Tag: สงครามโลกครั้งที่ 2

  • ศิลปินสร้างสีสันให้ภาพเด็กสาวที่ถูกถ่ายใน ‘ค่ายเอาชวิทซ์’ กับความโหดร้ายที่เธอพบเจอ

    ศิลปินสร้างสีสันให้ภาพเด็กสาวที่ถูกถ่ายใน ‘ค่ายเอาชวิทซ์’ กับความโหดร้ายที่เธอพบเจอ

    ว่ากันว่าภาพเก่าๆ หากนำมาแต่งแต้มให้มีสีสันจะช่วยให้ภาพเหล่านั้น สามารถแสดงให้เห็นถึงความรู้สึก และอารมณ์ของภาพได้มากกว่าเดิม และนี่เองก็เป็นเรื่องราวที่สามารถพิสูจน์ชี้ชัดว่าเรื่องที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นความจริง!! ศิลปิน Marina Amaral ได้ทำการแต่งแต้มสีสันให้กับรูปภาพของ Czeslawa Kwoka เด็กสาววัย 14 ปี ชาวโปแลนด์ ที่ตกเป็นนักโทษถูกกักขังอยู่ในค่ายกักกันเอาชวิทซ์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากที่ภาพดังกล่าวถูกแต่งเติมสีสันให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ก็พบว่าภาพนั้นมันช่างดูหดหู่เหลือเกิน เผยให้เห็นถึงความเลวร้ายที่เธอต้องเผชิญมาจากค่ายกักกัน ที่เรียกได้ว่าเป็นนรกบนดินก็ไม่ปาน “มันยากมากที่จะจ้องมองที่ใบหน้าของเธอเป็นเวลานานๆ โดยที่รู้ว่าสิ่งที่เธอพบเจอนั้นมันหนักหนาสาหัสแค่ไหน แม้ว่าการจ้องมองนั้นจะเป็นการมองไปที่ภาพของเธอก็ตาม” Amaral กล่าว     “ฉันต้องการให้ Czeslawa ได้รับโอกาสในการบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง ซึ่งอาจจะมีเรื่องราวของผู้คนอีกมากมายที่ตกเป็นเหยื่อในค่ายกักกันเอาชวิทซ์” “ซึ่งมันก็ง่ายมากๆ เพียงแค่เราเปลี่ยนภาพของพวกเขาให้มีสีสันขึ้นมา เราก็รับรู้ได้เลยว่าพวกเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง ลองจินตนาการดูว่ายังมีคนอีกมากมายนับล้านคนที่ต้องประสบพบเจอกับความโหดร้ายแบบนี้ แต่ก็ไม่สามารถรอดชีวิตออกมาได้” “จากภาพเราจะเห็นถึงรอยฟกช้ำของเธอ มีรอยตัดอยู่ที่บริเวณปาก และเลือดที่เปื้อนใบหน้า ความโหดร้ายทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพียงเพราะคำพูดที่ชักจูงให้เกิดความเชื่อในทางที่ผิดๆ เท่านั้น”     ภาพดั้งเดิมนั้นถ่ายโดยช่างภาพ Wilhelm Brasse เป็นช่างภาพที่มีชื่อเสียงและเขาก็เป็นคนที่ติดตามและเก็บภาพของค่ายกักกันเอาช์วิทซ์ ตอนที่มีชีวิตอยู่เขาได้เล่าถึงภาพใบนี้ว่า “ผมจำภาพของเด็กหญิงนักโทษคนหนึ่งได้ เพราะเธอดูเด็กมาก แต่ก็มีแววตาที่โกรธเกรี้ยว” “เมื่อเธอเดินทางมาถึงที่ค่าย เธอไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าผู้คนที่นี่พูดอะไรกับเธอบ้าง…

  • เหตุเพราะแผ่นดินยุบ หนุ่มเลยรู้ว่าบ้านของตัวเองมี ‘ห้องใต้ดินลับ’ จากช่วง WWII ซ่อนอยู่

    เหตุเพราะแผ่นดินยุบ หนุ่มเลยรู้ว่าบ้านของตัวเองมี ‘ห้องใต้ดินลับ’ จากช่วง WWII ซ่อนอยู่

    เหตุการณ์ไม่คาดฝันคือเหตุการณ์ที่เราไม่ได้คิดถึงมาก่อนว่ามันจะเกิดขึ้น ถ้ามันเกิดขึ้นมาแผนการที่เราวางเอาไว้ อาจจะต้องถูกเลื่อนหรือถูกยกเลิกทั้งหมด เหมือนอย่างผู้ชายคนนี้ Simon Marks ชาวอังกฤษผู้ซึ่งต้องยกเลิกการพักผ่อนและแผนการทั้งหมดที่วางเอาไว้ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพราะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อลานจอดรถของเขาได้ยุบตัวขณะที่เขาได้กำลังเลื่อนรถของเขาออก แต่เมื่อเขาได้ลงมือซ่อมมัน เขาก็ได้เจอกับห้องลับที่ซ่อนอยู่ใต้บ้านมาแสนนาน   โฉมหน้าของชายสุดซวย Simon Marks เขาโอดครวญว่าการที่ลานจอดรถมันยุบตัวลง มันทำลายวันหยุดของเขาลงหมดเลย   จากที่มีแผนว่าจะออกไปข้างนอกตอนบ่าย เขากลับต้องมานั่งเอารถ Vauxhall Zafira ออกจากลานจอดรถให้ได้เสียก่อน และพอนำรถออกมาได้แล้ว เขาก็พบว่าความเสียหายหมดเยอะเหลือเกิน   เขาเจอกับหลุมคอนกรีตอยู่ภายใต้บ้านของเขา เขาตัดสินใจส่งรูปของความเสียหายที่เกิดจากล้อรถไปให้พ่อของเขา Gerald ได้ดู และพ่อก็ตอบกลับมาว่า “พ่อกลัวว่าสักวันบ้านทั้งหลังมันจะหายไปด้วย”   และเมื่อมามองดูใกล้กับความเสียหายแล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่ามันอาจจะมีอะไรที่มากกว่าหลุมธรรมดาหรือการวางโครงสร้างที่ไม่ดี เขาเริ่มที่จะรื้อแผ่นคอนกรีตที่แตกออกทั้งหมด และตอนนั้นเองเขาก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่เขาได้เห็น   มันคือทางลงไปสู่ความมืดมิดกับบันไดเก่าๆ เขาคิดว่าข้างล่างมันต้องเต็มไปด้วยอุปสรรคและอาจจะมีขุมทรัพย์อยู่ และเขากับพ่อก็เริ่มที่จะขุดดินขึ้นมา   พวกเขาไม่มีได้มีเครื่องมือที่ครบครันทันสมัยหรือเครื่องจักรที่คอยให้ความช่วยเหลือในการขุดค้นครั้งนี้ สิ่งที่พวกเขามีก็เพียงแค่พลั่วและถังขุดดินเท่านั้น กับในหลุมที่เต็มไปด้วยดิน   ทั้งคู่ขุดและขุดไปเรื่อยๆ กองดินที่ขุดขึ้นมาก็เริ่มใหญ่ขึ้นๆ น่าแปลกที่การสำรวจพื้นที่ใต้ดินครั้งไม่มีวี่แววที่จะเจออะไรเลย มันเป็นเพียงแค่พื้นที่ว่างก่อนที่บ้านจะถูกสร้างขึ้นเท่านั้น   ไม่นาน Simon และ Gerald ก็ได้ขุดกองดินไปแล้วกว่า 150 เซนติเมตร มากพอที่จะทำให้พวกเขาลงไปคุกเข่าในนั้นได้…

