Tag: ยากูซ่า

  • ความจริงที่หลายคนไม่รู้ สาเหตุที่ทำให้ Nintendo ยังมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะยากูซ่า!?

    ความจริงที่หลายคนไม่รู้ สาเหตุที่ทำให้ Nintendo ยังมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะยากูซ่า!?

    เมื่อพูดถึง Nintendo ผู้เป็นเจ้าของเกมดังๆ ทั้ง Mario, Zelda, Donkey Kong และอื่นๆ อีกมากมาย เราก็มักจะคิดว่าบริษัทนี้นั้นเติบโตมาได้จากการขายเกมให้กับคนทั่วๆ ไปจนกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างทุกวันนี้ใช่ไหม? คุณคิดผิดแล้วละ เพราะว่าลูกค้ากลุ่มแรกของ Nintendo นั้นไม่ใช่ลูกค้าทั่วไปหรอก แต่ว่าเป็นเหล่ายากูซ่าขาโหดในยุคอดีตต่างหากที่คอยอุ้มชูและทำให้เรามีบริษัทปู่นินอย่างทุกวันนี้     หลายคนก็คงจะสงสัยว่าทำไมยากูซ่าถึงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของบริษัทนี้ ยากูซ่าไม่ได้หากินกับเรื่องผิดกฎหมายหรอกเหรอ? ซึ่งความจริงยากูซ่าก็ทำมาหากินกันแบบนั้นแหละ เพียงกิจกรรมหลักของพวกเขานั่นก็คือการเล่นไพ่และสินค้าแรกของบริษัทก็คือไพ่นั่นเอง เรื่องราวมันเริ่มต้นเมื่อปี 1889 ในเมืองเกียวโต ซึ่งตอนนั้นบริษัท Nintendo ได้ถูกก่อตั้งขึ้นและขายการ์ดเกมที่เรียกว่า Hanfuda หรือ ไพ่ดอกไม้     โดยการ์ดเกมดังกล่าวนั้นตอนแรกก็ไม่ได้จำกัดหรอกว่ามันจะขายให้กับใคร เพราะพวกเขาออกแบบมาทั้งเวอร์ชั่นที่เป็นมิตรสำหรับเด็กและทุกคนไปจนถึงเวอร์ชั่นผู้ใหญ่ เพียงแต่ว่ายากูซ่าที่ทำธุรกิจคาซีโนในตอนนั้นจำเป็นจะต้องใช้ไพ่ของบริษัทดังกล่าว เพราะว่าทุกครั้งที่มีการเล่นตาใหม่พวกเขาจะต้องใช้ไพ่ชุดใหม่ตลอด ทำให้นับแต่นั้นยากูซ่าจึงกลายเป็นลูกค้าหลักในการซื้อไพ่จนทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ     ความสำเร็จที่ว่านั้นส่งผลให้ตัวบริษัทสามารถทำรายได้อย่างงดงามเป็นเวลากว่า 70 ปี จนกระทั่งในปี 1963 ทางบริษัทได้ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อบริษัท และลองทำธุรกิจอื่นๆ เช่น แท็กซี่ ร้านอาหาร หรือแม้แต่โรงแรมม่านรูด อย่างไรก็ตาม จากการลองต่อยอดธุรกิจไปในเส้นทางต่างๆ Nintendo ก็พบว่ามันช่างไม่เข้าท่าเอาซะเลย…

