รู้จักกับ 10 สถานที่ ‘ต้องห้าม’ บนโลกใบนี้ ที่ทั้งลึกลับและน่ากลัว อย่าเข้าไปเชียวล่ะ…

เราอาจสามารถท่องเที่ยวไปยังทุกๆ ประเทศของโลก แต่เราไม่อาจเข้าไปเที่ยวได้ทุกซอกมุมของโลกนี้อย่างแน่นอน เพราะว่าสถานที่หลายแห่งของโลกก็เป็น สถานที่ต้องห้าม ที่เราจะไม่มีวันได้เข้าไปชม

วันนี้เราจึงจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ 10 สถานที่ต้องห้าม (บางที่ก็หลอน) พร้อมสาเหตุที่ว่า ทำไมพวกเราถึงถูกห้ามไม่ให้เข้าไปยังสถานที่นั้นๆ จะมีสถานที่ไหน ณ ประเทศอะไรบ้าง เราไปชมพร้อมๆ กันเลย

 

1. Svalbard Global Seed Vault (โรงเก็บพันธุ์พืช), ประเทศนอร์เวย์

สถานที่แห่งนี้บ้างจะเรียกกันว่า “คลังสมบัติวันโลกแตก” เพราะมันได้เก็บรวบรวมเอาสายพันธุ์พืชที่จำเป็นต่อการดำรงอยู่ของมนุษชาติเอาไว้ทั้งหมดมาเป็นเวลาราวๆ 200 ปีแล้ว

มันตั้งอยู่ในหุบเขาน้ำแข็งส่วนลึกของวงแหวนอาร์กติก แม้จะมีภัยพิบัติจากธรรมชาติเกิดขึ้นมันก็ไม่เคยไหวติงสักครั้ง และสถานที่นี้ได้เก็บเมล็ดพืชที่ใช้เป็นอาหารของมนุษย์ไว้ถึง 100 ล้านสายพันธุ์ เลยทีเดียว

 

2. North Sentinel Island (เกาะเซนทิเนลเหนือ), ประเทศอินเดีย

เกาะแห่งนี้เป็นที่อาศัยของชนเผ่าลึกลับที่ตัดขาดจากโลกมนุษย์ภายนอก พวกเขาจะใช้กำลังและความรุนแรงโจมตีผู้ที่บุกรุกเกาะของพวกเขา ในปี 2006 พวกเขาได้ฆ่าชาวประมง 2 รายที่บังเอิญเข้ามายังเกาะนี้

นอกจากนี้พวกเขายังปฏิเสธความช่วยเหลือจากรัฐบาลและผู้คนจากโลกภายนอก จึงทำให้เกาะเซนทิเนลแห่งนี้ต้องกลายเป็นสถานที่ต้องห้ามที่จะไม่มีใครรับผิดชอบหากผู้ฝ่าฝืนเข้าไปแล้วถูกฆ่าโดยชาวเกาะ

 

3. The Catacombs, กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

The Catacombs เป็นอุโมงค์ใต้ดินที่ถูกขุดขึ้นสำหรับใช้เชื่อมต่อระหว่างเหมืองใต้ดินของปารีส แต่มันต้องกลายเป็นสถานที่ลึกลับและน่ากลัวเพราะมันได้เป็นแหล่งบรรจุซากศพกว่า 6 ล้านศพในศตวรรษที่ 18

มีเพียงส่วนเล็กๆ ของ The Catacombs เท่านั้นที่เปิดให้ชมอย่างเป็นสาธารณะซึ่งภายในจะเห็นซากกระดูกคนนับพันถูกร้อยเรียงกันอยู่ภายใน แต่อีก 99 เปอร์เซ็นต์ของอุโมงค์นั้นถูกห้ามให้เข้าชมอย่างเด็ดขาด หากใครฝ่าฝืนก็อาจหายตัวไปอย่างไม่มีใครหาพบ หรืออาจจะพบว่าเป็นหนึ่งในซากศพของที่นี่ก็เป็นได้

 

4. Poveglia Island (เกาะโพเวกเลีย), ประเทศอิตาลี

เกาะลึกลับแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยจักรวรรดิโรมัน โดยสมัยนั้นเกาะนี้ถูกใช้ให้เป็นแหล่งกักกันผู้ที่ติดโรคระบาด ต่อมาในยุคกลางมันก็ถูกใช้เป็นแหล่งกักกันผู้ป่วยด้วยโรคระบาดอีกครั้ง

ผู้ป่วยจำนวนมากถูกเผาถูกโยนลงหลุมและฝังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่ากันว่าพื้นดินของเกาะแห่งนี้ 50 เปอร์เซ็นต์เป็นซากศพเน่าและขี้เถ้าของผู้ป่วย ล่าสุดในปี 1922 เกาะนี้ถูกใช้เป็นโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยทางจิตแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

ปัจจุบันแม้เพียงชายฝั่งของเกาะคุณก็สามารถมองเห็นซากโครงกระดูกของศพได้ (เพราะศพเยอะมากจริงๆ) เกาะแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ต้องห้ามที่หากใครเข้าไปจะถือว่ากระทำผิดกฎหมาย

 

5. Chernobyl Exclusion Zone, ประเทศยูเครน

สถานที่แห่งนี้ถูกระเบิดนิวเคลียร์ทำลายในปี 1986 ทำให้มีรังสีตกค้างเข้มข้น ผู้คนที่อาศัยอยู่โดยรอบถูกสั่งให้ย้ายออกอย่างเร่งด่วนจนกระทั่งสถานที่นี้ถูกทิ้งร้าง

