Tag: เพราะ

  • สาวฟิลิปปินส์ตาบอด กับ “เสียงร้องอัศจรรย์” แถมสำเนียงอังกฤษเป๊ะแม้ไม่เคยเข้าโรงเรียน

    สาวฟิลิปปินส์ตาบอด กับ “เสียงร้องอัศจรรย์” แถมสำเนียงอังกฤษเป๊ะแม้ไม่เคยเข้าโรงเรียน

    คนพิการ แม้พวกเขาจะไม่ได้สมบูรณ์และมีร่างกายที่ครบครันแบบคนปกติ แต่หลายครั้งพวกเขาเองก็มี “สิ่งทดแทน” ที่ทำให้พวกเขาดูพิเศษและโดดเด่นเสียยิ่งว่าคนปกติเสียอีก อย่างเช่นหญิงสาวชาวฟิลิปปินส์นามว่า Elsie คนนี้ ที่แม้ว่าเธอจะ “ตาบอดมาตั้งแต่เกิด” แต่เธอกลับมีเนื้อเสียงที่งดงามราวเทพธิดา เสียงของเธอทรงพลังและไพเราะชนิดที่ว่าคนร่างกายปกติยังยากที่จะทำได้…   Elsie สาวตาบอดที่มีเสียงร้องเพลงอันทรงพลัง   ทั้งนี้มีคลิปวิดีโอที่ถูกโพสต์โดยเฟซบุ๊ก Darrell Burnett เป็นวิดีโอที่ถ่ายขณะ Elsie นั้นร้องเพลงโชว์เนื้อเสียงอันไพเราะ ลองไปฟังกันเลย…   Elsie กับบทเพลง “I Will Always Love You” ของ Whitney Houston    เป็นอย่างไรกันบ้างล่ะ? นอกจากเสียงร้องของ Elsie จะทรงพลังและไพเราะแล้ว การออกเสียงภาษาอังกฤษยังเรียกได้ว่าเป๊ะและชัดถ้อยชัดคำอย่างมาก แต่หารู้ไม่ว่าเธอไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้แม้แต่น้อย Elsie ไม่เคยเข้าเรียนในโรงเรียนด้วยซ้ำ เธอฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษด้วยการเลียนเสียงจากการร้องเพลงผ่านการฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งการออกเสียงภาษาอังกฤษของเธอ “เป๊ะ” ราวกับเจ้าของภาษา   Elsie กับบทเพลง “You’ll Never Walk Alone,”   …

  • รู้จักกับ “Mandy Harvey” นักร้องสาวหูหนวก แต่โชว์การร้องเพลงสุดซึ้ง ถึงขั้นน้ำตาซึม…

    รู้จักกับ “Mandy Harvey” นักร้องสาวหูหนวก แต่โชว์การร้องเพลงสุดซึ้ง ถึงขั้นน้ำตาซึม…

