Tag: ผู้ปกครอง

  • เด็กๆ ในเยอรมนีรวมตัว “เดินขบวนประท้วง” พ่อแม่ สาเหตุที่เอาแต่สนใจโทรศัพท์มือถือ!

    เด็กๆ ในเยอรมนีรวมตัว “เดินขบวนประท้วง” พ่อแม่ สาเหตุที่เอาแต่สนใจโทรศัพท์มือถือ!

    ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟน นั้นจำเป็นจริงๆ บางครั้งมันเป็นสิ่งที่ที่มนุษย์หลายคนแทบจะวางมือจากมันไม่ได้เลยทีเดียว ถึงแม้ประโยชน์ของสมาร์ตโฟนจะมีมากมายแต่ มันก็ส่งผลเสียไม่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะในเชิงสังคมที่ผู้คนมักเลือกมีปฏิสัมพันธ์กับอิเล็กทรอนิกส์มากกว่ามนุษย์ด้วยกันเอง     งานนี้ผลร้ายจึงตกไปสู่เหล่าเด็กๆ ที่ต้องการความอบอุ่น ความรัก และความใส่ใจจากพ่อแม่ เมื่อพ่อแม่ผู้ที่ควรจะเป็นผู้ดูแลกาย จิตใจ และมิติทางสังคมของเด็ก กลับเอาแต่เล่นสมาร์ตโฟนแทนที่จะเล่นกับลูก เหล่าเด็กๆ ราว 150 ชีวิตจึงออกมา ‘เดินขบวนประท้วง‘ ในเมืองฮัมบวร์ค ประเทศเยอรมนี นำโดย Emil Rustige เด็กชายวัย 7 ขวบ ที่เดินพร้อมกับถือป้ายสโลแกนว่า “เล่นกับผมสิ ไม่ใช่เล่นกับโทรศัพท์”   Emil Rustige วัย 7 ขวบ   เรื่องราวเริ่มจากการที่ Emil Rustige ไม่พอใจที่พ่อแม่ของตนติดการใช้โทรศัพท์มือถือ เขาจึงต้องการเดินประท้วงสำหรับเรื่องนี้ “ผมอยากไปเล่นนอกบ้านกับเพื่อน แต่พ่อไม่ได้ให้ไป ผมก็เล่นอยากเล่นกับพ่อที่บ้าน แต่พ่อก็ดันเอาแต่เล่นโทรศัพท์มือถือ” Emil กล่าว เขาจึงบอกกับพ่อแม่ว่าอยากเดินขบวนประท้วงเกี่ยวกับเรื่องนี้ พ่อแม่ของเขาจึงช่วยเหลือโดยการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จัดการเรื่องของขบวนประท้วงสำหรับเด็กๆ     เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ความช่วยเหลืออย่างดีเยี่ยม มีการจัดการปิดถนนหลายเส้นเพื่อให้เด็กๆ…

  • ผู้ปกครองเดือด! ครูทำโทษตัดผมลูกสาวแหว่งจนไม่น่าดู นี่หรือทรงผมที่โรงเรียนต้องการ!!?

    ผู้ปกครองเดือด! ครูทำโทษตัดผมลูกสาวแหว่งจนไม่น่าดู นี่หรือทรงผมที่โรงเรียนต้องการ!!?

    ปกติแล้ว ทางโรงเรียนส่วนใหญ่ก็จะมีกฎเรื่องของเครื่องแบบนักเรียนรวมไปถึง “ทรงผม” ของนักเรียนด้วย ซึ่งหากว่านักเรียนคนใดไม่ปฏิบัติตามก็อาจจะถูกทำโทษด้วยวิธีต่างๆ ได้ ใครเคยพบเจอมาก็คงรู้ดีว่าบางครั้งหากนักเรียนไว้ผมผิดระเบียบ ครูและอาจารย์ก็จะนำตัวเด็กนักเรียนไปทำโทษด้วยการ กล้อนผมหรืออาจจะตัดผมให้เลยก็เป็นได้ ซึ่งถ้าการลงโทษครั้งนั้นทำให้เด็กถูกระเบียบก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ครั้งนี้ จากโพสต์ของทางเพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ return เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2561 ได้เผยภาพนักเรียนหญิงที่ถูกคุณครูทำโทษด้วยการตัดผมท้ายทอยออก ทว่าการทำโทษครั้งนี้ดูจะเกินเหตุไปหน่อย     . . .   เมื่อพบว่า ผมของเด็กหญิงคนนี้ถูกคุณครูตัดเสียจนแหว่งจนดูไม่เรียบร้อย และดูเกินเหตุไปกว่าการทำให้เด็กนักเรียนมีทรงผมที่ถูกระเบียบ ทางผู้ปกครองเองก็ไม่พอใจอย่างมากหวั่นใจว่าเด็กจะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีฝังใจ ถึงแม้ในโพสต์ต้นฉบับทางผู้ปกครองของนักเรียนหญิงที่ถูกก้อนผมแจ้งว่าได้ไปเจรจากับทางโรงเรียนและคุณครูมาเรียบร้อย และก็ได้รับคำขอโทษมาแล้ว แต่ชาวเน็ตที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ต่างก็หัวเสียกันเป็นจำนวนมาก   .   บ้างก็ว่าคุณครูทำเกินเหตุ ผู้ปกครองและเด็กควรได้รับมากกว่าคำขอโทษ บ้างก็ว่าทรงผมนั้นไม่ได้กำหนดผลการเรียนของเด็ก บ้างก็ว่าเด็กหญิงคนนี้ดูไม่น่าเป็นเด็กเกเรทำไมคุณครูถึงไม่เจรจาดีๆ ก่อน ในขณะเดียวกัน บางคนก็เห็นต่างว่า ทรงผมนั้นไม่ได้เกี่ยวกับผลการเรียน เพียงแต่ว่าการลงโทษในครั้งนี้ถือเป็นการสอนให้เด็กรู้จักอยู่ในกฎระเบียบในสังคม   ยังคงเป็นประเด็นถกเถียงอยู่เสมอ สำหรับเรื่องทรงผมนักเรียน อยากรู้เหมือนกันนะว่า ผู้อ่านทุกท่านคิดอย่างไรกันบ้าง? ที่มา: เฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ return via kapook

