ป้องกันตัวเองกัน   โดยในการสาธิตนี้จะเป็นรถยนต์ที่ใช้ระบบอัตโนมือในการเปิดกระจก แต่ระบบอัติโนมัติก็ใช้ได้ผลเช่นกัน เพราะต้องใช้ความรวดเร็วเป็นอย่างมาก ก่อนที่รถจะจมน้ำลงไป   ขั้นแรกเลยเพื่อนๆ จะต้องตั้งสติไว้ให้ดี หากรู้ว่าไม่พ้นจะต้องตกน้ำแน่ๆ แล้วก็ให้ปลดเข็มขัดนิรภัยออก จากนั้นก็เปิดกระจกโดยด่วน อย่างน้อยไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง และรีบออกจากรถให้เร็วที่สุด   หากมีเด็กให้ช่วยเหลือเด็กออกไปข้างนอกรถก่อน แล้วเราค่อยตามออกไปทีหลัง   ที่สำคัญภายในรถของเพื่อนๆ จะต้องมีการพกที่ทุบกระจกรถไว้ด้วยเผื่อกรณีฉุกเฉิน หากระบบไฟฟ้าในรถเกิดไม่ทำงานขึ้นมาจะได้ทุบกระจกให้แตกอย่างทันท่วงที   และขอย้ำอีกครั้ง สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เพื่อนๆ รอดจากเหตุการณ์นี้ได้ คือ ‘สติ’ และ ‘ความรวดเร็ว’ เอาล่ะลองไปชมคลิปแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้กันได้เลยจ้า…   หวังว่าบทความนี้จะช่วยเหลือเพื่อนๆ ได้ไม่มากก็น้อยนะจ๊ะ ^^ ที่มา : ABC News, viralnova

  • รวม 19 ภาพเหตุการณ์ หากใครพบเจอแนะนำให้ ‘เผ่นเป็นป่าราบ’ ไว้ก่อน!!

    รวม 19 ภาพเหตุการณ์ หากใครพบเจอแนะนำให้ ‘เผ่นเป็นป่าราบ’ ไว้ก่อน!!

    ในชีวิตประจำวัน เรามักจะพบเจอกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ที่จะทำให้เรามีความสุข สนุก บางครั้งก็เศร้า ร้องไห้ เสียใจ และหลายๆ ครั้งก็อาจจะเกิดเหตุที่ทำให้เราอาจจะต้อง ‘วิ่งหนี’ มัน #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเหตุการณ์ต่างๆ ที่ต้องขอแนะนำให้เพื่อนๆ โกยแน่บไว้ก่อนเลย (แบบขำๆ ก็มีนะจ๊ะ)   1. เมื่อท้องฟ้าส่งอะไรสักอย่างลงมาบนโลกมนุษย์!!     2. เมื่อมีคลื่นยักษ์ลักษณะแปลกๆ กำลังตรงมาทางที่คุณ อยู่     3. เมื่อเหล่าวัวกระทิงกำลังวิ่งตรงมาหาอย่างบ้าคลั่ง   4. เมื่อเหล่าสัตว์ป่ากำลังวิ่งไล่กันไปมาอยู่ต่อหน้าคุณ   5. เมื่อเห็นว่าเหล่าเทเลทับบี้กำลังรายล้อมคุณอยู่ (วิ่งหนีไมหงะ น่ารักจะตายยย ><)   6. เมื่อคุณรู้ว่าโลกนี้ถูกเหล่าซอมบี้ยึดครองไปแล้ว   7. เมื่อคุณเห็นรังผึ้งขนาดบิ๊กเบิ้มอยู่บนหัวของคุณ   8. เมื่อไฟลุกเป็นเกลียวพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า     9. เมื่อเห็นก้อนเมฆดูท่าทางน่ากลัวกำลังตรงดิ่งมาคุณ    …

  • โฆษณาฮาสุดขีดของ Grab แมนกริลล์ vs. แม่สาวน้อย ต้องมาแข่งใช้ชีวิตในเมืองหลวง เสียดสีชีวิตคนกรุงได้สุดๆ

