Tag: เยอรมนี

  • ช็อกโกแลตปริมาณมหาศาล ‘ทะลัก’ ท่วมถนนในเยอรมัน เหตุถังบรรจุของโรงงานมีปัญหา

    ช็อกโกแลตปริมาณมหาศาล ‘ทะลัก’ ท่วมถนนในเยอรมัน เหตุถังบรรจุของโรงงานมีปัญหา

    เมื่อวันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม 2018 ได้เกิดอุบัติเหตุจากโรงงานในประเทศเยอรมนี ทำให้ของที่บรรจุอยู่ในถังบรรจุไหลออกมาท่วมถนนบริเวณใกล้เคียง แม้จะเป็นเหตุการณ์ที่ฟังดูเลวร้าย แต่สำหรับผู้ชื่นชอบ “ช็อกโกแลต” แล้ว เรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่น่าอิจฉาเลยทีเดียวเชียวล่ะ เพราะสิ่งที่ไหลออกมาท่วมถนนก็คือ ช็อกโกแลตปริมาณมหาศาล นั่นเอง เหตุการณ์เกิดขึ้นในเมือง Westönnen ห่างจากนครดอร์ทมุนท์ไปทางตะวันตกราว 40 กิโลเมตร ถนนในย่านนั้นถูกชโลมไปด้วยช็อกโกแลตเหลวที่แข็งตัวแล้ว ซึ่งไหลออกมาจากถังเก็บของโรงงานช็อกโกแลตใกล้เคียง   .   เหตุการณ์นี้ทำให้ถนนบริเวณนั้นจำเป็นต้องถูกระงับใช้ชั่วคราวเป็นเวลา 2 ชั่วโมง เนื่องจากการชะล้างทำความสะอาดของเจ้าหน้าที่ที่ต้องขจัดช็อกโกแลตขนาด 10 ตางรางเมตรออกจากถนน เบื้องต้นทราบว่า เกิดความผิดพลาดทางเทคนิคเล็กน้อยจึงทำให้มีช็อกโกแลตรั่วไหลออกมาจากถังเก็บ ทั้งนี้ Markus Luckey หัวหน้าของโรงงานช็อกโกแลตดังกล่าวก็ออกมาชี้แจงว่า ในโรงงานมีถังบรรจุช็อกโกแลตที่เกิดปัญหาเพียงแค่ถังเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามการผลิตก็จะยังคงดำเนินต่อไป เจ้าตัวกล่าวว่า “มันเป็นเรื่องเล็ก ไม่ได้ส่งผลเสียหายอะไรรุนแรง”   ภาพจากทางอากาศเมือง Westönnen   แหม ถ้ามารั่วไหลแถวบ้านเราคงฟินกันน่าดูเลยนะเนี่ย!   ที่มา: dailymail และ soester-anzeiger

  • เด็กๆ ในเยอรมนีรวมตัว “เดินขบวนประท้วง” พ่อแม่ สาเหตุที่เอาแต่สนใจโทรศัพท์มือถือ!

    เด็กๆ ในเยอรมนีรวมตัว “เดินขบวนประท้วง” พ่อแม่ สาเหตุที่เอาแต่สนใจโทรศัพท์มือถือ!

    ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟน นั้นจำเป็นจริงๆ บางครั้งมันเป็นสิ่งที่ที่มนุษย์หลายคนแทบจะวางมือจากมันไม่ได้เลยทีเดียว ถึงแม้ประโยชน์ของสมาร์ตโฟนจะมีมากมายแต่ มันก็ส่งผลเสียไม่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะในเชิงสังคมที่ผู้คนมักเลือกมีปฏิสัมพันธ์กับอิเล็กทรอนิกส์มากกว่ามนุษย์ด้วยกันเอง     งานนี้ผลร้ายจึงตกไปสู่เหล่าเด็กๆ ที่ต้องการความอบอุ่น ความรัก และความใส่ใจจากพ่อแม่ เมื่อพ่อแม่ผู้ที่ควรจะเป็นผู้ดูแลกาย จิตใจ และมิติทางสังคมของเด็ก กลับเอาแต่เล่นสมาร์ตโฟนแทนที่จะเล่นกับลูก เหล่าเด็กๆ ราว 150 ชีวิตจึงออกมา ‘เดินขบวนประท้วง‘ ในเมืองฮัมบวร์ค ประเทศเยอรมนี นำโดย Emil Rustige เด็กชายวัย 7 ขวบ ที่เดินพร้อมกับถือป้ายสโลแกนว่า “เล่นกับผมสิ ไม่ใช่เล่นกับโทรศัพท์”   Emil Rustige วัย 7 ขวบ   เรื่องราวเริ่มจากการที่ Emil Rustige ไม่พอใจที่พ่อแม่ของตนติดการใช้โทรศัพท์มือถือ เขาจึงต้องการเดินประท้วงสำหรับเรื่องนี้ “ผมอยากไปเล่นนอกบ้านกับเพื่อน แต่พ่อไม่ได้ให้ไป ผมก็เล่นอยากเล่นกับพ่อที่บ้าน แต่พ่อก็ดันเอาแต่เล่นโทรศัพท์มือถือ” Emil กล่าว เขาจึงบอกกับพ่อแม่ว่าอยากเดินขบวนประท้วงเกี่ยวกับเรื่องนี้ พ่อแม่ของเขาจึงช่วยเหลือโดยการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จัดการเรื่องของขบวนประท้วงสำหรับเด็กๆ     เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ความช่วยเหลืออย่างดีเยี่ยม มีการจัดการปิดถนนหลายเส้นเพื่อให้เด็กๆ…

