Tag: สารเคมี

  • หญิงผู้ใช้ชีวิตในห้องปลอดเชื้อ 13 ปี แพ้แทบทุกอย่างบนโลก แม้จะกอดคนรักก็ยังไม่ได้

    หญิงผู้ใช้ชีวิตในห้องปลอดเชื้อ 13 ปี แพ้แทบทุกอย่างบนโลก แม้จะกอดคนรักก็ยังไม่ได้

    ตามปกติแล้วการที่คนเราต้องใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ สิ่งที่ควรจะมีติดตัวอยู่กับทุกคนคืออิสระในการไปไหนมาไหน สัมผัสอะไรก็ได้ตามใจต้องการ… สำหรับ Juana Munoz วัย 53 ปี จากเมืองกาดิซ ประเทศสเปน กลับต้องใช้ชีวิตที่แตกต่างจากคนอื่น ถูกตัดขาดจากอิสระที่หวังเอาไว้ เพราะทุกสิ่งจากโลกภายนอกอาจคร่าชีวิตเธอได้ ทำได้แค่เพียงมองผ่านจากตู้กระจกปลอดเชื้อที่เป็นบ้านของเธอมาตลอด 13 ปี     หลังจากที่เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรง 4 ชนิด ทั้งอาการแพ้สารเคมีหลายชนิด โรคไฟโบรมัยอัลเจีย อาการล้าเรื้อรัง และภูมิแพ้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้เธอไม่เหลือทางเลือกใดๆ จนจำเป็นต้องตัดขาดตัวเองออกจากโลกทั้งใบ เพื่อมาอาศัยอยู่ในตู้กระจกแบบนี้     เธอจะไม่สามารถออกจากตู้กระจกนี้ได้ ถ้าหากไม่ปฏิบัติตามกฎที่เข้มงวด และใครก็ตามที่จะเข้ามาหาเธอ ต้องชำระล้างร่างกายให้ปลอดจากสารเคมี และสวมเสื้อผ้าที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติเท่านั้น สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือ คนในครอบครัวไม่สามารถแตะเนื้อต้องตัวเธอได้เลย ถึงขั้นที่ว่าการกอดอาจทำให้เธอตายได้ มีเพียงแค่ลูก 2 คน ที่ได้รับอนุญาตให้กอดเธอได้ 2 ครั้งต่อปี และการกอดแต่ละครั้งจะต้องผ่านการเตรียมการหลายวัน     ฝันร้ายของ Juana เริ่มต้นเมื่อ 29 ปีก่อน จากมันฝรั่งที่ปลูกในสวนหลังบ้าน เมื่อเธอจับมันฝรั่งลูกนั้น…