  • ชายผู้ถูกยกย่องเป็นฮีโร่ หลังพลีชีพร่วมกับเด็กชาวยิวเกือบ 200 คนในห้องรมแก๊ส

    ชายผู้ถูกยกย่องเป็นฮีโร่ หลังพลีชีพร่วมกับเด็กชาวยิวเกือบ 200 คนในห้องรมแก๊ส

    ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปี 1940 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นพวกนาซีได้ทำการกวาดล้วงชาวยิวที่อาศัยอยู่ในแถบประเทศโปแลนด์และประเทศเยอรมันด้วย ทำให้โลกของเราต้องสูญเสียประชากรไปหลายแสนคนเลยทีเดียว นับเป็นเรื่องน่าเศร้าสลดใจอย่างยิ่ง ทว่าในเหตุการณ์ที่ดูสิ้นหวังนั้นก็ยังมีแสงสว่างส่องประกายเจิดจ้าอยู่ เขาคือ Janusz Korczak ผู้อุทิศชีวิตให้กับเด็กๆ  แม้ว่าเขาจะช่วยชีวิตเด็กจากการกวาดล้างของนาซีไม่ได้ แต่เขาก็ยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อให้เด็กเหล่านั้นรู้สึกสบายใจจนวาระสุดท้ายของชีวิต     Henry Goldszmit เกิดที่กรุงวอร์ซอว์ในสาธารณรัฐโปแลนด์ ตัวเขาเป็นชาวโปแลนด์ที่มีเชื้อสายชาวยิว แต่ว่าเป็นที่รู้จักมากกว่าในชื่อ Janusz Korczak เขาเป็นทั้งแพทย์ คุณครู นักเขียน และนายทหารอีกด้วย แต่เขาโดดเด่นมากในฐานะนักกิจกรรมสังคม เนื่องจากเขาเป็นคนที่รักเด็กมากเขาจึงใช้เวลาส่วนมากในชีวิตอุทิศให้กับเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นการสอนหนังสือหรือการเรียกร้องสิทธิต่างๆ ให้กับเด็กด้วย เขาเคยกล่าวว่า “พวกเด็กๆ เองก็มีสิทธิที่จะได้รับความเคารพและความอ่อนโยนจากผู้ใหญ่ เพราะพวกเขาเองก็เป็นมนุษย์เช่นเดียวกับผู้ใหญ่อย่างเรา”     นอกจากนี้ในปี 1912 เขาก็ได้ร่วมก่อตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าในกรุงวอร์ซอวร์เพื่อช่วยเหลือเด็กชาวยิวที่ไม่มีที่พึ่งอีกด้วย เขาทั้งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งที่นี่และยังเป็นคนดูแลเด็กๆ เองอีกต่างหาก ทว่าในปี 1939 บ้านเด็กกำพร้าชาวยิวของเขาก็ได้รับผลกระทบจากการกวาดล้างชาวยิวของนาซี โดยทหารได้สั่งให้เด็กที่อาศัยอยู่ที่นั่นทั้งหมดจำนวน 192 คนย้ายเข้าไปอยู่ในค่ายมรณะในเมือง Treblinka ประเทศเยอรมันด้วยอำนาจเผด็จการ แม้ว่า Korczak จะไม่มีความจำเป็นต้องไปอยู่ในค่ายมรณะด้วย แต่ตัวเขาเองก็ไม่อาจจะทิ้งเด็กที่อยู่ในความดูแลให้ไปลำบากกันเองได้ เขาจึงอาสาจะไปอาศัยอยู่ที่นั่นกับเด็กๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเขา    …

  • ญี่ปุ่นประสบปัญหาแต่งงานกันน้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2!!

    ญี่ปุ่นประสบปัญหาแต่งงานกันน้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2!!

