Tag: คำแนะนำ

  • คนที่ไว้ใจ…ร้ายที่สุด!! รวมวิธีรับมือเมื่อคุณถูกหักหลังจาก ‘เพื่อนสนิท’

    คนที่ไว้ใจ…ร้ายที่สุด!! รวมวิธีรับมือเมื่อคุณถูกหักหลังจาก ‘เพื่อนสนิท’

    แน่นอนว่า เมื่อเรามีเพื่อนที่เราสนิทและไว้วางใจ เราย่อมซื่อสัตย์ต่อกันและช่วยเหลือกันเมื่อมีโอกาส แต่บางครั้ง เพื่อนของเราอาจจะไม่ได้คิดเช่นนั้น เขาอาจจะมองแค่ประโยชน์ส่วนตนที่อาจจูงใจให้เขาทำพฤติกรรม “หักหลัง” เราก็เป็นได้ โดยเฉพาะเรื่องความรักความใคร่ เรื่องของตัณหานั้นไม่เข้าใครออกใคร สำหรับผู้ที่จิตใจอ่อนแอและควบคุมกามารมณ์ของตนไม่ได้ ก็อาจตอบสนองอารมณ์ตัวเองโดยใช้ “สามี/ภรรยาของเพื่อน” เป็นต้น Diane Barth นักจิตวิทยาบำบัด นักจิตวิเคราะห์ และนักเขียน ผู้ซึ่งมีความสนใจเรื่องเกี่ยวกับการที่ผู้หญิงถูกเพื่อนหักหลัง และเธอก็กำลังเขียนหนังสือเรื่อง I Know How You Feel: The Joy and Heartbreak of Friendship in Women’s Lives  Barth จึงได้ทำการสัมภาษณ์ผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวการถูกเพื่อนหักหลัง พร้อมกับขอคำปรึกษาจากนักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน จึงสรุปได้ออกมาเป็น 6 คำแนะนำจากนักจิตวิทยา เกี่ยวกับวิธีการรับมือเมื่อถูกเพื่อนหักหลัง จะมีอะไรนั้น ไปรับชมพร้อมกันเลย   1. ทำให้สถานการณ์ชัดเจน   เมื่อการหักหลังเกิดขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทำหรือคนที่ถูกกระทำ กรุณาอย่าใจร้อน และอย่าคิดไปเอง ความเจ็บปวดนั้นชั่วคราว แต่ผลลัพธ์ต่อจากนั้นอาจอยู่ตลอดกาล สิ่งที่เราตีความได้จากสถานการณ์จะส่งผลต่อความเจ็บปวดของเรา ทำให้แน่ใจว่า…

