Tag: ข้อสังเกต

  • สาวๆ โปรดระวัง 10 สัญญาณอันตราย ที่บ่งบอกว่าแฟนหนุ่มกำลังจะ “หมดรัก” คุณแล้ว

    สาวๆ โปรดระวัง 10 สัญญาณอันตราย ที่บ่งบอกว่าแฟนหนุ่มกำลังจะ “หมดรัก” คุณแล้ว

    เมื่อเวลาเปลี่ยนไปคนเราก็เปลี่ยนไปด้วย มันเป็นสัจธรรมของโลกอย่างหนึ่งที่เราไม่สามารถปฎิเสธได้ เพียงแค่จะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใดเท่านั้น คู่รักเองเมื่อคบไปนานๆ นิสัยของเราและอีกฝ่ายก็เปลี่ยนไปเช่นกัน นิสัยเปลี่ยนไปนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ที่เรารู้ได้ยากก็คือความรักที่เขามีต่อเรานั้นเปลี่ยนไปด้วยหรือเปล่านี่สิ บางครั้งเราก็สงสัยเรื่องนี้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะสังเกตอย่างไร วันนี้เราก็เลยลองรวบรวมข้อสังเกต 10 ประการที่อาจแปลว่าแฟนของคุณหมดรักคุณไปแล้วมาให้ทราบกัน   1. เริ่มวิจารณ์รูปร่างของคุณ Omar Khayyam นักคณิตศาตร์และผู้ประพันธ์กวีเคยกล่าวไว้ว่า “หากเขารักคุณจริง เขาจะชอบทุกอย่างเกี่ยวกับคุณ แม้ว่าจะเป็นข้อเสียของคุณก็ตาม” เป็นความจริงหนึ่งที่ใช้ได้กับคู่รักทุกคู่ ถ้าหากคู่รักเริ่มติรูปร่างของคุณบ่อยขึ้นผิดปกติล่ะก็ เขาอาจจะไม่ได้ไม่ชอบรูปร่างของคุณ แต่ลึกๆ แล้วเขาอาจจะไม่ชอบตัวคุณเองก็ได้ บ่อยครั้งที่หลังจากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แม้ว่าเราจะไปลดน้ำหนักมาแต่เขาก็จะหาข้อเสียอย่างอื่นมาว่าเราอยู่ดี   2. เล่าข้อเสียของคุณให้เพื่อนฟัง แม้ว่าจะไม่มีใครในโลกนี้สมบูรณ์แบบไปเสียหมด แต่คนรักกันมักจะมองเห็นข้อดีของคู่รักมากกว่าข้อเสียเสมอ ดังนั้นหากเขาเพ่งความสนใจไปที่ข้อเสียของคุณ แล้วยังเอาไปพูดเล่นกับคนอื่นในที่สาธารณะอีก มันแสดงให้เห็นว่าเขาเริ่มไม่เคารพคุณ และอาจจะหมายถึงความรักที่ลดลงไปอีกด้วย   3. ตำหนินิสัยของคุณเป็นประจำ บ่อยครั้งที่แฟนมักจะบอกว่านิสัยเปิ่นๆ ของคู่รักนั้นช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน แต่ถ้าเกิดเมื่อไหร่เขาเริ่มมองพฤติกรรมเดิมๆ ของคุณที่เคยคิดว่าน่ารักกลายเป็นสิ่งน่ารำคาญในสายตาเขาแทน ก็จงระวังเรื่องความสัมพันธ์เอาไว้ให้ดี   4. ไม่ให้ความสนใจกับสิ่งที่คุณพูด เป็นปกติที่คนเราจะมีความสนใจไม่เหมือนกัน แม้ว่าบางครั้งเรื่องที่คุณพูดอยู่จะเป็นเรื่องที่เขาไม่สนใจเลย แต่ถ้าเขาแคร์คุณจริงๆ เขาก็จะตั้งใจฟังเพื่อให้คุณรู้สึกได้รับความสนใจ ทว่าหากเขาพยายามเปลี่ยนเรื่องสนทนาเป็นเรื่องของตัวเอง หรือบอกให้คุยเรื่องที่คุณสนใจกับคนที่มีรสนิยมแบบเดียวกัน อาจจะแปลว่าเขาไม่สนใจในเรื่องคุณอีกต่อไป   5. ไม่ปลอบประโลมเวลาคุณเศร้า…