  • อีกมุมของประวัติศาสตร์ ชีวิตของ ‘คนผิวสี’ ในเยอรมนี กับยุคที่ ‘นาซี’ เรืองอำนาจ

    อีกมุมของประวัติศาสตร์ ชีวิตของ ‘คนผิวสี’ ในเยอรมนี กับยุคที่ ‘นาซี’ เรืองอำนาจ

    ในยุคที่นาซีเรืองอำนาจ ‘ชาวยิว’ ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยกันมั้ยล่ะว่าเกิดอะไรขึ้นกับ ‘คนผิวสี’ ในประเทศเยอรมันบ้าง? เหล่านาซีจะทำอย่างไรกับพวกเขาในฐานะที่เป็นพลเมืองชั้นสอง ที่มักจะถูกกดขี่อยู่เสมอสำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว มีข้อมูลมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน จะเป็นอย่างไรไปรับชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า…     ในช่วงยุค 1930 ประเทศเยอรมนีมีประชากรคนผิวสีไม่มากนัก เพียงแค่หลักไม่กี่พันคนเท่านั้นเอง หรือหากจะเทียบเป็นจำนวนเปอร์เซนต์แล้วล่ะก็พวกเขามีเพียงแค่ 1 เปอร์เซนต์จากประชากรทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นลูกหลานของทหารฝรั่งเศส-แอฟริกันที่ประจำอยู่บริเวณริมแม่น้ำไรน์ ทางตะวันตกของประเทศเยอรมนี เด็กผิวสีเหล่านี้มักจะถูกกดขี่โดยนาซี พวกเขาตั้งชื่อให้กลุ่มคนผิวสีเหล่านี้ว่า ‘Rhineland Bastards’ หรือ ‘ไอ้งั่งที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำไรน์’  กลุ่มคนผิวสีทั้งหลายเหล่านี้จะถูกบังคับให้ทำหมันตั้งแต่อายุยังน้อย รวมไปถึงตั้งกฎหมายขึ้นมาเพื่อแบ่งแยกชนชั้นอย่างชัดเจน โดยที่คนผิวสีจะอยู่ในระดับเดียวกับชาวยิวและชาวโรมาเนีย และเมื่อประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว คนผิวสีถูกกีดกันจากการจ้างงาน การเป็นเจ้าของที่ดิน และการศึกษา เรียกได้ว่าการใช้ชีวิตในประเทศเยอรมนีของพวกเขานั้นคือการตกนรกทั้งเป็นก็ไม่ปาน     แม้ว่าจะมีบางส่วนที่ดิ้นรนจนได้เข้ารับการศึกษาในโรงเรียน แต่ก็จะถูกกลั่นแกล้ง บางส่วนก็ถูกจับไปไว้ในค่ายกักกันเพียงเพราะสีผิวของพวกเขา บ้างก็ถูกจับเข้าคุกเพราะมีผิวสีดำ เป็นต้น เช่นเดียวกันกับชีวิตของนาย Hans Massaquoi ที่เป็นชาวผิวสี เขาเกิดในปี 1926 ที่เมืองฮัมบูร์ก มีพ่อเป็นชาวไลบีเรียและแม่เป็นชาวเยอรมันผิวขาว เขาต้องการที่จะเข้าร่วมกับฮิตเลอร์เช่นเดียวกันกับเด็กเยอรมันคนอื่นๆ…

  • ถ้าเกาหลีเหนือ-ใต้รวมกันจะเป็นอย่างไร?…ย้อนกลับไปดูตอนเยอรมนีรวมชาติ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

    ถ้าเกาหลีเหนือ-ใต้รวมกันจะเป็นอย่างไร?…ย้อนกลับไปดูตอนเยอรมนีรวมชาติ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

