Tag: ภาษากาย

  • 10 ท่าทางการสื่อสารของหมา อาจจะไม่เป๊ะซะทีเดียว แต่มันก็พยายามจะบอกเรานะ

    10 ท่าทางการสื่อสารของหมา อาจจะไม่เป๊ะซะทีเดียว แต่มันก็พยายามจะบอกเรานะ

    เหล่าเจ้าของสุนัขทั้งหลายคงอยากจะเข้าใจสุนัขของตนกันแทบทุกคน บางคนก็พยายามเดาไปต่างๆ นาๆ ว่าน้องหมารู้สึกยังไงอยู่ แต่ทุกคนรู้รึเปล่า ว่าจริงๆ แล้วพวกมันพยายามจะสื่อสารกับเราอยู่ตลอดเวลาเลยนะ เพียงแต่พวกมันสื่อสารผ่านท่าทาง ไม่ได้ผ่านทางภาษาพูดเท่านั้นเอง นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยบางชิ้นที่กล่าวว่าสุนัขนั้นมีวิธีการเห่าเพื่อสื่อสารกับมนุษย์โดยเฉพาะเชียวนะ วันนี้เราจึงได้รวบรวมความหมายของท่าทางบางอย่างของสุนัขให้เพื่อนๆ ได้เข้าใจตรงกัน   1.จ้องมองเราด้วยดวงตาเบิกกว้าง   เมื่อน้องหมามองเราด้วยสายตาใสบริสุทธิ์ปิ๊งๆ แบบนี้ เราก็คงจะเผลอนั่งจ้องมันกลับไปด้วยความเอ็นดูทุกที ก็มันน่ารักสุดๆ เลยนี่นา แต่อย่ามัวแต่จ้องล่ะ เพราะสายตาแบบนี้แปลว่าพวกมันต้องการความสนใจจากเรา เล่นกับมันสักหน่อยก็ดีนะ   2. ก้มตัวต่ำและกระดิกหาง   นี่เป็นท่าทางแสดงออกว่าพวกมันกำลังตื่นตัวอยู่ ซึ่งสิ่งที่น้องหมาต้องการก็คือให้เราวิ่งเล่นกับมันหรือเล่นโยนของกับมัน คอยสังเกตดูให้ดีล่ะ เพราะสุนัขนั้นต้องการการออกกำลังกายที่เพียงพอ ถึงจะมีสุขภาพแข็งแรง   3. นอนหงายท้อง   ถ้าสุนัขของคุณทำท่าทางแบบนี้ละก็ แสดงความยินดีด้วยนะ เพราะแปลว่ามันไว้ใจคุณมากนั่นเอง เวลามันทำท่าทางแบบนี้ เจ้าของก็ควรจะลูบท้องมันกลับด้วยนะ แล้วจะได้เห็นท่าทางฟินๆ ของเจ้าหมาเวลามันถูกลูบพุงด้วย   4. หรี่ตาหรือกะพริบตา   การที่สุนัขกระพริบตาถี่ๆ หรือว่าหรี่ตาตอนอยู่กับคุณ มันมีความหมายว่าเจ้าสุนัขรู้สึกดีและมีความสุขที่ได้ใช้เวลาร่วมกับคุณ เวลามันกะพริบตามักจะแปลว่ามันต้องการให้คุณลูบหัวมันอีกด้วย แต่ต้องสังเกตด้วยว่าน้องหมากะพริบตาถี่จนผิดปกติหรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที   5.…

  • 21 สุดยอดเทคนิคทางจิตวิทยา ช่วยให้คุณสามารถอ่านความคิดของ “คู่สนทนา” ได้ง่ายๆ!!

    21 สุดยอดเทคนิคทางจิตวิทยา ช่วยให้คุณสามารถอ่านความคิดของ “คู่สนทนา” ได้ง่ายๆ!!