    โฆษณาฮาสุดขีดของ Grab แมนกริลล์ vs. แม่สาวน้อย ต้องมาแข่งใช้ชีวิตในเมืองหลวง เสียดสีชีวิตคนกรุงได้สุดๆ

    ก่อนอื่นเลย #จ่าสิบเหมียว ต้องขอบอกว่าเป็นโฆษณาที่พีคจริงอะไรจริง จากทาง Grab ที่ต้องการโฆษณาบริการต่างๆ ของพวกเขา โดยอาศัย แมนกริลล์ ยอดมนุษย์เอาตัวรอด กับสาวน้อย แข่งกันผจญเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพ งานนี้ใครจะอยู่ใครจะไปต้องมาดูกัน!!!   เริ่มต้นโฆษณามาด้วยความสามารถของเขา บอกเลยหน่วยรบพิเศษเก่าอย่างนี้สามารถเอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์!!!   ส่วนวันนี้เขากับแม่สาวน้อยจะต้องมีแข่งกันทำภารกิจ!!!   ทั้งเรียกแท็กซี่ (ใบกล้วยมายังไง ฮ่าๆๆๆ)   ส่งไปรษณีย์   งานนี้มีหรือจะพลาด ขี้ช้างก็มา ><   ชีวิตในเมืองหลวงน่ะมันไม่ได้ง่ายนะคุ๊ณณณณณ   ใครจะอยู่ ใครจะไป เรามาดูกันเลยดีกว่า!!!   ชมคลิปโฆษณาแบบเต็มๆ กันได้ที่นี่ อยู่ยังไงให้รอด? แมนกริลล์ ยอดคนผจญกรุงเทพฯแมนกริลล์ ยอดคนผจญกรุงเทพฯเมืองที่ไม่เหมือนที่ใดในโลก เขากับแม่สาวน้อยใครจะ Grab ใครจะ Gone!#GrabTH #TheNewGrab โพสต์โดย Grab บน 14 มีนาคม 2016     แหม๊…#จ่าสิบเหมียว…

  • Richard Proenneke ผู้ใช้ชีวิตในป่าเกือบ 30 ปี หลังจากค้นพบว่าบ้านที่เคยอยู่ไม่ใช่บ้านอีกต่อไป!!

    Richard Proenneke ผู้ใช้ชีวิตในป่าเกือบ 30 ปี หลังจากค้นพบว่าบ้านที่เคยอยู่ไม่ใช่บ้านอีกต่อไป!!

    เรื่องราวการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวของคุณ Richard “Dick” Proenekke โดยที่เขานั้นตัดสินใจใช้ชีวิตในวัยเกษียณด้วยการทดสอบตัวเองเพื่ออยู่ตัวรอดให้ได้ในป่าบริเวณ Alaskan     ซึ่งหลังจากที่เวลาผ่านไป 1 ปี เขาได้สร้างบ้านไม้ให้กับตัวเอง เอาชีวิตรอดด้วยการปลูกผัก ล่าสัตว์ และการออกเก็บวัตถุดิบตามธรรมชาติ     ภายหลังที่ใช้ชีวิตในป่า 1 ปีเต็ม เขาก็ได้กลับไปที่บ้านในถิ่นที่อยู่อาศัยเพื่อกลับไปเยี่ยมครอบครัวเป็นระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งเขาก็รู้สึกได้ว่าบ้านที่เคยอยู่มันไม่ใช่ที่สำหรับเขาแล้ว บ้านในป่าที่เขาสร้างขึ้นมาเองต่างหากคือคำตอบที่แท้จริง!!     เขาจึงรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นทั้งหมด และมุ่งหน้ากลับเข้าสู่ชีวิตในป่าอีกครั้ง โดยที่คราวนี้เขาไปอยู่ในป่าแบบถาวร เป็นระยะเวลาเกือบ 30 ปี     การใช้ชีวิตในป่าเขตหนาวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจะต้องคอยหาฟืนมาให้ความอบอุ่นตลอดเวลา เขาตัดไม้เท่าที่จำเป็นเพื่อความอยู่รอด และอาหารการกินนั้นก็ทำเมนูแบบง่ายๆ ให้พออิ่มท้อง     ถ้าหากว่าไม่จำเป็นเขาก็จะไม่ฆ่าสัตว์ป่า เขาจะล่าสัตว์ก็ต่อเมื่อต้องการมันเป็นอาหารจริงๆ เพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารในปริมาณที่พอเหมาะ     Richard “Dick” Proenekke เสียชีวิตในปีค.ศ. 2003 อันเนื่องมาจากโรคหลอดเลือดในสมอง แต่เรื่องราวการตัดสินใจใช้ชีวิตในป่าของเขานั้นถือว่าเป็นเรื่องราวที่น่าจดจำเป็นอย่างมาก ถึงกับมีสารคดีบอกเล่าการใช้ชีวิตสันโดษในป่าของเขาออกมาด้วย   สารคดีที่ชื่อว่า…