  • คลายข้อสงสัย ทำไมยากูซ่าชอบถูกตัดนิ้ว โดยเฉพาะเวลาจะออกจากแก๊งหรือทำผิด

    คลายข้อสงสัย ทำไมยากูซ่าชอบถูกตัดนิ้ว โดยเฉพาะเวลาจะออกจากแก๊งหรือทำผิด

    บ่อยครั้งที่เราดูหนังหรือซีรีส์ที่มียากูซ่ามาเกี่ยวข้อง เรามักจะเห็นวัฒนธรรมสองอย่างของยากูซ่า นั่นก็คือการคว้านท้องและการตัดนิ้วก้อย ซึ่งหลายคนที่ได้ดูก็คงจะเกิดความสงสัยว่าเขาทำกันไปเพื่ออะไร ทำไปทำไม โดยเฉพาะการตัดนิ้ว การนิ้วของยากูซ่านั้นจะเรียกกันว่า ‘ยูบิสึเมะ‘ ซึ่งแปลตรงตัวว่าทำให้นิ้วสั้น โดยการทำแบบนี้จะเป็นพิธีที่ใช้เพื่อชดเชยความผิดที่ทำไปด้วยการตัดนิ้วก้อย ต้นกำเนิดของวัฒนธรรมยากูซ่านี้เริ่มมาจากไหนและเมื่อไหร่นั้นไม่มีใครรู้แน่ชัด แต่มีการเล่าต่อกันมาว่าเริ่มจากช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 ถึงศตวรรษที่ 20 โดยกลุ่มนักพนันที่เรียกตัวเองว่าบาคุโตะและเทคิยะ เริ่มใช้มันเพื่อที่จะให้คนที่แพ้พนันจ่ายนิ้วแทนหนี้ที่ติดไว้     ส่วนสาเหตุที่ต้องเป็นนิ้วก้อยนั่นก็เพราะ ในสมัยก่อนที่ยังใช้ดาบเป็นอาวุธนั้น นิ้วก้อยถือเป็นนิ้วสำคัญที่ทำให้รากฐานในการจับดาบมั่นคง ฉะนั้่นถ้าเกิดว่าใครที่ถูกตัดนิ้วออกไปก็จะถูกลดความสามารถในการใช้อาวุธไปตลอดชีวิตจนรู้สึกว่าจะต้องพึ่งเจ้านายมากขึ้นนั่นเอง ขั้นตอนการตัดนิ้วนั้นจำเป็นจะต้องเอามือวางไว้บนผ้าขาว จากนั้นใช้มีด Tantō ในการตัดนิ้ว ก่อนจะส่งนิ้วดังกล่าวให้กับโอะยาบุง (หัวหน้า)     ส่วนเหตุผลหลักของการใช้นิ้วข้างซ้ายนั้นมาจากการที่มือซ้ายในวัฒนธรรมเอเชียถือเป็นเรื่องไม่ดี นอกจากนั้นจำนวนประชากรที่เกิดมาและถนัดซ้ายนั้นก็มีอยู่น้อยมากๆ เรียกว่ามีจำนวนน้อยสุดๆ โดยคิดเป็นอัตราร้อยละ 0.7 ของเด็กญี่ปุ่นที่กินข้าวด้วยมือซ้ายและ 1.7 ที่เขียนหนังสือด้วยมือซ้าย     การลงโทษด้วยวิธียูบิสึเมะ เป็นวิธีที่สามารถทำได้ตลอดแม้ว่านิ้วก้อยจะไม่เหลือแล้วก็ตาม เพราะถ้าสมาชิกคนๆ นั้นยังคงทำผิดเรื่อยๆ พิธีกรรมดังกล่าวก็จะยังคงดำเนินต่อไป และถ้าเกิดใครที่หลบหนีหรือปฎิเสธการลงโทษก็จะถูกขับไล่ออกจากแก๊งหรืออาจจะต้องถูกสั่งเก็บ…   ที่มา ladbible

  • ยิ่งกว่าละคร… ตำรวจญี่ปุ่นสาวต้องจับซากูซ่าหนุ่ม แต่ดันโดนขโมยหัวใจไปได้ซะนี่!!

    ยิ่งกว่าละคร… ตำรวจญี่ปุ่นสาวต้องจับซากูซ่าหนุ่ม แต่ดันโดนขโมยหัวใจไปได้ซะนี่!!

