Tag: ประมาท

  • เตือนภัย! สาวจีนใช้มือถือ “ถ่ายวิดีโอ” ขณะขับรถ ผลสุดท้ายราว ‘เสียบ’ ทะลุคันรถ…

    เตือนภัย! สาวจีนใช้มือถือ “ถ่ายวิดีโอ” ขณะขับรถ ผลสุดท้ายราว ‘เสียบ’ ทะลุคันรถ…

    (คำเตือน: บทความอาจมีภาพหรือเนื้อหารุนแรง ควรใช้วิจารณญาณในการรับชม)   การขับรถนั้นจำเป็นจะต้องมีสมาธิและสติอยู่กับการควบคุมรถอย่างมาก เพราะหลายครั้งอุบัติเหตุมักเกิดขึ้นจากการที่ผู้คนไม่ยอมใส่ใจและประมาทในการขับรถนั่นเอง หลายคนมั่นใจในตัวเองว่า เพียงแค่เล่นสมาร์ตโฟนนิดๆ หน่อยๆ ไม่น่าจะเกิดเหตุอะไรเพราะถึงจะเล่นมือถือแต่ก็มองทางไปด้วย แต่เชื่อว่าหลายคนจะมีความระมัดระวังมากขึ้นเมื่อได้ชมเหตุการณ์ตัวอย่างที่จะนำเสนอดังต่อไปนี้     หญิงรายหนึ่งในประเทศจีนได้ฝ่าฝืนคำเตือนยอดฮิตที่ว่า “ไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ” เธอใช้มือถือถ่ายวิดีโอไปพร้อมกับการขับรถ ในวิดีโอเธอถ่ายบรรยากาศภายในรถที่มีน้องหมานอนอยู่ด้วยพร้อมเพลงประกอบ ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่หลังจากนั้นไม่นาน รถของเธอก็พุ่งไปชนเข้ากับราวกั้นถนน (ราวเหล็กลูกฟูก) อย่างจัง จนราวกั้นนั้น “เสียบ” เขามาในรถจนทะลุท้ายรถเลยทีเดียว     คลิปวิดีโอดังกล่าว ขณะที่เธอยังไม่รู้ตัวว่าอีกไม่กี่วินาทีก็จะเกิดอุบัติเหตุขึ้น    รถของเธอพุ่งเข้าไปเสยเข้ากับราวกั้นข้างถนน คาดว่าน่าจะด้วยความเร็วพอประมาณโดยไม่ทันได้เหยียบเบรก จึงทำให้ราวเหล็กเสียบทะลุกระจกหน้ารถเข้ามายังภายในตัวรถและเสียบทะลุกระจกหลังออกไปด้วย สภาพของหญิงสาวดังกล่าวหลังเกิดอุบัติเหตุนั้นเต็มไปด้วยเลือดบริเวณใบหน้า และดูราวกับว่าเธอไม่สามารถขยับร่างกายออกจากรถได้   สภาพหลังเกิดอุบัติเหตุ ดูท่าว่าเธอจะยังสามารถใช้โทรศัพท์ได้ปกติ    ทั้งนี้ ชาวเน็ตต่างก็เข้ามาคอมเมนต์กันในวิดีโอกันพอสมควร เช่น “เธอปิดเฟซบุ๊กไปแล้ว สงสัยมีคลิปเยอะ” และ “เจ้าหมาเป็นไงบ้างงง?” เป็นต้น   หวังว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นอุทาหรณ์เตือนผู้ที่ชอบใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถได้เป็นอย่างดี เพราะบางทีเราไม่รู้หรอกว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นตอนไหน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราควรมีสติในการขับรถอยู่ตลอดเวลาไงล่ะ ที่มา: facebook1, facebook2 via ck101

  • 9 หนุ่มเป็นอัมพาตเพราะสูด “ผงขาว” จากกล่องไปรษณีย์ปริศนา เพราะนึกว่าเป็นโคเคน!?

    9 หนุ่มเป็นอัมพาตเพราะสูด “ผงขาว” จากกล่องไปรษณีย์ปริศนา เพราะนึกว่าเป็นโคเคน!?

    เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2018 ทางสำนักข่าว BBC ได้รายงานว่า แบ็กแพ็กเกอร์จำนวน 9 คนถูกหามส่งโรงพยาบาลในประเทศออสเตรเลียอย่างเร่งรีบด้วยอาการชัก ร่างกายเป็นอัมพาต และมีอาการเห็นภาพหลอน อาการดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่ทั้ง 9 คนได้สูดเอาผงขาวปริศนาเข้าไป ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบว่ามันคือยา Hyoscine เป็นยาตามใบสั่งแพทย์ หรือที่บางคนอาจรู้จักกันในชื่อของยา Date Rape Drug ที่ไว้ใช้ในการก่ออาชญากรรม     แบ็กแพ็กเกอร์ 9 คนนี้มาจากหลากหลายประเทศ มีชาวฝรั่งเศส 5 คน ชาวเยอรมัน 2 คน ชาวอิตาลี 1 คน และชาวโมรอคโคอีก 1 คน โดยมีอายุอยู่ที่ 21-25 ปี จากการบอกเล่าของ Simone หนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายครั้งนี้ เขาเล่าว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นมาจากตอนที่พวกเขาพักอยู่ที่บ้านหลังเดียวกันในเขต Victoria Park ระหว่างนั้นก็มีพัสดุถูกส่งมาให้ที่บ้าน จ่าหน้าถึงเจ้าของบ้านคนเก่า เมื่อเปิดดูจึงพบผงสีขาวถูกห่อด้วยกระดาษที่เขียนไว้ว่า Scoop ซึ่งหมายถึงตัวยา Scopolamine…

  • อ่อนหัด!! ชายหวังจะเดินทางข้ามกาลเวลา อัดรถพุ่งใส่อาคาร กาลเวลาพาไปโรงพยาบาลแทน

    อ่อนหัด!! ชายหวังจะเดินทางข้ามกาลเวลา อัดรถพุ่งใส่อาคาร กาลเวลาพาไปโรงพยาบาลแทน

    เคยมีความคิดแปลกๆ แผลงๆ ที่อยากจะทำให้เหมือนในภาพยนตร์บ้างรึเปล่า? อย่างเช่นการเดินทางข้ามกาลเวลาแบบภาพยนตร์ Back to the Future แต่ก็ยั้งความคิดเหล่านั้นเอาไว้ ให้มันเป็นเพียงแค่จินตนาการเฉยๆ เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง มันยังไปไม่ถึงขั้นนั้นหรอก     แต่จะว่าไปก็มักจะมีคนลองของอยู่เสมอ อย่างเช่นหนุ่มใหญ่ Marty McFly วัย 40 ปีจากเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ที่ไปลองของข้ามกาลเวลาที่รัฐฟอลริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยความเชื่อที่ว่าการเร่งความเร็วให้กับยานพาหนะ จะทำให้พุ่งเข้าไปสู่ประตูมิติแห่งกาลเวลาได้ พี่แกก็อัดรถ Dodge Challenger คู่ใจอย่างแรง จนผลสุดท้ายก็ซัดเข้ากับตัวอาคารเข้าอย่างจัง ทะลุกำแพงทำประตูมิติให้กับร้านค้าแบบงงๆ     เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามายังที่เกิดเหตุก็พบกับพี่แกในสภาพที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เนื่องจากคาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้ และโชคดีตรงที่ว่าอาคารที่ถูกชนนั้นไม่มีการใช้งานด้วย มีแต่ตัวรถกับอาคารนี่แหละที่ได้รับบาดเจ็บ ฮร่าาาา     สืบสวนหาข้อมูลเหตุจูงใจจากการกระทำดังกล่าว พ่อหนุ่มใหญ่ของเราก็อ้างว่าที่ขับด้วยความเร็วสูงแบบนี้ก็เพราะว่าพยายามที่จะเดินทางข้ามกาลเวลายังไงล่ะ แต่จริงๆ ก็คือขับรถเร็วๆ เพื่อจะไปหาลูกสาวที่รออยู่ปลายทางไวๆ สุดท้ายก็โดนข้อหาขับรถด้วยความประมาทและไม่มีหลักฐานรับผิดชอบจากประกันภัยด้วย ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลเพื่อวินิฉัยอาการบาดเจ็บทางร่างกายต่อไป (จะตรวจสุขภาพจิตด้วยรึเปล่าเนี่ย?) ที่มา : huffingtonpost

