Tag: ประเทศเนเธอร์แลนด์

  • 13 นวัตกรรมที่จะพิสูจน์ว่าทำไม ประเทศ ‘เนเธอร์แลนด์’ ถึงเป็นกุญแจสำคัญสู่อนาคต

    13 นวัตกรรมที่จะพิสูจน์ว่าทำไม ประเทศ ‘เนเธอร์แลนด์’ ถึงเป็นกุญแจสำคัญสู่อนาคต

    หากเราได้ทำการค้นหานวัตกรรมล้ำๆ ชื่อของประเทศ “เนเธอร์แลนด์” ต้องขึ้นมาให้เพื่อนๆ ได้เห็นบ่อยๆ อย่างแน่นอน ซึ่งประเทศเนเธอร์แลนด์ไม่ได้มีดีเพียงคิดค้นแต่นวัตกรรมที่จะทำให้โลกของเราสะดวกสบายมากขึ้นเพียงอย่างเดียวนะ แต่หลายนวัตกรรมที่พวกเขานำมาใช้นั้นพวกเขาพยายามปรับเปลี่ยนให้เข้ากับธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย และที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ดูกันในวันนี้ก็เป็น 15 เหตุผลที่จะพิสูจน์ว่าทำไมประเทศเนเธอร์แลนด์ถึงจะเป็นกุญแจที่จะนำโลกไปสู่ยุคอนาคตได้ ไปดูกันเล้ย   1. เลนจักรยานพลังงานแสงอาทิตย์ ในปี 2014 เนเธอร์แลนด์กลายเป็นประเทศแรกที่ได้มีการนำเอาเลนจักรยานพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้จริง ซึ่งพลังงานที่ได้มาแต่ละวันจะถูกใช้ไปกับไฟจราจร เสาไฟตามถนนและอื่นๆ   2. อุปกรณ์ควบคุมความฝัน นักประสาทวิทยาจากเนเธอร์แลนด์ประสบความสำเร็จในการสร้างอุปกรณ์ที่จะให้ผู้คนสามารถควบคุมความฝันได้ แต่ว่าในการใช้งานจำเป็นต้องมีทักษะบางอย่าง ซึ่งมันน่าสนใจสุดๆ   3. มีหอคอยที่เปลี่ยนมลพิษให้กลายเป็นเครื่องประดับได้ เนเธอร์แลนด์มีหอคอยที่เปลี่ยนมลพิษเป็นลูกบาศก์เล็กๆ ซึ่งภายหลังแล้วเจ้าลูกบาศก์พวกนั้นถูกนำเอาไปใช้ทำเป็นเครื่องประดับอย่างเช่นแหวน แหม่… ดูเก๋ไม่หยอกเลยดีเดียว   4. มีเรือนกระจกที่สามารถควบคุมสภาพภูมิอากาศได้ อีกหนึ่งนวัตกรรมที่จะช่วยให้เกษตรกรในเนเธอร์แลนด์สบายยิ่งขึ้น เพราะเหล่าเรือนกระจกเหล่านี้นั้นติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมภูมิอากาศที่สามารถทำให้พืชที่อยู่ข้างในเติบโตได้ทุกฤดู   5. รถที่สร้างจากหัวผักกาดหวานและแผ่นผ้าลินิน นี่คือผลงานของนักศึกษา รถที่สร้างจากวัตถุดิบที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายอย่างหัวผักกาดหวานและผ้าลินิน มีเพียงแค่ล้อเครื่องยนต์และระบบกันสะเทือนที่สร้างจากวัสดุปกติ   6. เป้ปรับอากาศ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานของนักศึกษาเช่นกัน กับกระเป๋าเป้ที่มีพืชอยู่ข้างในเพื่อคอยฟอกอากาศให้แก่เรา นี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยป้องกันเราจากมลพิษทางอากาศ   7. สะพานแขวนสำหรับนักปั่นจักรยาน รู้ๆ…

  • ตำรวจปราบแฟชั่น ใครมีของราคาแพง แต่พิสูจน์ที่มาไม่ได้ จะถูกสั่งถอดและยึดทันที!?

    ตำรวจปราบแฟชั่น ใครมีของราคาแพง แต่พิสูจน์ที่มาไม่ได้ จะถูกสั่งถอดและยึดทันที!?