    บางครั้งชีวิตคนเรามันก็เหมือนละคร จนเราต้องตั้งคำถามว่าจริงๆ นี่เรายังอยู่ในละครสักเรื่องหรือเปล่า ดังเช่นเรื่องราวของตำรวจสาวและยากูซ่าหนุ่ม คนจากสองขั้วตรงข้ามที่ผันตัวมาเป็นคนรัก เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนพฤษจิกายน 2017 โดยมีเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจย่านชินจูกุเดินทางไปบุกจับตัวสมาชิกแก๊งยากูซ่าวัย 30 ซึ่งหนึ่งในเจ้าหน้าที่นั้นก็มีเจ้าหน้าที่สาววัย 23 เดินทางไปด้วย     ในเวลาต่อมาจากการสืบสวนสมาชิกแก๊งคนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวเขาออกมาและให้ตำรวจสาวรับหน้าที่ดูแลเพื่อคอยสอบถามข้อมูลตลอดเวลา แน่นอนว่าทั้งคู่นั้นได้แลกเบอร์ติดต่อและอีเมลล์ของกันและกัน นับจากนั้น การพูดคุยในเชิงสอบสวนและติดตามก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ทั้งคู่พูดคุยกันถูกคอและเริ่มเดินทางไปไหนมาไหนด้วยกันในฐานคนรัก ถ้านี่คือละครทีวี ช่วงเวลานี้คงจะเป็นช่วงที่ฝ่ายชายจะต้องคิดถึงเรื่องร้ายต่างๆ ที่ตนเองเคยทำมา และผันตัวเองลบล้างประวัติจนหมดสิ้นในภายหลัง     เพียงแต่ว่านี่คือชีวิตจริง เรื่องมันได้ไม่ได้สวยงามอย่างนั้น เพราะหลังจากทั้งคู่ใกล้ชิดกันเกินไปจนทำให้เจ้าหน้าที่คนอื่นตั้งข้อสงสัยว่า ตำรวจสาวคนดังกล่าวนั้นหันไปร่วมมือและเปิดเผยข้อมูลลับแก่ยากูซ่าหนุ่ม ซึ่งในเวลาต่อมาจากการสอบสวนก็พบว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ เธอได้ให้ข้อมูลลับต่างๆ แก่แฟนหนุ่มและสมาชิกแก๊ง ซึ่งเธอบอกว่าเธอไม่คิดว่าหลังจากความรักที่มีให้กัน แฟนหนุ่มจะเอาความลับทั้งหมดรวมถึงความสัมพันธ์ไปบอกคนอื่น     อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตำรวจสาวจะถูกลดขั้นและสั่งย้าย ทั้งคู่ก็ไม่ได้ถูกเอาผิดแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ายชายยังบอกว่าเขายังอยากจะดำเนินความสัมพันธ์กับตำรวจสาวต่อไป   ที่มา soranews24, nhk

