Tag: อำนาจ
-
ประธานบริษัทญี่ปุ่นใช้ “อำนาจกดขี่” กดหน้าลูกน้องลง ‘หม้อชาบู’ ร้อนๆ อ้างแกล้งกันเล่น
หนึ่งปัญหาใหญ่ของสังคมคนทำงานก็คือ การใช้อำนาจกดขี่ (Power Harassment) ของผู้บังคับบัญชา ที่มักสร้างความเดือดร้อนหรือความอัดอั้นตันใจให้กับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาเสมอๆ ล่าสุดมีภาพเหตุการณ์การใช้อำนาจกดขี่ในญี่ปุ่นเผยออกมา ทำให้เห็นได้ชัดเจนเลยว่า Power Harassment ในยุคสมัยปัจจุบันนั้นรุนแรงขนาดไหน ในงานเลี้ยงฉลองส่งท้ายปีในปี 2015 ของบริษัทผลิตสื่อบันเทิงแห่งหนึ่งในย่านชิบุยะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายแบบคนหนึ่งที่ทำงานในบริษัทแห่งนี้ก็ร่วมสังสรรค์พร้อมกับประธานบริษัทอย่างรื่นเริงกระทั่งเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ในการสังสรรค์ดังกล่าว ประธานบริษัทได้ทำการกดศีรษะของนายแบบวัย 23 ปีคนนี้จุ่มลงไปใน “หม้อชาบู” ที่กำลังร้อนระอุโดยอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของความบันเทิง การกระทำดังกล่าวทำเอาพนักงานคนอื่นๆ ต่างพากันตกใจ เพราะผู้เคราะห์ร้ายส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมาน ส่งผลให้ใบหน้าของนายแบบคนนี้ได้รับบาดเจ็บ และเป็นแผลเนื่องจากความร้อน ทั้งนี้ผู้เป็นเหยื่อกล่าวว่า การกระทำของประธานในครั้งนี้ส่งผลต่อใบหน้าของเขาก็จริง แต่ทว่ามันส่งผลต่อจิตใจมากกว่าที่ต้องมาอยู่บริษัทที่ใช้อำนาจกดขี่แบบนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาราว 3 ปีที่แล้ว แต่ผู้เก็บหลักฐานเพิ่งนำมาเผยแพร่เมื่อเร็วๆ นี้ ชมคลิปเหตุการณ์ . เมื่อทำการสัมภาษณ์ประธานบริษัทวัย 25 ปีผู้ก่อเหตุ เขาให้การเพียงแค่ว่า “มันเป็นการแกล้งเล่นกันเฉยๆ” และหลังจากที่เรื่องเงียบมาหลายปี พนักงานก็เริ่มคิดที่จะฟ้องร้องประธานผู้ใช้อำนาจกดขี่รายนี้ โดยมีพนักงานส่วนหนึ่งออกไปให้ข้อมูลกับนิตยสาร Weekly Shincho เกี่ยวกับการกดขี่ที่เกิดขึ้น …
-
การทดลองวิปริตจากสแตนฟอร์ด ให้อาสาสมัครมาเล่นคุกจำลอง หลงอำนาจจนเกินขอบเขต!!
จากทดลองในอดีตสุดโด่งดังของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ถูกกล่าวขานว่าเป็นการทดลองทางจิตวิทยาที่รุนแรงเกินควบคุมได้ เนื่องจากผู้เข้าร่วมทดลองเกิดอาการ ‘อิน’ ขั้นรุนแรง การทดลองดังกล่าวนั้นเป็นการทดสอบแนวคิดทางด้าน อำนาจ การควบคุม และความสมานฉันท์ โดยเป็นการทดลองของนาย Philip Zimbardo ซึ่งเขาเปิดเผยว่าการทดลองทั้งหมดเป็น ‘การแสดง’ แทบทั้งสิ้น การทดลองคุกจำลองของนาย Zimbardo นั้นเป็นแรงบันดาลใจให้กับหนังสือเรื่องแต่งมานานหลายปี เนื่องจากการทดลองดังกล่าวนั้นกลายมาเป็นสิ่งที่เหนือการควบคุม การทดลองได้นำอาสาสมัคร 24 คน มาจองจำไว้ในคุกจำลองชั้นใต้ดินของอาคารภาควิชาจิตวิทยาในมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด อาสาสมัครทั้งหมดได้รับการประเมินสภาพจิตใจมาก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อไม่ให้ผู้มีปัญหาทางจิตหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงและเล่นยามาเข้าร่วม และพวกเขาเหล่านั้นก็ถูกแบ่งฝ่ายให้เป็นนักโทษและผู้คุมขัง ฝ่ายนักโทษก็ได้รับการปฏิบัติเยี่ยงนักโทษจริงๆ ผู้คุมขังปลดทรัพย์สินของฝ่ายนักโทษทั้งหมด และจัดแจงหมายเลขนักโทษให้แต่ละคน นำตัวไปคุมขังไว้ในห้องตลอดทั้งวัน จากการเปิดเผยในเอกสารการทดลอง ฝ่ายผู้คุมขังนั้นได้รับชี้แจงว่า อนุญาตกระทำการใดๆ ก็ตาม ที่มีความจำเป็นเพื่อรักษากฎระเบียบภายในคุก ตลอดการทดลองคุกจำลอง ทั้งสองกลุ่มต่างเข้าถึงบทบาทของตัวเอง ‘มาก’ จนเกินไป ผู้คุมเริ่มกลั่นแกล้ง ทำร้าย ทุบตี ไม่ใยดีฝ่ายนักโทษ และนักโทษก็เริ่มมีอาการบ้าคลั่ง ควบคุมตัวเองไม่อยู่ภายใต้ความกดดันจากผู้คุม …
