Tag: นักวิทย์

  • ข่าวดี!! นักวิทย์พบประชากร ‘เพนกวิน’ 1.5 ล้านตัวอยู่บนเกาะห่างไกลในแอนตาร์กติกา

    ข่าวดี!! นักวิทย์พบประชากร ‘เพนกวิน’ 1.5 ล้านตัวอยู่บนเกาะห่างไกลในแอนตาร์กติกา

    ถือว่าเป็นข่าวดีมากเลยทีเดียวเมื่อนักวิทย์ค้นพบประชากรเพนกวินกว่า 1.5 ล้านตัว อาศัยอยู่ในทวีปแอนตาร์กติกา โดยที่ไม่เคยรู้มาก่อน!! นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการสำรวจเกาะต่างๆ ที่อยู่ห่างไกลความเจริญในทวีปแอนตาร์กติกา ถึงกับต้องเซอร์ไพรส์เมื่อพวกเขาได้พบเจอกับเพนกวินฝูงใหญ่ที่มีประชากรมากกว่า 1.5 ล้านตัว ตามรายงานการวิจัยที่ปล่อยออกมาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาพบว่าเพนกวินดังกล่าวเป็นสายพันธุ์ Adélie Penguins ถูกพบบนเกาะที่มีชื่อว่า Danger Islands ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจากฝั่ง Antarctic Peninsula     “โดยปกติแล้วเกาะเหล่านี้จะมีประชากรเพนกวินอาศัยอยู่มากมาย” Michael Polito ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุทรศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ชายฝั่งทะเล จากมหาวิทยาลัย Louisiana State University หนึ่งในทีมวิจัยกล่าว เพนกวิน Adélie นั้นสามารถพบเจอได้เฉพาะในแถบแอนตาร์กติกาเท่านั้น และจากเดิมเราเข้าใจผิดมาตลอดว่าจำนวนของมันค่อยๆ ลดลงไปเนื่องจากปัญหาภาวะโลกร้อน ทำให้น้ำแข็งละลายเป็นเหตุให้ที่อยู่อาศัยของมันถูกทำลาย     “แต่เดิมพวกเราออกสำรวจกันแค่ฝั่งตะวันตก แต่ฝั่งตะวันออกยังไม่เคยตรวจสอบมาก่อน เพราะเป็นสถานที่ที่เข้าไปถึงได้ยากเนื่องจากสภาพอากาศที่โหดร้าย” ท่านรองศาสตราจารย์กล่าว นอกจากนี้การตรวจสอบภาพจากดาวเทียมบนเกาะ Danger Island พบว่ามีร่องรอยของอุจจาระเพนกวินอยู่ แต่ไม่คิดว่าจำนวนของมันจะมีมหาศาลถึงเพียงนี้ เป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าทีมนักวิจัยอย่างมากเลยทีเดียว จากการลงพื้นที่ไปตรวจสอบพบว่ามีรังของเพนกวินมากกว่า 751,527 รัง และจากการคำนวณดูก็ทำให้ทราบคร่าวๆ ว่าจำนวนประชากรของพวกมันน่าจะมีราวๆ 1.5 ล้านตัว     นักวิจัยได้คาดการณ์เอาไว้ว่าแท้จริงแล้วเพนกวินเหล่านี้เคยอาศัยอยู่ที่ฝั่งตะวันตกมาก่อน แต่เพราะฝั่งตะวันออกนี้มีพื้นน้ำแข็งที่แข็งแรงและมั่นคง…

  • ผลวิจัยจากลิงเป็นไปได้ว่า คนที่เสียงเบามีแนวโน้ม “ลูกป๋องแป๋ง” ใหญ่กว่าคนเสียงดัง!??

    ผลวิจัยจากลิงเป็นไปได้ว่า คนที่เสียงเบามีแนวโน้ม “ลูกป๋องแป๋ง” ใหญ่กว่าคนเสียงดัง!??