  • จริงหรือไม่? จุมพิตจากเจ้าชายสามารถช่วยสโนว์ไวท์ได้หรือ? มาวิเคราะห์กันเถอะ

    จริงหรือไม่? จุมพิตจากเจ้าชายสามารถช่วยสโนว์ไวท์ได้หรือ? มาวิเคราะห์กันเถอะ

    สำหรับใครหลายๆ คนนั้น ชีวิตเจ้าหญิงดิสนีย์ที่ได้แต่งงานกับเจ้าชายรูปงามก็คงเป็นความฝันที่มีมาตั้งแต่เด็กๆ แต่สำหรับใครบางคนนั้น (รวมไปถึง #เหมียวฝึกหัด) การได้ทำลายความฝันในวัยเด็กถือว่าเป็นเรื่องที่สนุกมากเลยทีเดียว อุว่ะฮ่าฮ่าฮร่า.. (หัวเราะอย่างชั่วร้าย) และเรื่องที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้ก็คือการ์ตูนอนิเมชันที่เก่าแก่ที่สุดของทางดิสนีย์อย่างเรื่อง Snow White and the Seven Dwarfs ที่ฉายครั้งแรกเมื่อปี 1937 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับหญิงสาวที่ถูกวางยาพิษด้วยแอปเปิลต้องสาป ทำให้กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราเป็นเวลานาน จนกระทั่งคำสาปนั้นถูกทำลายโดยการจุมพิตจากเจ้าชาย     ซึ่งคำถามที่น่าสนใจในเรื่องนี้ก็คือ เป็นไปได้ไหมที่จะทำยาพิษที่ออกฤทธิ์ในลักษณะเดียวกันกับที่เราเห็นในการ์ตูน? และ การจุมพิตนั้นสามารถช่วยให้คำสาปจากยาพิษหายไปได้อย่างไร? อย่างที่เราได้เห็นในการ์ตูนก็พบว่ายาพิษนั้นได้เคลือบอยู่ที่ผิวของแอปเปิล เมื่อสโนว์ไวท์กัดเข้าไป เธอก็พูดออกมาว่ารู้สึกแปลกๆ และหลังจากนั้นเธอก็ล้มลงไปและเข้าสู่อาการโคม่า ซึ่งก็ไม่ได้บอกอาการที่แน่ชัดมากมายนัก ทำให้ยากที่จะวินิจฉัยยาพิษที่ใช้ได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้   .   จากการวิเคราะห์ระยะเวลาว่าสโนว์ไวท์หมดสติเร็วขนาดไหน ยาพิษผู้ต้องสงสัยตัวแรกก็คือ Cyanide ซึ่งเป็นสารพิษที่เข้มข้นมาก หากใช้เพียงแค่ขนาดเท่ายาพาราครึ่งเม็ดก็สามารถฆ่าคนที่มีน้ำหนัก 90 กิโลกรัมได้สบายๆ เป็นยาพิษยอดนิยมสำหรับเหล่าสายลับในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยปกติแล้วสาร Cyanide สามารถพบได้ทั่วไปตามธรรมชาติ อย่างเช่นในเม็ดถั่วอัลมอนด์ หรือในเมล็ดของแอปเปิล แต่การที่จะสกัดสาร Cyanide ออกมานั้นจะต้องใช้กระบวนการทางเคมี ซึ่งในยุคของสโนว์ไวท์เป็นยุคก่อนที่จะมีกระแสไฟฟ้าใช้เสียอีก…

  • คุณแม่แพ้สารเคมีในน้ำยาย้อมสีผม จนใบหน้าบวมเป่ง ไม่สามารถมองเห็นได้

    คุณแม่แพ้สารเคมีในน้ำยาย้อมสีผม จนใบหน้าบวมเป่ง ไม่สามารถมองเห็นได้

    เรื่องราววันนี้ถือซะว่าเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผม โดยที่ไม่เคยทราบมาก่อนว่าตนเองนั้นแพ้สารเคมีอะไรบ้างหรือเปล่า เมื่อคุณแม่ลูกสามคนหนึ่งจากอีสต์ซัสเซกซ์ ประเทศอังกฤษ นามว่า Lauren Woods อายุ 20 ปี บอกว่าเธอต้องเข้าโรงพยาบาลถึง 3 ครั้งเนื่องจากการใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมที่บ้านถึงแม้ว่าเธอจะเคยทดสอบอาการแพ้ของเธอมาแล้วก็ตาม เธอได้เผยแพร่ภาพใบหน้าของเธอหลังจากการใช้ยาย้อมผมลงบนเฟซบุ๊ก ใบหน้าของเธอแดงก่ำและมีอาการบวม ส่วนดวงตาปิดสนิท     เธอบอกว่าผลิตภัณฑ์ที่เธอใช้เป็นสูตรที่ไม่ผสมแอมโมเนีย และเป็นยาย้อมผมที่มีสีดำเบอร์ 83 นอกจากนี้เธอยังได้โพสต์ภาพว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้กำลังลดราคาอยู่ในเว็บไซต์อีกด้วย เธอซื้อมาในราคา 116 บาท แต่ไม่ได้บอกชัดเจนว่าซื้อมาจากที่ไหน Lauren บอกว่าเธอใช้ยาย้อมผมนี้เมื่อวันพฤหัสที่ 15 กุมภาพันธ์ 2018 แต่เมื่อช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ หน้าผากของเธอก็เริ่มบวม ส่วนหนังหัวก็เริ่มมีรอยไหม้เกิดขึ้น     หลักจากเธอโทรไปเล่าอาการให้แม่ของเธอฟัง เธอก็ถูกพาไปยังโรงพยาบาล แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ถูกส่งตัวกลับบ้านแม้ว่าใบหน้าและศีรษะของเธอจะยังมีการบวมอย่างต่อเนื่อง ต่อมาในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ เธอไม่สามารถลืมตาได้ จึงถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเป็นครั้งที่ 3 เพื่อหยอดยา ทั้งนี้ทางร้านขายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจึงติดต่อมาหาเธอ Lauren กล่าวว่า “นี่เป็นสิ่งที่ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะมีวันเกิดขึ้นกับฉัน หากใครที่ต้องการย้อมผมกรุณาทำการทดสอบอาการแพ้ของผิวให้แน่ใจก่อนนะ แค่การย้อมผมมันไม่คุ้มค่าเลยกับความเจ็บปวดที่ฉันได้รับ ฉันไม่อยากให้ใครต้องมาพบเจอปัญหาแบบที่ฉันเจอ…