  • ตัวอย่างอันเลวร้าย.. เมื่อคุณแม่ประเคนบาทา เพราะเด็กสาวไม่ยอมให้ลูกของเธอแซงคิว

    ตัวอย่างอันเลวร้าย.. เมื่อคุณแม่ประเคนบาทา เพราะเด็กสาวไม่ยอมให้ลูกของเธอแซงคิว

    พ่อแม่และผู้ปกครองคือบุคคลสำคัญในการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กๆ แต่ในบางครั้งมันก็อาจไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป เมื่อคุณแม่ชาวจีนคนหนึ่งได้แสดงกิริยาที่ไม่อาจรับได้ต่อหน้าลูกของเธอ คลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นที่เมือง Changsha ประเทศจีน ได้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทขึ้นขณะที่โรงเรียนแห่งหนึ่งพาเด็กจำนวนมากไปเข้าต่อคิวเล่นสไลเดอร์ (กระดานลื่น)     หลังจากนั้นคุณแม่สวมหมวกแดงคนหนึ่งก็พาลูกชายมา หวังจะให้ลูกของเธอเข้าไปแทรกกลางระหว่างแถวหรือก็คือพยายามให้ลูกของเธอได้แซงคิวนั่นเอง แต่ว่าเด็กหญิงที่ยืนต่อคิวอยู่ปฏิเสธไม่ให้ลูกชายของคุณแม่คนดังกล่าวเข้ามาแซงได้ เด็กหญิงคนนั้นจึงตอบคุณแม่หมวกแดงไปว่า “อย่าแซงคิวสิคะ ทุกๆ คนเขาก็ต่อคิวรอกันทั้งนั้น”     ประโยคนั้นสร้างความไม่พอใจต่อคุณแม่คนดังกล่าวเป็นอย่างมาก ตอนแรกเธอทำเหมือนกับว่าเดินจากไปเฉยๆ แต่จู่ๆ ก็หันกลับมาพุ่งถีบเด็กผู้หญิงจนล้มลงไป พร้อมกับเตะซ้ำอย่างแรง   คุณแม่หมวกแดงทั้งถีบ ทั้งเตะซ้ำ   หลังจากเหตุการณ์นั้นถึงทราบว่า เด็กผู้หญิงที่โดนถีบอย่างแรงมีชื่อว่า Meng Meng วัย 9 ขวบ ซึ่งตอนนี้ต้องเผชิญกับฝันร้ายเพราะไม่สามารถลืมเหตุการณ์ในวันนั้นได้ แม่ของ Meng Meng ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวท้องถิ่นว่า เธอต้องการให้ผู้หญิงหมวกแดงคนนั้นแสดงตัวออกมา และเข้ามาขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไป   คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น    ภายหลังทราบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 19 เมษายน 2018 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องของการดำเนินคดี แต่นี่ถือว่าเป็นการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก…

  • ครูโพสต์บ่น ‘ลูกคุณไม่ได้น่ารัก สปอยล์ลูกซะเละ’ แถมแฉโรงเรียน ไม่มีใยดีใดๆ กับครูเลย…

    ครูโพสต์บ่น ‘ลูกคุณไม่ได้น่ารัก สปอยล์ลูกซะเละ’ แถมแฉโรงเรียน ไม่มีใยดีใดๆ กับครูเลย…

    ปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา จะมีการวางระบบทางสังคมพื้นฐานมาเป็นอย่างดี แต่ทว่าความสมบูรณ์แบบนั้นไม่มีอยู่จริง เพราะเมื่อกาลเวลาผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็ย่อมเสื่อมตามเช่นกัน… อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ แต่สำหรับปัญหาของระบบการศึกษานั้นเริ่มสั่นคลอนมากขึ้นทุกวัน เมื่อคุณครูท่านหนึ่งจากรัฐเท็กซัส ได้ทำการโพสต์เพื่อระบายความในใจ เกี่ยวกับเหตุการณ์อันน่าหดหู่ที่กำลังเกิดขึ้นในโรงเรียนของเธอ   Julie Marburger   Julie Marburger คุณครูสอนระดับชั้นเกรด 6 (ป.6) ของโรงเรียน Cedar Creek Intermediate School ได้หมดความอดทนในวิชาชีพของตัวเอง หลังจากที่ทำงานในฝันงานนี้มานับสิบปี… “มันคือความฝันของฉัน ตั้งแต่จำความได้ว่าอยากจะมีห้องเรียนเป็นของตัวเอง และตอนในใจของฉันแหลกสลายหลังจากที่ไม่ได้รับแยแสใดๆ ใน 2 ปีที่ผ่านมา”   พ่อแม่ไม่ให้ความเคารพคุณครู และเด็กๆ ก็แย่ยิ่งกว่า ผู้บริหารโรงเรียนก็เอาใจผู้ปกครอง นั่นจึงทำให้เธอไม่อาจปฏิบัติตามวิชาชีพที่ถูกจ้างมาเพื่อ ‘สอนเด็ก’ ได้   เธอลาออกจากการสอน และได้แสดงให้เห็นว่าทำไมเธอถึงหมดกำลังใจที่จะเป็นครู เนื่องจากความบกพร่องของผู้ปกครอง ผู้บริหารโรงเรียน และการสนับสนุนของภาครัฐ… โพสต์ดังกล่าวของเธอถูกแชร์ไปกว่า 400,000 ครั้งในโลกออนไลน์ พร้อมกับได้รับความเห็นใจจากเพื่อนร่วมวิชาชีพครูที่กำลังประสบปัญหาเดียวกัน Julie เชื่อว่าครูท่านอื่นเริ่มลาออกตามๆ กัน เพราะวิกฤตในระบบการศึกษาที่กำลังเสื่อมลง…

  • 15 ทวีตจากผู้ปกครอง เกี่ยวกับชีวิตการเลี้ยงลูก แต่ว่าคราวนี้ เป็นพ่อแม่ที่แสบเสียเอง

    15 ทวีตจากผู้ปกครอง เกี่ยวกับชีวิตการเลี้ยงลูก แต่ว่าคราวนี้ เป็นพ่อแม่ที่แสบเสียเอง