    ก่อนหน้านี้ใครหลายคนอาจจะเคยได้ยินข่าวที่ว่า ประเทศญี่ปุ่นในตอนนี้ได้เกิดภาวะวิกฤติในเรื่องจำนวนประชากร เพราะว่าจำนวนเด็กที่เกิดมามีน้อยลงไปทุกที และดูเหมือนว่าปัญหานี้จะเป็นปัญหาที่แก้ได้ยากยิ่งขึ้น สำหรับรัฐบาลของประเทศแดนปลาดิบ อ่านข่าวเก่าได้ที่ >> ญี่ปุ่นมีอัตราการเกิดลดลงอย่างน่าใจหาย และต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2017 ในตอนนี้ได้มีข้อมูลใหม่เปิดเผยออกมาว่า ในปี 2017 ที่ผ่านมานั้นคนญี่ปุ่นได้มีจำนวนการแต่งงานเกิดขึ้นน้อยที่สุดตั้งแต่สมัยสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยทีเดียว!!     แม้ว่าช่วงเทศกาลคริสต์มาสในประเทศญี่ปุ่น จะเป็นเทศกาลที่ทำให้คู่รักได้ออกมานัดเดตกันมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น แต่อย่างไรก็ตามข้อมูลจากกระทรวงคุ้มครองแรงงานและสุขภาพ ของประเทศญี่ปุ่นก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงสถิติที่ดูจะไม่เป็นผลดีต่อชาวญี่ปุ่นมากนัก โดยข้อมูลที่ทางการได้นำมาเปิดเผยก็คือ จำนวนตัวเลขของการแต่งงานที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนมกราคม – เดือนตุลาคม ในปี 2017 ที่มีจำนวนการแต่งงานเกิดขึ้นเพียงแค่ 607,000 คู่เท่านั้น ซึ่งจะน้อยกว่าจำนวนการแต่งงานในปี 2016 ในช่วงเวลาเดียวกันถึง 13,000 คู่ และนับได้ว่าเป็นตัวเลขการแต่งงานที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยทีเดียว     สำหรับในเรื่องนี้รัฐมนตรีกระทรวงคุ้มครองแรงงานและสุขภาพ ก็ได้ออกมาชี้แจงว่า ที่จำนวนการแต่งงานมีตัวเลขที่น้อยลงนั้น เนื่องมาจากการที่จำนวนประชากรวัยหนุ่มสาวมีจำนวนที่ลดน้อยลง และอาจจะส่งผลให้มีจำนวนการเกิดที่น้อยลงตามไปด้วยในอนาคต ดังนั้นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นในสังคมญี่ปุ่น เพื่อที่จะทำให้การแต่งงานเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นสำหรับคู่รักในประเทศ โดยเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้คนญี่ปุ่นไม่อยากแต่งงานและมีลูกนั่นก็คือ เรื่องของค่าครองชีพในประเทศ ซึ่งหากมีลูกก็จะต้องมีค่าดูแลและค่าใช้จ่ายทางการศึกษาที่มีราคาค่อนข้างสูงนั่นเอง     แม้ว่าจะรัฐมนตรีคนนี้จะไม่ได้กล่าวถึง แต่น่าจะมีเหตุผลอีกบางประการที่ทำให้ตัวเลขการแต่งงานในประเทศญี่ปุ่นลดน้อยลงก็คือ…

  • หนุ่มบังเอิญเจอกล่องแพทย์สนามของปู่ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่แกเลยเอามาแชร์ให้เราได้ดูกัน!!

    หนุ่มบังเอิญเจอกล่องแพทย์สนามของปู่ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่แกเลยเอามาแชร์ให้เราได้ดูกัน!!

    ในปัจจุบันนั้นอุปกรณ์การแพทย์ล้ำหนาไปไกลมากๆ และที่สำคัญมันไม่ได้ล้ำแค่เฉพาะที่โรงพยาบาล แต่กล่องแพทย์สนามก็ล้วนบรรจุไว้ด้วยอุปกรณ์ดีๆ ทั้งนั้น แต่เราเคยคิดไหมว่าสมัยช่วงสงครามโลกอุปกรณ์พวกนี้มันจะเป็นยังไง? ชาวเน็ตจากเว็บไซต์ Imgur นามว่า John ก็เลยมาไขปริศนาดังกล่าวให้เราได้หายสงสัยกัน โดยเขาเล่าว่าวันหนึ่งเขาขึ้นไปเก็บห้องใต้หลังคาบนบ้านของเขา ซึ่งเขาก็ได้บังเอิญเจอเข้ากับกล่องพยาบาลที่มีลักษณ์เป็นกล่องไม้และมีตัวหนังสือที่เดาว่าน่าจะเป็นภาษาญี่ปุ่นติดอยู่ เขาเลยคาดว่านี่น่าจะเป็นกล่องแพทย์สนามที่ปู่เขานำติดตัวมาตั้งแต่ช่วงสมัยสงครามโลก เพราะปู่ของเขาเป็นนายทหารที่รอดชีวิตกลับมาจากสงครามแปซิฟิกนั่นเอง   ภาพของห้องใต้หลังคาของ John   และนี่ก็คือกล่องแพทย์สนามที่ว่า ซึ่งมันก็ดูเก่าจริงๆ นั่นแหละ   นอกจากนี้เขายังคาดว่ามันเป็นกล่องของฝ่ายญี่ปุ่นที่ปู่เขานำติดมือมาด้วย   นอกจากนี้ John ยังบอกอีกว่ากล่องดังกล่าวมีวันที่ผลิตยาระบุไว้ว่า มีนาคม 1932 ซึ่งจริงๆ ปีดังกล่าวมันเป็นปีก่อนที่อเมริกาจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับสงครามด้วยซ้ำ   เช่นเดียวกับญี่ปุ่นที่ยังไม่ได้มีบทบาทในสงครามโลกครั้งที่สองจนกว่าจะปี 1940 และอเมริกาก็เพิ่งจะเข้าร่วมจากผลที่ญี่ปุ่นไปถล่มเพิร์ล ฮาร์เบอร์เมื่อปี 1941   ฉะนั้นเท่ากับว่ากล่องแพทย์สนามดังกล่าวมีอายุมาตั้งแต่ต้นยุคสมัยโชวะแล้ว นี่มันเก่าแก่กว่าสงครามโลกอีกนะเนี่ย!!   มาดูภายในกล่องกันบ้าง ซึ่งข้างในยังอยู่ครบถ้วนไม่มีอะไรพังหรือสูญหาย   ภายในมีการเก็บยาทุกอย่างไว้อย่างเป็นระเบียบ แน่นอนว่า John ไม่ได้ทดสอบอะไรมันเพราะมันเป็นยาที่เก่ามากแล้ว บางทีมันอาจจะเป็นพิษก็ได้   ก่อนจะหยิบอะไรออกมานั้น John จะต้องใส่ถุงมือซะก่อน เพราะทุกอย่างล้วนเป็นของเก่าอาจจะมีพิษหรือทำให้ผิวหนังเขาเป็นอันตรายก็ได้  …