    ถ้าหาใครที่ชอบดูรายการตลก อาจจะคุ้นเคยกับมุกจู๋เล็กกันเป็นอย่างดี อย่างเช่นใครที่มือเล็กจู๋จะใหญ่ หรือคนที่เสียงดังจู๋จะเล็ก เป็นต้น แต่ไม่น่าเชื่อว่ามุกฮาๆ ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ นี้จะเป็นความจริง!! เมื่อไม่นานมานี้ได้การศึกษาที่น่าสนใจชิ้นหนึ่ง ได้เผยว่าลิงที่มีเสียงดังนั้นจะมีลูกอัณฑะที่เล็กกว่าลิงที่เสียงเบา แต่น่าเสียดายที่เหล่าลิงตัวเมียนั้นไม่ได้ชื่นชอบลิงที่ไข่ใหญ่นี่นะสิ ฮ่าๆ     โดยธรรมชาติแล้ว พวกลิงจะใช้เสียงร้องและพละกำลังของพวกมันในการหาคู่ และสร้างความสนใจเพื่อดึงดูดลิงเพศเมีย ยิ่งตัวไหนที่มีพละกำลังมากและส่งเสียงดังมากเท่าไหร่ก็ยังมีสาวๆ มาตอมมากเท่านั้น แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าความเนื้อหอมนี้ อาจจะต้องแลกมาด้วยขนาดของลูกอัณฑะที่เล็กลงไป เมื่อไม่นานมานี้ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Cambridge ได้ค้นพบถึงความสัมพันธ์ในทางตรงกันข้ามระหว่างขนาดของลูกอัณฑะ และขนาดของกระดูก hyoid ที่เกี่ยวข้องกับขนาดของกล่องเสียง     คุณ Leslie Knapp นักมานุษยวิทยาหนึ่งในผู้ที่ศึกษานี้กล่าวว่า “เราพบว่าลิงที่มีขนาดของกระดูก hyoids ที่ใหญ่ซึ่งสามารถเปล่งเสียงได้ดัง จะมีขนาดของลูกอัณณฑะที่เล็ก นอกจากนี้พวกมันยังมีลิงสาวๆ ตามติดอีกประมาณ 1-2 ตัวอีกด้วย” การศึกษาครั้งนี้ช่วยให้นักวิจัยเข้าใจถึงสังคมของพวกลิงได้เป็นอย่างดี โดยลิงที่เสียงดังและมีขนาดของลูกอัณฑะที่เล็ก จะเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ มากที่สุด นั่นจึงทำให้พวกมันมีโอกาสเลือกคู่และผสมพันธุ์มากกว่าลิงตัวอื่นๆ     นอกจากนี้พวกลิงที่มีลูกกระแป๋งใหญ่ อาจจะไม่เป็นที่นิยมและบางครั้งอาจถูกขับไล่ออกจากฝูงเลยก็เป็นได้ และพฤติกรรมการเลือกคู่แบบนี้อาจส่งผลปยังลักณะของพวกลูงลิงที่รุ่นต่อๆ มาอีกด้วย ถึงแม้งานวิจัยชิ้นนี้จะอธิบายถึงพวกลิง แต่นักวิทยาศาสตร์ให้เหตุผลถึงความคล้ายคลึงของบรรพบุรุษมนุษย์และลิง รวมถึงอะไรหลายๆ อย่าง ที่คล้ายกันในสองสายพันธุ์นี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะสามารถวิเคราะห์ได้ว่าการที่เรามีของใหญ่อยู่กับตัว อาจจะทำให้เราภูมิใจจนไม่ต้องเสียงดังอะไรมากมาย ขณะที่คนพยายามเรียกร้องความสนใจด้วยเสียงตลอดเวลา…

  • นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ อาการของคนอกหักนั้น คล้ายคลึงกับ’ การเป็นโรคหัวใจ’ !!!

    นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ อาการของคนอกหักนั้น คล้ายคลึงกับ’ การเป็นโรคหัวใจ’ !!!

    สำหรับอาการอกหัก เราก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันเป็นอาการยังไงกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือไม่มีใครชอบมัน เพราะการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเอย ปวดหัวเอย ปวดหน้าอกตรงหัวใจเอยก็ตาม อาจจะเป็นเวลาวันสองวัน หรือไม่แน่อาจติดต่อกันเป็นเดือนเลยก็มี แต่ล่าสุดจากงานวิจัยของทางมหาวิทยาลัย Aberdeen แห่งประเทศสกอตแลนด์ได้แสดงให้เราเห็นว่า อาการอกหักนั้นจะอยู่ติดตัวกับเราไปนานเลยทีเดียว แม้ผ่านไปกว่า 4 เดือนก็ยังมีผลของอาการนั้นๆ อยู่!!!?   ผลของอาการอกหัก   สำหรับตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยก็กำลังศึกษาถึงเรื่องผลกระทบในระยะยาวของอาการอกหักอยู่ด้วยล่ะ โดยผู้นำทีมวิจัยหัวข้อนี้ก็คือ Dr. Dana Dawson ‘ความเชื่อเดิมของเราเชื่อว่าผลจากอาการอกหักนั้นสามารถควบคุมได้ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือพอระยะเวลาผ่านไป ผู้มีอาการอกหักก็ยังดูอ่อนแรง หรือมีอาการไม่อยากทำงานอยู่’ Dr. Dana กล่าว ‘สำหรับตอนนี้หลายๆ ปัจจัยก็ได้ชี้นำให้เราเชื่อไปในทิศทางที่ว่า อาการนี้ไม่สามารถรักษาได้ ขณะที่นักจิตวิทยาแนวหน้าหลายๆ คนก็เชื่อแบบนั้นเช่นกัน’ เธอกล่าวเสริม   Dr. Dana Dawson   อาการเครียดมากๆ แบบเฉียบพลันจะทำให้เกิดอาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจ หรือที่เรียกกันว่า ‘broken heart syndrome’ (โรคอกหัก) ซึ่งอาจเกิดได้จากการหย่าร้าง การสูญเสียความรัก และอุบัติเหตุ และอาการอกหักนั้น อาจทำให้ผู้อกหักรู้สึกเหมือนว่าตัวเองมีอาการของโรคกล้ามเนื้อหัวใจ แม้ว่าเลือดลมจะสามารถเดินได้อย่างปกติและไม่ได้มีโรคความดันก็ตามที!!!   สำหรับตอนนี้เรื่องนี้ก็อยู่ในช่วงของการวิจัยอยู่นะจ๊ะ…

