Tag: คำตอบ

  • 4 เหตุผลที่จะมาไขข้อข้องใจของทุกคนที่ว่า ทำไมซอมบี้ต้องกินสมองด้วย?

    4 เหตุผลที่จะมาไขข้อข้องใจของทุกคนที่ว่า ทำไมซอมบี้ต้องกินสมองด้วย?

    นอกจากคำถามที่ว่า เวลาพวกพระเอกไปเจอคนสามารถพอที่จะรักษาคนอื่นได้ ทำไมคนๆ นั้นถึงมักที่จะเป็นสัตวแพทย์ อีกหนึ่งคำถามที่เชื่อว่าคนที่ดูหนังแนวๆ นี้คงต้องเคยคิดขึ้นมาบ้างสักครั้ง ก็คงจะไม่พ้นทำไมซอมบี้ต้องกินสมองด้วย? เป็นแน่ หลายๆ คนอาจจะคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจของคนแต่งเรื่องเพื่อให้หนังน่ากลัวขึ้นเฉยๆ แต่เชื่อไหมล่ะว่าเหตุผลที่ซอมบี้กินสมอง หรือทำไมต้องกินคนนั้นมีคำอธิบายออกมาจริงๆ ด้วยนะ แม้ว่าจะเป็นเพียงเรื่องที่ไม่ได้จริงจังอะไรนัก แต่ทั้งนักเขียน หมอ หรือแม้แต่นักวิทย์เองก็มีการออกมาให้ความเห็นที่ “สมจริง” และ “เป็นไปได้” เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าทำไมซอมบี้ต้องกินสมอง ซึ่งแบ่งเป็นข้อๆ ได้ดังต่อไปนี้     1. เพื่อพลังงาน การที่ร่างกายของคนเราขยับได้นั้นต้องมีการเผาผลาญพลังงาน แม้ว่าจะร่างกายจะตายไปแล้วก็ตาม ดังนั้นซอมบี้ โดยเฉพาะซอมบี้ที่มีกำลังเหนือกว่าคนธรรมดานั้นย่อมที่จะต้องหาอะไรมาทดแทนพลังงานที่เสียไป ดังนั้นการล่าจึงเกิดขึ้น ซอมบี้จำพวกนี้จะกินทุกอย่างที่หาได้ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ เพื่อให้ได้รับแคลอรีมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกซอมบี้จึงมักเล็งที่อวัยวะจำพวกเครื่องในและสมองก่อนนั่นเอง นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่อธิบายว่าทำไมซอมบี้ถึงเดินช้าๆ นั่นก็เพราะพวกมันพยายามรักษาแคลอรีอย่างไรล่ะ ส่วนเหตุผลว่างั้นทำไมซอมบี้ไม่กินผัก น่าจะเกี่ยวข้องกับข้อต่อไปนี่ล่ะ   2. เพื่อขยายพันธุ์ หนังซอมบี้นั้นหลายๆ เรื่องมีกฎหลักๆ อยู่ว่าห้ามโดนกัดเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นซอมบี้ไปด้วย นี่เป็นเหตุผลที่ซอมบี้จะล่าแต่อะไรก็ตามที่เป็นเนื้อเท่านั้น ในซอมบี้จำพวกที่สร้างมาจากอาวุธชีวภาพ หรือไวรัสนั้น เป็นไปได้ว่าเชื้อซอมบี้จะอยู่ในสภาพของปรสิต ซึ่งคล้ายๆ กับปรสิตที่อยู่ในหอยทากบางชนิดมันจะควบคุมร่างกายของเจ้าของเพื่อขยายพันธุ์ การที่ซอมบี้กัดลงไปบนเหยื่อจะเป็นการแพร่กระจายปรสิตลงในร่างเหยื่อ และสถานที่ที่ปรสิตจะควบคุมร่างกายได้ดีที่สุดก็คือที่สมอง ดังนั้นซอมบี้จึงมักจะกัดลงไปที่สมองก่อนนั่นเอง   3. เพื่อให้เหยื่อตายอย่างรวดเร็ว…