  • 15 วิธีที่นักวิทยาศาสตร์แนะนำ เพื่อเอาชนะ ‘ความง่วง’ ให้รอดพ้นไปได้ในแต่ละวัน

    15 วิธีที่นักวิทยาศาสตร์แนะนำ เพื่อเอาชนะ ‘ความง่วง’ ให้รอดพ้นไปได้ในแต่ละวัน

    ความง่วงระหว่างวันมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ นะครับ บางทีอาจารย์อาจจะสอนน่าเบื่อจนเราอยากหลับ หรืองานที่ทำมันอาจจะเยอะจนเราเหนื่อยล้าก็เป็นไปได้ แถมในสมัยนี้คนก็นอนกันดึกด้วย จึงมีคนมาง่วงเอาตอนช่วงกลางวันเยอะเลย แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เราจะมาปล่อยให้ความง่วงขัดขวางการใช้ชีวิตประจำวันของเราไม่ได้ นักวิทยาศาสตร์จึงได้แอบกระซิบบอกวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เราไม่ง่วงระหว่างวันมาดังต่อไปนี้   1. อย่าดื่มกาแฟและเครื่องดื่มชูกำลังเยอะ   กาแฟและเครื่องดื่มชูกำลังช่วยให้เราหายง่วงในระยะสั้นได้ก็จริง แต่การดื่มเครื่องดื่มพวกนี้จะทำให้เราดึงพลังงานที่มีไปใช้เพื่อให้ตื่นตัวในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น พอมันหมดฤทธิ์แล้วเราก็จะล้าหนักกว่าเดิมเสียอีก แถมพอดื่มมันเข้าไปแล้วยังทำให้เราพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ในช่วงกลางคืนอีกด้วย ถ้าให้ดีก็อย่าดื่มเยอะล่ะ   2. อาบน้ำร้อนสลับกับน้ำเย็น   ถ้าเครื่องทำน้ำอุ่นที่บ้านมีระบบสลับน้ำร้อนและน้ำเย็นล่ะก็ ใช้ระบบนี้ตอนอาบน้ำได้เลย มันจะช่วยให้ร่างกายของเรารู้สึกตื่นตัวมากกว่าปกติ หรือถ้าเกิดง่วงมากแต่อยู่นอกบ้าน แค่เอาน้ำเย็นล้างหน้าเสียหน่อยก็ช่วยได้เหมือนกัน   3. ให้ร่างกายได้รับออกซิเจนมากๆ   หากว่าร่างกายของเราได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ จะทำให้เรารู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นทันที ในทางกลับกันหากว่าร่างกายของเราขาดออกซิเจนเราก็จะหาวอยู่บ่อยๆ นั่นเอง การทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเยอะขึ้นทำได้ง่ายๆ โดยการนอนราบลงบนพื้นเรียบแล้ววางมือข้างหนึ่งไปบนท้อง ส่วนอีกข้างก็วางไว้บนหน้าอก จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ จนมือของเรารู้สึกว่าท้องและอกพองขึ้น จากนั้นจึงสูดหายใจออกยาวๆ จนท้องยุบลงไป ทำซ้ำสัก 5-10 ครั้งก็น่าจะได้ออกซิเจนเพียงพอแล้ว   4. ทานไอศกรีมในช่วงเช้า   หลายคนคงสงสัยล่ะสิว่าทำไม การทานไอศกรีมถึงช่วยให้หายง่วงได้ นั่นก็เพราะว่านักวิทยาศาสตร์เขาทดลองแล้วว่าการทานของเย็นๆ ช่วยให้สมองของเราตื่นตัวมากขึ้น แต่อย่ากินบ่อยจนติดเป็นนิสัยล่ะ เพราะหากกินบ่อยเราก็จะอ้วนเอาได้…

  • หนุ่ม “ดิสเล็กเซีย” พิสูจน์ตัวเองจากคำดูถูกของคุณครู จนกลายเป็นนักดนตรีที่มีความสามารถ

    หนุ่ม “ดิสเล็กเซีย” พิสูจน์ตัวเองจากคำดูถูกของคุณครู จนกลายเป็นนักดนตรีที่มีความสามารถ