    จากกรณีที่มีข่าวว่าประเทศเกาหลีใต้และประเทศเกาหลีเหนือ กำลังจะจบสงครามที่ยาวนานกว่า 68 ปี ก็มีสื่ออีกหลายสำนักมองไกลไปถึงเรื่องของ ‘การรวมประเทศ’ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลา   ภาพธงชาติเกาหลีเหนือ-ใต้ ที่ทำขึ้นมาในงานโอลิมปิกฤดูหนาว ที่นักกีฬาของทั้งสองประเทศโบกตอนเดินลงสนามร่วมกัน   เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นนี้ก็เลยทำให้ #เหมียวหง่าว นึกย้อนไปถึง ‘การรวมประเทศ’ ของประเทศเยอรมนีตะวันตกและเยอรมนีตะวันออก ที่เคยแยกประเทศกันไปเมื่อปี 1949 เพราะผลกระทบจากสงครามโลก เนื่องจากว่าองค์ประกอบทุกอย่างมันช่างคล้ายคลึงกันเสียเหลือเกิน ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าหากเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้รวมประเทศกันขึ้นมาจริงๆ ก็อาจจะประสบความสำเร็จและกลายมาเป็นหนึ่งในชาติมหาอำนาจของโลกอย่างเยอรมนีก็เป็นได้ #เหมียวหง่าว ก็เลยจะนำเรื่องราวการรวมประเทศของเยอรมนีตะวันตกกับเยอรมนีตะวันออกมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน ก่อนจะกล่าวถึง ‘การรวมประเทศ’ ของเยอรมนี ก็ต้องขอย้อนกลับไปเล่าเรื่องของ ‘การแยกประเทศ’ กันก่อนก็แล้วกันนะครับเพื่อความเข้าใจเหตุการณ์อย่างถ่องแท้     ย้อนกลับไปในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองจบลงเมื่อปี 1945 ฝ่ายอักษะที่นำโดยเยอรมนีเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ สองประเทศยักษ์ใหญ่ในขณะนั้นอย่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตซึ่งเป็นผู้ชนะสงครามได้พยายามขยายอิทธิพลของตนเองเข้าสู่ประเทศเยอรมันนี ด้วยความไม่ลงรอยนี้ เยอรมันนีจึงถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนในปี 1949 ซึ่งก็คือ Federal Republic of Germany (FRG) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อเยอรมนีตะวันตก ฝั่งนี้จะถูกปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย ส่วนอีกด้านก็คือ German Democratic Republic (GDR) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อเยอรมนีตะวันออก…

  • ‘Bridegroom’s Oak’ ต้นไม้แห่งความโรแมนติก มีอายุกว่า 500 ปี ช่วยสื่อรักมานานร่วมศตวรรษ

    ‘Bridegroom’s Oak’ ต้นไม้แห่งความโรแมนติก มีอายุกว่า 500 ปี ช่วยสื่อรักมานานร่วมศตวรรษ

    ความเชื่อตามท้องถิ่นที่เกิดขึ้นมานั้น ก็ล้วนแล้วแต่ตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดกันมา แต่มักจะมีสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นร่วมกันก็คือ ความเชื่อในเรื่องของความรัก กับการกระทำบางอย่าง ในบางสถานที่ จุดประสงค์ก็เพื่อให้รักนั้นสมบูรณ์แบบที่สุด ในบทความนี้ #เหมียวเลเซอร์ จะพาบินไปสู่ประเทศเยอรมนี เพื่อพาท่านไปรู้จักกับต้นไม้ Bridegroom’s Oak มีอายุประมาณ 500 ปี คอยทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง รับสารจากผู้แสวงหาความรักจากทั่วทุกมุมโลก!!     ตำแหน่งที่ตั้งของต้น Bridegroom’s Oak นั้น อยู่ในบริเวณเมือง Eutin ประเทศเยอรมนี ซึ่งในปัจจุบันมีที่อยู่ตามไปรษณีย์เป็นของตัวเองแล้ว และมักจะได้รับจดหมายราวๆ 40 ฉบับต่อวันเลยล่ะ ในยุคเทคโนโลยีเฟื่องฟู มีแอปพลิเคชั่นหาคู่และบริการที่เกี่ยวข้องเกิดขึ้นมากมาย การส่งจดหมายบอกรักโรแมนติกแบบดั้งเดิมคงจะยากที่จะได้เจอกับความรัก     แต่สำหรับวิธีนี้ก็ยังมีเสน่ห์ที่หาไม่ได้จากแบบอื่นๆ รอคอยให้ปาฏิหาริย์ทำหน้าที่ของมัน และยังคงได้รับความนิยมแม้จะเข้าสู่โลกยุคดิจิทัลแล้ว     “มีอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกวิเศษ และโรแมนติกเกี่ยวกับต้นไม้ต้นนี้ บนโลกอินเทอร์เน็ต ความจริงและชุดคำถามจะจับคู่คนไว้ด้วยกัน แต่สำหรับต้นไม้ต้นนี้ มันคือความบังเอิญที่สวยงาม ราวกับพรหมลิขิต” Karl-Heinz Martens บุรุษไปรษณีย์วัย 72 ปี กล่าวกับสำนักข่าว BBC…

