Tag: 9

  • มีแบบนี้ด้วยเหรอ…รวมกฎ 9 ข้อของราชวงศ์อังกฤษที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

    มีแบบนี้ด้วยเหรอ…รวมกฎ 9 ข้อของราชวงศ์อังกฤษที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

    หลายคนอาจจะคิดว่าการเกิดมาในราชวงศ์อังกฤษ จะต้องเป็นชีวิตที่สุดแสนจะเพอร์เฟคเลิศเลอ แต่อันที่จริงแล้วพวกเขาก็ต้องมีกฎระเบียบข้อบังคับที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเช่นกันนะ ด้วยเหตุนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 9 กฎเหล็กที่ทางเว็บไซต์ Brightside ได้รวบรวมมาให้เรารับรู้กันว่า การเติบโตมาในราชวงศ์อังกฤษนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย   1. หากเจ้าชายยังไม่โตเป็นหนุ่ม จะต้องสวมกางเกงขาสั้นเสมอ ชาวเน็ตหลายคนอาจสงสัยว่าทำไมเจ้าชายจอร์จ ถึงต้องใส่ขาสั้นอยู่ตลอดเวลาแม้ว่าอากาศจะหนาวเท่าไหร่ก็ตาม ซึ่งเหตุผลนั้นก็เพราะเดิมทีวัฒนธรรมการใส่ขายาวจะเป็นของชนชั้นสูงในยุโรปเท่านั้น อีกทั้งยังมีกฎที่ว่าจะต้องเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วเท่านั้นถึงจะใส่ได้   2. คนในราชวงศ์มักจะไม่โหวตให้การเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถึงแม้ตามบัญญัติกฎหมายราชวงศ์จะสามารถยื่นคะแนนเสียงโหวตเลือกนักการเมืองเหมือนประชาชนได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขามักจะไม่ทำ ส่วนเหตุผลนั้นก็เพราะ พวกเขาไม่ต้องการให้มีการเอาราชวงศ์ไปเกี่ยวโยงกับการเมือง และต้องทำตัวเป็นกลางอยู่เสมอ   3. จะไม่ใส่ชุดดำหากไม่ใช่ช่วงเวลาของการไว้อาลัย สำหรับในราชวงศ์นั้นสีดำถือว่าเป็นสีที่ถูกใช้ในการไว้อาลัย และนั่นอาจเป็นเหตุผลที่เรามักจะไม่เห็นราชวงศ์ใส่ชุดดำออกสื่อบ่อยนัก   4. ราชวงศ์อังกฤษมักจะไม่รับประทานหอย ในหนังสือข้อห้ามของราชวงศ์ มีการระบุไว้ว่าพระราชินี และพระราชาไม่ควรรับประทานหอย ซึ่งอาจเป็นเพราะสารพิษที่เสี่ยงทำให้พระองค์ท้องเสียได้ง่าย แต่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ก็ได้เลือกที่จะทำลายกรอบประเพณีนี้ลง เมื่อพระองค์ได้ไปเยือนที่ Whitstable Oyster Festival และได้ลองเสวยหอยนางรม   5. ผู้สืบทายาทจะไม่เดินทางพร้อมกัน เป็นอีกข้อห้ามที่เราพอจะเข้าใจได้ว่า เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียทายาทผู้สืบราชบัลลังค์พร้อมกันทั้ง 2 คน   6. ราชวงศ์ไม่สามารถแจกลายเซ็นได้ แม้ว่าราชวงศ์จะเป็นขวัญใจพสกนิกรชาวอังกฤษประเทศ แต่ถึงกระนั้นราชวงศ์ก็ไม่สามารถแจกลายเซ็นให้แฟนๆ ตามท้องถนนได้…

  • นี่คือความแท้ทรูของ ‘9 สิ่งของในชีวิตประจำวัน’ ที่ซ่อนกิมมิคเล็กๆ แต่ไม่ค่อยมีใครรู้