    ในวัยเด็ก อาจารย์คือคนที่ให้ความรู้กับเราและเป็นคนที่ช่วยนำทางให้เราสามารถเดินต่อไปในอนาคตได้อย่างถูกต้อง แต่บางครั้งก็อาจไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป เพราะอาจารย์ที่ชายคนนี้ต้องเจอในวัยเด็กกลับทำในสิ่งที่ตรงข้ามกัน เขามีชื่อว่า Josh Curnow วัย 26 ปี เขาป่วยเป็นโรค ดิสเล็กเซีย (Dyslexia) หนึ่งในความผิดปกติทางด้านการเรียนรู้ ทำให้มีความบกพร่องในการอ่านเขียน สะกดคำติดขัด ไม่สามารถผสมคำได้ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังต้องการที่จะทำตามความฝันในการเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียง   Josh ผู้มีความผิดปกติ แต่ยังคงต้องการก้าวเดินตามความฝันของตัวเอง   เมื่อตอนที่อายุ 13 ปี ด้วยความที่เขามีความผิดปกติดังกล่าว อาจารย์สอนดนตรีจึงพูดกับเขาว่า ให้ล้มเลิกความฝันเกี่ยวกับดนตรีไปได้เลย และแนะนำให้เขาตั้งเป้าที่จะทำงานในร้านสะดวกซื้อ คอยวางของจัดสินค้าไปแค่นั้นก็พอ คำแนะนำจากอาจารย์คนนี้ได้ฝังลึกอยู่ในจิตใจและทำร้ายความรู้สึก Josh มาโดยตลอด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงพยายามต่อมา และเข้ามาพิสูจน์ตัวเองในรายการ Britain’s Got Talent ปี 2016   เขาเล่าเรื่องราวที่เจอมาในวัยเด็กให้ทุกคนได้ฟัง ก่อนจะเริ่มเล่นเปียโน   หลังจากที่กรรมการได้รับรู้เรื่องราวของชายคนนี้ ทุกคนต่างต้องการให้เขาได้แสดงฝีมือออกมา ไม่จำเป็นต้องไปสนใจคำพูดพล่อยๆ อะไรอย่างนั้น และนั่นจึงทำให้เขาได้แสดงฝีมือของตัวเองออกมาให้ทุกคนเห็น   การแสดงฝีมือในเพลง Basket Case…

  • หญิงสาวโรคซึมเศร้า โพสต์ถามผู้สร้าง Rick and Morty เพื่อหาทางออก เขาตอบกลับแบบสุดยอด…

    หญิงสาวโรคซึมเศร้า โพสต์ถามผู้สร้าง Rick and Morty เพื่อหาทางออก เขาตอบกลับแบบสุดยอด…

    ‘โรคซึมเศร้า’ ปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นกับคนหลายๆ คนมาเป็นเวลานานและยากจะรับมือคนเดียวหรือหาใครมาเข้าใจ ฉะนั้นการจะขอคำแนะนำจากใครสักคนจึงเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เพราะบางครั้งคนที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคนี้ก็มักจะไม่เข้าใจถึงความร้ายแรงของมัน หนักหน่อยก็จะหาเหตุผลมาโจมตีกลับว่าเรียกร้องความสนใจอะไรทำนองนี้บ้าง แต่ว่าชาวเน็ตนามว่า @chojuroh ได้รวบรวมความกล้าทวีตข้อความหา Dan Harmon ชายผู้สร้างการ์ตูนสุดฮิตแห่งยุค Rick and Morty การ์ตูนที่พูดถึงเรื่องราวความเครียด ความบ้า และความจิตของตัวละครสองตัว ซึ่งก็คือ Rick กับ Morty นั่นเอง   โฉมหน้าของ Dan Harmon ผู้ให้กำเนิดและให้เสียงพากย์ตัวละครในเรื่อง Rick and Morty   ส่วนนี้ก็คือตัวละครหลักทั้งสองโดยทางซ้ายคือ Morty ส่วนทางขวาคือ Rick   ส่วนเหตุผลที่ @chojuroh เลือกจะถาม Dan นั่นก็เพราะว่าเธอต้องการหาทางออกสำหรับการเป็นโรคซึมเศร้า และเธอต้องการคำตอบจากคนที่ต้องเจอกับมันมาแต่ไม่ใช่ระดับผู้เชี่ยวชาญ ฉะนั้น Dan จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดนั่นเอง   “คุณมีคำแนะนำสำหรับการต่อสู้กับโรคซึมเศร้าไหม?”   Dan ทวีตตอบกลับชาวเน็ตคนดังกล่าวว่า “อย่างแรกคุณต้องยอมรับความจริงที่คุณป่วยเป็นโรคดังกล่าวและมันส่งผลกับทุกอย่างจริงๆ เสียก่อน พวกเรานั้นมักจะกดดันตัวเองมากเกินไปที่จะรู้สึกดีกับสิ่งต่างๆ แน่นอนว่ามันโอเคที่จะรู้สึกแย่ แต่เราก็ควรเลือกที่จะพูดคุยกับคนอื่นๆ อย่าเก็บมันเป็นความลับ มันก็เหมือนเสื้อหรือหมวกนั่นแหละ ความรู้สึกที่เรากำลังรับรู้อยู่มันคือของจริง”  …