    ปกติแล้วเราจะแยกคนรวยและคนจนออกจากกันได้อย่างไร? แน่นอนว่าเราไม่สามารถแยกแยะได้ 100% ถ้าเราตัดสินคนจากภายนอกโดยไม่ได้ตรวจสอบทรัพย์สินของเขา แต่การตัดสินจากการแต่งตัวก็ถือเป็นหนึ่งในวิธีพื้นฐานหรือเปล่า? ด้วยเหตุนี้ทางประเทศเนเธอร์แลนด์จึงให้กำเนิด ‘ตำรวจสายปราบแฟชั่น‘ ขึ้นมา ซึ่งจุดประสงค์หลักก็คือตรวจสอบทรัพย์สินของประชาชนที่เจ้าหน้าที่หน่วยนี้เห็นว่าพวกเขาน่าจะเป็นผู้ต้องสงสัย เพราะดูไม่มีความสามารถพอจะมีทรัพย์สินราคาแพงเช่น เสื้อผ้าแบรนด์ดัง หรือนาฬิกาเรือนหรูเป็นต้น วิธีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่หน่วยนี้ก็มีการทำงานที่ง่ายมากๆ เพียงแค่ถ้าพวกเขาสงสัยใครพวกเขาก็จะเดินไปตรวจสอบและถามถึงที่มาที่ไปว่าของใช้สุดหรูดังกล่าวนั้นมาจากไหน แน่นอนว่าถ้าเป็นคนที่มีเงินจริงๆ พวกเขาก็จะสามารถอนุญาตให้ตรวจสอบได้และให้คำตอบได้ทันที     แต่ถ้าเกิดว่าเสื้อผ้า สร้อยคอ รองเท้าหรือนาฬิกาดังกล่าวถูกอ้างว่าเป็นของเพื่อน ยืมมาไม่ก็เพื่อนตายจนหาที่มาที่ไปจริงๆ ไม่ได้ ของใช้ชิ้นนั้นก็จะถูกยึดและสั่งให้ปลดออกตรงนั้นทันที ปัจจุบันเจ้าหน้าที่หน่วยนี้ยังเป็นหน่วยงานที่อยู่ในช่วงทดสอบแค่ที่เมืองรอตเทอร์ดาม ในประเทศเนเธอร์แลนด์เท่านั้น และกลุ่มเป้าหมายหลักก็จะเป็นกลุ่มคนที่สวมใส่สินค้าจากแบรนด์ Gucci หรือ Rolex เป็นต้น เพราะกลุ่มคนเหล่านี้มักจะมีโอกาสสูงที่ได้เงินมาอย่างผิดกฎหมาย ทว่าแม้เจ้าหน้าที่จะยืนยันกลุ่มเป้าหมายที่แน่นอน ประชาชนในเมืองก็ยังบอกว่าการที่ตำรวจตั้งหน่วยงานนี้ขึ้นมามันไม่ถูกต้อง เช่นชาวเมืองคนหนึ่งที่ให้สัมภาษณ์ว่า “ตำรวจจะไม่สงสัยคนขาวว่าเป็นพวกค้ายาอย่างแน่นอนแม้พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าแพงๆ แต่กลับกันถ้าเป็นคนผิวสีหรือชาติอื่นละ? คนละเรื่องเลยจริงไหม?”     ทางด้านผู้ตรวจการแผ่นดินเมืองรอตเทอร์ดาม Anne Mieke Zwaneveld ก็ได้ออกมาโต้ว่า “พวกเราไม่ได้อยากจะตัดสินคนจากภายนอก แต่โอกาสที่จะสุ่มตรวจแล้วจับได้จริงๆ มันดันสูงมากๆ และยิ่งไปกว่านั้นการที่คุณจะสวมเสื้อผ้าแพงๆ ไปเดินตามท้องถนนโดยไม่สามารถอธิบายถึงที่มาที่ไป หรือบอกอายุของสิ่งของชิ้นนั้น มันก็น่าสงสัยจริงไหม?” อย่างไรก็ตามหน่วยการใหม่นี้ก็ยังคงถูกชาวเมืองรอตเทอร์ดามถกเถียงกันไม่ขาดสายว่า จริงๆ แล้วมันใช้งานได้ผลจริงๆ…

