เกร็ดเบื้องหลัง 12 ข้อ ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเครือดิสนีย์ ดูเกรี้ยวกราดจนเกือบจะไม่น่าจริง!?

นับตั้งแต่การก่อตั้ง สตูดิโอแอนิเมชั่นของค่ายดิสนีย์ได้สร้างปรากฏการณ์ความประทับใจมากมายให้กับคนทั่วโลก ด้วยเบื้องหน้าฉากแอนิเมชั่นที่เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้ทุกวัย แถมบางเรื่องก็บทดีและล้ำลึกมากๆ

แม้เบื้องหน้าจะดูเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นโลกสดใส สตอรี่เกี่ยวกับเด็กๆ หน่อย แต่เบื้องหลังของแต่ละเรื่องก็น่าตกใจไม่น้อย แบบชนิดที่ว่าคล้ายจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้จริง แต่ก็เกิดขึ้นไปแล้ว…

 

 

1. ผู้ให้เสียงเจ้าชายอีริคและผู้ให้เสียงเจ้าหญิงแอเรียล มีอายุห่างกันถึง 12 ปี

 

ในตอนนั้น Christopher Daniel Barnes ผู้ให้เสียงเจ้าชายอีริค มีอายุเพียงแค่ 16 ปี ส่วน Jodi Benson ผู้ให้เสียงเจ้าหญิงแอเรียลมีอายุ 28 ปี (ซึ่งในเรื่องแอเรียลมีอายุแค่ 16 ปี ในขณะที่เจ้าชายอีริคจะมีอายุมากกว่า)

 

2. เสียงของ Natalie Portman เคยถูกนำมาใช้ในขั้นตอนร่างกำเนิดราพันเซล

https://www.tumblr.com/artoftangled/34013596788/pencil-test-for-rapunzel-jin-kim-graphite

 

ในขณะที่ราพันเซลออกฉายไปทั่วโลก ผู้ให้เสียงราพันเซลคือ Mandy Moore แต่รู้หรือไม่ว่าในขั้นตอนการร่างแอนิเมชั่นได้นำเสียงของ Natalie Portman จากเรื่อง Closer มาใช้ในซีนบีบคั้นอารมณ์ด้วย

 

3. Billy Crystal คือตัวเลือกแรกที่จะมาให้เสียง Buzz Lightyear แต่ปฏิเสธไม่รับ

 

“มันเป็นการตัดสินใจที่ผมเสียใจที่สุดในวงการธุรกิจ” Billy Crystal ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่แล้วก็ได้รับโอกาสครั้งที่สองด้วยการมาเป็นผู้ให้เสียง Mike Wazowski ใน Monster Inc. ของค่าย Pixar แทน

 

4. Barbie เกือบได้มามีส่วนร่วมใน Toy Story ภาคแรก แต่บริษัทแม่ Mattel ไม่ยอม

 

ในสคริปต์ต้นฉบับของ Toy Story ภาคแรก Barbie จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับ Woody แต่ทางด้านบริษัท Mattel กลับปฏิเสธข้อเสนอ และไม่อยากให้นำ Barbie ไปปรากฏตัวในภาพยนตร์ทุกเรื่อง ด้วยเหตุผล “อยากให้เด็กผู้หญิงปฏิบัติตัวตามที่ตัวเองต้องการ”

แต่สุดท้ายก็กลับลำมายื่นข้อเสนอให้ Barbie มาโผล่ในภาค 2 และ 3 จนได้

 

5. เฉินหลง เป็นทั้งผู้ให้เสียงและร้องเพลงในแอนิเมชั่น โฉมงามกับเจ้าชายอสูร เวอร์ชั่นภาษาจีน

 

ถึงแม้เฉินหลงจะมีบุคลิกบทบาทในโลกภาพยนตร์บู๊ต่อยตี แต่สำหรับงานด้านให้เสียงและร้องเพลงก็ดีไม่แพ้กันเลยล่ะ

 

6. เพลง Do You Wanna Build a Snowman? เกือบจะถูกตัดออกจากภาพยนตร์

 

จากตอนแรกที่มีอยู่ ก็ถูกตัดออก แล้วก็ใส่กลับเข้ามาใหม่ จากนั้นก็โดนตัดออกอีกครั้ง เพราะเพลงมันช้าเกินไปสำหรับการเปิดดำเนินเรื่อง จนกระทั่งการตัดต่อขั้นตอนสุดท้ายก็ถูกนำมาใส่

Kristen Bell ผู้ให้เสียงอันนากล่าวเอาไว้ว่า “มันยังไม่ถูกเอากลับมาใส่จนกระทั่งชั่วโมงต้องมนตร์สุดท้าย ก่อนที่เราจะตัดสินใจปล่อยมันออกไป”