    ในบางครั้ง คำพูดอาจไม่ใช่สิ่งที่สามารถอธิบายทุกอย่างได้ทั้งหมด เพราะความจริงแล้วเราสามารถรับรู้สิ่งต่างๆ ผ่านอวัจนภาษา หรือภาษากายของผู้พูดได้ว่า แท้จริงแล้วในตอนนั้นเขารู้สึกหรือว่าคิดอะไรอยู่กันแน่ การสังเกตภาษากายสามารถทำให้เรารับรู้ข้อมูลของคู่สนทนาได้มากขึ้นถึง 55 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชาวออสเตรเลีย Allan Pease ได้แนะนำถึงข้อสังเกตง่ายๆ ที่ทำให้เราเข้าใจฝ่ายตรงข้ามได้มากขึ้น เราลองไปดูกันเลยว่ามันมีอะไรบ้าง   1. การหลับตา ถ้าหากอีกฝ่ายกำลังพูดแล้วหลับตาไปด้วย นั่นหมายความว่าเขากำลังพยายามหลบซ่อนตัวจากโลกภายนอก หรือกำลังคิดอะไรอยู่สักอย่าง แต่ที่ทำอย่างนั้นไม่ใช่ว่าเพราะเขากลัวคุณ ในทางตรงกันข้าม เขาอาจจะแค่เหนื่อยที่ต้องคุยกับคุณ เลยหลับตาเพื่อทำให้คุณหายไปแทน     2. ใช้มือปิดปาก วิธีนี้ก็เหมือนกับตอนยังเป็นเด็ก ยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองเอาไว้เวลาที่เราไม่อยากบอกอะไร อาจจะใช้แค่นิ้วโป้งหรือกำหมัดขึ้นมาปิดเอาไว้ ซึ่งบางทีอาจทำเป็นไอ เพื่อปิดบังว่าเราไม่ต้องการบอกบางสิ่งบางอย่างให้อีกฝ่ายรู้   3. กัดขาแว่น รวมถึงการคาบปากกาดินสอ คาบบุหรี่ หรือเคี้ยวหมากฝรั่ง สิ่งเหล่านี้คือการแสดงออกถึงความกังวลที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ภายใน โดยพฤติกรรมในลักษณะนี้จะทำให้รู้สึกปลอดภัย นักจิตวิทยาเผยว่าพฤติกรรมดังกล่าว คล้ายกับตอนดูดนมแม่สมัยเป็นเด็กนั่นเอง   4. การยื่นหน้าออกมา การเอาคางมาเกยไว้บนมือคือท่าทางเพื่อดึงดูดความสนใจของเพศตรงข้าม ให้อีกฝ่ายเชยชมใบหน้าของเราอย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นหากผู้ชายคนไหนเห็นสาวๆ ทำท่านี้ก็ควรรับรู้ได้ทันที และกล่าวชมเธอไปในเวลาที่เหมาะสม   5.…