  • ชมแฟชั่นการไว้ผมยาวของทหารเยอรมันในยุค 1970s เฟี้ยวจนได้ชื่อ “German Hair Force”

    ชมแฟชั่นการไว้ผมยาวของทหารเยอรมันในยุค 1970s เฟี้ยวจนได้ชื่อ “German Hair Force”

    การเป็นทหารไม่ว่าจะชาติไหนๆ ปกติเรามักจะเห็นพวกเขาไว้ผมสั้นกันเสมอ อาจจะด้วยกฎหรือเหตุผลต่างๆ ที่ห้ามไว้ผมยาวจึงทำให้เราหาดูทหารผมยาวได้ยากนั่นเอง แต่ถ้าย้อนกลับไปเมื่อปี 1970s เราจะได้เห็นแฟชั่นทหารไว้ผมยาวอย่างแน่นอน นั่นก็เพราะทางกองกำลังเยอรมันที่ชื่อ Bundeswehr นั้นได้อนุญาตให้ทหารในกองทัพไว้ผมยาวได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของความชอบส่วนหรือจะตามแฟชั่นก็แล้วแต่     ผมสวยใช่ไหมละ   ผมพี่คนนี้อย่างกับหลุดมาจากอนิเมะ   เมื่อมันมาถึงจุดที่หนุ่มๆ ดูแลสุขภาพผมแบบเดียวกับสาวๆ   อย่างไรก็ตามใช่ว่าทุกคนจะไว้ผมยาวแค่ไหนก็ได้ หรือจะปล่อยผมที่ไหนได้ตามใจ เพราะทางกองทัพได้ตั้งกฎว่าคนที่ไว้ผมยาวจะต้องมีผมที่ยาวไม่เกินไปและคนไว้ผมยาวทุกคนจะต้องสวมตาข่ายคลุมผม   .   แน่นอนว่านโยบายการอนุญาตนี้ของกองทัพสร้างความพอใจให้กับนายทหารมากมาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันกลับสร้างปัญหาพอสมควรเลย เพราะทหารเริ่มไม่ค่อยสนใจในกฎเท่าที่ควร เริ่มจะขาดระเบียบในการสวมตาข่ายเพราะพวกเขารู้สึกว่ามันจะส่งผลเสียต่อสุขภาพผม   นานวันไปก็มีนายทหารมากมายเริ่มสนใจผมมากกว่าหน้าที่ .   งานนี้คิดว่ากองทัพจะจัดการปัญหาอย่างไร?   นานวันเข้ากองทัพผมยาวนี้เริ่มถูกล้อเลียนมากขึ้น นั่นทำให้พวกเขาได้ถูกกองกำลังอื่นตั้งชื่อเล่นให้ว่า ‘German Hair Force‘ และเมื่อมันหนักข้อมากขึ้น แถมยังสร้างปัญหาเรื่องความสกปรกและความคล่องตัว ทำให้สุดท้ายนโยบายนี้ก็ถูกยกเลิกในปี 1972 และกลับไปบังคับให้ไว้ผมสั้นดังเช่นเคย…   สั่งห้ามสิครับ กลับไปไว้ผมสั้นดังเดิม   สงสัยเวลาคลุมผมแล้วมันอึดอัดหรือเปล่านะ   ที่มา designyoutrust, spiegel

  • ฆาตกรในคราบเทวดา… บุรุษพยาบาลชาวเยอรมัน ถูกจับกุมหลังฆ่าคนไข้ไปกว่า 97 คน!!

    ฆาตกรในคราบเทวดา… บุรุษพยาบาลชาวเยอรมัน ถูกจับกุมหลังฆ่าคนไข้ไปกว่า 97 คน!!