  • เผยอีกด้านหนึ่งของอิทธิพลมืด ยากูซ่าแจกขนมวันฮาโลวีน มอบความสุขให้กับเด็กๆ

    เผยอีกด้านหนึ่งของอิทธิพลมืด ยากูซ่าแจกขนมวันฮาโลวีน มอบความสุขให้กับเด็กๆ

    ในวันที่ 31 ตุลาคมของทุกปีนอกจากจะเป็นวันสิ้นเดือนที่หลายๆ คนรอคอยเงินเดือนออกแล้ว ยังเป็นวันเทศกาลฮาโลวีนด้วยเช่นกัน และที่ประเทศญี่ปุ่นเองเค้าก็ได้มีการฉลองวันนี้เหมือนกัน และก็เป็นธรรมเนียมของทุกๆ ปีที่แก๊งยามากุชิ-กุมิ แก๊งยากูซ่าของญี่ปุ่นจะเปิดสำนักงานใหญ่ของพวกเขาเพื่อแจกขนมให้กับเด็กๆ และผู้คนในพื้นที่รอบๆ นั้น     ก่อนหน้านี้ทางแก๊งได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2017 ที่ผ่านมาว่าพวกเขาจะงดจัดงานปาร์ตีฮาโลวีนในปีนี้ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของหัวหน้า หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ลอบสังหารนาย Ninkyo Yamaguchi-gumi หัวหน้ากลุ่มเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่ทว่าเมื่อเวลาประมาณ 4 โมงเย็นของวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมาพวกเขากลับเปิดประตูสำนักงานใหญ่และนำถุงขนมออกมาแจกเหล่าเด็กเหมือนทุกๆ ปี นอกจากนี้สมาชิกแต่ละคนของแก๊งก็ล้วนแต่งตัวด้วยชุดแฟนซีออกมาต้อนรับเหล่าเด็กน้อย พร้อมกับตกแต่งสนามหญ้าด้วยไฟหลากสี   ป้ายประกาศในวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา   ถุงขนมที่ทางแก๊งเตรียมมามอบให้กับพวกเด็กๆ   สมาชิกบางคนของแก๊งแต่งตัวมาในชุดแฟนซี พร้อมกับเดินแจกขนมให้กับเด็กๆ ผู้ร่วมงานพร้อมกับกล่าวคำว่า “สุขสันต์วันฮาโลวีน”   แต่อย่างไรก็ตามในบริเวณสำนักงานใหญ่ดังกล่าวยังคงมีความรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา และสมาชิกบางส่วนก็ตรวจตราดูความเรียบร้อยพร้อมกับชุดกันกระสุน “มีการรักษาความปลอดภัยสูงมาก” คุณแม่ท่านหนึ่งที่มาร่วมงานกล่าว คุณพ่อท่านหนึ่งที่มาร่วมสนุกในงานได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า “เด็กๆ ทุกคนจะได้รับแจกถุงหนึ่งใบซึ่งมีมูลค่าประมาณ 250 บาท ภรรยาของผมบอกว่ามันเป็นงานที่สนุกมากๆ”     และนี่คือขนมที่อยู่ในถุงของวัญจากแก๊งยามากุชิ-กุมิ   ถึงแม้ว่ายากูซ่านั้นจะมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย ต่างๆ…

  • 15 เรื่องจริงของ “ยากูซ่า” กลุ่มชนทรงอิทธิพลแห่งอาทิตย์อุทัย ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

    15 เรื่องจริงของ “ยากูซ่า” กลุ่มชนทรงอิทธิพลแห่งอาทิตย์อุทัย ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

    ถ้าใครติดตามสื่อญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ จะต้องเคยได้ยินชื่อของ “ยากูซ่า” อย่างแน่นอน โดย “ยากูซ่า” เป็นชื่อของกลุ่มที่มีอิทธิพลอยู่ในประเทศญี่ปุ่น (คล้าย แก๊งมาเฟียของอิตาลี อะไรทำนองนั้น) โดยพวกเขาอยู่เบื้องหลังของธุรกิจผิดกฎหมายมากมาย ทั้งค้ามนุษย์ ค้าอาวุธ หรือแม้กระทั่งมือปืน และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 15 เรื่องจริงเกี่ยวกับ “ยากูซ่า” ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน จะมีอะไรบ้าง เราไปชมกันดีกว่า     1.แก๊งยากูซ่าทั่วประเทศญี่ปุ่นมีจำนวนสมาชิกถึง 100,000 คน ทำให้ยากูซ่าเป็นกลุ่มอาชญากรรมที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุดในโลก   2. คำว่า “ยากูซ่า” นั้นเดิมทีมาจากการเล่นไพ่ของญี่ปุ่น “โออิโช-คาบุ” (เล่นกับไพ่ดอกไม้ (ฮานะฟุดะ) หรือไพ่ kabufuda) คล้ายคลึงกับไพ่บาคารา   3. โครงสร้างขององค์กรยากูซ่าจะเป็นรูปพีระมิด โดยหัวหน้าจะอยู่จุดสูงสุดเรียกตนเองว่า “โอยะบุน” และรองลงมาด้วยลูกน้องคนสนิทไปเรื่อยๆ ซึ่งลูกน้องระดับล่างสุดจะถูกเรียกว่า “โคะบุน”   4. จำนวนของยากูซ่าเพิ่มขึ้นเป็น 184,000 คน ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนตำรวจทั้งหมดของญี่ปุ่น   5.…

  • ญี่ปุ่นระอุไปทั่วประเทศ หลังกลุ่มยากูซ่าขัดแย้งและเข้าปะทะห้ำหั่นกันในหลายพื้นที่!!

    ญี่ปุ่นระอุไปทั่วประเทศ หลังกลุ่มยากูซ่าขัดแย้งและเข้าปะทะห้ำหั่นกันในหลายพื้นที่!!