  • การใช้ภาษากายเพื่อช่วยเสริมความมั่นใจ และช่วยลดความเครียดได้ภายใน 2 นาทีต่อวัน

    การใช้ภาษากายเพื่อช่วยเสริมความมั่นใจ และช่วยลดความเครียดได้ภายใน 2 นาทีต่อวัน

    หลายๆ คนพยายามหาวิธีการเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง แต่เราอาจไม่รู้ว่าวิธีการที่ง่ายและได้ผลนั้นอยู่ใกล้ตัวเรามากจริงๆ และนอกจากจะเพิ่มความมั่นใจแล้ว มันยังช่วยลดความเครียดให้คุณได้อีกด้วย ก่อนที่จะไปพูดถึงวิธีการ เราจะมาพูดถึงหลักการทำงานของฮอร์โมนที่ส่งผลต่อความมั่นใจของเรากันก่อน ในงานวิจัยจากหลายสถาบัน เช่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มหาวิทยาลัยออริกอน หรือมหาวิทยาลัยเท็กซัส พวกเขาบอกเอาไว้ว่า การเป็นผู้นำที่ดี นอกจากจะสามารถกระจายรูปแบบความคิดได้แล้ว ฮอร์โมนก็มีส่วนสำคัญเหมือนกัน     ฮอร์โมนที่ส่งผลเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ เทสโทสเตอโรน และ คอร์ติซอล ซึ่งถ้าหากเรามีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนอยู่มากเท่าไหร่ ความมั่นใจที่เรามีก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น และถ้าเราสามารถลดการสร้างฮอร์โมนคอร์ติซอลลงได้ ก็จะช่วยลดความวิตกกังวลของตัวเองและรับมือกับความเครียดได้ดียิ่งขึ้น หลักการทำงานของฮอร์โมนทั้งสองตัว สามารถส่งผลกับตัวเราได้อย่างมาก แล้วมันจะมีวิธีการไหนบ้างที่สามารถควบคุมฮอร์โมนเหล่านั้นได้? นั่นแหละคือสิ่งที่เราจะมาพูดกันในวันนี้     วิธีการดังกล่าวคือการทำท่าทางต่างๆ ใช้ภาษากายง่ายๆ ทั่วไปเท่านั้นเอง โดย Amy Cuddy นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ทำการศึกษาเรื่องของความเชื่อมโยงกันระหว่างความแตกต่างของท่าทางและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน งานวิจัย ของเธอได้จำแนกท่าทางของคนเราออกมาเป็นสองแบบ ได้แก่ “ท่าทางที่ดูมีพลัง” กับ “ท่าทางที่ดูไม่มีพลัง” ซึ่งเราสามารถเห็นความแตกต่างของท่าทางเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน   “ท่าทางที่ดูมีพลัง”  (ด้านบน) กับ “ท่าทางที่ดูไม่มีพลัง”  (ด้านล่าง)   กลุ่มตัวอย่างในครั้งนี้คือนักศึกษาจำนวน…

  • ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ “8 ภาษากาย” ที่คุณสามารถเรียนรู้ได้ และทำให้ตัวเองดูคูลขึ้นได้จริงๆ

    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ “8 ภาษากาย” ที่คุณสามารถเรียนรู้ได้ และทำให้ตัวเองดูคูลขึ้นได้จริงๆ

    ภาษาที่เราใช้สื่อสารนั้นมีอยู่มากมายทั่วโลก นอกจากภาษาที่เราใช้พูดกันแล้วนั้น “ภาษากาย” เป็นอีกสิ่งสำคัญที่สามารถสื่อสารได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ภาษากายมีความพิเศษอยู่หลายอย่าง มันสามารถเป็นตัวเสริมที่ทำให้ภาษาพุดของเรามีความน่าเชื่อถือ หรือในขณะเดียวกันมันก็สามารถที่จะลดความน่าเชื่อถือได้ ซึ่งคราวนี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญในสาขาอาชีพต่างๆ จะเป็นคนมาแนะนำ 8 ภาษากายที่คุณควรฝึกและนำไปใช้อย่างสม่ำเสมอนั่นเอง…   1. ลอกเลียนแบบท่าทางของอีกฝ่าย – Rosemary Haefner หัวหน้าฝ่ายบุคคล เว็บไซต์ CareerBuilder แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องลอกเลียนแบบให้เหมือนเสียทีเดียวนะ นั่นจะดูเป็นการล้อเลียนเกินไป การที่เราค่อยๆ “Mimic” อย่างช้าๆ จะเป็นการแสดงถึงความเห็นด้วย หรือเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้พวกเขารู้สึกคล้อยตามและถูกจูงใจได้   2. เดินอย่างมั่นใจ – อ้างอิง Scientific American การเดินหลังห่อ หรือไร้แรงเป็นการแสดงถึงความเศร้าและขาดแรงบันดาลใจ ลองเปลี่ยนมาเป็นการเดินแบบมีชีวิตชีวาสิ เดินหลังตรงส้นเท้าลงเต็มพื้น นี่คือการแสดงถึงความมั่นใจและการมีเป้าหมายซึ่งจะทำให้คุณกลายเป็นคนที่มีบุคลิกน่าเชื่อถืออีกด้วยนะ   3. การใช้สายตา – Leil Lowndes พยายามสบตาผู้พูดหรือคู่สนทนาเป็นประจำ แต่ไม่ใช่การจ้องเขม็งไปที่พวกเขานะ การสบตานอกจากแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจแล้ว ยังแสดงให้เห็นความสนใจในคู่สนทนาอีกด้วย สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยมั่นใจ สามารถฝึกง่ายๆ ด้วยการหมั่นสบตากับคู่สนทนาของคุณทุกคน อย่างตั้งใจและแสดงถึงความอบอุ่น คุณจะค่อยๆ พัฒนาทักษะนี้ไปใช้ในสถานการณ์อื่นๆ ได้   4.…