  • สิ่งของภายในบ้านที่คุณอาจไม่เคยรู้ว่ามัน ทำให้คุณมีโอกาส ‘เป็นมะเร็ง’ ได้

    สิ่งของภายในบ้านที่คุณอาจไม่เคยรู้ว่ามัน ทำให้คุณมีโอกาส ‘เป็นมะเร็ง’ ได้

    “โรคมะเร็ง” เป็นโรคที่น่ากลัวสำหรับมนุษย์เราตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ฉะนั้นหากคนเราได้ยินว่าอะไรที่สามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้ ก็มักจะหลีกเลี่ยงสิ่งก่อมะเร็งเหล่านั้น แต่ถึงจะหลีกเลี่ยงอย่างไรก็ยังหนีไม่พ้นสารก่อมะเร็งอยู่ดี เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านพิษวิทยาได้ออกมาบอกว่า “สิ่งของในบ้าน” ของเราเอง ก็ยังแอบซ่อนสารก่อมะเร็งเอาไว้เหมือนกัน แล้วทีนี้จะหลีกเลี่ยงมะเร็งกันได้ยังไงล่ะ? ไม่ต้องกังวลไป เพราะบทความนี้จะมาบอกทุกท่านเองว่าของใช้ในบ้านชนิดใดบ้างที่มีสารก่อมะเร็ง และควรจัดการกับสิ่งของเหล่านั้นด้วยวิธีใด เชิญทุกท่านไปดูพร้อมๆ กันเลยดีกว่า…   1. โซฟา   โซฟา ที่นอน และเฟอร์นิเจอร์จำพวกหุ้มเบาะต่างๆ นั้นเต็มไปด้วยสาร TDCIPP เป็นสารที่ใช้หน่วงการติดไฟแต่กลับสามารถทำให้เกิดมะเร็งได้ แถมสาร TDCIPP ยังถือว่าเป็นหนึ่งใน 10 สารที่พบเห็นบ่อยที่สุดในบ้านอีกด้วย วิธีแก้: ตรวจสอบเฟอร์นิเจอร์หุ้มเบาะของคุณว่าผลิตก่อนหรือหลังปี 2013 เพราะก่อนปี 2013 นั้นมีการใช้สาร TDCIPP บ่อยที่สุด นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบป้ายสินค้าหรือสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าว่ามีการใช้สารหน่วงการติดไฟ TDCIPP นี้หรือไม่   2. พรมและผ้าม่าน   หากคุณสูบบุหรี่ในบ้าน พรมและผ้าม่านจะเป็นสถานที่ที่กักเก็บสาร Cadmium สารก่อมะเร็งที่ออกมาจากควันบุหรี่ มันจะคงอยู่แม้ว่าควันบุหรี่จะหมดไปแล้วก็ตาม สารแคดเมียมที่ติดอยู่ตามพรมและผ่าม่านนั้นจะทำให้ผู้ที่ไม่ได้สูบได้รับผลกระทบทางอ้อมและมีโอกาสเป็นมะเร็งได้ วิธีแก้: เลิกสูบบุหรี่ หรือสูบบุหรี่นอกบ้าน   3.…

  • สองพี่น้องชาวบราซิล ฉีดสารเคมีอันตรายเข้าไปในร่างกาย จนมีแขนขนาดใหญ่กว่า 25 นิ้ว!!