  • ผู้เชี่ยวชาญชีวิตคู่ เผย 4 สาเหตุ ‘ที่คุณควรเลิกกับอีกฝ่าย’ เจอแบบนี้ก็เซย์กู๊ดบายได้เลย~

    ผู้เชี่ยวชาญชีวิตคู่ เผย 4 สาเหตุ ‘ที่คุณควรเลิกกับอีกฝ่าย’ เจอแบบนี้ก็เซย์กู๊ดบายได้เลย~

    ในความเป็นจริงแล้ว.. ชีวิตคู่ที่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรักเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และชีวิตรักแย่ๆ ก็อาจจะทำให้คนที่เคยดูแลตัวเองอย่างดี กลายสภาพเป็นเหมือนผีดิบเลยก็ว่าได้ และเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาชีวิตคู่ที่อาจไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด Linda Carroll ผู้เชี่ยวชาญด้านชีวิตคู่จึงออกมาเผย 4 สาเหตุคำเตือนที่บอกเราเป็นนัยยะว่า ถ้าเจอคนแบบนี้ละก็อย่าไปเสียทั้งเวลาและความรู้สึกให้เลยจะดีกว่านะ   1. เมื่อคู่รักของคุณมีนิสัยชอบเหยียดหยามทั้งทางคำพูด และการกระทำ ไม่สำคัญว่าจะเป็นการทำร้ายจิตใจด้วยคำพูด หรือทางร่างกาย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเจอคนที่ทำให้คุณเกิดความรู้สึกถูกกลั่นแกล้งหรือเหยียดหยามใส่ ขอแนะนำให้คุณตีตัวออกห่างจากคนแบบนั้นซะตั้งแต่เนิ่นๆ   2. คู่รักของเรามีพฤติกรรมสื่อถึงการโกหก และความอิจฉาริษยา ความจริงใจเป็นเรื่องสำคัญของการคบหากัน และ Carroll ก็ได้ย้ำว่า ไม่ใช่แค่กับบางโมเม้นท์ที่เรารู้สึกไม่มั่นใจเท่านั้น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเริ่มรู้สึกว่ามีการโกหกอะไรทำนองนั้นเกิดขึ้น ผู้เชี่ยวชาญแนะว่าถอยออกมาให้ห่างจะดีกว่านะ   3. คุณพยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ แต่สุดท้ายผลออกมาก็ไม่เวิร์คอย่างที่ควรจะเป็น สำหรับกรณีนี้มันไม่ได้เป็นความผิดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จุดแรกเริ่มสุดที่ทำให้คนสองคนมาคบกันอาจเป็นเพราะทั้งความเหงา และความต้องการใครซักคน อะไรบางอย่างที่คุณเคยชอบตอนอายุ 22 คุณอาจจะเกลียดมากตอนอายุ 40 ก็ได้ เพราะฉะนั้นพึงระลึกไว้เสมอว่า ชีวิตคู่ที่ดีต้องเกิดจากน้ำพักน้ำแรงของทั้งสองฝ่าย หากไม่มีสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกมั่นใจได้ละก็ คงจะถึงเวลาแล้วล่ะที่เราต้องตัดอะไรบางอย่างออกจากชีวิต   4. คนรักของคุณไม่ได้ให้ความรู้สึกพิเศษอะไรเลย… เป็นอีกหนึ่งคำแนะนำจากคุณป้า Carroll ซึ่งเธอเล่าว่าสำหรับข้อนี้ดูจะเป็นข้อที่สำคัญที่สุด เพราะเมื่อไหร่ที่คนรักไม่ได้ทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า และหลายๆ อย่างที่คุณเคยชอบกับกลายเป็นความรำคาญใจ นี่แหละคือสัญญาณเตือนถึงความสัมพันธ์ที่อาจไปต่อได้ไม่นานนัก…

