หญิงรับแมวมาเลี้ยงไว้ในบ้าน ต่อมามันเลยตอบแทนโดยการอยู่ดูแลลูกสาวเธอ

ใครที่บอกว่าแมวไม่ค่อยแคร์ทาส อาจจะมองกันแค่ภายนอกเท่านั้น ลองมองดูไปให้ลึกถึงจิตใจของมันคุณอาจจะเห็นว่ามันก็กตัญญูไม่ได้แพ้หมาเลย

 

 

เมื่อ 13 ปีก่อน Erin Merryn เจอลูกแมวสีส้มตัวหนึ่ง มันกำลังหาบ้านอยู่ และเมื่อมันเจอเธอมันก็โดดเข้ามากอดแล้วไม่ยอมปล่อยเลย เธอก็เลยรับมันมาเลี้ยง

เธอเล่าว่า “ตอนนั้นเจ้าเหมียวพยายามอย่างหนักเลยให้ฉันไม่ไปจากกรงของมัน ฉันรู้สึกชอบความพยายามของมันมากก็เลยรับมันมาเลี้ยง ทั้งที่ตอนนั้นฉันต้องเลี้ยงมันแบบลับๆ เพราะเอามันมาเลี้ยงแบบผิดกฎในหอที่มหาวิทยาลัย”

 

 

หลังจากนั้นไม่นานทางหอพักก็จับได้ว่าเธอแอบเลี้ยงแมว เลยต้องรีบหาบ้านให้มันยกใหญ่ พ่อของเธอก็ไม่ยอมรับมันไปเลี้ยงที่บ้าน เธอต้องพยายามกล่อมอยู่นานเลยกว่าที่แม่ของเธอจะอนุญาตให้เลี้ยง

จากนั้นเธอก็ตั้งชื่อมันว่า Bailey เธอเลี้ยงมันด้วยความรักจนเจ้าเหมียวโต ตัวมันใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย รวมทั้งความรักของมันที่มีให้เธอก็มากขึ้นตามด้วย

 

 

9 ปีหลังจากที่เธอเลี้ยงมันมาเธอก็แต่งงานแล้วมีลูกสาวคนแรกซึ่งก็คือ Abby ตั้งแต่ที่เด็กหญิงเกิดมาเจ้าแมวก็คอยอยู่เคียงข้างเธอมาตลอด

Bailey ทำหน้าที่เป็นเหมือนกับพี่เลี้ยงให้ Abby มันจะจับตาดูเสมอเพื่อให้มั่นใจว่าเธอปลอดภัย แล้วก็เป็นคนที่มอบอ้อมกอดให้เด็กหญิงตัวน้อยด้วย

มันน่าจะรู้ว่าเด็กหญิงเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของ Erin ก็เลยช่วยดูแลเพื่อตอบแทนที่เธอมอบบ้านที่มีแต่ความอบอุ่นให้มันอยู่

 

 

ไม่ต้องหาพี่เลี้ยงมาหรอก เราช่วยเลี้ยงเอง

 

นอนกอดตุ๊กตาไม่อุ่นเท่ากอดเราหรอก

 

นี่เป็นเพื่อนซี้คนแรกของฉันเลยนะ

 

มาฟังนิทานกันเถอะเด็กๆ

 

Abby เข้ากับ Bailey ได้ดีมากตั้งแต่จำความได้ คงเป็นเพราะเจ้าแมวมันตามใจแล้วก็อยู่เป็นเพื่อนเธอตลอด ถ้าจะให้พูด มุมหนึ่งมันก็เหมือนเป็นพี่ของเธอเลยนะ

เธอกินข้าวกับมัน เป็นเพื่อนเล่นกับมัน นอนก็นอนกับมัน เรียกได้ว่าทำกิจกรรมร่วมกันแทบทุกอย่างเชียวล่ะ

 

 

แต่มีอยู่กิจกรรมหนึ่งที่ Erin มองว่ามันน่ารักมากเป็นพิเศษเลย ก็คือตอนที่ Abby นั่งเล่านิทานให้ Bailey ฟัง เพราะทั้งคู่ดูมีความสุขมาก

เด็กหญิงก็รู้สึกดีใจที่มีคนคอยนั่งฟังเธอเล่านิทาน ส่วนเจ้าแมวก็นอนฟังอยู่ในอ้อมกอดของเธอนิ่งเหมือนตุ๊กตาเลย ถ้าไม่รักจริงคงดิ้นหนีไปแล้ว

 

 

ได้เห็นลูกสาวที่รักกับเจ้าแมวที่เธอเก็บมาเลี้ยงเข้ากันได้ดีมากแบบนี้ Erin คงรู้สึกภูมิใจมากๆ เลยล่ะ แล้วเธอก็จะได้วางใจด้วยว่าลูกสาวมีคนดูแลแล้ว แถมเป็นคนที่เธอรักและไว้ใจมากด้วย

 

ที่มา: Love Meow


Tags:

Comments

Leave a Reply