อย่างไรก็ตามผู้เข้าชมสามารถเข้าไปยังสถานที่แห่งนี้ได้เล็กน้อย อาจจะพบข้าวของ ของเล่นเด็ก หรือรองเท้าที่ถูกทิ้งไว้เนื่องจากการอพยพที่รวดเร็ว

แต่ภายในจะมีบริเวณที่เรียกว่า Chernobyl Exclusion Zone ที่เป็นบริเวณต้องห้ามอย่างเด็ดขาด เนื่องจากภายในยังคงปนเปื้อนด้วยสารกัมมันตภาพรังสีที่เข้มข้นอยู่

 

6. Qin Shi Huang (สุสานจักรพรรดิฉินที่ 1 หรือ สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้), ประเทศจีน

สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ตำบลหลินถง เมืองซีอาน มณฑลฉ่านซี ที่นี่ถูกห้ามมิให้ใครเข้าไปเป็นอันขาด แม้ว่าจะมีการขุดพบกองทัพดินเผาในปี 1974 แต่หลังจากนั้นก็ยังไม่มีการขุดค้นเพิ่มจนกระทั่งปัจจุบัน เพราะเชื่อกันว่าเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันไม่สามารถรักษาสภาพของสิ่งต่างๆ ภายในสุสานไว้ได้

 

7. Ilha Da Queimada Grande (เกาะงู), มหาสมุทรแอตแลนติก

เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่บนมหาสมุทรแอตแลนติกนอกชายฝั่งของประเทศบราซิล เป็นที่อาศัยแห่งเดียวของงูพิษโกลเดนแลนซ์เฮดที่มีพิษร้ายแรง

เกาะนี้ถูกปิดมิให้ใครเข้าไปเยี่ยมชม เพราะนอกจากจะป้องกันไม่ให้มีใครต้องถูกพิษของงูชนิดนี้แล้ว ยังเป็นการป้องกันไม่ให้งูสายพันธุ์นี้ต้องสูญพันธุ์อีกด้วย ว่ากันว่าบนเกาะจะพบงูได้ในทุกๆ ตารางเมตรเลยทีเดียว

 

8. Area 51, สหรัฐอเมริกา

Area 51 อยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพทหารสหรัฐอเมริกา มันตั้งอยู่ที่ 160 กิโลเมตรทางเหนือของลาสเวกัส มันกลายเป็นสถานที่ลึกลับเนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ ปฏิเสธการมีอยู่ของสถานที่แห่งนี้มาตลอดจนถึงปี 2013

ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่ทดสอบยานพาหนะทางอากาศของกองทัพ แต่หลายคนเชื่อกันว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับวัตถุลึกลับต่างดาว หรือเป็นสถาบันวิจัยสิ่งมีชีวิตนอกโลก

หลายคนพยายามเดินทางเข้าไปชมใกล้ๆ สถานที่แห่งนี้ แต่อย่างไรก็ตามทางเข้าของสถานที่แห่งนี้นั้นถูกปิดและถูกห้ามมิให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องผ่านเป็นอันขาด

 

9. Surtsey (เกาะซึร์ทเซย์), ประเทศไอซ์แลนด์

เกาะนี้เป็นดินแดนเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในปี 1963 มันถูกใช้สำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับระบบนิเวศว่าจะเป็นอย่างไรหากไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่

เกาะนี้มีเพียงนักวิทยาศาสตร์ 1-2 คนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป โดยมีกฎว่าห้ามนำเมล็ดใดๆ ติดตัวเข้าไปยังเกาะ ส่วนคนอื่นๆ ห้ามเข้ามายังเกาะแห่งนี้เป็นอันขาด

 

10. Metro-2, Line D6, ประเทศรัสเซีย

ในสมัยการปกครองของสตาลิน ประเทศรัสเซียที่สมัยนั้นเป็นสหภาพโซเวียตได้สร้างอุโมงค์รถไฟใต้ดินเพื่อเชื่อมไปยังสถานที่ต่างๆ ในประเทศ แต่มันกลับไม่ถูกเปิดให้สาธารณชนได้ใช้ อุโมงค์นี้จึงถูกสงสัยว่าเป็นทางลับสำหรับเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพื่อหนีขณะเกิดสงคราม

นอกจากนี้ทางกระทรวงรถไฟใต้ดินของกรุงมอสโกยังปฎิเสธว่าสถานนี้มีอยู่จริง จนกระทั่งในปี 1994 ชาวบ้านได้สำรวจไปพบสถานที่แห่งนี้ จึงทำให้ทางการจำต้องยอมรับว่ามีอุโมงค์ทางรถไฟนี้อยู่จริง แต่ยอมรับเพียงสายเดียวก็คือสาย D6 หลังจากนั้นสถานที่แห่งนี้ก็ถูกห้ามมิให้ใครเข้าไปอีก

 

แต่ละที่ลึกลับมากๆ เลยล่ะ ใครอยากเข้าไปเยี่ยมสถานที่เหล่านี้ก็ต้องเสียใจด้วยนะ เพราะมันคือ “สถานที่ต้องห้าม” ยังไงล่ะ!!

ที่มา: boredpanda

Comments

Leave a Reply