    นี่คือความแท้ทรูของ ‘9 สิ่งของในชีวิตประจำวัน’ ที่ซ่อนกิมมิคเล็กๆ แต่ไม่ค่อยมีใครรู้

    ปกติแล้วในชีวิตประจำวันของเราแต่ละวัน เราจะได้หยิบจับสิ่งของต่างๆ โดยที่บางทีเราแทบจะไม่ทันได้สังเกตเลยว่า สิ่งของพวกนั้นก็ได้แฝงกิมมิคเล็กๆ ไว้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นโดนัทเอย หูฟังเอย หรือแม้แต่แว่นตาเอย นี่คือ 9 ความจริงจากสิ่งของที่หลายคนแทบจะไม่รู้มาก่อนเลยว่า เออมันมีความลึกซึ้งจริงๆ เว่ยเฮ้ย!!   1. รูตรงกลางโดนัท อันที่จริงแล้วโดนัทก็เป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่ไปปรากฎอยู่ในประวัติศาสตร์วัฒนธรรมหลายๆ ชาติ และก็เคยมีประเด็นถกเถียงทางปรัชญามาแล้วเหมือนกันว่า ‘โดนัทมีรูไว้ทำไม?’ บางทฤษฎีก็บอกว่าสาเหตุที่โดนัทมีรูตรงกลางก็เพราะ ในสมัยยุคกลางภูมิปัญญาการทำขนมปังของคนยุคนั้นยังไม่สามารถเจาะรูตรงกลางโดนัทได้ แต่เอาจริงๆ นะ… เป็นข้อสันนิษฐานที่ดูไม่น่าเชื่อถือสุดๆ   แต่เมื่อเราได้ไปค้นข้อมูลก็พบทฤษฎีที่น่าสนใจกว่า เพราะอันที่จริงแล้วสาเหตุที่โดนัทต้องมีรูตรงกลางก็เพราะ โดนัทเกิดจากการนำแป้งลงไปทอด และรูตรงกลางก็จะช่วยทำให้ขนมปังสุกอย่างทั่วถึงนั่นเอง     2. ลูกศรตรงหน้าปัดเกจบอกน้ำมัน หลายคนอาจจะยังไม่เคยสังเกตเห็นจุดเล็กๆ ตรงนี้มาก่อน และรถบางคันก็อาจจะไม่ได้มีสัญลักษณ์ลูกศรติดกับรูปตู้เติมน้ำมันเสมอไป และในความเป็นจริงแล้วมันเป็นสัญลักษณ์ที่จะบอกเราว่าฝาเติมน้ำมันอยู่ฝั่งไหนนั่นเอง   3. แว่นกันแดด แค่พูดชื่อ ‘แว่นกันแดด’ แต่ละคนก็ต้องรู้อยู่แล้วว่ามันถูกออกแบบมาเพื่อใช้ป้องกันสายตาจากแสงแดด แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าเดิมทีมันถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ที่แตกต่างออกไป มีทฤษฎีหนึ่งบอกว่า แว่นกันแดดสีดำเข้มถูกคิดค้นขึ้นโดยชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในแถบขั้วโลกเพื่อป้องกันแสงสะท้อนจากแสงแดดที่ตกกระทบลงบนพื้นหิมะ   แต่ก็มีอีกทฤษฎีหนึ่งที่กล่าวว่า แว่นกันแดดเริ่มเป็นที่นิยมแพร่หลายมาจากประเทศจีนในช่วงศตวรรษที่ 12 ซึ่งเดิมทีจะมีเพียงแค่ขุนนางหรือชนชั้นสูงเท่านั้นที่ใส่เพื่อปกปิดความรู้สึกลึกๆ ที่อาจแสดงออกมาจากทางสายตา    …

  • ผู้เชี่ยวชาญแนะ 9 เรื่องผิดๆ ที่ไม่ควรทำระหว่าง ‘จูบ’ เพื่อรักที่สดใสเชื่อพี่เถอะน้อง…!!

