พนักงานรวมตัวฟ้องบริษัทญี่ปุ่น ใช้อำนาจกดขี่ ทำให้ติดหนี้ และต้องรายงานตัวทุกๆ 5 นาที

เกิดเป็นเรื่องฟ้องร้องกันระหว่างกลุ่มพนักงานผู้ถูกกดขี่ กับเจ้านายผู้เป็นเจ้าของบริษัท อันเนื่องมาจากใช้อำนาจบาตรใหญ่กดขี่พนักงานเปรียบเสมือนทาสในยุคปัจจุบัน…

ทั้งนี้ ครอบครัวของพนักงานหญิงผู้เสียชีวิต (จากเหตุฆ่าตัวตาย) พร้อมกับพนักงานชายอีก 2 ราย ได้ส่งทนายความเป็นตัวแทนฟ้องร้องบริษัทและตัวเจ้าของบริษัท จากการใช้อำนาจกดขี่พนักงาน เป็นค่าความเสียหายรวม 88 ล้านเยน (25 ล้านบาท)

 

ทนายความตัวแทนฟ้องร้อง จากพนักงานชาย 2 คน และพนักงานหญิง 1 คน

 

การฟ้องร้องเกิดขึ้นในศาลกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา พนักงานหญิงวัย 30 ปี ได้ทำการฆ่าตัวตาย จากการถูกกดขี่ด้วยอำนาจจากเจ้านายซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากบริษัทผลิตสื่อมังงะ เกม และอนิเมะ Be Higher Inc.

ทั้งนี้ ค่าเสียหายที่เรียกร้องนั้น เป็นค่าว่าจ้างที่ถูกทางบริษัทหักออกไปจากเงินเดือนจากพนักงานทั้ง 3 ราย

 

บริษัท Be Higher Inc.

 

พนักงานหญิง และพนักงานชาย 2 ราย ได้ทำงานให้กับบริษัทดังกล่าวและรับงานจากบริษัทภายนอก ภายใต้ข้อตกลงสัญญางานของบริษัท โดยที่ทำงานอย่างหนักมาตั้งแต่ปี 2006 จนถึงปี 2014

อย่างไรก็ตาม ผู้เป็นเจ้าของบริษัทกลับปฏิบัติกับพนักงานกลุ่มนี้เยี่ยงทาส ออกคำสั่งโดยตรงมายังกลุ่มเป้าหมาย สร้างข้อผูกมัดที่นอกเหนือสัญญาว่าจ้าง

เช่นการซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม รองเท้า และอื่นๆ ให้โดยที่ไม่ได้ร้องขอ และทำการลงรายการบันทึกยืมเงินจากบริษัท และจะเก็บเงินส่วนนี้ ด้วยการตัดออกจากเงินเดือน…

 

 

หลังจากที่เกิดเป็นเรื่องราวสร้างข้อผูกมัดขึ้นมา หนึ่งในพนักงานชายได้นำเรื่องไปปรึกษากับบุคคลภายนอก จนโดนเจ้านายจับได้ จึงทำการลงโทษทั้งกลุ่ม ด้วยการเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านเยน

โดยอ้างว่าเป็นการทำผิดข้อตกลงสัญญาว่าจ้าง และจะต้องชดใช้ด้วยการหักเงินออกจากเงินเดือนทั้งหมด โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ

 

 

พนักงานกลุ่มนี้ตกเป็นหนี้จำนวนมหาศาล ซึ่งเงินเดือนที่ควรจะได้กลับต้องถูกหักออกไปจนไม่เหลือเงินแม้แต่จะรับประทานอาหารประทังชีวิต

ส่งผลถึงขั้น ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้อง เจ้านายจึงแนะนำให้พวกเขามาใช้ชีวิตอยู่ในบริษัท ที่ไม่มีเตียงนอน ต้องนอนบนพื้น และไม่มีห้องอาบน้ำ

ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เจ้าของบริษัททำการข่มขู่กดขี่ด้วยคำพูดอย่างต่อเนื่อง เช่น “พวกคุณยังมีชีวิตอยู่ ยิ่งทำให้เกิดปัญหา” และ “ผมหวังได้แค่ว่าคุณน่าจะไปโดนรถชนตายเสีย ถ้าฆ่าคุณไปเดี๋ยวจะเป็นปัญหาอีก”

 

 

ทุกอย่างยิ่งเลวร้าย เมื่อเจ้าของบริษัท บังคับให้พนักงานทั้ง 3 ราย ต้องรายงานตัวทุกๆ นาที เฉลี่ยแล้วประมาณ 5 นาที ว่ายังทำงานอยู่ ไม่มีการอู้งานหรือแอบงีบหลับใดๆ ขณะที่ทำงานในช่วงเวลากะดึก (ทำงานเกือบ 24 ชั่วโมงต่อวัน)

 

หลักฐานแชตรายงานตัวจากแอป LINE รายงานตัวด้วยประโยค “ยังตื่นอยู่ครับ/ค่ะ”

 

ภายในบริษัท ก็ถูกติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามชีวิตของพนักงานกลุ่มนี้ ยิ่งไปกว่านั้น จากการที่พวกเขาไม่มีเงินจ่ายค่าโทรศัพท์ เจ้าของบริษัทจึงซื้อโทรศัพท์พร้อมระบบ GPS ติดตามตัวให้ใช้งาน และรายงานตัวกับเขาตลอด

 

การรายงานตัวแทบจะเกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง เว้นระยะห่างกันเพียงไม่กี่นาที

 

จุดแตกหักเกิดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีสุดท้าย เมื่อพนักงานหญิงถามเจ้าของบริษัทว่า จะเป็นการดีกว่าหรือไม่ หากเธอไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว…

เมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว เขาถึงกับหัวเสีย ทำลายคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่หน้าเธอและสบถวาจาหยาบคายใส่ “ถ้าเอ็งตาย ก็เป็นเพียงแค่ขยะไร้ค่าเท่านั้นแหละ” และเธอก็เสียชีวิตภายในบ่ายวันนั้น…

 

 

พนักงานชายวัย 39 กล่าวว่า การตัดสินใจฟ้องร้องต่อบริษัทและเจ้าของบริษัทในครั้งนี้ หวังว่ากฎหมายจะช่วยป้องกัน ไม่ให้เกิดเหตุการณ์การใช้อำนาจกดขี่พนักงานขึ้นอีก

 

 

โดยที่ผ่านมานั้นเขาพยายามจะหนีออกจากงานหลายหน แต่ไม่สามารถทำได้ หนึ่งในเหตุผลก็คือ ถ้าหากว่าหนีไปแล้ว พนักงานหญิงที่ยังคงอยู่ จะต้องทำงานชดใช้หนี้แทนในส่วนที่เหลือทั้งหมดเพียงลำพัง

“มันเป็นการใช้อำนาจกดขี่พนักงาน บังคับให้ทำงานเยี่ยงทาส หลังจากที่ถูกผูกมัดด้วยหนี้จำนวนมหาศาล” Tsuyoshi Fukai ทนายความผู้เป็นตัวแทนฟ้องร้องกล่าวแถลง

 

ที่มา: asahinews-postseven, livedoor, blogos


Tags:

Comments

Leave a Reply