    ชีวิตการเลี้ยงลูกนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เด็กๆ นั้นแทบที่จะไม่เคยอยู่นิ่ง ทั้งวิ่งว่อนไปทั่ว แถมยังไม่เคยเชื่อฟังอะไรที่เราพูดเลย จนทำให้พ่อๆ แม่ๆ ทนไม่ไหวกันอยู่ก็หลายครั้ง แต่รู้หรือไม่ว่าชีวิตการเลี้ยงลูกนั้น ไม่ได้มีแต่เด็กที่เป็นผ่ายแสบเสมอไป เพราะ 15 ทวีตต่อไปนี้ จะเป็นตัวอย่างที่ดีเลยว่า บางครั้งนั้น พ่อแม่ของเด็กๆ เองนั่นล่ะ สุดแสบตัวดีเลย   ลูกชายวัย 14 ปีล้อเล่นผมเรื่องที่ผมต้องไปทำงานในขณะที่เขาได้หยุด ผมก็เลยเปลี่ยนรหัสไวไฟเสียเลย   ขอเปลี่ยนที่นั่งเพราะว่านั่งใกล้เด็กร้องไห้ ดูเหมือนว่าจะใช้ไม่ได้ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกของเราเองแฮะ   ตอนนี้ผมกำลังช่วยลูกชายตามหาช็อกโกแลต ที่ผมกินไปเมื่อวานนี้   อย่ามองตาเด็กๆ ที่กำลังจะหลับเชียวล่ะ เดี๋ยวพวกเขาจะรู้ว่าเราตื่นเต้นแค่ไหนที่ภารกิจกำลังจะสำเร็จ   พี่เลี้ยงเด็กเห็นลูกวัยสามขวบของผมใส่เสื้อกลับข้าง พี่เลี้ยงเด็ก: ว้าว น่ารักจัง คุณให้ลูกแต่งตัวเองเหรอ ผม: ใช่แล้วครับ เธอแต่งตัวเองเลย (เนียนไว้ตรูข้า)   ชีวิตวันจันทร์มันลำบาก ชีวิตวันจันทร์ที่มีลูกด้วยมันคือตัวอย่างการทดลองการเอาตัวรอดของมนุษย์   ผมชอบคุยกับเด็กๆ นะ เพราะไม่มีผู้ใหญ่คนไหนเคยถามผมว่า สัตว์เลื้อยคลานที่ผมชอบที่สุดเป็นอันดับสามคือตัวอะไรหรอก   สิ่งที่ฉันคิดว่าจะได้พูดตอนเป็นพ่อคนแม่คน “ลูกจะเป็นคนที่เปลี่ยนโลกใบนี้” สิ่งที่ได้พูดจริงๆ…

  • 15 เรื่องราวอันน่าภาคภูมิใจ ของคนที่เป็น ‘ลูก’ จากคำบอกเล่าของเหล่าคุณพ่อคุณแม่…

    15 เรื่องราวอันน่าภาคภูมิใจ ของคนที่เป็น ‘ลูก’ จากคำบอกเล่าของเหล่าคุณพ่อคุณแม่…

    พ่อแม่และผู้ปกครองทุกคนมีความต้องการเหมือนๆ กันคือ อยากให้ลูกของเรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง เติบโตไปเป็นคนที่ดีในสังคมได้อย่างสมบูรณ์พร้อม นั่นจึงทำให้พวกเขาต้องคอยจ้ำจี้จ้ำไช สั่งสอน และปลูกฝังสิ่งดีๆ ให้กับเด็กมาโดยตลอด และนี่ก็คือตัวอย่างเรื่องราวที่สร้างความประทับใจและความภาคภูมิใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ทุกๆ คน เพราะเขาได้เห็นแล้วว่าลูกๆ ของตัวเองเติบโตมาเป็นคนที่ดีและประสบความสำเร็จมากขนาดไหน เราไปร่วมยินดีกับเรื่องราวเหล่านี้กันเลย   1. เรื่องราวของมื้ออาหารกลางวัน เด็กชายบอกกับแม่ของเขาว่ามีเพื่อนบางคนในห้องที่ไม่ได้กินอาหารกลางวันที่โรงเรียน แม่ของเขาจึงถามกลับไปว่า “แล้วยังไง?” เด็กน้อยก็ตอบว่า “นั่นเพราะเขาไม่มีอาหารติดตัวไป ผมแบ่งบางส่วนของผมไปให้ได้มั้ย?” จากไอเดียของเด็กคนนี้ ทำให้เขาและแม่ช่วยกันแพ็คอาหารไปเติมเต็มท้องอันว่างเปล่าของเพื่อนๆ   2. เรื่องราวเกี่ยวกับการศึกษา คุณพ่อชาวไร่ผู้เลี้ยงลูกชายมาด้วยตัวคนเดียว ขายทุกอย่างไปเพื่อสนับสนุนในเรื่องของการศึกษาให้กับลูกมาโดยตลอด จนกระทั่งวันที่เด็กหนุ่มเรียนจบ เขาก็ได้พูดประโยคที่ทำให้พ่อของเขารู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมากว่า “พ่อของผมคือคนที่น่าภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต”   3. เรื่องราวเกี่ยวกับปลา เด็กน้อยตกปลาขึ้นมาได้เองเป็นตัวแรก แต่แทนที่เขาจะเก็บเอาไว้ เขาเลือกที่จะมอบมันให้กับพ่อของเขาด้วยเหตุผลที่ว่า สิ่งนี้คือของขวัญสำหรับวันพ่อ   4. เรื่องราวเกี่ยวกับล้อ คุณพ่อสอนลูกชายเปลี่ยนยางรถยนต์ เมื่อเด็กสามารถทำได้สำเร็จ คุณพ่อก็บอกกับเขาว่า “ทำได้เยี่ยมมากเลยคู่หู” ก่อนที่ใบหน้าของทั้งคู่จะเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข   5. เรื่องราวเกี่ยวกับผม เด็กหนุ่มวัย 13 ปี บริจาคผมของตัวเองให้กับบริษัททำวิกไป 3…

  • สิ่งที่เหลืออยู่ของเหยื่อเหตุกราดยิงวัย 14 ในช่วงมัธยมต้นปี 2 และวันสุดท้ายในชีวิต