  • ความเจ๋งของ “เนเธอร์แลนด์” มีที่ดินอันดับที่ 131 แต่กลับเป็นผู้ส่งออกอาหารใหญ่อันดับ 2 ของโลก

    ความเจ๋งของ “เนเธอร์แลนด์” มีที่ดินอันดับที่ 131 แต่กลับเป็นผู้ส่งออกอาหารใหญ่อันดับ 2 ของโลก

    ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมอันดับต้นๆ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งประเทศของเราเป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่ หลายๆ ประเทศแถบตะวันตกได้เข้ามาลงทุนสร้างฐานการผลิตที่ไทย ด้วยความอุดมสมบูรณ์เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของบ้านเรา  ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศหนึ่งที่มีคนอยากเข้ามาทำงาน สังเกตได้จากแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านที่ทยอยเข้ามาทำงานจำนวนมาก ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตยิ่งขึ้นและมีความก้าวหน้าไปเรื่อยๆ   ในการแข่งขันของประเทศต่างๆ บนโลก ความก้าวหน้าทางเกษตรกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศมีความเจริญ หลายๆ ประเทศให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมการเกษตรเป็นอย่างอย่างมาก ดังเช่น ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่กำลังพัฒนาและกำลังจะก้าวเข้าสู่การเป็นประเทศที่มีการส่งออกอาหารที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา   ธุรกิจการเกษตรเป็นหนึ่งในแรงผลักดันทางการเกษตรของประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาเนเธอร์แลนด์ได้พัฒนาฟาร์มเล็กๆ ให้กลายเป็นฟาร์มขนาดใหญที่มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว อีกทั้งมีงบประมาณในการสนับสนุนด้านการวิจัยการเกษตร มีความใส่ใจจากทีมบริหารประเทศ ทำให้เนเธอร์แลนด์มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดด มาแรงแซงทางโค้งหลายๆ ประเทศที่กำลังพัฒนา   ความล้ำสมัยของการเกษตรของเนเธอร์แลนด์ มีการบำบัดจัดการน้ำให้ใช้ประโยชน์สูงสุด  ลดการใช้สารกำจัดศัตรูพืช หันมาใช้การพึ่งพาแบบธรรมชาติ อีกทั้งมีการศึกษาค้นคว้าใช้เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์มาพัฒนาการเกษตรควบคู่กันไป     ยกตัวอย่างการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับการปลูกมันฝรั่งและหัวหอม โดยใช้โดรนในการสอดส่องการเจริญเติบโต บันทึกผล นำไปพัฒนา ทำให้ผลผลิตที่ได้มีอัตราเพิ่มถึง 2 เท่า อีกทั้งการใช้โรงกระจกควบคุมสภาพอากาศ ปรับสมดุลในการผลิต ทำให้ผลิตผลมีคุณภาพ นำไปใช้กับการปลูกมะเขือเทศ พริก แตงกวา และพืชผักผลไม้อื่นๆ ทำให้เนเธอร์แลนด์มียอดส่งออกผักและผลไม้เป็นอันดับ 3 ของโลก…

  • อาห์ซิเพ่นยาาา เจ้าป่าก็เงิบได้ เมื่อสิงโตหัวติดในถัง แล้วเพื่อนๆ จะช่วยเอ็งยังไงดีเนี่ย!?

    อาห์ซิเพ่นยาาา เจ้าป่าก็เงิบได้ เมื่อสิงโตหัวติดในถัง แล้วเพื่อนๆ จะช่วยเอ็งยังไงดีเนี่ย!?