    #เหมียวเลเซอร์ เชื่อว่าหลายคนคงจะมองประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สงบ น่ารักคิขุอาโนเนะ อาชญากรรมมีน้อยถึงน้อยมาก แต่รู้หรือไม่ว่ายังคงมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลเก่าครองเมืองหลบอยู่ตามซอกหลืบของประเทศญี่ปุ่น ใช่แล้วล่ะ กำลังพูดถึงกลุ่มแก๊งค์ยากูซ่านั่นเอง     ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมานั้น มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมาว่าเกิดเหตุการประทะกันระหว่างแก๊งค์ยากูซ่ามากถึง 17 ครั้งด้วยกัน โดยทาง Taro Kono ประธานคณะกรรมาธิการความปลอดภัยสาธารณะแห่งชาติญี่ปุ่นได้เผยสถาณการณ์ในช่วงนี้ว่าเป็นอะไรที่ร้ายแรงมาก     เหตุการณ์ปะทะครั้งแรกเกิดขึ้นที่ย่าน Adachi ในกรุง Tokyo มีแก๊งค์ยากูซ่าประมาณ 20 คนเข้าห้ำหั่นกันจนเกิดการนองเลือด ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง ณ จุดเกิดเหตุ กลับหลบหนีหายเข้าไปในกลีบเมฆอย่างไร้ร่องรอย และหลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์นองเลือดระหว่างแก๊งค์ยากูซ่าในพื้นที่ 10 จังหวัดจากทั้งหมด 47 จังหวัด และคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอีก     ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานเอาไว้ว่าเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างแก๊งค์ยากูซ่าเชื่อมโยงไปสู่อาชญากรรมที่ได้รับการขัดขวางผลประโยชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการค้าอาวุธ การค้ายาเสพติด การค้าประเวณี การพนัน การฟอกเงิน และธุรกิจอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้ฉากหน้าธุรกิจเอกชน แต่ยังเป็นเรื่องยากต่อการตรวจสอบ     หากใครกำลังวางแผนไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นในช่วงนี้ ต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษนะ อาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เป็นได้ หูตาต้องไวไว้ก่อน…

  • ลุ้นระทึก!! คุณหมอถูกยากูซ่ามาบุกรีดไถ่เงินถึงหน้าห้องพักโรงแรมในญี่ปุ่น โชคดีที่ยั้งไว้ทัน

    ลุ้นระทึก!! คุณหมอถูกยากูซ่ามาบุกรีดไถ่เงินถึงหน้าห้องพักโรงแรมในญี่ปุ่น โชคดีที่ยั้งไว้ทัน

    การออกไปยังต่างแดนยิ่งต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ เพราะไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม อันตรายนั้นรายล้อมเราอยู่ทุกที่ อย่างประเทศที่มีความปลอดภัยสูงอย่างญี่ปุ่น ก็ยังคงมีผู้มีอิทธิพลอยู่ แถมยังน่ากลัวมากๆ ซะด้วย!!     เรื่องราวสุดระทึกนี้ เปิดเผยโดยคุณหมอ Shane Cardio ผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการถูกบุกรุกเพื่อรีดไถเงินจากยากูซ่าญี่ปุ่น อุกอาจถึงขั้นมาเคาะถึงประตูห้องพักในโรงแรม Meriken Oriental Hotel กันเลยทีเดียว ซึ่งก่อนหน้าที่จะมียากูซ่ามาถึงหน้าห้อง เขาได้รับโทรศัพท์จากโอเปอเรเตอร์โรงแรม พูดแต่ภาษาญี่ปุ่นรัวๆ ซึ่งก็ไม่อาจเข้าใจได้ทั้งหมด ก็เลยวางหูไป     จนกระทั่งมีชายใส่สูท ผูกไทด์ มากดกริ่งหน้าห้องพัก ซึ่งเขาก็เข้าใจว่าน่าจะเป็นพนักงานของโรงแรม มีสมุดจดบันทึกมาด้วย ก็เลยแง้มประตูนิดหน่อยเพื่อพูดคุยด้วย แต่ก็คุยกันไม่รู้เรื่องเพราะอีกฝ่ายซัดมาเป็นภาษาญี่ปุ่นรัวๆ   สภาพของประตูที่ยื้อกันไว้นานแสนนาน   พอจะปิดประตูปุ๊บ ชายผู้นั้นก็ใช้เท้ากั้นประตูเอาไว้ไม่ให้ปิด แถมตะคอกเสียงใส่ จับใจความได้ว่าเกี่ยวกับหนังสือเดินทาง และเปิดสมุดเล่มดังกล่าวให้อ่าน เต็มไปด้วยภาษาญี่ปุ่น แต่ที่เห็นชัดๆ ก็คือจำนวนเงิน 38,000 เยน คราวนี้ก็แน่ใจแล้วล่ะว่าเขาต้องโดนยากูซ่ามารีดไถเงินอย่างแน่นอน!!     หากปล่อยให้เข้ามาได้ต้องมีอันตราย ซึ่งทั้งสองก็ได้ยื้อกันอยู่หน้าประตูซักพักใหญ่ ในที่สุดก็กระทืบเท้ายากูซ่าออกไปได้ ใช้แรงดันเพื่อปิดประตูและล็อคได้สำเร็จ จากนั้นเขาก็รีบโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากทางโรงแรมและส่งไลน์ขอความช่วยเหลือจากกลุ่มหมอที่มาประชุมที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยทันที…