  • 18 คำตอบแปลกๆ แต่ฮา จากรายการเกมโชว์ 4 ต่อ 4 แฟมิลี่เกมของต่างประเทศ

    18 คำตอบแปลกๆ แต่ฮา จากรายการเกมโชว์ 4 ต่อ 4 แฟมิลี่เกมของต่างประเทศ

    แฟมิลีฟิวด์ (Family Feud) หรือที่ในบ้านเรารู้จักกันในชื่อ 4 ต่อ 4 แฟมิลี่เกม เป็นรายการเกมโชว์แนวทายปัญหา ซึ่งจะให้ผู้เข้าแข่งซึ่งเป็นครอบครัวฝั่งละ 4 คน ทายคำตอบยอดนิยมซึ่งเกิดจากการสอบถามคนร้อยคน เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เช่น สัตว์เลี้ยงที่สามารถเลี้ยงไว้ในบ้านได้ หรือชื่ออาหารที่เป็นเส้น ด้วยความที่ว่าเป็นเกมที่มีการแข่งกับเวลาจึงมีอยู่หลายครั้งที่ผู้เข้าแข่งตอบคำถามออกมาแบบแปลกๆ และบ่อยครั้งที่คำตอบเหล่านั้นเรียกเสียงหัวเราะจากผู้เข้าชมได้เป็นอย่างดี นี่คือ 18 คำตอบแปลกๆ แต่ฮา จากรายการเกมโชว์ 4 ต่อ 4 แฟมิลี่เกมของต่างประเทศ   คำถาม: จงบอกสิ่งที่กระต่ายอาจจะทำตอนที่อยู่ในหมวกของนักมายากล คำตอบ: บินหนี!! กระต่ายนะเฮ้ย ไม่ใช่นก   คำถาม: ในช่วงเดือนไหนของการตั้งครรภ์ที่ผู้หญิงจะเริ่มดูเหมือนคนท้อง คำตอบ: กันยายน แสดงว่าต่อให้ตั้งครรภ์หนึ่งเดือนก็ดูเหมือนคนท้องได้ในเดือนกันยายนสินะ   คำถาม: จงบอกชื่อผลไม้ที่มีสีเหลือง คำตอบ: ส้ม ไม่ตอบส้มเขียวหวานเลยล่ะ จะได้ทีเดียวสองสี   คำถาม: จงบอกสิ่งที่ขโมยจะไม่เจอเวลาแอบเข้าไปในบ้านคน คำตอบ: คุณยายแก้ผ้า!! แก้ผ้า…. เหรอ…  …

  • เปิดบทสัมภาษณ์ 10 คำถามที่คุณอยากรู้ แต่ไม่กล้าถามเกี่ยวกับ “ผ้าโพกหัว” ชาวซิกข์!?

    เปิดบทสัมภาษณ์ 10 คำถามที่คุณอยากรู้ แต่ไม่กล้าถามเกี่ยวกับ “ผ้าโพกหัว” ชาวซิกข์!?

    เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีความรู้สึกสงสัย และอยากจะเข้าไปสอบถามเกี่ยวกับวิถีชีวิต หรือความศรัทธาของกลุ่มชาวซิกข์ หากแต่กลัวว่ามันจะเป็นการลบหลู่ความเชื่อ และทำให้เราไม่กล้าที่จะถามเค้าไปตรงๆ ทางสื่อ The Mash-Up Americans จึงได้ทำการสัมภาษณ์ Rupinder Singh ชายชาวซิกข์สัญชาติอเมริกัน ที่จะมาไขข้อข้องใจกับ 10 คำถามที่หลายคนอยากรู้ แต่ไม่มีใครกล้าถาม     ทำไมถึงต้องใส่ผ้าโพกหัว? “สำหรับชาวซิกข์ผ้าโพกหัวเป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความเชื่อของพวกเขา วัฒนธรรมการโพกหัวมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 และจุดประสงค์หลักก็เพื่อให้ผู้ศรัทธาตระหนักถึงความเท่าเทียมกัน”   ผู้หญิงต้องใส่ผ้าโพกหัวด้วยรึเปล่า? “สำหรับชาวซิกข์แล้ว จะมีแค่ผู้ชายเท่านั้นที่ใส่ผ้าโพกหัว ส่วนผู้หญิงจะมีผ้าคลุมที่เรียกว่า chunni หรือ dupatta แต่ปัจจุบันก็มีผู้หญิงหลายคนหันมาใช้วิธีการโพกหัวแทน”     บางครั้งเราเห็นชาวซิกข์ที่ไม่โพกหัวก็มี? “เหมือนกับวัฒนธรรมอื่นๆ ผู้ศรัทธาไม่จำเป็นต้องโพกหัวเพื่อแสดงออกถึงความเชื่อเสมอไป และมีหลายคนที่ไม่โพกหัวแต่ก็ยังคงศรัทธา และยึดมั่นในความเชื่อของตัวเอง”   สีของผ้าโพกหัวสามารถบอกให้แก่เราได้บ้าง? “ไม่มีการระบุว่าผ้าโพกหัวจะต้องเป็นสีอะไร ซึ่งอันที่จริงมันจะเป็นสีอะไรก็ได้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ส่วนตัวผมมีผ้าโพกหัวทั้งหมด 20 สีด้วยกัน”     ผ้าโพกหัวของชาวซิกข์ แตกต่างจากหมวกทั่วไปอย่างไร? “แตกต่างจากหมวกทั่วไปก็ตรงที่ เราใช้ผ้าที่มีขนาดค่อนข้างยาวมาโพกหัวเราเอง อย่างของผมก็เป็นผ้าที่มีขนาดยาว 640…