    บุรุษพยาบาล ฉายาว่า “เทวดาแห่งความตาย” มีความผิดข้อหาฆาตกรรมโดยมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และต่อมาจึงพบอีกว่า เขาได้ก่อเหตุฆาตกรรมไปแล้วถึง 97 ศพ พยาบาลฆาตกรรายนี้มีชื่อว่า Niels Hoegel ซึ่งเป็นชาวเยอรมัน ได้ถูกตัดสินคดีว่ามีความผิดฐานฆาตกรรมเหยื่อ 2 ราย และพยายามฆ่าอีก 2 ราย และล่าสุดผู้ฟ้องร้องกล่าวว่าเมื่อหลายปีก่อน Niels ได้ฆ่าคนไป 97 คน จากทั้ง 2 โรงพยาบาลที่เขาเคยอยู่ โดยแห่งแรกก็คือ โรงพยาบาลใน Oldenburg ตั้งแต่ปี 1999 จนถึงปี 2002 และแห่งที่สองก็คือคลินิกที่ Delmenhorst ตั้งแต่ปี 2003 จนถึงปี 2005     จากการสอบสวน Niels ในปี 2015 เขาให้การว่า ที่คลินิกใน Delmenhorst เขาจงใจทำให้ผู้ป่วยประมาณ 90 คนมีภาวะหัวใจล้มเหลว เนื่องจากเขาชื่นชอบในการพยายามทำให้ผู้ป่วย “ฟื้นจากความตาย” และเขายังให้การเพิ่มว่าเขาได้ทำการฆาตกรรมมาตลอดในช่วงที่ทำงานใน Oldenburg หลังจากได้รับคำสารภาพจาก Niels ผู้สืบสวนจึงทำการทดสอบสารพิษของผู้ป่วยที่เสียชีวิตในช่วงที่ Niels ทำงานในโรงพยาบาล และทำให้พบความผิดของเขาเพิ่มมากขึ้น ผู้ฟ้องร้องนามว่า Martin…

  • นายพรานออกไปล่าสัตว์ แต่ถูกเจ้าหมูป่ายักษ์ทำร้ายจนเสียชีวิต เพราะพยายามจะสังหารมัน

    นายพรานออกไปล่าสัตว์ แต่ถูกเจ้าหมูป่ายักษ์ทำร้ายจนเสียชีวิต เพราะพยายามจะสังหารมัน

    เมื่อวันที่ 5 ธันว่าคม 2017 สำนักข่าว DailyMail ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่นายพรานถูกหมูป่าทำร้ายจนเสียชีวิตในขณะที่เขาพยายามจะยิงมัน เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ป่าทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง Greifswald ใกล้กับกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อนาย Ronald Ahrens อายุ 50 ปีพร้อมนายพรานอีก 12 คนออกเดินทางเพื่อล่าหมูป่า     เขาได้ทำการยิงหมูป่าน้ำหนักประมาณ 180 กิโลกรัมจนมันล้มลงไปและเขาคิดว่ามันอาจจะเสียชีวิตแล้วจึงได้นั่งลงไปข้างๆ ร่างของมันเพื่อจะนำเนื้อมันไปทำเป็นอาหาร แต่เจ้าหมูป่ายังไม่เสียชีวิต ด้วยความเจ็บมันจึงฮึดสู้ด้วยเขี้ยวยาว 7 นิ้วของมันแทงไปที่ต้นขาของนายพรานทำให้เขาล้มลงในแม่น้ำข้างๆ ทันทีและสูญเสียเลือดจำนวนมาก เพราะว่าเจ้าหมูป่าแทงเข้าจุดเส้นเลือดพอดี นายพรานถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยเฮลิคอปเตอร์ทันทีแต่ว่าเขาทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในที่สุด เป็นการปิดฉากนักล่าของเขาที่ได้ใช้ชีวิตเป็นนายพรานมาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น     นอกจากนี้กระทรวงการเกษตรของเยอรมนีก็ได้ออกมาพูดว่ามีการตั้งราคาค่าหัวของหมูป่าไว้ที่ตัวละ 1,000 บาทเพื่อให้เหล่านักล่าได้ยิงเพื่อลดการแพร่เชื้อไวรัสแอฟริกันที่อาจจะส่งผลต่อสัตว์ป่าในพื้นที่ ช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมาเนื่องจากว่าสภาพอากาศไม่ได้หนาวแบบรุนแรงทำให้หมูป่าขยายเผ่าพันธุ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะมีหมูป่าที่ถูกฆ่าเกือบ 500,000 ตัวในแต่ละปีที่เยอรมนี แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมจำนวนประชากรหมูป่าที่เพิ่มขึ้นได้   ที่มา dailymail

  • ค้นพบวัตถุนาซีโบราณจำนวนมาก ถูกเก็บซ่อนอยู่ภายในบ้าน ของนักสะสมงานศิลปะ!!

    ค้นพบวัตถุนาซีโบราณจำนวนมาก ถูกเก็บซ่อนอยู่ภายในบ้าน ของนักสะสมงานศิลปะ!!