  • “3 วิธีการพูด” ที่เป็นสัญญาณว่าคุณมีแนวโน้มของ “โรคซึมเศร้า” ลองไปสังเกตกันดู…

    “3 วิธีการพูด” ที่เป็นสัญญาณว่าคุณมีแนวโน้มของ “โรคซึมเศร้า” ลองไปสังเกตกันดู…

    ในสังคมปัจจุบันนี้เราสามารถพบเห็นผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้มากกว่าในสมัยก่อน โดยผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะไม่เหมือนกับความรู้สึกเศร้าของคนทั่วไปที่เกิดขึ้นและหายไปเป็นครั้งคราว พวกเขาจะรู้สึกซึมเศร้าเป็นประจำและแต่ละครั้งก็ยาวนานกว่าปกติ แถมบ่อยครั้งยังไม่รู้สาเหตุของความเศร้าด้วย อย่างไรก็ตามการที่จะสังเกตว่าเราหรือคนรอบตัวเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก บางคนก็เป็นโรคซึมเศร้าโดยที่ไม่รู้ตัว หากอยากทราบแน่ชัดต้องไปให้จิตแพทย์วินิจฉัยเท่านั้น แต่ในวันนี้มีอีกหนึ่งวิธีสังเกตที่ได้ผ่านผลการรับรองจากนักวิจัยแล้ว ด้วยการสังเกตจากวิธีพูดของแต่ละคนนั่นเอง     งานวิจัยที่ว่านี้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ Clinical Psychological Science โดยทำการทดลองจากการอ่านบันทึก และฟังบทสนทนาจำนวนมากของคนที่เป็นโรคซึมเศร้า และคนที่ไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า จึงสังเกตเห็นว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้าจะมีการใช้ภาษาที่แตกต่างออกไปดังนี้   1. มักจะใช้สรรพนามบุคคลที่หนึ่งที่เป็นเอกพจน์   คนเป็นโรคซึมเศร้ามักจะใช้สรรพนามกล่าวถึงตัวเองเช่น ฉัน ผม หรือเรา(ในกรณีที่หมายถึงตัวเองคนเดียว) อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นตัวชี้ให้เห็นว่าพวกเขาไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นมากนัก อาจจะเป็นเพราะเพวกเขาชอบปลีกตัวมาอยู่คนเดียวมากกว่าจะอยู่คนจำนวนมากก็ได้ อีกทั้งการใช้สรรพนามแบบนี้ ยังทำให้เราเห็นว่าคนที่เป็นโรคซีมเศร้ามักจะให้ความสนใจกับตัวเองและแนวคิดของตัวเองมากเป็นพิเศษ และไม่ค่อยสนใจแนวคิดในแบบของคนอื่นมากนัก   2. พูดถ้อยคำที่มีความหมายในเชิงลบอยู่บ่อยครั้ง   เมื่อเปรียบเทียบกับคนทั่วไปแล้ว คนที่เป็นโรคซึมเศร้าจะใช้คำที่มีความหมายเชิงลบมากกว่า โดยคำพูดเหล่านั้นมักจะเกี่ยวกับอารมณ์ในเชิงลบเช่น เศร้า และเหงา เป็นต้น และยังรวมไปถึงคำพูดอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ของตัวเองด้วย แต่ผลการวิจัยก็ชี้ว่าการใช้สรรพนามบ่งบอกถึงโรคซึมเศร้าได้ดีกว่าการใช้คำพูดในเชิงลบอย่างเห็นได้ชัด   3. ภาษาที่ใช้มักจะมีความสุดโต่ง   เมื่อคนเราอยู่ในภาวะซึมเศร้าก็มักจะใช้ภาษาแบบสุดโต่ง (ถ้าไม่ขาวก็ดำไปเลย ไม่มีระหว่างกลาง) มากกว่าที่คิด อย่างเช่นคำว่า เป็นประจำ ไม่เคย เต็มไปหมด…