  • ภาพถ่ายสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกนำมาเติมสีสัน สร้างความรู้สึกสะเทือนใจยิ่งกว่าเดิม…

    ภาพถ่ายสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกนำมาเติมสีสัน สร้างความรู้สึกสะเทือนใจยิ่งกว่าเดิม…

    สงรามโลกครั้งที่ 2 เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในมหาสงครามที่มีความสูญเสียมากที่สุดครั้งหนึ่งในโลก การสู้รบของฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายอักษะที่กินเวลานานกว่า 6 ปี ที่ถูกบันทึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ เปรียบเสมือนบทเรียนราคาแพงที่คอยเตือนพวกเราเกี่ยวกับหายนะจากความรุนแรงเหล่านั้น และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเผยแพร่ภาพในช่วงของสงครามดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิด B-17 ที่บินอยู่เหนือเมือง Marienburg ประเทศเยอรมนีในปี 1943 หรือภาพเครื่องบิน B-25s ที่กำลังบินปฏิบัติภารกิจเหนือภูเขาไฟวิสุเวียสในประเทศอิตาลี   การประทุของภูเขาไฟวิสุเวียส ประเทศอิตาลี  เมื่อปี 1944 ระหว่างที่เครื่องบินของผ่ายสัมพัธมิตรกำลังปฏิบัติภารกิจ   ภาพของเครื่องบินทิ้งระเบิด B-17 ที่บินอยู่เหนือเมือง Marienburg ประเทศเยอรมนีในปี 1943   นอกจากภาพของเครื่องบินรบแล้ว ยังมีภาพทางประวัติศาสตร์อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นภาพของเหล่าทหารจากหน่วย SS-Grenadiers ที่ในสนามรบที่ฮังการีเมื่อปี 1945 ภาพฟุตเทจการยกพลขึ้นบกที่ฝรั่งเศสในวันดีเดย์ รวมถึงภาพวันสุดท้ายของจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซียที่ถูกประหารเมื่ปี 1916 อีกด้วย ซึ่งภาพถ่ายและฟุตเทจประวัติศาสตร์เหล่านี้ถูกนำมาบูรณะและเติมสีสันใหม่โดยช่างภาพชาวออสเตรียวัย 53 ปี คุณ Mario Unger   ภาพบางส่วนจากฟุตเทจที่เผยให้เห็นการยกพลขึ้นบกที่นอร์ม็องดี ประเทศฝรั่งเศส ของฝ่ายสัมพันธมิตร   เครื่องบินทิ้งระเบิด Bristol Beaufighter จากกองพันธ์ที่ 227 ที่กำลังโจมตีเรือรบของฝ่ายเยอรมันในทะเล Aegean ใกล้กับเกาะคอส ประเทศกรีซ เมื่อเดือนตุลาคมปี 1943   ภายในภาพฟุตเทจยังได้เผยให้เห็นการกวาดต้อนทหารเยอรมันกว่า 16,000-18,000 นาย ไปที่ชายหาดหลังจากที่ฝ่ายสัมพันธมิตรได้เข้ายึดพื้นที่ใกล้ๆ กับเมือง Cherbourg ประเทศฝรั่งเศสได่สำเร็จ…

  • วินาทีประทับใจ เมื่อคุณปู่วัย 102 ปี ได้พบหลานชายตัวเอง เป็นครั้งแรกในชีวิต…

    วินาทีประทับใจ เมื่อคุณปู่วัย 102 ปี ได้พบหลานชายตัวเอง เป็นครั้งแรกในชีวิต…

    สำหรับคนที่เคยมีครอบครัวแสนอบอุ่นแล้วมีเหตุให้ต้องพลัดพรากจากกันไป จะมีอะไรดีไปกว่าการได้เจอกับครอบครัวแสนมีความสุขนั้นอีกครั้ง เหมือนกับเรื่องราวของคุณปู่อายุ 102 ปีคนนี้ ที่คิดว่าญาติพี่น้องของเขาได้เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปหมดแล้ว แต่มาวันหนึ่งเขาก็ได้เจอญาติที่พลัดพรากจากกันราวค่อนชีวิต Eliahu Pietruszka คุณปู่วัย 102 ปีเป็นคนหนึ่งที่สามารถหลบหนีมาจากประเทศโปแลนด์ในตอนที่เกิดสงครามโลกออกครั้งที่ 2 ออกมาได้ ทว่า Eliahu วัย 24 ปีในตอนนั้นก็ถูกบีบบังคับให้ต้องละทิ้งครอบครัวของเขาหากอยากมีชีวิตรอด และนั่นรวมถึง Volf น้องชายสุดที่รักของเขาด้วย   พบกันครั้งแรกในชีวิต   ในขณะเดียวกัน Volf สามารถหนีรอดออกมาจากค่ายกักกันมรณะ ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่ครอบครัวของเขาเสียชีวิตไปทั้งหมด แต่ว่าในท้ายสุดเขาก็ถูกจับไปเป็นแรงงานทาสที่ค่าย Gulag เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีและไร้ซึ่งการติดต่อใดๆ ทำให้ Eliahu คิดว่าน้องชายเขาได้เสียชีวิตที่ค่ายกักกันดังกล่าวไปแล้ว จนปัจจุบัน Eliahu ผู้เหลือตัวคนเดียว ใช้ชีวิตอยู่ในวัย 102 ปีอยู่ที่ประเทศอิสราเอล ส่วน Volf น้องชายของเขากลับรอดชีวิตมาได้ และสร้างครอบครัวอยู่ที่ชนบทแห่งหนึ่งในประเทศรัสเซีย และที่นั่นเขาก็ได้ให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่งขึ้นมาชื่อว่า Alexandre     แต่แล้วก็เหมือนมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเมื่อ Eliahu ไปพบหลักฐานว่าเขามีหลายชายคนหนึ่งที่เกิดมาจาก Volf น้องชายเขา…