    สิ่งที่เหลืออยู่ของเหยื่อเหตุกราดยิงวัย 14 ในช่วงมัธยมต้นปี 2 และวันสุดท้ายในชีวิต

    เหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ณ โรงเรียน Marjory Stoneman Douglas High School เมือง Parkland รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งใหญ่ที่ทำให้ทั่วทั้งโลกตื่นตัวกับปัญหาทางด้านจิตวิทยาและกฎหมายการครอบครองปืน นอกเหนือจากข้อมูลของผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตแล้ว หนึ่งในผู้ปกครองของผู้เสียชีวิต Lori Alhadeff ผู้เป็นแม่ของ Alyssa Alhadeff วัย 14 ปี ได้เปิดเผยถึงเรื่องราวหลังจากเกิดเหตุ ที่เหลือเพียงบาดแผลลึกในจิตใจ กับสิ่งของของลูกสาวที่ทิ้งไว้ดูต่างหน้า     นาง Lori นั่งอยู่ภายในห้องนอนของลูกสาวพร้อมกับเสื้อสเวตเตอร์ของเธอ และข้าวของเครื่องใช้ในช่วงชีวิตการเรียนชั้นมัธยม ทั้งตำราเรียน กระดาษโน๊ต หวี ปากกามาร์กเกอร์ พร้อมทั้งแผ่นมาร์กหน้าและน้ำยาทาเล็บของลูกสาว   .   คุณแม่เปิดเผยว่า ในวันก่อนเกิดเหตุลูกสาวของเธอกำลังเคลียร์ห้องนอน เพื่อจัดแจงอุปกรณ์ไปโรงเรียน จนกระทั่งในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ลูกสาวของเธอก็ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ทุกวันนี้ คุณแม่นอนหลับได้เพียงวันละไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เพราะยังคงคิดว่าลูกสาวยังอยู่กับเพื่อนที่โรงเรียน และหวังว่าเธอจะกลับมา……

  • คุณแม่ออกความเห็น เด็กใช้ปืนสร้างความรุนแรงไม่ควรโทษพ่อแม่ มันมีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น…

    คุณแม่ออกความเห็น เด็กใช้ปืนสร้างความรุนแรงไม่ควรโทษพ่อแม่ มันมีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น…

    ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2018 ที่ผ่านมา เกิดเหตุยิงปืนในโรงเรียนของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนมาก ล่าสุดในรัฐฟลอริด้าก็เพิ่งมีอดีตนักเรียนได้ก่อเหตุกราดยิงภายในโรงเรียน จนมีผู้เสียชีวิตถึง 17 ราย (ตามอ่านข่าวได้ ที่นี่) ทางด้านเพจเฟสบุ๊ก Everytown for Gun Safety ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านการใช้ความรุนแรงด้วยปืนกล่าวว่าเหตุการณ์นี้เป็นการยิงกันครั้งที่ 18 ตั้งแต่เริ่มต้นคริสตศักราช 2018 อีกทั้งสำนักข่าว FOX 26 Houston ก็ชี้ข้อมูลมาในทางเดียวกันด้วย   แผนที่แสดงจุดที่มีการใช้ปืนยิงบริเวณใกล้เคียงกับโรงเรียนตั้งแต่ต้นปี 2018 จนถึงปัจจุบัน   เมื่อชาวเน็ตได้เห็นข้อมูลดังกล่าวแล้วก็รู้สึกเช่นกัน ว่าเกิดเหตุความรุนแรงจากการใช้ปืนเป็นจำนวนมากในระยะเวลาเพียงแค่เดือนกว่าๆ เอง ชาวเน็ตส่วนหนึ่งนั้นเห็นว่าต้นเหตุน่าจะมาจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่ล้มเหลว โดยพวกเขาพูดไว้แบบนี้   Eric Smith บอกว่า “ถ้าเราเอาเด็กๆ ออกจากโรงเรียนรัฐ แล้วเลี้ยงดูพวกเขาเองอย่างดีก็คงจะไม่เกิดปัญหาพวกนี้ขึ้น แต่ก่อนถึงเราจะมีปืินแต่ไม่มีโรงเรียนก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย”   Todd Benzkofer บอกว่า “มีการอนุญาตให้คนทั่วไปใช้ปืนมาตั้งหลายปีแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ใช่สาเหตุของการยิงกันเหล่านี้ แต่คนที่ยิงปืนต่างหากที่เป็นปัญหา อะไรบางอย่างในสังคมของเราเปลี่ยนเด็กเล็กให้กลายเป็นเศษสวะ บางทีอาจจะเป็นสภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่เป็นปัญหาก็ได้”   Gwen Papillion เองก็บอกว่ามันเป็นความผิดของพ่อแม่นั่นแหละที่ปล่อยปละละเลยให้เด็กมีอาวุธในครอบครองได้แบบนั้น พ่อแม่ควรจะใส่ใจลูกให้มากกว่านี้เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น  …