  • 8 สัญญาณที่บ่งบอกว่า ‘แฟนหนุ่ม’ ที่คุณกำลังคบหาอยู่นั้น เขารักคุณมากจริงๆ นะ

    8 สัญญาณที่บ่งบอกว่า ‘แฟนหนุ่ม’ ที่คุณกำลังคบหาอยู่นั้น เขารักคุณมากจริงๆ นะ

    บางครั้งสาวๆ ก็อาจเกิดความสงสัยกันขึ้นมาว่าชายหนุ่มที่อยู่เคียงข้างเรานั้น เขาจะรักเราจริงหรือเปล่า? จนคุณอาจจะพยายามใช้วิธีการร้อยแปดพันเก้าในการพิสูจน์ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีที่ง่ายมากๆ ด้วยการสังเกตกับ 8 สัญญาณที่จะสามารถบอกคุณได้ว่า แฟนหนุ่มเขารักคุณจริงๆ นะ จะมีอะไรบ้าง เราลองไปดูกันเลย   1. เขาฟังคุณมากกว่าที่จะพูด ผู้ชายมักจะพูดถึงเรื่องของตัวเองหรือความสำเร็จที่เคยได้รับ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรเกิดขึ้นในตอนที่พวกเขามีความรัก เพราะรักแท้จะทำให้พวกเขาเกิดความสนใจในตัวอีกฝ่ายและเห็นอกเห็นใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมากขนาดไหนก็ตาม พวกเขาจึงจะรับฟังสาวๆ ข้างกายอย่างตั้งใจและถามเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ อยู่เสมอ   2. เขาใส่ใจเพื่อนและครอบครัวของคุณ หนุ่มที่รักคุณจริงจะต้องใส่ใจในเรื่องของครอบครัวและเพื่อนๆ ของคุณ เพราะเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณไปแล้ว ซึ่งแม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้ชอบหรือเคารพคนเหล่านั้น แต่เขาก็จะไม่มาคอยกีดกันคุณออกจากสังคมที่มี แต่เขาพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเสมอทุกครั้งที่คุณต้องการ   3. เขาจะไม่ผลักคุณออกจากบทสนทนาหรือการโต้เถียง คุณอาจเคยได้ยินประโยคว่า “หยุดเลย ผมจัดการตรงนี้เองได้” นั่นเป็นสิ่งที่คุณจะไม่ได้ยินจากปากของชายที่รักคุณจากใจ เพราะเขาจะปฏิบัติกับคุณให้เท่าเทียมกับตัวเอง อีกทั้งเขายังจะมอบโอกาสให้คุณได้แสดงความคิดเห็นอยู่เสมอ   4. เขาภูมิใจในความสำเร็จของคุณและมักจะเอาไปพูดกับคนอื่นๆ อยู่บ่อยครั้ง ผู้ชายจำนวนมากไม่ชอบเห็นแฟนสาวของตัวเองประสบความสำเร็จ ยิ่งถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ด้วยแล้ว แต่ผู้ชายที่รักคุณจริงจะมองว่าคุณคือส่วนหนึ่งของเขา เขาจึงรู้สึกดีใจอยู่เสมอที่ได้เห็นความสำเร็จของคุณ และชอบที่ได้อวดเรื่องนี้กับเพื่อนๆ ของเขา   5. เขารู้สึกยินดีในความเป็นคุณและคอยให้กำลังใจอยู่เสมอ ชายที่รักจริงจะทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ สำคัญ…

  • ผู้เชี่ยวชาญเผยวิธีการสังเกตว่าอีกฝ่ายกำลัง ‘โกหก’ อยู่หรือไม่ ภายในเวลา 5 วินาที

    ผู้เชี่ยวชาญเผยวิธีการสังเกตว่าอีกฝ่ายกำลัง ‘โกหก’ อยู่หรือไม่ ภายในเวลา 5 วินาที