  • เทียบอดีตและปัจจุบันของ “อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์” ย้อนรำรึกเหตุการณ์ความสูญเสียที่ไม่อาจลืมเลือน

    เทียบอดีตและปัจจุบันของ “อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์” ย้อนรำรึกเหตุการณ์ความสูญเสียที่ไม่อาจลืมเลือน

    ในเช้าวันที่ 7 ธันวาคมปี 1941 เหตุการณ์โจมตีอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นเหตุให้มหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาตัดสินใจเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านไปแล้วกว่า 76 ปี เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นยังคงอยู่ในความทรงจำของเหล่าทหารที่ประจำการอยู่ ณ อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ บนเกาะฮาวาย กันได้เป็นอย่างดี ซึ่งความสูญเสียเหล่านั้นก็คงเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน และภาพถ่ายเหตุการณ์แห่งประวัติศาสตร์ที่มีทหารบาดเจ็บและเสียชีวิตมากกว่า 2,403 คนนี้ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับภาพปัจจุบันก็อาจจะให้ข้อคิดบางอย่างกับพวกเราได้…     ภาพของเหล่าทหารที่กำลังอยู่ในแนวป้องกัน เพื่อเฝ้าระวังการโจมตีของเครื่องบิน .   ภาพของเรือรบ USS California ที่กำลังลุกไหม้ ส่วนด้านหลังคือเรือรบ USS Arizona ที่กำลังลุกไหม้เช่นกัน   เศษซากของเครื่องบินที่เกิดจากการโจมตีของฝ่ายกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น   ภาพหอคอยแห่งประวัติศาสตร์ ที่รอดจากการโจมตี ปัจจุบันมันถูกใช้เป็นหอบังคับการบิน   ภาพการระเบิดของเรือ USS Shaw   อีกหนึ่งมุมมองจากเกาะ Ford ระหว่างที่เรือ USS Arizona กำลังถูกโจมตี   ซากปรักหักพังของโรงเก็บเครื่องบินที่ 6 บนเกาะ Ford   การมองภาพต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่จะคอยย้ำเตือนให้เรารู้ถึงความสูญเสียของเหตุการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี   ที่มา businessinsider

  • รวมภาพสงครามโลกครั้งที่ 2 จากภาพขาวดำนำมาลงสีใหม่ ทำให้เห็นภาพแล้วได้อรรถรสมากขึ้น!!

    รวมภาพสงครามโลกครั้งที่ 2 จากภาพขาวดำนำมาลงสีใหม่ ทำให้เห็นภาพแล้วได้อรรถรสมากขึ้น!!

    ภาพถ่ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  เป็นสิ่งที่หาดูได้ยากเพราะว่าระหว่างการสู้รบแต่ละคนก็ต้องพยายามเอาชีวิตของตัวเองให้รอด และนอกจากนั้นในสมัยนั้นยังมีแค่เพียงรูปถ่ายขาวดำเพียงอย่างเดียว แต่ว่าวันนี้มีผู้นำภาพดังกล่าวมาทำให้เป็นภาพสี เขามีชื่อว่า Royston Leonard อายุ 55 ปี จากประเทศเวลส์ เพราะเขาเชื่อว่าภาพที่เป็นสีจะให้ความถูกต้องในการแสดงภาพได้มากกว่า และทำให้เห็นรายละเอียดของทหารอเมริกันระหว่างสงครามว่ามีความลำบากขนาดไหน ซึ่งภาพเหล่านั้นจะแสดงให้เห็นถึงความเป็นสงครามอย่างไร เชิญชมได้เลย   ภาพขณะนาวิกโยธินชื่อ J. Paget ยิงถล่มเหล่า พลซุ่มยิงของญี่ปุ่นในปี 1944   ทหาารสหรัฐพยายามที่จะนำรถบรรจุปืนใหญ่ฝ่าพื้นดินในป่าที่สัญจรได้ยาก และในภาพคือทหารกองพันที่ 3 กำลังติดตั้งปืนใหญ่ในหมู่เกาะโซโลมอน   กับระเบิดของญี่ปุ่นได้ทำลายแนวหน้าของสหรัฐ ที่ปาปัวนิวกินี ในระหว่างปี 1942-1943   หลังจากญี่ปุ่นเข้าโจมตี Pearl Harbor อย่างไม่คาดคิดในปี 1941 ทำให้อเมริกาเข้าร่วมสงคราม และในภาพคือกองเรือที่ส่งเข้าไปปกป้องเกาะ Peleliu ในเดือน กันยายน ปี 1944   ภาพนาวิกโยธินสหรัฐเริ่มยิงปืนครกที่เกาะ Solomon   รถถังรุ่น M4 Cherman ของกองพันที่ 763 และกองกำลังภาคพื้นกำลังรบที่เกาะโอกินาว่า ในเดือนเมษายนปี 1945  …

  • การเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา… 17 ภาพอดีต-ปัจจุบัน ของสมรภูมิรบในสงครามโลกครั้งที่ 2

    การเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา… 17 ภาพอดีต-ปัจจุบัน ของสมรภูมิรบในสงครามโลกครั้งที่ 2

    ถ้าหากจะพูดถึงสงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้ว อีกหนึ่งในการรบที่หลายๆ คนนึกถึงคงหนีไม่พ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างแน่นอน และระหว่างการทำสงครามของฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายอักษะ ที่กินเวลายาวนานกว่า 6 ปี (ปี 1939-1945) มีหลายๆ พื้นที่ที่ถูกใช้ในการทำยุธการศึกต่างๆ ซึ่งวันนี้เองเราก็ได้รวมภาพการเปลี่ยนแปลงของสนามรบเหล่านั้นมาฝากกัน และแต่ละที่จะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนไปชมกันเลย…   1. สนามรบในยุทธการที่นครสตาลินกราด, 23 สิงหาคม 1942 ถึง 2 กุมภาพันธ์ 1943   ปัจจุบันคือเมืองวอลโกกราด เมืองอุตสาหกรรมสำคัญและเมืองหลวงของมณฑลวอลโกกราด ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศรัสเซีย   2. The Ardennes สนามรบในยุทธกาลตอกลิ่ม, 16 ธันวาคมปี 1944 ถึง 25 มกราคมปี 1945   ปัจจุบันที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอนุสรณ์ของสงคราม   3. ท่าเรือเพิร์ล หรือ เพิร์ลฮาร์เบอร์ ในฮาวาย, 7 ธันวาคมปี 1941   และนี่คือโฉมหน้าของ เพิร์ลฮาร์เบอร์…

  • ชายหนุ่มบังเอิญพบดินแดนและซากอารยธรรม ที่ถูกทิ้งร้างตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

    ชายหนุ่มบังเอิญพบดินแดนและซากอารยธรรม ที่ถูกทิ้งร้างตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

    เราคงจะเคยเห็นภาพสถานที่ที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้ต่างๆ มามากมาย ไม่ว่าจะเป็นสุสานรถเก่า หรือตึกร้างที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป แม้แต่พื้นที่ในประวัติศาสตร์อันเก่าแก่และเคยมีความหมายเมื่อครั้งอดีต บางครั้งก็จะให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าจะมีภูติผีวิญญาณอาศัยอยู่บริเวณนั้นก็ได้ เหมือนกับที่ชายหนุ่มสมาชิกเว็บไซต์ Imgur ที่มีชื่อว่า CanadaSpeedoMan ได้ไปพบและสำรวจพื้นที่สนามบินเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 บนเกาะกรีนแลนด์ ที่ดูรกร้างทิ้งสิ่งปลูกสร้างเอาไว้มากมาย ชวนให้คิดถึงสภาพสงครามในยุคนั้น เขาได้เก็บภาพเหล่านั้นมาเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้ไปเจอมา บอกอีกว่าเขาใช้เวลามากกว่า 1 สัปดาห์ก็ยังสำรวจพื้นที่แห่งนี้ไม่ทั่วเลย   เขาและภรรยามีโอกาสเดินทางไปเขตทุรกันดารแถบตะวันออกเฉียงใต้ในกรีนแลนด์   พวกเขาเคลื่อนที่ไปตามอ่าวแคบๆ จนพบเข้ากับ “Bluie East Two” ซึ่งห่างไกลจากคำว่าอารยธรรมอย่างมาก ชวนให้ขนลุกไม่ใช่น้อย   มันเป็นที่สำหรับเติมน้ำมันเครื่องบินของอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 .   จะเดินทางเข้ามาที่นี่ต้องล่องเรือมาเป็นเวลาหลายเดือนเท่านั้น เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถเข้ามาได้เลยจากปัญหาทะเลน้ำแข็ง .   มีถังน้ำมันทิ้งเอาไว้มากมาย และบางถังยังคงมีน้ำมันหลงเหลืออยู่ด้านใน   ในสถานที่นี้ยังคงมีสิ่งต่างๆ ทิ้งร้างเอาไว้เพียบ อย่างเช่นโรงเก็บรถและเครื่องบิน   ชาวเอสกิโมเดินเท้าหรือเรือหาปลาเล็กเข้ามากู้ซากต่างๆ ที่สามารถใช้ได้ไป   เตาไฟสำหรับพลังงานและความร้อนของโรงเก็บนี้   หอสัญญาณวิทยุเก่า   ภรรยาของเขากำลังเดินข้ามสะพานเก่า ซึ่งไม้ที่ใช้ถูกลำเลียงมากจากไซบีเรียด้วยเรือ เพราะแถวนั้นไม่มีต้นไม้ที่สามารถนำมาใช้ได้เลย   ความแห้งแล้งรอบข้างที่เห็นได้ชัด…

  • คุณปู่อดีตทหารวัย 94 ผู้รอดชีวิตจากสมรภูมิ Dunkirk เล่าถึงความรู้สึกสุดเศร้า หลังได้ดูหนังเรื่องนี้!!

    คุณปู่อดีตทหารวัย 94 ผู้รอดชีวิตจากสมรภูมิ Dunkirk เล่าถึงความรู้สึกสุดเศร้า หลังได้ดูหนังเรื่องนี้!!