 

7. และเรื่องทำนองเดียวกันก็เกิดขึ้นกับเพลง Part Of Your World ใน The Little Mermaid ด้วย

 

ในช่วงทดลองฉายภาพยนตร์ มีเด็กชายคนหนึ่งทำป๊อปคอร์นหกกระจายกลางเพลง จนทำให้ Jeffery Katzenberg (ผู้บริหารดิสนีย์ในเวลานั้น) สรุปเอาเองว่า เพลงมันน่าเบื่อเกินไปสำหรับเด็ก จนทำให้สูญเสียความสนใจในส่วนนี้ไป อย่างไรก็ตาม ทางทีมงานพยายามยื้อให้เก็บเพลงนี้ไว้ และมันก็อยู่อย่างนั้น

 

8. ช่วงทดลองฉายให้ผู้ชมเรื่อง Aladdin หลังจบฉากเพลง Friend Like Me ไม่มีใครปรบมือให้เลย ทีมงานจึงใส่ป้ายปรบมือเป็นการกัดตัวเอง

 

ตามธรรมเนียมของละครเวทีบรอดเวย์จะมีการปรบมือหลังจบเพลง แต่สำหรับผู้ชมที่ได้ชมรอบทดลองของ Aladdin ไม่มีใครประทับใจกับฉากดังกล่าวเลยสักคนเดียว และหลังจากการทดลองหลายรอบ ทีมงานก็เลยใส่ป้ายปรบมือมาในฉากเป็นมุกตลกเล็กๆ น้อยๆ

 

9. Sean Connery ตัวพ่อหนังบู๊อีกราย ที่เกือบจะได้มาเป็นมูฟาซา

 

ผู้รับบทเป็นมูฟาซา พ่อของซิมบ้าก็คือ James Earl Jones แต่ในช่วงกำลังแคสหาผู้ให้เสียง Sean Connery นั้นได้รับพิจารณามาเป็นอันดับต้นๆ จนเกือบจะได้ตัวมาแล้ว แต่ทีมงานก็เลือก Jones มาในที่สุด รวมไปถึง Eddie Murphy ก็เคยถูกเสนอบทของทีโมนด้วย

 

10. ดิสนีย์เคยถูกนักชีววิทยาด้านไฮยีน่า (หมาใน) ฟ้องร้อง เพราะให้เป็นตัวร้ายดูนิสัยไม่ดี!?

 

ในช่วงที่กำลังวิจัยและศึกษาพฤติกรรมของหมาในสำหรับแอนิเมชั่น Lion King ทีมนักวิจัยหวังว่าทางทีมงานของดิสนีย์จะนำเสนอในด้านดีๆ ของหมาในให้โลกได้เห็น

แต่หนังกลับยกให้เหล่าหมาในเป็นตัวร้าย และอาจส่งผลทำให้พวกมันจะได้รับอันตรายจากมนุษย์ ทำให้หนึ่งในนักวิจัยทำการฟ้องร้องดิสนีย์ในเรื่องของการบิดเบือนตัวละคร และฟ้องร้องในนามของหมาในด้วย

 

11. Patrick Stewart (ศาสตราจารย์ X) เคยถูกทาบทามให้มารับบท จาฟาร์ ในเรื่อง Aladdin

 

ศาสตราจารย์ X เคยได้รับเลือกเป็นอันดับต้นๆ ให้มาเป็นตัวร้ายในเรื่องนี้ แต่เขากลับปฏิเสธไปเพราะตอนนั้นรับงานจากเรื่อง Star Trek: The Next Generation ไปก่อนแล้ว (ปล. จาฟาร์ นั้นเป็นตัวละครที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก มาเลฟิเซนต์)

 

12. Phil Collins จดคอร์ดเพลง You’ll Be In My Heart บนเศษกระดาษห่อของขวัญ

 

Phil Collins กำลังนั่งแต่งเพลง You’ll Be In My Heart ในระหว่างเล่นเปียโนของเพื่อนบ้าน และช่วงนั้นก็เป็นช่วงคริสต์มาสพอดี เขาเกรงว่าจะลืมคอร์ดของเพลง จึงคว้าเศษกระดาษห่อของขวัญมาจดคอร์ดเอาไว้ จนนำมาสู่เพลงสุดแสนจะกินใจในเรื่อง Tarzan

 

ที่มา: buzzfeedohmy.disney, screenrant, abcnews, businessinsider, businessinsider, cracked, cosmopolitan

Comments

Leave a Reply