    การโกหก เป็นสิ่งที่แทบจะทุกคนบนโลกต้องเคยทำกันมาก่อน โดยจากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าคนเราจะโกหกประมาณ 11 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 2 ครั้งต่อวันเลยทีเดียว การโกหกในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องใหญ่ๆ เสมอไป แต่อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการพูดโกหกเกี่ยวกับอารมณ์ ความรู้สึกของตัวเอง เช่น บางครั้งที่เรารู้สึกหงุดหงิด แต่ก็เลือกที่จะบอกเพื่อนว่าเราไม่ได้เป็นอะไร แล้วเราเคยสงสัยกันมั้ยว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายกำลังโกหกเราอยู่? วันนี้เราจึงมาพูดถึงวิธีการจับโกหกได้ใน 5 วินาที โดยนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้โดยเฉพาะ ดอกเตอร์ Paul Ekman     ข้อสังเกตแรกที่เราจะสามารถเช็กได้ว่าอีกฝ่ายโกหกอยู่หรือไม่ คือให้เราลองสังเกต การขยับศีรษะ ของคนคนนั้นในตอนที่เขากำลังปฏิเสธเรื่องอะไรซักอย่าง Paul อธิบายว่าหากอีกฝ่ายส่ายหัวซ้ำไปซ้ำมา นั่นอาจหมายถึงว่าเขากำลังโกหกอยู่ เพราะคนเรามักจะไม่ทำอย่างนั้นในตอนที่กำลังพูดความจริง     ต่อมาคือเราต้องสังเกตการแสดงออกทางสีหน้า เพราะว่าคนเราทุกคนจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่เผยสีหน้าความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองออกมา ซึ่งบางครั้งมันก็อาจจะขัดกับสิ่งที่เขาพูดอยู่ในตอนนั้นก็ได้ อย่างที่สามคือการสังเกตลักษณะการขยับมือ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งอย่างที่เราสามารถสังเกตได้ง่าย โดยให้เราดูว่าอีกฝ่ายได้ทำมือออกมาเป็น เชิงสัญลักษณ์ ในตอนที่กำลังพูดอยู่หรือไม่ เช่น การชี้นิ้ว เอามือปาดเหงื่อ หรือเอามาปิดบังใบหน้าของตัวเอง เมื่อไหร่ที่เป็นอย่างนั้นก็ขอให้เดาเอาไว้ในใจเลยว่าเขากำลังโกหกอยู่     สัญญาณสุดท้ายก็คือวิธีการพูดหรือบทสนทนาที่กำลังพูดกันอยู่ ให้เราสังเกตว่าอีกฝ่ายมีการพักช่วงหรือทำให้บทสนทนาขาดตอน…

  • 6 สัญญาณบ่งบอกว่า “ตับ” ไม่สามารถทนรับ “ไลฟ์สไตล์” คุณได้อีกต่อไป เปลี่ยนด่วน!!

    6 สัญญาณบ่งบอกว่า “ตับ” ไม่สามารถทนรับ “ไลฟ์สไตล์” คุณได้อีกต่อไป เปลี่ยนด่วน!!

    ไลฟ์สไตล์ของเพื่อนๆ บางคนอาจทำให้มีปัญหาสุขภาพตามมาได้ โดยเฉพาะเพื่อนๆ ที่ชอบออกไปสังสรรค์ดื่มแอลกอฮอล์ยามดึกบ่อยๆ แน่นอนว่าอวัยวะที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ก็ย่อมต้องเป็น “ตับ” นั่นเอง วันนี้ #เหมียวตะปู แปลบทความสาระน่ารู้จากเว็บต่างประเทศ ที่พูดถึง 6 สัญญาณอันตรายต่อร่างกายเรา และสามารถสังเกตตนเองได้ว่า ตับของเรากำลังอยู่ในขั้นวิกฤต และควรจะเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ของตัวเองกันได้แล้ว…   1. รู้สึกว่าในหัวยุ่งเหยิงไปหมด เวลาที่ตับของเราทำงานหนักจนเกินไป จะทำให้ระบบการกรองเลือดในร่างกายของเราแย่ลง ส่งผลให้มีสารพิษต่างๆ นั้นปะปนไปสู่สมองได้มากกว่าคนปกติ อาการดังกล่าวเราสามารถสังเกตได้จากความรู้สึกสับสน มีปัญหาเกี่ยวกับความจำ และตัดสินใจอะไรต่างๆ ได้ยากยิ่งขึ้น   2. น้ำตาลในเลือดต่ำ หนึ่งในหน้าที่ของตับคือการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้นเวลาที่ตับมีปัญหา ระดับน้ำตาลในเลือดของเราก็จะลดน้อยลงตามไปด้วย ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้ามากกว่าปกติ ฉุนเฉียวง่าย และไม่มีสมาธิในการทำสิ่งต่างๆ   3. ฮอร์โมนไม่มีความสมดุล ตับคืออวัยวะที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนเพศของเรา การทำงานของตับที่ผิดปกติจึงอาจทำให้ระบบฮอร์โมนเอสโตรเจน และเทสโทสเตอโรนของเรามีความไม่สมดุล จนอาจเกิดปัญหาร้ายแรงอย่างการขาดความต้องการทางเพศไป หรือมีอาการก่อนเป็นประจำเดือนที่รุนแรงมากกว่าเดิม   4. อารมณ์แปรปรวน ปัญหาในเรื่องของความจำและอารมณ์ที่แปรปรวนอาจเกิดจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับตับ อีกทั้งยังอาจส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า ซึ่งหากใครสังเกตอาการของตัวเองแล้วคิดว่าน่าจะเป็น ก็ควรเข้ารับการตรวจรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทันที   5. ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน หลายๆ คนอาจเชื่อว่าการที่เราเป็นหวัดได้ง่ายหรือติดเชื้ออยู่บ่อยๆ…

