Tag: อิเล็กทรอนิกส์

  • พับกบพบกับ คีย์บอร์ดยุคใหม่มีไฟแว้บๆ ยิ่งพิมพ์ยิ่งมันส์มือ อย่างนี้ต้องโดนกันซะหน่อยแล้ว

    พับกบพบกับ คีย์บอร์ดยุคใหม่มีไฟแว้บๆ ยิ่งพิมพ์ยิ่งมันส์มือ อย่างนี้ต้องโดนกันซะหน่อยแล้ว

    ใครหลายคนอาจจะรู้สึกเบื่อที่จะต้องพิมพ์งานโดยใช้คีย์บอร์ดตัวเดิมๆ ที่ไม่มีความพิเศษใดๆ ทั้งสิ้น ทว่าอย่างไรมันก็เป็นของที่จำเป็นต้องมี เพราะว่าถ้าปราศจากสิ่งนี้เราก็ไม่สามารถจะป้อนคำสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งเล่นเกมบางเกมก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แล้วถ้ายิ่งเรื่องของการทำงานยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ว่าในวันนี้ได้มีคีย์บอร์ดอยู่รุ่นหนึ่ง ที่จะทำให้การกดแป้นคีย์บอร์ดที่เราเคยกดกันอยู่ทุกวันนั้น ไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่ออีกต่อไป เพราะว่าทันทีที่เราจิ้มลงไปที่ตัวใดตัวหนึ่ง มันจะสามารถส่งแสงไฟออกมาจนเหมือนกับว่าเราได้เล่นแสงเลเซอร์อยู่เลยก็ว่าได้   เห็นแค่ปุ่มเฉยๆ ยังน่าสัมผัสขนาดนี้   สำหรับเจ้าคีย์บอร์ดที่ว่านี้ เป็นคีย์บอร์ดรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีกำหนดจะวางขายโดยบริษัทพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชื่อว่า HKW จากประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 5 เมษายน 2018 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ซึ่งความพิเศษของมันก็คือ ในตอนที่เราจิ้มตัวอักษรตัวใดตัวหนึ่งลงไป มันก็จะมีไฟวิ่งออกจากตัวอักษรนั้น แล้ววิ่งไปยังทางซ้ายทางขวา เสมือนกับว่าตัวอักษรที่เรากดมันเป็นศูนย์กลางของการกำเนิดแสงเหล่านั้นเลยทีเดียว   มาลองดูไฟแว้บๆ ซะก่อนว่ามันน่าใช้ขนาดไหน (หากดูไม่ได้กดที่นี่) 見て見てこの無駄な機能!!邪魔!!楽しい!!!!! pic.twitter.com/lkeRZlOy51 — さめ (@SAMEX_1u2y) 6 กุมภาพันธ์ 2561 จากวิดีโอนี้ เราก็อาจจะเห็นได้ว่า แสงสวยๆ ของมันนั้นอาจจะทำให้เราสามารถนั่งทำงานได้อย่างอย่างสุดมันส์ เหมือนกับกำลังทำงานไปด้วยพร้อมกับเล่นเกมไปด้วย แต่มากไปกว่านั้นเพราะว่าด้วยความที่มันเป็นคีย์บอร์ดประเภท Mechanical Keyboard จึงทำให้เราสามารถลงน้ำหนักมือได้ดีกว่าและสามารถพิมพ์ได้แบบสนุกขึ้น รวมถึงอาจจะมีความทนมือทนเท้าได้มากกว่าปกติอีกด้วย และถ้าหากว่าใครคิดว่าแสงเหล่านี้มันน่าเบื่อไปล่ะก็ มันก็ยังมีคุณสมบัติที่จะทำให้เราสามารถปรับแต่งแสงสีได้มากถึง 9 แบบ อีกทั้งยังสามารถปรับความสว่างและความเร็วของแสงได้ดั่งที่ใจเราต้องการกันเลย   วิบวับซะเพลินตาจริงเชียว…

  • พบกับนวัตกรรมของเล่นรูปแบบใหม่ Papier Machine กระดาษแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์สุดหรรษา

    พบกับนวัตกรรมของเล่นรูปแบบใหม่ Papier Machine กระดาษแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์สุดหรรษา