    ใครที่ได้ติดตามเวทีการประกวด America’s Got Talent ที่เพิ่งเปิดซีซั่นไปล่าสุดนี้ คงจะได้เห็นเรื่องราวของนักร้องสาวผู้ไม่ได้ยินเสียงตัวเองมาตั้งแต่วัยเด็ก ‘Mandy Harvey’ กับเรื่องราวที่ทำให้ชาวเน็ตหลายคนน้ำตาซึมมาแล้ว ซึ่งเธอเล่าในช่วงวัยเด็กเธอได้ยินเสียงปกติเหมือนคนทั่วไป ทว่าเธอป่วยด้วยโรคหนังแข็ง (Connective Tissue Disorder) และส่งผลทำให้เธอสูญเสียประสาทการรับฟังทั้งหมด   เธอเป็นเด็กสาวอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบการร้องเพลงมาเป็นชีวิตจิตใจมาตั้งแต่อายุ 4 ขวบ แต่ต้องสูญเสียการได้ยินไปตอนอายุได้ 18 ปี   หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วเธอจะร้องเพลงได้ยังไง? เธอก็ได้อธิบายไว้ในรายการว่า เธอจำเป็นที่จะต้องมีล่ามภาษามือคอยติดตามด้วยตลอด ด้วยอาการดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ทำให้เธอเรียนรู้ที่จะร้องเพลงด้วยการอาศัยความคุ้นเคยของกล้ามเนื้อ และอาศัยความรู้สึกของแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นในลำคอ ก่อนที่จะเปล่งเสียงออกมา   ส่วนในเรื่องของจังหวะดนตรีนั้น เธอต้องอาศัยการจับจังหวะจากแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นบนพื้น เพราะฉะนั้นเธอจำเป็นที่จะต้องถอดรองเท้าในการร้องเพลงทุกครั้ง   ส่วนเพลงที่เธอเลือกมาร้องในการแข่งขันครั้งนี้ ต้องถือว่าเป็นเพลงที่มีทั้งเนื้อหา และเรื่องราวที่กินใจเอามากๆ โดยมีชื่อเพลงว่า ‘Try’ เป็นหนึ่งในผลงานที่เธอเขียนขึ้นเองหลังจากที่สูญเสียการได้ยิน “หลังจากที่ฉันสูญเสียการได้ยิน ตอนแรกฉันยอมแพ้กับทุกอย่างในชีวิต แต่ตอนนี้ฉันอยากจะทำอะไรซักอย่างให้กับตัวฉันเอง อะไรที่มีความหมายและคุณค่ามากกว่าการยอมแพ้…” Mandy กล่าวในรายการ     หนึ่งล้านคำพูดไม่เท่าตาเห็น เอาเป็นว่าลองไปฟังเสียงที่ถูกขับขานออกมาจากความรู้สึกในใจของเธอกันได้เลย (นาทีที่ 1.53)   เรื่องราวของเธอได้กลายเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่รู้สึกท้อแท้ หรือหมดหวังในชีวิต…

  • ชาวเน็ตช่วยเหลือเจ้าหนู 9 ขวบที่อุ้มน้องไปเรียนด้วย เพราะบ้านไม่มีอาหารกลางวันและไม่มีใครดูแล!!

    ชาวเน็ตช่วยเหลือเจ้าหนู 9 ขวบที่อุ้มน้องไปเรียนด้วย เพราะบ้านไม่มีอาหารกลางวันและไม่มีใครดูแล!!

    เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊คชาวฟิลิปปินส์ชื่อ Shyla Mie Brillantes Blasico ได้แชร์เรื่องราวสุดประทับใจของหนูน้อยวัย 9 ขวบ Mateo Bano ที่ต้องนำน้องชายของเขาไปเลี้ยงดูด้วยที่โรงเรียน ขณะที่เขาเรียนหนังสืออยู่…   Shyla ทำงานเป็นคุณครูในโรงเรียนประถม J. Blanco ในแถบ Mindanao ประเทศฟิลิปปินส์ และตอนนี้ Mateo ก็กำลังศึกษาอยู่ราวๆ ชั้น ป.3 ของโรงเรียนแห่งนี้ ครอบครัวของ Mateo มีลูกชายทั้งหมด 3 คน และ Mateo นั้นเป็นลูกคนกลาง ด้วยการที่แม่ของเขาเสียชีวิตทำให้สถานการณ์ทางการเงินของที่บ้านย่ำแย่เข้าไปอีก เขาจึงต้องเลี้ยงดูน้องระหว่างที่ไม่มีใครอยู่บ้าน ด้วยการนำน้องมาเลี้ยงที่โรงเรียน   Mateo และน้องชายของเขา ขณะที่กำลังเรียนหนังสือ   พ่อของเขาทำงานเป็นช่างไม้อยู่ต่างเมือง จำเป็นต้องทิ้งลูกๆ เพื่อไปทำงาน บางครั้งพี่ชายของ Mateo ก็จะรับเลี้ยงน้องชายคนสุดท้องบ้าง แต่ส่วนใหญ่ Mateo จะนำเขามาโรงเรียนด้วยเสมอ เพราะเขาไม่อยากขาดเรียน และไม่ต้องการที่จะทิ้งน้องไว้ที่บ้านคนเดียว นอกจากสภาพของบ้านที่ซอมซ่อสุดๆ…

  • Miss Iceland ขอออกจากการประกวด Miss Grand International หลังผู้จัดให้ ‘ลดน้ำหนัก’ ถ้าอยากชนะ