  • 9 สัญญาณบอกความในใจ แสดงออกด้วยท่าทาง แบบนี้ข้า ‘รัก’ เจ้าทาสแล้วนะ

    9 สัญญาณบอกความในใจ แสดงออกด้วยท่าทาง แบบนี้ข้า ‘รัก’ เจ้าทาสแล้วนะ

    เคยสงสัยกันมั้ยว่าเจ้านายเหมียวรักเราหรือเปล่า? พฤติกรรมแบบนี้คือการแสดงความรักของมันหรือเปล่านะ? ถึงแม้ว่าเราอยากรู้ใจจะขาดก็ไม่สามารถถามพวกมันตรงๆ ได้ ในเมื่อมันพูดภาษาคนไม่ได้นี่นา… แต่ถ้าหากเพื่อนๆ เคยตั้งคำถามแบบนั้นแล้วล่ะก็ #เหมียวตะปู ขอแนะนำให้มาอ่านข้อสังเกตเหล่านี้ เพราะนี่คือ “9 สัญญาณที่บอกได้ว่าน้องเหมียวกำลังรักคุณอยู่จริงๆ นะ” ว่าแล้วก็ลองไปดูกันเลย   เจ้าเหมียวหาของขวัญมาให้ เวลาที่มันคาบซากหนูหรือนกมาให้ นั่นหมายความว่าเจ้าเหมียวได้มอบของขวัญสุดพิเศษให้กับคุณ แม้ว่ามันอาจจะดูขนลุกไปหน่อยแต่อย่าลืมว่าแมวคือสัตว์ที่มีความเป็นนักล่าอยู่ในตัว ดังนั้นก็จงดีใจซะเถอะนะที่มันนำเหยื่ออันแสนมีค่ามามอบให้   น้องแมวนอนหงายโชว์พุงให้คุณเห็น ธรรมชาติของแมวคือค่อนข้างหยิ่งในศักดิ์ศรีและเหมือนกับสัตว์ตัวอื่นๆ ที่ไม่ชอบนอนโชว์พุงให้ใครเห็น ซึ่งหากมันทำแบบนั้นล่ะก็ นั่นหมายความว่ามันรู้สึกสบายใจ ปลอดภัย และได้รับความรักจากคุณ ถึงได้ยอมนอนหงายโชว์พุงอย่างไร้ความกังวล   เจ้าแมวเอาหัวมาโขก การที่พวกมันเอาหัวมาชนหรือโขกกับร่างกายของเรา อาจทำให้เราคิดว่ามันโมโหใส่หรือเปล่า แต่ความจริงแล้วนั่นคือการปล่อยฟีโรโมนเพื่อแสดงให้เห็นว่ามันรักและเป็นเหมือนกับส่วนหนึ่งของเราไปแล้ว   ชอบแทะ แต่ไม่ได้หมายถึงกัดแรงๆ นะ การที่มันชอบแทะปลายนิ้วเวลาเราเล่นด้วย คือการแสดงออกถึงความรักที่มันมีให้ แต่ต้องแยกให้ออกนะว่ามันแทะหรือว่ามันกัด เพราะถ้ามันกัดก็อาจหมายความว่ามันกำลังรำคาญเราอยู่ก็ได้   เข้ามาคลอเคลียหรือเดินตามเราไปทุกที่ เวลาที่เจ้าเหมียวรักใครมันก็จะชอบเดินมาคลอเคลียอยู่ที่ขาของเรา หรือเวลาเราเดินไปไหนมาไหนก็จะคอยเดินตามไม่ห่าง และในบางทีที่มันทำเป็นออกห่างจากเราไปก็อาจเป็นวิธีการเรียกร้องความสนใจจากคุณก็ได้นะ   ชอบมานวดให้อยู่บ่อยๆ การเข้ามากดๆ นวดๆ อยู่บนร่างกายของเราคือการแสดงความรักในแบบที่เหมือนกับแม่เหมียวมอบให้ลูกเหมียว คอยดูแลเราอย่างใกล้ชิดและสิ่งนี้ก็ทำให้ทั้งเราและเจ้าเหมียวรู้สึกฟินไปพร้อมๆ กัน  …