    เมื่อนึกถึง “สิงโต” ทำให้หลายคนมองเห็นภาพของเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่ที่ดูน่ากลัว และน่าเกรงขาม แต่ทว่าหากคุณได้รับชมภาพ และคลิปวีดีโอที่เราได้นำมาให้รับชมในครั้งนี้ มันอาจจะทำให้สิ่งที่คิดอยู่ในหัวของคุณค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆ เมื่อสิงโตตัวหนึ่ง กำลังตกใจสุดขีด หลังเกิดพลาดท่าหัวไปติดอยู่ในถังให้อาหาร งานนี้เลยทำให้มันต้องพยายามดิ้นรนสุดชีวิต เพื่อที่จะเอาถังเจ้ากรรมออกจากหัวไปให้ได้ โถๆๆ น่าสงสารจริงๆ     ทางสำนักข่าวเดลีเมล์ ได้เผยภาพพร้อมคลิปวีดีโอเหตุการณ์สุดฮาของสิงโตตัวหนึ่ง ขณะที่มันกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบาก ในสวนสัตว์ Dierenrijk ประเทศเนเธอร์แลนด์ จากการรายงานระบุว่า สาเหตุที่ทำให้หัวของมันเข้าไปติดอยู่ในถังดังกล่าว เป็นเพราะทางสวนสัตว์ได้จัดโปรแกรมการฝึกทักษะของสัตว์ และหนึ่งในนั้นคือการนำอาหารไปใส่ในถังขนาดใหญ่ เพื่อฝึกให้สิงโตกินอาหาร     แต่ทว่าดันมีเจ้าสิงโตตัวหนึ่ง ที่เกิดพลาดท่าทำหัวของตัวเองไปติดอยู่ในถัง จนทำให้มันตกใจสุดขีด และเกิดเป็นภาพสุดฮาอย่างที่เห็น     หมดกันภาพของสิงโตเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่   มันพยายามที่จะสะบัดให้ถังหลุดออกจากหัว ขณะที่เพื่อนสิงโตอีก 2 ตัว ยังคงอยู่ในอาการงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกันน้า     สำหรับคลิปวีดีโอดังกล่าว ได้ถูกบันทึกเอาไว้โดยนักท่องเที่ยวที่ได้เข้ามาเที่ยวชมสวนสัตว์ในขณะนั้น ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น บรรดานักท่องเที่ยวต่างก็พากันหัวเราะในท่าทางสุดฮาของมัน ขณะที่กำลังวิ่งไปวิ่งมาอยู่ภายในกรง โดยที่มีถังติดที่หัว     อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ก็ได้นำตัวของเจ้าสิงโตผู้เคราะห์ร้ายไปพบสัตว์แพทย์…

  • สาวป่วยมะเร็งสมองอย่างโดดเดี่ยว ได้การ์ดให้กำลังใจ 33,000 ใบ เมื่อชาวเน็ตรับรู้เรื่องเธอ…

    สาวป่วยมะเร็งสมองอย่างโดดเดี่ยว ได้การ์ดให้กำลังใจ 33,000 ใบ เมื่อชาวเน็ตรับรู้เรื่องเธอ…

    มีคนบอกว่า กำลังใจ นั้นเปรียบเหมือนยาวิเศษที่ช่วยให้ผู้ป่วยมีแรงที่จะต่อสูกับโรคร้ายได้ บางครั้งจากคนป่วยที่แทบจะลุกเดินไม่ได้แต่ถ้าหากได้รับกำลังใจที่ดีจากคนในครอบครัว ก็อาจทำให้อาการของพวกเขาดีขึ้นได้ เหมือนกับเด็กน้อยชาวเนเธอร์แลนด์ผู้นี้ ที่ป่วยเป็นมะเร็งสมองในระยะสุดท้าย เธอได้รับกำลังใจและคำอวยพรขอให้เธอกลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง จากผู้คนมากมายในประเทศ!!     Sabine Wortelboer สาวน้อยชาวเนเธอร์แลนด์วัย 15 ปี เธอถูกวินิจฉัยว่ามีเนื้องอกในสมองชนิดพิเศษเมื่อปีที่แล้ว เรื่องราวของเธอได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างมากหลังจากที่พี่ชายและแม่ของเธอออกแคมเปญขอรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือเธอในสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นเธอจึงได้เดินทางไปยังเมือง Houston เพื่อเข้ารับการรักษา ในตอนแรกการรักษานั้นเป็นไปได้ด้วยดี แต่ทว่าในตอนหลังเธอกลับมีอาการแทรกซ้อนและโรคมะเร็งก็ดูจะรุนแรงขึ้น หลังจากนั้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Sabine เขียนเรื่องราวอาการของเธอและผลการทำ MRI สแกนผ่านทางเฟซบุ๊ก สาวน้อยบอกว่าทุกอย่างดูแย่มาก และเนื้องอกในสมองก็กำลังโตขึ้นเรื่อยๆ     เธอบอกว่า “หลังจากผลของการสแกนออกมา ฉันตัดสินใจที่จะหยุดใช้ยาเพราะมันดูเหมือนจะไม่ได้ผลเลย ฉันขอบคุณทุกคนจริงๆ สำหรับครั้งสุดท้ายของฉัน คุณสามารถส่งการ์ดดอวยพรมาให้ได้นะ” และหลังจากนั้นเมื่อเมื่อเช้าวันอังคารที่ผ่านมา ก็ได้มีการ์ดอวยพรมากกว่า 33,000 ใบมาวางอยู่ที่หน้าประตูบ้านของเธอ จากการรายงานของสำนักข่าวท้องถิ่นบอกว่า กล่องสีแดงหลายกล่องถูกนำมาส่งไว้ที่หน้าบ้านของสาวน้อย ซึ่งในนั้นมีการ์ดจำนวนมากจนถึงขั้นต้องหาพนักงานเพื่อมาจัดการกับพวกมันเลยทีเดียว     แม่ของสาวน้อยเชื่อว่าลูกสาวของเธอเหลือเวลาไม่มากแล้ว “เธอใช้เวลาส่วนมากเพื่อนอนพักผ่อน แต่เธอไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรมากนัก และตอนที่เธอตื่นมาก็ดูจะสดชื่นมากๆ ด้วย” คุณ Ilse แม่ของสาวน้อยกล่าว หลังจากที่ได้รับของขัวญดังกล่าว Sabine ได้โพสต์ข้อความสุดท้ายลงในเฟซบุ๊กของเธอ โดยเธอบอกว่า “ฉันคิดว่ามันถึงเวลาที่จะบอกลาแล้ว…