    Miss Iceland ขอออกจากการประกวด Miss Grand International หลังผู้จัดให้ ‘ลดน้ำหนัก’ ถ้าอยากชนะ

    Arna Ýr Jónsdóttir เธอกำลังประกวด Miss Grand International อยู่ แถมยังพ่วงตำแหน่ง Miss Iceland มาซะด้วย แต่ล่าสุดก็มีเหตุให้เธอต้องออกจากการแข่งขันกลางคัน เพราะเธอถูกสั่งให้ลดความอ้วนนั่นเอง…   Arna Ýr Jónsdóttir   Daily Beast รายงานว่า ระหว่างการประกวดนั้น เจ้าของการประกวดได้บอกกับเธอว่า ‘ให้เธอหยุดทานอาหารเช้า กินเฉพาะสลัดในตอนกลางวัน และตอนเย็นก็ดื่มแค่น้ำก็พอตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันแข่งขัน ที่ส่งข้อความมาแบบนี้ก็พราะว่าทางผู้จัดน่ะชื่นชอบเธอมาก และอยากให้เธอทำได้ดีในวันแข่งจริง’   ภาพจากทางเพจ Miss Grand International   สิ่งที่เธอทำก็คือออกจากการแข่งขัน พร้อมส่งจดหมายนี้ให้กับทางผู้จัด…   ‘ฉันยอมรับว่าฉันก็เป็นหญิงแกร่งคนหนึ่ง แต่บางครั้งความแข็งแกร่งที่ฉันมีนั้นก็อาจไม่เพียงพอซะแล้ว… เจ้าหน้าที่ของคุณได้บอกกับฉันว่าฉันต้องลดน้ำหนักเพื่อเข้าแข่งขันในรอบไฟนอล เพราะฉันอ้วนเกินไปและมีไหล่ที่กว้างไป สิ่งที่ฉันต้องทำก็คือต้องลดอาหารและลดน้ำหนัก เพื่อที่คุณ (ผู้จัด) จะชอบฉันมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ฉันตัดสินใจออกจากการแข่งขันนี้ ฉัน ในฐานะ Miss World ของประเทศไอซ์แลนด์ ได้รับอันดับ 14 ในการแข่งขัน Miss World ผู้ชนะในการประกวด…

  • เอาล่ะสิ ทางการจีนออกมาแบนการแพร่ภาพสด ‘กินกล้วย’ เพราะเย้ายวนและเซ็กซี่เกินไป!?

    เอาล่ะสิ ทางการจีนออกมาแบนการแพร่ภาพสด ‘กินกล้วย’ เพราะเย้ายวนและเซ็กซี่เกินไป!?

    ก็กลายเป็นเรื่องที่ถูกแบนกันซะงั้น ฮ่าๆๆ เมื่อล่าสุดทางการจีนก็ได้ออกมาแบนการถ่ายทอดสดการกินกล้วยในประเทศจีน ซึ่งให้เหตุผลว่ามีผู้คนจำนวนมากที่ถ่ายทอดสดด้วยท่าทีที่เย้ายวนและเซ็กซี่เกินไป!!? เพราะฉะนั้นตอนนี้การถ่ายทอดสดหรือแพร่ภาพสดที่เกิดขึ้นภายในประเทศจีนนั้น จะถูกควบคุมอย่างเข้มงวดขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการกินกล้วยแบบอีโรติคๆ ออกมาให้ได้เห็นกันอีก   ถ้าเพื่อนๆ ยังนึกภาพไม่ออก ฮร่าาา   ขณะที่การกินกล้วยก็ไม่ได้เป็นอย่างเดียวที่ถูกแบนในการถ่ายทอดสดเท่านั้น การเผยให้เห็นส่วนต่างๆ ทั้งส่วนเรียวขา แม้จะใส่ถุงน่องก็ถูกแบน ยิ่งเผยให้เห็นชุดชั้นในหรือกางเกงในก็จะถูกแบนเช่นกัน   เพราะกระทรวงวัฒนธรรมจีนเชื่อว่าพฤติกรรมเหล่านี้กำลัง ‘เป็นภัยต่อวัฒนธรรมอันดีงามของพวกเขา’   จะว่าไปแล้วการแบนกล้วยนั้นถือเป็นเรื่องปลายเหตุมากๆ เลยนะเนี่ย ซึ่งทางเว็บไซต์ข่าวอย่าง BBC ก็ได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า ‘ชาวเน็ตจีนหลายรายไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แถมบางส่วนยังออกมาบอกว่าจะหันไปถ่ายทอดสดการกินแตงกวาหรือข้าวโพดแทนอีกด้วยล่ะ’    ถ้าใครยังนึกภาพไม่ออกล่ะก็ นาทีที่ 3.17 เลยแจร้ ><   ฮ่าๆๆๆ อันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็แอบเห็นด้วยนะเนี่ย อนาคตผลไม้ทั้งหมดคงถูกแบนแล้วล่ะ -*- เอาเป็นว่ากระทรวงวัฒนธรรมก็ต้องวิเคราะห์แล้วล่ะเนาะว่าอะไรดีที่สุดสำหรับคนในประเทศ ซึ่งทางการจีนได้ไตร่ตรองมาแล้วว่า ‘กล้วย’ ไม่ใช่หนึ่งในนั้นล่ะ!!! ที่มา: Metro, BBC