  • ถ้าคุณพูด 5 ประโยคแบบนี้บ่อยๆ คุณอาจจะมีความเป็นคนโรคจิตอยู่ในตัวก็เป็นไปได้

    ถ้าคุณพูด 5 ประโยคแบบนี้บ่อยๆ คุณอาจจะมีความเป็นคนโรคจิตอยู่ในตัวก็เป็นไปได้

    Psychopath หรือที่เราเข้าใจกันง่ายๆ ด้วยคำว่าโรคจิตหรือคนบ้า หมายถึงคนที่ขาดความสามารถในการเข้าใจผู้อื่น ไม่มีความสำนึกผิด และเห็นแก่ตัว และที่สำคัญ ประมาณ 1% ของประชากรบนโลก ป่วยด้วยโรคทางจิตเหล่านี้อยู่ ซึ่งไม่แน่ว่าพวกเราเองก็อาจเป็นหนึ่งในนั้นโดยที่ไม่รู้ตัวมาก่อน Jackson MacKenzie ผู้เขียนหนังสือวิธีการรับมือกับอาการดังกล่าว ได้ออกมาแชร์ข้อสังเกตง่ายๆ ในการสำรวจตัวเอง โดยดูจากคำพูดของเรา ถ้าหากเราพูดประโยคเหล่านี้บ่อยๆ นั่นอาจหมายความว่าคุณกำลังเข้าข่ายเป็นโรคจิตแล้วก็ได้นะ มีประโยคอะไรบ้างไปดูกันเลย     “เธอคอยจับผิดทุกเรื่องอยู่เรื่อยเลย” หากคุณพูดแบบนี้อาจหมายความว่าคุณกำลังโดนจับผิดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อยู่ แต่หากคิดให้มากกว่านั้นคุณอาจกำลังทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดและไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป วิธีการดังกล่าวเหมือนกับคนโรคจิตที่ชอบสร้างจุดกระตุ้นเล็กๆ ให้คนอื่นสังเกตเห็น และหากมีคนพูดถึงจุดนั้นขึ้นมา คนคนนั้นก็จะถูกต่อว่ากลับไปจนต้องรู้สึกผิด   “ฉันเกลียดการดราม่า” คุณอาจถูกคนที่มีอิทธิพลมากกว่าทำเรื่องไม่ดีให้ชีวิตตกต่ำหรือแย่ลง แต่สุดท้ายคุณเลือกที่จะไม่ยกความจริงขึ้นมาพูดถึงเพราะไม่อยากให้มันกลายเป็นการดราม่า แต่ในความเป็นจริงคุณอาจกำลังสร้างเรื่องดราม่ามากกว่าคนอื่นอยู่ก็ได้     “เธอเข้าใจฉันผิดไป” สมมุติว่าเจ้านายของคุณมาพูดอย่างนี้และคุณทำงานออกมาผิดจริง นั่นอาจไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นโรคจิตก็ได้ แต่สำหรับคนที่มีอาการนั้นจริงๆ พวกเขาจะทำหรือพูดบางอย่างให้คุณได้เห็นหรือรับรู้ ก่อนที่จะต่อว่าคุณกลับมาว่าคุณตีความสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อผิดไป หรืออาจบอกว่าสิ่งที่คุณพูดมามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน   “เธอเป็นคนอ่อนไหวมากจริงๆ” ผู้มีอาการ Psychopath จะทำให้คุณต้องเจอกับจุดที่อารมณ์ของคุณอ่อนไหวมากที่สุดและเขาก็จะตอกย้ำให้คุณต้องรู้สึกอย่างนั้น เหมือนกับว่าพวกเขาสามารถควบคุมความรู้สึกของคนอื่นได้   “เธอ บ้าหรือเปล่า / เป็นไบโพลาร์หรือไง…