  • ลูกน้อยสองคนถูกทิ้งให้อยู่กับร่างไร้วิญญาณของพ่อที่ตายเพราะหัวใจวายตลอดทั้งวัน

    ลูกน้อยสองคนถูกทิ้งให้อยู่กับร่างไร้วิญญาณของพ่อที่ตายเพราะหัวใจวายตลอดทั้งวัน

    คุณแม่ร้อนใจ ลูกสาวสองคนของเธอต้องอยู่กับศพของคุณพ่อที่หัวใจวายตายทั้งวัน เนื่องจากทางโรงเรียนไม่ยอมติดต่อไปหาเธอ ทำให้เธอไม่รู้ว่าที่บ้านเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติขึ้น เธอหวังว่าจะไม่มีครอบครัวไหนต้องเจอเรื่องแบบนี้อีก ครอบครัว Daykin อาศัยอยู่ที่เมืองฮาลิแฟ็กซ์ เขตเวสยอร์กชายร์ ประเทศอังกฤษ Helen Daykin ผู้เป็นแม่ต้องเดินทางไกลไปทำงานนอกสถานที่ค่อนข้างบ่อย สามี Chris Daykin จึงมักจะรับหน้าที่ดูแลรับส่งลูกสาวสองคนไปโรงเรียนอยู่เสมอ   ครอบครัว Daykin   แต่ในปี 2016 ที่ผ่านมาเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เนื่องจากตอนนั้น Helen จำเป็นต้องเดินทางไปทำงานที่กรุงลอนดอน แต่สามีของเธอเกิดหัวใจวายเสียชีวิตไปในตอนกลางคืน ทำให้ลูกสาวทั้งสองคนต้องอยู่กับร่างไร้วิญญาณของคุณพ่อทั้งวัน เนื่องจากเด็กสาวทั้งสองคนไม่ได้ไปโรงเรียนในวันถัดมา ทางโรงเรียนจึงได้พยายามติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ของคุณพ่อแล้ว แต่คุณพ่อเสียชีวิตไปแล้วจึงไม่สามารถรับโทรศัพท์ได้ จากคำบอกเล่าของสำนักข่าว ฺBBC แต่พอทางโรงเรียนพอติดต่อคุณพ่อไม่ได้ พวกเขาก็ไม่ได้พยายามติดต่อไปหาคุณแม่แต่อย่างใด   คุณแม่ Helen Daykin และลูกสาวสองคนปัจจุบันอายุ 3 และ 5 ปี   ตอนหัวค่ำของวันเดียวกันกับที่เด็กสาวไม่ได้ไปโรงเรียน คุณยายของพวกเธอก็ผ่านมาเห็นว่าไฟในบ้านนั้นมืดสนิทและยังมีนมวางทิ้งไว้หน้าประตูด้วย เธอสังหรณ์ใจว่าคงจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นจึงโทรแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบดูให้ หลังจากตำรวจบุกข้าไปในบ้านจึงพบว่าคุณพ่อเสียชีวิตอยู่ในห้องนอนตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ทางด้านคุณแม่นั้นได้โทรหาสามีตั้งแต่ตอนเช้าวันนั้นแล้ว แต่คิดว่าเขาคงไม่รับสายเพราะส่งลูกไปโรงเรียนอยู่ และทางโรงเรียนก็ไม่ได้ติดต่ออะไรมาจึงคิดว่าทุกอย่างปกติดี แต่เมื่อเวลา 20.00 น. ตอนที่เธอกำลังนั่งรถไฟอยู่…

  • ผอ.โรงเรียนส่งจดหมายถึงผู้ปกครอง เพื่อให้พวกเขาเข้าใจลูกๆ แม้จะได้คะแนนสอบเท่าไหร่ก็ตาม

    ผอ.โรงเรียนส่งจดหมายถึงผู้ปกครอง เพื่อให้พวกเขาเข้าใจลูกๆ แม้จะได้คะแนนสอบเท่าไหร่ก็ตาม

    หลายๆ คนที่เป็นหนึ่งในแก๊งเด็กหลังห้องคงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับกระดาษซองขาวๆ ที่จ่าหน้าซองเป็นชื่อของคุณพ่อคุณแม่ และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณกลับมาถึงบ้านพร้อมกับเห็นเจ้ากระดาษซองนี้อยู่บนโต๊ะกินข้างล่ะก็… ไม่อยากจะนึกภาพต่อจากนั้นเลยทีเดียวใช่ไหมล่ะ แต่บางครั้งจดหมายจากทางโรงเรียนนั้นก็ไม่ได้น่ากลัวเสมอไปหรอก อย่างเช่นจดหมายของโรงเรียนมัธยมจากประเทศสิงคโปร์ที่ส่งถึงผู้ปกครองนักเรียนทุกคนก่อนที่การสอบจะเริ่มต้นขึ้น!!     ชาวเน็ตรายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า saraboulos ได้โพสต์ภาพของจดหมายฉบับดังกล่าวลงบนโลกออนไลน์ ซึ่งข้อความในจดหมายดังกล่าวนั้นได้บอกกับผู้ปกครองให้เข้าใจในตัวลูกๆ ของพวกเขา พร้อมกับบอกว่าพวกเด็กๆ อาจจะทำบางอย่างได้ดีมากกว่าการสอบ และในโลกนี้ก็ไม่ได้มีแค่อาชีพหมอ ทนาย และวิศวกรเท่านั้น “แด่เหล่าผู้ปกครองที่รัก… การสอบของลูกๆ คุณจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ฉันรู้ว่าคุณกำลังกังวลกับคะแนนสอบของพวกเด็กๆ แต่ได้โปรดจำไว้ว่าในบรรดานักเรียนที่สอบเหล่านี้ บางคนอาจเป็นศิลปินที่ไม่จำเป็นต้องเข้าใจในวิชาคณิตศาสตร์ หรือบางคนที่อยากจะเป็นนักลงทุนนั้นก็อาจะไม่ต้องสนใจในวิชาประวัติศาสตร์หรือวรรณกรรม  เรามีเด็กบางคนที่เป็นนักดนตรีที่คะแนนวิชาเคมีไม่ได้จำเป็นอะไรกับชีวิต เรามีเด็กบางคนที่เป็นนักกีฬาที่ความแข็งแกร่งทางร่างกายสำคัญกว่าคะแนนวิชาฟิสิกส์ ถ้าหากว่าพวกเขาทำคะแนนในวิชาต่างๆ เหล่านี้ได้ดีนั้นก็เป็นเรื่องที่เยี่ยม แต่ถ้าหากว่าพวกเขาทำได้ไม่ดีล่ะก็ อย่าพรากความมั่นใจและความภูมิใจของพวกเขาไป และบอกลูกๆ ว่ามันก็แค่การสอบไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต  เราอยากให้พวกคุณบอกเขาว่าไม่ว่าพวกเขาจะได้กี่คะแนนคุณก็ยังคงรักพวกเขาและจะไม่ตัดสินพวกเขาจากคะแนนสอบ ได้โปรดบอกกับพวกเขาแบบนี้ อย่าให้คะแนนสอบมาทำลายความฝันและความสามารถของพวกเขา ได้โปรดอย่าคิดว่ามีแต่หมอกับวิศวกรเท่านั้น ที่จะมีความสุขบนโลกใบนี้ได้” ข้อความบางส่วนจากจดหมายของทางโรงเรียน   และนี่คือจดหมายฉบับนั้น   ข้อความจากจดหมายเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่พ่อแม่หลายๆ คนควรพูดปลอบใจพวกเด็กๆ เวลาที่พวกเขาทำเรื่องบางเรื่องไม่ได้ และอย่างที่ทางโรงเรียนบอกไม่ได้มีแค่บางอาชีพเท่านั้นที่จะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้   ที่มา inspiremore