  • Maisie สารภาพ ตอนแรกที่เธอรับงานแสดง Game of Thrones แค่เพราะอยากมีเงินไปซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่!!!

    Maisie สารภาพ ตอนแรกที่เธอรับงานแสดง Game of Thrones แค่เพราะอยากมีเงินไปซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่!!!

    ถ้าจะนับจากจุดๆ นั้น ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับสาวน้อยมหัศจรรย์คนนี้ Maisie Williams ที่หลายๆ คนอาจจะรู้จักเธอในนามของ Arya Stark หนึ่งในตัวละครขวัญใจแฟนๆ แห่ง Game of Thrones นั่นเอง เธอเริ่มเข้ามาแสดงในซีรีย์เรื่องนี้ตอนเธออายุได้ 12 ขวบเท่านั้น สำหรับในซีซั่น 6 ที่พึ่งฉายตอนแรกไปนี้ เธอก็มีอายุได้ 19 ปีแล้ว แถมฟาดรางวัลมาอีกหลายสาขาเลยทีเดียว ตลอดชีวิตการแสดงของเธอ นั่นรวมถึงรางวัลอันทรงเกียรติอย่าง Saturn Award for Best Performance by a Younger Actor เป็นรางวัลที่นักแสดงหน้าใหม่หลายๆ คนต่างปรารถนา แต่เชื่อมั้ย ล่าสุดเธอออกมาสารภาพกับแฟนๆ ว่า เหตุผลที่เธอมาแสดงใน Game of Thrones ก็เพราะว่าเธออยากได้โน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ก็เท่านั้นเอง…   ทั้งหมดนี้เพื่อโน๊ตบุ๊ค ฮร่าาาา   เพราะล่าสุดเธอก็ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง the Guardian ถึงเหตุผลที่เธอเลือกรับงานแสดงนี้ โดยเธอกล่าวว่า ‘ตอนนั้นสิ่งที่ฉันสนใจมีอยู่เพียงสิ่งเดียวเท่านั้นแหละ นั่นก็คือการหารายได้พิเศษเพื่อไปซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ พอรับบทบาทและถ่ายทำจนเสร็จ พ่อบุญธรรมของฉันก็มาพูดว่า…

  • ผลงานวิจัยชี้ เหล่าสายเขียวที่เห็นภาพหลอนมากกว่าคนอื่นจนป่วยจิต ที่จริงแล้วเป็นเพราะยีน!?

    ผลงานวิจัยชี้ เหล่าสายเขียวที่เห็นภาพหลอนมากกว่าคนอื่นจนป่วยจิต ที่จริงแล้วเป็นเพราะยีน!?