    สองพี่น้องชาวบราซิล ฉีดสารเคมีอันตรายเข้าไปในร่างกาย จนมีแขนขนาดใหญ่กว่า 25 นิ้ว!!

    สำหรับคนที่อยากมีกล้ามแล้ว การออกกำลังกายและการควบคุมอาหารดูจะเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งยวด เพราะกว่าที่กล้ามจะขึ้นได้ก็ต้องใช้สิ่งพวกนี้ควบคู่กับการใช้เวลาอยู่ระยะประมาณหนึ่ง และต้องใช้ความอดทนร่วมด้วย แต่ก็มีบางครั้งที่คนเรามักจะหาทางลัดให้กับตัวเองด้วยวิธีการต่างๆ เหมือนกับพี่น้องสองคนนี้ที่ฉีดสารเคมีเข้าสู่ร่างกายของตัวเอง จนในตอนนี้พวกเขามีกล้ามแขนใหญ่ถึง 25 นิ้วเลยทีเดียว   Geraldo ผู้เป็นน้องทางด้านซ้ายมือ กับ Pereira ผู้เป็นพี่ทางด้านขวา   โดยพี่น้องคู่หูนักเพาะกล้ามนี้มีชื่อว่า Tony ‘Hulk‘ Geraldo ผู้น้องและ Alvaro ‘Conan‘ Pereira ผู้เป็นพี่ ที่ได้ให้สัมภาษณ์ว่า พวกเขายอมฉีดสารเคมีที่เป็นอันตรายเข้าสู่ร่างกายตั้งแต่สมัยยังเป็นหนุ่มๆ เพื่อจะทำให้กล้ามของพวกเขาใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นสองศรีพี่น้องคู่นี้ยังได้สารภาพอีกด้วยว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งที่การใช้สารเคมีดังกล่าว เป็นสิ่งพวกเขาทั้งคู่เสพติด ทว่าในตอนนี้พวกเขาได้อยู่ภายใต้การควบคุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   กล้ามแขนขนาดยักษ์ของทั้งคู่   แต่นอกจากการฉีดสารเคมี ก็ยังมีข้อดีอยู่ที่พวกเขายังออกกำลังกายแบบปกติเป็นเวลาทุกวัน และมีการควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัดร่วมด้วย สำหรับในเรื่องนี้ Geraldo ได้อธิบายว่าเขาต้องทานอาหารทุกๆ 3 ชั่วโมง ซึ่งอาหารที่เขาทานนั้นก็เป็นจำพวก ไข่ มันเทศ และเนื้อ ที่ต้องทำจำนวนรวมกันให้ได้ถึง 4,000-6,000 แคลลอรี่ต่อวัน เพื่อให้ร่างกายของเขาเกิดความพัฒนาขึ้น   ตัวยา Potenay B12 ที่พวกเขาฉีด  …

  • ศิลปินหนุ่มเทสารเคมีเหลวลงไปบนกระจกใส แล้วก็ตู้ม!! ออกมาเป็นกระจกเงาซะอย่างนั้น!?

    ศิลปินหนุ่มเทสารเคมีเหลวลงไปบนกระจกใส แล้วก็ตู้ม!! ออกมาเป็นกระจกเงาซะอย่างนั้น!?

    กระจกเป็นสิ่งประดิษฐ์สุดล้ำของมนุษย์ที่มีมาตั้งแต่ 4,000 ปีก่อนคริสตกาล ในช่วงแรกกระจกเงานั้นจะทำมาจากทองแดง ซึ่งมันก็ไม่ได้ชัดอะไรเท่าไหร่ จนกระทั่งในปี 1835 นักเคมีชาวเยอรมัน Justus von Liebig ได้คิดค้นกระจกเงาที่ทำมาจากแร่เงินขึ้นมา ซึ่งกระจกชนิดนี้เอง คือกระจกเงาที่เราเห็นกันในปัจจุบัน แต่เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2017 ที่ผ่านมา อินสตาแกรมของศิลปินหนุ่มที่ใช้ชื่อว่า davesmithartist ได้เผยให้เห็นถึงวิธีการทำกระจกเงาแบบง่ายๆ ที่ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น   เพียงแค่เทสารเคมีเหลวลงไปบนกระจกใส ไม่นานเกินรอก็กลายเป็นกระจกเงาเฉย!! (หากใครไม่เห็นคลิปสามารถกดดูได้ที่ลิงค์ instagram) Creating a mirror using Silver Nitrate with @nikglas_ This shows the chemical reaction once it is poured onto the glass. A warm workshop and also warm containers of liquid during winter months…