  • ลูกชายมือบอนวาดภาพบนผนังบ้าน แต่พ่อแม่ไม่ได้ว่าอะไรกลับจับใส่กรอบเป็นผลงานศิลปะ

    ลูกชายมือบอนวาดภาพบนผนังบ้าน แต่พ่อแม่ไม่ได้ว่าอะไรกลับจับใส่กรอบเป็นผลงานศิลปะ

    หากใครที่มีลูกหรือเคยได้ดูแลเด็กมาก่อนอาจทนไม่ได้และต่อว่าพวกเขากับพฤติกรรมการเล่นซนหรือมือบอนวาดรูปไปตามผนังบ้าน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พ่อแม่คู่นี้เป็นเพราะถึงแม้ลูกจะเป็นอย่างนั้น พวกเขากลับหาทางแก้ไขได้อย่างน่ารักโดยไม่ต่อว่าลูกน้อยของเขา สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องราวของดอกเตอร์ Eric Massicotte เมื่อเขากลับบ้านมาพร้อมกับภรรยาก็ได้เจอกับสิ่งที่ลูกชายของเขาได้ทิ้งเอาไว้บนกำแพงภายในบ้าน   ภาพวาดสีเขียวจากฝีมือลูกชายของเขาที่มีพื้นหลังเป็นกำแพงบ้านสีขาว   ถ้าเป็นพ่อแม่คู่อื่นๆ ก็อาจต่อว่าในสิ่งที่ลูกทำลงไปและพยายามลบภาพที่ติดอยู่ออกให้ได้ แต่ Eric และภรรยากลับไม่ได้ทำอย่างนั้น เพราะเขาได้ทำมันให้ออกมาดูสร้างสรรค์มากยิ่งกว่าเดิม พวกเขานำกรอบรูปมาติดครอบภาพนั้นเอาไว้และกระดาษอธิบายข้อมูลแผ่นเล็กๆ ติดไว้ด้านข้างกรอบรูป ทำให้มันดูเหมือนกับเป็นงานศิลปะชั้นนำที่ถูกจัดแสดงเอาไว้ในนิทรรศการงานศิลป์ชัดๆ   เปลี่ยนความซนของเด็กให้กลายเป็นภาพฝาผนังที่ดูมีคุณค่า   ภาพนี้มีชื่อว่า “Interrupted House” ถูกวาดด้วยปากกามาร์กเกอร์ เป็นของขวัญให้กับพ่อแม่ของเขาในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2017   จากนั้น Eric ก็ได้ทำการโพสต์สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ลงในทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขาเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2017 พร้อมแคปชั่นว่า “เด็กอาจทำบางสิ่งที่ไม่สมควรลงไป แต่มันจะช่วยให้ดีขึ้นได้ถ้าคุณแต่งงานกับใครซักคนที่มีความตลกอยู่ในตัว” สงสัยไอเดียนี้คงมาจากภรรยาของเขาสินะ ความคิดสุดบรรเจิดของครอบครัวนี้ได้ถูกรีทวิตไปมากกว่า 100,000 ครั้ง มีคนถูกใจกว่า 270,000 ครั้ง และคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับพ่อแม่หลายๆ คนได้ลองนำวิธีนี้ไปใช้ดู     ดอกเตอร์ Eric ผู้เป็นทั้งศัลยแพทย์ส่วนประสาท ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ผู้อำนวยการด้านการแพทย์…

  • พ่อแม่เห่อลูกโปรดระวัง วัยรุ่นสาวออสเตรียฟ้องพ่อแม่ ฐานโพสต์ภาพน่าอายวัยเด็กลงโซเชียล!?

    พ่อแม่เห่อลูกโปรดระวัง วัยรุ่นสาวออสเตรียฟ้องพ่อแม่ ฐานโพสต์ภาพน่าอายวัยเด็กลงโซเชียล!?

    ข่าวนี้อาจทำให้พ่อแม่ที่ชอบเห่อลูกออกหน้าออกตารู้สึกเสียวๆ ได้เลย เพราะเมื่อไม่นานมานี้มีข่าวว่าเด็กวัยรุ่นต่างประเทศลุกขึ้นมาฟ้องร้องพ่อแม่ของตัวเอง ฐานโพสต์ภาพน่าอายของเธอลงในโลกออนไลน์!?     เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่าเด็กวัยรุ่นสาวจากรัฐคารินเทีย ประเทศออสเตรียวัย 18 ปี ได้ทำการฟ้องร้องพ่อแม่ของตัวเอง เนื่องจากพวกเขาโพสต์ภาพวัยเด็กของเธอ ขณะเปลี่ยนผ้าอ้อมและนั่งอยู่บนกระโถนอึ ทำให้เธอรู้สึกอับอายและถูกคุกคามความเป็นส่วนตัว     หลังจากที่เธอรู้เรื่องเกี่ยวกับภาพน่าอายที่พ่อแม่ของเธอนำไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก เธอก็ได้ขอร้องให้พ่อแม่ลบภาพเหล่านั้นออกไป แต่พวกเขากลับปฏิเสธเธอและคิดว่ามันเป็นภาพที่พวกเขาถ่ายเอง ภาพเหล่านั้นจึงควรจะเป็นสิทธิ์ของพวกเขาที่จะเผยแพร่หรือไม่ก็ได้ ทำให้เธอทนไม่ได้และต้องฟ้องร้องในที่สุด     วัยรุ่นสาวรายนี้ให้ความเห็นต่อสื่อว่า “พวกเขาไม่มีความละอายหรือขอบเขตอะไรเลย และไม่สนใจว่านั่นคือภาพของฉันกำลังนั่งอยู่บนกระโถนอึหรือนอนโป๊อยู่ในเปล” “ทุกขั้นตอนของชีวิตฉันถูกถ่ายภาพเก็บไว้แล้วนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะหมด ฉันเหนื่อยหน่ายที่ไม่ได้รับการดำเนินการใดๆ แบบจริงจังจากพ่อแม่ของฉัน”     ทางด้านทนายของเธอเชื่อว่าเธอน่าจะชนะการฟ้องร้องครั้งนี้ และทางพ่อแม่จะต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับเธอ แต่เนื่องจากประเทศออสเตรียไม่ได้เข้มงวดเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้คนในโลกออนไลน์เหมือนกับในบางประเทศ ยกตัวอย่างที่ประเทศฝรั่งเศส หากใครเผยแพร่ภาพน่าอายของผู้อื่น ไม่ว่าจะผู้ใหญ่หรือเด็ก จะถูกดำเนินคดี มีค่าปรับสูงสุด 1.7 ล้านบาทและอาจถูกจำคุกสูงสุด 1 ปี สาเหตุที่ทางฝรั่งเศสออกกฎเข้มงวดขนาดนี้ก็เพื่อเป็นการเตือนให้พ่อแม่ระมัดระวังเรื่องความเป็นส่วนตัวของลูกๆ เพราะนั่นอาจเป็นการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเด็กมากเกินไป จนทำให้พวกเขาถูกล่อลวงจากเหล่าคนโรคจิตก็เป็นได้     ข่าวนี้อาจไม่เกี่ยวข้องกับคนไทยโดยตรง แต่ในโลกออนไลน์ของเราเองก็มีภาพเหล่านี้ให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง คุณพ่อคุณแม่คนไหนที่อยากจะโพสต์อวดภาพลูกๆ ของตัวเองก็อาจจะต้องคิดให้มากขึ้นนิดนึง ว่าในอนาคตหากลูกๆ…