    หนึ่งในความน่าสะพรึงกลัวของประวัติศาสตร์ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง คงจะหนีไม่พ้นเรื่องราวของ Adolph Hitler ผู้นำเผด็จการนาซีเยอรมนี ที่ได้ทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวมากกว่า 3 ล้านคน และถึงแม้ว่าจะมีขบวนการต่อต้านฮิตเลอร์จอมโหดเกิดขึ้น แต่ก็เป็นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีบางคนที่ชื่นชอบ และต้องการระลึกถึงพวกนาซีอยู่เสมอ บางคนถึงขั้นเก็บรวบรวมสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ของนาซีเอาไว้ เพราะด้วยความเลื่อมใสศรัทธา แต่ถึงกระนั้นก็ต้องคอยหลบหลีกการจับกุมของตำรวจ เนื่องจากสิ่งของเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย     อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีการรายงานว่า ทางตำรวจสหพันธรัฐในอาร์เจนตินา ได้ค้นพบสิ่งของที่ผิดกฎหมายของนาซีที่ซ่อนอยู่หลังห้องสมุดภายในบ้านของนักสะสมงานศิลปะในกรุงบัวโนสไอเรส ซึ่งมีจำนวนมากถึง 75 ชิ้นเลยทีเดียว     โดยสิ่งของที่ถูกค้นพบภายในบ้านหลังนี้ เป็นของพวกนาซีทั้งหมด โดยมีตั้งแต่กล่องมีด อุปกรณ์ทางการแพทย์ อาวุธ รวมไปถึงภาพลับๆ ของ Adolph Hitler   จากการรายงานระบุว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกเข้าไปยังบ้านดังกล่าวที่มีคลังสิ่งของผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2017 หลังจากที่ได้รับแจ้งถึงเบาะแสการมีสิ่งของผิดกฎหมายไว้ในครอบครอง และเมื่อทางตำรวจได้เข้าไปภายในบ้านพวกเขาก็พบกับชั้นวางหนังสือลึกลับ และได้พบกับสิ่งประดิษฐ์และวัตถุโบราณหลายอย่างของพรรคนาซี     ใครจะไปรู้ล่ะว่าด้านหลังตู้หนังสือภายในบ้านหลังนี้ ความจริงแล้วเป็นห้องเก็บของลับ ที่เจ้าของบ้านได้เก็บรักษาของที่ระลึกของนาซีเอาไว้ทั้งหมด   ทางด้านนักวิจัย และทีมผู้เชี่ยวชาญได้ทำการตรวจสอบแล้วว่า ของทั้งหมดที่ถูกค้นพบนี้ล้วนเป็นของจริงทั้งหมด…

  • ภาพเยอรมนี 100 กว่าปีที่แล้ว ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ถูกนำมาทำเป็นภาพสีแล้วสวยสุดๆ เลยล่ะ

    ภาพเยอรมนี 100 กว่าปีที่แล้ว ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ถูกนำมาทำเป็นภาพสีแล้วสวยสุดๆ เลยล่ะ

    น่าเสียดายเนาะที่ยังไม่มีไทม์แมชชีน ไม่อย่างนั้นเราคงสามารถย้อนเวลาไปดูเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นในยุคก่อนๆ ได้ เพื่อนๆ เคยสงสัยมั้ยว่า ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น ประเทศเยอรมนีน่ะจะดูเป็นยังไง?? มีสมุดภาพเจ๋งๆ ที่ชื่อว่า “Germany Around 1900.” ซึ่งจะพาเพื่อนไปดูภาพย้อนยุคของประเทศเยอรมนี แบบภาพสีเลยทีเดียว สำหรับหนังสือเล่มนี้ก็มีถึง 800 ภาพด้วยกันเลยนะจ๊ะ สมัยนั้นแน่นอนว่าไม่มีการถ่ายภาพสี สมุดภาพนี้ก็เลยได้นำภาพขาวดำในสมัยก่อน มาผ่านเทคโนโลยี และทำให้เป็นภาพสีนั่นเอง ลองมาดูภาพตัวอย่างกันเลย   พระราชวัง Schwerin grand-ducal , Mecklenburg   Wernigerode Town Hall   Castle of Sigmaringen   ภาพชายฝั่งแถบ Westerland เยอรมนี   ห้องพักใน Neuschwanstein Castle ทางใต้ของ Munich   Heinstein Castle และ Butchers’ Guild Hall ใน Hildesheim   สะพาน…

  • แฝดป่ะเนี่ย!? นักเรียนแลกเปลี่ยน หน้าตาเหมือนกันเด๊ะ เจอกันโดยบังเอิญที่เยอรมนี!!

    แฝดป่ะเนี่ย!? นักเรียนแลกเปลี่ยน หน้าตาเหมือนกันเด๊ะ เจอกันโดยบังเอิญที่เยอรมนี!!