  • นักวิทย์ คาดการณ์ปี 2050 เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ จะทำให้มนุษย์เหมือนเป็น ‘อมตะ’ ได้จริง!!!

    นักวิทย์ คาดการณ์ปี 2050 เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ จะทำให้มนุษย์เหมือนเป็น ‘อมตะ’ ได้จริง!!!

    การมีชีวิตที่ยืนยาวและเป็นอมตะนั้น อาจจะเป็นความใฝ่ฝันของหลายๆ คน ซึ่งตอนนี้ก็มีนักวิทยาศาสตร์ออกมาคาดการณ์กันแล้วว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ มนุษย์จะสามารถมีชีวิตที่ยืนยาว และเป็นอมตะได้กันจริงๆ !!! สำหรับการคาดการณ์นี้ก็เป็นการพูดบนเวที Big Bang Science Fair 2016 ของ Dr. Ian Pearson นักอนาคตวิทยา ที่ทำนายว่ามนุษย์จะสามารถทำแบบนี้ได้จริงๆ ในปี 2050 ที่จะมาถึงนี้ หรือราวๆ 34 ปีเท่านั้น   มีชีวิตยืนยาวเป็นอมตะ   ในปี 2050 ด็อกเตอร์ Pearson ได้คาดการณ์ว่า มนุษย์จะสามารถเชื่อมต่อระบบสมองกับคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง กล่าวคือ ‘จะสามารถย้ายสมอง ความคิด และความทรงจำของพวกเขาใส่ร่างกายที่เป็นแอนดรอยด์ได้’   ภาพประกอบการคาดการณ์ของเขา   ‘สำหรับนวัตกรรมนี้จะทำให้ผู้คนสามารถมีหลายตัวตนและสถานะได้ กล่าวง่ายๆ ก็คือ สามารถมีชีวิตต่อหลังจากร่างกายที่ได้มาตามธรรมชาตินั้นเสื่อมสลายไป’ Dr. Ian Pearson ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริงๆ ก็คงจะขยายไปถึงเหล่าสัตว์เลี้ยงด้วยอย่างแน่นอนเลยนะเนี่ย แต่ก็นั่นล่ะไม่อยากจะคิดราคาของอุปกรณ์แสนไฮเทคเหล่านี้เล้ยยยยย ถ้าจะให้พูดกันจริงๆ แล้ว เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่เลยสักนิด…เนื่องจากมีเหล่าผู้ที่สามารถทำกันได้จริงๆ แล้ว แถมยังมีชีวิตในหมูพวกเราด้วยอีกต่างหาก!!!    ทั้งท่านผู้นำ…

  • นักวิทย์ฯ เผยทฤษฎีใหม่ ‘พระเยซู’ ควรมีรูปร่างหน้าตาแบบนี้มากกว่า!!!

    นักวิทย์ฯ เผยทฤษฎีใหม่ ‘พระเยซู’ ควรมีรูปร่างหน้าตาแบบนี้มากกว่า!!!