  • หนุ่มจีนวัย 19 ปี มีหน้าอกด้านขวาขยาย คล้ายเต้านมผู้หญิง หมอเชื่อฟาสต์ฟู้ดคือตัวการ!!

    หนุ่มจีนวัย 19 ปี มีหน้าอกด้านขวาขยาย คล้ายเต้านมผู้หญิง หมอเชื่อฟาสต์ฟู้ดคือตัวการ!!

    สำหรับผู้หญิงแล้ว การมีนมเล็กถือเป็นปัญหาระดับชาติเลยก็ว่าได้ แต่ถ้ามีหน้าอกใหญ่ต่างก็เป็นที่พอใจของใครต่อใครอยู่แล้ว ซึ่งถ้าหากสถานการณ์นี้ไปเกิดขึ้นกับผู้ชายล่ะ เชื่อว่ามันจะต้องเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก โดยเฉพาะในเคสของ Xiao Yang หนุ่มวัย 19 ปี จากมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ที่หน้าอกข้างหนึ่งของเขากลับขยายใหญ่ผิดปกติ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเต้านมของผู้หญิงโดยอยู่ประมาณคัพ A และที่แย่ไปกว่านั้นคือ นมมันดันโตขึ้นมาข้างเดียว ส่งผลให้หน้าอกของเขาไม่เท่ากันซะด้วย     วันที่ 11 สิงหาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า Xiao Yang หนุ่มวัย 19 รายนี้ ได้สังเกตเห็นหน้าอกด้านขวาของเขาเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเมื่อตอนอายุ 13 ปี โดยภายหลังทางพ่อแม่ของเขาก็ได้พาไปรักษาที่โรงพยาบาลหลายแห่งในจีน ทางแพทย์ก็ไม่สามารถค้นพบวิธีในการรักษาได้ จนในที่สุด เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ภายหลังจากที่เขาได้เข้าไปรักษากับ Dr. Pan Zhongliang แพทย์จากโรงพยาบาล Wenzhou Central Hospital เขาก็ได้เข้าเครื่องเครื่องอัลตราซาวด์ ซึ่งผลที่ได้แสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของเต้านมด้านขวาที่มีขนาดเท่ากับหน้าอกคัพ A ของผู้หญิง     ในขณะที่อกด้านซ้ายของเขากลับมีลักษณะเป็นปกติ และไม่แสดงอาการบวมใดๆ ด้วยเหตุนี้…