    ชีวิตนี้มันต้องมีบ้างแหละที่จะต้องเจอเรื่องที่บังเอิ๊ญบังเอิญ ไม่ว่าจะบังเอิญไปกินร้านอาหารที่อยากกินมานานแต่ดันปิดซะงั้น บังเอิญเจอคนที่เราแอบชอบ แต่เขาดันเดินมากับแฟน พูดแล้วก็เจ็บ อะเฮื้ออออ แต่สำหรับ Cordelia Roberts และ Ciara Murphy เหมียวว่าเป็นการบังเอิญที่อลังการงานสร้างมากๆ เพราะทั้งคู่มีหน้าตาที่เหมือนกัน มาจากคนละประเทศ แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมาพบกันได้ Cordelia เป็นนักเรียนมาจากประเทศอังกฤษ ส่วน Ciara มาจากประเทศไอร์แลนด์ พวกเธอได้มาเรียนต่อที่เยอรมนีโดยลำพัง และไม่คิดว่าเรื่องราวแบบนี้จะเกิดขึ้น เมื่อหลายคนเริ่มถามพวกเธอว่ามีพี่หรือน้องสาวเรียนอยู่ที่นี่รึเปล่า   แน่นอนว่าเจอคำถามแบบนี้ไป เป็นใครก็ต้องงง เพราะเธอมาคนเดียว จนทั่งคู่ได้พบกันแบบบังเอิญๆ แล้วก็ถึงกับเงิบ   เพราะหน้าตาช่างเหมือนกันเหมือนเกิน แถมยังมาเรียนที่เดียวกัน มาจากคนละที่เหมือนกันอีกด้วย   เวลาเธอไปเจอใคร ก็มักจะมีคนทักว่าเคยเจอคนหน้าแบบนี้มาก่อนแล้ว   จนในที่สุด ทั้งคู่ก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน จนหลายคนมองว่าพวกเขาเป็นฝาแฝดกันจริงๆเลย     ที่มา wittyfeed

  • หนึ่งในสะพานแขวนที่น่ากลัวที่สุดในโลก สูงกว่า 91 เมตร ผ่านหุบเขา Geierley  ในประเทศเยอรมนี

    หนึ่งในสะพานแขวนที่น่ากลัวที่สุดในโลก สูงกว่า 91 เมตร ผ่านหุบเขา Geierley ในประเทศเยอรมนี

    วันนี้เหมียวจะพาไปเที่ยวสะพานแห่งหนึ่ง ที่เรียกได้ว่าน่ากลัวมากๆ เลยทีเดียว โดยสะพานแห่งนี้ตั้งอยู่ในประเทศเยอรมนี เป็นสะพานแขวน ที่อาจเรียกได้ว่า น่ากลัวและหวาดเสียวที่สุดเลยก็ว่าได้!!! ห้อยอยู่สูงขึ้นไปในหุบเขา Geierley กว่า 91 เมตร มีความยาวของตัวสะพานถึง 364 เมตรด้วยกัน ขึ้นไปละได้เสียวกันยาวๆ เลยทีเดียว   สะพานแขวนสุดน่ากลัว ซึ่งการสร้างเจ้าสะพานนี้มีเป้าหมายก็คือดึงดูดเหล่านักท่องเที่ยว โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบการไต่เขาในพื้นที่นี้ ที่มีภูมิประเทศที่ค่อนข้างสวยงาม เป็นที่นิยมของนักเดินทางแวะเวียนมากันเป็นประจำ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเดินในเส้นทางนี้กว่า 170,000 คนต่อปีเป็นอย่างน้อย และนั่นจะทำให้เงินอัดฉีดไหลเวียนในท้องถิ่นแถบนี้เพิ่มขึ้นราวๆ 1.8 ล้านยูโรต่อปี หรือ 72 ล้านบาทเลยทีเดียว!!!   ชมภาพสะพานแขวนสุดน่ากลัวกันต่อได้เลย     ชมวิดีโอกันได้ที่นี่   ก็เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสะพานแขวนที่น่ากลัวที่สุดในโลกแล้วล่ะในตอนนี้ ใครมีโอกาสไปเที่ยวกันก็อย่าลืมแชะภาพสวยๆ มาฝากเหมียวกันด้วยนะจ๊ะ ที่มา: Metro

  • พาไปเที่ยว “บาร์กลับหัว” นอกจากจะเมาเบียร์ ต้องมาเมาเพราะการตกแต่งด้วย!!

    พาไปเที่ยว “บาร์กลับหัว” นอกจากจะเมาเบียร์ ต้องมาเมาเพราะการตกแต่งด้วย!!