  • ขำกะละลิ่ง?? 16 การตอบคำถามแบบไร้เดียงสา ตามสไตล์เด็กไทย แต่มันฮาเหลือเกิน

    ขำกะละลิ่ง?? 16 การตอบคำถามแบบไร้เดียงสา ตามสไตล์เด็กไทย แต่มันฮาเหลือเกิน

    เด็กเอ๋ยเด็กดี พูดถึงแล้ว รู้ใช่มั้ยว่า เด็กโกหกไม่เป็น ก็อย่างที่เรารู้กันแหละว่า เวลาเด็กมันคิดหรือเห็นอะไร มันก็พูดไปตามที่เห็น นี่แหละคือเสน่ห์ของความเป็นเด็ก เมื่อทางเพจ We Share – เรื่องเด็ดทั่วโลก รวมรวมความไร้เดียงสาของเด็กๆ กับการตอบคำถามสุดฮา อารมณ์ประมาณว่า คิดยังไง ก็เขียนโลดดดดดด…   นี่หนูเป็นลูกอะไรจ๊ะ??   เอ๊ะ อวัยวะส่วนนั้นของผู้ชาย มันมีรูปร่างแบบนี้หรอ   นี่ก็ถูกแล้วไง เด็กไม่คิด แต่ผู้ใหญ่อะ ไม่แน่!!   ตั้งใจตอบขนาดนี้ จะให้ผิดก็ยังไงๆอยู่ ถูกหมดเลยละกัน   มดหมดปลากินไร?? เป็นคำถามน่าคิดนะ   หนูน้อยสายโหด แค่ให้อ่านหนังสือ ถึงกับต้องซัดยาบ้าเลยหราาา   ที่บ้านหนูเรียกแบบนี้แหละคุณครู   เห็นภาพเลยว่า แดดบ้านเรานี่โคตะระร้อนเลย   รู้เลยว่า แม่เป็นคนยังไง??   ทั้งสัมผัส และคล้องจอง ทำให้ครูให้ผมแต่งใหม่อ่า ไม่เข้าใจ   เออ นั่นสิ คงตลกน่าดู…

  • ศาสตราจารย์อังกฤษคว้าเงินกว่า 24 ล้านบาท หลังแก้สมการคณิตศาสตร์อายุ 300 ปีได้สำเร็จ!!

    ศาสตราจารย์อังกฤษคว้าเงินกว่า 24 ล้านบาท หลังแก้สมการคณิตศาสตร์อายุ 300 ปีได้สำเร็จ!!

    โจทย์ปัญหามักจะต้องมีทางแก้ไขอยู่เสมอ!? ว่ากันด้วยเรื่องของโจทย์คณิตศาสตร์ (เป็นหนึ่งในวิชาที่เหมียวเลเซอร์ไม่ชอบที่สุด) ทุกโจทย์ที่ตั้งขึ้นมาต้องมีคำตอบ และจะต้องเป๊ะ จะให้มีหลายคำตอบก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับสมการอันเลื่องชื่อ Fermat’s Last Theorem จากนักคณิตศาสตร์ฝรั่งเศส Pierre de Fermat ตั้งแต่ปีค.ศ. 1637 ยังไม่มีใครพิชิตได้เลยแม้แต่คนเดียว     สำหรับสมการดังกล่าวมีใจความว่า ‘There are no whole number solutions to the equation xn+ yn = zn when n is greater than 2’ แปลได้คร่าวๆ ประมาณว่า ไม่มีเลขจำนวนใดๆ ที่จะสามารถแก้ไขสมการ  xn + yn = zn เมื่อ n มีค่ามากกว่า 2′     ระยะเวลาของสมการตั้งแต่ปี 1637…

  • เงิบเลยดิ!! โจทย์คณิตฯ แบบไม่เคลียร์ หาคำตอบไม่ได้ นี่มันปรัชญาทางคณิตศาสตร์รึเปล่า

    เงิบเลยดิ!! โจทย์คณิตฯ แบบไม่เคลียร์ หาคำตอบไม่ได้ นี่มันปรัชญาทางคณิตศาสตร์รึเปล่า