  • ผู้เชี่ยวชาญการนอน ระบุถึงบุคคล 4 ประเภท คุณเป็นประเภทไหน และควรจัดตารางชีวิตยังไง…

    ผู้เชี่ยวชาญการนอน ระบุถึงบุคคล 4 ประเภท คุณเป็นประเภทไหน และควรจัดตารางชีวิตยังไง…

    วันนี้เราจะขอทำตัวแบบมี ‘จังหวะชีวภาพ’ (Chronobiology) กันบ้าง เมื่อไหร่ที่พูดถึงเรื่องการนอนหลับ เราจะไม่ขอทำเป็นเรื่องเล่นๆ เพราะคนขี้เกียจมักจะรู้ดีว่า ‘การนอนหลับ’ คือสวรรค์ที่สุดแล้ว นาฬิกาชีวิตภายในร่างกายของเรานั้น มีส่วนสำคัญในการส่งผลถึงการปฏิบัติกิจวัตรต่างๆ ในแต่ละวันของเราด้วย ถ้าหากว่านอนผิดเวลากับนาฬิกาชีวิต ก็อาจจะส่งผลทำให้อีกครั้งที่ตื่นขึ้นมามีอาการแปรปรวนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทางด้านผู้เชี่ยวชาญด้านเวลาชีวิต Dr. Michael Breus ก็ได้แบ่งประเภทของการลักษณะนิสัยการนอนหลับไว้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ เราลองมาดูกันว่าคุณเป็นประเภทไหน และเราควรจะจัดตารางชีวิตยังไงให้ดีต่อตัวเราเองมากที่สุด   1. โลมา   ลักษณะนิสัยของคนที่มีพฤติกรรมในกลุ่มโลมาก็คือ พวกเขามักจะนอนหลับน้อย และมีปัญหากับอาการนอนไม่หลับอยู่เสมอ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็ได้แนะว่าช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00 คนกลุ่มนี้ควรจะปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด และรีบเข้านอนตั้งแต่ช่วง 23.30  ส่วนเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการตื่นนอนคือช่วง 6.30 น.   2. สิงโต   สำหรับใครที่มีลักษณะตื่นนอนเช้าพร้อมกับพลังงานที่เต็มเปี่ยม แต่ในช่วงบ่ายแก่ๆ กลับรู้สึกหมดแรงอย่างหนัก ขอบอกเลยว่าคุณถูกจัดอยู่ในกลุ่มสิงโต และเพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้มีเรี่ยวแรงในการทำงานตลอดวัน ผู้เชี่ยวชาญแนะว่าเราควรเข้านอนตั้งแต่ 22.30 และตื่นนอนให้ไวในช่วงเช้ามืดประมาณ 5.30 น.   3. หมี (คนส่วนใหญ่)…

  • ผู้เชี่ยวชาญแนะ 9 เรื่องผิดๆ ที่ไม่ควรทำระหว่าง ‘จูบ’ เพื่อรักที่สดใสเชื่อพี่เถอะน้อง…!!

    ผู้เชี่ยวชาญแนะ 9 เรื่องผิดๆ ที่ไม่ควรทำระหว่าง ‘จูบ’ เพื่อรักที่สดใสเชื่อพี่เถอะน้อง…!!