    ในปัจจุบันของเล่นเด็กมีส่วนช่วยในพัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็กเล็กเป็นอย่างมาก และด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุดหย่อน ของเล่นเด็กก็ถูกพัฒนาออกมาในรูปแบบที่ดูทันสมัยมากขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้มากขึ้น ในตอนนี้ก็มีของเล่นจากกระดาษรูปแบบใหม่ออกมาให้น้องๆ ได้เล่นสนุกกันแล้ว แต่มันไม่ใช่เพียงแค่การวาดภาพหรือการตัดแต่งตัวตุ๊กตาในหนังสือภาพธรรมดา ในของเล่นชิ้นใหม่นี้มันมีแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ซ่อนอยู่ด้วย ทีนี้เด็กเล็กก็สามารถเรียนรู้เรื่องวงจรอิเล็กทรอนิกส์ไปกับการเล่นซนได้แล้ว     ของเล่นที่ว่านี้ก็คือ Papier Machine ซึ่งเป็นผลของการค้นคว้าและวิจัยกว่า 3 ปีของ Agnes Agullo, Raphaël Pluvinage และ Marion Pinaffo พวกเขาเล่าแนวคิดของการสร้างของเล่นชิ้นนี้ว่า “เราอยู่ในโลกที่มีอิเล็กทรอนิกส์ซ่อนอยู่เต็มไปหมด พวกมันถูกปิดบังจากสายตาเราอยู่หลังกล่องดำ (มือถือ) พวกนี้ และ Papier Machine ก็ได้ทำให้พวกมันมีชีวิตขึ้นมา” หลังจากทำโปรเจ็ก Paper Machine ออกมา ในปี 2016 มันก็ได้รับรางวัล Red Dot Design Award (รางวัลสินค้าที่มีการออกแบบยอดเยี่ยม) และรางวัล Audi Talent Award (รางวัลสนับสนุนให้กับของที่มีแนวคิดและรูปแบบดีเยี่ยม) ด้วย   คลิปวิดีโอตัวอย่างของเล่น Papier Machine   ของเล่นชิ้นนี้จะมาในรูปแบบของสมุดภาพ ที่สามารถฉีกส่วนต่างๆ ในสมุดมาประกอบเป็นของเล่นได้มากถึง 6…

  • หน่วยฝึกสุนัขตำรวจจากอังกฤษ ประกาศความสำเร็จ ฝึกให้ค้นหา “คนโรคจิต” ได้ด้วย

    หน่วยฝึกสุนัขตำรวจจากอังกฤษ ประกาศความสำเร็จ ฝึกให้ค้นหา “คนโรคจิต” ได้ด้วย

    โดยปรกติแล้ว เรามักจะได้ยินแต่การฝึกให้น้องหมาสามารถตรวจจับหาวัตถุระเบิด หรือสิ่งของผิดกฏหมายต่างๆ แต่ไม่น่าเชื่อว่าที่ประเทศอังกฤษนั้นเขาล้ำไปอีกขั้นแล้ว เมื่อคุณตำรวจที่นั่นสามารถฝึกให้เหล่าน้องหมาสามารถตรวจหาบุคคลต้องสงสัยอย่างเช่นผู้ก่อการร้าย นักต้มตุ๋น หรือแม้กระทั่งพวกโรคจิตก็ได้นะเออ!! เจ้า Tweed น้องหมาพันธ์ุอิงลิช สปริงเกอร์ สเปเนียลอายุ 19 เดือนและเจ้า Rob สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์สีดำวัย 20 เดือน ได้เข้าร่วมปฏิบัติการค้นหากับหน่วยตำรวจของสหราชอาณาจักรแล้วหลังจากที่มันสำเร็จการฝึก     คุณ Jim Nye ผู้บังคับการจากสถานีตำรวจ Devon and Cornwall กล่าวว่า “นี่ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการตำรวจของเราเลยทีเดียว พวกเจ้าหมาสามารถช่วยเราตรวจหาตัวผู้ก่อการร้าย นักต้มตุ๋น และพวกขาหื่นได้ ทั้งสองตัวจะถูกส่งไปปฏิบัติการทั่วประเทศอังกฤษ” เจ้าหมาทั้งสองตัวจะถูกใช้ดมกลิ่นเพื่อค้นหาอุปกรณ์บันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแฟลชไดร์ฟ หรือไม่โครเอสดีการ์ด คุณ Mike Real เจ้าหน้าที่จากสถานีตำรวจ Connecticut ผู้ก่อตั้งการฝึกนี้และเจ้าหน้าที่พิเศษ Jeffrey Calandra ครูฝึกสุนัขสำหรับตรวจหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จาก FBI ได้รับเชิญให้มาเป็นผู้ช่วยฝึกเจ้าตูบทั้ง 2 ในครั้งนี้     โดยเจ้า Tweed และ Rob นั้นเริ่มฝึกตั้งแต่ตอนที่พวกมันอายุได้เพียง 15 เดือน โดยมีคุณ Graham Attwood และคู่หูของเขาเป็นครูฝึกประจำ “ตอนนี้การฝึกสุนัขเพื่อตรวจหาตัวเก็บข้อมูลดิจิตอลของเรานั้นประสบความสำเร็จแล้ว และได้รับการรับรองจากทั่วประเทศ ครั้งหนึ่งเจ้า Tweed ได้แสดงให้เราเห็นว่าวัตถุต้องสงสัยที่อยู่ในกระป๋องโค้กนั้น คือไมโครเอสดีการ์ดที่ซ่อนอยู่…

  • การอ่านหนังสือจากสื่อสิ่งพิมพ์และเครื่องอ่าน Kindle ส่งผลต่อสมองในรูปแบบที่แตกต่างกัน

    การอ่านหนังสือจากสื่อสิ่งพิมพ์และเครื่องอ่าน Kindle ส่งผลต่อสมองในรูปแบบที่แตกต่างกัน

    เป็นที่ทราบกันดีกว่าในยุคสมัยปัจจุบันนี้กลายเป็นยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี ที่แทบจะเข้ามาแทนที่ทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้ว รวมไปถึงการเข้ามามีบทบาทเปลี่ยนแปลงการอ่านของมนุษย์ด้วย ที่เหมียวกำลังจะกล่าวถึงก็คือมนุษย์หันมาอ่านหนังสือผ่านเครื่องอ่านอิเล็กทรอนิคส์มากขึ้น (Kindle และ E-Book)     คุณ Manoush Zomorodi และ Mike Rosenwald ได้ร่วมกันพิสูจน์ถึงผลกระทบของการอ่านหนังสือผ่านเครื่องอ่านอิเล็กทรอนิคส์ ซึ่งทั้งสองคนต่างก็รู้สึกเหมือนกันว่าไม่มีสมาธิที่จะจดจ่อกับการอ่าน ราวกับว่าอ่านตัวหนังสือผ่านเว็บไซต์หรือหน้าฟีดทวิตเตอร์     ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมนุษย์ใช้สมองในส่วนที่แตกต่างกัน จากทั้งการอ่านผ่านหนังสือและหน้าจอ เพราะฉะนั้นการอ่านตัวหนังสือจากหน้าจอจะทำให้มีลักษณะการอ่านแบบ Skimming (อ่านผ่านอย่างรวดเร็ว) คล้ายๆ กับการกวาดตาอ่านเว็บไซต์     Zomorodi กล่าวเสริมเอาไว้ว่า ปัจจุบันผู้คนหันมาอ่านตัวหนังสือผ่านหน้าจอกันมากขึ้น และทำให้ลักษณะการอ่านแบบจดจ่อนั้นค่อยๆ จางหายไป เพราะไม่ได้ใช้งานสมองส่วนที่อ่านหนังสือจากสิ่งพิมพ์เลย     และด้วยปัญหานี้จะทำให้มนุษย์ยุคใหม่มีสมาธิที่สั้นลง ไม่จดจ่อกับสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กๆ ที่โตมากับเทคโนโลยี เพราะฉะนั้นก็ควรที่จะหันมาจับหนังสือจริงๆ แล้วลองใช้เวลากับมันซักพัก วันละ 1 ครั้งก็ยังดี ที่มา : pri, niemanreports, academia