  • จากเหตุการณ์เรือไททานิกอับปาง เรื่องราวของสองพี่น้องผู้รอดชีวิต แต่ต้องกำพร้าพ่อแม่

    จากเหตุการณ์เรือไททานิกอับปาง เรื่องราวของสองพี่น้องผู้รอดชีวิต แต่ต้องกำพร้าพ่อแม่

    หากยังจำกันได้กับเหตุการณ์เรือสำราญขนาดมหึมาที่บรรทุกผู้โดยสารไปเต็มลำ และเมื่อวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1912 เรือไททานิกประสบกับอุบัติเหตุชนกับภูเขาน้ำแข็ง ทำให้เรืออับปาง มียอดผู้เสียชีวิตกว่า 1,500 ราย และมีผู้รอดชีวิตราวๆ 710 ราย ซึ่งสองคนในนั้นก็คือเด็กชายวัย 2 ขวบ กับ 4 ขวบ     ซึ่งในตอนแรกนั้น เมื่อทั้งสองรอดชีวิตจากเหตุการณ์เรือไททานิกอับปาง ยังไม่มีใครสามารถระบุได้แน่ชัดว่าเด็กทั้งสองคนชื่ออะไร เพราะไม่มีวี่แววของผู้ปกครองหรือพ่อแม่เลย จนกระทั่งผู้หญิงคนหนึ่งจากเมืองนิส ประเทศฝรั่งเศสได้เห็นภาพของเด็กทั้งสองจากหนังสือพิมพ์ ก็รู้สึกคุ้นหน้าว่าจะเป็นลูกๆ ของเธอ     ผู้หญิงคนดังกล่าวมีชื่อว่า Marcelle Caretto เธอได้ทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่เพื่อทำการยืนยันตัวตนว่าเป็นลูกชายของเธอ อธิบายลักษณะรูปร่างและถามคำถามที่มีเพียงลูกชายของเธอเท่านั้นที่จะตอบได้ (ชื่อเก่าของลูกชายก็คือ Louis กับ Lola) ภายหลังการยืนยันความสัมพันธ์ เธอก็จะได้พบกับลูกๆ ทั้งสองของเธออีกครั้ง นั่นก็คือเด็กชาย Michel และ Edmond ที่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา (ได้ชื่อใหม่)     แล้วสองพี่น้องขึ้นไปอยู่บนเรือไททานิกได้อย่างไร? เรื่องราวทั้งหมดก็เกิดขึ้นจากคุณพ่อที่จากไปในเหตุการณ์เรือไททานิก เขามีชื่อว่า…

  • พ่อแม่สุดเว่อร์ จ้างแม่บ้านมาทำอาหารให้ลูกทานถึงหน้าประตูโรงเรียน ด้านชาวเน็ตจีนแห่วิจารณ์ยับ

    พ่อแม่สุดเว่อร์ จ้างแม่บ้านมาทำอาหารให้ลูกทานถึงหน้าประตูโรงเรียน ด้านชาวเน็ตจีนแห่วิจารณ์ยับ

    เวลาที่ลูกๆ ไปโรงเรียน พ่อแม่บางคนก็อาจจะไปส่งลูกด้วยตัวเอง บางคนที่ไม่ค่อยมีเวลาก็อาจจะจ้างรถรับจ้างมาส่งลูก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาๆ ทั่วไปที่พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะทำกันอยู่แล้ว แต่สิ่งเหล่านี้ใช้ไม่ได้กับผู้ปกครองเด็กนักเรียนหญิงชาวจีนรายหนึ่ง จากเมืองอู่ฮั่น ที่ดูเหมือนจะเลี้ยงลูกของตนราวกับเป็นลูกเทวดา เพราะนอกจากพวกเขาจะลุงทุนจ้างคนขับรถมารับส่งลูกของตนแล้ว ยังจ้างรถคันใหญ่มาจอดหน้าประตูโรงเรียน เพื่อให้ลูกออกมานอนพักในช่วงพักกลางวันอีกด้วย     ยัง ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะนอกจากจะจ้างรถบ้านมาให้ความสะดวกสบายแก่ลูกของตนแล้ว พวกเขายังจ้างแม่บ้านมาคอยทำอาหารทั้งในมื้อเช้า มื้อกลางวัน และช่วงพักเบรกถึงหน้าประตูโรงเรียนกันเลยทีเดียว     นอกจากนี้ เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทราบ ก็ได้สั่งให้ย้ายรถและข้าวของอุปกรณ์ไปทำที่ถนนบริเวณอื่น เพราะกีดขวางทางเข้า ออกของโรงเรียน     แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล เพราะคนเหล่านั้นดูเหมือนจะไม่ยอมไปไหน ส่วนแม่บ้านก็ยังทำอาหารต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พยายามบังคับให้เธอหยุดทำครัว แต่เธอก็ดื้อดึงและทำอาหารต่อจนเสร็จ ก่อนที่จะเก็บข้าวของและขับรถออกไป     และเมื่อภาพเหล่านี้ถูกโพสต์ลงบนโลกโซเชียลของจีน ชาวเน็ตจีนต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในการกระทำของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ แถมยังต่อว่าว่าเป็นการเอาเปรียบเด็กคนอื่นๆ อีกด้วย ที่มา : dailymail

  • ตำรวจเร่งหาตัว ผู้ปกครองไร้วุฒิภาวะ อัดคลิปให้เด็กทารกสูบบุหรี่ และดื่มเบียร์!!!