  • ภาพถ่ายมุมสูงของงานอุตสาหกรรม กับรอยแผลเป็นที่ฝากไว้บนผืนแผ่นดินธรรมชาติ…

    ภาพถ่ายมุมสูงของงานอุตสาหกรรม กับรอยแผลเป็นที่ฝากไว้บนผืนแผ่นดินธรรมชาติ…

    ก็อย่างที่รู้กันดีว่าโรงงานอุตสาหกรรมนั้นเป็นตัวการที่ทำให้สภาพแวดล้อมบนโลกเลวร้ายลง ทุกที่ที่มีการทำโรงงานอุตสาหกรรมเกี่ยวกับสารเคมี จะทำให้สภาพแวดล้อมเสียหายอย่างหนัก และไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาเป็นปกติได้ สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมร่องรอยความโหดร้ายของโรงงานอุตสาหกรรมที่ทำลายสภาพแวดล้อมและทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ ผ่านมุมกล้องแบบ Bird Eye View ว่ามันส่งผลร้ายแรงแค่ไหน เป็นผลงานภาพถ่ายจากช่างภาพ J Henry Fair ใช้ชื่อผลงานว่า Industrial Scars โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้มนุษย์หันมาให้ความสนใจกับผลกระทบที่น่าเศร้าที่ตัวเองเป็นคนสร้างให้กับโลกใบนี้   เอาล่ะถ้าพร้อมแล้วก็ลองไปชมผลงานของเขาไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า…   1. อุตสาหกรรมอลูมิเนียม ในเมือง Gramercy รัฐ Louisiana ประเทศสหรัฐอเมริกา   โคลนสีแดงที่เห็นนี้เป็นของเสียที่เกิดขึ้นจากการทำอุตสาหกรรมอลูมิเนียม ถูกปั๊มขึ้นมาบนพื้นผิวโลกจนกลายเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่   2. อุตสาหกรรมอาหาร ในเมือง Luling รัฐ Louisiana ประเทศสหรัฐอเมริกา   ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าสารเคมี Glyphosate ที่เป็นผลพลอยมาจากการทำอุตสาหกรรมอาหารปลอดภัยต่อมนุษย์หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ สารตกค้างเหล่านี้ทำให้เกิดปรากฏการณ์อย่างที่เราเห็นในภาพ   3. อุตสาหกรรมน้ำมัน ในเมือง Fort Mcmurray ประเทศแคนาดา   นี่เป็นภาพมุมสูงบนแท้งค์น้ำมันที่บรรจุน้ำมันดิบกว่า 400,000…

  • คุณพ่อพา “ร่างไร้วิญญาณ” ของลูกออกสื่อ ต้องการให้โลกเห็นว่า “สงคราม” มันย่ำแย่เพียงใด…

    คุณพ่อพา “ร่างไร้วิญญาณ” ของลูกออกสื่อ ต้องการให้โลกเห็นว่า “สงคราม” มันย่ำแย่เพียงใด…

    เมื่อกล่าวถึง ‘สงคราม’ แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น เพราะมันไม่เคยสร้างเรื่องดีๆ ให้กับฝ่ายใดเลย   เช่นเดียวกันกับคุณ  Abdul Hamid Youssef ที่เพิ่งจะสูญเสียลูกชายลูกสาวตัวน้อย และสมาชิกครอบครัวอีกกว่า 18 คน รวมไปถึงภรรยาของเขาด้วย จากเหตุการณ์โจมตีด้วยก๊าซพิษซารินเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เหตุการณ์การโจมตีครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตโดยรวมแล้ว 72 คน และยังมีอีกหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักจากการได้รับสารเคมีในปริมาณที่มากเกินไป   ภาพของชายผู้เป็นพ่อกำลังอุ้มร่างที่ไร้วิญญาณของเจ้าหนู Ahmed และหนูน้อย Aiya สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก   คุณพ่อผู้สูญเสียลูกทั้งสองไป อยากให้โลกได้เห็นสิ่งนี้…   จากเหตุการณ์ดังกล่าวยังทราบว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใด แต่องค์กร Syrian Observatory for Human Rights ได้ตั้งข้อสงสัยว่าการโจมตีด้วยสารเคมีในครั้งนี้มาจากเครื่องบินของทางกองทัพซีเรีย ก๊าซพิษซารินนั้นจะซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนัง เนื้อเยื่อต่างๆ และทางปอด และมันจะส่งผลให้ร่างกายเกิดชักกระตุก และกลายเป็นอัมพาต ซึ่งเจ้าสารเคมีชนิดนี้จะสามารถฆ่าคนให้ตายได้ภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 นาทีเสียด้วยซ้ำ     เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้สร้างความตื่นกลัวให้กับผู้คนทั่วโลกเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ Shajul Islam คุณหมออาสาสมัครที่เข้าไปทำหน้าที่ในซีเรียก็ได้ออกมากล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมากที่สุดตั้งแต่ที่เขาเคยพบเจอมาเลยทีเดียว   เป็นเรื่องราวที่น่าหดหู่จริงๆ สงครามน่ะมันช่างโหดร้ายเกินกว่าที่เราจะคาดคิดได้จริงๆ ขอให้หนูทั้งสองไปสู่สุขตินะ…