    ถึงแม้ว่าในต่างประเทศจะเริ่มยอมรับกันแล้ว ว่าเป็นพืชที่มีประโยชน์ทางด้านการแพทย์และอารมณ์ (ถ้าใช้ในปริมาณที่เหมาะสม) แต่กระนั้นก็ยังมีหลายกรณีที่ผู้ใช้บางรายได้รับผลกระทบทางด้านความผิดปกติทางจิตมากกว่าผู้ใช้รายอื่นๆ ราวๆ 1% ของผู้ใช้กัญชาจะมีปัญหาทางด้านนี้ (ได้รับผลกระทบจากการสูบมากกว่าคนทั่วไป) ซึ่งนักวิทยาศาสตร์แห่ง University of Exeter และ University College London (UCL) กำลังศึกษาเพื่อหากลุ่มคนที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบของกัญชามากกว่าคนอื่นๆ ซึ่งนำไปสู้ความผิดปกติทางจิตได้ในที่สุด จากการทดสอบโดยการนำผู้ที่มีสุขภาพดี มีการตอบโต้ตอบสนองที่ปกติมาทดลองสูบ เพื่อค้นหาต้นตอว่ามันมีผลต่อสมองยังไง ซึ่งในการค้นพบเบื้องต้นนั้นพบว่า ผู้ใช้กัญชาที่เป็นเพศหญิงนั้น มีโอกาสที่จะสูญเสียความสามารถในเรื่องความทรงจำระยะสั้นมากกว่าเหล่าผู้ใช้ที่เป็นเพศชาย   และกระบวนการนี้ทำให้เหล่านักวิทยาศาสตร์พบยีนที่อาจเป็นสาเหตุของเรื่องนี้…AKT1   สำหรับการเก็บข้อมูลมีผู้เข้าร่วมถึง 442 คนด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้ใช้กัญชารุ่นเยาว์ ซึ่งศาสตราจารย์ Celia Morgan และ Val Curran พบว่าเหล่าอาสาสมัครที่มาเข้าทดลองที่มียีนตัวนี้อยู่ จะได้รับผลกระทบจากการสูบกัญชามากกว่าอาสาสมัครคนอื่นๆ !? ศาสตราจารย์ Celia Morgan กล่าวว่า ‘เหล่าอาสาสมัครที่มียีน AKT1 นี้ จะได้รับผลกระทบจากกัญชามากกว่าผู้สูบรายอื่นๆ ถึงแม้พวกเขาจะสุขภาพดีสมบูรณ์เต็มร้อยก็ตาม และการใช้บ่อยๆ และมากขึ้นจะนำไปสู่อาการทางจิตในที่สุด’   กัญชาทำให้มีอาการทางจิต!?   ‘โดยเฉพาะการใช้กัญชาบ่อยๆ สำหรับผู้ที่มียีนนี้ นั่นหมายความว่าพวกเขาจะเข้าไปสู่ภาวะอาการทางจิตบ่อยครั้งขึ้น จนทำให้เกิดอาการนี้ขึ้นจริงๆ ผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่างานวิจัยและผลงานชุดนี้จะเป็นส่วนช่วยเหลือในการป้องกันและรักษาผู้ที่มีอาการทางจิตจากการใช้กัญชา’ ศาสตราจารย์กล่าวปิด…

  • จากการสังเกตพฤติกรรม เราจะสั่งและทานอาหารมากกว่าปกติ ถ้าพนักงานเสิร์ฟ ‘อ้วน’ !!!

    จากการสังเกตพฤติกรรม เราจะสั่งและทานอาหารมากกว่าปกติ ถ้าพนักงานเสิร์ฟ ‘อ้วน’ !!!

    สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากลดน้ำหนักล่ะก็ อาจต้องเลือกร้าน เลือกผู้เสิร์ฟกันซักนิดนึงแล้วล่ะนะ อิอิ เมื่อมีงานวิจัยล่าสุดชี้ว่า ถ้า ‘ผู้เสิร์ฟอาหาร’ ของคุณเป็นคนอ้วน มีแนวโน้มที่ว่าคุณจะสั่งอาหารและเครื่องดื่มมากกว่าปกติ!!! ไม่แน่นะพอข่าวคราวนี้ออกมาทางร้านอาหารอาจมีเกณฑ์พิจารณาคัดจากหุ่นผู้เสิร์ฟแล้วล่ะ สำหรับเรื่องนี้ก็ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ที่ชื่อว่า Environment and Behavior เลยทีเดียว ไม่ได้โม้เล่นๆ นะจ๊ะ   เราจะซื้ออาหารจากคนอ้วนมากกว่าปกติ!!?   สำหรับงานวิจัยนี้ก็เป็นการสังเกตพฤติกรรมของผู้คนกว่า 497 คน ในร้านอาหารกว่า 60 ร้าน และแน่นอนพฤติกรรมที่ถูกสังเกตก็คือพฤติกรรมการสั่งอาหารระหว่างลูกค้าและพนักงานเสิร์ฟ โดย Döring แห่ง University of Jena และ Wansink จาก Cornell University ทำการสังเกตร่วมกัน หลักๆ แล้วก็คือ ผู้สั่งอาหารมักจะรู้สึกมีความอยากมากขึ้นกว่าปกติ เมื่อเจอเข้ากับผู้ปรุง เสิร์ฟ หรือผู้ขาย ที่เป็นคนอ้วน เพราะว่าพวกเขาเป็นสภาพแวดล้อม และสภาพแวดล้อมนั้นทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ปกติ!!! และข้อสรุปที่ได้ก็ออกมาในทิศทางเดียวกันว่า คนมักจะสั่งอาหารจากคนอ้วนมากกว่าปกติ!!!   เหมียวว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสียนะเนี่ย อย่างแรกเลยคือผู้ประกอบการอาจจ้างงานคนอ้วนเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ลูกค้าสั่งเยอะขึ้น แต่แน่นอน…ทีนี้ลูกค้าอาจเลือกร้านหรือระวังตัวมากขึ้นแล้วล่ะ เพราะพวกเขาก็รู้ข้อมูลนี้เหมือนกัน เอิ๊กๆ ที่มา: Metro

  • เมื่อความหิวเข้าครอบงำ เจ้าตูบยักษ์เลยเกิดอาการบ้าคลั่งสุดขีด (ใครก็ได้เอาข้าวให้พี่แกกินที)

    เมื่อความหิวเข้าครอบงำ เจ้าตูบยักษ์เลยเกิดอาการบ้าคลั่งสุดขีด (ใครก็ได้เอาข้าวให้พี่แกกินที)

    เรียกได้ว่าเป็นภาพที่ทำเอาหลายคนถึงกับผวา และนอนไม่หลับหลายวันกันเลยทีเดียว สำหรับภาพของเจ้าหมายักษ์จากแดนมังกรตัวนี้ ที่เกิดอาการบ้าคลั่งสุดขีด ราวกับว่าผีกำลังเข้าสิงเลยละ แต่เดี๋ยวก่อน ที่เห็นพี่ตูบเขากำลังคลั่งแทบจะเป็นจะตายแบบนี้ ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะความจริงแล้วพี่แกอยากกินข้าวเท่านั้นเอง แต่คงจะหิวไปหน่อย เลยเกิดอาการโมโหอย่างที่คุณผู้ชมทุกท่านกำลังจะได้เห็นนี้   เย้ยย ใจเย็นหมา ทำท่าเหมือนไม่ได้กินข้าวมานานยังไงยังงั้นเลยละ   เอาแล้วๆๆๆๆ เมื่อความหิวเข้าครอบงำ ความคลั่งก็บังเกิด   เอ้าๆ พวกมนุษย์ เอาข้าวให้พี่แกกินหน่อยสิ   สงสัยออกแรงคลั่งเยอะไปหน่อย ก็เลยขอพักหายใจแปบ   เอาละครัชท่านผู้ชม เมื่อยังไม่ได้กินข้าว พี่แกก็กลับมาคลั่งต่ออย่างที่เห็นนี้…   เฮ้อ…พอได้กินข้าวศึกนี้ก็เป็นอันสงบ   แหม!! ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยนะเอ็ง   ฮ่าๆๆ เรียกได้ว่างานนี้เจ้าของก็เกือบจะจับตัวของพี่แกเอาไว้แทบไม่อยู่เลยทีเดียว ก็เล่นเอากระโจนเข้าหาของกิน คลั่งเพราะความหิวแบบนี้ ใครเห็นใครก็กลัว และเอาไม่อยู่หมดแหละฮะ แต่พอศึกนี้สงบลงพี่แกก็กลับมาน่ารักเหมือนเดิมเลยนะว่ามั้ย อิอิ!! ที่มา : pttbook