  • ตรงมั้ยถามใจดู!? 12 ข้อสังเกต ที่จะบอกว่าคู่รักของเพื่อนๆ เค้ารักเราจริงรึเปล่า?

    ตรงมั้ยถามใจดู!? 12 ข้อสังเกต ที่จะบอกว่าคู่รักของเพื่อนๆ เค้ารักเราจริงรึเปล่า?

    คู่รักหลายๆ คู่ล้วนแล้วแต่ก็มีชีวิตรักที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็สวีทกันหวานแหว บ้างก็เงียบๆ เก็บงำไม่แสดงออกความรู้สึกต่อกัน ซึ่งอย่างหลังนี้อาจจะทำให้คนรักรู้สึกอึดอัด และสงสัยว่าเค้ารักเราจริงรึเปล่า? วันนี้ #เหมียวหง่าว มีวิธีสังเกตแบบง่ายๆ ว่าคู่รักของเพื่อนๆ นั้นรักเราจริงหรือหรือเปล่ามาฝากเพื่อนๆ กัน จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… 1. แสดงความรักต่อกัน เขาหรือเธอมักจะยื่นมือมากุมมือซึ่งกันและกัน ลูบไล้บริเวณส่วนต่างๆ ของร่างกาย และกอดจูบกัน (อาจจะนานๆ ครั้ง หรือบ่อยครั้งก็ได้)   2. แบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ให้แก่กัน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเขาต้องเอามาเล่าให้เราฟังอยู่เสมอ ไม่ว่าจะไปเจอเพื่อนของเราคนนู้นคนนี้มา หรือไปดูฟุตบอลแมตช์ที่ชื่นชอบก็มาเล่าให้ฟัง เป็นต้น   3. ชอบเวลาที่อยู่กับคุณ หลายๆ คนต่างก็ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตของตัวเอง แต่ก็อย่าลืมว่าต้องแบ่งมันมาให้กับคู่รักด้วยนะ   4. เข้าใจว่าเรื่องของเซ็กส์นั้นไม่ใช่เป็นเพียงสนองความต้องการของตัวเอง แต่เป็นการสนองความต้องการของทั้งคู่ต่างหาก จะทำให้ชีวิตเซ็กส์ของทั้งคู่นั้นมีความสุขได้เป็นอย่างมาก เพราะทั้งสองคนต่างเอาใจใส่ซึ่งกันและกันในการดำเนินเกมรักไปให้ถึงจุดหมายพร้อมๆ กันอีกด้วย   5. ไม่รู้สึกมีปัญหาหรือคลางแคลงใจว่าคุณไปมีคนอื่นรึเปล่าถึงไม่รับโทรศัพท์หรือตอบข้อความ ใช่แล้วทุกคนต่างก็มีชีวิตส่วนตัวเป็นของตัวเองเพราะฉะนั้นการไม่รับโทรศัพท์หรือไม่ตอบข้อความก็ไม่ได้หายความว่าเขาหรือเธอ กำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่ เพราะฉะนั้นการเชื่อใจก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งเพื่อชี้วัดความรักที่มีต่อกัน   6. ทำให้คุณมั่นใจในตัวเอง เขาหรือเธอจะต้องไม่ทำให้คุณรู้สึกแย่ และจะคอยเชียร์ให้คุณมีกำลังใจในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข…