Tag: ล้มเหลว

  • คู่รักชาวจีน “พิธีหมั้นล่ม” เมื่อฝ่ายชายเดินหนีออกจากงาน เพราะมีอาการกลัวความสูง

    คู่รักชาวจีน “พิธีหมั้นล่ม” เมื่อฝ่ายชายเดินหนีออกจากงาน เพราะมีอาการกลัวความสูง

    ความรักอาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ แต่หากอยากรู้ว่าความรักที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนนั้นเป็นรักแท้หรือไม่ มันก็ต้องมีการพิสูจน์กันสักหน่อย แต่การพิสูจน์รักแท้มันก็ต้องอยู่ในขอบเขตที่สมเหตุสมผลด้วยเช่นกัน     ล่าสุดวันที่ 15 สิงหาคม พิธีหมั้นของหญิงสาวจากตระกูลร่ำรวยกับชายหนุ่มคนหนึ่ง จัดขึ้น ณ สะพานกระจกที่ยื่นออกจากริมหน้าผาที่มีความสูงถึง 30 เมตร ตั้งอยู่ในเมืองซินหมี มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน แต่พิธีหมั้นนี้ก็ต้องล่มไม่เป็นท่า หลังจากฝ่ายชายเดินหนีออกไปเนื่องจากไม่สามารถทำใจเดินเข้ามาหาฝ่ายหญิงที่ยืนอยู่บนสะพานกระจกที่อยู่เหนือเหวลึก 30 เมตรได้   ชมคลิปวิดีโอ    Xiao Jing หญิงสาววัย 23 ปีจากตระกูลผู้มีฐานะ ได้จัดพิธีขอหมั้น Xiao Yu คู่รักวัย 23 ปีของตน ด้วยรถสปอร์ตคันงานพร้อมกับเงินอีก 1,000,000 หยวน (4.8 ล้านบาท) แต่ก่อนที่ Xiao Jing จะมอบหัวใจและของหมั้นให้กับ Xiao Yu นั้น Xiao Yu จะต้องผ่านบททดสอบรักแท้ไปเสียก่อน เขาจะต้องเดินขึ้นสะพานกระจกมาแล้วตอบตกลงว่าจะหมั้นกับเธอ     “เราคบกัน 3 ปีแล้วนะ…

  • ครูโพสต์บ่น ‘ลูกคุณไม่ได้น่ารัก สปอยล์ลูกซะเละ’ แถมแฉโรงเรียน ไม่มีใยดีใดๆ กับครูเลย…

    ครูโพสต์บ่น ‘ลูกคุณไม่ได้น่ารัก สปอยล์ลูกซะเละ’ แถมแฉโรงเรียน ไม่มีใยดีใดๆ กับครูเลย…

    ปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา จะมีการวางระบบทางสังคมพื้นฐานมาเป็นอย่างดี แต่ทว่าความสมบูรณ์แบบนั้นไม่มีอยู่จริง เพราะเมื่อกาลเวลาผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็ย่อมเสื่อมตามเช่นกัน… อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ แต่สำหรับปัญหาของระบบการศึกษานั้นเริ่มสั่นคลอนมากขึ้นทุกวัน เมื่อคุณครูท่านหนึ่งจากรัฐเท็กซัส ได้ทำการโพสต์เพื่อระบายความในใจ เกี่ยวกับเหตุการณ์อันน่าหดหู่ที่กำลังเกิดขึ้นในโรงเรียนของเธอ   Julie Marburger   Julie Marburger คุณครูสอนระดับชั้นเกรด 6 (ป.6) ของโรงเรียน Cedar Creek Intermediate School ได้หมดความอดทนในวิชาชีพของตัวเอง หลังจากที่ทำงานในฝันงานนี้มานับสิบปี… “มันคือความฝันของฉัน ตั้งแต่จำความได้ว่าอยากจะมีห้องเรียนเป็นของตัวเอง และตอนในใจของฉันแหลกสลายหลังจากที่ไม่ได้รับแยแสใดๆ ใน 2 ปีที่ผ่านมา”   พ่อแม่ไม่ให้ความเคารพคุณครู และเด็กๆ ก็แย่ยิ่งกว่า ผู้บริหารโรงเรียนก็เอาใจผู้ปกครอง นั่นจึงทำให้เธอไม่อาจปฏิบัติตามวิชาชีพที่ถูกจ้างมาเพื่อ ‘สอนเด็ก’ ได้   เธอลาออกจากการสอน และได้แสดงให้เห็นว่าทำไมเธอถึงหมดกำลังใจที่จะเป็นครู เนื่องจากความบกพร่องของผู้ปกครอง ผู้บริหารโรงเรียน และการสนับสนุนของภาครัฐ… โพสต์ดังกล่าวของเธอถูกแชร์ไปกว่า 400,000 ครั้งในโลกออนไลน์ พร้อมกับได้รับความเห็นใจจากเพื่อนร่วมวิชาชีพครูที่กำลังประสบปัญหาเดียวกัน Julie เชื่อว่าครูท่านอื่นเริ่มลาออกตามๆ กัน เพราะวิกฤตในระบบการศึกษาที่กำลังเสื่อมลง…

  • ชายหนุ่มขยันผิดทาง ซัดโคเคนต่อเนื่อง 10 ปี ทำสองงานจุนเจือหนี้ แบกร่างเกินจะรับไหว…

    ชายหนุ่มขยันผิดทาง ซัดโคเคนต่อเนื่อง 10 ปี ทำสองงานจุนเจือหนี้ แบกร่างเกินจะรับไหว…

    ชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป ประโยคปลอมประโลมจิตใจเพื่อที่เราลุกขึ้นสู้ชีวิต ขยันทำมาหากินเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ให้อยู่รอดพ้นไปในแต่ละเดือน… แน่นอนว่า ยิ่งทำงานหลายอย่าง ก็ยิ่งมีรายได้ที่มากขึ้น แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยพละกำลังของร่างกายและจิตใจ มากกว่าปกติหลายเท่าตัว   Jake Scicluna   ตัวอย่างจากนาย Jake Scicluna วัย 35 ปี ชายชาวอังกฤษ ผู้ขยันขันแข็งทำงานหาเงินเพื่อชดใช้หนี้ของตัวเอง โดยที่เขาทำอาชีพเป็นคนเฝ้าประตูไนท์คลับ พร้อมกับเปิดร้านสักเป็นของตัวเองในเวลาเดียวกัน เนื่องจากเคยนำบ้านไปจำนองกับเพื่อนเพื่อหาเงินทุนมาหมุนเวียน จากหน้าที่การงานดังกล่าว เขาจึงเลือกใช้โคเคนเป็นตัวเสริมกำลังให้กับตัวเอง แน่นอนว่ายาเสพติดนั้นอาจจะช่วยรีดพลังในร่างกายออกมาได้ ในทางกลับกันมันก็ย่อมบั่นทอนและทำลายร่างกายของเขาอย่างช้าๆ     ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่เขาทำ 2 งานควบคู่กันไป การสูดโคเคนเข้าจมูกอย่างต่อเนื่อง ก็ทำลายระบบหลอดเลือดในจมูก และทำให้น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายนของปีที่ผ่านมา เขาประสบกับอาการหายใจไม่ออกถึงขั้นนอนล้มพับอยู่ภายในบ้านของตนเอง แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายแล้วเขาก็เสียชีวิตในโรงพยาบาลของเช้าวันถัดมา…     ผลของการชันสูตรพบว่า ปริมาณของโคเคนที่อยู่ในร่างกายของเขานั้นมีจำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นจำนวนมากพอที่จะทำให้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นจนถึงตายได้ ทางด้านคุณแม่ Susan กล่าวว่า “โคเคนคือยาเสพติดที่เลวร้ายที่สุด เขาทำงานเป็นคนเฝ้าประตูไนท์คลับในเวลากลางคืน และโคเคนก็ทำให้เขาตื่นตัวตลอดเวลา จากนั้นก็มาเปิดร้านสักเป็นของตัวเอง…

  • หญิงสาวไปสักริมฝีปากให้ดูดี แต่พอเวลาผ่านไป มันกลับเปลี่ยนเป็นสีเขียวเหมือนกับตัวตลก

    หญิงสาวไปสักริมฝีปากให้ดูดี แต่พอเวลาผ่านไป มันกลับเปลี่ยนเป็นสีเขียวเหมือนกับตัวตลก

    การเสริมสวยให้กับใบหน้านั้นทำได้หลายวิธี วิธีที่สาวๆ ทำกันเป็นประจำก็คือการแต่งหน้าทาปากให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น สำหรับหญิงสาวอีกกลุ่มที่ขี้เกียจลุกมาเขียนปาก ทาคิ้วทุกวัน การไปสักก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเช่นกัน ทว่าการสักนั้นไม่ได้จางหายไปในเวลาอันรวดเร็วเหมือนเครื่องสำอาง แต่มันจะติดแน่นไปตลอดกาลนาน ดังนั้นก่อนจะไปสักก็ควรจะศึกษาข้อมูลให้แน่นเข้าไว้ว่าไปสักที่ไหนแล้วดีมีคุณภาพ ไม่อย่างนั้นอาจโชคร้ายได้ลายสักหรือสีสักที่ไม่ตรงตามต้องการก็ได้ อย่างหญิงชาวออสเตรเลียคนนี้เป็นต้น   ภาพริมฝีปากของ Karine Barry หลังจากสักมา   หญิงวัย 50 ปีชาวออสเตรเลีย Karine Barry เองก็อยากจะไปสักริมฝีปากเพื่อเสริมความงามให้ใบหน้าเช่นกัน เธอมีความเชื่อว่าชาวโพลีเนเซียนเป็นช่างสักที่ีฝือมือดีที่สุดในโลก ดังนั้นเธอจึงเดินทางไปที่ประเทศตาฮิติเพื่อสักโดยเฉพาะ เมื่อเธอไปถึงร้านสักแล้วเธอก็บอกช่างสักว่าเธอต้องการสักริมฝีปากเป็นสี Burgundy (สีไวน์แดง) เธอเชื่อว่ามันจะช่วยทำให้ริมฝีปากดูดีขึ้น แต่ช่างสักกลับทำให้ฝันเธอสลาย หลังจากช่างสักผสมสีแล้วสักให้เธอแล้ว เธอกลับได้รอยสักปากสีเชียวเด่นชัดเจนแทน เธอเล่าว่า ” ฉันไม่รู้ว่าเขาต้องผสมสีกันยังไง ฉันก็เลยไว้ใจให้ช่างเป็นคนจัดการ แต่ตอนที่ฉันเห็นว่ารอยสักของฉันกลายเป็นสีเขียวฉันก็ตกใจมากเลย”     แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยไปกว่า 3 เดือนแล้ว แต่รอยสักบนริมฝีปากของเธอก็ไม่ได้จางลงเลยแม้แต่น้อย มันเป็นปัญหาสำหรับเธอมากเพราะถึงเธอจะแต่งหน้าอย่างไร สีเขียวที่สักไว้ก็ยังเห็นได้โดดเด่นอยู่ดี หลังจากทนมาหลายเดือนเธอก็ตัดสินใจว่าควรต้องเอารอยสักนี้ออกไปจากใบหน้าเสียที เธอก็เลยไปที่คลินิกเลเซอร์เพื่อให้พวกเขาช่วยลบรอยสักสีเขียวตรงริมฝีปาก หลังจากที่ทำเลเซอร์แล้วเธอก็รู้สึกดีขึ้นมากทีเดียว เธอเล่าว่า “พอทำเลเซอร์ครั้งแรกเสร็จรอยสักบนริมฝีปากล่างก็แทบจะหายไปหมดเลยค่ะ ฉันโล่งใจมากจนอยากจะกอดขอบคุณหมอที่นั่นเลย”   ภาพริมฝีปากของเธอหลังจากลบรอยสักด้วยเลเซอร์   จากนั้นเธอก็เข้ารับการทำเลเซอร์ลบรอยสักอีก 4…

  • ส่งท้ายปีเก่ากับผลงานการออกแบบสุดล้มเหลวจากปี 2017 หวังว่าชีวิตนี้คงไม่ได้พบเจอกันอีกแล้วนะ!!

    ส่งท้ายปีเก่ากับผลงานการออกแบบสุดล้มเหลวจากปี 2017 หวังว่าชีวิตนี้คงไม่ได้พบเจอกันอีกแล้วนะ!!

    ในปัจจุบันการออกแบบข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ นั้นช่วยให้ชีวิตประจำวันของเราง่ายขึ้นอย่างมาก แน่นอนว่านอกจากช่วยในเรื่องของความสะดวกสบายแล้วบางครังมันก็ยังทำให้ของใช้หรือสถานที่เหล่านั้นดูน่าใช้และน่าอยู่ขึ้นมาอีกด้วย แต่ทว่าก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่การออกแบบนั้นจะช่วยทำให้ชีวิตของพวกเราง่ายขึ้น เพราะบางทีถ้าหากคุณเจอผลงานการออกแบบเหล่านี้ล่ะก็… คุณอาจจะต้องเอามือทาบอกแล้วพูดออกมาเบาๆ ว่า “คุณพระ”   1. สาบานได้ว่านี่คือทางจักรยาน!?   2. เอ่!? แล้วแบบนี้จะนั่งยังไงกันล่ะเนี่ย??   3. อืม… สงสัยนายแบบจะไม่เข้าใจสินะว่าเจ้าเบาะนี้เค้าใช้ทำอะไร??   4. หินอ่อนที่มาพร้อมกับลวดลายน่าปวดหัวสำหรับผู้ใช้!!   5. ถามหน่อยครับ!! แล้วบากกับจมูกคุณพี่หายไปไหน??   6. แน่ใจนะว่ามันถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้จริงๆ ??   7. เจอการนับเลขแบบนี้เด็กๆ ถึงกับงง   8. มีกระจกแล้วจะมีรูตาแมวอีกทำไมล่ะครับคุณพี๊!!   9. สไปเดอร์แมนภาคใหม่ ปล่อยใยทางตูด!!   10. ไหนลองนับกันดูซิ ว่ามีบันไดกี่ขั้น   11. ตกลงใครรู้บ้างว่าตัว T ย่อมาจากอะไร??   12. น้ำมะนาวแท้ ที่เหมาะสำหรับทำน้ำส้ม!!  …

  • ปฏิบัติการ Market Garden การจู่โจมที่ ‘ล้มเหลวที่สุด’ ของฝ่ายสัมพันธมิตร ในสงครามโลกครั้งที่ 2

    ปฏิบัติการ Market Garden การจู่โจมที่ ‘ล้มเหลวที่สุด’ ของฝ่ายสัมพันธมิตร ในสงครามโลกครั้งที่ 2

    ถ้าพูดถึงปฏิบัติการของฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลายคนอาจนึกถึงวันยกพลขึ้นบกหรือวันดีเดย์ซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 1944 ซึ่งปฏิบัติการนี้ ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตรในเวลาต่อมา แต่รู้หรือไม่ เพียงไม่กี่เดือนหลังจากปฏิบัติการดีเดย์ พวกเขาต้องพบกับปฏิบัติการที่ล้มเหลวที่สุดครั้งหนึ่งของฝ่ายสัมพันธมิตร เรื่องราวจะเป็นอย่างไร เราไปติดตามชมกันเลยดีกว่า!     ปฏิบัติการที่ว่านี้ คือปฏิบัติการ Market Garden ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 – 25 กันยายน ค.ศ. 1944 โดยผู้นำของภารกิจนี้คือกองทัพอังกฤษ และมีกองกำลังผสมจากสหรัฐอเมริกาและโปแลนด์มาช่วย แผนการของภารกิจนี้ก็คือ กองทัพอังกฤษจะใช้พลร่มที่ 1, กองพลร่มที่ 101 ของสหรัฐอเมริกา ,และกองพลเล็กจากโปแลนด์ กระโดดลงไปอยู่หลังแนวข้าศึกเพื่อทำการยึดสะพานและเมืองสำคัญๆ ที่เป็นทางผ่านไปยังแคว้นไรน์ของเยอรมัน     จากนั้นเมื่อยึดแล้ว กองพลทหารราบและยานเกราะที่ 30 ของอังกฤษ จะรุกคืบขึ้นไปเพื่อบรรจบกับกองพลร่มที่ 1 ที่เมืองอาร์นเน็ม ก่อนจะบุกเยอรมันต่อไป เพื่อจะปิดฉากสงครามให้ได้ก่อนเทศกาลคริสต์มาสปี ค.ศ. 1944 แน่นอน ถ้าใครจำได้ สงครามโลกครั้งที่สองจบลงในปี ค.ศ.…