    เราทุกคนต่างล้วนเคยมีประสบการณ์การจูบยอดแย่กันมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นจูบแล้วไปเจอกลิ่นอาหารบ้าง เจอเศษอาหารบ้าง หรือไม่บางทีก็ต้องเจอกับคนที่จูบได้แบบว่า… ช่างไม่รู้งานเอาซะเลยโว้ย!! และเพื่อเป็นการแก้ปัญหานิสัยการจูบอันไร้ซึ่งศิลปะ เราจะขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ 9 เรื่องผิดๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญเค้าออกมาแนะนำแล้วว่า ถ้าอยากทำให้การจูบมันดูดดื่มละก็ควรเลิกซะเถอะนิสัยแบบนี้ แล้วหันมาเชื่อพี่เถอะนะน้องเอ๋ย   1. ไม่จำเป็นต้องใช้ลิ้นนำเสมอไป โมเม้นต์แห่งการจูบอาจเป็นช่วงเวลาที่เหมือนสะกดเราให้อยู่ในมนตราได้เลย ทว่ามนตรานั้นอาจหายไปทันทีเมื่อคุณรู้สึกได้ถึงการรุกเร้าที่เร่งรีบเกินไป ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรจะใจเย็นๆ เริ่มต้นจากการใช้ริมฝีปากสัมผัสกันก่อน และเมื่อจังหวะมาถึง (คุณจะรู้ได้เองแหละ) ค่อยเพิ่มกิมมิคด้วยการใช้ลิ้นเล่นเสริม แค่นี้ก็ทำให้ทุกอย่างออกมาดูนุ่มนวลน่าหลงใหลสุดๆ   2. อย่าทำให้ปากตัวเองกลายเป็นก๊อกน้ำเด็ดขาด!! เป็นธรรมชาติที่ร่างกายมนุษย์เราถูกออกแบบมาให้สามารถผลิตน้ำลายได้ ทว่าบางทีการจูบกันเราก็อาจจะต้องคอยควบคุมปริมาณน้ำลายในปากไว้บ้างเพื่อความพอดี คำแนะนำคือพยายามอย่าทำให้ปากของคู่รักคุณเปียกมอมแมมจนเกินไป และไม่ควรอ้าปากกว้างจนเกินไปเช่นกัน ควรจำเอาไว้ว่านี่คือการจูบ ไม่ใช่การกินบุฟเฟ่ต์ ถ้าไม่รีบร้อนสวาปามมากเกินไปเดี๋ยวเมนูโปรดก็มาเสิร์ฟให้เองแหละ   3. จำเอาไว้ว่าคู่ของคุณคือคนรักไม่ใช่เหยื่อ เชื่อว่าพอจูบกันไปได้เรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่งเราอาจจะรู้สึกร้อนรนใจจนอยากสานกิจกรรมต่อให้ไปถึงฝั่งฝัน แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าไม่ควรทำตัวเหมือนสิงโตตะครุบเหยื่อโดยเด็ดขาด สิ่งที่คุณควรจะทำก็คือ.. ใจเย็นๆ ค่อยๆ ใช้เวลาไปกับมันอย่างช้าๆ ให้จินตนาการภาพของคนสองคนที่จะจับมือเข้าสู่ประตูสวรรค์ไว้ ไม่ใช่ภาพของนักวิ่งชายเดี่ยวที่ไม่สนใจเพื่อนร่วมทีมและสักแต่จะวิ่งเข้าเส้นชัยอย่างเดียว   4. ค่อยเป็นค่อยไป… อย่าใจร้อนถามหาแต่ตอนจบ สำหรับผู้ชายแล้วการจูบอาจเป็นเหมือนหนทางที่จะนำไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าคือ ‘เซ็กส์’ แต่งานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารการพัฒนาทางจิตวิทยาได้ค้นพบว่า สำหรับหญิงสาวแล้วพวกเธอคิดว่าการจูบนั้นไม่ใช่หนทางที่ต้องทำเพื่อเซ็กส์เสมอไป เพราะฉะนั้นแล้วผู้เชี่ยวชาญจึงอยากจะแนะนำว่า ไม่จำเป็นว่าจูบกันแล้วจะต้องลงเอยด้วยเรื่องนั้นเสมอไป…

  • 4 สุดยอดคำแนะนำ “เดทยังไงให้ปัง” จากสาวผู้ออกเดท 100 ครั้งใน 1 ปี เชื่อพี่รับรองไม่นก…