    หนึ่งในวิชาที่มีคนเกลียดและชอบมากที่สุดก็คือ คณิตศาสตร์ เรื่องของตัวเลขที่จะต้องหาคำตอบสุดท้ายให้ได้ ถึงแม้ว่าจะใช้วิธีการคิดที่แตกต่างกัน แต่ผลสุดท้ายคำตอบของโจทย์นั้นก็จะมีเพียงแค่คำตอบเดียวเท่านั้น!!     ถึงแม้ว่าโจทย์จะยุ่งเหยิงซักแค่ไหน เพียงแค่หาวิธีทำและคิดออกมามันก็หาคำตอบได้อยู่ดีแหละ แต่จะว่าไปแล้วหากโจทย์คณิตฯ ข้อนั้น กลับบอกใบ้แบบงงๆ มันก็เลยทำให้กลายเป็นปริศนาที่ไขไม่ออกอย่างเช่นโจทย์คณิตศาสตร์จากญี่ปุ่นข้อนี้   難問… pic.twitter.com/OrJm8S7JEq — zero (@__zero____) 1 ธันวาคม 2015   สำหรับโจทย์ข้อหนึ่งนั้นถามเอาไว้ว่า ‘โน๊ตบุ๊คมีราคา 100 เยน ถูกกว่ากล่องใส่ดินสอ 20 เยน คำถามคือยางลบจะมีราคาเท่าไหร่?’ เอาล่ะ พอเจอคำถามแบบนี้เข้าไป ถึงกับงงเลย คือให้ตัวแปรมาสองตัวแล้ว ส่วนตัวที่สามโผล่มาจากไหนกัน นี่มันปรัชญาทางคณิตศาสตร์รึเปล่า แล้วแบบนี้จะให้ทำอย่างไรต่อไป เมื่อชีวิตมาถึงทางตัน!?     ส่วนข้อที่สองนั้นถามว่า ‘แซนด์วิชราคา 98 เยน ราคาถูกกว่าขนมปังถั่วแดง 10 เยน แล้วขนมปังถั่วแดงจะมีราคาเท่าไหร่’ อันนี้ชัดเจน เข้าใจ หาคำตอบได้แน่นอน แต่ไอ้ข้อแรกนี่แหละ ยางลบมันมาจากไหน? ที่มา…

  • ‘ทำไมต้องเรียนหนังสือ?’ ที่ปรึกษาด้านการศึกษาของญี่ปุ่น ตอบได้อย่างลึกซึ้งและคมคาย!!

    ‘ทำไมต้องเรียนหนังสือ?’ ที่ปรึกษาด้านการศึกษาของญี่ปุ่น ตอบได้อย่างลึกซึ้งและคมคาย!!

    การศึกษาถือเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อเสริมสร้างความรู้และเปิดโลกให้กว้างได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งในสังคมญี่ปุ่นก็ให้ความสำคัญกับการศึกษามาก แต่ก็ใช่ว่าเด็กทุกคนจะรักการเรียนเสมอไป จนกระทั่งกลายมาเป็นคำถามว่า ‘ทำไมต้องเรียนหนังสือ?’     ผู้เชี่ยวชาญและเป็นที่ปรึกษาทางด้านการศึกษาของญี่ปุ่น คุณ Nobufumi Matsunaga ก็ได้ให้ความสำคัญกับคำถามที่ว่านี้ และการจะตอบคำถามนั้นจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ต้องขัดเกลาคำตอบให้กระจ่างแจ้ง เพื่อทำให้เด็กๆ เข้าใจว่าทำไมการศึกษาจึงเป็นสิ่งสำคัญ     เริ่มจากคำตอบในทางด้านบวกกันก่อน ‘การศึกษาจะสะท้อนได้ดีที่สุดนั้นก็ขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัยและพัฒนาการของเด็ก โดยทั่วๆ ไปแล้วการศึกษาจะช่วยให้คุณพัฒนาตัวเอง ส่งผลให้คุณสามารถไปประกอบอาชีพที่คุณชอบและสามารถหาเงินเลี้ยงชีพในอนาคตได้ ทั้งนี้เรียนหนังสือก็เพื่ออิสรภาพนั่นเอง’     แต่ที่เราเรียนหนังสือกันนั้นก็ใช่ว่าจะเรียนเพื่อพัฒนาตัวเองเสมอไป เขากล่าวเสริมเอาไว้ว่า ‘นอกจากนี้ โลกของเราเต็มไปด้วยการโกหกและการหลอกลวง และด้วยเหตุผลนี้ทำให้เราต้องการที่จะเติบโตขึ้นเพื่อให้รู้ทันคน เราสามารถสามารถตรวจจับการโกหกด้วยการเรียนหนังสือ แต่ถ้าเราไม่พัฒนาทักษะทางด้านตรรกะความคิดจากการเรียนหนังสือเลย คุณก็จะมารู้สึกเสียใจในภายหลัง’   ทั้งนี้เขากล่าวปิดท้ายไว้อย่างคมคายว่า ‘เด็กๆ จะมีความอ่อนไหวต่อแนวคิดของการได้มาและการสูญเสีย เพราะฉะนั้นการอธิบายสิ่งเหล่านี้ให้พวกเขาเข้าใจ ก็จะทำให้พวกเขาเห็นภาพอนาคตของตัวเองหลังจากให้ความสำคัญกับการศึกษา’ ที่มา : rocketnews24