  • บทวิเคราะห์ท่าทางของ “โอบามา ฮิลลารี่ และทรัมป์” ในพิธีสาบานตน โดยผู้เชี่ยวชาญภาษากาย

    บทวิเคราะห์ท่าทางของ “โอบามา ฮิลลารี่ และทรัมป์” ในพิธีสาบานตน โดยผู้เชี่ยวชาญภาษากาย

    เมื่อวันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา ที่ประเทศสหรัฐฯ ก็ได้มีพิธีสาบานตนเพื่อต้อนรับผู้ที่จะเข้ามารับวาระดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ พร้อมทั้งอำลาคนเก่า ที่ได้ทุ่มเทตลอดระยะเวลาหลายปี เพื่อประเทศชาติของพวกเขาเอง และเฉกเช่นเดียวกับทุกครั้ง เมื่อเหล่านักการเมืองชื่อดังทั้งหลาย ได้มาออกสื่อพร้อมกันต่อหน้าสาธารณะชนกว่าหลายแสนชีวิต ‘แพตตี้ วูด’ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษากาย ก็อดไม่ได้ที่จะออกมาวิเคราะห์ท่าทางของพวกเขาผ่านสำนักข่าว The Dailymail ซึ่งเชื่อว่าสามารถสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึก และความคิดเบื้องลึกในจิตใจ ณ ห่วงขณะนั้นได้   เริ่มที่ลักษณะท่าทางของ ‘ฮิลารี่ คลินตัน’ กันก่อน   ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า หากมองจากลักษณะภายนอกแล้ว ‘ฮิลารี่’ ดูค่อนข้างจะตื่นกลัวมากเป็นพิเศษ ก่อนจะเข้าสู่พิธี ซึ่งสังเกตุได้จากท่าทางของเธอที่ค่อนข้างจะดูแข็งตื้อมากกว่าปกติ และเมื่อเธอออกมาพบกับฝูงชนจำนวนมาก จะเห็นได้ว่าเธอพยายามที่จะยิ้มออกมาให้ดูเป็นมิตร และดูปกติมากที่สุด ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญได้วิเคราะห์เช่นกันว่า ทั้งหมดที่เห็นนั้น มันคือการแสดงอย่างหนึ่งนั่นแหละ   “แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังดูสดใส และเปี่ยมไปด้วยพลังงานอย่างมาก ซึ่งเราคงไม่เจอแบบนี้บ่อยๆในนักการเมืองวัย 69 ปี”  วูด กล่าว   คู่ต่อไปเป็นคืออดีตประธานาธิบดี ‘บารัค โอบามา’ และภรรยาสุดที่รักของเขา ‘มิเชล โอบามา’  …

  • ผู้เชี่ยวชาญภาษากาย วิเคราะห์ท่าทาง Trump ขณะเข้าพบ Obama แท้จริงพวกเขาคิดอะไร!?

    ผู้เชี่ยวชาญภาษากาย วิเคราะห์ท่าทาง Trump ขณะเข้าพบ Obama แท้จริงพวกเขาคิดอะไร!?