    เพื่อนๆ เคยสงสัยกันมั้ยว่า แท้จริงแล้วนั้นพระเยซูมีรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง!!? จะเหมือนในหนังในภาพยนตร์ที่เหล่าผู้กำกับสร้างขึ้นมามั้ย แต่ที่แน่ๆ หลายๆ เรื่องทำให้รูปลักษณ์ของพระองค์บิดเบือนไปล่ะ… เหล่าผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์หลายท่านได้รวมกลุ่มกัน เพื่อศึกษากระโหลกของชาวยิว และอาหรับในยุคนั้น รวมถึงยุคปัจจุบันด้วย เพื่อศึกษาถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด   ใบหน้าของพระเยซูที่นิยมใช้ในภาพยนตร์       แต่จากการศึกษาใหม่นี้ ใบหน้าที่ควรเป็นคือ       นักศิลปะทางการแพทย์ Richard Neave ได้จำลองรูปนี้ขึ้นมา โดยนำลักษณะของชาวยิวในพื้นที่นั้นใส่ลงไป ทั้งการที่มีผมหยักศก ผิวสีแทน และใบหน้าที่กว้าง เพราะเป็นลักษณะเด่นของชาวยิวในตะวันออกกลาง แม้กระทั่งในปัจจุบัน ลักษณะเด่นนี้ก็ยังคงให้เห็นกันอยู่นั่นเอง   หลักการศึกษาของเขาใช้ทั้งนิติมานุษวิทยาและข้อมูลที่รวบรวมเกี่ยวกับลักษณะของพระองค์ในพระคัมภีร์ไบเบิล       รวมถึงการใช้เทคโนโลยีแบบ 3 มิติ เพื่อสร้างบางส่วนของกระโหลกขึ้นมา และคำนวนว่าผิวหนังและสภาพผิวควรมีลักษณะเป็นอย่างไร!!?     ส่วนในเรื่องของผมนั้น ในพระคัมภีร์ไบเบิลได้บันทึกไว้ว่า พระองค์มีผมที่สั้น เพราะว่าถ้าผู้ชายมีผมที่ยาวนั้น จะทำให้เขาเสื่อมเสียเกียรติ เป็นความเชื่อของคนในยุคนั้น ผลงานที่ออกมาเลยได้รูปพระพักตร์ของพระองค์ที่เรียกได้ว่าขัดกับลุคก่อนอย่างมากเลยล่ะ   ก็ถือว่าเป็นการศึกษา การวิจัยที่จริงจังมากๆ เลยก็ว่าได้…

  • ทดลองเอา ‘ลูกเหล็กร้อน’ วางลงบน ‘ฟลอรัลโฟม’ ผลที่เกิดขึ้นก็ตามภาพนั่นแหละ

    ทดลองเอา ‘ลูกเหล็กร้อน’ วางลงบน ‘ฟลอรัลโฟม’ ผลที่เกิดขึ้นก็ตามภาพนั่นแหละ

    เมื่อมนุษย์อย่างเรามีเวลาว่างกันเกินไป ไอเดียความคิดแปลกๆ ก็มักจะก่อตัวขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณความเวิ่นของเราที่ทำให้ได้รู้จักกับคำว่า ‘วิทยาศาสตร์’ เช่นเดียวกับเจ้าของ Youtube Channel ที่มีชื่อว่า ‘Carsandwater’ ที่ได้เผยแพร่วิดีโอการทดลองอย่างหนึ่งของเขา นั่นก็คือ การนำเอาลูกเหล็กที่ร้อนจี๋มาวางบนฟลอรัลโฟมหรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ โอเอซิส ที่ไว้ใช้สำหรับการจัดดอกไม้ และผลลัพธ์ที่ได้ทำให้เราต้องประหลาดใจ     จะเห็นว่าตอนแรกๆ ก็ดูธรรมดาๆ จนสงสัยว่า เฮ้ย!!! เจ้าลูกเหล็กร้อน เอ็งมีอิทธิฤทธิ์แค่นี้เองเหรอ แต่ดูไปเรื่อยๆ ก็จะพบว่า ฟลอรัลโฟมนั้นอยู่ดีดีก็โดนไหม้เกรียมจนเปลี่ยนเป็นสีดำกันเลยทีเดียว     ในตอนสุดท้าย ฟลอรัลโฟมก็ไม่เหลืออะไรเลย นอกจากเถ้าถ่านอย่างที่เราเห็นในรูปนี้นั่นเอง   ใครดูภาพข้างบนแล้วยังรู้สึกเฉยๆ  งั้นตามมาดูคลิปเต็มๆ กันเลยดีกว่า  แล้วจะรู้ว่าสุดยอดแค่ไหน!!!   ดูจบแล้ว ก็ระวังกันด้วยนะ อย่าไปลอกเลียนแบบไม่งั้นอาจจะเกิดอันตรายได้  เป็นห่วงเพื่อนๆ จะโดนเจ้าลูกเหล็กลวกเอาน่ะสิ!!! ที่มา Carsandwater