    ช่วงเวลาของการพักผ่อน หลายคนเลือกที่จะไปนั่งจิบเบียร์เบาๆตามผับตามบาร์ คนส่วนมากที่อยากจะได้บรรยากาศจริงๆก็คงไม่ดื่มให้รู้สึกเมาหรอก แค่พอกรึ่มๆแล้วดื่มด่ำไปกับเพลงก็พอ แต่วันนี้เหมียวจะพาไปเที่ยวบาร์แห่งนี้ในกรุงเบอร์ลินประเทศเยอรมนี ที่ไม่ว่าคุณจะดื่มมาก ดื่มน้อย หรือไม่ได้ดื่มอะไรเลย บาร์แห่งนี้ก็ทำให้คุณรู้สึกเมาได้ด้วยการดีไซน์ร้านแบบกลับหัวทั้งหมด บาร์แห่งนี้มีชื่อว่า Madame Claude ด้วยการตกแต่งแบบกลับหัวทั้งหมด ไม่ว่าจะถ่ายรูปจากมุมไหน มันก็เหมือนกับว่าด้านนั้นเป็นพื้นเสียหมด แน่นอนว่าทั้งหมดถูกยึดไปแน่นพอที่จะไม่หล่นมาใส่หัวลูกค้าแน่ๆ เราไปดูบรรยากาศในร้านกันเลย   ใครไปเที่ยวเยอรมนีก็ลองแวะไปได้นะ รับรองว่าเมาตั้งแต่เดินเข้าไปเลยล่ะ ที่มา Lost At E Minor

  • ความสยอง ณ ประเทศเยอรมนี กับขบวนพาเหรดของเหล่าซอมบี้ พร้อมขยี้เหยื่อผู้เคราะห์ร้าย!!

    ความสยอง ณ ประเทศเยอรมนี กับขบวนพาเหรดของเหล่าซอมบี้ พร้อมขยี้เหยื่อผู้เคราะห์ร้าย!!

    คนเรามักจะมีความชื่อนชอบที่แตกต่างกัน แต่อย่างน้อยความชื่นชอบของเราก็จะต้องมีผู้ที่มีรสนิยมเหมือนกันอยู่บ้างแหละ อย่างเช่นผู้คนที่หลงใหลในตำนานความสยองขวัญของเหล่าผีดิบเดินดิน ‘ซอมบี้’ เหล่านี้นั่นเอง!!     ผู้คนที่ชื่นชอบซอมบี้ได้มารวมตัวกัน ณ เมือง Duesseldorf ประเทศเยอรมนี พร้อมกับแต่งองค์ทรงเครื่องเปลี่ยนร่างตัวเองให้กลายมาเป็นผีดิบ ถ่ายทอดอารมณ์ความสยองได้สมจริงมาก!!     โดยการเดินขบวนพาเหรดนี้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ผู้คนที่ชื่นชอบและหลงใหลในสิ่งเดียวกันก็จะมารวมตัวกันเพื่อกลายร่างมาเป็นซอมบี้ และร่วมเดินขบวนยกทัพความสยองไปทั่วเมืองเลย                                       ฝีมือการแต่งหน้า และชุดคอสตูมของแต่ละคนถือว่าจัดเต็มสุดๆ ถ่ายทอดลักษณะและอารมณ์ของซอมบี้ได้เป็นอย่างดี ถ้าเกิดมาเดินตอนดึกๆ มีหวังหนีกันกระเจิงแน่นอน ฮ่าฮ่า!! ที่มา : gettyimages, bdcwire, acidcow

  • ไปดูวิวัฒนาการความงามของ “สาวเยอรมัน” ใน 100 ปี ที่ผ่านมา

    ไปดูวิวัฒนาการความงามของ “สาวเยอรมัน” ใน 100 ปี ที่ผ่านมา

    ถ้าพูดถึงประเทศเยอรมนีแล้ว เราคงไม่ค่อยได้นึกถึงเรื่องแฟชั่นการแต่งกายกันสักเท่าไหร่ เพราะเราไม่ค่อยได้รับสื่อหรืออิทธิพลจากเยอมันมากเท่าไหร่นัก วันนี้เหมียวจึงพาทุกท่านมาย้อนประวัติศาสตร์ชาติเยอรมันโดยนำเอาแฟชั่นความสวยความงามตั้งแต่ 100 ปีที่แล้ว รวบรวมและจัดทำโดย Cut Video เราไปดูกันว่าผู้หญิงเยอรมันเขามีวิวัฒนาการทางด้านนี้ยังไงกันบ้าง   เริ่มจากยุค 1910     1920     มาเรื่อยๆ จนถึงยุกที่เยอรมนีแบ่งเป็นสองฝั่งคือ เยอรมนีตะวันออกและเยอรมนีตะวันตก ในยุค 1950     แล้วก็กลับมาเป็นเยอรมนีอีกครั้งในยุค 1990     เราไปดูเป็นคลิปกันเลยดีกว่า   ที่มา Cut Video