  • ฉลามตัวนี้ ถูกวาฬเพชฌฆาตกว่า 16 ตัวไล่เขมือบ สุดท้ายมันจึงยอมกระโดดขึ้นบนโขดหินเพื่อหนีตาย

    ฉลามตัวนี้ ถูกวาฬเพชฌฆาตกว่า 16 ตัวไล่เขมือบ สุดท้ายมันจึงยอมกระโดดขึ้นบนโขดหินเพื่อหนีตาย

    ‘ฉลาม’ แค่พูดชื่อขึ้นมาหลายคนก็กลัวกันแล้วใช่ไหมละ เพราะ ‘ฉลาม’ เรียกได้ว่าเป็นสัตว์ที่ดุร้ายและน่ากลัว แต่มาคราวนี้ดูเหมือนเจ้าฉลามจะเป็นฝ่ายน่าสงสารเสียมากกว่า เพราะเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ต่างประเทศ ได้เผยคลิปวีดีโอของเจ้าฉลามตัวหนึ่ง ที่กำลังถูกวาฬเพชฌฆาตกว่า 16 ตัวไล่ล่า เพื่อกินเป็นอาหาร งานนี้เจ้าฉลามจึงตัดสินใจกระโดดขึ้นบนโขดหินริมทะเล เพื่อเอาชีวิตรอด     ซึ่งคลิปวีดีโอนี้ถูกถ่ายขึ้นโดย Dr. Ingrid Visser ผู้เชี่ยวชาญด้านวาฬเพชฌฆาต กับเพื่อนตากล้องชาวญี่ปุ่นกำลังถ่ายทำวิดีโอวาฬเพชฌฆาตกำลังล่าฉลามและปลากระเบนมาเป็นเหยื่อ     แต่จู่ๆ พวกเขาก็เห็นปลาฉลามตัวหนึ่ง กำลังว่ายน้ำหนีฝูงวาฬเพชฌฆาตกว่า 16 แถมยังกระโดดขึ้นมานอนเกยตื้นบนโขดหินแข็งๆ หินริมทะเล เพื่อหวังรอดตายจากฝูงวาฬ     เมื่อ Dr. Ingrid และเพื่อนตากล้องเห็นดังนั้น พวกเขาก็รีบให้ความช่วยเหลือเจ้าฉลามผู้โชคร้าย โดยการลากมันกลับลงทะเลทันที จนทำให้มันรีบว่ายน้ำหนีฝูงวาฬเพชฌฆาตอย่างรวดเร็ว       อย่างไรก็ตามแม้ว่าเจ้าฉลามตัวนี้จะสามารถรอดชีวิตกลับไปได้ แต่เพื่อนๆ ของมันอีก 5 ตัว ต้องกลายไปเป็นเหยื่อของฝูงวาฬเพชฌฆาตไปซะแล้ว ที่มา…