  • ‘Giethoorn’ หมู่บ้านไร้ถนนในเนเธอร์แลนด์ ที่เต็มไปด้วยความสวยงาม จนเปรียบเสมือนสวรรค์บนดิน!!

    ‘Giethoorn’ หมู่บ้านไร้ถนนในเนเธอร์แลนด์ ที่เต็มไปด้วยความสวยงาม จนเปรียบเสมือนสวรรค์บนดิน!!

    จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า…บนโลกใบนี้จะมีหมู่บ้านที่ปราศจากถนน ไม่มีแม้กระทั่งรถสัญจรไปมา แค่คิดก็เป็นไม่ได้แล้วใช่ไหมละ เพราะถ้าไม่มีถนนตัดผ่าน เราจะเดินทางกันอย่างไร แต่ทว่าหมู่บ้านปราศจากถนนนั้น มีอยู่จริงนะจะบอกให้ และนี่ก็คือเมือง Giethoorn หมู่บ้านเล็กๆ ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ระหว่างเมือง Zwolle และ Steenwijk ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้บอกได้เลยว่ามีทั้งความสวยงาม และน่าตื่นตาตื่นใจที่สุดเลยละ     และที่สำคัญหากคุณได้ไปเที่ยวที่หมู่บ้าน Giethoorn คุณจะไม่มีสิทธิ์ใช้รถเลยแม้แต่คันเดียว เพราะการเดินทางในหมู่บ้านแห่งนี้ คุณจะต้องพายเรือเข้าไป โดยผ่านคลองเล็กๆ ที่มีความยาวราว 7.5 กิโลเมตร ดังนั้นชาวเมืองนี้จึงต้องมีเรือกันเกือบทุกบ้าน เพื่อใช้ในการเดินทางนั่นเอง     จากการที่เป็นหมู่บ้านปราศจากถนน Giethoorn จึงได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘เวนิสแห่งเนเธอร์แลนด์’   สงสัยกันใช่ไหมละว่า ทำไมหมู่บ้านแสนสวยไร้ถนน ที่เปรียบเสมือนสวรรค์บนเดินแห่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าอยากรู้ละก็ เดี๊ยวเก๊าเล่าให้ฟังนะ…     ในอดีตที่แห่งนี้เคยถูกใช้เป็นเหมืองขุดถ่านหินเลนมาก่อน โดยรูที่ถูกขุดก็กลายมาเป็นทางให้น้ำไหลผ่านเข้ามา ดังนั้นจึงทำให้คนในสมัยก่อน เริ่มใช้สายน้ำเหล่านี้เป็นทางขนส่งถ่านหินเลนยังไงละเหมียว     ส่วนผู้คนที่อาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นชาวไร่ที่มีฐานะค่อนข้างดี บ้านแต่ละหลังก็ถูกออกแบบเป็นกระท่อมตามแบบตะวันตก…