  • เคล็ดลับเพื่อความปลอดภัยจากแท็กซี่ญี่ปุ่น หากต้องเผชิญหน้ากับ “ยากูซ่า”

    เคล็ดลับเพื่อความปลอดภัยจากแท็กซี่ญี่ปุ่น หากต้องเผชิญหน้ากับ “ยากูซ่า”

    ว่ากันว่าที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นยังมีองค์กรที่น่ากลัวแฝงอยู่ตามเมืองต่างๆ องค์กรที่อยู่เหนือกฏหมายและมีมาอย่างยาวนาน นั่นก็คือ “ยากูซ่า” นั่นเอง คนธรรมดาอย่างเราๆ ก็ไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่งหรอก เพียงแต่ว่าหากวันใดวันหนึ่งต้องเผชิญหน้ากันล่ะ จะทำอย่างไร?     โดยปกติทั่วไปแล้วก็อาจจะโทรศัพท์เรียกตำรวจทันที แต่รู้มั้ยว่ามีความลับที่ดียิ่งกว่านั้น…     โดยที่ความลับนี้เปิดเผยมาจากคนขับรถแท๊กซี่ญี่ปุ่น ซึ่งบอกเอาว่าไว้หากต้องเผชิญหน้ากับยากูซ่าโดยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้บอกไปว่า     “อยากจะพบกับหัวหน้ายากูซ่าแบบตัวต่อตัว พาไปพบกับเขาหน่อย”     ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้วยากูซ่าจะไม่เผยที่อยู่ที่ตัวเอง ไม่อาจเปิดเผยให้ใครรู้ได้เด็ดขาด หากยากูซ่านำตัวบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ในองค์กรของตัวเองเข้าไปในพื้นที่แล้ว ก็จะถูกลงโทษจากหัวหน้าทันที!!     นอกจากนี้คนขับแท๊กซี่ญี่ปุ่นก็ได้เปิดเผยอีกว่า มีอีกกรณีหนึ่งที่โดนยากูซ่าเบี้ยวค่าแท๊กซี่ 8,000 เยน โดยจ่ายเพียงแค่ 1,000 เยน ก็เลยพูดประโยคประมาณว่าอยากจะเจอหัวหน้าเอ็งซะเหลือเกิน     ยากูซ่าก็ตอบกลับมาว่า “เอ็งนี่มีกึ๋นดีเหมือนกันนะเนี่ย” ก็เลยทิ้งเงินจำนวน 10,000 เยนเอาไว้ให้แทน แต่ถึงอย่างไรก็ตามไม่ได้แนะนำว่าให้ไปลองเจอจริงๆ นะ ทางที่ดีก็ควรเรียกตำรวจไว้ก่อนจะดีกว่า ที่มา : rocketnews24