    หลังจากที่หนังเรื่อง Dunkirk ได้เข้าฉายในบ้านเรากันไปแล้ว ก็มีกระแสตอบรับมากมายกลับมา ซึ่งส่วนใหญ่ก็ให้คะแนนรีวิวที่ดีมากๆ เลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นสื่อไทยหรือสื่อนอก แน่นอนว่าเราที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ก็จะให้ความรู้สึกเหมือนกับได้ไปอยู่ในสมรภูมิแห่งนั้นจริงๆ และเราก็รู้ว่า Dunkirk เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่จะเป็นยังไงถ้าให้นายทหารที่ผ่านสมรภูมิดังกล่าวในชีวิตจริง มาดูหนังเรื่องนี้บ้าง?     Ken Sturdy นายทหารวัย 94 ปี ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ใน Dunkirk ก็ได้เดินทางมาเพื่อชมหนังเรื่องนี้เช่นกัน ในตอนนั้นคุณปู่ Ken ยังเป็นเพียงหนุ่มในช่วงวัยยี่สิบต้นๆ เท่านั้น และยังเป็นทหารสังกัด Royal Navy ของอังกฤษ หลังจากที่ดูจบเขาถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาอย่างไม่รู้ตัวพร้อมกับเล่าถึงความรู้สึกของตัวเองออกมา   “หลังจากที่ผมดู ผมรู้สึกเหมือนได้ดูเพื่อนเก่าของผมอีกครั้ง ส่วนใหญ่ก็ตายในสงคราม ซึ่งระหว่างที่ผมเดินทางไปที่ แอตแลนตกเหนือเพื่อลำเลียงกำลังพลกลับ ผมก็สูญเสียสหายร่วมรบไปมากมายเลยทีเดียว” “ผมไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นเหตุการณ์ที่เคยประสบอีกครั้ง มันทำให้ผมรู้สึกว่าได้กลับไปอยู่ตรงจุดๆ นั้น”     ไม่หมดเท่านั้นคุณปู่ยังปิดท้ายอีกว่า “ผมร้องไห้กับเรื่องราวในครั้งนี้เพราะ สงครามของมนุษย์ไม่เคยจบสิ้น มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาด พวกเราสามารถจะท่องอวกาศ สามารถจะบินไปดวงจันทร์ได้ พวกเราทำอะไรได้มากมาย แต่ท้ายที่สุดมนุษย์ก็ยังทำเรื่องโง่ๆ อย่างเช่น “สงคราม” อยู่ดี”  …

  • ทีมสำรวจพบร่างของนายทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากสูญหายนาน 72 ปี

    ทีมสำรวจพบร่างของนายทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากสูญหายนาน 72 ปี

    ในช่วงสงครามการสูญหายของทหารกล้าในสนามรบนั้นเป็นเรื่องที่สร้างความเศร้าเสียใจให้กับครอบครัวที่รอคอยการกลับมาของพวกเขาเป็นอย่างมาก แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับมีเรื่องน่าเหลือเชื่อเกิดขึ้นกันครอบครัวหนึ่ง เมื่อพวกเขามีโอกาสได้พบกับร่างของชายผู้เป็นที่รักหลังจากที่ผ่านไปนานถึง 72 ปี ครอบครัวของร้อยโท William J Gray Jr. ได้มีโอกาสพบร่างของเขาอีกครั้งหลังจากที่เกิดเหตุการณ์เครื่องบินตกที่เยอรมนี ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2     ทีมสำรวจพบโครงกระดูกของร้อยโท Gray ติดอยู่กับรากของต้นไม้ในเมือง Lindau ใกล้ๆ กับชายแดนประเทศ Lichtenstein การรอคอยอย่างยาวนานสิ้นสุดลง ครอบครัวได้นำร่างของเขากลับไปประกอบพิธีศพที่ Seattle รัฐ Washington อย่างสมเกียรติ     ทีมค้นหาได้ทำหน้าที่อย่างหนักในการหาร่างของร้อยโทท่านดังกล่าว พวกเขาเริ่มหาเบาะแสจากจุดที่เครื่องบินตก และค้นหาเศษซากเครื่องบิน จนกระทั่งใช้เวลาในการค้นหานานถึง 15 วันจึงพบโครงกระดูกของนายทหารท่านนี้ ผลการตรวจ DNA ของโครงกระดูกกับน้องสาวของเขา ช่วยยืนยันว่าร่างที่พบคือร้อยโท Gray ตัวจริง เมื่อร่างของเขาเดินทางกลับมาถึงดินแดนบ้านเกิด นายทหารท่านนี้ก็ได้พักผ่อนอย่างสบายใกล้ๆ กับหลุมศพของเพื่อนสนิทเขาร้อยโท Jim Louvier     ลูกสาวของร้อยโท Gray คุณ Jan Bradshaw บอกว่า “ทั้งสองออกไปรบด้วยกัน ฉันหวังว่าพ่อจะอยู่ตรงนี้ด้วย และเขาน่าจะดีใจที่ได้กลับบ้าน” ส่วนทางด้านคุณ Doug Louvier หลานชายของร้อยโทท่านนี้กล่าวว่า “ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันมาก ผมคิดว่าพวกเขาคงจะดีใจมากๆ ที่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง”   ที่มา ladbible

  • ‘Paddy’ Mayne จากนักกีฬารักบี้ทีมชาติ ชีวิตเมาหัวราน้ำสุดกู่ สู่ฮีโร่ในสงครามโลกครั้งที่ 2

    ‘Paddy’ Mayne จากนักกีฬารักบี้ทีมชาติ ชีวิตเมาหัวราน้ำสุดกู่ สู่ฮีโร่ในสงครามโลกครั้งที่ 2

    ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ Blair ‘Paddy’ Mayne อดีตนักกีฬารักบี้ทีมชาติอังกฤษ ที่ผันตัวมาเป็นทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกลายเป็นฮีโร่ผู้รับหน้าที่ทำภารกิจที่เสี่ยงอันตรายมาแล้วมากมาย     Paddy เป็นชายที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะมีร่างกายที่แข็งแรง ตัวสูง หน้าตาหล่อเหลา เล่นกีฬาเก่ง ทั้งกอล์ฟ คริกเกต และการยิงปืนไรเฟิล นอกจากนี้ก็ยังมีความเฉลียวฉลาดแบบสุดๆ เพราะเขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านกฎหมายและเตรียมตัวที่จะเป็นทนายความแล้ว แต่เนื่องจากว่าสกิลในการเล่นรักบี้ของพี่แกนั้นช่างโดดเด่นซะเหลือเกินจนได้เข้าไปเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษเมื่อปี 1938 แต่ข้อเสียของพี่ Paddy นั้นมีเพียงข้อเดียวคือเป็นคนที่ติดเหล้าอย่างหนัก แถมเวลาเมาแล้วก็ชอบระรานคนอื่นไปทั่ว มีครั้งหนึ่งที่นาย Harry McKibbin เพื่อนร่วมทีมเล่าว่าหลังจากจบการแข่งขันที่แอฟริกาใต้ พี่แกก็ออกไปเที่ยวจนดึกดื่นพอกลับมาที่โรงแรมก็พังห้องซะเละเลย นอกจากนี้ก็ยังไปต่อยตีกับเพื่อนร่วมทีมอยู่หลายครั้งหลังจากที่ดื่มจนหนัก     จนมาถึงปี 1939 Paddy ก็ได้ถูกเชิญชวนให้ไปเข้ากองทัพกับหน่วยปืนใหญ่ Royal Artillery ก่อนที่ความสามารถในการยิงปืนและการรบของเขา จะไปเตะตาท่านนายพัน David Stirling ผู้ก่อตั้งหน่วย SAS (Special Air Service) SAS เป็นหน่วยรบพิเศษที่มีชื่อเสียงของประเทศอังกฤษ (เช่นเดียวกับหน่วย Delta Force และ Navy…