    ตำรวจเร่งหาตัว ผู้ปกครองไร้วุฒิภาวะ อัดคลิปให้เด็กทารกสูบบุหรี่ และดื่มเบียร์!!!

    เอาจริงๆ นะถึงจะไม่ได้เผยแพร่ออกมาในโลกออนไลน์ มันก็ไม่ควรทำอยู่ดีๆ ล่ะนะ แล้วยิ่งเป็นเด็กในระดับเด็กทารกด้วยแบบนี้!!! สำหรับคลิปวิดีโอดนี้ก็ถูกอัพโหลดลงเฟซบุ๊คโดยสมาชิกที่ใช้ชื่อว่า Daniel Tecu ในประเทศโรมาเนีย ที่ตอนนี้ตำรวจกำลังเร่งสืบหาเขาอยู่     ‘That’s what being a real man is all about,’ นี่แหละลูกผู้ชายตัวจริง   เป็นคลิปวิดีโอของเจ้าหนูน้อยในวัยทารก ที่กำลังดูดบุหรี่ และดื่มเบียร์ โดยมีผู้ปกครองที่ดูแลชี้นำ ซึ่งสร้างความโกรธแค้นให้เหล่าชาวเน็ตต่างประเทศอย่างมาก เพราะไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง     ไม่ใช่แค่สูบบุหรี่ แต่ดื่มเบียร์ด้วยนี่สิ   ตอนนี้ตำรวจก็กำลังตรวจสอบหาเบาะแสในคลิปวิดีโอนี้ ซึ่งยังไม่ได้ตัวการที่แน่ชัด แต่คาดว่าคลิปนี้ถูกถ่ายที่ประเทศสเปน     ลองชมคลิปของเจ้าหนูผู้น่าสงสารได้ที่นี่   ก็ขอให้คุณตำรวจพบตัวการไวๆ นะเมี๊ยวว ถือว่าไม่เหมาะสมที่จะเลี้ยงดูเด็กน้อยคนนี้อย่างยิ่ง น่าจะมีการทดสอบสมรรถภาพของคนที่จะเลี้ยงเด็กทุกคนเลยนะเนี่ย ว่ามีภาวะเลี้ยงดูได้รึเปล่า -*- เห็นแล้วเหมียวหงุดหงิด ที่มา: Metro

  • สายโหดมาเอง!! ผู้ปกครองเอือมถนนหน้าโรงเรียนไม่มีทางม้าลาย เลยลงมือพ่นเองแบบ DIY

    สายโหดมาเอง!! ผู้ปกครองเอือมถนนหน้าโรงเรียนไม่มีทางม้าลาย เลยลงมือพ่นเองแบบ DIY

    การข้ามถนนบนทางม้าลายหรือสะพานลอย เป็นสิ่งที่เราทุกคนถูกพร่ำสอนและปลูกฝังกันมาตั้งแต่เด็กเพื่อความปลอดภัยจากอุบัติเหตุบนท้องถนนและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณชุมชนหรือพื้นที่มีคนพลุกพล่าน เช่น โรงเรียน ทางม้าลายถือว่ามีความสำคัญต่อความปลอดภัยของเด็กๆ จึงถือไม่แปลกที่ถนนใกล้โรงเรียนจะมีทางม้าลายไว้บริการ   แต่ความแปลกของทางม้าลายหน้าโรงเรียนมันได้เกิดขึ้นแล้วกับเคสนี้น่ะสิฮะพี่น้อง!!   ถ้าสังเกตภาพดูดีๆ เราจะเห็นทางม้าลาย DIY จากฝีมือผู้ปกครองนักเรียนในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ลงมือพ่นเองเป็นตัวอักษรว่า ‘ม้าลาย’ ซึ่งมูลเหตุก็มาจากการประท้วงเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ที่ปรับปรุงผิวจราจรมาประมาณ 3 เดือนแล้ว แต่ไม่มีการตีเส้นทางม้าลาย ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่มีจุดสังเกตและขับรถด้วยความเร็ว แถมยังมีรถสัญจรหนาแน่นทั้งช่วงเช้าและบ่าย ซึ่งตรงกับเวลาที่ลูกหลานของผู้ปกครองและชาวบ้านแถวนั้นต้องเข้า-ออกบริเวณโรงเรียน ทำให้ข้ามถนนลำบาก     โดยก่อนการประท้วงนี้จะเกิดขึ้น ทางผู้ปกครองและชาวบ้านก็ได้มีการแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบแล้ว แต่ไม่มีการแก้ไขใดๆ จึงได้ออกมา DIY พ่นถนนตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 แบบนี้ล่ะจ้ะ มาฟังความอีกข้างจากนายบรรลือศักดิ์ วุฒิ ผู้อำนวยการสำนักการช่าง เทศบาลนครสุราษฎร์ธานีกันบ้าง ใจความว่าทางการได้รับแจ้งตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคมแล้ว แต่มีปัญหากับผู้รับเหมา เรื่องสีที่ไม่ได้มาตรฐาน กรรมการจึงไม่ตรวจรับและเรื่องอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ทำให้ไม่ได้ตีเส้นจราจร     แต่เรื่องนี้ก็จบลงด้วยดีเพราะทางการได้รีบประสานงานกับสำนักงานทางหลวงชนบทขอยืมสีและเครื่องจักรมาตีเส้นทางม้าลายข้ามถนนให้เสร็จเรียบร้อยภายในวันที่โดน DIY นั่นเอง ปรบมือ!!…