    4 สุดยอดคำแนะนำ “เดทยังไงให้ปัง” จากสาวผู้ออกเดท 100 ครั้งใน 1 ปี เชื่อพี่รับรองไม่นก…

    Emyli Lovz หญิงสาวผู้มีประสบการณ์ออกเดทกับชายแปลกหน้า รวมแล้วมากกว่า 101 ครั้งกับจำนวนหนุ่ม 52 คนในช่วงปี 2011 ถึง 2012 ซึ่งนับเป็นเวลาเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะเป็นสาวที่อยากจะไปเดทตลอดเวลานะ เพราะการเดทเหล่านี้มันเป็นส่วนหนึ่งของ “การทดลองทางสังคม” ที่เธอทำขึ้นในช่วงที่ยังคงเรียนอยู่ แม้จะเป็นงาน แต่เธอก็ดูจะมีความสุขกับพวกเขาด้วย ถึงจะเป็นโปรเจ็ค แต่ถึงอย่างนั้นประสบการณ์ที่เธอได้ทั้งหมดก็ล้วนเป็นของจริงแทบทั้งสิ้น เธอเขียนบทความลงบน Businessinsider เพื่อให้คำแนะนำกับทุกคนที่กำลังมีแผนจะไปเดทนั่นเอง     Emyli บอกว่า ประสบการณ์ในการเดทครั้งแรกถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ มันถือเป็นตัวตัดสินว่าคุณจะได้ไปต่อหรือไม่ได้ไปต่อเลยก็ว่าได้ การก้าวขาพลาดเพียงครั้งเดียวในการเจอกันครั้งแรกอาจจะทำให้ทุกอย่างพังคลืนลงได้ทันที และยากที่จะกู้คืนกลับมาได้!! ด้วยเหตุนี้คุณ Emyli จึงจะเสนอวิธีการง่ายๆ สำหรับพิชิตเดทแรกกันกับ 4 เทคนิคสุดยอดในการออกเดท..   1. ให้ความสำคัญกับเสื้อผ้าที่ใส่ไปออกเดท การให้ความสำคัญที่ว่านี้ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีเสื้อผ้าใหม่ หรือแต่งตัวใส่สูทพร้อมออฟชั่นหรูๆ แต่เธอหมายความว่าการจะออกไปเดทแรก เราควรจะใส่เสื้อผ้าที่ดูสะอาดสะอ้าน เพราะคู่เดทเราส่วนใหญ่ก็จะได้รับความประทับใจแรกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่เราดูเป็นคนสะอาดนั่นเอง นอกจากเสื้อผ้าจะต้องดูสะอาดสะอ้านแล้ว การแต่งตัวให้เป็นสไตล์ที่เหมาะกับตัวเองและเข้ากันมากที่สุดก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญมากๆ เธอบอกว่าตอนที่เธอไปเดทครั้งที่ 14 เธอต้องเจอคู่เดทในย่านธุรกิจของซานฟราสซิสโก เขาเป็นหนุ่มผิวดำตัวสูง แต่งตัวด้วยชุดสูทพอดีตัว…

  • ผู้เชี่ยวชาญแนะ 12 ข้อปฏิบัติที่ควรทำ เมื่อพบว่าคนใกล้ตัวคุณ อยากจะฆ่าตัวตาย…

    ผู้เชี่ยวชาญแนะ 12 ข้อปฏิบัติที่ควรทำ เมื่อพบว่าคนใกล้ตัวคุณ อยากจะฆ่าตัวตาย…

    ในโลกสังคมแห่งยุคสมัยที่เต็มไปด้วย การแข่งขัน การเอาชนะ และ การอยู่รอด อะไรๆก็ดูจะวุ่นวายไปหมด จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำให้มีอัตราผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า พุ่งกระฉูดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และด้วยความเครียด ความเหนื่อยล้า หรือการท้อแท้จากปัญหาต่างๆในชีวิต อาจจะทำให้ใครหลายๆคนรู้สึกหมดหวัง หมดกำลังใจ ไม่มีแรงที่จะก้าวเดินต่อไป และผลสุดท้ายหลายๆคนก็เลือกที่จะจบชีวิตลงด้วยตัวเอง   ถึงแม้ว่าเรื่องนี้อาจจะดูไกลตัว แต่เชื่อหรือไม่ว่ามันใกล้ตัวกว่าที่เราคิด เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนรัก หรือคนใกล้ตัวที่เราสนิทสนม เขากำลังคิดอะไรอยู่ แล้วถ้าวันหนึ่งเขาคิดอยากจะปลิดชีวิตตัวเองลงล่ะ? มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ และนี่คือ 12 คำแนะนำที่เราควรจะปฏิบัติแก่คนใกล้ตัว เมื่อรู้ว่าพวกเขามีอาการป่วยทางจิต โดย Dr. Christine Moutier หัวหน้าทางการแพทย์ ประจำมูลนิธิการป้องกันเหตุฆ่าตัวตาย ประเทศสหรัฐอเมริกา     1. จงเชื่อมั่นในลางสังหรณ์ของคุณ เมื่อรู้สึกถึงคนมีปัญหา หลายๆ ครั้งที่มักจะมีสัญญาณเตือนออกมาจากปากของผู้ป่วยคนนั้น อย่างเช่น “ฉันรู้สึกว่ามันไม่มีเหตุผลที่จะใช้ชีวิตต่อไปอีก”  หรือบางทีพวกเขาอาจจะไม่อยากพบปะผู้คน หรือแม้แต่คนในครอบครัวเดียวกัน ถ้าหากสัญชาติญาณในตัวคุณทำให้คุณรู้สึกว่าคนใกล้ตัวกำลังมีปัญหา เราไม่ควรจะเพิกเฉย แต่อย่างน้อยก็ควรที่จะเข้าไปพูดคุย รับฟังปัญหาต่างๆจากพวกเขาบ้าง   2. เป็นคนที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ลองจินตนาการตามดูว่า ถ้าหากคุณพ่อของเราป่วย คนทั้งบ้านต่างก็ช่วยกันปรึกษาหารือ หาวิธีรักษาคุณพ่อ…

  • คำแนะนำในด้านการรับประทานอาหาร จากเหล่าผู้มีอายุยืนยาวที่สุดในโลก (จริงๆ เหรอเนี่ย!!!)

    คำแนะนำในด้านการรับประทานอาหาร จากเหล่าผู้มีอายุยืนยาวที่สุดในโลก (จริงๆ เหรอเนี่ย!!!)

    เป้าหมายการมีสุขภาพดีและชีวิตที่ยืนยาวนั้น คงเป็นสิ่งที่หลายๆ คนต้องการ แต่แน่ล่ะการเรียนรู้จากประสบการณ์นั้นก็สำคัญเช่นกัน ทีนี้เราลองมาฟังจากหลายๆ ประสบการณ์กันเถอะ!!! และนี่คือหน้าตาของอาหารที่เหล่าคนที่มีอายุมากที่สุดในโลก 100 ปีขึ้นกันทุกคน รับประทานกันเป็นประจำ บอกได้เลยเฮลตี้อีทติ้งสุดๆ !!!   Susannah Mushatt Jones อายุ 116 ปี   เบคอน 4 แผ่นทุกๆ เช้า และเคี้ยวหมากฝรั่ง Doublemint ตลอดวัน   Agnes Fenton อายุ 110 ปี   ให้ครบนะ…วันละ 3 ขวด   และอย่าลืมตบด้วยค็อกเทลหรือวิสกี้ 1 แก้วนะจ๊ะ   Richard Overton อายุ 108 ปี   การผสมวิสกี้ลงไปในกาแฟทุกๆ เช้า   Gertrude Baines อายุ 115 ปี…