    อาจเรียกได้ว่าตอนนี้คงเป็นบุคคลที่ได้รับความสนใจมากที่สุดของโลกเลยทีเดียว สำหรับนาย Donald Trump ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของประเทศสหรัฐอเมริกา   และล่าสุด Donald Trump ก็ได้ไปเข้าพบ Barack Obama ประธานาธิบดีคนปัจจุบันในทำเนียบขาว เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่การรับตำแหน่งสืบต่อของประธานาธิบดีคนใหม่ ที่จะมีขึ้นในต้นปีหน้า และระหว่างการที่พบกันนั้น แม้จะดูเป็นการแถลงปกติทั่วไป แต่คราวนี้ผู้เชี่ยวชาญการอ่านภาษากายอย่าง Patti Wood ก็ได้วิเคราะห์ท่าทีตอนพบกันของทั้งสองออกมา…     ‘สำหรับ Obama นั้น เขามีท่าทางที่ดูหมดพลัง หมดไฟ และเกือบๆ จะท้อแท้เลยทีเดียว ส่วน Trump นั้นดูลังเล เคร่งเครียด และอาจเรียกได้ว่ามีความกลัวเจือๆ อยู่ในพฤติกรรมของเขา’ Patti กล่าว พวกเขาได้ทำการพูดคุยเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านอำนาจกันแบบส่วนตัว เป็นระยะเวลากว่า 90 นาทีก่อนที่จะออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะชน ซึ่งทาง Trump ก็ได้ให้คำนิยามถึงประธานาธิบดีคนปัจจุบันว่า ‘เป็นคนที่ดีมากๆ’ ‘แต่ถ้าสังเกตดูดีๆ ท่านั่งของทั้งสองคนนั้น คือการกดขาให้ต่ำลง แสดงให้เห็นถึงความเป็นชาย และผู้นำของทั้งคู่ ราวกับบอกว่าพวกเขาคือหัวหน้า ราวกับบอกโดยนัยว่าพวกเขาคือคนสำคัญ’ Patti กล่าว   ความลังเล จากลักษณะการวางมือของ Trump…

  • 10 ท่าทางที่คุณควรหลีกเลี่ยงในต่างแดน เพราะความหมายที่เปลี่ยนไป!!

    10 ท่าทางที่คุณควรหลีกเลี่ยงในต่างแดน เพราะความหมายที่เปลี่ยนไป!!

    การสื่อสารของมนุษย์นอกจากจะเปล่งเสียงออกมาเป็นคำพูดแล้ว ก็ยังมีการสื่อสารด้วยลักษณะท่าทางด้วยเช่นกัน ซึ่งท่าทางส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีความหมายที่ร้ายแรงอะไร แต่ถ้านำไปใช้ในประเทศเหล่านี้แย่แน่ๆ ท่าปัดคาง (เบลเยี่ยม, ฝรั่งเศส, ภาคเหนือของอิตาลี, รัสเซีย) ความหมาย : ไปให้พ้นซะ ท่าสอดนิ้วโป้งระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วกลาง (ตุรกี, รัสเซีย, อินโดนีเซีย) ความหมาย : ไปตายซะ!! ท่าโอเค (แต่ไม่โอเค) ประเทศกรีซ, สเปน และบราซิล ความหมาย : มันหมายถึงรูตูดน่ะ ด่าคนอื่นว่าโง่ ท่าห้าพ่อ (ประเทศแถบอาหรับและทะเลแคริบเบียน) ความหมาย : เอ็งมันมีพ่อ 5 คน เพราะแม่เอ็งเป็นผู้หญิงขายตัว ท่าชาวร็อค (ประเทศสเปน, อิตาลี, กรีซ) ความหมาย : เป็นการบอกว่าเมียเอ็งแอบไปนอนกับชู้ ท่าแตะปลายแขน (ประเทศฝรั่งเศส กลุ่มประเทศยุโรปทางใต้ และบราซิล) ความหมาย : มีความหมายพอๆ กับท่าชูนิ้วกลาง ท่ากัดนิ้ว (ประเทศอินเดีย, ปากีสถาน) ความหมาย…