  • เป็นเรื่อง!! หนุ่มโดนคนรู้จักฉกรถหายไป 2 วัน พร้อมกับเงินในกระเป๋าตังค์ อ้างว่า ‘ขอยืม’

    เป็นเรื่อง!! หนุ่มโดนคนรู้จักฉกรถหายไป 2 วัน พร้อมกับเงินในกระเป๋าตังค์ อ้างว่า ‘ขอยืม’

    ความสนิทสนมชิดเชื้อของบุคคลนั้นอาจเป็นบ่อเกิดแห่งความบาดหมางได้ หากไม่รู้จักนิสัยใจคอกันให้ดีเสียก่อน และเรื่องของการยืมสิ่งของโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือยินยอมจากเจ้าของโดยตรง     เรื่องราวของคุณ Ball S Ball ที่ได้ทำการเปิดเผยเรื่องราวของความประมาทจากคนที่รู้จัก แต่ไม่ได้สนิทอะไรมากมายขนาดนั้น ซึ่งหลังจากที่เขาได้เข้าพักในอพาร์ทเม้นท์บริเวณพระราม 2 ซอย 44 (คาดว่าน่าจะเข้าพักพร้อมกับผู้หญิงที่รู้จัก) แต่พอตื่นเช้าขึ้นมาเงินภายในกระเป๋าตังค์หายไปหมด รวมถึงกุญแจรถยนต์ก็หายไปด้วย     แน่นอนว่าผู้หญิงคนดังกล่าวก็ได้หายตัวไปเช่นกัน ทั้งนี้เขาพยายามติดต่อแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย โดนบล็อกการติดต่อผ่านเฟสบุ๊ก และถึงแม้จะส่งข้อความหาผ่านทาง SMS ก็ไม่มีการตอบกลับแต่อย่างใด จนกระทั่งเวลาผ่านล่วงเลยไป 2 วันแล้ว มีเพียงข้อความที่ส่งมาเมื่อเวลาตี 5 โดยอ้างว่าขอยืมรถ   เหตุการณ์คือรถผมโดนขโมยจากคนที่รู้จักแต่เราไม่ได้สนิท แถมเป็นผู้หญิงที่ดูออกจะเรียบร้อยด้วย ผมไปนอนที่อพาเม้นแถวราม44 เป… Posted by Ball S Ball on Friday, October 30, 2015   ทั้งนี้เขาก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่าผู้หญิงคนดังกล่าวมีพฤติกรรมน่าสงสัย ในช่วงเวลาที่ดื่มหรืออะไรต่างๆ มักจะแอบออกไปคุยโทรศัพท์อยู่เสมอ อย่างไรก็ตามเหมียวก็ขอให้ตามรถกลับมาได้ในเร็ววันนะ และอยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ในกรณีของความประมาทด้วย ที่มา : ballspu

  • วินาทีเฉียดตาย!! ตำรวจพยายามช่วยชีวิตชายรายหนึ่งให้รอดพ้นจากรถไฟพุ่งชน!!

    วินาทีเฉียดตาย!! ตำรวจพยายามช่วยชีวิตชายรายหนึ่งให้รอดพ้นจากรถไฟพุ่งชน!!

    เวลาที่จะต้องขับรถผ่านทางรถไฟนั้น ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เมื่อมีสัญญาณเตือนว่ารถไฟกำลังจะผ่านมาก็ควรที่จะหยุดรอ และหลายครั้งที่มีคนคิดว่าตัวเองข้ามทัน แต่นั่นคือความประมาทที่อันตรายถึงชีวิต!! อุทาหรณ์สำหรับผู้ที่คิดจะขับรถข้ามทางรถไฟในเวลาที่รถไฟกำลังจะแล่นผ่าน โชคดีสำหรับชายรายนี้ที่คุณตำรวจสามารถช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นอาจจะมีการสูญเสียเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ก็เป็นได้ ที่มา : thechive