-
ช่วงสุดท้ายของชีวิต ภาพเจ็บปวดหัวใจของ ‘สิงโตจ้าวป่า’ กับสภาพไร้อำนาจและพลัง
‘สิงโต’ ถือเป็นจ้าวแห่งป่า เป็นตัวแทนของการมีอำนาจ และความยิ่งใหญ่ รูปลักษณ์ของมันสื่อให้เห็นถึงความน่าเกรงขาม เป็นที่หวาดหวั่นของบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ในป่า แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมภาพแห่งความเจ็บปวดหัวใจ ของสิงโตจ้าวป่า ที่ต้องตกอยู่ในสภาพ ‘ไร้พลัง’ Kruger หรือที่รู้จักกันในชื่อ Skybed Scar ในอดีตมันเคยเป็นสิงโตผู้ยิ่งใหญ่ แต่เพราะความแก่ชราของมัน ทำให้ความยิ่งใหญ่ที่มันสร้างมากับมือพังทลายหายไปในพริบตา ทั้งความยำเกรงจากสัตว์อื่น และความสามารถในการปกป้องครอบครัว ช่างภาพวัย 64 ปี นาย Larry Anthony Pannell เฝ้าสังเกตช่วงชีวิตตกอับของอดีตจ้าวป่าเป็นเวลาหลายชั่วโมง เป็นความจริงที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ เส้นคาบเกี่ยวระหว่างชีวิตและความตาย เจ้า Kruger ถูกช้างป่าวิ่งไล่จนต้องหนีกระเจิง สภาพของมันดูอ่อนแอ และไร้ความน่าเกรงขาม จากความหิวโหยที่มันต้องเผชิญ “ชีวิตมันช่างโหดร้ายจริงๆ ทั้งชีวิตการเป็นช่างภาพของผมผ่านอะไรมาตั้งมากมาย ผมเคยเห็นภาพของคนที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างมาแล้วกับตา จากภัยธรรมชาติ ทั้งดินถล่ม แผ่นดินไหว ไฟป่า หรือแม้แต่อุบัติเหตุจากรถยนต์” “แต่ภาพเหล่านั้นก็ยังไม่ทำให้ผมรู้สึกสะเทือนใจเท่ากับภาพชีวิตของสิงโตจ้าวป่าในช่วงสุดท้าย ที่ใกล้กับความตายเข้าไปทุกที” Larry กล่าว “ผมเห็นมันห่างไปไม่กี่เมตรเท่านั้น…
-
ญี่ปุ่นระอุไปทั่วประเทศ หลังกลุ่มยากูซ่าขัดแย้งและเข้าปะทะห้ำหั่นกันในหลายพื้นที่!!
#เหมียวเลเซอร์ เชื่อว่าหลายคนคงจะมองประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สงบ น่ารักคิขุอาโนเนะ อาชญากรรมมีน้อยถึงน้อยมาก แต่รู้หรือไม่ว่ายังคงมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลเก่าครองเมืองหลบอยู่ตามซอกหลืบของประเทศญี่ปุ่น ใช่แล้วล่ะ กำลังพูดถึงกลุ่มแก๊งค์ยากูซ่านั่นเอง ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมานั้น มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมาว่าเกิดเหตุการประทะกันระหว่างแก๊งค์ยากูซ่ามากถึง 17 ครั้งด้วยกัน โดยทาง Taro Kono ประธานคณะกรรมาธิการความปลอดภัยสาธารณะแห่งชาติญี่ปุ่นได้เผยสถาณการณ์ในช่วงนี้ว่าเป็นอะไรที่ร้ายแรงมาก เหตุการณ์ปะทะครั้งแรกเกิดขึ้นที่ย่าน Adachi ในกรุง Tokyo มีแก๊งค์ยากูซ่าประมาณ 20 คนเข้าห้ำหั่นกันจนเกิดการนองเลือด ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง ณ จุดเกิดเหตุ กลับหลบหนีหายเข้าไปในกลีบเมฆอย่างไร้ร่องรอย และหลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์นองเลือดระหว่างแก๊งค์ยากูซ่าในพื้นที่ 10 จังหวัดจากทั้งหมด 47 จังหวัด และคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอีก ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานเอาไว้ว่าเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างแก๊งค์ยากูซ่าเชื่อมโยงไปสู่อาชญากรรมที่ได้รับการขัดขวางผลประโยชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการค้าอาวุธ การค้ายาเสพติด การค้าประเวณี การพนัน การฟอกเงิน และธุรกิจอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้ฉากหน้าธุรกิจเอกชน แต่ยังเป็นเรื่องยากต่อการตรวจสอบ หากใครกำลังวางแผนไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นในช่วงนี้ ต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษนะ อาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เป็นได้ หูตาต้องไวไว้ก่อน…