  • ชายหนุ่มสำรวจ “เหมืองหินเก่า” แล้วดันเจอกับ “กองทัพรถยนต์” ตั้งแต่สมัยสงครามโลก

    Vincent Michel อาจารย์พละจากประเทศเบลเยียม ได้บรรยายพร้อมกับโชว์ภาพของโรงเก็บรถเก่าแก่ที่เขาได้ไปเจอเข้าในในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเขาคาดว่ามันจะเป็นโรงจอดรถตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 รถพวกนี้น่าจะถูกเอามาซ่อนไว้ด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ทว่าท้ายที่สุดก็เหมือนว่าพวกมันจะถูกลืมและถูกทิ้งร้างไว้จนเหลือแต่สนิม ซึ่งมันก็คงจะเป็นเวลานานกว่า 70 ปีเลยทีเดียว เอาเป็นว่าเรามาลองดูภาพที่พวกเขาไปเก็บมากันก่อนดีกว่า..     Michel บอกว่า “มันรู้สึกเหมือนได้เดินทางย้อนเวลากลับไปเมื่อ 70 ปีก่อนเลยนะ แล้วผมก็ได้แต่คิดว่ามันเป็นไปได้ยังไงกัน” “พวกเราคาดว่ารถพวกนี้มันน่าจะถูกนำมาซ่อนไว้ในเหมืองหินแห่งนี้ ตั้งแต่ช่วงเริ่มสงครามโลก เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันถูกยึดไป” รถส่วนใหญ่ล้วนว่างเปล่า เหลือทิ้งไว้แต่เศษสนิมและโครงเหล็กเปล่าๆ   เขายังเสริมอีกว่า ‘ไม่นานหลังจากที่พวกเรามาที่นี่ เจ้าของเหมืองก็ได้มาเอารถบางคันออกไปและนำไปประมูล แต่รถส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในที่ของมันอย่างเดิม เพราะบางคันมันเสียหายเกินกว่าจะเคลื่อนย้ายได้’ และเขาบอกปิดท้ายว่า เขาหวังว่าจะเจอสถานที่แบบนี้อีก เพราะมันน่าหลงไหลมากๆ เลยทีเดียวล่ะ เขาเล่าถึงความรู้สึกหลังจากที่ไปเจอที่แห่งนี้ว่า มันให้ความรู้สึกเหมือนเขาได้ย้อนเวลากลับไปในยุคก่อนเลย ซึ่งมันน่าตื่นเต้นมากๆ เลย!! . . . . . . . . . .     มันเป็นสถานที่สำคัญแห่งประวัติศาสตร์ และหวังว่าในอนาคตก็อาจจะถูกพัฒนาอย่างเหมาะสมต่อไปนะ!! ที่มา dailymail 

  • เมื่อ 11 ภาพประวัติศาสตร์ ‘สงครามโลกครั้งที่ 2’ ถูกทำให้เป็นภาพสี ควรค่าแค่การรับชม…!!

    เมื่อ 11 ภาพประวัติศาสตร์ ‘สงครามโลกครั้งที่ 2’ ถูกทำให้เป็นภาพสี ควรค่าแค่การรับชม…!!

    สงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นจากความขัดแย้งทางทหารของฝ่ายสัมพันธมิตรกับฝ่ายอักษะ โดยเริ่มต้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน 1939 จากการบุกโปแลนด์จากของเยอรมนี…. ภาพต่างๆอาจจะเป็นแค่ความทรงจำในอดีตที่เหลือไว้ อาจจะถูกลืมเลือนไปบ้าง แต่อย่างไรจากภาพ “ขาว-ดำ” มันกถูกเปลี่ยนไปเป็น “ภาพสี” ให้เราดูอีกครั้ง… ว่าช่วงเวลาเหล่านั้นเป็นเช่นไร!!   ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 1945 ณ เมืองทังเกอมุมเดอร์ ประเทศเยอรมัน ผู้คนที่พยายามข้ามแม่น้ำเอลลี่โดยเส้นทางรถไฟ เพื่อหนีความวุ่นวายหลังสงคราม   ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 26 กันยายน 1945  ค่ายลี้ภัยชั่วคราว “Lehrter Strasse” ที่กรุงเบอร์ลิน หลังเยอรมนีถูกถอนรากถอนโคนในช่วงสงคราม   ภาพถ่ายการกินข้าวในค่ายผู้ลี้ภัย ในเยอรมนี   ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 1945 ชาวโปแลนด์ที่รอคอยความหวังจากความช่วยเหลือของกองทัพอังกฤษ บริเวณเส้นทางรถไฟ ในสภาพอากาศที่หนาวเย็น   ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 2 มกราคม 1945 สภาพผู้ลี้ภัยในประเทศเบลเยียม ที่รอการเคลื่อนย้ายไป มณฑลลักเซมเบิร์ก หลังสงครามเมื่ออเมริกาเข้ายึดครอง…