    ผู้เชี่ยวชาญแนะ 9 เรื่องผิดๆ ที่ไม่ควรทำระหว่าง ‘จูบ’ เพื่อรักที่สดใสเชื่อพี่เถอะน้อง…!!

    เราทุกคนต่างล้วนเคยมีประสบการณ์การจูบยอดแย่กันมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นจูบแล้วไปเจอกลิ่นอาหารบ้าง เจอเศษอาหารบ้าง หรือไม่บางทีก็ต้องเจอกับคนที่จูบได้แบบว่า… ช่างไม่รู้งานเอาซะเลยโว้ย!! และเพื่อเป็นการแก้ปัญหานิสัยการจูบอันไร้ซึ่งศิลปะ เราจะขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ 9 เรื่องผิดๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญเค้าออกมาแนะนำแล้วว่า ถ้าอยากทำให้การจูบมันดูดดื่มละก็ควรเลิกซะเถอะนิสัยแบบนี้ แล้วหันมาเชื่อพี่เถอะนะน้องเอ๋ย   1. ไม่จำเป็นต้องใช้ลิ้นนำเสมอไป โมเม้นต์แห่งการจูบอาจเป็นช่วงเวลาที่เหมือนสะกดเราให้อยู่ในมนตราได้เลย ทว่ามนตรานั้นอาจหายไปทันทีเมื่อคุณรู้สึกได้ถึงการรุกเร้าที่เร่งรีบเกินไป ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรจะใจเย็นๆ เริ่มต้นจากการใช้ริมฝีปากสัมผัสกันก่อน และเมื่อจังหวะมาถึง (คุณจะรู้ได้เองแหละ) ค่อยเพิ่มกิมมิคด้วยการใช้ลิ้นเล่นเสริม แค่นี้ก็ทำให้ทุกอย่างออกมาดูนุ่มนวลน่าหลงใหลสุดๆ   2. อย่าทำให้ปากตัวเองกลายเป็นก๊อกน้ำเด็ดขาด!! เป็นธรรมชาติที่ร่างกายมนุษย์เราถูกออกแบบมาให้สามารถผลิตน้ำลายได้ ทว่าบางทีการจูบกันเราก็อาจจะต้องคอยควบคุมปริมาณน้ำลายในปากไว้บ้างเพื่อความพอดี คำแนะนำคือพยายามอย่าทำให้ปากของคู่รักคุณเปียกมอมแมมจนเกินไป และไม่ควรอ้าปากกว้างจนเกินไปเช่นกัน ควรจำเอาไว้ว่านี่คือการจูบ ไม่ใช่การกินบุฟเฟ่ต์ ถ้าไม่รีบร้อนสวาปามมากเกินไปเดี๋ยวเมนูโปรดก็มาเสิร์ฟให้เองแหละ   3. จำเอาไว้ว่าคู่ของคุณคือคนรักไม่ใช่เหยื่อ เชื่อว่าพอจูบกันไปได้เรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่งเราอาจจะรู้สึกร้อนรนใจจนอยากสานกิจกรรมต่อให้ไปถึงฝั่งฝัน แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าไม่ควรทำตัวเหมือนสิงโตตะครุบเหยื่อโดยเด็ดขาด สิ่งที่คุณควรจะทำก็คือ.. ใจเย็นๆ ค่อยๆ ใช้เวลาไปกับมันอย่างช้าๆ ให้จินตนาการภาพของคนสองคนที่จะจับมือเข้าสู่ประตูสวรรค์ไว้ ไม่ใช่ภาพของนักวิ่งชายเดี่ยวที่ไม่สนใจเพื่อนร่วมทีมและสักแต่จะวิ่งเข้าเส้นชัยอย่างเดียว   4. ค่อยเป็นค่อยไป… อย่าใจร้อนถามหาแต่ตอนจบ สำหรับผู้ชายแล้วการจูบอาจเป็นเหมือนหนทางที่จะนำไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าคือ ‘เซ็กส์’ แต่งานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารการพัฒนาทางจิตวิทยาได้ค้นพบว่า สำหรับหญิงสาวแล้วพวกเธอคิดว่าการจูบนั้นไม่ใช่หนทางที่ต้องทำเพื่อเซ็กส์เสมอไป เพราะฉะนั้นแล้วผู้เชี่ยวชาญจึงอยากจะแนะนำว่า ไม่จำเป็นว่าจูบกันแล้วจะต้องลงเอยด้วยเรื่องนั้นเสมอไป…

  • 9 เรื่องราวสุดประทับใจ ของผู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ จนในที่สุดพวกเขาก็ ‘ประสบความสำเร็จ’ !!

    9 เรื่องราวสุดประทับใจ ของผู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ จนในที่สุดพวกเขาก็ ‘ประสบความสำเร็จ’ !!

    ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้โดยไม่ผ่านความล้มเหลวมาก่อน ลองคิดกันเล่นๆ ดูสิ ถ้าหากพวกเขายอมแพ้กันล่ะก็ โลกคงน่าอยู่น้อยกว่านี้เยอะ…   นี่คือเรื่องราวของ 9 บุคคลที่สร้างผลงานดีๆ ให้กับโลก แต่ก่อนที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จได้นั้น แน่นอนว่าพวกเขาผ่านความล้มเหลวมาอย่างมากมาย บางคนถึงกับนับครั้งไม่ถ้วนกันเลยทีเดียว ลองมาฟังเรื่องราวของพวกเขากัน   ประธานาธิบดี Abraham Lincoln กว่าจะเข้าสู่เส้นทางการเมือง เป็นสมาชิกของสภานิติบัญญัติรัฐ Illinois ประเทศสหรัฐฯ อเมริกาในปี 1832 และ กว่าจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีในปี 1860 ในที่สุด ก่อนหน้านั้นเขาแพ้การเลือกตั้งมากว่า 6 ครั้งด้วยกัน แต่กระนั้นเขาก็ไม่เคยยอมแพ้แม้แต่ครั้งเดียว เพราะมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศของเขา และด้วยความพยายามที่ผ่านมาของเขาทั้งหมด เขาได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในประธานาธิบดีที่ดีที่สุดที่สหรัฐอเมริกาเคยมีมา โดยเฉพาะเรื่องสิทธิและความเท่าเทียมกันของประชาชนชาวอเมริกันโดยไม่แบ่งแยกสีผิวหรือเชื้อชาติ และที่สำคัญที่สุดคือการยกเลิกแรงงานทาสชาวผิวสีสร้างความเท่าเทียมให้กับทุกๆ คนในสังคม   Oprah Winfrey ก่อนที่เธอจะประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงโด่งดังและกลายเป็นเศรษฐีนีอย่างทุกวันนี้ เธอถูกไล่ออกจากรายการทีวีมาก่อนเพราะใส่ความรู้สึกลงไปในเรื่องเยอะเกินไป แต่เธอก็ไม่สนใจนักวิจารณ์และดำเนินรายการทีวีต่างๆ ตามแบบของเธอต่อไป เธอรับงานทีวีเล็กๆ คือ People are Talking จนมีผู้ติดตามแนวทางของเธอมากมาย และภายหลังเธอก็มีรายการของเธอเอง The Oprah Winfrey Show และกลายเป็นว่ารายการทอล์กโชว์ของเธอนั้นมีผลกระทบไปทั่ววงการโทรทัศน์ จนได้รับไปพูดในงานจบการศึกษาของมหาวิทยาลัย Harvard…

  • 9 เคล็ดลับ สู่การเป็นยอดเทรนเนอร์โดย Nick Johnson ผู้จับโปเกม่อนครบคนแรกของอเมริกา!!!

    9 เคล็ดลับ สู่การเป็นยอดเทรนเนอร์โดย Nick Johnson ผู้จับโปเกม่อนครบคนแรกของอเมริกา!!!

    ถ้าเพื่อนๆ ยังพอจำได้ #จ่าสิบเหมียว เคยนำเสนอเรื่องราวของ Nick Johnson เทรนเนอร์สุดโหด ผู้สามารถจับโปเกม่อนได้ครบ 142 ตัวเป็นคนแรกในอเมริกา!? กันไปแล้ว ประจวบเหมาะกับตอนนี้ที่เกมนี้ก็เปิดให้เล่นกันในบ้านเราแล้วล่ะ วันนี้เราเลยขอนำเสนอ 9 ทริคเจ๋งๆ จากชายผู้ที่จับโปเกม่อนได้ครบเป็นคนแรก ลองมาดูกันเลยว่าเขาจะมีทักษะอะไรมาบอกเรากันบ้าง!!!   1 . เริ่มจากเรื่องง่ายๆ อย่างเช่น ซื้อรองเท้าดีๆ สักคู่ เพราะว่าวันๆ หนึ่งหนุ่มเทรนเนอร์ของเราเดินกว่า 10 กิโลเมตรเลยทีเดียว แถมจากประสบการณ์เขายังแอบบอกว่าการวิ่งเหยาะๆ นั้นดีกว่าการเดินด้วยนะ (ได้ออกกำลังกายกันแล้วล่ะทีนี้)   2. ถ้าจะฟักไข่ล่ะก็ วิธีการที่ดีที่สุดคือเดินทางเป็นเส้นตรง (ต้องเดินนะจ๊ะ เพราะขับรถเร็วๆ ไข่จะไม่ฟัก) โดยเกมนี้จะคำนวนจากทิศทางการเดินเป็นเส้นตรงซะส่วนใหญ่ล่ะ   เพราะฉะนั้นการเดินหมุนเป็นวงอยู่กับที่นั้นจะได้ผลน้อยกว่านะจ๊ะ แถมเสียเวลาอีกด้วย หนุ่มเทรนเนอร์ของเราการันตีมาเลย   3. ถ้าอยากเลเวลอัพไวๆ ล่ะก็ หาโปเกมอนที่จับง่ายๆ สิ เช่น Pidgey และ Weedle เป็นต้น ที่ใช้ Candy ในการพัฒนาร่างราวๆ 12-25 เท่านั้น กดเลเวลกันมันกระจายเลยล่ะ…

  • เด็กวัย 9 ขวบ ใช้เงินเก็บตัวเอง ซื้อหนังสือบริจาคให้ “นักโทษในเรือนจำ” ได้อ่าน!!

    เด็กวัย 9 ขวบ ใช้เงินเก็บตัวเอง ซื้อหนังสือบริจาคให้ “นักโทษในเรือนจำ” ได้อ่าน!!

    ยังจำหนังสือเล่มแรกที่เราอ่านจบได้อยู่มั้ย ถ้าไม่นับหนังสือเรียนนะ อาจจะเป็นนิยายหรือหนังสือทั่วไป สำหรับ #เหมียวสามสี คือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคแรกตอนอยู่ป.4 มันเป็นอะไรที่ภูมิใจมากๆ ที่เราสามารถอ่านหนังสือหนาๆ ได้จบสักหนึ่งเล่ม ในเรือนจำนั้นยังมีนักโทษอีกหลายคนที่รอวันที่จะถูกปล่อยออกมา หลายคนก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและกลับใจได้ ส่วนหนึ่งก็มีจากการอ่านหนังสือในเรือนจำนั่นแหละ เพราะมันช่วยหล่อหลอมให้เขาคิดอะไรบางอย่างได้     สำหรับหนูน้อยวัย 9 ขวบที่ชื่อว่า Tyler Fugett เขาก็มีเงินเล็กๆ น้อยๆ ที่อยากจะเอาไปสร้างสิ่งดีๆ ซึ่งเงินก้อนนี้แท้จริงแล้วเขากะเอาไว้ซื้อหนังสืออ่าน แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้เอามาอ่านเอง แต่กลับเอามาให้นักโทษที่เรือนจำ Montgomery County Jail แทน หนูน้อย Tyler เขามีสมาชิกในครอบครัวที่อยู่ในเรือนจำด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาขอให้แม่พาไปส่งที่ร้านหนังสือทุกๆ สัปดาห์ เพื่อหาหนังสือลดราคา ก่อนที่เขาจะรวบรวมแล้วเอามาส่งให้กับทางเรือนจำ     หนูน้อยกล่าวว่า “เวลาที่ผมคิดเรื่องไม่ดี ผมมักจะอ่านหนังสือ ดังนั้นผมเลยเก็บหนังสือแล้วเอาไปให้พวกเขา ถ้าพวกเขาได้อ่านหนังสือก็จะไม่มีเวลาคิดเรื่องไม่ดี บางทีพวกเขาอาจจะเจออะไรดีๆ ในหนังสือและทำให้เปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้” หนังสือในเรือนจำนั้นมาจากการบริจาคทั้งหมด และหนึ่งในนั้นก็เป็นของหนูน้อย Tyler ด้วย เป็นเด็กวัย 9 ขวบที่มีความคิดดีจริงๆ ที่มา distractify   พอพูดถึงเรื่องนักโทษแล้ว หลายคนอาจจะนึกว่าเขาเป็นคนไม่ดีไปซะหมด…

  • เรื่องราวของ Bretagne สุนัขกู้ภัยในเหตุการณ์ 9/11 ตัวสุดท้าย ได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว…

    เรื่องราวของ Bretagne สุนัขกู้ภัยในเหตุการณ์ 9/11 ตัวสุดท้าย ได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว…

    นี่คือเรื่องราวของเจ้า Bretagne สุนัขสานพันธุ์โกลเดน รีฟเวอร์ อายุ 16 ปี เป็นที่รู้จักกันในสุนัขตัวสุดท้ายที่ยังอยู่หลังจากเกิดเหตุการณ์อันน่าสลด 9/11 ย้อนกลับไปในปี 2001 ในตอนนั้นเจ้า Bretagne อายุได้เพียง 2 ขวบ เจ้าของคือ Denise Corliss ซึ่งทั้งคู่ได้เข้าหน่วย “กราวด์ ซีโร่” ด้วยกัน   หลังจากปฏิบัติหน้าที่ช่วยชีวิตจากเหตุการณ์ 9/11 แล้ว มันก็ยังไปช่วยผู้คนที่ประสบภัยจากพายุเฮอร์ริเคน แต่โชคไม่ดีที่ร่างกายของมันไม่แข็งแรงนัก ทำให้ร่างกายของมันทนความเจ็บปวดนี้ไม่ไหว จนสุดท้ายเจ้าของก็ตัดสินใจ…. ทำการุณยฆาต   ในคลิปนักผจญเพลิง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าแถวตามถนนเพื่อที่จะรอ Bretagne ในฐานะฮีโร่ที่ช่วยประเทศไว้ ก่อนที่มันจะเข้าไปพบกับหมอเพื่อกับการดูแลก่อนทำการุณยฆาต อีกทั้งวางแผนพร้อมกับใช้ธงของสหรัฐฯคลุมโลงศพมันไว้ พร้อมทั้งน้ำตาของคนที่มาร่วมงาน   Bretagne เกษียณอายุตอน 10 ขวบ แต่มันก็ยังทำงานช่วยเหลือสุนัขน้องหใม่ที่เข้ามาฝึก อีกทั้งยังไปช่วยเด็กๆ อ่านหนังสือที่โรงเรียนประถมอีกด้วย   ถือเป็นเรื่องราวที่อ่านแล้วรู้สึกใจหาย ถึงแม้ว่าเราไม่ได้มีความใกล้ชิดหรือรู้จัก แต่ก็รับรู้ได้เลยว่าคนอเมริกันรักและเคารพ Bretagne มากแค่ไหน ที่มา distractify

  • 9 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ ในประวัติศาสตร์ โหด ดิบ เถื่อน ไม่แพ้ในซีรีย์ Game of Thrones เลยทีเดียว!!!

    9 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ ในประวัติศาสตร์ โหด ดิบ เถื่อน ไม่แพ้ในซีรีย์ Game of Thrones เลยทีเดียว!!!

    ก็เรียกได้ว่าเริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้วล่ะสำหรับซีซั่นล่าสุดของซีรีย์ดังค่าย HBO อย่าง Game of Thrones ซึ่งต้องยอมรับว่าเข้มข้นดุเดือดขึ้นทุกๆ ตอนจริงๆ แต่เห็นในซีรีย์โหดดิบป่าเถื่อนแค่ไหน เพื่อนๆ เชื่อมั้ยล่ะว่า มีเหตุการณ์ทำนองเดียวกันเกิดขึ้นจริงๆ ในประวัติศาสตร์ ซึ่งผู้เขียนอาจใช้เรื่องราวเหล่านั้นมาเป็นแรงบันดาลใจเพื่อสร้างโครงเรื่องเหล่านี้ก็เป็นได้นะเออ!! สำหรับวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็อยากจะพาเพื่อนๆ ไปชม 9 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ ในประวัติศาสตร์ และมีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน GOT อย่างมาก อันไหนจะโหดกว่ากันนั้น เพื่อนๆ มาช่วยกันตัดสินใจได้เลยจ้า   1. The Red Wedding   สำหรับแฟนๆ หนัง คงไม่มีใครที่ลืมเหตุการณ์อันแสนเลวร้ายนี้ มีตัวละครโปรดของใครๆ หลายๆ คนอยู่ในงานแต่งงานนี้ และเชื่อมั้ย พวกเขาถูกเชือดและสังหารจนหมดระหว่างงานเลี้ยง!?! แถมด้วยฉากสุดสะเทือนใจด้วยการกระหน่ำแทงผู้หญิงท้องอย่างบ้าคลั่ง ยิงลูกดอกทะลุหัวใจ และฆ่าปาดคออย่างโหดเหี้ยม… ในละครว่าโหดแล้ว เรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ก็ไม่แพ้กัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นใน ค.ศ. 1440 ที่ประเทศสกอตแลนด์ โดยผู้คนต่างขนานนามเหตุการณ์นี้ว่า The Black Dinner ที่กษัตริย์อังกฤษวัยเพียง 10…

  • 9 มหานครใหญ่จากรอบโลก ที่มีระบบขนส่งมวลชนแพงที่สุด จากข้อมูลของ Expert Market !!!

    9 มหานครใหญ่จากรอบโลก ที่มีระบบขนส่งมวลชนแพงที่สุด จากข้อมูลของ Expert Market !!!

    ในเมืองใหญ่ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่แออัด และที่สำคัญความรวดเร็วในการไปถึงที่หมายโดยเฉพาะเวลาทำงานนั้น คนส่วนมากก็ต้องหวังพึ่งระบบขนส่งมวลชน ที่ทางประเทศและหน่วยงานในเมืองนั้นๆ จัดหามาให้กับประชาชนในพื้นที่ แต่กระนั้นบางเมืองของโลกก็มีระบบขนส่งมวลชนที่แพงเหลือเกิน วันนี้ #จ่าสิบเหมียว เลยอยากจะพาเพื่อนๆ ไปชม 9 มหานครใหญ่ที่มีระบบขนส่งมวลชนที่แพงที่สุดในโลก สำหรับการเปรียบเทียบจะดูจากรายรับโดยเฉลี่ยของประชากรที่ได้รับต่อเดือน กับค่าเฉลี่ยตั๋วไป-กลับที่ขนส่งมวลชนได้รับ อาศัยข้อมูลอ้างอิงจากทาง Expert Market …ซึ่งผลที่ได้ก็คือ!!!   อันดับ 9 ปารีส   หลักๆ แล้วการเดินทางในมหานครอย่างปารีสก็ยังเป็นรถไฟใต้ดิน ที่เปิดทำการมาแล้วกว่า 115 ปีด้วยกัน ในเดือนๆ หนึ่งเฉลี่ยแล้วชาวปารีสจะใช้เงินเดือนถึง 11% ไปกับค่าโดยสาร   อันดับที่ 8 ลอนดอน   ทั้งแออัด ทั้งรีบเร่ง มีระบบขนส่งมวลชนให้เลือกมากมายทั้งรถไฟใต้ดิน รถราง รวมไปถึงรถบัสสีแดงที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง โดยลอนดอนเนอร์จะใช้เงินเดือนกว่าร้อยละ 13 ไปกับค่าเดินทาง   อันดับ 7 Athens   เมืองหลวงของประเทศกรีซ มีค่าเฉลี่ยรายรับต่อหัวของประชากรอยู่ที่ 785 เหรียญ/ เดือนหรือราวๆ 27,000 บาท…

  • มาดู 13 ฟีเจอร์ลับสุดแสนจะมีประโยชน์ใน iOS 9 หาเจอกันบ้างไหมเอ่ย!?

    มาดู 13 ฟีเจอร์ลับสุดแสนจะมีประโยชน์ใน iOS 9 หาเจอกันบ้างไหมเอ่ย!?

    เมื่อไม่นานมานี้สาวก Apple คงได้อัพเดต iOS 9 เป็นที่เรียบร้อยกันไปแล้ว หลายคนอาจจะมองว่ามันไม่เห็นต่างอะไรกับเวอร์ชั่นที่แล้วเลยนี่หว่า แต่ที่เห็นได้ชัดก็คือฟ้อนต์ที่เปลี่ยนไป จนเหมียวไม่ชินตาเลย และหน้าจอมัลติทาสค์ที่เปลี่ยนไป อันนี้ก็ดูแปลกๆเช่นกัน แต่วันนี้เหมียวจะพาทุกท่านไปพบกับฟีเจอร์ใหม่ๆที่สุดแสนจะมีประโยชน์ เราไปดูกันเลยดีกว่า!! 1. คุณสามารถค้นหาการตั้งค่าได้แล้วจากใน Settings เผื่อว่าอยากจะปิดนู่นนั่นนี่แล้วหาไม่เจอ ก็พิมพ์หาลงไปเลย   2. มีปุ่มให้กลับไปแอปเดิมคล้ายๆแอนดรอยด์แล้ว เวลาที่เราเล่นแอปอะไรบางอย่าง แล้วมันดันไปลิงค์กับอีกแอปหรือว่ามีโนติขึ้นมาแล้วคุณต้องกดเข้าไปดู มันก็จะมีปุ่มเล็กๆอยู่ข้างบนซ้ายให้คุณกลับไปยังแอปก่อนหน้านี้ได้   3. บอกข้อมูลแบตละเอียดขึ้นมากว่าเดิม เคยสงสัยกันมั้ยว่าทำไมแบตเราหมดเร็วจังหว่า แอปไหนกินแบตของเรากันนะ อีกทั้งยังเพิ่มฟีเจอร์ “Low Power Mode” ที่เวลาเปิดแล้วมันจะปิดอะไรบางอย่าง ทำให้แบตของเราอยู่ได้นานขึ้นกว่าเดิม   4. โฟลเดอร์ใน iPad ใหญ่ขึ้น เพื่อที่จะได้เก็บแอปลงไปได้มากขึ้นเพื่อให้สมกับขนาดจอที่ใหญ่กว่าเครื่องอื่นๆ   5. มีโฟลเดอร์ภาพเซลฟี่แยกให้เราด้วยนะเออ เป็นมั้ยเวลาจะหารูปถ่ายเซลฟี่ของเราแล้วหาไม่เจอ ก็เข้าไปที่ตรงนี้แหละ (มันสร้างให้อัตโนมัติเลย) ซึ่งเอาจริงๆมันก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรก็คือเซลฟี่ไม่เซลฟี่ มันแค่เอาภาพจากกล้องหน้ามาเท่านั้นเอง   6. อีกสิ่งที่เป็นปัญหาอย่างมากนั่นก็คือปุ่ม Cap Lock นั่นเอง จากเวอร์ชั่นเดิมทำให้หลายคนสับสน…